มาเฟียร้ายพ่ายไฟรัก
'ฟรานเชสโก้ การ์เซียโน่' มาเฟียหนุ่มตระกูลดังแห่งอิตาลีผู้ที่มีหัวใจเย็นชาแข็งกระด้างดั่งหินผา ไม่คิดปรารถนาจริงจังกับผู้หญิงคนไหน...แต่เพราะการแกล้งจองที่พักให้เขาผิดของน้องเขยจอมหื่น ทำให้ชีวิตเขาต้องมาพัวพันกับ 'ลียา' ตำรวจสาวแสนเชยอาชีพที่เป็นปฏิปักษ์กับเขาอย่างที่สุด.....แต่จะทำยังไงดีเขาดันเป็นโรคแพ้สาวสะโพกกลมนมโต แล้วยัยตำรวจสุดเชยนี่ก็เข้าคอนเซป จนเขาคิดอยากจะกักเก็บเธอเหวี่ยงลงกลางเตียงทุกวินาที!!
Tags: มาเฟียร้ายพ่ายไฟรัก ลดา ลัลลดา แก้วจอมขวัญ
ตอน: ตอนที่ 1...มาเฟียตกอับ
บทที่ 1...มาเฟียตกอับ
อากาศในช่วงเวลาบ่ายแก่ ๆ ของเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ตเต็มไปด้วยความร้อนอบอ้าว ทำให้เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นตามหน้าผากและขมับของร่างสูงที่ก้าวลงจากรถแทคซี่มายืนมองสิ่งก่อสร้างตรงหน้า ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาดั่งเทพบุรุษนั้นดูไม่สบอารมณ์ แว่นตากันแดดยี่ห้อดังถูกมือหนากระชากออกอย่างหงุดหงิดเผยให้เห็นดวงตาคมกริบสีบรั่นดีที่ทอประกายขุ่นคลัก เขาเขม่นมองสิ่งก่อสร้างตรงหน้าสลับกับก้มลงมองชื่อที่พักกับที่อยู่ในมือหลายต่อหลายครั้ง
นี่น่ะหรือที่พักที่ดีที่สุด...
ฟรานเชสโก้ การ์เซียโน่ หันเงยหน้าขึ้นมอง ‘ โรงแรมห้าดาว ’ ในความคิดของตนเองก่อนหน้าที่จะมาถึงอีกครั้ง ที่ในตอนนี้จากที่พักระดับห้าดาวกลับกลายเป็นกระท่อมโกโรโกโสหลังกระทัดรัดติด ๆ กันสี่ห้าหลัง ชายหนุ่มอ่านชื่อตรงหน้าซ้ำ ๆ อยู่หลายรอบ และเมื่อเห็นว่าตรงกันทุกตัวอักษรกับในกระดาษที่ตัวเองถืออยู่ก็หันไปถามคนขับแทคซี่ที่เพิ่งจะยกกระเป๋าเดินทางขนาดกลางของตนเองออกจากท้ายรถเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“แน่ใจนะว่าที่นี่” เสียงห้วนไม่สบอารมณ์พยายามพูดภาษาอังกฤษให้ช้า ๆ ชัด ๆ เพราะกลัวอีกฝ่ายจะฟังผิด พลางยื่นใบจองที่พักในมือให้คนขับแทคซี่ดูอีกครั้ง
“แน่นอนที่สุดครับมิสเตอร์ มิสเตอร์อ่านชื่อในใบจองกับป้ายหน้าบังกะโลสิครับ เนี่ยบังกะโลเติมรัก โน้นก็บังกะโลเติมรัก” คนขับแทคซี่ใช้นิ้วจิ้มกระดาษในมือดังปึก ๆ จนกระดาษแทบจะทะลุ เพราะเริ่มจะหงุดหงิดที่ผู้โดยสารร่างยักษ์ถามเซ้าซี้คำถามเดิมหลายต่อหลายรอบ เงินก็ไม่ยอมจ่ายสักทีเขาเลยไปไหนไม่ได้ “แต่ถ้าไม่แน่ใจมิสเตอร์ก็เดินเข้าไปถามพนักงานข้างในสิครับ แต่จ่ายเงินค่าแทคซี่มาก่อน มันนี่น่ะมันนี่” หนุ่มใต้หน้าเข้มแบมือตรงหน้าร่างสูง พลางย้ำประโยคสุดท้ายเสียงดัง
ตาคู่คมสีบรั่นดีตวัดมองหน้าคนพูด ทำให้ปากที่กำลังอ้าของหนุ่มใต้ปิดลงฉับ ผงะก้าวถอยหลังไปสองก้าวพลางส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้ ทำมือทำไม้ไปว่า ‘ โอเคผมรอได้ ’เพราะตกใจกับสายตาคมกริบที่ขุ่นมัวจนหลงลืมภาษาอังกฤษที่ใช้หากินไปเสียแล้ว
ฟรานเชสโก้กระชากใบจองที่พักกลับมาอย่างหงุดหงิด พลางคิดไปถึงหน้าคนที่รับอาสาจัดการให้ นี่เขาถูกไอ้น้องเขยจอมหื่นนั่นเล่นงานเข้าแล้วใช่ไหม เขาอุตส่าห์วางใจให้ภาคินทร์น้องเขยหมาด ๆ ที่ไม่ค่อยจะอยากได้นักจัดการเรื่องที่พักให้ ทั้ง ๆ ที่บอกไปแล้วว่าต้องการโรงแรมที่หรูที่สุดดีที่สุด เพราะเขามาพักผ่อนก็อยากจะอยู่ในที่ที่สะดวกสบายมีการบริการที่ดีที่สุด แต่ไอ้น้องเขยจอมหื่นนั่นมันกลับมาจองที่พักสัปรังเคแบบนี้ให้เขา
อย่าให้กลับไปเจอนะ พ่อจะส่งลูกตะกั่วให้เป็นการขอบคุณจนหมดแม็ก!!
