เชลยสิเน่หา
เพราะรอยอดีตทำให้เขาพาตัวเองเข้ามาใกล้เธอ...
และเพราะรัก เขาจึงไม่อาจปล่อยเธอไป...

ในชีวิต ราชิด บินท์ อานาบีย์ ไม่เคยมองหญิงสาวคนใด ผู้หญิงทุกคนแค่เพียงผ่านมาแล้วจากไปอย่างไม่เคยหลงเหลือในความทรงจำ เพราะหัวใจเขามีไว้แค่เพียงเด็กผู้หญิงกำพร้าตัวเล็กๆ คนหนึ่งในอดีตเท่านั้น เขาเฝ้าตามหาเธอเรื่อยมา กี่สิบปีมาแล้วที่ราชิดมีหัวใจไว้แค่เธอ
แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็เกือบคิดว่าตัวเองได้พบกับหญิงสาวในอดีต วริษา... เขาเคยเกือบเชื่อว่าเธอคือลูกแมวที่เขาตามหา ทว่า เมื่อเธอปฏิเสธและลาจากเขาไป เขากลับเจ็บ เจ็บอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ดังนั้นเมื่อชายหนุ่มรู้ว่าเธอคือน้องสาวของผู้ชายที่เป็นหนี้เขา ราชิดจึงไม่ลังเลเลยที่จะอาศัยหนี้ก้อนนี้ดึงเธอให้กลับคืนมา
เพื่อชดใช้หนี้หรือ... เขาเองก็ยังตอบได้ไม่เต็มปากนัก เมื่อเธอนั้นแสนดื้อรั้น ไม่เคยคิดเชื่อฟังเขาเลยสักครั้ง
เพื่อรักหรือ... เขาเองก็ยังลังเล เมื่อเธอไม่ใช่รักแรกและรักเดียวในใจเขา

แต่สิ่งเดียวที่ราชิดรู้คือ เขาไม่ต้องการปล่อยเธอไป ไม่มีวัน!

Tags: ราชิด วริษา ชีค

ตอน: บทที่3 หลอกให้รัก

บทที่3 หลอกให้รัก

แม้ราชิดจะหยอกล้อเธอเช่นนั้น แต่หลังจากขับรถออกมาจากน้ำตกแล้ว เขาก็ไม่ได้กลั่นแกล้งอะไรเธอมากนัก ชายหนุ่มพาเธอตรงมายังทาวน์เวอร์สูงแห่งหนึ่งในฝั่งแคนนาดา ทาวน์เวอร์แห่งนี้มีชื่อเรียกว่า Skylon ถือเป็นภัตตาคารและจุดชมวิวชั้นดีของเมืองแห่งนี้ เพราะเมื่อราชิดจับจูงเธอขึ้นไปจนถึงบริเวณภัตตาคารด้านบนแล้ว สิ่งที่มองเห็นลงมายังพื้นดินเบื้องล่างก็คือน้ำตกไนแองการ่าขนาดใหญ่

“สวยจัง” วริษาแทบจะหยุดหายใจไปกับภาพความงดงามของน้ำตกเบื้องล่าง
“อืม สวยมาก” น้ำเสียงทุ้มตอบเธอกลับมาคล้ายคนเพ้อ
แล้วเมื่อวริษาหันกลับมามองคนข้างกาย หญิงสาวก็จำต้องอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อพบว่า สายตาของราชิดไม่ได้ก้มลงมองน้ำตกเบื้องล่างเลยแม้แต่น้อย หากเขากลับหันมาจ้องเธอเต็มสองตา

