ในชุดภารกิจรัก เรื่องราชนาวีที่รัก

Tags: ทหารเรือ นักเขียน

ตอน: 28. ‘เงินทองนั้นหาให้เสมอกันได้ แต่ว่าความรู้และประสบการณ์ชีวิตนั้นเป็นเรื่องเฉพาะตัวจริง ๆ’

28.

“แม่เล่าเรื่องคุณนายวันเพ็ญให้ผมรู้หน่อยสิ” หลังจากทราบเรื่องที่ไม่น่ามาเป็นเรื่องจิรวัติซึ่งกลับมาสัตหีบแล้วก็ใช้เวลาช่วงค่ำหลังกลับมาจากออกเรือลาดตระเวนโทรศัพท์คุยกับแม่

“อยากรู้เรื่องอะไร”

“ผมได้ข่าวมาว่า..เค้าเคยชอบกับพ่อเหรอ”

“ใครบอก”

“ความลับ...” พอลูกชายคนโตเอ่ยมาแบบนี้นางจุกก็พอเดาออกว่าเขาจะรู้เรื่องนี้มาจากใคร..

“กล้า เอ๊ย แม่ว่าถอนตัวเถอะลูก เรากับเขามันคนละระดับกัน”

“แต่ผมกับแพรวรักกันนะแม่ ตกลงใช่เรื่องจริงหรือเปล่า”

“แม่กับเค้าเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกันมา พอจบป.หก เค้าก็เข้าไปเรียนในเมือง นาน ๆ จะได้กลับบ้านสักที เค้าเป็นลูกคนเล็ก สวย สวยเหมือนอีหนูแพรวนั่นแหละ แล้วช่วงที่เขาจบ ม. 3 เขาก็กลับมาอยู่บ้านช่วงปิดเทอม ตรุษสงกรานต์นี่แหละ แม่กับเค้าก็ได้มีโอกาสกลับมาคุยกัน ออกไปทำบุญด้วยกัน..แล้วตอนนั้นพ่อของเราเค้าก็กลับมาจากทำงานก่อสร้าง เขาเห็นกันมาก่อน ตรงไหนก็ไม่รู้..เขาก็มีใจให้กัน แม่ก็ไม่รู้เรื่อง..แล้วเปิดเทอมวันเพ็ญเขาก็กลับไปเรียน พ่อเขาก็กลับมาทำนา ไม่ไปทำงานก่อสร้างอีก พ่อกับแม่ก็เจอกันบ่อย ๆ ลงแขกทำงาน ก็ชอบกัน ตอนหลังพ่อไปติดทหาร แม่ก็รอ กระทั่งพ่อปลดออกมา ก็มาขอแม่แต่งงานตามที่สัญญาไว้ พอพ่อแต่งกับแม่ เขาก็แต่งกับเฮียเพ้งบ้าง..”

“แล้วพ่อเขาว่าอย่างไรบ้าง”

“คุยกับเขาเองไหม...” ว่าแล้วแม่ก็เดินถือโทรศัพท์เอาไปให้พ่อ....มีเสียงถามกันเบา ๆ ให้จิรวัติพอได้ยินว่า “เอ้า ลูกจะคุยด้วย..”

“เรื่องอะไรล่ะ”

“เหอะ คุยกันเอง..”

“แล้วจะไปไหนละ..” ไม่มีเสียงตอบจากแม่แต่มีเสียงคล้าย ๆ กับว่าแม่เดินออกไปจากตรงนั้น

“แม่ไปไหนแล้ว”

“เดินออกจากบ้านไปแล้ว คุยอะไรกันเหรอ”

“พ่อ ผมอยากรู้เรื่องของพ่อ กับแม่ของแพรว ว่าเป็นมาอย่างไง”

“มันจบไปแล้วลูก..จะสามสิบปีแล้ว จะถามให้ได้อะไรขึ้นมา”

“ก็อยากรู้ไว้..เล่าให้ผมฟังหน่อยสิ”

พ่อบุญเกิดนิ่งไปอึดใจ

“ตอนแรกพ่อก็ว่าพ่อชอบวันเพ็ญ เค้าสวย ดูดีกว่าแม่จุก พ่อก็ว่าพ่อหน้าตาดี เหมาะสมกัน แล้วเอาเข้าจริง ๆ คุย ๆ กันไป พ่อรู้สึกว่า พ่อคุยกับเขาไม่ค่อยรู้เรื่อง พ่อเหมือนคนโง่ พ่อจบแค่ ป.หก ความรู้น้อย ภาษาอังกฤษไม่กระดิก พ่อรู้สึกว่าเขาเหมือนดอกฟ้า ตอนหลัง ๆ พ่อก็ต้องถอยออกมา ไม่เขียนจดหมายหาเค้า แล้วพ่อก็คบกับแม่..ก็แค่นั้นแหละ”

