เล่ห์รักลวง (สามีรับจ้าง) *สนพ.เขียนฝัน*

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 1 : มืดแปดด้าน

ตอนที่ 1

มืดแปดด้าน

รถเฟอรารี่สีดำที่มีคนนำมาจอดไว้เมื่อหลายวันก่อนถูกขับออกจากสนามบินเมืองลาสเวกัส เมืองแห่งบาปที่เจ้าของรถหรูอย่างเคเลอร์ วิล ดาเวนพอร์ต หนุ่มนักธุรกิจชื่อดังของนิวยอร์กเลือกมาพักร้อนยาวพร้อมกับมาดูธุรกิจคาสิโนที่เขาได้รับรายงานจากผู้ดูแลว่าตอนนี้กำลังประสบปัญหาเรื่องมีลูกค้าขาจรบางกลุ่มบางคนมาเล่นสกปรกในบ่อนของเขา

ตระกูลดาเวนพอร์ตหันมาจับธุรกิจด้านมืดนี้เมื่อหลายปีก่อน หากแต่ด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาลและการบริหารจัดการที่ดี ทำให้คาสิโนที่ซื้อต่อและทำท่าจะไปไม่รอดฟื้นตัวกลายเป็นคาสิโนที่ขึ้นชื่อว่าหรูหราครบวงจรไม่แพ้คาสิโนชื่อดังอื่นๆ ในลาสเวกัสได้ในเวลาไม่นาน และการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดดนี้ก็ก่อให้เกิดปัญหาตามมาอย่างที่กำลังประสบอยู่ในขณะนี้ โดยคู่แข่งส่งคนมาเล่นสกปรกเพื่อทำลายชื่อเสียงและฐานความน่าเชื่อถือของลูกค้า ที่มีทั้งขาจรและขาประจำที่เป็นเมมเบอร์ ทั้งนี้ด้วยเหตุและผลทั้งมวลที่พอจะคิดได้คงเป็นเพราะคาสิโนของเขาไปข้ามหน้าข้ามตาคาสิโนที่อื่นๆ เข้า จนเป็นเหตุให้เกิดการหมั่นไส้

ปัญหานี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรก หากแต่ระยะหลังๆ มานี้มันเกิดขึ้นค่อนข้างบ่อย แต่ทุกครั้งที่ผ่านมาเขาคิดว่ามันแค่เล็กน้อยธรรมดาของการพนัน และอาจจะมีการตักเตือนบ้างไม่ได้ลงโทษหนักหนาหรือเด็ดขาด พวกมันถึงฮึกเหิมกล้าส่งคนมาลองของอยู่เรื่อยๆ เห็นทีคราวนี้คงต้องมีการเชือดไก่ให้ลิงดูเสียแล้วจะได้หลาบจำเสียบ้าง



ภายในคอนโดมิเนี่ยมระดับกลางในลาสเวกัส ร่างบางบอบของอนามิกา อักษรจัญจ์หรือน้องนาง นั่งเอามือปาดน้ำตาที่รื้นขึ้นไม่ให้ไหลอยู่บนเตียงนอนอย่างหนักและคิดไม่ตก ต้นเหตุก็มาจากเธอเพิ่งวางสายจากป้าซึ่งเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ได้พักใหญ่แล้ว หากแต่คำสารภาพแบบหมดเปลือกของนางยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทว่า โฉนดที่ดินทั้งหมดซึ่งก็หมายถึงทรัพย์สินทั้งหมดของครอบครัวที่มีอยู่ ณ ตอนนี้ ถูกผู้เป็นป้าทยอยเอาไปจำนองไว้กับเสี่ยปล่อยเงินกู้นอกระบบคนหนึ่งรวมยอดทั้งหมดแล้วเป็นจำนวนเงินสูงถึง 2 ล้านบาท แต่เงินทุกบาททุกสตางค์ถ้าเอาไปทำอะไรสักอย่างที่มันจำเป็นหรือมีประโยชน์สักนิดเธอจะไม่เสียใจเลย แต่นี่ป้าของเธอเอามันมาผลาญหมดไปกับพนันบอล พนันบอลที่เธอเองไม่เคยรู้เลยว่าคนเป็นป้าเล่นและเล่นมานานเท่าไหร่แล้ว