“เอ่อ...ฉันว่าทานข้าวกันเถอะค่ะ” หญิงสาวจงใจรีบเปลี่ยนเรื่อง เธอเหลียวมองไปยังภัตตาคารโดยรอบ เป็นกังวลใจอยู่ไม่น้อย แต่ความเกรงใจก็ทำให้เธอเอ่ยปากออกไป “มื้อกลางวันนี้ขอฉันเป็นฝ่ายเลี้ยงคุณนะคะ”
“ทำไมล่ะ” คิ้วดำเข้มเลิกสูง หันมามองคนข้างกายด้วยความแปลกใจ
เรียกว่าเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่เขาได้ยินคำพูดทำนองนี้จากปากของคู่เดต ตั้งแต่ผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วน ไม่เคยมีครั้งใดที่ราชิดจะได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยปากออกค่าอาหารหรือขอจ่ายเงินสำหรับการมาเที่ยวกับเขา

“ก็คุณอุตส่าห์พาฉันมาเที่ยว ทั้งค่าวีซ่า ค่าน้ำมัน แถมยังค่าลงเรือเฟอรี่เมื่อสักครู่ คุณก็ออกให้หมด ฉัน...เอ่อ...เกรงใจค่ะ”
คำตอบของวริษาสร้างความแปลกใจให้ชายหนุ่มไม่น้อย ราชิดก้มลงมองสีหน้าและแววตามาดมั่นของคนตรงหน้า แล้วเกิดความรู้สึกบางอย่าง คล้ายหัวใจพองโตขึ้น

‘เมื่อก่อนยายลูกแมวก็เคยมองเขาแบบนี้ไม่ใช่หรือ สายตาหนักแน่นและท่าทีเม้นปากน้อยๆ บ่งบอกว่าเจ้าตัวจะไม่มีวันเปลี่ยนใจจนกว่าจะได้ในสิ่งที่พอใจ’
“เอาเถอะ ไปทานข้าวกันก่อน ฉันให้เธอเลี้ยงก็ได้” มือหนาแตะลงบนแผ่นหลังบาง ดันร่างน้อยให้เดินไปยังบริเวณโต๊ะอาหารซึ่งถูกกั้นไว้

บริเวณโดนรอบของมุมที่สองหนุ่มสาวทรุดกายนั่งลง ไม่มีแขกคนใดนั่งอยู่เลยสักโต๊ะ ผิดกับบริเวณด้านหน้าที่เธอเดินผ่านเข้ามา แม้วริษาจะแปลกใจหากเธอก็ไม่ได้เอ่ยปากถามสิ่งใดออกไป ตลอดระยะเวลาการนั่งรับประทานอาหาร หญิงสาวรู้สึกตัวเองยิ่งตกหลุดรักชายหนุ่มตรงหน้ามากยิ่งขึ้น
“ลองทานนี่ดู” เสียทุ้มนุ่มเอ่ยถามพร้อมกับยื่นส้อมของตัวเองจ่ออยู่หน้าริมฝีปากอวบอิ่ม
วริษาเม้มริมฝีปากตัวเองแน่น นัยน์ตาหวานเหลือบมองคนตรงหน้าด้วยแววประหม่า

“ฉันทานเองได้ค่ะ” เธอบอกพร้อมกับตั้งท่าจะคว้าส้อมของอีกฝ่ายมาถือไว้
หากมือหนากลับรีบเบี่ยงออก แล้วยื่นชิ้นปลาขนาดพอดีคำมาหาเธออีกครั้ง
“ก็ฉันอยากป้อนเธอนี่” น้ำเสียงดั่งคนเอาแต่ใจยืนยันคำพูดตัวเอง
หญิงสาวเลยทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า การเผยอปากออกรับ ใบหน้ารูปไข่แดงซ่านขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นนัยน์ตาคมยังจดจ้องมายังเธอ วริษาแทบไม่รับรู้รสชาติของเนื้อปลาที่ทานเข้าไปเลย เพราะสิ่งเดียวที่เธอรู้สึกในยามนี้คือ ความร้อนแรงของแววตาคม