“ เค้าว่าแม่แย่งพ่อไป”

“ก็ไม่ผิดถ้าเค้าจะคิดอย่างนั้น..แต่เค้าก็แต่งงานทันทีเหมือนกันนะ..ไม่งั้นเอ็งกับไอ้พงศ์จะเกิดปีเดียวกันรึ”

“เขาประชดพ่อหรือเปล่า”

“ไม่รู้เค้า พ่อไม่ได้สนใจ นี่ถ้าเอ็งกับอีหนูแพรวมันไม่เวียนวนมาเป็นอย่างนี้ มันก็คงต่างคนอย่างอยู่
เหมือนเดิม..แล้วนี่เอ็งกับเค้าจะอย่างไรกันต่อไปล่ะ..คนเอาไปพูดกันแล้วนะ..พนันกันแล้วว่า เค้าไม่มีทางยกลูกสาวให้หรอก หรือถ้ายกให้ ก็คงจะเรียกสินสอดไม่น้อย แล้วเอ็งมีเงินเก็บเท่าไหร่”

“แต่งเอารวยคงไม่มีหรอกพ่อ”

“พ่อให้นาทุ่งหนึ่ง...ถ้าขายก็ยังไม่ได้เท่ารถคันหนึ่งของเค้าเลย”

“มันเทียบกันไม่ได้นะพ่อ ถึงผมไม่ได้ทำนา แต่ให้ขายนาไปซื้อรถผมก็ไม่เอาหรอก”

“เอานาแลกเมียล่ะ”

“มันจะแลกอย่างไร”

“เวลาเค้าให้ไปขอ พ่อจะได้บอกว่าสู้ได้เท่าไหร่ แล้วก็แถมนาไปอีกทุ่ง ทุ่งสามสิบไร่นั่นนะ เอ็งมีเงินเท่าไหร่ละ..”

“ถ้าเขาเรียกเป็นล้านมันก็ไม่มีหรอกพ่อ”

“ทำใจไว้บ้างนะลูก..เค้ามีลูกสาวคนเดียว เขาจะหวงเขาห้ามเค้าก็มีสิทธิ์จะทำ แล้วอีกอย่างแต่งกันไปแล้ว ผัวเมียมันก็ต้องอยู่ด้วยกันทุกวัน ๆ ต่างคนต่างอยู่ปัญหามันก็จะตามมาอีก ..เอ็งก็น้อยอยู่รึ”

“ผมเลิกหมดแล้ว..ถ้าแต่ง ผมก็จบที่เค้านั่นแหละ”

“ให้มันจริง..”

“ผมก็ลูกพ่อนา..พ่อคิดว่าพ่อไปกับเค้าไม่ได้ พ่อก็หันมาหาแม่..ผมก็อย่างนั้นแหละ ผมเจอคนที่ผมคิดว่าผมอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ผมจะไปมองใครอีกละ”

ยิ่งคุยกันทุกวัน ๆ ก็ยิ่งมันใจว่า ทัศนคติของเขากับแพรวพรรณนั้นตรงกันเป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะ ‘ราก’ ของชีวิตนั้นมาจากที่เดียวกัน..แพรวพรรณก็รู้จัก ‘พื้น’ ของเขาเป็นอย่างดี แม้เขาได้ดีมีวันนี้เพราะสติปัญญาและแรงกาย แต่เขาก็ยังมาจากลูกชาวบ้าน นามสกุลสุกปลั่ง ข้อจำกัดในการดำรงชีวิตในสังคมปัจจุบันมันก็ยังมีอยู่นั่นเอง งานแต่งของพี่หิรัญญากับศุภโชคผ่านพ้น แพรวพรรณกับพี่หิรัญญาปรึกษาหารือกันถึงอนาคต นั่นหมายถึง การย้ายไปอยู่สัตหีบด้วยกัน ในฝันของแพรวพรรณนั้น หญิงสาวคิดเผื่อว่า ถ้าจะไม่ได้เงินทองสมบัติไปจากที่บ้าน ชีวิตใหม่ที่จะเริ่มต้นกับเขานั้นจะต้องทำอย่างไร
เธอพร้อมจะเคียงบ่าเคียงไหล่ พร้อมใช้สติปัญญาสร้างเนื้อสร้างตัวเช่นเดียวกับเขา แล้วเขาจะไม่ยิ่งรักเธอ คิดหยุดที่เธอเพียงคนเดียวได้อย่างไร

“พ่อไม่รู้ ดักคอไว้อย่างนั้นเอง”

“แล้วถ้าผมให้พ่อกับแม่เข้าไปขอลูกสาวเค้า พ่อกับแม่จะเข้าไปได้ไหม”

“ก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรกัน..ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”

“ก็ ..มันมีแผลเป็นอยู่นิ..”