แล้วจะทำยังไงต่อไปดีล่ะ เจ้าหนี้ก็เร่งรัดจะเอาเงินเพราะป้าของเธอไม่ได้จ่ายต้นจ่ายดอกมา 2 เดือนแล้ว เล่นก็มีแต่เสียกับเสีย ในที่สุดก็อับจนหมดหนทางจึงจำต้องโทร.มาสารภาพพร้อมกับขอความช่วยเหลือ ตอนนี้ภาระอันหนักอึ้งจึงตกมาที่เธออย่างเลี่ยงไม่ได้ ถามว่ามีเงินไหมเธอมีแต่ก็แค่หลักแสนในขณะที่ยอดหนี้มันหลักล้าน และไม่ใช่แค่ล้านเดียวแต่มันมากถึง 2 ล้าน ทำยังไงล่ะทีนี้ เธอมาที่ลาสเวกัสก็เพื่อมาเที่ยวพักผ่อนสมองหลังจากโดนจ้างออกจากงานที่ทำมาหลายปีดีดักด้วยจำนวนเงินก็เยอะพอตัวรวมหลายๆ อย่างเข้าด้วยกันก็ตกหลายแสนบาท ตอนแรกคิดว่าจะหางานทำทันที แต่คิดไปคิดมาตั้งแต่เรียนจบเธอก็ทำงานตลอดไม่เคยได้หยุดหรือไปเที่ยวพักผ่อนที่ไหนยาวๆ เลยสักครั้ง บวกกับอรณีเพื่อนสนิทที่ได้สามีเป็นชาวต่างชาติและได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ลาสเวกัสถาวรได้ติดต่อพูดคุยกันมาโดยตลอดรู้เข้า เลยชวนไปเที่ยวที่นั่นแถมยังใจดีออกค่าตั๋วเครื่องบินให้ครึ่งหนึ่ง เพราะคุณเธอถูกรางวัลอะไรสักอย่างไม่ใช่รางวัลใหญ่แต่ก็ได้เงินมาไม่น้อยเหมือนกัน ด้วยความชอบของฟรีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วบวกกับความตั้งใจที่จะไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง อนามิกาจึงไม่คิดจะปฏิเสธเดินเรื่องไปเที่ยวตามคำเรียกร้องของเพื่อนรักทันที

แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่วางแผนเอาไว้ หลังจากมาเที่ยวชมเมืองที่ไม่รู้หลับอย่างลาสเวกัสได้ไม่ถึงอาทิตย์ อรณีที่ทำงานเป็นพนักงานร้านอาหารไทยเพื่อฆ่าเวลาจนกว่าจะมีโซ่ทองมาคล้องใจ และได้ใช้เวลาในช่วงกลางวันและวันหยุดพาเธอเที่ยว ก็มาลองชวนเธอไปทำงานที่ร้านด้วยเพราะคนกำลังขาด และด้วยความงกนิดๆ เมื่อได้ยินรายได้ ที่พอคำนวณออกมาเป็นเงินไทยแล้วเยอะกว่าเงินเดือนจากที่ทำงานเก่าเสียอีกบวกกับอยากจะมีประสบการณ์ เธอจึงไปสมัครตามคำชักชวนของเพื่อนรักและก็ได้ทำงานตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา จวบจนวันนี้ก็เกือบหนึ่งเดือนเข้าไปแล้ว และอีก 2 เดือนวีซ่าท่องเที่ยวของเธอก็จะหมดลง แต่ก็ดันมีเรื่องหนี้จำนวนมหาศาลเกิดขึ้น เงินในบัญชีโอนให้คนเป็นป้าก็คงไม่พอ และทางเดียวที่จะมีเงินใช้หนี้จนหมดก็คือเธอต้องทำงานที่นี่ต่อไป แต่มันก็มีปัญหาที่เธอถือวีซ่าท่องเที่ยวที่ใกล้จะครบกำหนดกลับในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม

“โอ๊ย! กลุ้ม…หัวจะระเบิดอยู่แล้ว”

อนามิกาสบถดังลั่นห้อง ขยี้ผมดำขลับของตัวเองแรงๆ ขณะที่ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงขนาดกลาง พลางกรอกสายตาไปมาก่อนจะถอนหายใจไล่ความสุขที่มีเพียงน้อยนิดให้มลายหายไปกับอากาศ คิดยังไงก็คิดไม่ออก เธอจะทำอย่างไรดี ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันหยุดงานแทนที่จะได้พักผ่อนกลับมีเรื่องให้คิดไม่หยุดไม่หย่อน เวรกรรมอะไรของเธอนักหนาเนี่ย