หลังการทานอาหารแสนหวานหวาม ราชิดก็ยอมให้เธอจ่ายค่าอาหารเป็นเงินเพียงไม่กี่ดอลล่าร์ที่หญิงสาวมีติดกระเป๋า แม้เธอจะท้วงหนักหนา ด้วยรู้ดีว่าค่าอาหารบนภัตตาคารระดับหรูคงไม่ได้ถูกอย่างที่ชายหนุ่มบอก หากคนตัวโตกว่าก็กลับไม่ยอมผ่อนปรนให้เธอได้เห็นใบเสร็จค่าอาหารกลางวัน

“อาหารแค่นี้ฉันเลี้ยงเธอได้น่า มานี่ดีกว่า มาดูวิวตรงนี้” ชายหนุ่มจงใจเปลี่ยนเรื่องด้วยการจูงมือบาง ลุกออกจากโต๊ะ มาหยุดลงยังกระจกใสด้านข้าง ซึ่งสามารถมองลงไปเห็นทิวทัศน์ของเมืองและน้ำตกเบื้องล่างได้
วริษาแทบจะหยุดหายใจไปกับบรรยากาศแสนหวานที่ตัวเองกำลังเผชิญหน้าอยู่ แม้นัยน์ตาหวานจะยังทอดมองความงดงามของน้ำตกเบื้องล่าง แต่ทุกอณูของร่างกายเธอก็ยังรับรู้ถึงอุ่นไอของคนยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง
ราวหยั่งเชิงในทีแรก เมื่อไออุ่นนั้นเพียงแค่ผะแผ่วอยู่ทางด้านหลัง ก่อนค่อยลามเลียลงมาสวมทับลงบนเอวบาง รั้งคนด้านหน้าให้ทิ้งน้ำหนักตัวเองพิงลงมาหาเขา ตอนนี้วริษาเลยรับรู้ได้ถึงความอุ่นอันแข็งแกร่งของผู้ชายตัวโตที่โอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขน

“น้ำฝน เธออยู่ส่วนไหนของเมืองไทยเหรอ” จู่ๆ ราชิดก็ถามขึ้น หลังจากต่างฝ่ายต่างเงียบกันไปพักใหญ่
“ก็กรุงเทพฯ ค่ะ”
“ส่วนไหนล่ะ” ราชิดซักไซ้ต่อ เขาอยากจะมั่นใจว่าหลังเธอกลับเมืองไทยไปแล้ว เขาจะมียังสามารถติดตามอีกฝ่ายได้
วริษาบอกชื่อถนนแห่งหนึ่งในกรุงเทพให้อีกฝ่ายฟัง เห็นเพียงการพยักหน้า ไม่บ่งบอกว่าชายหนุ่มรู้จักถนนสายนี้ในกรุงเทพฯมากน้อยเพียงใด

“อีกไม่นานฉันอาจจะเดินทางไปเมืองไทย เราจะพบกันอีกใช่ไหม”
นั่นเกือบจะเป็นคำถาม หากแววตามุ่งมั่นของชายตรงหน้ากลับทำให้วริษารู้สึกว่าคำพูดของราชิดเป็นคำบอกเล่าเสียมากกว่า
‘เรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้ ไม่ใช่ฝันงั้นเหรอ ต่อให้กลับเมืองไทยไปแล้ว เธอจะได้พบเขาอีก...จริงหรือ’
“แล้วแต่คุณสิคะ ถ้าคุณมาเที่ยวเมืองไทย ฉันก็...เอ่อ...ยินดีเป็นเพื่อนพาคุณเที่ยว” วริษาก้มหน้าก้มตาตอบอีกฝ่าย

แต่คำตอบนั้นกลับไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการฟัง
“ใครบอกว่าฉันต้องการเพื่อนกัน” น้ำเสียงของเขามีวี่แววความไม่พอใจชัดเจน
ดวงหน้าคมคายก้มลงแตะริมฝีปากตัวเองลงบนหัวไหล่มนภายใต้เสื้อแขนยาว ก่อนจะจมูกตัวเองสูดดมกลิ่นกายหอมหวาน จากลำคอระหง
กิริยานั้นทำเอาร่างน้อยในอ้อมกอดถึงกับสะดุ้งสุดตัว วริษาพยายามเบี่ยงกายหนี แต่สิ่งที่ได้มากลับกลายเป็นรอยจุมพิตหนักๆ บริเวณซอกคอขาว พร้อมกับอ้อมกอดรัดรึงแน่นขึ้น