ฟรานเชสโก้ยืนสบถสาปส่งน้องเขยยาวเหยียด จากนั้นจึงหันไปกระชากกระเป๋าเดินทางที่คนขับแทคซี่นำมาวางไว้ใกล้ ๆ เดินย้ำเท้าหนัก ๆ ออกไป จุดหมายคือส่วนหน้าของบังกะโล คิดไว้ว่าจะเข้าไปเช็คอินเข้าพักที่นี่สักคืนแล้วพรุ่งนี้ค่อยเปลี่ยนไปพักโรงแรมอย่างที่ต้องการ เพราะตอนนี้อากาศที่ร้อนอบอ้าวทำให้เขาอยากจะอาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่นแล้วนอนพักสักนิด
“เอ่อ...มิสเตอร์ครับ คือ...ช่วยจ่ายเงินค่าโดยสารให้ผมด้วยเถอะครับ ผมต้องรีบกลับไปเข้าคิวรอรับผู้โดยสารที่สนามบินต่อน่ะครับ” หนุ่มขับแทคซี่เอ่ยเรียกอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ พร้อมกับตั้งท่าเตรียมวิ่งหากว่าหนุ่มหล่อร่างยักษ์ที่ย้ำเท้าโครม ๆ แผ่รังสีอำมหิตจากไปนั้นโมโหแล้วกระโจนใส่
ฟรานเชสโก้หยุดชะงัก หันขวับกลับไปมองตามเสียงเรียก และใบหน้าเขาคงจะดูดุดันหน้ากลัวเกินไปหน่อย ทำให้คนขับแทคซี่เผลอก้าวถอยหลังบอกกับตัวเองว่าไม่องไม่เอามัรแล้วดีไหมเงิน เพราะดูท่าจะไม่คุ้ม
“โทษที”เขาเดินย้อนกลับไปหาคนขับแทคซี่ที่เริ่มหน้าซีดเพราะก้าวขาไม่ออกเหตุจากความกลัว ก่อนจะล้วงกระเป๋าสตางค์หนังสีดำใบหรู หยิบแบงค์พันส่งให้ห้าใบ “ไม่ต้องทอน” บอกเสร็จฟรานเชสโก้ก็เดินไป ทิ้งให้หนุ่มใต้หน้าเข้มยืนทำตาโตกับเงินในมือ เพราะไม่คิดว่าหนุ่มหล่อร่างยักษ์ที่ท่าทางโหด ๆ จะใจป้ำจ่ายค่าโดยสารให้หลายเท่าอย่างนี้ นอกจากจะไม่ตายแล้วยังได้ลาภอีกเว้ยเฮ้ย
คนขับแทคซี่หน้าเข้มมองตามแผ่นหลังกว้างไปจนอีกฝ่ายเดินหายเข้าไปในสำนักงามของบังกะโลเล็ก ๆ ตรงหน้า บอกตัวเองว่าจะขอจดจำใบหน้าหนุ่มหน้าโหดแต่แอบใจดีได้ไม่ลืม
เห็นใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ขาด ๆ ก็นึกว่าฝรั่งขี้นก ที่ไหนได้รวยไม่ใช่เล่น
++++++++++
นี่แค่น้ำจิ้ม ถ้าอยากจะเห็นทั้งภาพและเสียงพรุ่งนี้บ่ายสองมาที่บังกะโลเติมรัก หมายเลข 5
มือบางกำโทรศัพย์มือถือสีขาวรุ่นใหม่ล่าสุดแน่นจนแทบจะหักคามือ หลังจากอ่านข้อความและดูภาพนิ่งที่ส่งเข้ามาจากหมายเลขคุ้นเคยซ้ำอีกครั้ง ก่อนจะหยิบกระเป๋าผลุนผลันลุกออกไปเมื่อเหลือบมองนาฬิกาตรงข้อมือแล้วเลยเวลาที่บอกมาในข้อความเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว
ลียาโยนกระเป๋าคู่กายเข้าไปในรถ จากนั้นก็ก้าวขึ้นนั่งประจำตำแหน่งคนขับ ติดเครื่องขับออกไปด้วยความเร็วสูง สมองสับสนตีกันวุ่นวายไปหมดกับสิ่งที่ได้รับรู้ แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอ ‘ ได้ข่าว ’ ว่าพิพัตรสามีทางนิตินัยหมาด ๆ ที่เพิ่งจะจดทะเบียนสมรสกันไปเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา และกำลังจะมีงานแต่งงานใหญ่โตหรูหราตามมาในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้านอกใจแอบขายขนมจีบใครต่อใคร โดยเฉพาะกับสาวแผนกธุรการประจำกองปราบ แต่ทุกครั้งจะมีเพียงแค่คำบอกเล่าและเสียงเตือนจากคนนั้นคนนี้เท่านั้น เธอเลยไม่เก็บมาใส่ใจนักตราบใดที่เขายังใส่ใจดูแลเธอเหมือนเดิม และก็เพราะความช่างเอาอกเอาใจและปากหวานของพิพัตรนั่นแหละที่ทำให้เธอตกหลุมรักยอมแอบที่บ้านไปจดทะเบียนสมรสด้วย เพราะที่บ้านของเธอคัดค้านเรื่องการแต่งงานของเธอกับพิพัตรมาตลอด และตอนนี้มารดาเธอก็ยังไม่หายโกรธถึงจะจำใจยอมอนุญาติให้จัดพิธีแต่งงานแบบเร่งด่วนในอีกสองอาทิตย์ถัดไปก็ตาม
แม้คนรอบข้างจะพร่ำเตือนอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะญาติสนิทของเธอเองที่เรียนด้วยกันกับพิพัตรมาตั้งแต่โรงเรียนนายร้อย แต่เธอก็คาดหวัง...หวังว่าหลังจากแต่งงานแล้วพิพัตรจะเลิกนิสัยเจ้าชู้ประตูดินได้ หากแต่ในตอนนี้เธอเริ่มจะคิดว่าตัวเองนั้นคิดผิด เพราะผ่านไปแค่เพียงอาทิตย์เดียวหลังจากจากลงชื่อเป็นสามีภรรยากันตามกฏหมายพิพัตรก็สวมเขาให้เธอเสียแล้ว
เกือบยี่สิบนาทีหลังจากนั้น เสียงเบรกก็ดังลั่นหน้าทางเข้าบังกะโลขนาดเล็กที่เงียบสงบอยู่ในส่วนท้ายของหาดป่าตอง ชายหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดภูเก็ต ก่อนที่ร่างบางระหงของหญิงสาวในชุดกระโปรงยิปซียาวกร่อมเท้าสีเขียวอ่อนกับเสื้อแขนตุ๊กตาสีขาว สะพายกระเป๋าผ้าฝ้ายสีน้ำตาลอ่อนจะก้าวลงจากที่นั่งคนขับ พนักงานประจำบังกะโลส่วนหน้ามองเจ้าของสลับกับรถสปอร์ตสีแดงเพลิงคันหรูพลางส่ายหน้า
รถกับเจ้าของช่างไม่เข้ากันเอาเสียเล้ย...