ก๊อกๆ ก๊อกๆ ก๊อกๆ

“น้องนาง...น้องนาง”

เสียงเคาะประตูหนักๆ พร้อมเสียงเรียกจากอรณีที่ออกไปช็อปปิ้งกับสามี โดยที่เธอรับอาสาเฝ้าห้องเอง ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้คู่สามีภรรยาได้สวีทกันตามลำพังบ้าง หลังจากที่เธอมาอาศัยอยู่ที่นี่ทั้งสองแทบจะไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังเลย ทำให้อนามิกาสะดุ้งหลุดจากภวังค์ความคิด รีบผุดลุกขึ้นเดินไปที่ประตูพลางลูบหน้าตัวเองแรงๆ

“มาแล้วจ้า…กลับมาแล้วเหรอเร็วจัง”

“อื้อ…ไปเร็ว ฉันซื้อเค้กที่แกชอบมาฝากและที่สำคัญแกต้องมาช่วยฉันทำอาหารเที่ยงด้วย นี่ฉันอุตส่าห์ซื้อของสดกลับมาทำอาหารไทยที่ห้องเพื่อแกเลยนะเนี่ย”

อรณีเอ่ยก่อนจะเข้าไปลากร่างบางของเพื่อนรักไปที่ห้องครัว ที่มีคุณหมอหน้าตาใจดีและอบอุ่นกำลังแกะเค้กช็อกโกแลตมาใส่จาน หลังจากที่เก็บเนื้อและผักสดต่างๆ เข้าตู้เย็นเรียบร้อยแล้ว

“คุณน้องเชิญนั่งครับ ผมกับอรซื้อเค้กที่คุณชอบมาฝาก ร้านนี้อร่อยมาก”

คุณหมอแจ๊คหันไปพูดกับเพื่อนภรรยาด้วยรอยยิ้ม ซึ่งอนามิกาก็พยายามฉีกยิ้มให้ดูสดใส

“ขอบคุณค่ะ”

บอกก่อนจะนั่งลงตักเค้กใส่ปาก ขณะเคี้ยวก็หันไปยิ้มและพยักหน้าให้กับเพื่อนรักและสามีอย่างบอกว่ามันอร่อยจริงด้วย จากนั้นอนามิกาไม่รู้ตัวหรอกว่าเธอนั้นตักเค้กใส่ปากเพียงแค่อีกคำสองคำก็ตกอยู่ในอาการเหม่อลอย ใช้ส้อมเล็กๆ ในมือจิ้มๆ เค้กในจานจนพรุน จนทำให้อรณีกับสามีที่ถามหรือชวนคุยก็ไม่มีการตอบกลับเริ่มจับสังเกตได้ และก็เป็นอรณีที่เรียกเพื่อนรักที่นั่งเหม่อหวังจะถามไถ่อย่างเป็นห่วง

“ยัยน้อง…ยัยน้อง”

เงียบไม่มีการตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น อนามิกายังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง จนกระทั่ง

“ยัยน้องนาง!”

อรณีตัดสินใจลุกขึ้นไปเขย่าร่างบางพร้อมกับตะโกนเรียกข้างหู เท่านั้นแหละคนเหม่อลอยถึงกับสะดุ้งสุดตัว จนเผลอสะบัดส้อมในมือทิ้ง ดีที่อรณีไวพอที่จะหลบทันไม่งั้นคงโดนทิ่ม

“อะ…อะไรเหรอ แกถามอะไรฉันนะยัยอร โทษทีไม่ทันฟัง”

บอกพลางยิ้มแหยๆ ก้มลงไปเก็บส้อมขึ้นมาวางบนโต๊ะ ขนมที่ชอบทานแทบจะไม่อยากกลืนลงท้อง มันตื้อไปหมด อรณีเห็นอาการของเพื่อนรักแล้วต้องถอนหายใจก่อนจะขยับเก้าอี้มานั่งข้างๆ

“แกมีอะไรหรือเปล่าทำไมใจลอยได้ขนาดนี้”