“คุณราชิดคะ...” เสียงหวานครางออกมา หัวใจเต้นระส่ำด้วยความตกใจกับสัมผัสรุกรานชวนวาบหวิวใจ
“หือ” ราชิดงึมงำตอบรับกลับมา หากใบหน้าคมคายยังคงไม่ยอมละไปจากความหอมนุ่มเบื้องหน้า
“ปล่อยเถอะค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” วริษาพยายามรวบรวมแรงใจตอบอีกฝ่ายออกไป
“ไม่มีใครเห็นหรอกน่า โซนนี้เขากั้นไว้ให้พวกเราโดนเฉพาะ” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับใช้ริมฝีปากตัวเองและเล็มไปตามลำคอระหง หยุดประทับตราหนักแน่นลงบนหลังคอเธอ จนเกิดรอยสีแดงคล้ำเล็กๆ แถวบริเวณท้ายทอย

“กั้นไว้หมด หมายความว่าไงคะ” เสียงหวานถามด้วยความไม่เข้าใจ
แต่ใช่ว่าคนด้านหลังจะยินยอมตอบคำถามเธอ ความหอมหวานเย้ายวนจากร่างนุ่มนิ่มในอ้อมกอด ทำเอาสติของชายหนุ่มแทบจะขาดผึงลง
ราชิดอาศัยพละกำลังที่มีมากกว่าหมุนร่างน้อยให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง สองมือหนารวบเอวบางมั่น อาศัยแรงยกเพียงนิดเดียว ร่างน้อยก็ลอยขึ้นไปนั่งอยู่บนริมหน้าต่างติดกับแผ่นกระจกใสได้ในทันที นัยน์ตาสีเทาเหลือบทอง จดจ้องคนตรงหน้าราวต้องการจดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่ประกอบขึ้นเป็นเธอไว้
“ก็กั้นไว้หมด ไม่มีใครผ่านเข้ามาได้หรอก ตรงนี้มีแค่เธอกับฉันเท่านั้น”

จบคำพูด ริมฝีปากหยักโค้งก็ฉกวูบลงมาอย่างไม่อาจห้ามใจได้ ความรุ่มร้อนแผดเผาเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เมื่อสัมผัสได้ถึงเรียวปากร้ายกาจ แนบสนิทลงมาปิดปากเธอไว้ พร้อมๆ กับลิ้นอุ่นจัดแทรกผ่านเข้ามา กวาดเอาความหอมหวานจากโพรงปากไป
“อื้อ...” เสียงครางอู้อี้ของวริษาดังอยู่ภายในโพรงปากของชายหนุ่ม
ราชิดยังคงไม่ยอมละริมฝีปากตัวเองออกจากความหอมหวานตรงหน้า เขาตั้งใจดื่มด่ำกับความหวานล้ำจากเรียวปากอิ่มโดยไม่คิดผ่อนปรน และยิ่งเมื่อร่างน้อยในอ้อมแขนประท้วงเขาด้วยการพยายามส่ายหน้าหนี สองมือหนาจึงจงใจเอื้อมไปประคองแก้มทั้งสองข้างไว้ ไม่ให้อีกฝ่ายหันหน้าไปทางไหนได้ แล้วริมฝีปากอุ่นจัดก็ตั้งหน้าตั้งตารุกรานคนตัวเล็กกว่า