รถรึก็ออกจะหรูหราปราดเปรียวเสียขนาดนั้น แต่คนขับกลับเป็นแค่ผู้หญิงเฉิ่ม ๆ ใส่แว่นสีดำกรอบใหญ่หนาเตอะ แม้จะสูงหุ่นดีและมีผิวขาวละเอียดผุดผ่องมาแต่ไกลจนน่าอิจฉาก็เถอะ แต่ถึงในใจจะคิดแบบนั้นแต่ใบหน้าของพนักงานสาวกลับยิ้มแย้มต้อนรับตามหน้าที่
“มาติดต่อห้องพักหรือคะ ตอนนี้เหลืออยู่หลังเดียวพอดีเลยค่ะ”
“เปล่าหรอกค่ะ พอดีมาหาเพื่อนที่มาพักอยู่ที่นี่น่ะค่ะ ไม่ทราบว่าบังกะโลหมายเลข 5 อยู่ทางไหนคะ” ลียาถามด้วยรอยยิ้มแม้ในใจตอนนี้จะเดือดเป็นไฟแล้วก็ตาม
“อ้าว เหรอคะ เดินไปทางซ้ายมือนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะพาไปค่ะ” เอ หมายเลข 5 เป็นของแขกประจำที่มักจะมาพรอดรักกันทุกอาทิตย์นี่นา แล้วน้องเฉิ่มคนนี้เป็นเพื่อนฝ่ายไหนกันล่ะถึงได้มาตอนเขากำลังสวีตกันอยู่ พนักงานสาวผิวเข้มคิดอย่างสงสัย เพราะคุ้นเคยกับแขกประจำทั้งสองที่มักจะมาค้างที่นี่ประจำในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ทุกครั้งก็ไม่เห็นจะมีใครมาหา ตาคมเข้มแบบสาวใต้เหลือบมองดูคนถามอีกครั้งอย่างสงสัยใคร่รู้
“ไม่ต้องหรอกค่ะ พอดีนัดกันไว้แล้ว เดี๋ยวดิฉันเดินไปเองได้ ขอบคุณนะคะ” บอกขอบคุณเสียงหวาน ก่อนจะเดินไปตามทางที่พนักงานสาวบอก และเมื่อเดินลับจากสายตาอยากรู้อยากเห็นของพนักงานสาว จังหวะที่ก้าวเดินอย่างเรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ ก็เปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นตามจังหวะหัวใจที่ร้อนรน
เธอจะทำใจได้ไหมกับภาพที่จะเจอต่อจากนี้ และหลังจากนั้นล่ะเธอจะทำอย่างไรกับชีวิตคู่ที่ยังไม่ทันจะเริ่มต้น ลียาถามตัวเองในใจขณะที่เดินมาหยุดอยู่หน้าประตูบังกะโลขนาดกระทัดลัดที่อยู่ริมสุด
ตัวบังกะโลฉาบด้วยปูนสีขาวทั้งหลัง มีบรรไดเตี้ย ๆ สามขั้นเป็นทางขึ้นสู่บ้านพัก ลียาก้าวเดินขึ้นไปจนไปหยุดอยู่หน้าประตู่ไม้สีขาวสีเดียวกับตัวบ้าน ยืนชั่งใจอยู่ว่าจะทำยังไงดีระหว่างเคาะเรียกให้คนข้างในมาเปิด กับพังประตูเข้าไปไม่ให้คนข้างในได้ทันตั้งตัว
แต่เหนือสิ่งอื่นใด...เธอพร้อมที่จะเผชิญกับสิ่งที่กำลังจะปรากฏต่อหน้านี้หรือไม่
ขณะที่กำลังคิดตัดสินใจอยู่ว่าจะทำอย่างไรดีนั้น เสียงแว่ว ๆ ที่ดังลอดผ่านช่องประตูออกมาให้ได้ยินก็ทำให้ลียาตัดสินใจได้ ดวงตาเรียวยาวสีน้ำตาลอ่อนที่ล้อมรอบด้วยขนตาหนาเป็นแพรปิดลง ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นในขณะที่สองมือก็จิกเล็บลงกลางฝ่ามืออย่างพยายามสะกดกั้นอารมณ์ ก้าวขาถอยหลังออกมาจากนั้นก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ซึมซับทุกสิ่งที่ได้ยินเพียงตอกย้ำความเจ็บปวดให้หัวใจได้จดจำ
“พีทขา...แนตจะขาดใจตายอยู่แล้ว...”เสียงครวญครางเหมือนจะขาดใจดังก้องบังกะโลหลังเล็กที่กำลังโหมกระพือด้วยเพลิงพิศวาส เพราะเธอหวังว่าไม่นาทีใดก็นาทีหนึ่งคงจะมีใครบางคนได้ยินอย่างที่เธอตั้งใจให้เป็น“พีทขา...รักแนตหรือเปล่าคะ...” ยกสองมือโน้มลำคอเขาลงมา ก่อนจะผลักร่างสูงให้นอนลงแล้วพลิกตัวเองขึ้นอยู่เหนือร่างสูง
“...รักสิครับ...รักมากจนแทบอยากจะ...กลืนกินแนตทั้งตัวเลยล่ะครับ...” สายตาที่ลุกโชนไปด้วยเพลิงพิศวาสมองจ้องทรวงอกอวบที่เคลื่อนไหวไปตามจังหวะการเคลื่อนตัวของเจ้าของ ก่อนจะยกมือขึ้นบีบเคล้าจนร่างอวบอิ่มสั่นสะท้าน
สองร่างเกี่ยวกระหวัดกอดรัดเพื่อที่จะพากันและกันเข้าสู่ฝั่งฝันที่อยู่ไม่ไกล จนเมื่อพายุพิศวาสสงบลง ร่างอวบอิ่มเย้ายวนที่นอนซบอยู่บนร่างหนาก็ยันตัวขึ้น ก่อนจะเอ่ยถามเสียงหวาน
“ถ้าพีทรักแนต แล้วลียาล่ะคะ พีทรักมันมากกว่าแนตหรือเปล่า” ปลายเล็บที่เคลือบด้วยสีแดงสดกรีดไปตามแผงอกกำยำช้า ๆ อย่างยั่วยวน กับดวงตาที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วอารมณ์เสน่หาทำให้คนมองรั้งลำคอระหงลงมา มอบจุมพิตหนัก ๆ ให้ก่อนจะตอบกลับเสียงนุ่มทุ้มอย่างเอาใจ
“ไม่ที่รัก ไม่เคยรัก ผมรักแค่แนตคนเดียว หรือต้องให้ผมพิสูจน์อีกรอบ หืม” ปากร่ายน้ำคำหวานฝ่ามือหนาก็ลูบไล้แผ่นหลังนวลเนียนอย่างปลุกปั่น
“ไม่รักแต่พีทก็กำลังจะแต่งงานกับมัน” สาวร่างอวบอิ่มบอกเสียงกระเง้ากระงอดอย่างไม่พอใจนัก
“โธ่ แนตครับ คุณก็รู้ว่าผมแต่งงานกับลินเพราะอะไรนี่ครับ”
“หมายความว่าแนตก็ต้องยอมเป็นตัวสำรองให้พีทเวลาพีทต้องการแค่นั้นใช่ไหมคะ” น้ำเสียงเศร้าลึกพร้อมกับที่ใบหน้าสวยคล้ายจะร้องไห้ ทำให้อีกฝ่ายรีบปลอบ
“แค่ไม่นานเท่านั้นครับที่รัก ถ้าผมบรรลุเป้าหมายเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นคุณก็จะกลายมาเป็นตัวจริงคนเดียวของผมตลอดไป...ไม่เอาน่าที่รัก อย่าพูดถึงยัยเฉิ่มเชยจืดชืดอย่างนั้นให้เสียอารมณ์ดีกว่า มีอย่างอื่นให้เราทำตั้งเยอะ” ปากหวานปลอบไป แต่ในใจแล้วพิพัตรรู้ดีว่าลียาที่ใคร ๆ ก็บอกว่าเฉิ่มเชยนั้นแท้จริงแล้วสวยแค่ไหน
ผลั๊วะ !!