“ปะ…เปล่านี่ ฉันสบายดี”

ปฏิเสธเสียงสูงแต่ก็ไม่กล้าสบตาที่หรี่มองอย่างรู้ทันของอรณี

“ฉันไม่เชื่อ ถึงฉันกับแกจะไม่ได้อยู่ด้วยกันมานานหลายปี แต่แกอย่าลืมสิว่าแกกับฉันโตมาด้วยกัน แกเป็นยังไงทำไมฉันจะไม่รู้ อาการเหม่อลอยและปากแข็งว่าไม่มีอะไรของแกนี้แหละมันเหมือนมีกระดาษที่เขียนคำว่าฉันกำลังมีปัญหาแปะอยู่ที่หน้าผากแก…บอกมาแกมีปัญหาอะไร”

อนามิกากลืนน้ำลายลงคอมองหน้าเพื่อนที่กำลังเลิกคิ้วรอคอยคำตอบอย่างใจจดจ่อ ก่อนจะหันไปมองคุณหมอแจ๊คที่นั่งส่งยิ้มอบอุ่นมาให้พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการบอกว่าให้เธอเล่าปัญหาของตัวเองออกมาเถอะ เอาล่ะในเมื่อคนทั้งสองอยากรู้เพราะเป็นห่วงอยากให้เล่าเธอก็จะเล่า อย่างน้อยก็อาจจะมีไอเดียดีๆ ในการแก้ปัญหาบ้างก็ได้

“ป้าฉันโทรมาสารภาพว่า…ท่านแอบเอาโฉนดที่ดินทั้งหมดไปจำนองกับเสี่ยเกษมเพื่อเอาเงินไปเล่นพนันบอลจนหมด และตอนนี้เขามาทวงหนี้เพราะป้าฉันไม่ส่งต้นส่งดอกเขามา 2 เดือนแล้วถ้าไม่ส่งเดือนนี้อีกมีหวังที่ดินหลุดลอยไม่มีแม้ที่ซุกหัวนอนแน่ๆ”

อรณีที่รู้จักครอบครัวของอนามิกาดีฟังแล้วถึงกับอ้าปากค้างกะพริบตาปริบๆ อย่างตกใจและไม่อยากจะเชื่อว่าป้าผู้แสนดีของเพื่อนรักจะเล่นพนันบอล

“ฉะ…ฉันช็อกนะแก เล่นเอาพูดไม่ออก ไม่อยากจะเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ แล้วป้าแกเอาเงินเขามาเท่าไหร่ล่ะ”

ถามพร้อมกับภาวนาว่าอย่าให้เป็นอย่างที่เธอคิดเลย เพราะแม้ครอบครัวของอนามิกาจะไม่ได้ร่ำรวยมากแต่ก็พอมีที่ดินอยู่บ้างสองสามที่ ถ้าเอาโฉนดที่ดินทั้งหมดไปจำนองหมดนั่นมันก็คงได้เงินค่อนข้างเยอะอยู่ แต่ดูเหมือนคำภาวนาของเธอจะไม่ได้ผลเมื่อเห็นอนามิกาเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่นพร้อมก้มหน้า แล้วบอกยอดเงินเสียงแผ่ว

“สองล้าน”

เงียบ บรรยากาศในห้องครัวเงียบกริบชนิดที่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหายใจของกันและกัน สองสามีภรรยาหันมามองหน้ากันก่อนจะหันไปมองอนามิกาอย่างเห็นใจ และสุดท้ายก็เป็นอรณีเอ่ยทำลายความเงียบ

“มันเยอะจนแทบกลั้นหายใจ แล้วแกคิดจะทำยังไงล่ะน้องนาง เงินไม่ใช่น้อยๆ นี่ป้ารักแกเล่นหนักขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”

“คงเล่นหวังจะเอาคืนแหละ แต่ยิ่งเล่นก็ยิ่งเสียยิ่งจม สุดท้ายเงินจำนวนมหาศาลก็สูญ…ฉันคิดว่าก่อนอื่นคงต้องโอนเงินในบัญชีไปให้แกไปใช้ในส่วนที่ค้างเอาไว้เสียก่อน จากนั้นฉันคงต้องทำงานทยอยส่งกลับไปใช้หนี้…นี่ยัยอรคุณหมอฉันอยากจะอยู่ทำงานที่นี่ต่อ ถ้ากลับเมืองไทยตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะหางานได้หรือเปล่า และไม่รู้ว่าได้เงินเดือนมากพอที่จะแบ่งมาใช้หนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้”