วริษารู้สึกราวกับโลกที่ตัวเองอยู่โครงเครงอย่างหนัก ทันทีที่ริมฝีปากอุ่นจัดแผดเผาลงมาครอบครอง ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเธอ ศีรษะของเธอก็เริ่มหมุนคว้าง ไม่รับรู้สิ่งใดอีกนอกจากความรุ่มร้อนแสนวาบหวิวตรงหน้า และแม้เธอจะเพียรปฏิเสธอีกฝ่ายออกไปเท่าไร ดูเหมือนคนเอาแต่ใจก็กลับยิ่งไม่ยอมผ่อนปรน ลิ้นร้อนอุ่นจัดยังคงรุกราน แทรกลึก ผ่านเข้ามาในริมฝีปาก กึ่งหยอกล้อ กึ่งบังคับ กะเกณฑ์ให้เธอตอบสนองจุมพิตดื่มด่ำอย่างขลาดกลัว

เป็นเวลานานเท่าไร หญิงสาวเองก็สุดรู้ กว่ารอยจุมพิตอุ่นร้อนจะค่อยๆ ผละออกห่าง ลมหายใจร้อนระอุเป่ารดลงบนดวงหน้าหวาน ขณะจมูกโด่งยังคงซุกซอน ดอมดมความหอมหวานจากพวงแก้มซ้ายและขวา แล้วจึงไล้ต่ำลงไปตามแนวคาง พร้อมกับรอยจุมพิตพร่างพราย หลอกล่อหญิงสาวให้แหงนหน้าขึ้น หลงมัวเมาไปกับความหวานหวาบจากริมฝีปากที่ไล่พรมไปทั่วลำคอระหง

“ลูกแมว รู้ไหมว่าเธอน่ากินขนาดไหน” น้ำเสียงต่ำ แหบพร่ากระซิบอยู่ริมใบหู
ทันใดนั้นคนกำลังเคลิ้มจัดก็พลันสะดุ้งสุดตัวเมื่อ ปลายลิ้นอุ่นแทรกลึกผ่านเข้ามาในช่องหู สร้างความรัญจวนให้กับร่างบาง จนต้องใช้สองมือเกี่ยวลำคออีกฝ่ายไว้ กันตัวเองไม่ได้ล้มคว่ำลงไปกับความหวามไหวที่เขาจงใจป้อนให้
“พอเถอะค่ะ ฉันจะขาดใจตายอยู่แล้ว” วริษาบอกพร้อมกับแรงหอบหายใจจนตัวโย
ราชิดดันร่างบางออกมาเผชิญหน้ากับเขา ความแดงก่ำของดวงหน้าหวานที่ลามเลียไปทั่ว ทำให้เขาตัดสินใจเลิกกลั่นแกล้งอีกฝ่าย มือหนาลูบปอยผมที่เริ่มยุ่งเหยิงของคนตรงหน้า พร้อมกับก้มหน้าลงมาประทับริมฝีปากตนเองลงบนหน้าผากมน

จุมพิตของชายหนุ่มครั้งนี้ ไม่ได้รัญจวน หวามไหว แต่ก็กลับสะท้านลึกอย่างรุนแรง เมื่อความอุ่นไม่ได้ประทับอยู่แค่เพียงหน้าผาก แต่ราวกับตราตรึงแน่นลงไปถึงเนื้อหัวใจ
“นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้นเองรู้ไหม สาวน้อย” ชายหนุ่มพึมพำชิดเรียวปากหวาน

ตลอดระยะเวลานับลงมาจากทาวน์เวอร์ ราชิดยังคงทำหน้าที่เป็นไกด์นำเที่ยวอย่างดีสำหรับเธอ เขาพาเธอมาเดินเล่นในเขตเมืองทางฝั่งแคนนาดา ซึ่งบริเวณแถบนี้ถูกเรียกกันว่า ไนแองการ่าฟอลส์ ออนตาริโอ จัดเป็นเมืองฝาแฝด ควบคู่ไปกับ ไนแองการ่าฟอลส์ มลรัฐนิวยอร์ก ในฝั่งอเมริกา

