ดอกไม้ในมือมาร ตอน กับดักรักบ่วงมาร

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 1:โยงบ่วง

กับดักรักบ่วงมาร จะเป็นเรื่องที่ 2 ของชุดดอกไม้ในมือมาร ซึ่งต่อจากเรื่องของ เหนือภพ ในมารร้ายร่ายรัก ค่ะ
V
V
V

เวลาบ่ายคล้อยของวันทำงาน นานๆ ครั้งโต๊ะตัวแรกฝั่งซ้ายมือริมหน้าต่างถึงจะมีเจ้าของโต๊ะมานั่งประจำที่สักที เพราะส่วนใหญ่หากตะวันยังไม่ลับฟ้าหรือยังไม่หมดเวลาทำงานนักข่าวสาวก็จะยังตะลอนๆ อยู่นอกสำนักงานเพื่อตามสัมภาษณ์ดาราคนดังหรือไม่ก็ต้องคอยทำตัวเป็นนักสืบสะกดรอยตามบรรดาแหล่งข่าวเหล่านั้นเพื่อหาข่าวสดใหม่มานำเสนอก่อนใคร

แต่วันนี้โต๊ะทำงานที่เคยถูกปล่อยทิ้งให้ว่างมาหลายวันกลับมีร่างบางนั่งประจำที่อยู่ เพราะเมื่อเช้าบอกอคนงามโทรตามให้เข้าสำนักพิมพ์แต่เช้าบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ซึ่งคงไม่พ้นเรื่องงาน ทำให้นักข่าวสาวยิ้มร่าเข้าออฟฟิศมาแต่เช้าตรู่จนเพื่อนๆ ร่วมสายอาชีพแทบตกเก้าอี้นึกว่าโดนผีหลอก แต่เมื่อมาถึงแล้วบรรณาธิการสาวคนงามกลับต้องรับแขกกิตติมศักดิ์แบบไม่ได้นัดหมายก็เลยต้องปล่อยให้ลูกน้องอย่างเธอนั่งแกร่วรอคอยไปก่อน

“นี่บอกอเขาจะคุยกับพ่อหนุ่มปริญญาเอกของเขาไปถึงเมื่อไหร่กันเนี่ย ข้าวเที่ยงก็กินด้วยกันจนอิ่มแล้วยังจะมีเรื่องคุยต่ออีกเหรอ”

เสียงหวานใสนั้นบ่นกึ่งถามนักข่าวหนุ่มรุ่นพี่ที่นั่งโต๊ะฝั่งตรงข้ามแบบไม่จริงจังนัก หลังจากที่ร่างบางในชุดทะมัดทะแมงด้วยเสื้อแจ็กเก็ตคู่ใจกับกางเกงยีนตัวเก่งลุกออกจากโต๊ะไปชะเง้อชะแง้มองที่ห้องของบรรณาธิการสาวใหญ่ ซึ่งเป็นห้องกรุกระจกมองเข้าไปเห็นถึงข้างใน

‘พ่อปริญญาเอก’ คือฉายาที่บอกอคนงามตั้งให้หนุ่มคนรักจนลูกน้องต่างก็จำกันมาเรียกตามจนติดปาก

“มีเรื่องจะคุยกับบอกอเหรอ?” รุ่นพี่เงยหน้าขึ้นถาม

“บอกอนั่นแหละโทรตามนกแต่เช้าแล้ว ไม่งั้นพี่จะได้เห็นหน้านกเรอะ” สกุณาพิงสะโพกกับขอบโต๊ะทำงานของรุ่นพี่ อดเหลียวมองไปทางห้องทำงานของบอกอไม่ได้

“เอาน่า เข้าใจบอกอเขาหน่อย นี่รถด่วนขบวนสุดท้ายแล้วนะโว้ย ขืนปล่อยให้หลุดมือไปมีหวังบอกอเราได้เป็นสาวเทื้อขึ้นคานแหงๆ”

สกุณาไหวไหล่เล็กน้อยก่อนจะกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานของตนไม่อยากเสวนาต่อ อยากจะหัวเราะกับคำพูดของอีกฝ่ายอยู่หรอกหากไม่ติดที่ว่าเธอไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการที่จะเรียกคนที่ไม่ได้แต่งงานว่าขึ้นคาน เพราะมันดูเหมือนว่าสาวๆ เหล่านั้นไม่มีทางเลือกหรือไม่ก็หาใครมาเป็นคู่ด้วยไม่ได้ โดยที่ไม่มีใครคิดเลยว่าบางทีพวกเธออาจจะไม่อยากเลือกและไม่อยากแต่งงานก็เป็นได้

นักข่าวสาวหมดความสนใจกับสิ่งรอบข้างไปชั่วขณะเมื่อดึงปากกาออกจากมวยผมที่ตนเอาไปเสียบไว้แทนปิ่น ปล่อยผมหยักศกยาวสลวยร่วงลงแผ่กระจายเต็มแผ่นหลังอย่างไม่สนใจแม้แต่จะยกมือขึ้นสางเพราะกำลังขะมักเขม้นอยู่กับการคิดบทสัมภาษณ์คนดังที่ยังทำค้างอยู่ ถือโอกาสที่บอกอคนงามยังสานสัมพันธ์กับพ่อหนุ่มรถด่วนขบวนสุดท้ายนี้ทำงานไปพลางๆ แต่ยังไม่ทันจะได้บทสัมภาษณ์ที่เป็นรูปเป็นร่างดีก็ถูกทำลายสมาธิด้วยเสียงของบอกอเสียก่อน