“มันหมดจากใจพ่อไปแล้ว แม่เอ็งเค้าก็ไม่มีอะไรหรอก..หรือถ้ามันจะตากหน้าไปบ้าง มันก็ทำเพื่อลูก ทำไมพ่อกับแม่จะทำไม่ได้ละ..จะให้ไปเมื่อไหร่ก็บอกมา ช่วยกันได้ก็ช่วยกัน เงินเก็บก็มีอยู่บ้าง ทองก็ซื้อเก็บไว้เป็นสิบบาทเหมือนกัน จะเอาลูกสาวเค้า เราก็ต้องให้เขาเห็นว่าเราทุ่มสุดตัวเหมือนกัน..”

ก่อนหน้านั้นจิรวัติตั้งใจไว้ว่า ถ้าแต่งงานจะไม่กวนเงินพ่อกับแม่ แต่พอฟังคำของพ่อ เขาก็รู้สึกตื้นตันใจขึ้น
มา แม้พ่อกับแม่จะเป็นชาวนา พ่อกับแม่ก็รู้ว่า เขาเดินมาไกลจากบ้านแค่ไหน พ่อแม่รู้ว่าวิธีชีวิตของเขานั้นแตกสายสกุลมาแล้ว แล้วที่ผ่านมาพ่อกับแม่ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเขา จากลูกทุกคน ยามเมื่อเขากลับบ้านให้เงินพ่อแม่ไว้ใช้ พ่อแม่มันจะถามอยู่เสมอว่า มีพอกินไหม ซึ่งเขาเองแม้จะกระเบียดกระเสียร อยู่บ้าง แต่การได้ ‘ใช้หนี้เก่า’ ดั่งคำของพระ มันก็ยังความปลาบปลื้ม พอที่จะทำให้เขาอดทนกับความมีไม่มากพอใช้จ่ายให้คล่องมือได้.. และพ่อแม่ก็ไม่เคยคิดจะเข้ามาในชีวิตของเขา ไม่เคยคิดจะมาพึ่งพาอาศัยเขา เพียงแต่เขาเองนั้น คิดอยู่เสมอว่า วันหนึ่ง เขาจะต้องเอาพ่อแม่ไปอยู่ด้วยไปเลี้ยงดูเหมือนกับที่พ่อแม่สามารถเลี้ยงปู่ย่าตายายได้..และอนาคต หากเขาได้แพรวพรรณไปเป็นภรรยา เขาก็มั่นใจว่า แพรวพรรณคงจะไม่รังเกียจความคิดดี ๆ ของเขานี้ เช่นกัน..



แม้แม่จะไม่ได้พูดตรง ๆ ว่างานแต่งระหว่างเธอกับพี่ต้นกล้าจะต้อง ‘ลงทุน’ มากแค่ไหน แต่การที่แม่ให้เธอมาเป็นเพื่อนในงานแต่งระหว่างลูกสาวกับลูกชายของเพื่อนร่วมสมาคม ซึ่งจัดอย่างยิ่งใหญ่ในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรูหราในกรุงเทพฯ ก็ทำให้แพรวพรรณพอเดาออกว่า แม่กำลังคิดอะไรอยู่..

และเมื่อนั่งรถคันหรูหราซึ่งมีลุงช่วยเป็นคนขับกลับบ้านที่นครสวรรค์ แพรวพรรณซึ่งอยู่ในชุดราตรีสีขาวลายลูกไม้ราคาแพงมีเครื่องเพชรชุดเล็ก ๆ ก็เอ่ยถามแม่ที่นั่งอยู่เบาะหลังด้วยกันว่า

“แม่คะ ถ้าพี่ต้นกล้าให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอ แม่จะเรียกสักเท่าไหร่”

“แล้วแพรวคิดว่า แม่ควรจะเรียกสักเท่าไหร่”

“เท่าพี่ญาได้ไหมคะ”

“แล้วแพรวเป็นลูกกำพร้ามีแต่ตัวหรือเปล่าละ”

แพรวพรรณสูดลมหายใจเข้าปอดพลางหันหน้าไปมองถนน แล้วป๊าก็กระแอมขึ้นมาเบา ๆ

“ก็ให้เขาลองเข้ามาคุย”

“ป๊า” วันเพ็ญขึ้นเสียงปรามสามีไม่ให้ให้ท้ายลูกสาว

“เราไม่ได้มีลูกไว้ขายกินนะ”

“แต่..แต่ให้เท่าแม่หิรัญญาน่ะ ฉันไม่เอาหรอก”

“เราก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าเค้ามีแค่ไหน..”