อนามิกาบอกอย่างกลุ้มใจไม่รู้จะจัดการอย่างไรดีกับชีวิตที่ต้องเปลี่ยนแปลงชั่วพริบตา จากที่แค่จะมาเที่ยวและลองทำงานเล่นๆ ฆ่าเวลากลับกลายต้องจริงจังกับมันขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“แกก็ทำไปสิเจ้าของร้านเขาก็ไม่ได้ว่า เขายังไม่รู้นี่ว่าแกจะอยู่ที่นี่แค่ 3 เดือน…”

อรณีพูดเองก็อึ้งเอง ก่อนจะหันขวับไปมองเพื่อนรักที่มองมาแล้วพยักหน้าอย่างต้องการบอกว่านั่นแหละคือปัญหา

“ฉันลืมนึกไปว่าแกถือวีซ่าท่องเที่ยว กำหนดอยู่ที่นี่ได้แค่ 3 เดือน เอาไงดีคุณหมอช่วยคิดหน่อยสิ…บินกลับเมืองไทยแล้วขอเข้าเมกาอีกที ฉันว่าไม่มีทางแน่ๆ เปลืองค่าเครื่องด้วย”

อรณีบ่นพึมพำพลางใช้มือลูบคางอย่างใช้ความคิด คิดแล้วก็คิดอีก คิดอยู่นาน จนคุณหมอแจ๊คที่นั่งเงียบมาตลอดแสดงความคิดเห็นบ้าง

“ถ้าคุณน้องอยากอยู่ที่นี่นานๆ และถูกกฎหมายนะ…มีทางเดียวคือจดทะเบียนสมรสกับคนที่นี่ แน่นอนต้องเป็นคนอเมริกัน เหมือนอรไง พอได้กรีนการ์ดก็สบายแล้ว หรือมีทางออกที่ดีกว่านี้ครับ”

คุณหมอแจ๊คหันไปถามภรรยาสาวที่อ้าปากค้าง อย่างคนเพิ่งจะนึกถึงวิธีที่สามีบอก ใช่มันยังมีวิธีนี้อีกวิธีหนึ่งนี่นา แม้มันจะไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องนักก็ตาม แต่ตอนนี้ใช่จะมีทางเลือก

“ใช่ๆ…อย่างที่คุณหมอบอกนะแก รู้สึกว่าวิธีนี้เขาจะนิยมทำกัน มีทั้งที่จดทะเบียนสมรสจริงๆ และจ้างจด…แล้วแกมาอยู่ที่นี่ปิ๊งป๊างหนุ่มอเมริกันบ้างเปล่า ถ้าเกิดมี แกปิ๊งเขาเขาปิ๊งแกและคิดจริงจังจับเขาจดทะเบียนสมรสไปเลยเป็นไง”

“พูดง่ายนะแก...แกอยู่กับฉันเกือบจะตลอดเวลาแล้วแกเห็นฝรั่งหน้าไหนมาสนใจฉันไหมล่ะ”

คนถูกถามส่ายหน้าหวือ แต่ก็แอบมีข้อโต้แย้งเล็กน้อย

“นั่นเพราะแกไม่สนใจมากกว่า อย่างจอห์นไง มองตามแกตาละห้อย”

อรณีหมายถึงเพื่อนร่วมงานผู้ชายคนหนึ่ง ที่แสดงออกว่าสนใจเพื่อนรักของเธออย่างออกนอกหน้า แต่ทว่าสาวเจ้ากลับไม่เล่นด้วย หนุ่มฝรั่งนามว่าจอห์นเลยได้แค่มองตามอนามิกาตาละห้อย ไม่กล้าจะแหยมเพราะเคยโดนหญิงสาวตบหน้าหันมาแล้ว หลังจากที่บังอาจมือไวลามปามถึงเนื้อถึงตัว

“ฮึ! ไอ้ผู้ชายขี้หลีปากว่ามือถึงพรรค์นั้นน่ะเหรอ ฝันไปเถอะว่าจะได้เห็นขาอ่อนฉัน”