“นก…เข้ามาได้” พรรทิพาเปิดประตูออกมาเรียกก่อนจะผลุบหายเข้าไปในห้องอีกครั้งหลังจากที่ส่งพ่อหนุ่มปริญญาเอกของเธอกลับเรียบร้อยแล้ว

นักข่าวสาวรีบรวบกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะทิ้งลงตะแกรงใส่เอกสารทันที ก่อนจะลุกออกจากโต๊ะด้วยความกระตือรือร้นพร้อมทำงาน เดินออกจากคอกที่กั้นไว้เป็นสัดส่วนเลี้ยวซ้ายไปไม่กี่ก้าวก็ถึงหน้าห้องบอกอที่ตอนนี้เข้าไปนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานซึ่งถูกล้อมด้วยกองเอกสารสูงพะเนินนั้นเรียบร้อยแล้ว

“นี่นกคิดว่าวันนี้จะไม่ได้คุยกับบอกอแล้วนะคะเนี่ย” สกุณาอดเอ่ยเย้าเชิงบ่นกระปอดกระแปดไม่ได้ เพราะบอกอคนงามของเธอเล่นคุยกับหนุ่มๆ ตั้งแต่เช้ายันบ่ายทำท่าเหมือนลืมว่านัดลูกน้องอย่างเธอเอาไว้

“โทษที…พอดีพ่อปริญญาเอกของพี่เขาจะต้องบินไปอังกฤษคืนนี้ แล้วพี่ไม่ว่างไปส่งเขาก็เลยต้องมาสั่งลากันที่นี่ ก็แหม…เขาออกจะหน้าตาดีแถมยังมีดีกรีเป็นถึงด็อกเตอร์พี่ก็กลัวว่าเขาจะไปเจอแม่ฝรั่งตาน้ำข้าวแล้วลืมพี่น่ะสิ แต่เขาก็ดีนะบอกว่าจะโทรหาพี่ทุกวัน นี่พี่ก็…”

บรรณาธิการสาวคงจะพร่ำเพ้อไปอีกพักใหญ่ๆ เกี่ยวกับเรื่องพ่อยอดชู้ของเธอหากว่าสกุณาจะไม่ขัดขึ้นเสียก่อน

“เอ่อ…เราเริ่มเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าไหมคะบอกอ” นักข่าวสาวทำเสียงเหมือนหน่าย เหตุเพราะไม่ชอบฟังใครก็แล้วแต่ที่มานั่งพร่ำพรรณนาถึงความรักให้เข้าหูเนื่องจากตนไม่ค่อยศรัทธากับคำคำนี้สักเท่าไร

“อ้าว! งั้นนั่งๆ มาว่าถึงเรื่องงานของเราดีกว่า” สุ้มเสียงและท่าทีของพรรทิพาเปลี่ยนมาเป็นการเป็นงานทันที ผิดกับคนที่ทำหน้าตาเคลิ้มฝันเมื่อสักครู่นี้ลิบลับ

“งานอะไรคะบอกอ?”

นักข่าวสาวถามทันควันก่อนจะคว้าเก้าอี้มานั่ง แอบคาดหวังว่างานที่บอกอกำลังจะมอบหมายให้ต่อไปนี้จะเป็นงานที่ท้าทาย ไม่เรียบๆ ง่ายๆ เช่นสัมภาษณ์คนดังคอลัมน์เล็กๆ ที่ไม่ได้สร้างความตื่นเต้นประทับใจเหมือนกับการออกไปตะลอนหาข่าวนอกสถานที่แต่อย่างใด เพราะเธอนั้นเป็นประเภทชอบอะไรที่ลุยๆ อยู่แล้ว

“พี่มีงานช้างให้เราทำ” บรรณาธิการประจำสยามเดลี่บอกด้วยน้ำเสียงที่มีเลศนัย

“งานช้างอะไรเหรอคะ” นักข่าวสาวถามด้วยความสนใจปนตื่นเต้น

“ตอนนี้นกทำข่าวเรื่องอะไรอยู่?”

คำย้อนถามนั้นถือเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับสกุณาเลยก็ว่าได้ เพราะหากบอกอถามแบบนี้แล้วนั่นหมายความว่าเธอกำลังจัดตารางงานให้คร่าวๆ อยู่ในหัว

“ก็งานสัมภาษณ์คนดังนิดหน่อยค่ะ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ”

“งั้นส่งต่อให้คนอื่นทำแทนเลย เพราะว่าพี่มีงานที่สำคัญกว่านั้นให้นกทำ แน่นอน…งานช้างแน่ๆ ไม่ต้องห่วง และได้ออกไปภาคสนามตะลอนทัวร์ทั่วทุกสารทิศตามที่เราชอบแน่นอน” บรรณาธิการสาวใหญ่บอกลูกน้องอย่างรู้ใจ

“แหม…นี่ถ้ารออีกสักสามวินาที นกคงลงไปชักดิ้นชักงอเพราะรอความตื่นเต้นไม่ไหวนะคะบอกอ” นักข่าวสาวเริ่มแสดงความไม่สบอารมณ์เมื่อบอกอคนงามยังอมพะนำไม่เลิก

“ทำใจร้อนไปได้ อ้ะ…เอานี่ไปดู” พรรทิพาส่งค้อนให้ลูกน้องสาว ก่อนจะหยิบภาพข่าวพร้อมคำบรรยายที่เธอรวบรวมเอาไว้ก่อนหน้านี้ส่งให้สกุณาดู