หญิงสาวลอบมองเสี้ยวหน้าคมคายของคนตรงหน้าอยู่พักใหญ่ หวั่นใจไม่น้อยกับระดับความสัมพันธ์ที่ดูจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็วในระยะเวลาเพียงข้ามวัน ณ นาทีนี้วริษาตอบได้ว่าเธอตกหลุมรักชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเต็มเปา ความรู้สึกที่มีต่อราชิดมันพลุ่งพล่าน เอ่อล้นด้วยความรู้สึกมากมาย อย่างไม่เคยรู้สึกของชายคนใดมาก่อน ไม่รู้ทำไม ทว่า นับตั้งแต่ครั้งแรกยามสบตากัน วริษารู้สึกราวมีพลังงานบางอย่างดึงดูดเธอให้หลงมัวเมาไปกับนัยน์ตาสีเทาเหลืองทองของชายตรงหน้า

ใช่ เธอรู้ว่านัยน์ตาของชายตรงหน้าเป็นสีเทาเหลืองทองตั้งแต่ยังไม่ได้สบตากันด้วยซ้ำ ทำไม เธอเองก็สุดรู้ ใบหน้าคมคายดั่งเจ้าชายอาหรับบ่งชัดว่าเธอไม่เคยพบหน้าบุรุษผู้นี้มาก่อนเลยในชีวิต แต่เหตุใดกัน ทุกท่วงท่า ทุกอากัปกิริยาของเขากลับคุ้นตา เจนหัวใจเธอยิ่งนัก
“คิดอะไรอยู่ ยายลูกแมว” น้ำเสียงทุ้มนุ่มถามเธอ พร้อมกับไอศกรีมโคนสีหวานยื่นมาให้ตรงหน้า
“ขอบคุณค่ะ” วริษาพึมพำบอกอีกฝ่าย ไม่ยอมตอบคำถามของชายหนุ่ม จนคนถามอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือมาเชยคางมนขึ้นสบตาเขา
“เธอมีอะไรในใจอยู่หรือ” ราชิดขมวดคิ้วมุ่ยด้วยความสงสัย

“เปล่านี่คะ ว่าแต่ฉันสงสัยมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ทำไมคุณถึงเรียกฉันว่า ลูกแมว”
วริษาตั้งใจเบนความสนใจของอีกฝ่าย และมันดูเหมือนจะได้ผลเกินคาด แววตาคมจดจ้องมองเธอด้วยรอยลึกล้ำ ราวต้องการค้นหาถึงความหมายของถ้อยคำถาม
“เพราะเธอคือลูกแมวของฉันไง เธอไม่รู้สึกคุ้นเคยกับชื่อนี้ขึ้นมาบ้างเลยเหรอ” คำถามของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความคาดหวังปะปนมา
หญิงสาวส่ายหน้าทันทีกับคำถามของเขา “ไม่นี่คะ ทำไมฉันต้องคุ้นกับชื่อนี้ด้วย”
คำตอบของวริษาไม่ต่างจากเข็มนับพันทิ่มลงกลางใจ นัยน์ตาสีเทาเหลือบทองปรากฏร่องรอยความปวดร้าวพาดผ่าน

‘เป็นไปไม่ได้ เธอจะไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้ได้อย่างไร ในเมื่อมันเป็นชื่อที่เขาเรียกเธอซ้ำๆ อยู่ทุกวี่วัน’
“ชื่อนี้เป็นคำเรียกขานของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ฉันเคยรู้จัก น้ำฝนบอกฉันมาเถอะว่าเธอคือลูกแมวของฉันจริงๆ”
สองมือหนาจับลงบนหัวไหล่ แม้จะไม่รุนแรงนัก แต่กิริยาของเขาก็หาได้อ่อนโยนเลย ราชิดกำลังเริ่มมองเห็นความผิดหวังขึ้นมารำไร โดยเฉพาะในยามที่สาวน้อยตรงหน้าสั่นศีรษะน้อยๆ มา
“ขอโทษจริงๆ ค่ะ แต่ฉันจำคุณไม่ได้เลย เราเคยรู้จักกันจริงๆ เหรอ” เธอถามออกไปด้วยความสงสัย