“งั้นหรือคะพีท...ฉันจืดชืด เฉิ่มเชย ทำให้คุณเสียอารมณ์ขนาดนั้นเลยหรือคะ”
เสียงราบเรียบดังขึ้นหลังจากที่ประตูถูกพังเข้ามาอย่างแรง ดวงตาเรียวสวยใต้แว่นสายตากรอบหนาทอประกายปวดร้าวทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า ก่อนหน้านี้ที่ได้ยินเสียงรำพันพร่ำรักของสามีตามกฏหมายกับผู้หญิงอีกคน ลียาก็เจ็บแสนเจ็บจนแทบจะทรงตัวยืนไม่อยู่ หากมันกลับเทียบไม่ได้เลยกับตอนนี้ที่เห็นภาพร่างเปลือยเปล่าของคนทั้งคู่ที่นอดกอดรัดกันอยู่
ตำตาตำใจ...เจ็บจนหัวใจแทบจะแตกสลาย..เจ็บจนแทบห้ามน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว...แต่ก็ต้องทนฝืนไว้
“ลิน!!” พิพัตรเรียกชื่อผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาตามนิตินัยเสียงดังอย่างตกใจ หลังจากหายจากอาการตกตะลึง รีบลุกพรวดขึ้นคว้าเสื้อคลุมที่ตกอยู่ข้างเตียงมาสวม ก่อนจะก้าวเข้าไปหา “...ลินมาได้ยังไงครับ” ลียามาที่นี่ได้ยังไงกัน ไหนบอกว่ายังทำเรื่องย้ายมาอยู่ภูเก็ตไม่เสร็จไง บ้าเอ้ย แล้วนี่จะทำยังไงดีวะเนี่ย
“มายังไงไม่สำคัญหรอกค่ะ แต่ตอนนี้ฉันว่าคุณแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วค่อยออกไปคุยกับฉันข้างนอกจะดีกว่า อ่อ เธอด้วยนะนิชามล ฉันจะได้ทำเรื่องยกสามีให้เธออย่างเป็นทางการเสียเลย” ตอบกลับราบเรียบ พร้อมกับสรรพนามแทนตัวเองกับอีกฝ่ายที่เปลี่ยนไป
“เดี๋ยวครับลิน ผมอธิบายได้นะ คือ...เอ่อ...” พิพัตรพยายามจะสรรหาคำพูดมาแก้ตัว หากหลักฐานคาตาขนาดนี้ทำให้เขาไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาอธิบาย ได้แต่เอื้อมมือไปจับมือบางไว้ แต่ก็ถูกอีกฝ่ายสะบัดออกอย่างไม่ใยดี
“พีทคะ ไหนว่าไม่รักมัน แล้วทำไมพีทถึงทำท่าทางจะงอนง้อมันอย่างนี้ล่ะคะ” นิชามลลุกจากเตียงเดินมาคว้าแขนชายคนรักไว้ ไม่มีความรู้สึกอายหรือขัดเขินสักนิดที่เนื้อตัวเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ปกปิด พลางส่งสายตาชิงชังไปให้ผู้หญิงอีกคน “เธอก็เห็นแล้วนะว่าฉันกับพีทมีความสัมพันธ์กันยังไง พีทเขารักฉัน ไม่ได้รักยัยเฉิ่มเชยอย่างเธอ เพราะฉะนั้นยกเลิกงานแต่งงานซะ”
“เงียบน่าแนต!!” เมื่ออารมณ์พิศวาสมอดดับ พิพัตรก็ตวาดใส่นิชามลแตกต่างจากยามรักยามต้องการจากหน้ามือเป็นหลังมือ พลางสะบัดมือออกอย่างไม่สนใจ ก่อนจะหันไปพยายามอธิบายกับลียาอีกครั้ง “มันไม่ใช่อย่างนั้นนะลิน เราคุยกันก่อนนะลินนะ นะครับ” พูดอ้อนเสียงหวานอย่างที่เคยทำประจำยามต้องการงอนง้อหญิงสาว แต่ครั้งนี้ผลที่ได้กลับไม่เป็นอย่างที่หวังเมื่อได้รับเพียงสายตาเฉยชาและน้ำเสียงราบเรียบตอบกลับ
“ฉันว่าคุณเคลียร์กับภรรยาทางพฤตินัยของคุณให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า ส่วนเรื่องของฉันกับคุณไว้ค่อยเจอกันอีกทีที่อำเภอตอนเซ็นใบหย่าเลยแล้วกัน” ลียาไม่คิดจะฟังคำหวานโกหกพกลมอีกต่อไป จากนั้นจึงหันไปทางนิชามลที่ยังคงยืนนิ่งมองหน้าพิพัตรอย่างไม่อย่างจะเชื่อว่าเขาจะกล้าพูดทำร้ายหัวใจให้ได้ยิน
“นั่นสินะ เขาไม่ได้รักยัยเฉิ่มเชยอย่างฉัน แต่อย่างน้อยฉันก็ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมาย ไม่เหมือนเธอที่กินน้ำใต้ศอกถูกตราหน้าว่าเป็นชู้กับสามีชาวบ้านเขา แต่ไม่ต้องกลัวหรอกนะ ผู้ชายคนนี้ฉันจะทำทานยกให้เพราะดูแล้วคนที่บอกว่าตัวเองสวย ๆ อย่างเธอคงจะไปขายเลหลังให้คนอื่นไม่ออกแล้วล่ะ” พูดจบก็หันหลังเดินออกมาทันที แต่ก็เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ถูกพิพัตรตามมาคว้าข้อมือเอาไว้เสียก่อน
“ลินจ๋า ขอให้พีทได้อธิบายสักหน่อยเถอะนะครับ พีทผิดพีทยอมรับแล้ว แต่พีทสัญญาว่ามันจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก อีกอย่างที่พีททำแบบนี้ความจริงก็เพราะลินนะครับ ลินก็รู้ว่าพีทก็มีความต้องการตามประสาผู้ชาย พีททนุถนอมลินยอมตามใจรอลินในวันเข้าหอ แต่ลินก็ต้องเข้าใจนะครับสองปีที่เราคบกันมาถ้าพีทไม่ได้ระบายออกเสียบ้างพีทคงต้องคลั่งตายเพราะลินแน่ ๆ “