ปี 2551

‘มาร์ โยธิน ปัดซุกกิ๊กนักศึกษา ลั่นให้มองที่ผลงาน แจงไม่พร้อมมีรักจริงจัง หากเจอคนที่ใช่ก็ไม่คิดจะปิดอยู่แล้ว’



ปี 2552

‘ช็อก พระเอก ม ทายาทอดีตนางเอกขวัญใจมหาชน เสกเด็กเข้าท้องแฟนคลับวัยกระเตาะ’



ปี 2553

‘มาร์ ควงนางแบบสาวเบญญ่า (เบญญาภา) เย้ยปาปารัสซี สยบข่าวฉาว’



ปี 2554

‘พระเอกฉายาหล่อขั้นเทพ ควงพรรณอร นางเอกหน้าหวานคู่รักในจอ โต้ข่าวเมาท์แอบกิ๊กในกองถ่าย ฝ่ายช่ายปฏิเสธเสียงแข็ง ไม่คิดจีบ ชี้มิตรภาพแบบเพื่อนยั่งยืนกว่า’



ปี 2555

‘วงในกระซิบพระเอกคนดัง มาร์ โยธิน เดินหน้าจีบไฮโซคนสวยลูกสาวนักธุรกิจนำเข้ารถยนต์รายใหญ่ของประเทศ ในขณะที่เจ้าตัวเผย โชษิตา คือผู้หญิงในอุดมคติ ใครได้คุยด้วยก็ต้องรู้สึกประทับใจ ถ่อมตัว ไม่กล้าจีบเพราะรู้ว่าตัวเองแค่ผู้ชายธรรมดาๆ’



“มาร์ โยธิน…ทำไมเหรอคะบอกอ บอกอจะให้นกรื้อข่าวพวกนี้ขึ้นมาทำอีกหรือคะ” สกุณาเงยหน้าขึ้นถามบรรณาธิการสาวหลังจากที่อ่านเนื้อความข่าวไปแล้วส่วนหนึ่ง

“แน่นอน” พรรทิพาดีดนิ้วเปาะ พอใจกับคำถามของลูกน้องสาว ก่อนอธิบายต่อ

“ตอนนี้ใกล้ถึงงานประกาศรางวัลขวัญใจมหาชน เท่าที่พี่ดูคิดว่าคงยากที่รางวัลนี้จะตกไปเป็นของดาราคนอื่นนอกจากมาร์ โยธิน”

งานประกาศรางวัล ‘ขวัญใจมหาชน’ เป็นรางวัลทรงเกียรติที่คนในวงการบันเทิงสาขาดารานักแสดงภาคภูมิใจนักหนาหากมีชื่อเข้าชิงหรือโชคดีมีโอกาสได้รับรางวัล เพราะมันหมายถึงการการันตีฝีมือและการันตีชื่อเสียงว่าดีจริง ดังจริง

“ก็อยู่แล้วละค่ะ ตอนนี้มาร์ โยธินกำลังฮอตนี่คะ ใครๆ ก็รู้จักเขาทั้งนั้น”

สกุณาไม่เห็นเป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใดหากว่ามาร์ โยธินจะคว้ารางวัลที่ว่านี้ไปครอง เพราะตอนนี้ทั้งงานละคร งานภาพยนตร์ รวมไปถึงงานเดินแบบและงานพรีเซ็นต์ต่างๆ เขาก็ได้ออกมาวาดลวดลายโชว์ฝีมือให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ จนตอนนี้เขาได้ขึ้นแท่นเป็นพระเอกคิวทองอีกคนไปแล้ว ถ้าหากว่าเวทีนี้ไม่มีชื่อของมาร์ โยธินเข้าชิงสิเธอถึงจะมองว่าเป็นเรื่องแปลก ส่วนเรื่องข่าวที่เกิดขึ้นนั้นมันก็นานมาแล้ว คิดว่าคงไม่มีผลกระทบจนถึงปัจจุบันด้วยเหตุที่ใครๆ ก็มักจะพูดกันว่าคนไทยนั้นลืมง่าย

“มันก็ใช่ แต่พี่กำลังสงสัยกับข่าวช็อกวงการที่เพิ่งให้นกอ่านไป เพราะจู่ๆ มันก็เงียบหายไปเสียเฉยๆ ทั้งที่เป็นข่าวใหญ่ออกขนาดนั้น พี่ว่าบางทีมันอาจจะมีอะไรซุกซ่อนอยู่โดยที่เราไม่รู้ก็ได้ แล้วพี่ก็เชื่อว่าถ้าไม่มีมูลข่าวนี้ก็คงไม่เกิด” แต่บรรณาธิการสาวใหญ่ไม่ได้คิดแบบนั้น เธอกลับคิดในอีกแง่มุมหนึ่งที่ทุกคนคงมองข้าม ถึงได้ปล่อยให้ข่าวฉาวพวกนี้ผ่านเลยไป

“อืมม์…จริงด้วยสิคะ” นักข่าวสาวเริ่มคล้อยตาม

“แล้วอีกอย่างนกไม่เคยสังเกตบ้างหรือว่าเด็กหญิงนิรนามคนนี้เคยเป็นข่าวกับเหนือภพและเวหา ซึ่งเป็นญาติสนิทของมาร์ โยธิน พี่ว่านะถ้าเราจะรื้อข่าวฉาวของพระเอกคนดังขึ้นมาอีกครั้ง เราคงจะต้องสืบประวัติญาติสนิทของเขามาอย่างละเอียดเพื่อจะได้หาทางเข้าถึงตัวมาร์ โยธินได้ง่ายขึ้น”

