ในชุดภารกิจรัก เรื่องราชนาวีที่รัก
Tags: ทหารเรือ นักเขียน
ตอน: 29.“งานเลี้ยงแต่งงานของแพรวกับผู้การจิรวัติแม่ขอให้ไปจัดนครสวรรค์นะ” ((ตอนจบ))
29.
เมื่อพาครอบครัวอันได้แก่ พ่อแม่ พี่ชายพี่สะใภ้และหลานชายก้าวเข้าสู่งานฉลองมงคลสมรสของเรือโทศุภโชค กับ นางสาวหิรัญญา แพรวพรรณก็รู้สึกทึ่งกับความคิดของเจ้าสาว ที่ได้คุยโม้ไว้ว่า..
“ที่แรกฉันก็ว่าจะจัดแบบให้มันจบ ๆ ไป แต่พอเข้าไปที่เวดดิ้งสตูดิโอ..ดูภาพเก่า ๆ ของคนนั้นคนนี้ ฉันก็เลยคิดว่า ฉันก็นักคิดคนหนึ่ง แล้วทำไมงานแต่งซึ่งน่าจะมีเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิต ฉันจะไม่ทำเสียให้คนไปเลื่องลือ...”
เป็นที่น่าเลื่องลือ เพราะเป็นการแต่งงานของ ‘นักเขียน’ กับ ‘นายทหารเรือ’ ตัวตนของเจ้าบ่าวนั้นอยู่ที่ชุดเครื่องแบบสโมสรติดเครื่องหมายยศ สถานที่จัดงาน ประธานในพิธีและซุ้มกระบี่ที่สาว ๆ ฝันถึง..
แต่ว่าตัวตนของเจ้าสาวนั้น..ก็อยู่ที่ผลงานซึ่งเป็นที่ประจักษ์ของคนจำนวนไม่น้อย..และผลงานเหล่านั้นก็ถูกจัดมาแสดงไว้ที่มุมหนึ่งหน้าห้องจัดเลี้ยงเพื่อประกาศให้คนที่มาร่วมงานได้รู้ว่า แม้ต้นเรือหนุ่มคนนี้จะได้เมียอายุมากกว่า แต่เมียคนนี้ก็ใช้ก็หาใช่คนธรรมดาเสียที่ไหน...ผลงานหลายเรื่องถูกนำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์มีคนกล่าวถึงกันทั่วบ้านทั่วเมือง และอีกจำนวนไม่น้อยที่เป็นนิยายขายดีมีรางวัลแปะบนหน้าปก..
แพรวพรรณมองซุ้มดอกไม้ซึ่งมีรูปของเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านข้างแล้วก็อมยิ้ม..
เจ้าบ่าวอยู่ในชุดเครื่องแบบปกติขาวส่วนเจ้าสาวนั้นอยู่ในชุดกี่เพ้าสีแดงเกล้าผมมวยใหญ่อยู่ด้านข้างติดดอกไม้ดอกเล็ก ๆ ริมฝีปากของเจ้าสาวนั้นอมยิ้มพอประมาณแต่ว่าดวงตานั้นแพรวพรรณรู้สึกได้เลยว่าใจของพี่หิรัญญาตอนนั้นคงคิดว่า ‘..สุดท้ายฉันก็มีผัวจนได้..’
“คุณแพรว..” นงนุชร้องทัก แพรวพรรณจึงรีบกรากไปหานงนุชกับเพื่อน ๆ ที่มาช่วยทำหน้าที่เฝ้าโต๊ะลงทะเบียนรับซองช่วยงาน กับมอบของชำร่วยซึ่งเป็นสมุดบันทึกขนาด 4x6 นิ้ว พิมพ์หน้าปกสีชมพูอ่อนลายกุหลาบด้วยตัวอักษรนูนสีทองตัวใหญ่ว่า ‘ศุภหิรัญ’ กำกับไว้ด้วยวัน เดือน ปี ที่จัดงานไว้ที่มุมล่างด้านซ้าย
“สวัสดีค่ะคุณนุช...” พอทักทายนงนุชแล้วแพรวพรรณก็แนะนำพ่อแม่ให้นงนุชได้รู้จัก..หลังจากที่ได้เขียนข้อความอวยพรให้คู่บ่าวสาวแล้ว แม่ของแพรวพรรณก็หย่อนซองที่มีธนบัตรฉบับละหนึ่งพันบาทถึงห้าใบใส่ลงไปในกล่อง ซึ่งก่อนหน้านั้นแม่ก็ถามแพรวพรรณแล้วว่า
‘มากไปไหม’
เรื่องน้ำใจของแม่นั้นแพรวพรรณติดมาส่วนหนึ่ง แม่สอนเสนอว่าอย่าเอาเปรียบใครให้ถูกว่าลับหลังและช่วยใครได้ก็ต้องช่วย..แพรวพรรณจึงตอบแม่ไปว่า ‘ถ้าแม่ใส่เยอะขนาดนี้ ตอนแพรวแต่งพี่ญาจะลำบากใจนะคะ’ เพราะแพรวพรรณก็รู้ว่าหิรัญญาเองนั้นก็ใจใหญ่ไม่เบาทีเดียว..
‘..พูดอะไร ทำอะไร มันก็กลายเป็นเรื่องในอนาคตของเธอกับพ่อต้นกล้าเสียหมด’
‘ขอบคุณคุณแม่นะคะ’ ตอนนั้นแพรวพรรณรวบรัดเพราะเห็นว่า เมื่อวานตอนที่พี่ต้นกล้าพาเที่ยว
ชมสถานที่ต่าง ๆ พร้อมกับบรรยายให้ความรู้ ช่วงแรก ๆ แม่ทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจ แต่พอเวลา
ผ่านไปแม่ก็เป็นฝ่ายซักนั่นถามนี่เดินตามติดไกด์หนุ่มกิตติมศักดิ์จนพี่พงศ์ต้องกระซิบถาม..
‘สรุปว่าไอ้ต้นกล้ามันเอาชนะใจแม่ได้แล้วใช่ป่ะ’
หลังจากได้ของชำรวยมาแล้วแพรวพรรณกับครอบครัวก็ขอตัวออกจากจุดลงทะเบียนเพื่อไปเดินดู ‘สตอรี่’ เรื่องราวความรักของคู่บ่าวสาวที่ภูมิใจนำเสนอ..
จุดแรก หมายเลข 1 ปกสมุดบันทึกที่แจกเป็นของชำร่วยถูกขยายใหญ่ เพิ่มข้อความว่า ‘นวนิยายโรแมนติก-ดราม่า’ ไว้ด้านบน..บรรทัดถัดมา เป็นตัวอักษรขนาดใหญ่ เขียนว่า ‘ศุภหิรัญ’ ประพันธ์โดย ศุภโชค-หิรัญญา
จุดที่สอง เป็นจุดบอกคาแรกเตอร์ตัวละครพระเอก ‘เรือโทศุภโชค’ พร้อมประวัติความเป็นมา คร่าว ๆ ประกอบรูปถ่ายในอดีตของเจ้าบ่าว รวมถึงรูปเดี่ยวหลายต่อหลายภาพ ซึ่งมีภาพชุดเครื่องแบบของนายทหารเรือรวมถึงชุดลำลองธรรมดา
จุดที่สาม บอกคาแรกเตอร์นางเอก ‘นางสาวหิรัญญา’ ประวัติความเป็นมาคร่าว ๆ พร้อมรูปถ่ายในอดีต กับรูปถ่ายที่บ้านในตลาดบ้านใหม่ และฝีมือของตากล้อง ภาพที่บ้านกับอิริยาบทชีวิตประจำวันก็ทำให้ความเป็นศิลปินของเจ้าสาวชัดเจนขึ้นมา
จุดที่สี่ เป็นภาพ บนเรือหลวงจักรีนฤเบศรกับภาพสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในฐานทัพเรือสัตหีบซึ่งเป็นวันที่ทั้งคู่ได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น..จนกระทั่งมีวันนี้
จุดที่ห้า เป็นภาพวันทำพิธีแต่งงานตามประเพณีที่ตลาดบ้านใหม่ฉะเชิงเทราเมื่อวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา..และที่เก๋ไก๋เรียกรอยยิ้มเป็นอย่างมากคือภาพของเจ้าสาวอุ้มหนังสือผลงานของตนจำนวนหนึ่งซ้อนมอเตอร์ไซด์คันใหญ่ของเจ้าบ่าวซึ่งอยู่ในชุดนายทหารเรือสวมแว่นตาดำ
และจุดสุดท้ายที่ดึงความสนใจแขกที่มาร่วมงานระดับหนึ่งก็คือ ผลงานนิยายรวมเล่มของเจ้าสาว ซึ่งพี่หิรัญญาขนหนังสือมาเรื่องละประมาณสิบเล่ม แล้วทุกเล่มเปิดไปก็มีลายเซ็นกำกับข้อความว่า ‘ที่ระลึกในงานแต่ง’ และที่บนกองหนังสือก็มีป้ายขนาดตัวอักษรพออ่านได้ง่าย ๆ ว่า ‘ราคาเล่มละ 100 บาท รายได้เข้ากองทุนอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล...สนใจเล่มไหนเอาเงินใส่กล่องได้เลยค่ะ..’
ตรงนั้นไม่มีคนเฝ้า มีแต่คนเลือกดูหนังสือ เอาเงินใส่กล่อง แล้วก็ถือหนังสือไปหาเจ้าบ่าวเจ้าสาวซึ่งยืนรอรับแขกอยู่หน้าห้อง..ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกแล้วก็เดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง..
“แม่หิรัญญานี่มันเหลือเกินจริง ๆ นะ งานแต่งก็ยังเอาของมาขายได้” วันเพ็ญเปรยกับลูกสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“พี่เค้าคิดอะไรไม่เหมือนใครหรอกค่ะ..”
“แล้วงานแต่งเธอจะทำอย่างเค้าหรือเปล่าล่ะ”
“ต้องปรึกษากับเจ้าบ่าวด้วย”
“งานเธอต้องมาปรึกษาชั้น”
“แล้วแม่จะให้แพรวมาใช้ห้องจัดเลี้ยงที่สัตหีบหรือเปล่าคะ”
“แล้วเธอมั่นใจได้อย่างไรว่าเจ้าบ่าวของเธอคือนายต้นกล้า”
“แม่อ่ะ”
“เวลาเปลี่ยน อะไร ๆ ก็เปลี่ยนได้ โลกใบนี้ไม่มีอะไรแน่นอนหรอก..ไป ไป เข้าไปในงานกัน” พูดจบวันเพ็ญก็เดินนำสามี ลูกชายที่อุ้มหลาน ลูกสะใภ้ และลูกสาวไปหาเจ้าบ่าวเจ้าสาวเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกตามธรรมเนียม
ขณะที่ครอบครัวของแพรวพรรณกำลังถ่ายรูปคู่กับเจ้าบ่าวเจ้าสาวอยู่นั้นประตูห้องจัดเลี้ยงด้านซ้ายมือก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นร่างกายสมส่วนของเรือเอกจิรวัติ สุกปลั่ง ซึ่งวันนี้เขาอยู่ในชุดปกติขาวมีกระบี่ที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่ในมือข้างขวา เพราะวันนี้เขาจะต้องทำซุ้มกระบี่ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวลอดตามธรรมเนียมที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน
“อุ้ย..ผู้การ..เชิญค่ะเชิญ..มาถ่ายรูปด้วยกัน” เจ้าสาวในชุดฟูฟ่องร้องเรียกอย่างรู้บท ผู้การจิรวัติเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม..แพรวพรรณยิ้มตอบ...ส่งสายตาคุยกัน..ด้วยก่อนหน้านั้นช่วงที่อยู่กับครอบครัวของเธอ เขาก็ไม่ได้ทำรุ่มร่ามแสดงความใส่ใจเธอจนทำให้พ่อแม่นึกขวาง แต่เขาเอาช่วงเวลานั้นดูแลเอาใจใส่เหมือนพ่อกับแม่ของเธอเป็นพ่อแม่ของตัวเอง เขาเรียกว่า ‘แม่’ เรียก ‘ป๊า’ ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ..ซึ่งป๊าเองนั้นเทใจกับเขาอย่างเห็นได้ชัด ส่วนแม่ แม้จะยังกั๊กอารมณ์อยู่บ้าง แต่ภาพรวมนั้น เขาก็ทำให้แม่ยิ้ม หัวเราะ และพูดคุยกับเขาได้อยู่ตลอดเวลา..
และที่สำคัญ ตอนที่แม่ถามเขาว่า ‘อยู่มาจนป่านนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีใคร..’
เขาก็ตอบแม่ไปว่า ‘ใครที่เคยมี เค้าไม่ใช่เนื้อคู่ เค้าก็มีอันต้องไป..คนที่ใช่ ไกลแค่ไหนก็ต้องมา..ซึ่งน่าจะเชื่อได้ว่าเป็นพรหมลิขิต’
และแพรวพรรณก็เชื่อว่า พระพรหมได้ลิขิตให้เขาคู่กับเธอ เช่นกัน..
เพราะตั้งแต่วันที่เธอขอให้เขาพิจารณาเรื่องน้องฐา หลังจากที่เจ้าหล่อนประสบอุบัตเหตุอีกสักครั้ง เขาก็ไม่เคยทำตัวให้เธอระแวงแคลงใจในความรักของเขาที่มีให้เธออีกเลย..
ระหว่างวันมีแต่มธุรสวาจาที่ทำให้จิตใจของเธอรื่นรมย์..ความห่วงใย ความรู้สึกจากใจว่า ‘คิดถึง’ถูกส่งมาหาเธอหลากหลายรูปแบบ..
โทรศัพท์มีเสียงคลื่นเสียงลม เสียงนกร้องแทรกเสียงนุ่มทุ้มของเขามีถึงเธออย่างน้อยวันละหนึ่งครั้ง
ภาพวิดีโอยามที่ออกเรือพร้อมคำบรรยายเสมือนหน้าต่างทำให้เธอมองเห็นโลกของเขาที่ประชาชนคนธรรมดายากจะไปเห็น..
ข้อความ คำกลอน ผ่านโปรแกรมเฟสบุ๊คที่ส่งมาสัปดาห์ละหน มันทำให้เพื่อน ๆ และแฟนคลับของเธอพากันอิจฉา..
และด้วยเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้า..เธอกับเขาจึงได้สนทนาผ่านทางอินเตอร์เห็นหน้าสบตาและส่งจูบให้กันเกือบจะทุกวัน..
และวันนี้เพียงแค่เขายิ้มกริ่ม..เธอก็รู้ทันทีว่าเขาจะเขาไปยืนที่มุมไหนของภาพที่ตากล้องกำลังจะทำการบันทึก..
และรูปแรกก็จบลงทีว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวยืนอยู่ตรงกลาง ขนาบข้างเจ้าสาวนั้นเป็นแพรวพรรณ พี่ชายพี่สะใภ้หลานชาย ขนาบข้างเจ้าบ่าวเป็นพ่อแม่ของแพรวพรรณและผู้การ..
แต่ด้วยเห็นว่ารูปจะออกมาไม่สวย เจ้าสาวจึงเอ่ยว่า..