ว่าพลางสะบัดหน้าพรืด คิดถึงฝรั่งหน้าจืดอย่างจอห์นเข้ามาบอกว่าชอบ ก่อนจะพยายามบังคับจูบเธอตอนที่เข้ามาทำงานได้ไม่ถึงอาทิตย์แล้วอารมณ์มันพุ่งปรี๊ดทุกที ไม่เข้าใจผู้ชายพวกนี้จริงๆ ทำไมถึงกล้าทำอะไรอย่างนี้ คิดว่าผู้หญิงง่ายทุกคนหรือไงกัน

“แต่นอกจากจอห์นแล้วก็มีลูกค้าที่ร้านหลายรายไม่ใช่เหรอที่ให้ทิปแกพร้อมนามบัตรน่ะ”

อรณีพูดอย่างที่รู้และเห็นบ่อยครั้ง แต่อนามิกาก็หาเหตุผลมาแย้งอีกจนได้

“เชื่อสิ มีแต่พวกจอมเจ้าชู้หนีเมียมาหลีสาวหรือไม่ก็พวกหัวงูทั้งนั้นแหละแก”

เอ่ยจบอนามิกาก็หันามองหน้าเพื่อนสนิท แล้วสองสาวก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ในเมื่อเป็นอย่างนี้ก็เหลืออีกทางเลือกหนึ่ง ที่ไม่รู้จะเวิร์คหรือเปล่า

“ถ้าอย่างนั้น แกก็ต้องจ้างผู้ชายอเมริกันสักคนมาจดทะเบียนสมรสด้วยแล้วล่ะ”



ร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมสันที่ดูสดชื่นขึ้น หลังจากมาถึงคอนโดเขาก็จัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดเดินทางเป็นเสื้อยืดกางเกงยีนเก่าๆ อย่างที่ชอบใส่แล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กบางเฉียบแต่ราคาแพงระยับมากดรับ ขณะที่อีกมือกำลังสาละวนอยู่กับการใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดเรือนผมสีน้ำตาลที่เพิ่งสระเสร็จใหม่ๆ

“ไงวะ โทรจิกยังกับเมีย”

เคเลอร์เอ่ยแซวลูคัส เทมเพสต์ ที่เป็นทั้งหุ้นส่วนและเพื่อนรัก ทั้งนี้ยังรับหน้าที่ทำงานแทนเขาในช่วงพักร้อนยาวร่วมกับเอลีเนอร์น้องสาวต่างมารดาของเขาเสียงกลั้วหัวเราะ ทำให้ต้นสายรีบสวนมาด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ

“นี่ถ้าน้องสาวแกไม่มาแง้งๆ ให้โทรหาแกนะ จ้างฉันก็ไม่โทรให้เปลืองเวลาเปลืองค่าโทรศัพท์…”

ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบประโยค โทรศัพท์ก็ถูกเปลี่ยนมือไปอยู่ในมือของคนที่เขาบอกว่ามาแง้งๆ ด้วยการแย่งไปหน้าตาเฉย

“พี่เค…ถึงที่พักแล้วเหรอคะ”

เอลีเนอร์กรอกน้ำเสียงหวานๆ ติดจะอ้อนนิดๆ อย่างที่ชอบทำเวลาจะขออะไรจากคนในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือพี่ชาย ดังนั้นมันจึงทำให้ปลายสายตอบกลับพลางยิ้มใส่โทรศัพท์อย่างรู้ทัน

“เพิ่งมาถึงได้สักพัก…แล้วให้ลูคัสโทร.หาพี่มีอะไรหรือเปล่า”

สิ้นเสียงถามจากผู้เป็นพี่ชายเอลีเนอร์ก็ร่ายยาว พูดโน่นนี่นั่นถามไปเรื่อยเปื่อยจนสุดท้ายจึงวกเข้ามาที่จุดประสงค์จริงๆ

“พี่เค...เอลีนขอเบอร์มือถือเบอร์นี้กับที่อยู่ที่ลาสเวกัสหน่อยสิ เผื่อเอลีนทนคิดถึงพี่ไม่ไหวจะได้โทร.หาหรือไม่ก็ไปหาถึงที่เลย”

“ไม่!”