“ถ้าไม่มี ก็อย่ามาคิดชอบลูกสาวเราสิ”

“เด็กมันรักกันชอบกันไปแล้ว”

“ป๊า..แม่..ไม่เอาค่ะ ....” แพรวพรรณจำต้องห้ามปรามเพราะรู้สึกอายคนขับรถขึ้นมา กับอีกอย่างปล่อยให้พ่อแม่เถียงกันในตอนนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้น..

กระทั่งรถถึงบ้าน แพรวพรรณก็โทรหาหิรัญญาซึ่งตอนนี้ยังอยู่ฉะเชิงเทรา เพราะยังไม่อยากย้ายไปเช่าบ้านอยู่ที่สัตหีบ กับเหตุผลอีกหนึ่งเหตุผลนั่นก็คือ..‘อยู่ด้วยกันทุกวัน ๆ เดี๋ยวเบื่อกันเร็ว’

แต่นาทีที่พอรู้เรื่องนี้ กลับคิดว่า ‘สู้แรงผัวเด็กไม่ไหวละซี้..แข้งขายาวขนาดนั้นหนึ่งละไม่อยากจะคิดต่อ..คิดแล้วเสียวไส้’

“อุปสรรคครั้งนี้ยิ่งใหญ่จริง ๆ..สงสารผู้การจังเลย” พอรับฟังเรื่องจากแพรวพรรณแล้วหิรัญญาก็พลอยหนักใจไปด้วย

“แม่ต้องถามเขาแน่ ๆ ว่าแต่งแล้วจะเอาลูกสาวไปอยู่ด้วยตรงไหน ไหนจะค่าสินสอดนี่อีก แม่ไม่เรียกหลักแสนแน่ ๆ พี่..”

“ก็ค่อย ๆ คิดกันไป อย่าใจร้อน”

“ก็พี่แต่งนำไปแล้วนี่..”

“ฉันแก่แล้ว..ช้าได้ที่ไหน..” พูดแล้วหิรัญญาก็นึกขำตัวเองอยู่ไม่น้อย ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น เหมือนอยู่ในห้วงความฝัน เหมือนคนขาดสติ..แต่ว่าหยิกตัวเองกี่รอบ มันก็เป็นเรื่องจริง..บ้านที่เคยเงียบเหงา ชีวิตที่ไม่ได้คิดถึงวันพรุ่งนี้ก็พลันเปลี่ยนไป..พอมีคนอีกคนเข้ามาแชร์ชีวิต มันก็หมายถึง จะคิดทำอะไร มันต้องหันหน้าปรึกษากัน...แม้จะอยู่ห่างไกลกัน ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสาร ก็ทำให้หิรัญญารู้สึกว่า เธอมีเขาอยู่ข้าง ๆ กาย..อุ่นหัวใจแม้ว่าจะนอนคนเดียวเหมือนที่เคยนอน..

“แล้วงานของพี่ไปถึงไหนแล้ว..”

“เริ่มไปนิดหน่อยแล้ว..ให้เสร็จงานจัดเลี้ยงที่สโมสรนั่นก่อน แล้วค่อยหันกลับมาลุย..”

“อิจฉาชีวิตพี่จังเลย...”

“อย่าเพิ่งไปสรุปมันเลย ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอนหรอก.. นะ อย่างไรก็อดทน ถึงเวลาที่เขามาสู่ขอ จริง
ๆ แม่อาจจะเห็นใจก็ได้...”

“คงเป็นปาฏิหาริย์แล้วพี่..”

“แพรว..แล้วทำไม ไม่ลองพึ่งปาฏิหาริย์ดูละ..”

“อย่างไงเหรอพี่..”

“เสด็จเตี่ยไง..ลองขอบารมีท่านดู..ให้ท่านช่วยดลจิตดลใจให้แม่ใจอ่อน ไม่แน่นะแพรวไม่แน่..”





งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสของหิรัญญากับเรือโทศุภโชคถูกจัดขึ้นที่สโมสรนาวิกโยธินในวันเสาร์ที่ 9 มีนาคม และเมื่อพ่อแม่ตกลงกันว่าจะให้เกียรติ์ไปร่วมงานกันทั้งครอบครัว แพรวพรรณจึงวางโปรแกรมว่าควรที่จะไปเที่ยวพัทยาพักผ่อนนอนเล่นกันที่พัทยาแดนสวรรค์ที่เต็มไปด้วยสีสันกันสักหนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นค่อยไปที่งานในเวลาเย็น พักอีกหนึ่งคืน แล้วก็กลับบ้าน แต่แม่ก็ขัดว่า ไม่ชอบทะเลที่มีฝรั่งพลุกพล่าน แพรวพรรณจึงตัดสินใจจองห้องพักที่เก่า แต่ว่าจองในส่วนที่เป็นโรงแรมแทนบ้านบังกะโล