“ผู้การเชิญตรงกลางหน่อยค่ะ..” จิรวัติอ้อมด้านหลังไปตรงยืนอยู่ตรงกลางระหว่างเจ้าบ่าวเจ้าสาว แต่ว่าเจ้าสาวก็เร็วพอจะสลับตำแหน่งดึงแพรวพรรณมาแทนที่ตน..ตากล้องกดชัตเตอร์..ได้ภาพที่สอง..
แต่ว่าภาพที่สามนั้นเจ้าบ่าวก็เดินอ้อมหลังว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเดินไปหาเจ้าสาวของตน..ภาพนั้นจึงกลายเป็นว่า แพรวพรรณยืนยิ้มเคียงคู่กอดเอวผู้การจิรวัติโดยมีพ่อกับแม่ของแพรวพรรณยืนอยู่ข้าง ๆ ..
และขณะตากล้องกดชัตเตอร์ภาพที่สี่ ห้า หก อยู่นั้นที่หน้างานก็ปรากฏร่างของฐาปนิสรพร้อมกับเพื่อน ๆ แก๊งดอกฟ้า ซึ่งการมาในครั้งนี้ ทำให้นงนุช ต้องรีบเดินมาหาเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่รายล้อมไปด้วยครอบครัวของแพรวพรรณและว่าที่ลูกเขย..
และพอถึงตัวผู้การจิรวัติ นงนุชก็สะกิดให้ผู้การมองไปหาคนที่น่าจะมาร้ายมากกว่ามาดี ซึ่งฐาปนิสรก็กราดตามองงานด้วยดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำ...
แพรวพรรณกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ...ที่กำลังจะลงเอยด้วยดี อาจจะพังครืนก็ได้ แต่ว่าหิรัญญาก็ไหวตัวทัน..
“แพรว พาคุณแม่คุณพ่อเข้าห้องไปเลย โต๊ะครอบครัวของแพรวมีป้ายติดไว้ เข้าไปแล้วเดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายเลยนะ..แล้วหนึ่งมาถึง พี่จะให้มันไปนั่งที่โต๊ะแพรวนั่นแหละ”
“ไปค่ะคุณแม่..” แพรวพรรณรีบเดินนำหน้า พงศ์พันธุ์กับภรรยาก็รีบดันแม่กับป๊าเข้าห้องไปโดยทำเป็นไม่รู้เรื่องว่าจิรวัติกำลังมีปัญหาเข้ามาให้แก้..
“สวัสดีค่ะผู้การ” เพื่อนของฐาปนิสรยกมือไหว้นายทหารเรือหนุ่ม ซึ่งวันนี้พอเขาแต่งตัวเต็มยศมันดูภูมิฐานมีสง่าราศีชวนให้ยำเกรงอยู่ไม่น้อย..
จิรวัติที่ไม่ได้ถือหมวกหม้อตาลสีขาวออกมาจากโต๊ะซึ่งมีเพื่อนนายทหารนั่งรอทำซุ้มกระบี่ให้เจ้าบ่าวยกมือรับไหว้..ส่วนฐาปนิสรซึ่งที่แขนยังเข้าเฝือกอยู่นั้นเชิดหน้ามองไปทางอื่นอย่างถือดี..
“มากันได้อย่างไรครับ”
“พวกเราก็รู้จักพี่โชคเหมือนกัน เค้าแต่งงานทั้งทีก็ต้องมาแสดงความยินดี” ใบหน้าของฐาปนิสรเรียบเฉย บ่งบอกให้รู้อารมณ์ข้างในว่าสุมไว้ด้วยไฟ
“พี่หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น”
“แล้วพี่ต้นกล้ากลัวว่าฐาจะมาทำอะไรหรือคะ”
จิรวัติยืนนิ่ง ไม่ต่อปากต่อคำ..เพราะเขาเองก็ไม่อยากเพิ่มเชื้อไฟให้กับฐาปนิสร และเสียงของหิรัญญาผู้เป็นเจ้าภาพก็ทำให้เขารู้สึกเบาใจกับปัญหาต้องรีบตัดไฟเสียแต่ต้นลมนี้..
“สวัสดีค่ะ มากันพร้อมหน้าพร้อมตาเลย ขอบคุณมาก ๆ ที่ให้เกียรติมางานของพี่..มากันสี่คนใช่ไหม”
“ค่ะ..” นกตอบพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร ส่วนจอยกับก้อยนั้นชะเง้อชะแง้ดูรูปภาพของเจ้าของงานด้วยความสนใจ
“เข้าไปดูกันเลยค่ะ พี่ภูมิใจนำเสนอ..” หิรัญญาพยายามเกลี่ยบรรยากาศให้เป็นกันเองและแสร้งลืมเรื่องในอดีตทั้งหมดกับไม่พยายามคิดว่าคนที่ไม่ได้รับเชิญนั้นจะมาร้าย
“ขอนกถ่ายรูปคู่กับพี่ได้ไหม”
“ได้สิ..ไป ๆ”
ก้อยกับจอยรีบเดินตามนกกับเจ้าสาวไปหาเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่หน้าซุ้มกุหลาบ..ทิ้งให้จิรวัติยืนถอนหายใจเบา ๆ แต่เขาก็เดาว่า วันนี้ฐาปนิสรน่าจะมาดีมากกว่ามาร้าย ด้วยเพื่อน ๆ ทั้งสามนั้นดูมีความสุข..
เมื่ออยู่ตามลำพังฐาปนิสรตัดสินใจพูดจี้ใจดำดักทางกลับไป
“พี่คงกลัวว่าฐาจะมาทำให้พี่เดือดร้อน”
“น้องฐาสบายดีนะ” น้ำเสียงของจิรวัติอ่อนโยน จนอารมณ์พลุ่งพล่านของฐาปนิสรต้องตกตะกอน และเมื่อเห็นว่าประชดประชันระบายอารมณ์ไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ฐาปนิสรจำต้องพูดเข้าเรื่องสำคัญที่ได้เตรียมตัวมา..“ฐาจะมาลาพี่ไปเรียนต่อ เดือนหน้าฐาจะบิน”
“พี่ดีใจด้วยนะ”
“แต่งงานพี่ กับพี่แพรว ฐาคงไม่ได้อยู่แสดงความยินดี” พอฐาปนิสรเอ่ยออกมาอย่างนี้ ใจที่หน่วง ๆ เหมือนมีหินมาทับของจิรวัติก็พลันเบาหวิวขึ้นมา สีหน้าของเขาสดชื่นขึ้นจนฐาปนิสรแทบจะร้องไห้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเธอร้องไห้และคิดว่าเวลาเดือนกว่า ๆ ที่ไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียงของเขา เธอทำใจได้แล้ว แต่ว่าพอเห็นหน้าถอดสีของเขาเมื่อครู่ เธอก็รู้ว่า เธอเดินกลับมาวันนี้ เขาคงคิดว่าเธอมาสร้างปัญหาให้เขา และเขาก็พร้อมจะแก้ไขปัญหานั้นอย่างคนใจดำ..และถ้าเธอทำอย่างนั้น เธอเองก็จะเจ็บใจขึ้นอีกทับทวีคูณ
“ยังไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่”
“ขาดเหลืออะไรฐายินดีช่วยนะคะ”
“คงไม่มีหรอก”
“ทางนั้นเขาก็รวยไม่น้อยไม่ใช่หรือคะ”
“ก็ระดับหนึ่ง”
“ฐายังรักพี่ต้นกล้านะคะ”
“ฐา” จิรวัติอุทานเบา ๆ และพอสบตากับสายตาที่เคยคุ้นเขาก็เห็นว่ามันมีน้ำตาคลอครอง
“ต่อไป พี่ต้นเป็นพี่ แล้วน้องฐาก็เป็นน้อง..น้องสาว” ฐาปนิสรรวบรัดตามประสาคนตรง ซึ่งข้อดีข้อนี้เองที่ทำให้ฐาปนิสรไม่มีปัญหาเรื่องสับรางผู้ชาย ถ้าจบสำหรับหล่อนก็คือจบ ไม่มีลังเล ไม่มีรักเผื่อเลือก หรือเลี้ยงไข้ไว้สำหรับเป็นตัวสำรอง..
จิรวัติยิ้มบาง ๆ ก่อนจะบอกว่า “ขอให้ฐาให้เจอคนที่คู่ควร..”
“เจอแล้วค่ะ..เยอะแยะมากมาย”
“เราจะไม่พูดถึงอดีตกันอีก ดีไหม”
“ก็คงจะดี..”
“งั้นก็ไปข้างใน..” ว่าแล้วเขาก็โก่งแขนให้ฐาปนิสรเกาะ..
พอเห็นสีหน้าของคนทั้งคู่ หิรัญญาที่นกกระซิบบอกความในใจของน้องฐาไว้แล้ว ก็รู้ว่าผู้การจิรวัติและหญิงสาวตรงหน้าเป็นพี่น้องกันแล้วจริง ๆ..แม้จะดีใจกับแพรวพรรณที่อุปสรรคหมดไป แต่ดวงตาเศร้า ๆ ของฐาปนิสรก็ทำให้หิรัญญาโผเขาไปกอดฐาปนิสรถ่ายทอดความรู้สึกเห็นใจไปให้..
“พี่ดีใจกับทางออกเป็นแบบนี้นะน้องฐา”
“ขอให้พี่ญามีความสุขกับชีวิตคู่ทุก ๆ วันนะคะ..ฝากบอกพี่แพรวด้วยว่าฐา ฐาฝากพี่เค้าดูแลพี่ต้นด้วย..” บอกความในใจไปแล้วฐาปนิสรก็ร้องไห้อย่างคนใจสลาย..แม้จะไม่อยากร้องไห้ตามให้ใบหน้าที่แต่งไว้เลอะแต่ด้วยเป็นคนอ่อนไหวหิรัญญาจึงต้องทิ้งเม็ดน้ำตาให้กับความรักของฐาปนิสรกับผู้การเรือสุดหล่อไปด้วย..
นงนุชพาหนึ่งเข้ามานั่งที่โต๊ะของแพรวพรรณ พร้อมกับส่งข่าวให้แพรวพรรณได้รู้ว่าฐาปนิสรกับ เพื่อน ๆ ขอตัวกลับไปแล้วโดยจากที่คิดว่าจะมาร้ายก็กลับเป็นเรื่องตรงกันข้าม และพอนงนุชเดินจากไปแพรวพรรณก็แนะนำให้พ่อแม่รู้จักกับเพื่อนชายคนสนิท ซึ่งคบหากันมาตั้งแต่สมัยเข้ามาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ
“คนที่ไหนละแม่แพรว..หน้าตาท่าทางใช้ได้เลย” วันเพ็ญถามหลังจากพินิจพิจารณาแล้วว่า เพื่อนชายของลูกสาวคนนี้ใช้เครื่องแต่งกายบ่งบอกฐานะทางการเงิน กิริยาการวางตัวต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่นั้นก็ดูเป็นธรรมชาติเหมือนคนที่เข้าสังคมชั้นสูงเป็นอาจิณ
“คนนครศรีฯค่ะแม่”
“ถึงว่าคมเข้ม แล้วเค้ามีแฟนหรือยัง..”
“มีแล้วค่ะ แต่เลิกกันแล้ว..วันนี้ก็เลยต้องมาคนเดียว..” บอกแม่ไปแล้ว แพรวพรรณก็หันไปหานาทีที่หันซ้ายแลขวามองงานและมองคนมาร่วมงาน..
“ไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ เนอะแพรว”
“ปวดใจอีกแล้วซิ” ด้วยรู้ว่า ชาตินี้นาทีจะไม่มีได้จัดงานแต่งงานแบบนี้ และเขาก็เจ็บแปลบทุกครั้งที่ไปงานแต่งเพื่อน ๆ แพรวพรรณจึงต้องถามไปอย่างนั้น
“ก็มีบ้าง..สำหรับงานพี่ญา หนึ่งไม่อิจฉาเขาหรอก..ดีใจกับพี่เค้าจริง ๆ ..”
“แพรวก็ดีใจกับพี่เค้า..คิดไม่ถึงเหมือนกันว่ามันจะรวดเร็วแบบนี้”
“งานพี่เขาอลังการดีเนอะ”
“พี่เค้าว่าชีวิตนี้แต่งครั้งเดียว ก็เอาให้คนจดจำไปเลย..”
“แล้วงานแพรว คิดอะไรไว้บ้างหรือยัง”
“อย่าเพิ่งไปพูดถึงมันเลย..หนึ่ง..” แพรวพรรณกระซิบบอกนาทีเมื่อเห็นว่า น้องชายคนเล็กของคุณศุภโชคลุกออกจากโต๊ะที่นั่งอยู่กับครอบครัวแล้วเดินมาหา ซึ่งแพรวพรรณรู้จักเขา จากรูปถ่ายงานแต่งของหิรัญญาที่แปดริ้ว ซึ่งพี่ต้นกล้ากับพี่หิรัญญาได้ชี้บอกเล่าไว้
“สวัสดีครับ” พอมาถึงเขาก็ยกมือไหว้คนที่นั่งอยู่ทั้งโต๊ะ..
“อ้าว มิตร” นาทีหันไปทักด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม..
“น้องเจ้าบ่าวครับ” นาทีถือโอกาสแนะศุภนิมิตรให้พ่อแม่และพี่ชายพี่สะใภ้รวมถึงแพรวพรรณให้รู้จักน้องชายของเจ้าบ่าว ซึ่งคนอื่น ๆ ก็ยกมือรับไหว้และยิ้มให้อย่างเป็นมิตร..
“นั่งก่อนสิ..”
“พี่หนึ่งมาถึงนานหรือยังครับ” เขาไม่ยอมนั่งลงบนเก้าอี้ว่างข้างตัวนาที แต่เขาก็ยืนคุยทิ้งระยะห่างจากนาทีและแพรวพรรณพอให้ทั้งสองคนไม่เมื่อยคอขณะสนทนา
“เพิ่งมาถึง....มิตรรู้จักพี่แพรวหรือยัง”
“ได้ยินพี่โชคพูดถึงไม่ขาดปาก แต่เพิ่งเห็นตัวจริงวันนี้ครับ”
“พี่ญาก็พูดถึงน้องมิตรให้พี่ฟังเหมือนกัน..” สีหน้าของแพรวพรรณเต็มไปด้วยความชื่นชม..และเมื่อศุภนิมิตรเลิกคิ้ว แพรวพรรณจึงต้องรีบบอกไปว่า “ในเชิงชื่นชมค่ะ..ส่วนหนึ่งที่พี่หิรัญญายอมสละโสดก็เพราะเขาชอบความน่ารักของครอบครัวของคุณศุภโชคด้วยค่ะ..”
“ได้ยินว่าพี่ญาจะผูกให้เป็นนิยายด้วย ผมนึกไม่ออกเลยว่ามันจะออกมาแบบไหน”
“พี่ญาเขียนงานได้หลายแนว แนวน่ารัก ๆ สร้างสรรค์ เขาทำได้ดีค่ะ..”
“พี่เขาคงเขียนให้พี่ศุภโชคเป็นพระเอก”
“เขาคงเกลี่ยบทให้เสมอกันค่ะ..พระเอกสามคน ต่างวิถีทางเดิน นางเอกสามคนต่างบุคลิก พี่รออ่านเหมือนกัน”
“แล้วนี่ ไม่มีนางเอกมาด้วยเหรอ” เพราะวันทำพิธีทางศาสนานาทีไปที่ฉะเชิงเทราคนเดียว ด้วยกลัวว่านาทีจะเก้อเขินหิรัญญาจึงฝากศุภนิมิตรน้องชายเจ้าบ่าวให้ช่วยดูแลนาที และช่วงเวลาสั้น ๆ นั้นนาทีก็แอบประทับใจกับอัธยาศัยของหนุ่มคนนี้ แต่ว่าจะสานความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้ง นาทีก็ระลึกว่าไม่มีประโยชน์