“คุณจะบอกว่าที่โกหกฉันว่าเสาร์อาทิตย์นี้ติดงานด่วนแต่กลับมามาพรอดรักกับผู้หญิงคนอื่น เป็นความผิดของฉันหรือคะ?”ลียาถามเสียงหยันพลางต่อว่าตัวเองในใจ อะไรทำให้เธอตาบอดโง่งมงาย หลงรักผู้ชายแย่ ๆ คนนี้จนยอมฝากอนาคตไว้ในมือของเขากันนะ อะไรที่มันมาบดบังไม่ให้เธอเหตุความเลวของพิพัตรตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
ถึงจะรักแต่ศักดิ์ศรีและความถือตัวมีมากกว่า ลียาสะบัดมือออกจากการเกาะกุม ก่อนจะยกขึ้นตวัดลงบนซีกหน้าหล่อเหลาของสามีในนามสุดแรง
“ฉันโง่มามากพอแล้วพิพัตร ความจริงฉันน่าจะรู้มาตั้งนานแล้วว่าที่คุณเข้าหาฉันก็เพราะอยากจะได้ชื่อว่าเป็นญาติสนิทกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อที่จะได้อาศัยบารมีไต่เต้าให้ตัวเองไปสู่จุดหมายที่ต้องการ หึ แต่คุณคงลืมไปว่าต่อให้คุณแสนดีจริง ๆ รักฉันจริง ๆ คุณลุงก็ไม่มีวันจะชอบขี้หน้าและส่งเสริมคุณให้ได้ดีหรอก”น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วลียาว่าพิพัตรคาดหวังอะไรจากเธอ “...แล้วฉันจะนัดวันหย่าอีกที ส่วนเรื่องงานแต่งอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าฉันจะแจ้งกับแขกฝั่งของตัวเอง ส่วนคุณก็แจ้งทางฝั่งคุณเองแล้วกันว่ามันถูกยกเลิก...ถาวร!!”
“ละ ลิน ได้โปรดให้โอกาสผมสักครั้งนะครับที่รัก ผมรักลินจริง ๆ นะครับ ผมจะไม่นอกใจลินอีกแล้ว ขอร้องอย่าโกรธผมเลยนะครับ...นะ” พิพัตรออดอ้อน สวมกอดร่างบางไว้แนบอก “ผมรักลินจริง ๆ ไม่ได้รักแนตอย่างที่บอกเธอไปเมื่อกี้เลยสักนิด” เขาไม่ได้โกหกเพราะกับนิชามลเขาก็แค่ติดใจเพียงแค่เซ็กส์ ซึ่งต่างจากลียาที่เขารักเธอจริง ๆ รักจริงถึงได้ยอมอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ไม่เคยแตะต้องเธอมากไปกว่ากอดจูบ แม้จะจดทะเบียนสมรสกันแล้วแต่เมื่อลียาขอร้องให้ผ่านพิธีแต่งงานอย่างถูกต้องไปก่อนเขาก็ยอมอดทน
แต่เหนือสิ่งอื่นใด เหนือจากความรักที่มีต่อหญิงสาว เส้นสายและอิทธิพลของครอบครัวลียาต่างหากที่เป็นสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด เขาจะปล่อยให้ผู้หญิงที่มีพร้อมทุกอย่าง ผู้หญิงที่สามารถส่งเสริมให้เขาก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เป็นทางผ่านและใบรับประกันชั้นดีต่องานสำคัญที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้ได้อย่างไร
“ปล่อยฉันพิพัตร!!” ลียาสั่งเสียงเข้ม เมื่อไม่สามารถสลัดตัวออกจากอ้อมกอดของพิพัตรได้ มือบางก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพาย หยิบเอาบางอย่างขึ้นมา “ถ้าไม่ปล่อยไส้คุณได้ทะลักคาบังกะโลนี้แน่พิพัตร” มัจจุราชสีดำจ่อเข้ากับสีข้างของร่างสูงที่กอดรัดเธออยู่
พิพัตรชะงัก ก่อนจะค่อย ๆ คลายอ้อมกอดเหลือบตาลงมองมัจจุราชในมือขาวผ่อง เมื่อเห็นนิ้วเรียวสวยขึ้นไกปืนดังกริกพิพัตรก็ปล่อยร่างบางออกทันที พลางก้าวถอยหลังเพราะไม่แน่ใจในอารมรณ์ของลียาในตอนนี้ เขาไม่เคยเห็นลียาในมาดนี้เลยสักครั้ง ตั้งแต่คบกันมาลียาในสายตาของเขามีแต่เรียบร้อยอ่อนหวาน ถึงจะเป็นตำรวจกองปราบแต่ก็อยู่ฝ่ายเอกสารและข้อมูลเสียมากกว่า ไม่มีสักครั้งที่ลียาจะมาถือปืนแล้วพูดเสียงเย็นราบเรียบอย่างในตอนนี้
“...ลิน...วางปืนลงก่อนนะครับแล้วเรามาคุยกันดี ๆ นะ” พิพัตรยกมือทั้งสองข้างขึ้น สบตาเรียวสวยสีน้ำตาลอ่อนอย่างเว้าวอน
“เราจะคุยกันอีกครั้งในวันหย่าเท่านั้นพิพัตร ถอยไปไกล ๆ ไม่งั้นฉันยิงคุณแน่” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนแข็งกร้าวกรุ่นโกรธ เมื่อร่างสูงถอยห่างออกไปลียาก็ก้าวถอยหลังลงบรรไดเตี้ย ๆ ของบังกะโลลงมา ก่อนจะหันหลังเดินแกมวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
เร็วที่สุด ก่อนที่น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้จะไหลรินออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็น แล้วจากนั้นเธอก็คงจะใจอ่อนกับคารมของผู้ชายสารเลวอย่างพิพัตรอีก
++++++++++
ก็โอเค ถึงจะเล็กแต่ก็บรรยากาศดีไม่น้อย แถมยังเป็นส่วนตัวไม่วุ่นวายดี