วันพฤหัสบดี พงศ์พันธุ์ขับรถเจ็ดที่นั่งของเขา พาพ่อกับแม่มุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ หลังจากรถออกจากปั้มน้ำมัน แพรวพรรณก็ร้องบอกพี่ชายให้แวะศาลกรมหลวงชุมพรฯ ที่ซึ่งต้องเสียเวลาไปกลับรถ

“จะแวะทำไม เสียเวลา”

พอแม่ถามด้วยเสียงหงุดหงิดแพรวพรรณจึงบอกด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ไปว่า

“แพรวได้บอกให้ท่านช่วยเรื่องงานไว้ค่ะ ตอนนี้งานแพรวจะเสร็จแล้ว ลื่นไหลเป็นอย่างดี..แล้วเราจะไปสัตหีบด้วย แวะบอกท่านสักหน่อยดีกว่า จะได้เดินทางปลอดภัย” ลื่นไหลเพราะนอกจากงาน เธอก็มีความรักเป็นอาภรณ์ห่มหัวใจให้รู้สึกอบอุ่นมีพลังอีกด้วย

“บอกบนรถก็ได้นี่”

“แวะให้แพรวเถอะแม่ ผมก็อยากแวะเหมือนกัน”

“ป๊าก็อยากแวะเหมือนกัน..”



ออกจากศาลกรมหลวงชุมพรฯ รถของพงศ์พันธุ์ก็บ่ายหน้าไปทางจังหวัดชลบุรี ระหว่างทางนั้นแพรวพรรณซึ่งนั่งอยู่เบาะที่สองคู่กับแม่ ก็ฟังเสียงเพลงลูกกรุงพลางครุ่นคิดถึงแผนการที่วางไว้กับพี่ต้นกล้ากับนึกถึงอนาคตของเขากับเธอ...ซึ่งอุปสรรคสุดท้ายก็คือ ‘แม่’ ส่วนป๊านั้น แม้ไม่พูดออกมาตรง ๆ ว่าให้เธอเลือกแต่งงานกับคนที่รักเธอ แต่ป๊าก็แสดงออกให้เห็นว่า ป๊าไม่ได้รังเกียจลูกเขยไทย ซึ่งตรงนี้ทำให้แพรวพรรณได้ครุ่นคิดว่า ถ้าป๊ารังเกียจคนไทยแท้ๆ ป๊าคงไม่แต่งงานกับแม่ซึ่งมีแต่ความสวยเท่านั้น..
แต่อีกนั่นแหละ ถ้าถามกันไปลึก ๆ กว่านั้น ป๊าก็อาจจะมีปัญหากับทางบ้านก็ได้.. แต่ว่าวันนี้ ป๊าก็มีความสุข ได้อยู่กับคนที่ป๊ารักและแม่ก็รักป๊ามากเช่นกัน..

เมื่อมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารทะเลหน้าหาดบ้านอำเภอจบลง โดยที่แพรวพรรณยอมรับว่า มีความสุขเหมือนทุก ๆ ครั้งที่ได้อยู่พร้อมหน้าครอบครัว และขณะเดียวแพรวพรรณก็รู้สึกใจหาย..เพราะตามคำทำนายของหนูนา ในเร็ววันนี้เธอจะต้องเดินทางออกจากบ้าน..บ้านที่อบอวลไปด้วยความรักและความห่วงใยกันและกันเป็นอย่างมาก

“เป็นอะไร..นั่งเงียบเลย” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามเมื่อลูกสาวเหม่อมองออกไปนอกรถ..

“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยค่ะ”

“คิดพล็อตนิยายอีกสิ”

“คิดถึงอนาคตตัวเอง”

“คิดว่าไง”

“คิดว่าถ้าแพรวต้องมาอยู่สัตหีบ แพรวจะคิดถึงแม่กับป๊าพี่พงศ์พี่วรรณและหลานแค่ไหน” ตอนที่
ตอบนั้นแพรวพรรณก้มหน้า ไม่กล้ามองแม่ตรง ๆ แต่คนเป็นแม่นั้นรู้สึกว่า ลูกสาวนั้น ‘โตขึ้น’ และ ‘มี
ความเป็นตัวของตัวเอง’ จนนางรู้สึกใจหายอยู่เหมือนกัน

พอเห็นว่าแม่นิ่งเงียบเมื่อฟังคำตอบของเธอ แพรวพรรณจึงถามแม่เสียงว่า..

“ตอนที่แม่จะแต่งงานแม่รู้สึกอย่างไรบ้างคะ”

“จะมาสัมภาษณ์อะไรตอนนี้” ก่อนหน้านั้น แพรวพรรณมักจะตั้งสมมุติฐานเกี่ยวกับพล็อตนิยายของตนที่มีบทแม่ของนางเอก พระเอก แล้วปั้นตุ๊กตาถามแม่ดูว่า ถ้ากรณีนี้เกิดขึ้น ผู้ใหญ่หรือแม่ จะมีความคิดเห็นอย่างไร...