ดังนั้นความรู้สึกดี ๆ จึงถูกเก็บเงียบไว้จนกระทั่งวันนี้..ศุภนิมิตรลุกขึ้นมาหามาทักแบบนี้ มันก็น่าจะหมายถึง เขาเองก็อยากคบหากับเขาในลักษณะพี่น้อง และที่ต้องถามไปอย่างนั้นก็เพราะอยากจะลองหยั่งดูว่าศุภนิมิตรนั้นจะมีรสนิยมแบบเดียวกับเขาบ้างหรือเปล่า..เพราะถ้าตอบว่ายังไม่มีแฟนทั้งที่รอบ ๆ ตัวมีสาว ๆ อยู่เต็มไปหมด มันก็น่าลุ้น แต่ถ้าตอบว่ามีแล้ว เขาก็จะได้วางใจวางตัวกับเด็กคนนี้อย่างที่มันควรจะเป็น..
และคำตอบของศุภนิมิตรก็ทำให้นาทีกับแพรวพรรณถึงกับปรายตามองกัน
“ยังไม่เกิดเลยมั้งครับ”
“อย่าบอกนะว่ายังไม่มีแฟน” นาทีรีบกระทุ้ง
“เคยมีครับ แต่ว่าตอนนี้ ขอพักเรื่องรักไว้ก่อน สร้างเนื้อสร้างตัวก่อนครับ อยากปลูกบ้านหลังใหม่ให้พ่อ ปรับให้เป็นบ้านชั้นเดียวครับ หลังกระทัดรัดหน่อย พ่อจะได้ไม่ต้องปีนขึ้นลงบันได”
พอเขาตอบมาแบบนี้แพรวพรรณรู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาเหมือนกัน..
“น่ารักจังเลย” นาทีที่ซึ่งเป็นลูกคนเดียวและพ่อแม่ก็มีฐานะมากพออยู่แล้ว เขาไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้ของพ่อแม่นักจึงต้องเอ่ยชื่นชมออกไป...แล้วก็สะท้อนใจขึ้นมาว่า ก่อนหน้านั้น ตนเองทุ่มเทชีวิตให้กับความรัก โดยไม่ได้สนใจพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดอย่างที่มันควรจะเป็น..แต่ถึงกระนั้นความเจ็บปวดจากความรักที่เกิดขึ้นอย่างเนือง ๆ ทำให้เขาเรียนรู้ว่า เขาควรใส่ใจคนที่รักเขาอย่างไม่เสื่อมคลายและไม่มีข้อแม้มากกว่า..ซึ่งมันก็ยังไม่สายเกินไป
“ก่อนหน้านั้นผมทุ่มเทให้กับพ่อมากไป ก็เลยมีปัญหากับคนล่าสุด..แค่นี้แหละครับ”
“เล่าให้พี่ญาฟังหรือยังคะ”
“ให้เสร็จงานนี้ก่อน พี่เค้าว่าจะสัมภาษณ์เป็นเรื่องเป็นราว..”
“เรื่องน่าสนใจมาก” นาทีแสดงความคิดเห็น และยังไม่ทันที่ทั้งสามจะสนทนากันด้วยเรื่องอื่น ๆ ไฟในห้องจัดเลี้ยงก็ลาแสงบ่งบอกให้แขกผู้มีเกียรติที่นั่งเป็นสักขีพยานอยู่ในงานรู้ว่า ลำดับขั้นตอนสำคัญบนเวทีกำลังจะเริ่มขึ้น..ศุภนิมิตรรีบขอตัวกลับไปที่โต๊ะ ซึ่งมีคนในครอบครัวของเขานั่งอยู่เต็มทุกที่นั่ง
และนาทีกับแพรวพรรณใช้สายตาคุยกัน..ด้วยอดใจไว้ไม่ไหวแพรวพรรณจึงกระซิบเป็นรหัสถามนาทีไปว่า..“กินได้ไหม”
“ไม่รู้..รู้แต่ว่าน่ากิน”
“ให้พี่ญาช่วยสานสิ..”
“ไม่เอา..”
“ทำไมล่ะ..”
นาทีกลอกตาไปมายิ้มนิด ๆ ก่อนจะตั้งสติตอบว่า “มีน้องนุ่งน่ารัก ๆ สักคน ความสุขมันน่าจะยืดยาวกว่าจีบมาเป็นคนรู้ใจแล้วสุดท้ายมันก็ไม่ใช่เรื่องจริง..”
“หนึ่งโตขึ้น”
“ความเจ็บปวด ความผิดหวังมันก็มีข้อดีของมันเหมือนกันแพรว”
ผืนผ้าใบที่ห้อยลงมามีแสงไฟจากเครื่องฉายสไลด์สายแสงเข้าไป..ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่เงียบกริบด้วยทุกคนอยากรู้ว่า เจ้าสาวกับเจ้าบ่าวจะพรีเซนต์ประวัติความเป็นมาของทั้งคู่ตามธรรมเนียมปฏิบัติอย่างไร..และพอความเงียบปกคลุมห้องจัดเลี้ยงได้อึดใจ ที่ลำโพงก็มีเสียงพิมพ์ดีด ‘ต๊อกแต๊ก ๆ’ ดังกังวานและบนผืนผ้าใบก็ปรากฏตัวอักษรพร้อมกับเสียงบรรยายตามตัวอักษรเป็นเสียงเนิบนาบมีลีลาเต็มไปด้วยอารม์ของหิรัญญา..
ซึ่งมันก็เรียกรอยยิ้มและหยาดน้ำตาของแพรวพรรณ ได้ในทันที
..เพราะหนึ่ง..แพรวพรรณเป็นนักเขียนอยู่กับจินตนาการอยู่กับความฝัน..จึงรู้ว่าแต่ละบรรทัดที่กว่าจะกลั่นออกมาจากอารมณ์ความรู้สึกนั้นมันยากเย็นเพียงใด
...สอง แพรวพรรณดีใจกับหิรัญญาซึ่งวันนี้แพรวพรรณยกไว้ให้เป็นพี่สาวที่เธอเคารพนับถือคนหนึ่ง..ซึ่งการเป็นฝั่งเป็นฝาของพี่สาวคนนี้แพรวพรรณก็พลอยตื้นตันใจไปด้วย..
‘ฉันเขียนนิยายมาหลาบสิบเรื่อง มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ฉันเขียนไปและก็อดครุ่นคิดไม่ได้ว่า มันเป็นไปได้หรือ...ตัวละครเจอกันเพียงวันสองวันแล้วตกลงปลงใจแต่งงานกัน ..แต่ฉันก็ทำงานชิ้นนั้นใส่เหตุผลใส่ความน่าจะเป็นจนสำเร็จเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนนักอ่าน แต่ลึก ๆ ฉันก็ยังไม่เชื่อว่า มันจะเป็นเรื่องจริง...จนกระทั่งวันหนึ่ง....’
แพรวพรรณก้มหน้าใช้หลังมือซับน้ำตา แต่ว่านาทีส่งผ้าเช็ดหน้าที่พกไว้ประจำมาให้..แพรวพรรณปรายตามองหน้านาทีเขาก็มีน้ำตาคลอหน่วยตาเช่นกัน..
‘ฉันมาสัตหีบกับแพรวพรรณเพื่อนนักเขียน เพราะต้องการข้อมูลเกี่ยวกับทหารเรือไปเขียนนิยาย..ตอนที่ฉันพบเขาครั้งแรก เขานั่งซุกตัวอยู่บนโซฟาในล็อบบี้ของโรงแรม..ตอนนั้นฉันสะดุดตากับแข้งขาเนื้อตัวและใบหน้าของเขา..และด้วยไม่อยากให้เวลารอคอยเพื่อนของฉันผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ ฉันจึงกระโจนเข้าไปทักเขา...’
ระหว่างที่เสียงของหิรัญญาบรรยายไปนั้นก็มีภาพในอดีตของหิรัญญาขึ้นมาด้วย..จนกระทั่งในจอเป็นภาพของศุภโชคและเสียงที่บรรยายถัดมาก็เป็นเสียงของเขา..
‘เขาจู่โจมเข้ามาชวนคุย จนผมตั้งตัวแทบไม่ทัน แต่คุณญาเป็นคนคุยสนุกและเป็นธรรมชาติ ทำให้ความเก้อเขินความประหม่ายามที่อยู่ต่อหน้าผู้หญิงแปลกหน้าหายไปจากความรู้สึก และผมก็รู้สึกว่า เหมือนผมรู้จักกับเขามาเนิ่นนาน..และช่วงเวลาที่อยู่ใกล้ ๆ กันเพียงไม่กี่วันผม ผมรู้สึกได้ว่าเธอคือผู้หญิงที่ผมฝันถึง..แล้วผมจะปล่อยให้เธออยู่เพียงลำพังไปได้อย่างไร..’
หลังจากเสียงของเจ้าบ่าวเฟรดหายไป..อินโทรเพลง ‘หากันจนเจอ’ก็ดังขึ้นมา พร้อมกับภาพบนจอผ้าใบก็ค่อย ๆ เล่าเรื่องในอดีตของทั้งสองคน..
ซึ่งกว่า เจ้าบ่าว จะได้เป็น ทหารราชนาวี หรือ ทหารในกองทัพเรือของประเทศที่มีพระราชาหรือพระราชินีเป็นประมุข นั้น ต้องผ่านความยากลำบากทางการเรียนและการฝึกฝนมาไม่น้อย ส่วนเจ้าสาวนั้นแม้จะเป็นคนธรรมดา แต่ว่าด้วยงานที่ทำส่งผลต่อความรู้สึกของคนในวงกว้าง อาชีพนักเขียนนวนิยาย ก็ได้รับการยกย่องไม่แพ้กัน โล่ห์เกียรติยศใบประกาศเกียรติคุณที่ได้รับมานั้น ก็เป็นเครื่องยืนยันว่า..
ทั้งเขาและเธอนั้นเป็นคนของแผ่นดิน..
หลังจากผู้บังคับบัญชาในสายงานของเจ้าบ่าวคล้องพวงมาลัยมงคล ให้โอวาทแด่คู่บ่าวสาว พิธีการสำคัญที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง...พิธีกรชายหญิงบนเวทีเป็นเพื่อนของฝ่ายเจ้าบ่าวซึ่งทำงานอยู่ในฐานทัพเรือสัตหีบกล่าวถึงความสำคัญของพิธีลอดซุ้มกระบี่..
‘ซุ้มกระบี่ เป็นพิธีการสำคัญของนายทหาร นายตำรวจ เพราะกระบี่เป็นสิ่งที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การลอดซุ้มกระบี่จึงเป็นการต้อนรับคู่สมรสให้เข้าสู่การเป็นสมาชิก ของเหล่าทัพ การลอดซุ้มอาจจะเป็นการย้ำให้คู่สมรสตระหนักด้วยว่านับแต่นี้ไป คู่สมรสก็ต้องมีหน้าที่จะต้องสนับสนุนส่งเสริม การทำงานของอีกฝ่ายที่มีหน้าที่ปกป้องรักษาอธิปไตยและความสงบของประเทศ’
ดนตรีบรรเลงเพลง ‘คู่แท้’ ของเบิร์ด ธงชัย แมคอินไตย ดังขึ้น..
แพรวพรรณกับนาทียืดตัวตรงเพราะที่หน้าประตูทางเข้างานมีขบวนนายทหารในชุดขาวปกติสวมหมวกหม้อตาลถือกระบี่เดินแถวตอนเรียงสองจำนวนเก้าคู่มาหยุดที่ด้านหน้าเวที..
นายทหารหัวแถวซึ่งหันหน้ามาทางที่แพรวพรรณนั่งอยู่นั้นคือเรือเอก จิรวัติ สุกปลั่ง ใบหน้านิ่ง ๆ กับแววตามุ่งมั่นดูภาคภูมิใจของเขา ทำให้แพรวพรรณต้องอมยิ้มดวงตานั้นเต็มไปด้วยความแช่มชื่น..
“ผู้การเรือคนไหน” แพรวพรรณแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่า แม่ซึ่งสนใจแถวนายทหารที่มาทำซุ้มกับกระบี่ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะสะกิดถาม..
“คนหัวแถวที่หันหน้ามาทางเรานั่นแหละค่ะ”
รอยยิ้มผุดขึ้นที่ใบหน้าของวันเพ็ญ ภาพในอดีต ครั้งที่ตนเองไปเยี่ยมทหารเกณฑ์เมื่อครั้งฝึกได้ครบสามเดือนในกองพัน ทำให้น้ำตาของวันเพ็ญคลอหน่วยตา ตอนนั้นเธอรักพ่อของผู้การจิรวัติเป็นอย่างมากเพียงแค่เห็นเครื่องแบบทหารเกณฑ์เธอก็ปลื้มใจอยู่ไม่น้อย..
...วันเพ็ญถอนหายใจเบา ๆ อดีตเธอเคยต้องการความรัก เงินทอง และเกียรติยศ หากว่าพ่อของ จิรวัติคิดจะไต่เต้า คิดเรียนต่อ คิดสอบเลื่อนขั้น เธอก็จะรอคอย..แต่เขาก็เลือกที่จะเป็นคนธรรมดา เป็นชาวนา มีชีวิตอยู่กับคนที่มีฐานะเสมอกัน..
วันเพ็ญมองหน้าลูกสาวที่มองภาพเรือโทศุภโชคประคองหิรัญญาเพื่อนนักเขียนผู้รักชีวิตอิสระเสรีเข้าสู่ซุ้มกระบี่ด้วยดวงตาระยิบระยับ นางก็พอเดาใจของลูกสาวออก..
ได้เป็นเจ้าสาวที่มีเจ้าบ่าวพร้อมรับเข้าสู่อ้อมแขนอย่างเต็มภาคภูมิก็ยากในยุคปัจจุบัน แต่ว่าได้เจ้าบ่าวที่มีเกียรติยศมอบให้ด้วยยากยิ่งกว่า..
และเมื่อพิธีการลอดซุ้มกระบี่เสร็จสิ้นเรียบร้อย เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องห้องจัดเลี้ยง..เจ้าบ่าวเจ้าสาวจุดเทียนมงคลและตัดเค้กมงคล..แสงแฟลตจากตากล้องทั้งจากร้านเวดดิ้งและจากคนมาร่วมงานสว่างจ้า...
และที่ทำให้แพรวพรรณถึงน้ำตาไหลออกมาก่อนจะโผเข้ากอดแม่ เมื่อแม่พูดเบา ๆ ว่า..
“งานเลี้ยงแต่งงานของแพรวกับผู้การจิรวัติแม่ขอให้ไปจัดนครสวรรค์นะ”
‘แล้ววันหนึ่งเธอนั้นก็มา ฉันรู้สึกเธอนั้นคุ้นตา..เหมือนบางสิ่งฉุดฉันให้เดินเข้าหา ให้มารักและรู้ใจกัน ตั้งแต่เจอเรานั้นคุ้นเคย..เหมือนรู้จักมาแล้วเนิ่นนาน..ถ้าจะบอกเหตุผล เรื่องเธอกับฉัน ก็ไม่เห็นจะมีข้อไหน..บางครั้ง...ฉันคิดเอง ว่าฟ้าสร้างมาอย่างตั้งใจ..’
ระหว่างที่คู่บ่าวสาวเดินนำเค้กมงคลไปให้ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย เสียงเพลงคู่แท้ ดังอ้อยอิ่งชวนให้จิตใจของคนที่ยังนั่งอยู่ในงานพลอยสดชื่นไปด้วย..
“แพรว” ผู้การจิรวัติเดินถือกระบี่เข้ามาหา แพรวพรรณยิ้มให้เขา และเขาก็เห็นว่า ที่ดวงตาของแพรวพรรณชุ่มฉ่ำไปด้วยรอยน้ำตา..
“เป็นอะไรรึ” เสียงที่ถามนั้นไม่ดังนัก