มันคือความผิดหวังอย่างรุนแรง ยามราชิดบอกเล่าเรื่องราวแต่หนหลังของตัวเองให้หญิงสาวตรงหน้ารับรู้ ทว่า ปฏิกิริยาที่ได้รับกลับมา หาใช่สิ่งที่เขาคาดหวัง
“ฉันคงเป็นลูกแมวของคุณไม่ได้หรอกค่ะ ในเมื่อฉันมีพ่อแม่ มีพี่ชาย ไม่ใช่เด็กกำพร้าในสถานสงเคราะห์ เหมือนเด็กหญิงในความทรงจำของคุณ” วริษาบอกอีกฝ่ายออกไปด้วยความเศร้าสร้อย

วูบหนึ่งเธอรู้สึกอิจฉาเด็กผู้หญิงคนนั้นอย่างเหลือแสน ‘เธอเป็นใครกันนะ ถึงได้หัวใจรักมั่นคงของชายคนนี้ไปครอบครอง’ แล้ววินาทีถัดมาความจริงบางอย่างก็แล่นผ่านเข้ามาจุกอยู่กลางอก เรื่องราวตลอดหนึ่งวันที่ผ่านมาฉายย้อนกลับมาในความรู้สึก พร้อมๆ กับความจริง ผู้ชายคนนี้เข้ามาทำดีกับเธอ ทำราวกับเขาและเธอต่างตกหลุมรักกัน เพราะเขาเข้าใจมาตลอดว่าเธอคือเด็กหญิงที่เขาตามหา... เด็กหญิงผู้เป็นรักแรกของเขา
ณ นาทีนี้วริษารู้แล้วว่าอาการเจ็บเจียนขาดใจเป็นเช่นไร หัวใจของเธอปวดร้าวเมื่อรู้ว่าทุกการกระทำของเขาเกิดขึ้นเพียงเพราะเขาเห็นเธอเป็นตัวแทนของใครอีกคนหนึ่ง

“เธอไม่ใช่เด็กกำพร้าเหรอ”
เพราะความผิดหวังที่ถาโถมอยู่ในใจ ทำให้ราชิดไม่ทันสังเกตถึงรอยหม่นเศร้าในดวงตากลมโต ชายหนุ่มหวังเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยปากปฏิเสธ แต่อาการพยักหน้าน้อยๆ พร้อมกับแววตาคู่ใส ไม่ผิดเพี้ยนจากความทรงจำจ้องกลับมา
‘เธอคือความจริงตรงหน้า และความจริงตรงหน้าก็คือเธอที่ไม่ใช่คนในฝัน’
“คุณคงจำคนผิดแล้วล่ะ เราสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และฉันก็ไม่เคยใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วย”

“ไม่จริงหรอก” ราชิดค้าน หากสุ่มเสียงกลับอ่อนเต็มที “นี่ฉันจำคนผิดหรือ” ชายหนุ่มครางออกมาอย่างไม่เชื่อนัก
“ค่ะ คุณคงจำคนผิดแล้ว”
และเพราะคำตอบนั้น ทำให้ช่วงเวลาแสนหวานที่ควรมีกลับกลายเป็นเพียงความเงียบงัน การเดินเล่นในเมืองออนตาริโอไม่ได้เป็นความทรงจำแสนหวานของวริษาอีกต่อไป ตลอดระยะเวลาบ่ายจวบจนกระทั่งเย็น สองหนุ่มสาวแทบไม่ได้พูดคุยกันอีกเลย ต่างคนราวต่างจมปลักอยู่ในความคิดของตัวเอง จนกระทั่งทั้งสองข้ามกลับมายังฝั่งอเมริกา