“แพรวอยากรู้ค่ะ เหมือนกับที่แพรวกำลังเป็นไหม”

พอเผยไต๋ไปแบบนี้ แพรวพรรณก็ยิ้มนิด ๆ เพราะแม่ค้อนมาให้แทนคำตอบ..

“แม่ ผมเจอที่สวย ๆ อยู่แปลง” พงศ์พันธุ์เอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นว่าแม่กับน้องสาวนิ่งเงียบ ..

“ที่ไหนละ”

“สัตหีบนี่แหละ...”

“จะซื้อไปทำอะไร ที่แถวบ้านเราก็ไม่รู้จักกี่แปลงแล้วขี้เกียจจำ ขี้เกียจตามเก็บค่าเช่า จ่ายภาษี”

“แล้วจะเอามาทำอะไร”..ป๊าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่ว่าก็อ่อนโยนฟังสบายหู

“เอามาปลูกบ้านตากอากาศ..เอาไว้ตอนเมษายน ร้อน ๆ หมดฤดูเก็บเกี่ยวเราก็มาพักผ่อนกัน”

“ไม่เอาหรอก ที่ใกล้ทะเล กลัวสึนามิ..ที่ญี่ปุ่นเป็นไงล่ะ..เห็นแล้วสยอง..”

“ก็ไม่ถึงกับติดทะเลหรอกแม่..เป็นสวนผลไม้ เขาแบ่งขายนะแม่ เจ้าของเก่าเขาก็อยู่ด้วย บ้านเขาอย่างสวยเลย..เขาจะขายให้เฉพาะคนที่จะปลูกบ้านสวย ๆ เท่านั้น จะได้เข้ากับบ้านเขา..ไม่ได้ขายมั่ว ๆ”

“พาป๊าไปดู..”

พอเห็นว่า ทั้ง ป๊า ทั้ง พี่ชาย ดูจะช่วยเหลือแพรวพรรณกันเหลือเกิน ...วันเพ็ญจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุย..เพราะถ้าคุยกันต่อรังแต่จะทำให้อารมณ์เสีย..

“แล้วนี่จะไม่แวะเที่ยวไหนกันเลยเหรอเนี่ย ใจคอจะให้นั่งรถชมเมืองอย่างเดียวหรือไง”

“ใกล้ได้เที่ยวแล้วค่ะ วันนี้จะเน้นที่สัตหีบ พรุ่งนี้เก็บในสัตหีบอีกนิด แล้วก็เตรียมตัวไปงานแต่ง วันกลับ เราก็ค่อยเที่ยวแถว ๆ พัทยา แล้วก็กลับบ้านค่ะ..”




วันเพ็ญต้องแปลกใจเมื่อออกมาจากห้องน้ำของปั้มน้ำมันแล้วพบว่านายต้นกล้าซึ่งแต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศยกมือไหว้ และวันนี้ชุดเครื่องแบบนายทหารเรือสีน้ำตาลแขนสั้นของเขาก็ทำให้เขาดูแปลกตาไปจากที่เคยเห็น และภาพในอดีตที่คิดว่าลืมไปแล้วก็ไหลกลับเข้ามา..

ตอนนั้น พี่บุญเกิดเป็นทหารเกณฑ์ วันศุกร์ทางค่ายปล่อยให้กลับบ้านเขานั่งรถจากค่ายจิรประวัติมาหาเธอที่บ้านของญาติ ที่เธอได้ไปพักอาศัยเรียนหนังสือ..ตอนนั้นเขาดูดีในสายตาของเธอมาก ๆ แต่ว่าเขาเป็นเพียงทหารเกณฑ์ ไม่ใช่นายสิบนายร้อยห้อยกระบี่ ที่จะพาให้อนาคตของเธอเจริญรุ่งเรืองได้ เธออยากให้เขาเรียนศึกษาผู้ใหญ่เพิ่มวุฒิ แต่เขาบอกว่าเขาหัวไม่ค่อยดี ขี้เกียจเรียน และก็อยากกลับไปทำนา..ความขัดแย้งในเรื่องทัศคติเกิดขึ้นบ่อย ๆ จนสุดท้าย เขาค่อย ๆ หายไปจากชีวิตของเธอ..

และคนที่ยืนอย่างสง่างามอยู่ตรงหน้านี้ เธอเองไม่แปลกใจสักนิดว่าที่เห็นว่าแพรวพรรณหลงใหลหายใจเข้าออกเป็นเขา..เขาคล้ายคนเป็นพ่อ โดยเฉพาะรอยยิ้ม แต่ว่าดวงตานั้นเขาก็ได้ทางแม่ รูปหน้าของเขาเหมาะเจาะคมคาย..