และด้วยเห็นว่า ผู้การจิรวัติกำลังยืนคุยอยู่กับแพรวพรรณที่นั่งอยู่ด้านข้าง นาทีจึงขยับไปนั่งเก้าอี้ตัวติดกันที่ยังว่าง และจิรวัติก็ถือโอกาสทรุดตัวลงนั่งแทนที่โดยพาดกระบี่ไว้บนตัก
“ซึ้งกับพี่ญาหรือ”..
“ค่ะ” แพรวพรรณก้มหน้างุด..
“แพรวลุกไปกับพี่หน่อย”
“ไปไหนคะ”
“จะพาไปแนะนำให้เพื่อน ๆ พี่ได้รู้จัก..” ว่าแล้วเขาก็หันไปหาแม่ของแพรวพรรณ
“เดี๋ยวผมขอตัวพาแพรวไปแนะนำให้เพื่อน ๆ นายทหารรู้จักหน่อยนะครับ”
วันเพ็ญพยักหน้า..และพอแพรวพรรณกับจิรวัติลุกขึ้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ถือถาดใส่เค้กเดินมาพอดี..
“จะไปไหนกัน.. ทานเค้กมงคลก่อน” หิรัญญาเสียงดังฟังชัดยิ้มกว้างสดชื่นเต็มกำลังเพราะนอกจากได้ฉลองมงคลสมรส คอนเซ็ปของงานที่ดึงหนังสือผลงานของตัวเองมาตั้งโชว์ ทำให้คนที่เคยติดตามผลงานกรี๊ดกร๊าดดีใจเมื่อได้เห็นนักเขียนที่สร้างสรรค์ผลงานออกมาได้น่าประทับใจมายืนอยู่ตรงหน้าและที่สำคัญหิรัญญาได้ก้าวเข้ามาเป็นศรีสะใภ้ของกองเรือยุทธการ..ซึ่งหลาย ๆ คนก็พยายามฝากฝังให้หิรัญญาเขียนเรื่องทหารเรือ ใช้ฉากสัตหีบ เพื่อประกาศให้คนในประเทศไทยได้รู้ว่าที่นี่น่าอยู่เพียงใด..
“คุณแม่ คุณพ่อคะ ทานเค้กมงคลให้หนูด้วยนะคะ” และพอถึงโต๊ะของแพรวพรรณคัพเค้กที่จัดเตรียมไว้ก็หมดลงพอดี ..หิรัญญากับศุภโชคจึงว่างที่จะยืนคุยได้นานกว่าโต๊ะอื่น ๆ..
“แพรว” หิรัญญาเดินมาหาแพรวพรรณ..แพรวพรรณที่ยืนคู่กับผู้การเรือจิตวัติสวมกอดหิรัญญาทันที....น้ำตาของแพรวพรรณรื้อขึ้นมาอีกรอบ..
“เมื่อกี้ตอนพี่ลอดซุ้มกระบี่..แพรวปลื้มใจมากค่ะพี่..”
“พี่ก็ปลื้มใจมาก..” ตอนที่เรือโท ศุภโชค ตระกองกอดให้เธอเดินลอดซุ้มกระบี่ของรุ่นพี่และเพื่อนนายทหารจำนวนเก้าคู่เพื่อไปจุดเทียนมงคลและตัดเค้กนั้น หิรัญญารู้สึกว่า เท้าของตนเองไม่ได้แตะพื้นเช่นกัน..
ถ้าเจ้าบ่าวไม่ใช่เขา..เธอก็ไม่มีวันได้รับความรู้สึกยิ่งใหญ่เช่นนี้..และหิรัญญาก็สัญญากับตัวเองว่า เมื่อเธอเขียนนิยายที่เกี่ยวข้องกับทหารเรือ เธอจะต้องทำให้ดีที่สุด..
“ดีใจกับพี่อีกครั้งนะคะ”
“งานแพรวคงจัดได้ยิ่งใหญ่อลังการกว่านี้”
“แพรวคงคิดอะไรเว่อร์ ๆ แบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะ”
“ไม่ต้องชม”..
ทั้งสองผละจากกันแล้วมองหน้ากัน..แพรวพรรณใช้หลังนิ้วชี้ข้างซ้ายซับหยดน้ำตาที่ร่องแก้มแล้วพยายามปั้นหน้าให้สดชื่น..
“ทำไมขี้แยจัง” หิรัญญามองหน้าของแพรวพรรณแล้วเอ่ยปากถาม..แพรวพรรณจึงได้จังหวะบอกให้หิรัญญาและคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้รับรู้ว่า
“แม่อนุญาตให้แพรวแต่งงานกับพี่ต้นกล้าได้แล้วค่ะ”
“จริง ๆ หรือแพรว” สีหน้าของผู้การจิรวัติเหมือนพลิกฝ่ามือ...ดวงตาของเขาเป็นประกายเจิดจ้าขึ้นมาก่อนจะหันไปหาแม่ของหญิงสาวที่หันมาเห็นหน้าของเขาพอดี..
“จริงหรือครับคุณแม่” พอวันเพ็ญพยักหน้ายิ้ม ๆ เขาก็เดินลงไปทรุดตัวลงข้างโต๊ะ โดยหิรัญญากับแพรวพรรรก็ตกตะลึงกับการกระทำของเขา..
“ขอบคุณครับคุณแม่ ขอบคุณที่เห็นใจเรา ขอบคุณครับ” ว่าแล้วเขาก็ยกมือพนมแล้วค้อมศีรษะลง..และวันเพ็ญก็รับมือที่กระพุ่มเป็นดอกบัวของเขาไว้..แพรวพรรณเห็นดังนั้นจึงรีบทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ เขาอีกคน..
ก่อนหน้านั้นใจของวันเพ็ญนั้นอ่อนยวบกับพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์นั้นไปแล้ว พอเห็นว่าเขาอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าหาทั้งที่สวมชุดทหารเต็มยศเต็มศักดิ์อคติที่เคยกั้นไว้ก็มลายไปสิ้น..
แม้เลือดครึ่งหนึ่งของเขาจะเป็นเลือดของนางจุกวันเพ็ญก็เต็มใจที่ยอมรับเขาไว้ให้เป็นลูกชายอีกคน
“พร้อมเมื่อไหร่ก็ให้พ่อแม่ส่งเถ้าแก่เข้ามาคุยแล้วกัน..เรื่องสินสอดทองหมั้นไม่ต้องกังวล..และถ้าฉันจะขอ ฉันก็ขอแค่ว่าให้รักลูกสาวของฉันเพียงคนเดียว เหมือนที่พ่อของเธอมีแม่เธอเพียงคนเดียว..เหมือน กับพ่อของน้องแพรวที่มีฉันเพียงคนเดียว ..ฉันขอเพียงแค่นี้ เธอจะให้สัญญากับฉันได้ไหม”
“ได้ครับ..ได้..ผมสัญญา สัญญาด้วยเกียรติของทหารเรือ..” เขารีบให้สัญญาเพราะมั่นใจว่า อนาคตตราบจนตายจากกันเขาจะมีแพรวพรรณเป็นผู้หญิงคนสุดท้าย..
ส่วนแพรวพรรณเองนั้น เมื่อเขาสัญญากับแม่อย่างชัดถ้อยชัดคำแล้ว..หญิงสาวก็บังเกิดความตื้นตันใจกับความรักของแม่ซึ่งที่แม่ขอสัญญาจากเขาอย่างนั้น เพราะอยากให้ชีวิตหลังการแต่งงานของเธอมีแต่ความสุขจริง ๆ..ส่วนความรักของเขาคงต้องให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์..
((สำหรับ ราชนาวีที่รัก คงโพสต์ได้เท่านี้ครับ อย่างไรติดตามฉบับรูปเล่มกับสนพ.ดอกหญ้า 2000 ในงานหนังสือเดือนมีนาคม ที่จะถึงนี้นะครับ...ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจที่มีให้กันมา...อย่างไรก็ฝาก ม่านพรหม กับ ในสวนศิลป์ ซึ่งเป็นภาคต่อ เรื่องราว น้องชายและน้องสาว ของผู้การจิรวัติด้วยนะครับ...จุ๊บ ๆ)
เมื่อพาครอบครัวอันได้แก่ พ่อแม่ พี่ชายพี่สะใภ้และหลานชายก้าวเข้าสู่งานฉลองมงคลสมรสของเรือโทศุภโชค กับ นางสาวหิรัญญา แพรวพรรณก็รู้สึกทึ่งกับความคิดของเจ้าสาว ที่ได้คุยโม้ไว้ว่า..
“ที่แรกฉันก็ว่าจะจัดแบบให้มันจบ ๆ ไป แต่พอเข้าไปที่เวดดิ้งสตูดิโอ..ดูภาพเก่า ๆ ของคนนั้นคนนี้ ฉันก็เลยคิดว่า ฉันก็นักคิดคนหนึ่ง แล้วทำไมงานแต่งซึ่งน่าจะมีเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิต ฉันจะไม่ทำเสียให้คนไปเลื่องลือ...”
เป็นที่น่าเลื่องลือ เพราะเป็นการแต่งงานของ ‘นักเขียน’ กับ ‘นายทหารเรือ’ ตัวตนของเจ้าบ่าวนั้นอยู่ที่ชุดเครื่องแบบสโมสรติดเครื่องหมายยศ สถานที่จัดงาน ประธานในพิธีและซุ้มกระบี่ที่สาว ๆ ฝันถึง..
แต่ว่าตัวตนของเจ้าสาวนั้น..ก็อยู่ที่ผลงานซึ่งเป็นที่ประจักษ์ของคนจำนวนไม่น้อย..และผลงานเหล่านั้นก็ถูกจัดมาแสดงไว้ที่มุมหนึ่งหน้าห้องจัดเลี้ยงเพื่อประกาศให้คนที่มาร่วมงานได้รู้ว่า แม้ต้นเรือหนุ่มคนนี้จะได้เมียอายุมากกว่า แต่เมียคนนี้ก็ใช้ก็หาใช่คนธรรมดาเสียที่ไหน...ผลงานหลายเรื่องถูกนำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์มีคนกล่าวถึงกันทั่วบ้านทั่วเมือง และอีกจำนวนไม่น้อยที่เป็นนิยายขายดีมีรางวัลแปะบนหน้าปก..
แพรวพรรณมองซุ้มดอกไม้ซึ่งมีรูปของเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านข้างแล้วก็อมยิ้ม..
เจ้าบ่าวอยู่ในชุดเครื่องแบบปกติขาวส่วนเจ้าสาวนั้นอยู่ในชุดกี่เพ้าสีแดงเกล้าผมมวยใหญ่อยู่ด้านข้างติดดอกไม้ดอกเล็ก ๆ ริมฝีปากของเจ้าสาวนั้นอมยิ้มพอประมาณแต่ว่าดวงตานั้นแพรวพรรณรู้สึกได้เลยว่าใจของพี่หิรัญญาตอนนั้นคงคิดว่า ‘..สุดท้ายฉันก็มีผัวจนได้..’
“คุณแพรว..” นงนุชร้องทัก แพรวพรรณจึงรีบกรากไปหานงนุชกับเพื่อน ๆ ที่มาช่วยทำหน้าที่เฝ้าโต๊ะลงทะเบียนรับซองช่วยงาน กับมอบของชำร่วยซึ่งเป็นสมุดบันทึกขนาด 4x6 นิ้ว พิมพ์หน้าปกสีชมพูอ่อนลายกุหลาบด้วยตัวอักษรนูนสีทองตัวใหญ่ว่า ‘ศุภหิรัญ’ กำกับไว้ด้วยวัน เดือน ปี ที่จัดงานไว้ที่มุมล่างด้านซ้าย
“สวัสดีค่ะคุณนุช...” พอทักทายนงนุชแล้วแพรวพรรณก็แนะนำพ่อแม่ให้นงนุชได้รู้จัก..หลังจากที่ได้เขียนข้อความอวยพรให้คู่บ่าวสาวแล้ว แม่ของแพรวพรรณก็หย่อนซองที่มีธนบัตรฉบับละหนึ่งพันบาทถึงห้าใบใส่ลงไปในกล่อง ซึ่งก่อนหน้านั้นแม่ก็ถามแพรวพรรณแล้วว่า
‘มากไปไหม’
เรื่องน้ำใจของแม่นั้นแพรวพรรณติดมาส่วนหนึ่ง แม่สอนเสนอว่าอย่าเอาเปรียบใครให้ถูกว่าลับหลังและช่วยใครได้ก็ต้องช่วย..แพรวพรรณจึงตอบแม่ไปว่า ‘ถ้าแม่ใส่เยอะขนาดนี้ ตอนแพรวแต่งพี่ญาจะลำบากใจนะคะ’ เพราะแพรวพรรณก็รู้ว่าหิรัญญาเองนั้นก็ใจใหญ่ไม่เบาทีเดียว..
‘..พูดอะไร ทำอะไร มันก็กลายเป็นเรื่องในอนาคตของเธอกับพ่อต้นกล้าเสียหมด’
‘ขอบคุณคุณแม่นะคะ’ ตอนนั้นแพรวพรรณรวบรัดเพราะเห็นว่า เมื่อวานตอนที่พี่ต้นกล้าพาเที่ยว
ชมสถานที่ต่าง ๆ พร้อมกับบรรยายให้ความรู้ ช่วงแรก ๆ แม่ทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจ แต่พอเวลา
ผ่านไปแม่ก็เป็นฝ่ายซักนั่นถามนี่เดินตามติดไกด์หนุ่มกิตติมศักดิ์จนพี่พงศ์ต้องกระซิบถาม..
‘สรุปว่าไอ้ต้นกล้ามันเอาชนะใจแม่ได้แล้วใช่ป่ะ’
หลังจากได้ของชำรวยมาแล้วแพรวพรรณกับครอบครัวก็ขอตัวออกจากจุดลงทะเบียนเพื่อไปเดินดู ‘สตอรี่’ เรื่องราวความรักของคู่บ่าวสาวที่ภูมิใจนำเสนอ..
จุดแรก หมายเลข 1 ปกสมุดบันทึกที่แจกเป็นของชำร่วยถูกขยายใหญ่ เพิ่มข้อความว่า ‘นวนิยายโรแมนติก-ดราม่า’ ไว้ด้านบน..บรรทัดถัดมา เป็นตัวอักษรขนาดใหญ่ เขียนว่า ‘ศุภหิรัญ’ ประพันธ์โดย ศุภโชค-หิรัญญา
จุดที่สอง เป็นจุดบอกคาแรกเตอร์ตัวละครพระเอก ‘เรือโทศุภโชค’ พร้อมประวัติความเป็นมา คร่าว ๆ ประกอบรูปถ่ายในอดีตของเจ้าบ่าว รวมถึงรูปเดี่ยวหลายต่อหลายภาพ ซึ่งมีภาพชุดเครื่องแบบของนายทหารเรือรวมถึงชุดลำลองธรรมดา
จุดที่สาม บอกคาแรกเตอร์นางเอก ‘นางสาวหิรัญญา’ ประวัติความเป็นมาคร่าว ๆ พร้อมรูปถ่ายในอดีต กับรูปถ่ายที่บ้านในตลาดบ้านใหม่ และฝีมือของตากล้อง ภาพที่บ้านกับอิริยาบทชีวิตประจำวันก็ทำให้ความเป็นศิลปินของเจ้าสาวชัดเจนขึ้นมา
จุดที่สี่ เป็นภาพ บนเรือหลวงจักรีนฤเบศรกับภาพสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในฐานทัพเรือสัตหีบซึ่งเป็นวันที่ทั้งคู่ได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น..จนกระทั่งมีวันนี้
จุดที่ห้า เป็นภาพวันทำพิธีแต่งงานตามประเพณีที่ตลาดบ้านใหม่ฉะเชิงเทราเมื่อวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา..และที่เก๋ไก๋เรียกรอยยิ้มเป็นอย่างมากคือภาพของเจ้าสาวอุ้มหนังสือผลงานของตนจำนวนหนึ่งซ้อนมอเตอร์ไซด์คันใหญ่ของเจ้าบ่าวซึ่งอยู่ในชุดนายทหารเรือสวมแว่นตาดำ