รถยนต์ของราชิดจอดนิ่งสนิทลงบริเวณลาดจอดรถภายในโรงแรม หลังจากต่างนั่งเงียบกันไปพักใหญ่ วริษาก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อน
“ถึงโรงแรมแล้ว ขอบคุณนะคะที่พาฉันเที่ยวมาตลอดวัน” หางเสียงของคนพูดมีวี่แววของความเศร้าใจ
นัยน์ตากลมหวานมองเสี้ยวหน้าคนข้างกายอย่างต้องการจดจำทุกอย่างไว้ยังส่วนลึกของความทรงจำ มือบางเอื้อมออกไป หมายจะเปิดบานประตู ทว่า ฝ่ามือของคนที่เอาแต่กำพวงมาลัยไว้กลับเอื้อมมารั้งข้อมือเธอไว้ก่อน

ไม่มีคำพูดใดยามนัยน์ตาสองคู่หันมาสบกัน พลัน ร่างกายสูงใหญ่ของชายตรงหน้าก็โถมเข้ามารัดรึงเธอไป
วริษาอยากจะดิ้นรนออกจากอ้อมกอดอุ่นหากทรมานหัวใจนี้เลยเกิน แต่หญิงสาวก็ไม่อาจทำได้ ท้ายสุด เธอก็เลยปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในวังวนสิเน่หาของชายตรงหน้า จุมพิตของราชิดที่แนบสนิทลงมาตามเรียวปาก มีทั้งความร้อนรุ่ม อ่อนหวาน และความรู้สึกมากมายถาโถมเข้าใส่ ดวงหน้านวลรูปไข่แหงนหน้ารับรอยจุมพิตรุ่มร้อน เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกอย่างไร้แง่งอน

ความหวานจากเรียวปากอิ่มที่ตอบรับเขาอย่างยินยอม ยิ่งจุดความต้องการมากมายให้เอ่อล้นขึ้นมาในหัวใจของราชิด เขาไม่อยากจะทำใจให้เชื่อกับความจริงตรงหน้าว่าเธอคนนี้ไม่ใช่หญิงสาวที่เขาเฝ้าฝันถึง ราชิดไม่รู้ว่าหัวใจของเขาเป็นอะไร หัวใจที่เคยมีรักมั่นและรักเดียวต่อเด็กหญิงในความฝัน สั่นคลอนอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อได้มาเจอกับเธอคนนี้

‘เขากำลังตกหลุมรักงั้นเหรอ ไม่หรอก หัวใจของเขามีดวงเดียว เขาจะตกหลุมรักใครได้อีก’
เพราะคิดได้เช่นนั้น ริมฝีปากที่คลอเคล้าอยู่บนดวงหน้าหวานจึงผละออก อึดใจต่อมา มือหนาก็เป็นฝ่ายเปิดประตูให้เธอ
“โชคดี”

เมื่อบานประตูรถถูกปิดลง รถสปอร์ตคันหรูก็แล่นถอยหลังจากไป เหลือทิ้งไว้แค่เพียงความเย็นของสายลมหนาวในเมืองนิวยอร์ค และ... รอยอุ่นจัดที่ยังติดตรึงอยู่บนเรียวปากอิ่ม
หยาดน้ำตาเอ่อล้นออกมาเต็มนัยน์ตาหวานคู่สวย วริษาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พยายามกล้ำกลืนก้อนแข็งๆ กลับลงไปในลำคอ

‘ทุกอย่างจบลงแล้ว และถึงแม้เธอจะไม่ใช่รักแรกในความทรงจำของเขา แต่เขากลับเป็นรักแรกในใจที่เธอคงไม่มีวันลืมตลอดชีวิต’

*************

ขอเสียงคนอ่าน เป็นกำลังใจให้คนเขียนหน่อยนะคะ



เรมิกาญจน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ม.ค. 2555, 11:30:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ม.ค. 2555, 11:30:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 2329





<< บทที่2 หลอกล่อ   
Pat 16 ม.ค. 2555, 19:16:59 น.
อ่านอยู่ค่า


Canopus 19 ม.ค. 2555, 12:37:50 น.
รออ่านตอนต่อไปค่ะ


ChaussonAuxPomme 15 ก.พ. 2555, 20:27:20 น.
...ชอบที่สุดเลยคะ... ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account