“วันนี้ ผู้การจะพาเราเที่ยวค่ะแม่ ..” แพรวพรรณหน้าตาสดชื่นอย่างเห็นได้ชัด..

“ไม่ทำงานทำการเหรอ” แม้จะรู้สึกดีนายทหารเรือผู้ผึ่งผาย แต่วันเพ็ญก็ยังตั้งป้อมเป็นศัตรูอยู่นั่นเอง

“ปกติงานผมจะอยู่ในทะเลครับ วันนี้ไม่ได้ออกลาดตระเวน มีเวลาพาเที่ยวชมฐานทัพเรือสัตหีบได้เต็มที่เลยครับ”

“ได้ผู้การพาเที่ยวก็ดี เวลาถามอะไรเกี่ยวกับทหารเรือจะได้ตอบได้” ป๊าเอ่ยขึ้นอย่างชื่นชม..โดยวันเพ็ญเบ้หน้าอย่างไม่สนใจคนที่มองเห็น..

และเมื่อเห็นว่าทุกคนพร้อมเดินทางท่องเที่ยว พงศ์พันธุ์จึงขอให้ทุกคนขึ้นรถ โดยเขากระซิบบอกกับป๊าให้ไปนั่งเบาะที่สองคู่กับแม่ แพรวพรรณเองก็ต้องขยับไปนั่งเบาะที่สามกับนพวรรณและหลาน โดยผู้การจิรวัตินั่งอยู่ด้านหน้าคู่กับคนขับ..

“อ้าว นี่จะไปคันเดียวกันเลยเหรอ แล้วรถตัวเองละ” พอเห็นว่าที่นั่งเปลี่ยนแปลง แล้วนายผู้การเรือก็เปิดประตูหน้าเข้ามานั่งข้างหน้า วันเพ็ญจำต้องท้วงขึ้นมา

“ถ้าผู้การไม่นั่งไปคันเดียวกับเรา แล้วใครจะบอกทางกับบรรยายสรุปให้เราฟังละแม่” พงศ์พันธุ์ถือโอกาสยกย่องเพราะชุดที่ ‘ไอ้ต้นกล้า’ สวมใส่อยู่นั้น บ่งบอกให้รู้ว่า เขาจะเรียกอย่างที่เคยปากอีกไม่ได้แล้ว “ก่อนอื่นต้องบอกว่า ยินดีต้อนรับสู่ฐานทัพเรือสัตหีบ ซึ่งที่นี่เป็นหน่วยกำลังรบและสนับสนุนให้กับหน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือ ในวันนี้ที่แรกที่ผมจะพาทุกท่านไปเยี่ยมชม ก็คือ คือยอดเขากรมหลวง หรือเขาแหลมปู่เจ้าครับ..ซึ่งที่นี่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก จนมีคำกล่าวหนึ่งว่า ถ้ามาสัตหีบแล้วไม่ได้ขึ้นไปกราบเสด็จเตี่ยบนยอดเขา ก็ได้ชื่อว่ามาไม่ถึงที่นี่..”

น้ำเสียงของเขาจริงจังแต่ว่าก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและขณะที่หันมาบอกเล่า เขาก็สบตาของ ‘ว่าที่แม่ยาย’ ซึ่งนั่งอยู่เบาะด้านหลังคนขับไปด้วย แต่ว่าคุณนายวันเพ็ญก็ไม่ยอมสบตาของเขา ทั้งที่ลึก ๆ ในใจนั้น เรื่องที่เขากำลังพูดถึงอยู่นั้น เธอสนใจอยู่ไม่น้อย

..แต่ว่า แม้เธอจะไม่ถาม สามีของเธอซึ่งมีนิสัยใฝ่รู้เหมือน ๆ กันก็เอ่ยถามขึ้น จนกระทั่งระหว่างทางไปเขาปู่เจ้าซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เลี้ยวขวาเข้า กองบัญชาการนาวิกโยธินจนถึงยอดเขา เขาก็อธิบายตั้งแต่แฟลตที่พักด้านขวามือซึ่งตั้งเรียงรายเป็นชุมชนขนาดใหญ่ ไล่ไปจนถึงกรม กองต่าง ๆ ระหว่างทางจนกระทั่งถึงหาดเตยงาม อนุเสาวรีย์และพิพิธภัณฑ์นาวิกโยธิน สโมสรนายทหารสัญญาบัตรนาวิกโยธินสถานที่จัดเลี้ยงฉลองสมรสของต้นเรือศุภโชคกับหิรัญญา..และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับธรรมเนียมปฏิบัติของทหารเรือรวมถึงพระราชประวัติของกรมหลวงชุมพรฯที่เกี่ยวกับหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่าที่เป็นพระอาจารย์ของพระองค์ท่าน..จนกระทั่งรถถึงศาลกรมหลวง..และพอลงจากรถ..ป้อมปราการเรื่องฐานะทางการเงินที่คุณนายวันเพ็ญตั้งไว้ ก็ทลายไปจนเกือบสิ้น..โดยวันเพ็ญสรุปในใจว่า