ร่างสูงที่อยู่ในชุดลำลองสบาย ๆ ด้วยกางเกงขาสั้นลุย ๆ สีเขียวขี้ม้ายาวเลยเข่ามาเล็กน้อยกับเสื้อยืดสีดำสนิทไร้รวดลายใด ๆ พึมพัมกับตัวเอง ขณะกำลังเดินทอดน่องไปตามชายหาดหน้าบังกะโลหลังน้อยของตัวเองด้วยความรู้สึกที่สดชื่นกว่าเมื่อสองชั่วโมงก่อนที่มาถึง ตาคู่คมสีบรั่นดีกวาดมองรอบ ๆ ทะเลสีครามในช่วงเวลาเกือบสี่โมงเย็นทอประกายระยิบระยับจากแสงสุริยันที่สาดส่องลงมากระทบ ตัดกับหาดทรายสีขาวสะอาดตา สายลมพัดเอื่อย ๆ รอบกาย มือหนายกกระป๋องเบียร์ยี่ห้อไทยที่เอามาจากในตู้เย็นในห้องพักขึ้นจิบอย่างผ่อนคลาย แม้ว่าจะร้อนไปนิดสำหรับคนไม่ค่อยคุ้นกับเมืองร้อนอย่างเขา
จะว่าไปบังกะโลเติมรักนี่ก็ไม่ได้โกโรโกโสอย่างที่เขากล่าวหาอย่างในตอนแรกที่มาถึงเสียทีเดียว ตอนที่เปิดประตูบ้านพักหลังเล็กเข้าไป เขาพบว่าภายในห้องนอนเล็ก ๆ นั้นเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันไม่แพ้โรงแรมห้าดาวที่เขาเคยพัก มีแม้กระทั่งอ่างจากุซซี่ นั่นทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย และไหนจะหาดทรายขาวที่ให้ความเป็นส่วนตัวไร้คนพลุกพล่านนี่อีก ดังนั้นตอนนี้ความคิดที่จะเปลี่ยนที่พักของเขาเลยหยุดไว้ก่อนชั่วคราว เปลี่ยนเป็นอยู่ที่นี่จนเบื่อเมื่อไหร่แล้วค่อยว่ากันอีกที ไหน ๆ เขาก็คิดจะพักยาวสองเดือนรวดอยู่แล้วนี่นะ
ฟรานเชสโก้เดินไปเรื่อย ๆ เป้าหมายคือสุดชายหาดของบังกะโลหมายเลขห้า หลังสุดท้ายของบังกะโลเติมรักแห่งนี้ ที่พักของเขาอยู่หมายเลขหนึ่งซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งห่างไกลกับหลังสุดท้ายหมายเลขห้ามากเลยทีเดียว และตอนนี้เขาก็เพิ่งจะเดินเข้ามาในพื้นที่หาดหน้าบังกะโลหมายเลขห้าได้ไม่กี่ก้าว
คิ้วเข้มสีน้ำตาลแก่เช่นเดียวกับสีผมยักศกย่นเข้าหากันนิด ๆ เมื่อทันทีที่เดินเข้ามาในบริเวณบ้านพักหลังสุดท้ายสุดชายหาดแล้วมีเสียงดังโหวกเหวก ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองตามทิศทางของเสียงที่ได้ยิน ฟรานเชสโก้ส่ายหัวอย่างเบื่อหน่ายกับภาพที่เห็น
ผู้ชายแอบมาฟัดกับกิ๊กแล้วเมียดันตามมาเจอ ไอ้หมอนั่นมันโง่จริง ๆ จะนอกใจทั้งทีเสือกให้เมียจับได้
มาเฟียหนุ่มคิดอย่างหยามเหยียด พลางหันหลังเดินกลับไปทางเดิมเพราะหมดอารมณ์ที่จะเดินชมความงามของธรรมชาติเสียแล้ว
“ลิน!! เดี๋ยวก่อนลิน คุยกันก่อนนะครับที่รัก” พิพัตรทำท่าจะวิ่งตามร่างบางของลียาที่เดินแกมวิ่งออกไป แต่แขนก็ถูกมือของนิชามลกอดรัดเอาไว้เสียก่อน
“จะไปไหนคะพีท!! คุยกับแนตให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้เลยนะ ทำไมคุณพูดแบบนั้น ตกลงคุณหลอกแนตใช่มั๊ย!!” นิชามลตวาดเสียงถามหลังจากตามออกมาจากห้องทันได้ยินที่พิพัตรพูดกับลียาพอดี
“ไว้คุยกันทีหลังน่าแนต ปล่อยผม!!” ตวาดเสียงกลับพลางกระชากแขนออกจากการเกาะกุม สำหรับพิพัตรแล้วการง้อนิชามลนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แค่ใช้คำหวาน ๆ กับภาษากายเพียงนิดหญิงสาวก็อ่อนยวบแล้ว ต่างกันกับผู้หญิงอีกคน ลียาไม่เหมือนกันและเขาไม่เคยเห็นลียาโกรธเคืองแบบนี้มาก่อน มันทำให้เขาหวั่น
พิพัตรวิ่งตามลียาออกไปทันที ทิ้งให้นิชามลยืนกระทืบเท้ากรีดร้องอย่างโกรธเคือง ก่อนที่จะวิ่งกลับเข้าไปในห้อง คว้าเดรสสั้นสีแดงเพลิงที่ตกอยู่ข้างเตียงมาสวมลวก ๆ แล้ววิ่งตามคนทั้งสองออกไป
ลียาเปลี่ยนจากเดินเร็ว ๆ เป็นวิ่งเมื่อเห็นว่าพิพัตรวิ่งตามมา ในใจก็อยากจะหันกลับไปลั่นไกปืนในมือใส่ร่างสูงให้สมกับความเลวของเขานัก แต่เยื่อใยรักที่มีต่อเขาทำให้ใจไม่แข็งพอที่จะทำได้
พิพัตรรีบคว้าแขนของลียาไว้เมื่อวิ่งมาทัน ทำท่าจะแย่งปืนในมือของหญิงสาว ลียาเลยใช้มือที่ว่างยกกระเป๋าสะพายใบใหญ่ฟาดใส่ใบหน้าหล่อเหลาของสามีในนามที่กำลังจะกลายเป็นอดีตสามีในไม่ช้าสุดแรง พร้อมกับยกเท้าขึ้นถีบ ทำให้พิพัตรเผลอปล่อยมือบาง เป็นโอกาสให้ลียาเป็นอิสระอีกครั้ง หญิงสาวออกวิ่งไปพลางหันไปมองร่างสูงที่คู้ตัวกุมของสำคัญที่เธอถีบเข้าเมื่อกี้ ทำให้ไม่ทันมองทางข้างหน้า เมื่อหันกลับไปอีกทีก็เห็นแผ่นหลังกว้างของร่างสูงใหญ่โตในระยะประชิดที่ไม่สามารถจะหยุดขาตัวเองได้เสียแล้ว
ปึ๊ก!!