เคเลอร์ตอบแบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ถ้าใครได้ยินคงคิดว่าอะไรแค่เบอร์โทรศัพท์ก็หวงน้อง แต่ที่จริงไม่ใช่เลย เขามีโทรศัพท์สองเครื่อง เครื่องแรกเขาไว้ใช้ทั่วไปเรียกได้ว่าแจกทุกคนที่รู้จักและจะปิดเครื่องทันทีที่ได้เวลาพักร้อนยาว ก่อนจะหันไปใช้อีกเครื่อง และเป็นเครื่องที่เขาใช้ติดต่อเฉพาะกับคนในครอบครัวหรือคนสนิท และคนเหล่านั้นก็คือพ่อ แม่ และลูคัสเท่านั้น ส่วนเอลีเนอร์เป็นกรณียกเว้น ถึงจะเป็นน้องสาวแต่เขาไม่คิดจะให้เบอร์โทรศัพท์เครื่องนี้ ทั้งนี้ก็เพราะถ้าให้ไปแล้ว เขารู้ดีว่ามันจะเผื่อแผ่ไปถึงเพื่อนของน้องสาวอย่าง ‘ซาร่า’ นางแบบสาวที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดัง อีกทั้งในช่วงระยะเวลาหนึ่งเขาและเธอเคยคบกัน แต่ผ่านไปไม่กี่เดือนก็ต้องเลิกรากันไป เพราะไปกันไม่ได้ในหลายๆ เรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคิด การใช้ชีวิตและอีกหลายๆ อย่างที่แม้จะพยายามปรับจูนแล้วแต่ก็ดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์ ทั้งนี้คงเป็นเพราะเขาปรับอยู่ฝ่ายเดียวด้วยล่ะมั้งเลยไม่ได้ผล อีกทั้งการคบในครั้งนั้นเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกพิศวาสในตัวซาร่ามากมาย แต่ติดที่ว่าเอลีเนอร์ขอร้องและคะยั้นคะยออยากให้พี่ชายกับเพื่อนรักที่หลงรักพี่ชายของตัวเองลงเอยกัน เขาก็เลยยอมใจอ่อนลองคบๆ ไป สุดท้ายก็ไม่รอด

ทว่าการเลิกราครั้งนั้นซาร่ากลับไม่ยอมรับและไม่ยอมเลิกรา ยังคอยตามเกาะแกะและเที่ยวบอกคนอื่นรวมไปถึงนักข่าวไปทั่วว่ายังเป็นแฟนกับเขาอยู่ เขาซึ่งเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคนรู้จักและเป็นเพื่อนรักของน้องสาวจึงนิ่งเฉยไม่ตอบโต้ให้เสียหน้า และเมื่อเป็นอย่างนั้นไม่ว่าจะเป็นความสงบสุขหรือความเป็นส่วนตัวก็อย่าหวังว่าจะมี หากนางแบบสาวรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ดีไม่ดีพรุ่งนี้อาจจะโผล่มาเคาะประตูหน้าห้องก็เป็นได้

“พี่เค เอลีนเป็นน้องสาวพี่นะคะ และเอลีนพยายามขอเบอร์มือถือเบอร์นี้ทั้งกับพี่และคุณพ่อคุณแม่มานานมาก...แต่ไม่มีใครยอมให้เอลีนเลยสักคน แต่กับลูคัสที่เป็นแค่เพื่อนพี่กลับให้เขาเฉยเลย”

“เราน่าจะรู้ดีว่าเพราะอะไร เอาเป็นว่าถ้าอยากติดต่อพี่ให้บอกลูคัสแล้วกัน”

“งั้นที่อยู่ก็ได้”

เธอยังไม่เลิกตื๊อ

“ไม่ พี่ต้องการความเป็นส่วนตัว แค่นี้นะ...ขอพี่คุยกับลูคัสหน่อย”

“แต่พี่คะ”

“เอลีเนอร์ ปุษยา”

เอลีเนอร์รู้ดีว่าถ้าพี่ชายเรียกชื่อตัวเองอย่างนี้แสดงว่าอีกฝ่ายเริ่มที่จะไม่พอใจแล้ว ดังนั้นเธอจึงคืนโทรศัพท์ให้กับเจ้าของ แล้วเดินออกจากห้องไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง

“ว่าไง”

ลูคัสทักขึ้น

“ก็เรื่องเดิม แกห้ามใจอ่อนให้เบอร์โทรและที่อยู่ฉันกับยัยเอลีนเด็ดขาด เข้าใจไหม”