และจุดสุดท้ายที่ดึงความสนใจแขกที่มาร่วมงานระดับหนึ่งก็คือ ผลงานนิยายรวมเล่มของเจ้าสาว ซึ่งพี่หิรัญญาขนหนังสือมาเรื่องละประมาณสิบเล่ม แล้วทุกเล่มเปิดไปก็มีลายเซ็นกำกับข้อความว่า ‘ที่ระลึกในงานแต่ง’ และที่บนกองหนังสือก็มีป้ายขนาดตัวอักษรพออ่านได้ง่าย ๆ ว่า ‘ราคาเล่มละ 100 บาท รายได้เข้ากองทุนอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล...สนใจเล่มไหนเอาเงินใส่กล่องได้เลยค่ะ..’
ตรงนั้นไม่มีคนเฝ้า มีแต่คนเลือกดูหนังสือ เอาเงินใส่กล่อง แล้วก็ถือหนังสือไปหาเจ้าบ่าวเจ้าสาวซึ่งยืนรอรับแขกอยู่หน้าห้อง..ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกแล้วก็เดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง..
“แม่หิรัญญานี่มันเหลือเกินจริง ๆ นะ งานแต่งก็ยังเอาของมาขายได้” วันเพ็ญเปรยกับลูกสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“พี่เค้าคิดอะไรไม่เหมือนใครหรอกค่ะ..”
“แล้วงานแต่งเธอจะทำอย่างเค้าหรือเปล่าล่ะ”
“ต้องปรึกษากับเจ้าบ่าวด้วย”
“งานเธอต้องมาปรึกษาชั้น”
“แล้วแม่จะให้แพรวมาใช้ห้องจัดเลี้ยงที่สัตหีบหรือเปล่าคะ”
“แล้วเธอมั่นใจได้อย่างไรว่าเจ้าบ่าวของเธอคือนายต้นกล้า”
“แม่อ่ะ”
“เวลาเปลี่ยน อะไร ๆ ก็เปลี่ยนได้ โลกใบนี้ไม่มีอะไรแน่นอนหรอก..ไป ไป เข้าไปในงานกัน” พูดจบวันเพ็ญก็เดินนำสามี ลูกชายที่อุ้มหลาน ลูกสะใภ้ และลูกสาวไปหาเจ้าบ่าวเจ้าสาวเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกตามธรรมเนียม
ขณะที่ครอบครัวของแพรวพรรณกำลังถ่ายรูปคู่กับเจ้าบ่าวเจ้าสาวอยู่นั้นประตูห้องจัดเลี้ยงด้านซ้ายมือก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นร่างกายสมส่วนของเรือเอกจิรวัติ สุกปลั่ง ซึ่งวันนี้เขาอยู่ในชุดปกติขาวมีกระบี่ที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่ในมือข้างขวา เพราะวันนี้เขาจะต้องทำซุ้มกระบี่ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวลอดตามธรรมเนียมที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน
“อุ้ย..ผู้การ..เชิญค่ะเชิญ..มาถ่ายรูปด้วยกัน” เจ้าสาวในชุดฟูฟ่องร้องเรียกอย่างรู้บท ผู้การจิรวัติเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม..แพรวพรรณยิ้มตอบ...ส่งสายตาคุยกัน..ด้วยก่อนหน้านั้นช่วงที่อยู่กับครอบครัวของเธอ เขาก็ไม่ได้ทำรุ่มร่ามแสดงความใส่ใจเธอจนทำให้พ่อแม่นึกขวาง แต่เขาเอาช่วงเวลานั้นดูแลเอาใจใส่เหมือนพ่อกับแม่ของเธอเป็นพ่อแม่ของตัวเอง เขาเรียกว่า ‘แม่’ เรียก ‘ป๊า’ ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ..ซึ่งป๊าเองนั้นเทใจกับเขาอย่างเห็นได้ชัด ส่วนแม่ แม้จะยังกั๊กอารมณ์อยู่บ้าง แต่ภาพรวมนั้น เขาก็ทำให้แม่ยิ้ม หัวเราะ และพูดคุยกับเขาได้อยู่ตลอดเวลา..
และที่สำคัญ ตอนที่แม่ถามเขาว่า ‘อยู่มาจนป่านนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีใคร..’
เขาก็ตอบแม่ไปว่า ‘ใครที่เคยมี เค้าไม่ใช่เนื้อคู่ เค้าก็มีอันต้องไป..คนที่ใช่ ไกลแค่ไหนก็ต้องมา..ซึ่งน่าจะเชื่อได้ว่าเป็นพรหมลิขิต’
และแพรวพรรณก็เชื่อว่า พระพรหมได้ลิขิตให้เขาคู่กับเธอ เช่นกัน..
เพราะตั้งแต่วันที่เธอขอให้เขาพิจารณาเรื่องน้องฐา หลังจากที่เจ้าหล่อนประสบอุบัตเหตุอีกสักครั้ง เขาก็ไม่เคยทำตัวให้เธอระแวงแคลงใจในความรักของเขาที่มีให้เธออีกเลย..
ระหว่างวันมีแต่มธุรสวาจาที่ทำให้จิตใจของเธอรื่นรมย์..ความห่วงใย ความรู้สึกจากใจว่า ‘คิดถึง’ถูกส่งมาหาเธอหลากหลายรูปแบบ..
โทรศัพท์มีเสียงคลื่นเสียงลม เสียงนกร้องแทรกเสียงนุ่มทุ้มของเขามีถึงเธออย่างน้อยวันละหนึ่งครั้ง
ภาพวิดีโอยามที่ออกเรือพร้อมคำบรรยายเสมือนหน้าต่างทำให้เธอมองเห็นโลกของเขาที่ประชาชนคนธรรมดายากจะไปเห็น..
ข้อความ คำกลอน ผ่านโปรแกรมเฟสบุ๊คที่ส่งมาสัปดาห์ละหน มันทำให้เพื่อน ๆ และแฟนคลับของเธอพากันอิจฉา..
และด้วยเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้า..เธอกับเขาจึงได้สนทนาผ่านทางอินเตอร์เห็นหน้าสบตาและส่งจูบให้กันเกือบจะทุกวัน..
และวันนี้เพียงแค่เขายิ้มกริ่ม..เธอก็รู้ทันทีว่าเขาจะเขาไปยืนที่มุมไหนของภาพที่ตากล้องกำลังจะทำการบันทึก..
และรูปแรกก็จบลงทีว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวยืนอยู่ตรงกลาง ขนาบข้างเจ้าสาวนั้นเป็นแพรวพรรณ พี่ชายพี่สะใภ้หลานชาย ขนาบข้างเจ้าบ่าวเป็นพ่อแม่ของแพรวพรรณและผู้การ..
แต่ด้วยเห็นว่ารูปจะออกมาไม่สวย เจ้าสาวจึงเอ่ยว่า..
“ผู้การเชิญตรงกลางหน่อยค่ะ..” จิรวัติอ้อมด้านหลังไปตรงยืนอยู่ตรงกลางระหว่างเจ้าบ่าวเจ้าสาว แต่ว่าเจ้าสาวก็เร็วพอจะสลับตำแหน่งดึงแพรวพรรณมาแทนที่ตน..ตากล้องกดชัตเตอร์..ได้ภาพที่สอง..
แต่ว่าภาพที่สามนั้นเจ้าบ่าวก็เดินอ้อมหลังว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเดินไปหาเจ้าสาวของตน..ภาพนั้นจึงกลายเป็นว่า แพรวพรรณยืนยิ้มเคียงคู่กอดเอวผู้การจิรวัติโดยมีพ่อกับแม่ของแพรวพรรณยืนอยู่ข้าง ๆ ..
และขณะตากล้องกดชัตเตอร์ภาพที่สี่ ห้า หก อยู่นั้นที่หน้างานก็ปรากฏร่างของฐาปนิสรพร้อมกับเพื่อน ๆ แก๊งดอกฟ้า ซึ่งการมาในครั้งนี้ ทำให้นงนุช ต้องรีบเดินมาหาเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่รายล้อมไปด้วยครอบครัวของแพรวพรรณและว่าที่ลูกเขย..
และพอถึงตัวผู้การจิรวัติ นงนุชก็สะกิดให้ผู้การมองไปหาคนที่น่าจะมาร้ายมากกว่ามาดี ซึ่งฐาปนิสรก็กราดตามองงานด้วยดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำ...
แพรวพรรณกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ...ที่กำลังจะลงเอยด้วยดี อาจจะพังครืนก็ได้ แต่ว่าหิรัญญาก็ไหวตัวทัน..
“แพรว พาคุณแม่คุณพ่อเข้าห้องไปเลย โต๊ะครอบครัวของแพรวมีป้ายติดไว้ เข้าไปแล้วเดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายเลยนะ..แล้วหนึ่งมาถึง พี่จะให้มันไปนั่งที่โต๊ะแพรวนั่นแหละ”
“ไปค่ะคุณแม่..” แพรวพรรณรีบเดินนำหน้า พงศ์พันธุ์กับภรรยาก็รีบดันแม่กับป๊าเข้าห้องไปโดยทำเป็นไม่รู้เรื่องว่าจิรวัติกำลังมีปัญหาเข้ามาให้แก้..
“สวัสดีค่ะผู้การ” เพื่อนของฐาปนิสรยกมือไหว้นายทหารเรือหนุ่ม ซึ่งวันนี้พอเขาแต่งตัวเต็มยศมันดูภูมิฐานมีสง่าราศีชวนให้ยำเกรงอยู่ไม่น้อย..
จิรวัติที่ไม่ได้ถือหมวกหม้อตาลสีขาวออกมาจากโต๊ะซึ่งมีเพื่อนนายทหารนั่งรอทำซุ้มกระบี่ให้เจ้าบ่าวยกมือรับไหว้..ส่วนฐาปนิสรซึ่งที่แขนยังเข้าเฝือกอยู่นั้นเชิดหน้ามองไปทางอื่นอย่างถือดี..
“มากันได้อย่างไรครับ”
“พวกเราก็รู้จักพี่โชคเหมือนกัน เค้าแต่งงานทั้งทีก็ต้องมาแสดงความยินดี” ใบหน้าของฐาปนิสรเรียบเฉย บ่งบอกให้รู้อารมณ์ข้างในว่าสุมไว้ด้วยไฟ
“พี่หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น”
“แล้วพี่ต้นกล้ากลัวว่าฐาจะมาทำอะไรหรือคะ”
จิรวัติยืนนิ่ง ไม่ต่อปากต่อคำ..เพราะเขาเองก็ไม่อยากเพิ่มเชื้อไฟให้กับฐาปนิสร และเสียงของหิรัญญาผู้เป็นเจ้าภาพก็ทำให้เขารู้สึกเบาใจกับปัญหาต้องรีบตัดไฟเสียแต่ต้นลมนี้..
“สวัสดีค่ะ มากันพร้อมหน้าพร้อมตาเลย ขอบคุณมาก ๆ ที่ให้เกียรติมางานของพี่..มากันสี่คนใช่ไหม”
“ค่ะ..” นกตอบพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร ส่วนจอยกับก้อยนั้นชะเง้อชะแง้ดูรูปภาพของเจ้าของงานด้วยความสนใจ
“เข้าไปดูกันเลยค่ะ พี่ภูมิใจนำเสนอ..” หิรัญญาพยายามเกลี่ยบรรยากาศให้เป็นกันเองและแสร้งลืมเรื่องในอดีตทั้งหมดกับไม่พยายามคิดว่าคนที่ไม่ได้รับเชิญนั้นจะมาร้าย
“ขอนกถ่ายรูปคู่กับพี่ได้ไหม”
“ได้สิ..ไป ๆ”
ก้อยกับจอยรีบเดินตามนกกับเจ้าสาวไปหาเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่หน้าซุ้มกุหลาบ..ทิ้งให้จิรวัติยืนถอนหายใจเบา ๆ แต่เขาก็เดาว่า วันนี้ฐาปนิสรน่าจะมาดีมากกว่ามาร้าย ด้วยเพื่อน ๆ ทั้งสามนั้นดูมีความสุข..
เมื่ออยู่ตามลำพังฐาปนิสรตัดสินใจพูดจี้ใจดำดักทางกลับไป
“พี่คงกลัวว่าฐาจะมาทำให้พี่เดือดร้อน”
“น้องฐาสบายดีนะ” น้ำเสียงของจิรวัติอ่อนโยน จนอารมณ์พลุ่งพล่านของฐาปนิสรต้องตกตะกอน และเมื่อเห็นว่าประชดประชันระบายอารมณ์ไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ฐาปนิสรจำต้องพูดเข้าเรื่องสำคัญที่ได้เตรียมตัวมา..“ฐาจะมาลาพี่ไปเรียนต่อ เดือนหน้าฐาจะบิน”
“พี่ดีใจด้วยนะ”
“แต่งงานพี่ กับพี่แพรว ฐาคงไม่ได้อยู่แสดงความยินดี” พอฐาปนิสรเอ่ยออกมาอย่างนี้ ใจที่หน่วง ๆ เหมือนมีหินมาทับของจิรวัติก็พลันเบาหวิวขึ้นมา สีหน้าของเขาสดชื่นขึ้นจนฐาปนิสรแทบจะร้องไห้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเธอร้องไห้และคิดว่าเวลาเดือนกว่า ๆ ที่ไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียงของเขา เธอทำใจได้แล้ว แต่ว่าพอเห็นหน้าถอดสีของเขาเมื่อครู่ เธอก็รู้ว่า เธอเดินกลับมาวันนี้ เขาคงคิดว่าเธอมาสร้างปัญหาให้เขา และเขาก็พร้อมจะแก้ไขปัญหานั้นอย่างคนใจดำ..และถ้าเธอทำอย่างนั้น เธอเองก็จะเจ็บใจขึ้นอีกทับทวีคูณ
“ยังไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่”
“ขาดเหลืออะไรฐายินดีช่วยนะคะ”
“คงไม่มีหรอก”
“ทางนั้นเขาก็รวยไม่น้อยไม่ใช่หรือคะ”
“ก็ระดับหนึ่ง”
“ฐายังรักพี่ต้นกล้านะคะ”
“ฐา” จิรวัติอุทานเบา ๆ และพอสบตากับสายตาที่เคยคุ้นเขาก็เห็นว่ามันมีน้ำตาคลอครอง
“ต่อไป พี่ต้นเป็นพี่ แล้วน้องฐาก็เป็นน้อง..น้องสาว” ฐาปนิสรรวบรัดตามประสาคนตรง ซึ่งข้อดีข้อนี้เองที่ทำให้ฐาปนิสรไม่มีปัญหาเรื่องสับรางผู้ชาย ถ้าจบสำหรับหล่อนก็คือจบ ไม่มีลังเล ไม่มีรักเผื่อเลือก หรือเลี้ยงไข้ไว้สำหรับเป็นตัวสำรอง..