นักข่าวสาวตาโต ดวงตาคู่สวยนั้นเปล่งประกายระยับ รู้สึกตื่นเต้นเมื่อเห็นบอกอนำรูปถ่ายของเหนือภพ ใต้หล้า เวหา และมาร์ โยธินมาวางเรียงตรงหน้าทีละใบ

“ถ้างานนี้นกขุดคุ้ยหาความจริงที่ซุกซ่อนเอาไว้ทั้งหมดได้ก่อนงานประกาศรางวัลแล้วละก็ รับรองหนังสือของเราต้องดังเป็นพลุแตกแล้วก็ต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเชียวล่ะ” พรรทิพาบอกด้วยรอยยิ้มกริ่ม ดวงตาเปล่งประกายพราวระยับทีเดียว

“ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะค่ะบอกอ รับรองว่านกจะทำงานนี้ให้สุดฝีมือเลยค่ะ จะไม่ทำให้บอกอต้องผิดหวัง” สกุณาบอกด้วยความมุ่งมั่น เลือดนักข่าวนั้นฉีดพล่านไปทั่วร่าง พร้อมลุยอยู่แล้วทุกสถานการณ์

…ก็อย่างที่บอก อะไรที่ยากและท้าทาย นั่นแหละคือสิ่งที่เธอชอบ



ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเข้มกับร่างเล็กของเด็กหญิงตัวน้อยวัย 5 ขวบ ที่เดินเกี่ยวก้อยกันออกจากโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งไม่ได้เป็นภาพแปลกตาสำหรับบรรดาคุณครูของแม่หนูน้อยสักเท่าใดนัก หากมันกลับเป็นภาพอันระทึกใจของใครบางคนที่แอบซ่อนอยู่ ณ มุมหนึ่งของบริเวณนั้นให้ต้องรีบรัวกดชัตเตอร์อย่างรวดเร็ว ก่อนจะเร้นกายหายไปทันทีเมื่อเจ้าของร่างสูงใหญ่อุ้มเด็กหญิงขึ้นรถ

“พ่อเวขา วันนี้ตั้งใจอยากทานไอศกรีมก่อนกลับบ้านได้ไหมคะ” เสียงเล็กอ้อนขึ้นทันทีที่รถเคลื่อนตัวออกจากโรงเรียน

เวหา ยุทธกานนท์หันมายิ้มให้เด็กหญิงอย่างเอ็นดู มือข้างหนึ่งละจากพวงมาลัยมาลูบศีรษะเล็กได้รูปก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ได้สิครับ แต่ว่าพ่อเวอนุญาตให้หนูทานได้แค่ถ้วยเดียวเท่านั้นนะ”

ในเย็นวันศุกร์แบบนี้หากว่าไม่ติดธุระ เวหาก็จะแวะมารับตั้งใจที่โรงเรียนแล้วพาไปทานอาหารอร่อยๆ ตามที่เด็กหญิงชอบ บางครั้งก็จะพาไปค้างที่บ้านด้วย

“ว้า…สองถ้วยไม่ได้เหรอคะพ่อเว” ตั้งใจทำหน้าม่อยขณะต่อรอง

“ไม่ได้ค่ะ ทานไอศกรีมเยอะมันไม่ดีรู้ไหมคะ นี่ถ้าเป็นสาวๆ ละก็อ้วนฉุไปแล้ว” เขาเอ่ยเย้าหากยังตั้งหน้าตั้งตาขับรถอย่างช้าๆ ด้วยความระมัดระวัง ถ้าขับให้คนอื่นนั่งเขาอาจจะไม่ระวังเท่านี้ และก็คงจะไม่ช้าเป็นเต่าคลานขนาดนี้ด้วย แต่สำหรับยัยตัวเล็กของเขาแล้วเวหาจะต้องระวังให้มากที่สุด

ตี๊ด…ตี๊ด…ตี๊ด

เสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มดังขึ้นรบกวนการขับรถของเขา หากแต่ชายหนุ่มไม่สามารถที่จะพูดคุยโทรศัพท์ขณะขับรถได้ไม่ว่ากรณีใดๆ เนื่องจากไม่อยากประมาท จึงวานให้ลูกสาวสุดที่รักรับสายแทน

“ตัวเล็กขา รับโทรศัพท์ให้พ่อเวทีสิคะลูก”

ชายหนุ่มมั่นใจว่าเด็กหญิงต้องคุยกับฝ่ายที่โทรมารู้เรื่องเพราะว่าเครื่องที่กรีดเสียงร้องอยู่นั้นเป็นเบอร์เฉพาะสำหรับคนในครอบครัวนั่นเอง

“พ่อเวขา ย่าชมพูโทรมาค่ะ” ตั้งใจบอกเสียงใสเมื่อกดรับสายแล้วได้ยินเสียงหวานๆ ของคุณย่าชมพู

เวหายิ้มออกมาเล็กน้อยและอดส่ายหน้าออกมาเบาๆ ไม่ได้เพราะคุณพวงชมพูมารดาของเขามักจะเป็นแบบนี้อยู่เสมอ นั่นคือจะต้องโทรมาเช็กเป็นประจำว่าเขามารับยัยตัวเล็กที่โรงเรียนแล้วหรือยัง และขับรถระวังหรือเปล่า จะพาหลานตัวน้อยของท่านออกนอกลู่นอกทางบ้างไหม อะไรทำนองนั้น

“พ่อเวขา ย่าชมพูบอกว่าให้ขับรถระวังๆ ด้วยนะคะ” เด็กหญิงรับฝากคำมาส่งต่อให้คุณพ่อสุดหล่อได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