ร่างสูงของฟรานเชสโก้ที่กำลังยกเบียร์ขึ้นจิบเซถลาไปข้างหน้าเพราะถูกแรงกระแทกอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ปกติแล้วคนที่ได้รับการฝึกฝนด้านการต่อสู้ทุกรูปแบบอย่างเขาจะตั้งสติได้รวดเร็วเสมอ เคยถูกปะทะแรงกว่านี้เขายังกลับมาทรงตัวได้ แต่ครั้งนี้ขาแกร่งที่กำลังจะทรงตัวรับน้ำหนักพลิกตัวเองไม่ให้ล้มอยู่นั้น กลับถูกบางอย่างรัดเอาไว้ นั่นทำให้ฟรานเชสโก้เสียหลักล้มลงไป ชายหนุ่มทำได้เพียงแค่พลิกกายให้ล้มลงในท่าหงายหลังเพื่อที่จะตั้งรับการจู่โจมที่จะตามมาหากอีกฝ่ายเป็นศัตรูเท่านั้น
และก็เพราะการพลิกกายกลับอย่างรวดเร็ว จึงทำให้กระป๋องเบียร์ในมือหลุดกระเด็นแต่ไม่ได้กระเด็นตกไปไกล หากแต่ลอยขึ้นแล้วตกลงใส่หน้ามาเฟียหนุ่ม ทำให้ใบหน้าหลอเหลาปานเทพบุตรของฟรานเชสโก้เปียกชุ่มไปด้วยเบียร์ที่เหลืออยู่เกือบครึ่งกระป๋อง แต่มันยังไม่จบแค่นั้นเพราะตัวเขายังได้รับแรงกระแทกจากบางสิ่งที่นุ่มนิ่มแต่หากความเร็วของกระตกกระแทกก็ทำให้มาเฟียหนุ่มจุกไม่น้อย
“เวรเอ้ย!! มึงอยากตายใช่ไหมวะ“ เสียงสบถอย่างหยาบคาย ก่อนที่มือหนาจะดึงกระชากบางสิ่งที่ทับอยู่บนตัวเขาเหวี่ยงลงพื้น ก่อนจะเงื้อกำปั่นหมายจะส่งตรงใส่สิ่งที่จู่โจมเขา
แต่กำปั้นหนัก ๆ ก็ค้างอยู่กลางอากาศห่างจากปลายจมูกเล็ก ๆ ไม่กี่มิล ฟรานเชสโก้ชะงักมือได้ในวินาทีสุดท้าย เมื่อเห็นว่าสิ่งที่จู่โจมเขาเป็น..
ผู้หญิงใส่แว่นกรอบใหญ่หนาเตอะ ดูเชย ๆ คนหนึ่งเท่านั้น
ลียาหลับตาแน่นเตรียมใจรับกับความเจ็บปวดที่จะตามมา แต่ทุกสิ่งกับเงียบสงบไร้ซึ้งความเจ็บใดใด มีเพียงแต่เสียงหายใจแรง ๆ และน้ำหนักของคนที่นั่งคร่อมเหนือร่างตัวเองอยู่เท่านั้น เปลือกตาบางค่อย ๆ เปิดขึ้น ก่อนจะกระพริบตาปริบ ๆ กับภาพที่เห็น...ชายหนุ่มหน้าตาหล่อยิ่งกว่าผู้ชายคนไหนที่เธอเคยพบเจอมา ใบหน้าเปียกซกหากแต่หล่อเหล่าราวกับเทพบุตรนั่นประกอบไปด้วยคิ้วหนาพาดเฉียงสีออกน้ำตาลเข้มเข้ากับผมสีเดียวกัน ดวงตาคมกริบสีบรั่นดีเฉดที่เข้มที่สุดที่ตอนนี้กรุ่นไปด้วยอารมณ์โมโหแต่ก็ฉายแววงุงงงปะปนอยู่ด้วย จมูกโด่งเป็นสันกับริมฝีปากบางเฉียบที่เผยอขึ้นเหมือนจะพูดอะไรออกมา
“ลิน!! เป็นอะไรหรือเปล่า นี่แกลุกออกจากตัวเมียฉันเดี๋ยวนี้นะ!!”
พิพัตรที่ปราดเข้ามาพร้อมกับเสียงถามด้วยความเป็นห่วงหลังจากหายจุก ก่อนจะหันไปตะคอกภาษาอังกฤษใส่ร่างสูงของชายหนุ่มชาวต่างชาติที่คร่อมทับลียาอยู่ พร้อมกับใช้มือผลักอกอีกฝ่ายอย่างแรง แต่ฟรานเชสโก้กลับไม่ขยับหรือล้มลงแม้แต่นิด เขาแค่ยกมือขึ้นจับแขนอีกฝ่ายแล้วผลักออกไป จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนช้า ๆ สายตาสีบรั่นดีที่กรุ่นโกรธไปด้วยเพลิงโทสะยิ่งกว่าเติมจ้องเขม็งไปที่ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มที่ใส่เพียงแค่เสื้อคลุมอาบน้ำสีขาว ที่กำลังยันกายลุกขึ้นจากที่เสียหลักเพราะแรงผลักกลับ
“มึง ไอ้ฝรั่งสถุล มึงผลักกูเหรอ!!” พิพัตรถลาเข้าไปหาเมื่อลุกขึ้นได้
“หยุดอยู่ตรงนั้นนะพิพัตร ไม่งั้นฉันยิงแน่” ลียาตวาดใส่พร้อมกับยกปืนขึ้นขู่ทั้ง ๆ ที่ยังนั่งอยู่กับพื้นแทบเท้าของร่างสูงใหญ่ที่ยืนนิ่งมองพิพัตรดวงตาแข็งกร้าว
“ลิน...” พิพัตรชะงักกึกเมื่อปลายกระบอกปืนในมือลียาเล็งตรงมาทีเขา
“ฉันบอกแล้วว่าเราจะคุยกันอีกทีในวันหย่า ไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้!!” ลียายันตัวลุกขึ้นยืนข้าง ๆ ร่างสูงที่เบนสายตามามองเธอแทน
ฟรานเชสโก้มองผู้หญิงท่าทางเฉิ่มเชยที่ยืนถือปืนเล็งไปที่ ‘ สามี ’ ของเธอด้วยมือสั่น ๆ น้ำตานองหน้า ก่อนจะส่งเสียงบางอย่างในลำคอเมื่อคิดว่ายังไงเสียผู้หญิงคนนี้ก็คงจะไม่กล้าลั่นไกเป็นแน่
“งี่เง่า จะยิงก็ยิงไปเลยสิ เงอะงะอย่างนั้นไอ้หมอนั่นมันคงกลัวเธอหรอก” เสียงห้วนเปรยขึ้นไม่ดังนัก ลียาหันขวับไปมองคนพูดก็เห็นริมฝีปากสวยเกินชายนั้นเหยียดยิ้มอย่างดูหมิ่น รวมถึงสายตาคู่คมสีบรั่นดีนั่นก็มองมาให้ความรู้สึกเช่นเดียวกัน