จิรวัติยิ้มบาง ๆ ก่อนจะบอกว่า “ขอให้ฐาให้เจอคนที่คู่ควร..”
“เจอแล้วค่ะ..เยอะแยะมากมาย”
“เราจะไม่พูดถึงอดีตกันอีก ดีไหม”
“ก็คงจะดี..”
“งั้นก็ไปข้างใน..” ว่าแล้วเขาก็โก่งแขนให้ฐาปนิสรเกาะ..
พอเห็นสีหน้าของคนทั้งคู่ หิรัญญาที่นกกระซิบบอกความในใจของน้องฐาไว้แล้ว ก็รู้ว่าผู้การจิรวัติและหญิงสาวตรงหน้าเป็นพี่น้องกันแล้วจริง ๆ..แม้จะดีใจกับแพรวพรรณที่อุปสรรคหมดไป แต่ดวงตาเศร้า ๆ ของฐาปนิสรก็ทำให้หิรัญญาโผเขาไปกอดฐาปนิสรถ่ายทอดความรู้สึกเห็นใจไปให้..
“พี่ดีใจกับทางออกเป็นแบบนี้นะน้องฐา”
“ขอให้พี่ญามีความสุขกับชีวิตคู่ทุก ๆ วันนะคะ..ฝากบอกพี่แพรวด้วยว่าฐา ฐาฝากพี่เค้าดูแลพี่ต้นด้วย..” บอกความในใจไปแล้วฐาปนิสรก็ร้องไห้อย่างคนใจสลาย..แม้จะไม่อยากร้องไห้ตามให้ใบหน้าที่แต่งไว้เลอะแต่ด้วยเป็นคนอ่อนไหวหิรัญญาจึงต้องทิ้งเม็ดน้ำตาให้กับความรักของฐาปนิสรกับผู้การเรือสุดหล่อไปด้วย..
นงนุชพาหนึ่งเข้ามานั่งที่โต๊ะของแพรวพรรณ พร้อมกับส่งข่าวให้แพรวพรรณได้รู้ว่าฐาปนิสรกับ เพื่อน ๆ ขอตัวกลับไปแล้วโดยจากที่คิดว่าจะมาร้ายก็กลับเป็นเรื่องตรงกันข้าม และพอนงนุชเดินจากไปแพรวพรรณก็แนะนำให้พ่อแม่รู้จักกับเพื่อนชายคนสนิท ซึ่งคบหากันมาตั้งแต่สมัยเข้ามาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ
“คนที่ไหนละแม่แพรว..หน้าตาท่าทางใช้ได้เลย” วันเพ็ญถามหลังจากพินิจพิจารณาแล้วว่า เพื่อนชายของลูกสาวคนนี้ใช้เครื่องแต่งกายบ่งบอกฐานะทางการเงิน กิริยาการวางตัวต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่นั้นก็ดูเป็นธรรมชาติเหมือนคนที่เข้าสังคมชั้นสูงเป็นอาจิณ
“คนนครศรีฯค่ะแม่”
“ถึงว่าคมเข้ม แล้วเค้ามีแฟนหรือยัง..”
“มีแล้วค่ะ แต่เลิกกันแล้ว..วันนี้ก็เลยต้องมาคนเดียว..” บอกแม่ไปแล้ว แพรวพรรณก็หันไปหานาทีที่หันซ้ายแลขวามองงานและมองคนมาร่วมงาน..
“ไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ เนอะแพรว”
“ปวดใจอีกแล้วซิ” ด้วยรู้ว่า ชาตินี้นาทีจะไม่มีได้จัดงานแต่งงานแบบนี้ และเขาก็เจ็บแปลบทุกครั้งที่ไปงานแต่งเพื่อน ๆ แพรวพรรณจึงต้องถามไปอย่างนั้น
“ก็มีบ้าง..สำหรับงานพี่ญา หนึ่งไม่อิจฉาเขาหรอก..ดีใจกับพี่เค้าจริง ๆ ..”
“แพรวก็ดีใจกับพี่เค้า..คิดไม่ถึงเหมือนกันว่ามันจะรวดเร็วแบบนี้”
“งานพี่เขาอลังการดีเนอะ”
“พี่เค้าว่าชีวิตนี้แต่งครั้งเดียว ก็เอาให้คนจดจำไปเลย..”
“แล้วงานแพรว คิดอะไรไว้บ้างหรือยัง”
“อย่าเพิ่งไปพูดถึงมันเลย..หนึ่ง..” แพรวพรรณกระซิบบอกนาทีเมื่อเห็นว่า น้องชายคนเล็กของคุณศุภโชคลุกออกจากโต๊ะที่นั่งอยู่กับครอบครัวแล้วเดินมาหา ซึ่งแพรวพรรณรู้จักเขา จากรูปถ่ายงานแต่งของหิรัญญาที่แปดริ้ว ซึ่งพี่ต้นกล้ากับพี่หิรัญญาได้ชี้บอกเล่าไว้
“สวัสดีครับ” พอมาถึงเขาก็ยกมือไหว้คนที่นั่งอยู่ทั้งโต๊ะ..
“อ้าว มิตร” นาทีหันไปทักด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม..
“น้องเจ้าบ่าวครับ” นาทีถือโอกาสแนะศุภนิมิตรให้พ่อแม่และพี่ชายพี่สะใภ้รวมถึงแพรวพรรณให้รู้จักน้องชายของเจ้าบ่าว ซึ่งคนอื่น ๆ ก็ยกมือรับไหว้และยิ้มให้อย่างเป็นมิตร..
“นั่งก่อนสิ..”
“พี่หนึ่งมาถึงนานหรือยังครับ” เขาไม่ยอมนั่งลงบนเก้าอี้ว่างข้างตัวนาที แต่เขาก็ยืนคุยทิ้งระยะห่างจากนาทีและแพรวพรรณพอให้ทั้งสองคนไม่เมื่อยคอขณะสนทนา
“เพิ่งมาถึง....มิตรรู้จักพี่แพรวหรือยัง”
“ได้ยินพี่โชคพูดถึงไม่ขาดปาก แต่เพิ่งเห็นตัวจริงวันนี้ครับ”
“พี่ญาก็พูดถึงน้องมิตรให้พี่ฟังเหมือนกัน..” สีหน้าของแพรวพรรณเต็มไปด้วยความชื่นชม..และเมื่อศุภนิมิตรเลิกคิ้ว แพรวพรรณจึงต้องรีบบอกไปว่า “ในเชิงชื่นชมค่ะ..ส่วนหนึ่งที่พี่หิรัญญายอมสละโสดก็เพราะเขาชอบความน่ารักของครอบครัวของคุณศุภโชคด้วยค่ะ..”
“ได้ยินว่าพี่ญาจะผูกให้เป็นนิยายด้วย ผมนึกไม่ออกเลยว่ามันจะออกมาแบบไหน”
“พี่ญาเขียนงานได้หลายแนว แนวน่ารัก ๆ สร้างสรรค์ เขาทำได้ดีค่ะ..”
“พี่เขาคงเขียนให้พี่ศุภโชคเป็นพระเอก”
“เขาคงเกลี่ยบทให้เสมอกันค่ะ..พระเอกสามคน ต่างวิถีทางเดิน นางเอกสามคนต่างบุคลิก พี่รออ่านเหมือนกัน”
“แล้วนี่ ไม่มีนางเอกมาด้วยเหรอ” เพราะวันทำพิธีทางศาสนานาทีไปที่ฉะเชิงเทราคนเดียว ด้วยกลัวว่านาทีจะเก้อเขินหิรัญญาจึงฝากศุภนิมิตรน้องชายเจ้าบ่าวให้ช่วยดูแลนาที และช่วงเวลาสั้น ๆ นั้นนาทีก็แอบประทับใจกับอัธยาศัยของหนุ่มคนนี้ แต่ว่าจะสานความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้ง นาทีก็ระลึกว่าไม่มีประโยชน์
ดังนั้นความรู้สึกดี ๆ จึงถูกเก็บเงียบไว้จนกระทั่งวันนี้..ศุภนิมิตรลุกขึ้นมาหามาทักแบบนี้ มันก็น่าจะหมายถึง เขาเองก็อยากคบหากับเขาในลักษณะพี่น้อง และที่ต้องถามไปอย่างนั้นก็เพราะอยากจะลองหยั่งดูว่าศุภนิมิตรนั้นจะมีรสนิยมแบบเดียวกับเขาบ้างหรือเปล่า..เพราะถ้าตอบว่ายังไม่มีแฟนทั้งที่รอบ ๆ ตัวมีสาว ๆ อยู่เต็มไปหมด มันก็น่าลุ้น แต่ถ้าตอบว่ามีแล้ว เขาก็จะได้วางใจวางตัวกับเด็กคนนี้อย่างที่มันควรจะเป็น..
และคำตอบของศุภนิมิตรก็ทำให้นาทีกับแพรวพรรณถึงกับปรายตามองกัน
“ยังไม่เกิดเลยมั้งครับ”
“อย่าบอกนะว่ายังไม่มีแฟน” นาทีรีบกระทุ้ง
“เคยมีครับ แต่ว่าตอนนี้ ขอพักเรื่องรักไว้ก่อน สร้างเนื้อสร้างตัวก่อนครับ อยากปลูกบ้านหลังใหม่ให้พ่อ ปรับให้เป็นบ้านชั้นเดียวครับ หลังกระทัดรัดหน่อย พ่อจะได้ไม่ต้องปีนขึ้นลงบันได”
พอเขาตอบมาแบบนี้แพรวพรรณรู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาเหมือนกัน..
“น่ารักจังเลย” นาทีที่ซึ่งเป็นลูกคนเดียวและพ่อแม่ก็มีฐานะมากพออยู่แล้ว เขาไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้ของพ่อแม่นักจึงต้องเอ่ยชื่นชมออกไป...แล้วก็สะท้อนใจขึ้นมาว่า ก่อนหน้านั้น ตนเองทุ่มเทชีวิตให้กับความรัก โดยไม่ได้สนใจพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดอย่างที่มันควรจะเป็น..แต่ถึงกระนั้นความเจ็บปวดจากความรักที่เกิดขึ้นอย่างเนือง ๆ ทำให้เขาเรียนรู้ว่า เขาควรใส่ใจคนที่รักเขาอย่างไม่เสื่อมคลายและไม่มีข้อแม้มากกว่า..ซึ่งมันก็ยังไม่สายเกินไป
“ก่อนหน้านั้นผมทุ่มเทให้กับพ่อมากไป ก็เลยมีปัญหากับคนล่าสุด..แค่นี้แหละครับ”
“เล่าให้พี่ญาฟังหรือยังคะ”
“ให้เสร็จงานนี้ก่อน พี่เค้าว่าจะสัมภาษณ์เป็นเรื่องเป็นราว..”
“เรื่องน่าสนใจมาก” นาทีแสดงความคิดเห็น และยังไม่ทันที่ทั้งสามจะสนทนากันด้วยเรื่องอื่น ๆ ไฟในห้องจัดเลี้ยงก็ลาแสงบ่งบอกให้แขกผู้มีเกียรติที่นั่งเป็นสักขีพยานอยู่ในงานรู้ว่า ลำดับขั้นตอนสำคัญบนเวทีกำลังจะเริ่มขึ้น..ศุภนิมิตรรีบขอตัวกลับไปที่โต๊ะ ซึ่งมีคนในครอบครัวของเขานั่งอยู่เต็มทุกที่นั่ง
และนาทีกับแพรวพรรณใช้สายตาคุยกัน..ด้วยอดใจไว้ไม่ไหวแพรวพรรณจึงกระซิบเป็นรหัสถามนาทีไปว่า..“กินได้ไหม”
“ไม่รู้..รู้แต่ว่าน่ากิน”
“ให้พี่ญาช่วยสานสิ..”
“ไม่เอา..”
“ทำไมล่ะ..”
นาทีกลอกตาไปมายิ้มนิด ๆ ก่อนจะตั้งสติตอบว่า “มีน้องนุ่งน่ารัก ๆ สักคน ความสุขมันน่าจะยืดยาวกว่าจีบมาเป็นคนรู้ใจแล้วสุดท้ายมันก็ไม่ใช่เรื่องจริง..”
“หนึ่งโตขึ้น”
“ความเจ็บปวด ความผิดหวังมันก็มีข้อดีของมันเหมือนกันแพรว”
ผืนผ้าใบที่ห้อยลงมามีแสงไฟจากเครื่องฉายสไลด์สายแสงเข้าไป..ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่เงียบกริบด้วยทุกคนอยากรู้ว่า เจ้าสาวกับเจ้าบ่าวจะพรีเซนต์ประวัติความเป็นมาของทั้งคู่ตามธรรมเนียมปฏิบัติอย่างไร..และพอความเงียบปกคลุมห้องจัดเลี้ยงได้อึดใจ ที่ลำโพงก็มีเสียงพิมพ์ดีด ‘ต๊อกแต๊ก ๆ’ ดังกังวานและบนผืนผ้าใบก็ปรากฏตัวอักษรพร้อมกับเสียงบรรยายตามตัวอักษรเป็นเสียงเนิบนาบมีลีลาเต็มไปด้วยอารม์ของหิรัญญา..
ซึ่งมันก็เรียกรอยยิ้มและหยาดน้ำตาของแพรวพรรณ ได้ในทันที
..เพราะหนึ่ง..แพรวพรรณเป็นนักเขียนอยู่กับจินตนาการอยู่กับความฝัน..จึงรู้ว่าแต่ละบรรทัดที่กว่าจะกลั่นออกมาจากอารมณ์ความรู้สึกนั้นมันยากเย็นเพียงใด
...สอง แพรวพรรณดีใจกับหิรัญญาซึ่งวันนี้แพรวพรรณยกไว้ให้เป็นพี่สาวที่เธอเคารพนับถือคนหนึ่ง..ซึ่งการเป็นฝั่งเป็นฝาของพี่สาวคนนี้แพรวพรรณก็พลอยตื้นตันใจไปด้วย..
‘ฉันเขียนนิยายมาหลาบสิบเรื่อง มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ฉันเขียนไปและก็อดครุ่นคิดไม่ได้ว่า มันเป็นไปได้หรือ...ตัวละครเจอกันเพียงวันสองวันแล้วตกลงปลงใจแต่งงานกัน ..แต่ฉันก็ทำงานชิ้นนั้นใส่เหตุผลใส่ความน่าจะเป็นจนสำเร็จเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนนักอ่าน แต่ลึก ๆ ฉันก็ยังไม่เชื่อว่า มันจะเป็นเรื่องจริง...จนกระทั่งวันหนึ่ง....’
แพรวพรรณก้มหน้าใช้หลังมือซับน้ำตา แต่ว่านาทีส่งผ้าเช็ดหน้าที่พกไว้ประจำมาให้..แพรวพรรณปรายตามองหน้านาทีเขาก็มีน้ำตาคลอหน่วยตาเช่นกัน..
‘ฉันมาสัตหีบกับแพรวพรรณเพื่อนนักเขียน เพราะต้องการข้อมูลเกี่ยวกับทหารเรือไปเขียนนิยาย..ตอนที่ฉันพบเขาครั้งแรก เขานั่งซุกตัวอยู่บนโซฟาในล็อบบี้ของโรงแรม..ตอนนั้นฉันสะดุดตากับแข้งขาเนื้อตัวและใบหน้าของเขา..และด้วยไม่อยากให้เวลารอคอยเพื่อนของฉันผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ ฉันจึงกระโจนเข้าไปทักเขา...’
ระหว่างที่เสียงของหิรัญญาบรรยายไปนั้นก็มีภาพในอดีตของหิรัญญาขึ้นมาด้วย..จนกระทั่งในจอเป็นภาพของศุภโชคและเสียงที่บรรยายถัดมาก็เป็นเสียงของเขา..