“ฝากบอกคุณย่าด้วยว่า พ่อเวจะแวะพาตัวเล็กไปทานไอศกรีมก่อนแล้วเราค่อยกลับบ้านกันนะครับ วันนี้พ่อเวจะพาหนูไปค้างที่บ้านด้วย” เวหาบอกตั้งใจแล้วก็ต้องเผลอหลุดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูเมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดด้วยความดีใจของยัยตัวเล็กที่ยังคุยกับคุณพวงชมพูอยู่

“เย้ๆ วันนี้ตั้งใจจะได้ไปนอนกอดพ่อเวตัวอุ่นๆ ด้วยค่ะย่าชมพูขา”

“เวอร์แล้วค่ะ พ่อเวก็พาตัวเล็กไปค้างด้วยบ่อยๆ นี่นา” เวหาอดไม่ได้ต้องยกมือขึ้นโคลงศีรษะเล็กของหนูน้อยอีกรอบด้วยความมันเขี้ยว

“ก็ตั้งใจดีใจนี่คะ ตั้งใจอยากกอดพ่อเว กอดพ่อเหนือ กอดพ่อใต้ แล้วก็พ่อมาร์ทุกคืนเลยค่ะ” เด็กหญิงหันมาบอกพ่อเวด้วยน้ำเสียงที่สลดลงหลังจากที่ไล่รายชื่อคุณพ่อทั้งสี่จนครบแล้ว

“อ้าว…ไม่คุยกับย่าชมพูแล้วหรือคะ” เวหาเห็นแบบนั้นก็เบี่ยงเบนความสนใจของแม่หนูน้อยด้วยการบุ้ยใบ้ไปที่โทรศัพท์เครื่องจิ๋วในมือเล็ก

“พ่อเว…ย่าชมพูวางสายไปตั้งนานแล้วค่ะ” ตั้งใจบอกเสียงใส หัวเราะคิกคักเหมือนพ่อเวถามคำถามตลก

เวหาส่งยิ้มเก้อให้เด็กหญิง จากนั้นก็ชวนคุยเรื่องตลกจริงๆ จนตั้งใจหัวเราะเสียงดังลั่นรถไปหมด เด็กหญิงมีความเฉลียวฉลาดที่ช่างจด ช่างจำ และช่างสังเกต เพราะฉะนั้นทุกเรื่องที่นำมาเล่าเขาจะเล่าโดยพยายามสอดแทรกสาระไว้ตลอดแม้ปกติตัวเองจะดูไม่ค่อยมีสาระก็ตามที และที่เวหาต้องพยายามถึงขนาดนั้นก็เพราะต้องคำนึงอยู่เสมอว่าตั้งใจจะต้องถูกหล่อหลอมขึ้นด้วยความรู้ ความรัก และความปรารถนาดีที่เขาจะมอบให้

และเมื่อมาถึงร้านไอศกรีมที่เรียกได้ว่าเป็นร้านประจำของเวหาและตั้งใจเลยก็ว่าได้เพราะเขามักพาหนูน้อยมาทานที่ร้านแห่งนี้บ่อยๆ ชายหนุ่มพาเด็กหญิงเข้าไปนั่งที่โต๊ะริมกระจกด้านใน สั่งไอศกรีมรสโปรดของตั้งใจแล้วพูดคุยกันกะหนุงกะหนิงโดยไม่ได้สนใจผู้หญิงอีกคนที่นั่งเสียบหูฟังอยู่ที่โต๊ะข้างๆ ซึ่งมีผนังกั้นเอาไว้เพียงครึ่งตัวเท่านั้น

สกุณากับชุดที่แปลกไปจากเดิมด้วยเสื้อยืดแขนยาวลายทางน้ำเงินสลับขาวสวมทับด้วยเอี๊ยมกางเกงผ้าสีดำยาวคลุมเข่า พร้อมกับสวมหมวกสีฟ้ากะทัดรัดไว้บนศีรษะ แลคล้ายเด็กวัยรุ่นทั่วไป ที่มานั่งทานไอศกรีมเพียงลำพังพร้อมกับฟังเพลงด้วยเครื่อง MP4 แก้เหงา แต่หารู้ไม่ว่าเสียงที่นักข่าวสาวได้ยินและให้ความสนใจนั้นไม่ใช่เสียงเพลงเพราะเธอไม่ได้เปิด แต่เป็นเสียงของชายหนุ่มและเด็กหญิงโต๊ะข้างๆ ที่พูดคุยกันต่างหากที่เธอกำลังให้ความสนใจและกดบันทึกเสียงเอาไว้โดยไม่มีใครรู้

นักข่าวสาวใช้เวลาในการสืบค้นประวัติของสี่หนุ่ม เหนือภพ ใต้หล้า เวหา และมาร์ โยธิน ไม่นานนักก็ได้ข้อสรุปว่าเธอควรจะตามสืบข่าวของพระเอกหนุ่มจากนายเวหา ยุทธกานนท์ก่อน เนื่องจากดูเผินๆ แล้วเขาน่าจะเข้าถึงได้ง่ายกว่าคนอื่นๆ ในเวลานี้ เพราะรายแรกอย่างเหนือภพนั้นเธอได้ข่าวว่าเพิ่งแต่งงานและกำลังเตรียมตัวบินไปฮันนีมูนกับภรรยาที่ต่างประเทศ เธอเองคงไม่มีปัญญาจะตามไป ส่วนใต้หล้าก็ดูท่าจะถือตัวน่าจะเข้าถึงได้ยาก เพราะฉะนั้นสกุณาจึงเลือกพุ่งเป้ามาที่เวหาเป็นอันดับแรก