‘เงินทองนั้นหาให้เสมอกันได้ แต่ว่าความรู้และประสบการณ์ชีวิตนั้นเป็นเรื่องเฉพาะตัวจริง ๆ’



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ม.ค. 2555, 12:28:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ม.ค. 2555, 12:28:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 3687





<< 27.2 "่น่าจะเรียกว่าโทรไปให้จังหวะมากกว่า"   29.“งานเลี้ยงแต่งงานของแพรวกับผู้การจิรวัติแม่ขอให้ไปจัดนครสวรรค์นะ” ((ตอนจบ)) >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 11 ม.ค. 2555, 12:29:13 น.
สวัสดีครับ ตอนนี้มาเต็มตอน ตอนหน้า เป็นตอนสุดท้ายสำหรับการโพสต์นะครับ อย่างไรที่เหลือก้ตาม.ฉบับรูปเล่มแล้วกัน ขอบคุณจาก ๆทุก แรงใจเเรงเชียร์ที่มอบให้แก่พี่ต้นกล้า...อย่างไรก็อย่าลืม แบ่งปันไปให้น้องหนูนาด้วยนะครับ..จุ๊บ ๆ


morisa 11 ม.ค. 2555, 13:15:41 น.
ตอนนี้พี่ต้นกล้าเท่มากกก
แล้วก็พ่อพี่ต้นกล้าด้วยสมกับเป็นพ่อของนายทหารเรืออนาคตไกล
จริงอย่างกับชื่อตอนนั่นแหละ
"เงินทองนั้นหาให้เสมอกันได้ แต่ความรู้ประสบการณ์ชีวิตเป็นเรื่องเฉพาะตัวจริงๆ"

ป.ล.ตามอ่านนายคะน้า กับนางสาวเมขลาอยู่



innam 11 ม.ค. 2555, 13:52:22 น.
ตามเป็นกำลังใจ


pathamon 11 ม.ค. 2555, 16:02:04 น.
ชอบค่ะ ผู้การต้นกล้าอยู่เรืออะไรคะ จะได้แวะไปเยี่ยม คนที่บ้านอยู่เรือหลวงนราธิวาสค่ะ


anOO 11 ม.ค. 2555, 16:58:22 น.
คุณแม่แพรวคงเริ่มใจอ่อนลงเรื่อยๆๆๆๆ


แว่นใส 11 ม.ค. 2555, 16:59:13 น.
เข้าทางใช่ไหมล่ะ


silverraindrop 11 ม.ค. 2555, 17:10:51 น.
มาเป็นกำลังใจให้ผู้การด้วยคนค่ะ


Zephyr 11 ม.ค. 2555, 18:40:27 น.
แม่แพรวจะตั้งป้อมไรนักหนาเนี่ย แต่ต่อให้แข็งแรงแค่ไหน พี่ต้นกล้าก็ทุบให้พังได้อยู่ดี จริงมั้ยพี่ต้นกล้าาาาาาา สู้เว้ย สู้ๆๆๆ ไม่งั้นไม่ได้เมียนะ


nutcha 11 ม.ค. 2555, 21:31:10 น.
มาเป็นกำลังใจให้พี่ต้นกล้า


loveleklek 11 ม.ค. 2555, 22:11:34 น.
ตามมาอ่าน


คิมหันตุ์ 11 ม.ค. 2555, 22:32:25 น.
มาเชียร์คะน้า. 555ส่วนผู้การเสด็จเตี่ยกะป๊าช่วยไปแล้ว อิอิ


minafiba 12 ม.ค. 2555, 00:57:06 น.
^_^


XaWarZd 12 ม.ค. 2555, 05:27:43 น.
แง้ว อีกแค่ตอนเดียวเองเหรอเนี่ย ขอยาวๆ ๆ เลยนะ


ไรน้ำ 12 ม.ค. 2555, 18:22:18 น.
ชอบประโยคสุดท้ายของตอนนี้มากๆ ค่ะ โดนใจสุดๆ เลยค่ะ


แพม 15 ม.ค. 2555, 01:59:56 น.
สุ้ ๆ


เด็กหญิงม่อน 15 ม.ค. 2555, 14:08:47 น.
พี่ต้นกล้ารีบทำคะแนนกับว่าที่แม่ยายใหญ่เลยน๊า


ณัฐวีร์ 22 ม.ค. 2555, 21:07:18 น.
ประสบกาม เอ๊ยยย ประสบการณ์ท่านผู้การเค้ามีเยอะคร้าาา ไม่ต้องห่วง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account