‘เขาจู่โจมเข้ามาชวนคุย จนผมตั้งตัวแทบไม่ทัน แต่คุณญาเป็นคนคุยสนุกและเป็นธรรมชาติ ทำให้ความเก้อเขินความประหม่ายามที่อยู่ต่อหน้าผู้หญิงแปลกหน้าหายไปจากความรู้สึก และผมก็รู้สึกว่า เหมือนผมรู้จักกับเขามาเนิ่นนาน..และช่วงเวลาที่อยู่ใกล้ ๆ กันเพียงไม่กี่วันผม ผมรู้สึกได้ว่าเธอคือผู้หญิงที่ผมฝันถึง..แล้วผมจะปล่อยให้เธออยู่เพียงลำพังไปได้อย่างไร..’
หลังจากเสียงของเจ้าบ่าวเฟรดหายไป..อินโทรเพลง ‘หากันจนเจอ’ก็ดังขึ้นมา พร้อมกับภาพบนจอผ้าใบก็ค่อย ๆ เล่าเรื่องในอดีตของทั้งสองคน..
ซึ่งกว่า เจ้าบ่าว จะได้เป็น ทหารราชนาวี หรือ ทหารในกองทัพเรือของประเทศที่มีพระราชาหรือพระราชินีเป็นประมุข นั้น ต้องผ่านความยากลำบากทางการเรียนและการฝึกฝนมาไม่น้อย ส่วนเจ้าสาวนั้นแม้จะเป็นคนธรรมดา แต่ว่าด้วยงานที่ทำส่งผลต่อความรู้สึกของคนในวงกว้าง อาชีพนักเขียนนวนิยาย ก็ได้รับการยกย่องไม่แพ้กัน โล่ห์เกียรติยศใบประกาศเกียรติคุณที่ได้รับมานั้น ก็เป็นเครื่องยืนยันว่า..
ทั้งเขาและเธอนั้นเป็นคนของแผ่นดิน..
หลังจากผู้บังคับบัญชาในสายงานของเจ้าบ่าวคล้องพวงมาลัยมงคล ให้โอวาทแด่คู่บ่าวสาว พิธีการสำคัญที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง...พิธีกรชายหญิงบนเวทีเป็นเพื่อนของฝ่ายเจ้าบ่าวซึ่งทำงานอยู่ในฐานทัพเรือสัตหีบกล่าวถึงความสำคัญของพิธีลอดซุ้มกระบี่..
‘ซุ้มกระบี่ เป็นพิธีการสำคัญของนายทหาร นายตำรวจ เพราะกระบี่เป็นสิ่งที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การลอดซุ้มกระบี่จึงเป็นการต้อนรับคู่สมรสให้เข้าสู่การเป็นสมาชิก ของเหล่าทัพ การลอดซุ้มอาจจะเป็นการย้ำให้คู่สมรสตระหนักด้วยว่านับแต่นี้ไป คู่สมรสก็ต้องมีหน้าที่จะต้องสนับสนุนส่งเสริม การทำงานของอีกฝ่ายที่มีหน้าที่ปกป้องรักษาอธิปไตยและความสงบของประเทศ’
ดนตรีบรรเลงเพลง ‘คู่แท้’ ของเบิร์ด ธงชัย แมคอินไตย ดังขึ้น..
แพรวพรรณกับนาทียืดตัวตรงเพราะที่หน้าประตูทางเข้างานมีขบวนนายทหารในชุดขาวปกติสวมหมวกหม้อตาลถือกระบี่เดินแถวตอนเรียงสองจำนวนเก้าคู่มาหยุดที่ด้านหน้าเวที..
นายทหารหัวแถวซึ่งหันหน้ามาทางที่แพรวพรรณนั่งอยู่นั้นคือเรือเอก จิรวัติ สุกปลั่ง ใบหน้านิ่ง ๆ กับแววตามุ่งมั่นดูภาคภูมิใจของเขา ทำให้แพรวพรรณต้องอมยิ้มดวงตานั้นเต็มไปด้วยความแช่มชื่น..
“ผู้การเรือคนไหน” แพรวพรรณแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่า แม่ซึ่งสนใจแถวนายทหารที่มาทำซุ้มกับกระบี่ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะสะกิดถาม..
“คนหัวแถวที่หันหน้ามาทางเรานั่นแหละค่ะ”
รอยยิ้มผุดขึ้นที่ใบหน้าของวันเพ็ญ ภาพในอดีต ครั้งที่ตนเองไปเยี่ยมทหารเกณฑ์เมื่อครั้งฝึกได้ครบสามเดือนในกองพัน ทำให้น้ำตาของวันเพ็ญคลอหน่วยตา ตอนนั้นเธอรักพ่อของผู้การจิรวัติเป็นอย่างมากเพียงแค่เห็นเครื่องแบบทหารเกณฑ์เธอก็ปลื้มใจอยู่ไม่น้อย..
...วันเพ็ญถอนหายใจเบา ๆ อดีตเธอเคยต้องการความรัก เงินทอง และเกียรติยศ หากว่าพ่อของ จิรวัติคิดจะไต่เต้า คิดเรียนต่อ คิดสอบเลื่อนขั้น เธอก็จะรอคอย..แต่เขาก็เลือกที่จะเป็นคนธรรมดา เป็นชาวนา มีชีวิตอยู่กับคนที่มีฐานะเสมอกัน..
วันเพ็ญมองหน้าลูกสาวที่มองภาพเรือโทศุภโชคประคองหิรัญญาเพื่อนนักเขียนผู้รักชีวิตอิสระเสรีเข้าสู่ซุ้มกระบี่ด้วยดวงตาระยิบระยับ นางก็พอเดาใจของลูกสาวออก..
ได้เป็นเจ้าสาวที่มีเจ้าบ่าวพร้อมรับเข้าสู่อ้อมแขนอย่างเต็มภาคภูมิก็ยากในยุคปัจจุบัน แต่ว่าได้เจ้าบ่าวที่มีเกียรติยศมอบให้ด้วยยากยิ่งกว่า..
และเมื่อพิธีการลอดซุ้มกระบี่เสร็จสิ้นเรียบร้อย เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องห้องจัดเลี้ยง..เจ้าบ่าวเจ้าสาวจุดเทียนมงคลและตัดเค้กมงคล..แสงแฟลตจากตากล้องทั้งจากร้านเวดดิ้งและจากคนมาร่วมงานสว่างจ้า...
และที่ทำให้แพรวพรรณถึงน้ำตาไหลออกมาก่อนจะโผเข้ากอดแม่ เมื่อแม่พูดเบา ๆ ว่า..
“งานเลี้ยงแต่งงานของแพรวกับผู้การจิรวัติแม่ขอให้ไปจัดนครสวรรค์นะ”
‘แล้ววันหนึ่งเธอนั้นก็มา ฉันรู้สึกเธอนั้นคุ้นตา..เหมือนบางสิ่งฉุดฉันให้เดินเข้าหา ให้มารักและรู้ใจกัน ตั้งแต่เจอเรานั้นคุ้นเคย..เหมือนรู้จักมาแล้วเนิ่นนาน..ถ้าจะบอกเหตุผล เรื่องเธอกับฉัน ก็ไม่เห็นจะมีข้อไหน..บางครั้ง...ฉันคิดเอง ว่าฟ้าสร้างมาอย่างตั้งใจ..’
ระหว่างที่คู่บ่าวสาวเดินนำเค้กมงคลไปให้ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย เสียงเพลงคู่แท้ ดังอ้อยอิ่งชวนให้จิตใจของคนที่ยังนั่งอยู่ในงานพลอยสดชื่นไปด้วย..
“แพรว” ผู้การจิรวัติเดินถือกระบี่เข้ามาหา แพรวพรรณยิ้มให้เขา และเขาก็เห็นว่า ที่ดวงตาของแพรวพรรณชุ่มฉ่ำไปด้วยรอยน้ำตา..
“เป็นอะไรรึ” เสียงที่ถามนั้นไม่ดังนัก
และด้วยเห็นว่า ผู้การจิรวัติกำลังยืนคุยอยู่กับแพรวพรรณที่นั่งอยู่ด้านข้าง นาทีจึงขยับไปนั่งเก้าอี้ตัวติดกันที่ยังว่าง และจิรวัติก็ถือโอกาสทรุดตัวลงนั่งแทนที่โดยพาดกระบี่ไว้บนตัก
“ซึ้งกับพี่ญาหรือ”..
“ค่ะ” แพรวพรรณก้มหน้างุด..
“แพรวลุกไปกับพี่หน่อย”
“ไปไหนคะ”
“จะพาไปแนะนำให้เพื่อน ๆ พี่ได้รู้จัก..” ว่าแล้วเขาก็หันไปหาแม่ของแพรวพรรณ
“เดี๋ยวผมขอตัวพาแพรวไปแนะนำให้เพื่อน ๆ นายทหารรู้จักหน่อยนะครับ”
วันเพ็ญพยักหน้า..และพอแพรวพรรณกับจิรวัติลุกขึ้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ถือถาดใส่เค้กเดินมาพอดี..
“จะไปไหนกัน.. ทานเค้กมงคลก่อน” หิรัญญาเสียงดังฟังชัดยิ้มกว้างสดชื่นเต็มกำลังเพราะนอกจากได้ฉลองมงคลสมรส คอนเซ็ปของงานที่ดึงหนังสือผลงานของตัวเองมาตั้งโชว์ ทำให้คนที่เคยติดตามผลงานกรี๊ดกร๊าดดีใจเมื่อได้เห็นนักเขียนที่สร้างสรรค์ผลงานออกมาได้น่าประทับใจมายืนอยู่ตรงหน้าและที่สำคัญหิรัญญาได้ก้าวเข้ามาเป็นศรีสะใภ้ของกองเรือยุทธการ..ซึ่งหลาย ๆ คนก็พยายามฝากฝังให้หิรัญญาเขียนเรื่องทหารเรือ ใช้ฉากสัตหีบ เพื่อประกาศให้คนในประเทศไทยได้รู้ว่าที่นี่น่าอยู่เพียงใด..
“คุณแม่ คุณพ่อคะ ทานเค้กมงคลให้หนูด้วยนะคะ” และพอถึงโต๊ะของแพรวพรรณคัพเค้กที่จัดเตรียมไว้ก็หมดลงพอดี ..หิรัญญากับศุภโชคจึงว่างที่จะยืนคุยได้นานกว่าโต๊ะอื่น ๆ..
“แพรว” หิรัญญาเดินมาหาแพรวพรรณ..แพรวพรรณที่ยืนคู่กับผู้การเรือจิตวัติสวมกอดหิรัญญาทันที....น้ำตาของแพรวพรรณรื้อขึ้นมาอีกรอบ..
“เมื่อกี้ตอนพี่ลอดซุ้มกระบี่..แพรวปลื้มใจมากค่ะพี่..”
“พี่ก็ปลื้มใจมาก..” ตอนที่เรือโท ศุภโชค ตระกองกอดให้เธอเดินลอดซุ้มกระบี่ของรุ่นพี่และเพื่อนนายทหารจำนวนเก้าคู่เพื่อไปจุดเทียนมงคลและตัดเค้กนั้น หิรัญญารู้สึกว่า เท้าของตนเองไม่ได้แตะพื้นเช่นกัน..
ถ้าเจ้าบ่าวไม่ใช่เขา..เธอก็ไม่มีวันได้รับความรู้สึกยิ่งใหญ่เช่นนี้..และหิรัญญาก็สัญญากับตัวเองว่า เมื่อเธอเขียนนิยายที่เกี่ยวข้องกับทหารเรือ เธอจะต้องทำให้ดีที่สุด..
“ดีใจกับพี่อีกครั้งนะคะ”
“งานแพรวคงจัดได้ยิ่งใหญ่อลังการกว่านี้”
“แพรวคงคิดอะไรเว่อร์ ๆ แบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะ”
“ไม่ต้องชม”..
ทั้งสองผละจากกันแล้วมองหน้ากัน..แพรวพรรณใช้หลังนิ้วชี้ข้างซ้ายซับหยดน้ำตาที่ร่องแก้มแล้วพยายามปั้นหน้าให้สดชื่น..
“ทำไมขี้แยจัง” หิรัญญามองหน้าของแพรวพรรณแล้วเอ่ยปากถาม..แพรวพรรณจึงได้จังหวะบอกให้หิรัญญาและคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้รับรู้ว่า
“แม่อนุญาตให้แพรวแต่งงานกับพี่ต้นกล้าได้แล้วค่ะ”
“จริง ๆ หรือแพรว” สีหน้าของผู้การจิรวัติเหมือนพลิกฝ่ามือ...ดวงตาของเขาเป็นประกายเจิดจ้าขึ้นมาก่อนจะหันไปหาแม่ของหญิงสาวที่หันมาเห็นหน้าของเขาพอดี..
“จริงหรือครับคุณแม่” พอวันเพ็ญพยักหน้ายิ้ม ๆ เขาก็เดินลงไปทรุดตัวลงข้างโต๊ะ โดยหิรัญญากับแพรวพรรรก็ตกตะลึงกับการกระทำของเขา..
“ขอบคุณครับคุณแม่ ขอบคุณที่เห็นใจเรา ขอบคุณครับ” ว่าแล้วเขาก็ยกมือพนมแล้วค้อมศีรษะลง..และวันเพ็ญก็รับมือที่กระพุ่มเป็นดอกบัวของเขาไว้..แพรวพรรณเห็นดังนั้นจึงรีบทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ เขาอีกคน..
ก่อนหน้านั้นใจของวันเพ็ญนั้นอ่อนยวบกับพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์นั้นไปแล้ว พอเห็นว่าเขาอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าหาทั้งที่สวมชุดทหารเต็มยศเต็มศักดิ์อคติที่เคยกั้นไว้ก็มลายไปสิ้น..
แม้เลือดครึ่งหนึ่งของเขาจะเป็นเลือดของนางจุกวันเพ็ญก็เต็มใจที่ยอมรับเขาไว้ให้เป็นลูกชายอีกคน
“พร้อมเมื่อไหร่ก็ให้พ่อแม่ส่งเถ้าแก่เข้ามาคุยแล้วกัน..เรื่องสินสอดทองหมั้นไม่ต้องกังวล..และถ้าฉันจะขอ ฉันก็ขอแค่ว่าให้รักลูกสาวของฉันเพียงคนเดียว เหมือนที่พ่อของเธอมีแม่เธอเพียงคนเดียว..เหมือน กับพ่อของน้องแพรวที่มีฉันเพียงคนเดียว ..ฉันขอเพียงแค่นี้ เธอจะให้สัญญากับฉันได้ไหม”
“ได้ครับ..ได้..ผมสัญญา สัญญาด้วยเกียรติของทหารเรือ..” เขารีบให้สัญญาเพราะมั่นใจว่า อนาคตตราบจนตายจากกันเขาจะมีแพรวพรรณเป็นผู้หญิงคนสุดท้าย..
ส่วนแพรวพรรณเองนั้น เมื่อเขาสัญญากับแม่อย่างชัดถ้อยชัดคำแล้ว..หญิงสาวก็บังเกิดความตื้นตันใจกับความรักของแม่ซึ่งที่แม่ขอสัญญาจากเขาอย่างนั้น เพราะอยากให้ชีวิตหลังการแต่งงานของเธอมีแต่ความสุขจริง ๆ..ส่วนความรักของเขาคงต้องให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์..
((สำหรับ ราชนาวีที่รัก คงโพสต์ได้เท่านี้ครับ อย่างไรติดตามฉบับรูปเล่มกับสนพ.ดอกหญ้า 2000 ในงานหนังสือเดือนมีนาคม ที่จะถึงนี้นะครับ...ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจที่มีให้กันมา...อย่างไรก็ฝาก ม่านพรหม กับ ในสวนศิลป์ ซึ่งเป็นภาคต่อ เรื่องราว น้องชายและน้องสาว ของผู้การจิรวัติด้วยนะครับ...จุ๊บ ๆ)