“ตัวเล็ก วันนี้หนูมีการบ้านหรือเปล่าครับ”

“มีค่ะ” หนูน้อยตั้งใจตอบพร้อมกับตักไอศกรีมเข้าปาก

“ถ้าอย่างนั้นกลับถึงบ้านแล้วพ่อเวจะสอนนะคะ” เวหาบอกด้วยรอยยิ้มอ่อน ก่อนจะหยิบกระดาษเนื้อนุ่มมาเช็ดที่มุมปากให้ตั้งใจ

“ให้พ่อเวป้อนไหม?” เอ่ยถามเพราะเห็นว่าลูกสาวคนสวยชักจะทำเลอะ

“ไม่เป็นไรค่ะ ย่าชมพูบอกว่าหนูเก่ง” เด็กหญิงบอกฉะฉานส่งยิ้มให้พ่อเวจนเกิดรอยบุ๋มที่แก้มซ้าย ดวงตากลมโตเหลือเล็กนิดเดียว ฟันซี่เล็กๆ นั้นก็เปลี่ยนเป็นสีช็อกโกแลตไปเสียแล้ว

สกุณาแสร้งหยิบกระจกขึ้นมาส่องจึงทันได้เห็นรอยยิ้มอบอุ่นที่เวหา ยุทธกานนท์ส่งให้เด็กหญิงนิรนามคนนั้นที่เขาเรียกว่า ‘ตัวเล็ก’ ผนังที่กั้นไม่สูงมากนักนั้นเอื้อให้นักข่าวสาวเห็นคนที่นั่งโต๊ะด้านหลังแล้วหันหน้าเข้าหาโต๊ะของเธอพอดี ผ่านกระจกขนาดกะทัดรัดในมือ

หญิงสาววางกระจกในมือลง ก่อนจะตักไอศกรีมของตัวเองกินบ้างเพื่อไม่ให้เกิดพิรุธ บางครั้งปากก็แสร้งฮัมเพลงไปด้วย แต่หูนั้นยังฟังชายหนุ่มกับเด็กหญิงตัวน้อยคุยกันอยู่ตลอด จนเมื่อเวหาอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยออกจากร้านเธอจึงได้กดปุ่มหยุดการบันทึกลง

นักข่าวสาวกระหยิ่มยิ้มย่องเมื่อเปิดสิ่งที่ตัวเองอัดเอาไว้ฟังอีกครั้ง แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับวันนี้ เธอไม่จำเป็นต้องตามพวกเขาไปอีกเมื่ออย่างน้อยเธอก็ได้รู้ข้อมูลเพิ่มมาอีกอย่างว่าเด็กหญิงนิรนามคนนั้นเรียกเวหาว่า ‘พ่อเว’ ทุกคำ ซึ่งชายหนุ่มก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเป็นพ่อของเด็ก

“หรือนายเวหานี่จะเป็นพ่อของเด็ก” หญิงสาวตั้งข้อสันนิษฐานกับตัวเองขณะหยิบกล้องถ่ายรูปที่เก็บไว้ในกระเป๋าอย่างมิดชิดขึ้นมาไล่ดูภาพที่แอบถ่ายตอนชายหนุ่มแวะไปรับเด็กหญิงที่หน้าโรงเรียนทีละภาพอย่างละเอียด ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ภาพหนึ่งซึ่งเป็นภาพด้านข้างของเวหาที่กำลังอุ้มร่างเล็กของเด็กหญิงขึ้นรถ

นักข่าวสาวยกปลายนิ้วขึ้นเคาะริมฝีปากล่างของตนเบาๆ อย่างใช้ความคิด ข้อมูลเพียงเท่านี้ยังไม่พอหรอกที่เธอจะไปฟันธงว่าเด็กเป็นลูกของใคร แต่สิ่งหนึ่งที่วิ่งแทรกเข้ามาในหัวตอนนี้ก็คือ…ข่าว

‘ข่าวพ่อหนุ่มนัยน์ตายิ้มได้ ดอดไปรับเด็กหญิงนิรนามหน้าโรงเรียนหลังสวน’ คงสนุกไม่น้อยเชียวล่ะถ้ามันปรากฏอยู่บนคอลัมน์ ‘โฉบมาเล่า’ ของเธอในวันพรุ่งนี้



รถยนต์คันหรูของเวหาค่อยๆ แล่นหายเข้าไปภายในเขตรั้วที่พันด้วยเครือดอกพวงชมพูออกดอกเป็นรูปหัวใจดวงเล็กๆ ละลานตา และทันทีที่รถหยุดลงที่หน้าประตูคฤหาสน์หลังใหญ่ ตั้งใจก็แทบกระโดดลงจากรถเมื่อพ่อเวมาเปิดประตูให้ ซึ่งชายหนุ่มก็รับร่างเล็กเอาไว้ได้ทันก่อนที่ยัยตัวเล็กของเขาจะกระโดดลงมา

“ไม่กระโดดครับ เดี๋ยวขาหักแล้วไม่สวย” เขาแกล้งสัพยอกยัยตัวเล็กเบาๆ

เด็กหญิงหัวเราะชอบใจก่อนจะดิ้นลงจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม เป็นจังหวะเดียวกับที่รถยนต์อีกคันแล่นเข้ามาจอดต่อท้ายรถของเวหาพอดี

หญิงสาวรูปร่างบอบบางใบหน้าประพิมพ์ประพายคล้ายเวหาก้าวลงมาจากรถพร้อมส่งยิ้มสดใสให้คนทั้งสองที่ยืนอยู่ก่อนแล้ว