“รู้น่า...ไปถึงที่โน่นเรื่องคาสิโนแกคิดว่าจะทำไง”

ลูคัสเปลี่ยนโหมดหันมาคุยเป็นงานเป็นการ

“ช่วงแรกคิดว่าคงต้องแฝงตัวเข้าไปเป็นลูกค้าดูลาดเลาก่อนกันพลาด เมื่อรู้ตัวว่ามันเป็นใครค่อยจัดการถอนรากถอนโคนทีเดียว”

เคเลอร์บอกเสียงเหี้ยมนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มแข็งกร้าวขึ้นทันที

“โอเค ตามนั้นต้องการความช่วยเหลืออย่าลืมรีบโทร.มาบอก แล้วก็ระวังตัวด้วยล่ะ”

“แล้วอีกเรื่อง เรื่องที่คาสิโนมีปัญหาแม่บุษกับยัยเอลีนต้องไม่รู้นะ เพราะแกก็รู้ดีใช่ไหมว่าสองคนนี้ไม่เห็นด้วยกับการทำธุรกิจด้านนี้”

เคเลอร์ย้ำเรื่องที่เขาเป็นห่วงที่สุด เพราะถ้าขืนแม่กับน้องสาวรู้ปัญหามีหวังโดนสั่งให้วางมือแน่ๆ และถ้าแม่บุษได้เอ่ยปากขึ้นมา แม้แต่พ่อของเขาที่ว่าแน่ก็ไม่กล้าขัด

“รู้น่า แค่นี้นะมีงานมีการต้องทำ ไม่ได้ว่างขนาดไปเข้าคาสิโนได้เหมือนใครบางคน”

“เอ้อ ขอบใจ ทำงานให้ดีล่ะ เดี๋ยวจะหาสาวๆ ที่ลาสเวกัสไปฝากสักคน แค่นี้แหละหิว ไปหาอะไรกินก่อน”

วางสายเสร็จชายหนุ่มก็โยนผ้าเช็ดตัวลงตะกร้าอย่างแม่นยำ ใช้มือปัดผมให้เข้าทรงลวกๆ จากนั้นจึงเดินไปหยิบกระเป๋าเงินมายัดลงกระเป๋ากางเกงพร้อมกับโทรศัพท์ ก่อนจะเดินผิวปากออกจากห้องลงไปหาอะไรใส่ท้องประทังความหิว ที่ซุปเปอร์มาเก็ตใกล้ๆ ฝากท้องกับอาหารแช่แข็งสักมื้อ แต่คิดไปคิดมาซื้อตุนติดห้องไว้หน่อยก็ดีตู้เย็นจะได้ไม่โล่งจนเกินไป

*************************************

ขอบคุณทุกคอมเม้นทุกโหวตนะคะ ^_^



เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ม.ค. 2555, 22:48:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 มิ.ย. 2555, 16:51:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 3277





   ตอนที่ 2 : ผู้ชายหน้าไม่อาย >>
panon 6 ม.ค. 2555, 08:58:04 น.
วุ้ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆมาแย้ววววววววววววววเรื่องใหม่


ลูกกวาดสีส้ม 6 ม.ค. 2555, 09:43:42 น.
คนนี้รึเปล่าที่เป็นเนื้อคู่อ่ะ


nutcha 6 ม.ค. 2555, 10:10:01 น.
จะเป็นกำลังใจให้นะค่ะ


anOO 6 ม.ค. 2555, 19:06:59 น.
คนอ่านก็ไม่เคยไปต่างประเทศซะด้วยสิ คู่นี้คงเป็นเบอร์หนึ่งใช่ไหมค่ะ
แล้วให้คู่กัดเค้าเป็นเบอร์สองกัน


muLaTAE 9 ม.ค. 2555, 12:58:27 น.
เป็นกำลังใจให้ค่ะ


nunoi 9 ม.ค. 2555, 15:17:53 น.
กำลังสนุกเชียว


จ๊ะจ๋า 27 ก.พ. 2555, 02:45:19 น.
ค่าเครื่องไปกลับเมกาก็เป็นแสนแล้ว ถ้าหาเงินจ่ายค่าเครื่องได้ เอาไปจ่ายหนี้ดีกว่าค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account