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ม.ค. 2555, 07:31:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ม.ค. 2555, 07:31:23 น.
จำนวนการเข้าชม : 6615
<< 28. ‘เงินทองนั้นหาให้เสมอกันได้ แต่ว่าความรู้และประสบการณ์ชีวิตนั้นเป็นเรื่องเฉพาะตัวจริง ๆ’ |

minafiba 17 ม.ค. 2555, 07:37:31 น.
^_^
^_^

จุฬามณีเฟื่องนคร 17 ม.ค. 2555, 08:08:56 น.
สำหรับเรื่องนี้ ขอเสียงคนอ่าน อีกครั้งนะครับ..
สำหรับเรื่องนี้ ขอเสียงคนอ่าน อีกครั้งนะครับ..

konhin 17 ม.ค. 2555, 08:19:07 น.
น่ารักมากๆค่ะ
น่ารักมากๆค่ะ

แว่นใส 17 ม.ค. 2555, 08:36:11 น.
ขอบคุณมากค่า
ขอบคุณมากค่า

sai 17 ม.ค. 2555, 09:28:57 น.
ซึ้งมากอ่ะค่ะ น้ำตาคลอเลย อ่านตอนนี้แล้วความสุขล้นปรี่เลยค่ะคุณเฟื่อง^____________^
ซึ้งมากอ่ะค่ะ น้ำตาคลอเลย อ่านตอนนี้แล้วความสุขล้นปรี่เลยค่ะคุณเฟื่อง^____________^

morisa 17 ม.ค. 2555, 10:13:15 น.
ผู้การเรือของเราเท่มากกกกกกกก
เท่มาก จนสงสัยว่าต้องเขียนพระเอกเป็นนายทหารเรือสักเรื่องน่า่จะดีเนอะ
ผู้การเรือของเราเท่มากกกกกกกก
เท่มาก จนสงสัยว่าต้องเขียนพระเอกเป็นนายทหารเรือสักเรื่องน่า่จะดีเนอะ


คิมหันตุ์ 17 ม.ค. 2555, 10:13:49 น.
อยากไปงานแต่ง อิอิ
อยากไปงานแต่ง อิอิ

nutcha 17 ม.ค. 2555, 10:29:54 น.
จบซะแล้ว
จบซะแล้ว

Sansanook 17 ม.ค. 2555, 10:49:58 น.
ทำเอาน้ำตาซึม ซึ้งอ่ะ
ทำเอาน้ำตาซึม ซึ้งอ่ะ



จุฬามณีเฟื่องนคร 17 ม.ค. 2555, 12:05:36 น.
มีตอนพิเศษ ในรูแบบที่เป็นหนังสือนะครับ...
มีตอนพิเศษ ในรูแบบที่เป็นหนังสือนะครับ...

silverraindrop 17 ม.ค. 2555, 12:21:37 น.
ซึ้งจังเลยค่ะ...น้ำตาแทบไหล ขอบคุณที่ลงให้อ่านนะคะ จะติดตามเรื่องต่อไปแน่นอนค่ะ
ซึ้งจังเลยค่ะ...น้ำตาแทบไหล ขอบคุณที่ลงให้อ่านนะคะ จะติดตามเรื่องต่อไปแน่นอนค่ะ

Zephyr 17 ม.ค. 2555, 13:50:03 น.
อ่านแรกๆแอบขำแม่วันเพ็ญอ่ะค่ะ หึหึ
มาน้ำตาคลอตอนลลอดซุ้มอ่ะ
ตอนพี่ต้นกล้าได้รับการยอมรับ ไปไหว้แม่วันเพ็ญนี่น้ำตาร่วงเลย ToT ซึ้งจัง
อ่านแรกๆแอบขำแม่วันเพ็ญอ่ะค่ะ หึหึ
มาน้ำตาคลอตอนลลอดซุ้มอ่ะ
ตอนพี่ต้นกล้าได้รับการยอมรับ ไปไหว้แม่วันเพ็ญนี่น้ำตาร่วงเลย ToT ซึ้งจัง

Zephyr 17 ม.ค. 2555, 13:50:57 น.
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆให้อ่านนะคะ คุณเฟื่อง น่ารักมาก
จะติดตามเป็นกำลังใจให้ในเรื่องต่อๆไปแน่นอนค่ะ ^^
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆให้อ่านนะคะ คุณเฟื่อง น่ารักมาก
จะติดตามเป็นกำลังใจให้ในเรื่องต่อๆไปแน่นอนค่ะ ^^

anOO 17 ม.ค. 2555, 17:10:45 น.
นึกภาพตามแล้วถึงขั้นเพ้อไปเลย
นึกภาพตามแล้วถึงขั้นเพ้อไปเลย

เดิมเดิม 17 ม.ค. 2555, 19:54:06 น.
จองกับไรเตอร์เลยได้ป่าวคะจะได้ไม่ต้องรอที่งาน
จองกับไรเตอร์เลยได้ป่าวคะจะได้ไม่ต้องรอที่งาน

แวนด้าน้อย 17 ม.ค. 2555, 21:33:12 น.
ว้าว! จบแล้ว อินจัดอยากลอดซุ้มกระบี่แบบพี่ญาบ้าง
ขอบคุณที่ลงนิยายให้อ่านนะคะ รออุดหนุนเป็นเล่มด้วยค่ะ
ว้าว! จบแล้ว อินจัดอยากลอดซุ้มกระบี่แบบพี่ญาบ้าง
ขอบคุณที่ลงนิยายให้อ่านนะคะ รออุดหนุนเป็นเล่มด้วยค่ะ

loveleklek 17 ม.ค. 2555, 21:44:55 น.
จบได้ประทับใจมากกกกกกกกก รอเป็นเล่ม
จบได้ประทับใจมากกกกกกกกก รอเป็นเล่ม

Pat 17 ม.ค. 2555, 22:00:53 น.
อ่านแล้วรู้สึกปลื้มใจไปด้วยแฮะตอนนี้
อ่านแล้วรู้สึกปลื้มใจไปด้วยแฮะตอนนี้

ไรน้ำ 18 ม.ค. 2555, 03:15:49 น.
อ่านตอนนี้แล้วซึ้งมากๆ ชอบ concept งานแต่งงานพี่ญาจัง เคยไปงานแต่งงานเพื่อนที่เป็นตำรวจแล้วลอดกระบี่ ขนาดเราไม่ได้เป็นเจ้าสาวยังรู้สึกขนลุก รับรู้ได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีนี้นะ ว่ามันมีความหมาย ไม่ใช่เดินลอดๆ ไปอย่างนั้นเพื่อความเท่ห์
อ่านตอนนี้แล้วซึ้งมากๆ ชอบ concept งานแต่งงานพี่ญาจัง เคยไปงานแต่งงานเพื่อนที่เป็นตำรวจแล้วลอดกระบี่ ขนาดเราไม่ได้เป็นเจ้าสาวยังรู้สึกขนลุก รับรู้ได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีนี้นะ ว่ามันมีความหมาย ไม่ใช่เดินลอดๆ ไปอย่างนั้นเพื่อความเท่ห์

nunoi 18 ม.ค. 2555, 09:59:06 น.
จบได้ประทับใจมากกก ค่ะ
จบได้ประทับใจมากกก ค่ะ

XaWarZd 18 ม.ค. 2555, 14:06:24 น.
น่ารักจริง ๆ ต้องรอหนังสืออกสินะ รอ ร้อ รอ
น่ารักจริง ๆ ต้องรอหนังสืออกสินะ รอ ร้อ รอ

jeejar816 18 ม.ค. 2555, 15:47:09 น.
หึ..อยากไปงานแต่งพี่ต้นกล้าที่คอนหวัน
หึ..อยากไปงานแต่งพี่ต้นกล้าที่คอนหวัน


pseudolife 19 ม.ค. 2555, 22:19:01 น.
โอ๊ย อ่านแล้วน้ำตาไหลค่ะ
โอ๊ย อ่านแล้วน้ำตาไหลค่ะ

ณัฐวีร์ 22 ม.ค. 2555, 21:17:59 น.
อยากแต่งงานแบบนี้อ่ะ แต่ติดที่ว่ายังหาไม่ได้
อยากแต่งงานแบบนี้อ่ะ แต่ติดที่ว่ายังหาไม่ได้

เพลา 30 ม.ค. 2555, 11:25:32 น.
น่ารักมากๆ จบได้ซึ้งมาก แอบชอบประโยคที่บอกว่า "ทั้งเขาและเธอนั้นเป็นคนของแผ่นดิน"
น่ารักมากๆ จบได้ซึ้งมาก แอบชอบประโยคที่บอกว่า "ทั้งเขาและเธอนั้นเป็นคนของแผ่นดิน"

OPUS 30 มี.ค. 2555, 18:03:54 น.
อ่านซะจนเคลิ้มเลย อยากได้คนในเครื่องแบบมาเป็นแฟนอ่ะ ขอบคุณนะค่ะคุณเฟื่องที่สร้างสรรผลงานดี ๆ มาให้อ่าน
อ่านซะจนเคลิ้มเลย อยากได้คนในเครื่องแบบมาเป็นแฟนอ่ะ ขอบคุณนะค่ะคุณเฟื่องที่สร้างสรรผลงานดี ๆ มาให้อ่าน