“ลินจ๋า มาหาพีทคุยกับพีทนะครับที่รัก” พิพัตรยังคงออดอ้อนเสียงหวาน ยิ่งเมื่อเห็นน้ำตาของลียาเขาก็แอบยิ้มอยู่ในใจ ร้องไห้น้ำตานองหน้าอย่างนี้ ยังไงเสียลียาก็ตัดเขาไม่ขาดแน่ ๆ
“แกจะไปไหนก็ไป มายืนทำหน้างี่เง่าอยู่ได้ หรืออยากจะเสือกเรื่องของผัวเมียนักหรือไงกัน” พูดกับลียาจบก็หันไปพูดจาหยาบคายกับฟรานเชสโก้ ใจจริงนั้นพิพัตรอยากจะเข้าไปซัดคืนที่มันผลักเขาเมื่อกี้ แต่ตอนนี้เรื่องของลียาสำคัญกว่า
“มึงว่าใครงี่เง่า!!” มาเฟียหนุ่มเดือดขึ้นทันที เอื้อมมือไปด้านหลังแตะเข้ากับมัจจุราชสีดำที่เอว
“ก็ว่ามึงน่ะสิไอ้ฝรั่งหน้าโง่เอ้ย กูให้โอกาสมึงอีกครั้งนะ ถ้ามึงไม่ไปดี ๆ กูจับมึงยัดเข้าซังเตแน่ มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร!!” พูดข่มขู่พร้อมกับยกมือชี้หน้าอีกฝ่ายหวังใหแกรง แต่ฟรานเชสโก้ก็แค่กระตุกริมฝีปากเหยียด
“แล้วมึงเป็นใครล่ะ พ่อกูหรือถึงเสือกมาสั่ง” เมื่ออีกฝ่ายหยาบคายมา ฟรานเชสโก้ก็หยาบคายกลับ เส้นก็กระตุกอยากจะชักปืนออกมายิงหัวอีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอด
“ไอ้...” พิพัตรหน้าดำหน้าแดงเมื่อกราทำตัว ‘ เบ่ง ’ ของเขาไม่เป็นผลต่ออีกฝ่าย
“พอได้แล้วพิพัตร ฉันบอกให้ไปให้พ้นไง คุณคิดว่าฉันไม่กล้ายิงใช่ไหม!!” ลียาตวาดแทรกขึ้น พลางก้าวขึ้นไปยืนบังร่างสูงของผู้ชายที่ยืนข้าง ๆ สายตาที่มองสบสามีในนามเต็มไปด้วยความผิดหวังชิงชัง ยิ่งได้ยินคำพูดหยาบคายออกจากปากเขาด้วยแล้วลียายิ่งตาสว่าง ที่ผ่านมาเขาไม่เคยหลุดคำหยาบคายให้ได้ยินสักครั้ง แต่พอได้หลุดความเลวออกมาให้รู้ให้เห็นอย่างหนึ่งแล้วความเลวที่เหลือก็ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด
ตาคู่คมของมาเฟียหนุ่มมองร่างบางที่ทำเก่งมายืนทำท่าเหมือนจะปกป้องเขา ทั้ง ๆ ที่บังตัวเขาได้ยังไม่ถึงครึ่งด้วยความรู้สึกแปลกใจ เพราะตั้งแต่เกิดมานอกจากมารดาที่คอยกางปีกปกป้องเขาตอนเด็ก ๆ เขาก็ไม่เคยถูกผู้หญิงคนไหนกางปีกปกป้องอีก
เฮอะ ตัวเองยังจะเอาไม่รอดยังมาทำเป็นเก่ง...ยัยเฉิ่มเอ้ย!!
ฟรานเชสโก้สบถในใจ ก่อนจะเอื้อมมือมาดึงปืนออกจากมือสั่น ๆ ของผู้หญิงตรงหน้า และโดยไม่บอกกล่าว เขายกปืนในมือขึ้น…
ปัง!!
ยิงเปรี้ยงใส่ไหล่ขวาของพิพัตรในชั่ววินาทีโดยไม่ต้องเสียเวลาเล็ง ส่งให้อีกฝ่ายทรุดฮวบท่ามกลางเสียงกรีดร้องของนิชามลที่ยืนอยู่ไม่ไกล ก่อนที่จะถลาเข้าไปประคองพิพัตร ส่วนลียาทำเพียงยกมือขึ้นปิดปากกั้นเสียงอุทานก่อนจะหันไปมองคนที่ส่งกระสุนใส่ร่างของพิพัตร ก็เห็นเขาลดมือลงแต่ยังคงจ้องมองร่างโชกเลือดของพิพัตรด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่สะทกสะท้านสักนิด และเหมือนเขาจะรู้สึกตัวว่าถูกมอง ตาคู่คมสีบรั่นดีคู่นั้นจึงเหลือบมามองสบตากับเธอเข้าพอดี
“มองอะไรยัยเฉิ่ม...เงอะงะงี่เง่าใจเสาะ แต่สะเออะพกปืน” เขายัดปืนใส่มือส่งคืนให้ ก่อนจะเบนสายตาไปยังอีกสองคน คิ้วเข้มเลิกขึ้นข้างหนึ่ง เหยียดริมฝีปากยิ้มก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
“แล้วมึงอยากรู้มั๊ย ว่ากูเป็นใคร”
.......................................................................................
26/12/2011
++++++++++
ไม่รู้ว่าจะมีใครจำพี่ชายสุดโหดมาดเหี้ยมของคุณหนูเอมิเลียของพ่อเลี้ยงภาคินทร์ ใน *เจ้าสาวมาเฟีย* ได้อยู่หรือเปล่านะคะ
แล้วก็มีเปิดเรื่องใหม่อีกเรื่องด้วยค่ะ
เรื่องกรงรักแดนเถื่อน ขอฝากด้วยนะคะ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ม.ค. 2555, 22:45:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ม.ค. 2555, 22:45:18 น.
จำนวนการเข้าชม : 2571
ตอนที่ 2...ถูกใจ...หากจำต้องตัดใจ >> |

ลูกกวาดสีส้ม 9 ม.ค. 2555, 23:23:52 น.
ว้าว...น่าสนุกจังเลยค่ะ
ว้าว...น่าสนุกจังเลยค่ะ

panja 10 ม.ค. 2555, 07:04:14 น.
สนุกจัง รอตอนต่อไปมาไวไวนะคะ
สนุกจัง รอตอนต่อไปมาไวไวนะคะ

Pat 10 ม.ค. 2555, 17:41:41 น.
เริ่มต้นได้น่าติดตามทั้งสองเรื่องเลยค่ะ^___^
เริ่มต้นได้น่าติดตามทั้งสองเรื่องเลยค่ะ^___^