“อาวา สวัสดีค่ะ” ตั้งใจทำความเคารพอาสาวด้วยรอยยิ้มสดใสไม่แพ้กัน

“สวัสดีค่ะตั้งใจคนสวย ไหนมาให้อาวากอดหน่อยสิคะ” วาโยเข้าไปสวมกอดร่างเล็กแล้วอดไม่ได้ต้องรัดแน่นๆ ทีหนึ่งด้วยความมันเขี้ยว ก่อนจะปล่อยก็ยังหอมแก้มยุ้ยๆ นั้นไปเสียหลายฟอด

“วันนี้คงไม่ออกไปไหนสิคะพี่เว ยัยตัวเล็กมาค้างด้วยแบบนี้” วาโยแกล้งกระเซ้าพี่ชายสุดที่รักด้วยรอยยิ้มกริ่ม รู้ดีว่าวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้หากเวหาพาตั้งใจมาค้างด้วยเขาก็จะใช้เวลาอยู่กับยัยตัวเล็กของเขาให้เต็มที่ เพราะหากเป็นวันธรรมดาตั้งใจจะค้างที่บ้านสวนมากกว่า

“รู้ดี” เวหายกมือขึ้นโคลงศีรษะเล็กของน้องสาวด้วยความหมั่นไส้

ตั้งใจไม่ได้สนใจพ่อเวกับอาวาอีกต่อไปเมื่อวิ่งนำหน้าเข้าบ้านโดยมีเสียงของเวหาตะโกนตามหลังไปติดๆ

“ตัวเล็ก…อย่าวิ่งลูกเดี๋ยวล้ม”

คนที่นั่งจิบน้ำชาอยู่ด้านในได้ยินเสียงลูกชายก็หันมาหัวเราะให้กันเบาๆ เพราะหลังจากนั้นไม่กี่วินาทีก็ได้รับร่างเล็กที่วิ่งหลุนๆ เข้าสู่อ้อมกอดอย่างเต็มรัก

“สวัสดีคุณปู่คุณย่าหรือยังตัวเล็ก” เวหาทวงถามขณะเข้าไปนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับบิดามารดา ส่วนน้องสาวนั้นยืนยิ้มอยู่ใกล้ๆ

“สวัสดีค่ะ” ตั้งใจรีบทำตามอย่างน่ารัก

“วันนี้ไปทานไอศกรีมกันมาอิ่มหรือยังลูก” พวงชมพูที่แม้วัยจะล่วงเลยเข้าเลขห้าแต่ก็ยังคงความสวยไม่แพ้วันวานเอ่ยถามหลานสาวตัวน้อยในอ้อมแขนของสามีเสียงนุ่ม

“ยังค่ะย่าชมพู” หนูน้อยตอบอย่างเอาใจ จำได้ว่าถ้าย่าชมพูถามแบบนี้ทีไรตัวเองจะได้กินขนมอร่อยๆ

“ถ้าอย่างนั้นไปดูสิว่าในครัวมีอะไรทานบ้าง” คนเป็นย่าบอกเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนจะรับร่างเล็กมาจากสามี

“เผื่อพี่ด้วยนะชมพู” พลาธิปบอกภรรยาทีเล่นทีจริง

“พี่เสือน่ะจิบน้ำชาไปเถอะค่ะ ทานมากๆ ระวังจะอ้วนลงพุงตัวเท่าหมี แล้วลูกๆ หลานๆ จะจำไม่ได้เอานะคะ” พวงชมพูหันกลับมาบอกสามีเป็นเชิงล้อ ทั้งที่ทราบดีอยู่แล้วว่าสามีเธอนั้นมีรูปร่างดูดีกว่าเด็กหนุ่มๆ บางคนเสียอีก

“จ้ะ” พลาธิปรับคำเสียงหนัก หากแววตาที่ทอดมองภรรยานั้นยังคงเปี่ยมไปด้วยความรักไม่ต่างจากวันวาน อีกทั้งมีแต่จะเพิ่มพูนขึ้นทุกวันตามกาลเวลา

คนเป็นลูกนั้นได้แต่อมยิ้มให้กับความน่ารักของบิดาและมารดา ตั้งแต่จำความได้พวกเขาก็เห็นพ่อมองแม่ด้วยแววตาหวานละมุนเช่นนี้ตลอด คนอื่นอาจจะมองว่าพ่อของพวกเขานั้นดุดันและเคร่งขรึม แต่สำหรับเวหาและวาโยแล้วพ่อไม่เคยเป็นแบบนั้นเลยในสายตาของพวกเขา

“วาไปอาบน้ำก่อนนะคะคุณพ่อ พี่เว เดี๋ยวต้องออกไปงานเลี้ยงต่อค่ะ” วาโยเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าตนยังต้องเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงในคืนนี้อีกมาก

“งานเลี้ยงอะไรเจ้าวา?”

คนที่ถามแทนที่จะเป็นผู้เป็นพ่อ แต่กลับเป็นพี่ชายอย่างเวหาซึ่งในเรื่องหวงน้องสาวนั้นไม่มีใครเกินเขาเชียวล่ะ

“งานเลี้ยงรุ่นค่ะ” วาโยชะงัก ก่อนจะหันกลับมาบอกพี่ชายเสียงเรียบ

“งั้นก็มีนายอ๊อด นายโอ่ง แล้วก็นายกุ้งกับนายธันวาน่ะสิ” เวหาไล่เรียงชื่อเพื่อนของน้องสาวจนครบ

“โห…นี่พี่เวจำเพื่อนของวาได้ทุกคนเลยหรือคะเนี่ย” น้องสาวสัพยอกพร้อมกับหัวเราะเสียงพลิ้ว

“จำได้สิ ก็มันเคยจีบเรา” พี่ชายสะบัดเสียงใส่คล้ายไม่พอใจบุคคลที่พาดพิงถึง

“แหม…ตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนๆ กันทั้งนั้นแหละค่ะ พี่เวน่ะคิดมาก” วาโยบอกเสียงอุบอิบ

“คิดน้อยได้หรือ” คนเป็นพี่ยังอดหวาดระแวงไม่ได้

“จะอาบน้ำก็ไปเถอะวา…เวก็อย่าไปอะไรกับน้องนักเลย น้องน่ะโตแล้วนะ” พลาธิปที่นั่งฟังลูกๆ คุยกันได้พักเดียวเห็นท่าว่าลูกสาวจะแย่จึงแทรกบ้าง

วาโยใช้โอกาสนั้นวิ่งหน้าตั้งขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว เวหาหันกลับมาอีกทีจึงเห็นเพียงหลังไวๆ ของน้องสาว

“น้องขออนุญาตพ่อแล้ว” พลาธิปเอ่ยขึ้นเรียบๆ ก่อนที่ลูกชายจะทันได้เอ่ยปากถามเสียอีก

“แล้วคุณพ่อก็อนุญาตงั้นหรือครับ” เวหาหันขวับกลับมามองบิดาด้วยความข้องใจ

“ก็ต้องอนุญาตสิ น้องโตแล้วนะเว เราจะไปเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตของเขามากไม่ได้หรอก” พลาธิปย้ำกับลูกชายอีกครั้งก่อนจะยกน้ำชาขึ้นจิบ ซ่อนรอยยิ้มขบขันกับท่าทางฮึดฮัดขัดใจของลูกชายเอาไว้มิดชิด

“ยังครับ น้องยังเด็ก” เวหาแย้งบิดาแบบไม่เต็มเสียงนัก เพราะในด้านความรับผิดชอบวาโยมีเกือบจะมากกว่าอายุเสียด้วยซ้ำเมื่อทำงานช่วยเขาที่บริษัทฯ

…น้องสาวเขาทั้งเก่ง ทั้งสวย แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาหวงได้อย่างไร

“ที่ว่าน้องยังเด็กแล้วไม่อยากให้ไปงานเลี้ยงรุ่น ไปเจอนายอ๊อด นายโอ่ง นายกุ้ง แล้วก็นายธันวาเนี่ย เป็นเพราะกลัวน้องจะเลือกนายคนใดคนหนึ่งในนี้เป็นแฟนใช่ไหม” พลาธิปดูเหมือนจะไม่หวงลูกสาวแต่เขากลับจำชื่อคนที่มาก้อร่อก้อติกกับลูกสาวสุดที่รักได้แม่นยำไม่ต่างจากลูกชายเลยทีเดียว

“คุณพ่อก็ทราบนี่ครับ แต่ก็ยังอนุญาตให้น้องไป”

“ก็มันไม่มีเหตุผลที่พ่อจะไม่ให้น้องไปนี่นา มันก็แค่งานเลี้ยงรุ่นธรรมดาแล้วพ่อก็เชื่อใจเจ้าวา พ่อเชื่อใจและไว้ใจลูกๆ ของพ่อทุกคน ก็เหมือนอย่างที่พ่อไว้ใจเว ให้เวได้ใช้ชีวิตอิสระมาตั้งหลายปีอย่างไรล่ะ” พลาธิปอธิบายให้ฟังด้วยเสียงทุ้มนุ่ม แววตาที่ทอดมองลูกชายนั้นเต็มไปด้วยความอาทร

“อ้าว…ไหงวกมาที่เรื่องของผมได้ล่ะครับ” เวหาร้องครางพร้อมกับทำหน้าปูเลี่ยนๆ

“แล้วเราคิดจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกนานเท่าไร ไม่อยากจะแต่งงานแต่งการไปเหมือนเจ้าเหนือบ้างเรอะ” คนเป็นพ่อแสร้งถามเหมือนลองเชิง เอ่ยพาดพิงไปถึงเหนือภพลูกชายคนโตของนิลปัทม์กับทิมทองที่เพิ่งจะเข้าพิธีวิวาห์ไปหมาดๆ เมื่อไม่นานมานี้

“อยู่เป็นโสดอย่างนี้ผมก็ว่ามีความสุขดีนะครับ” เวหาบอกบิดาด้วยรอยยิ้มทะเล้น

“มีความสุขที่ได้ซุกอกสาวๆ ไม่ซ้ำหน้า” พลาธิปต่อให้ลูกชายอย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้ ปกติเขาก็ไม่ได้มานั่งจ้ำจี้จ้ำไชเกี่ยวกับเรื่องการใช้ชีวิตของลูกชายนักหรอกเพราะถือว่าโตๆ กันแล้ว แต่บางครั้งด้วยความที่เป็นพ่อก็อดห่วงไม่ได้เช่นกัน

“แหม…คุณพ่อครับ ก็เธอพวกนั้นเต็มใจนี่ครับ ผมสาบานได้ว่าไม่เคยไปบังคับขืนใจใคร” เขายกมือขึ้นชูสามนิ้วเสมือนลูกเสือตอนให้คำปฏิญาณตนก็ไม่ปาน

“พ่อเชื่อ…แต่ระวังเถอะถ้าเจอตัวจริงขึ้นมาแล้วเขาจะรังเกียจเอา”

“ไม่มีหรอกครับ เนื้อคู่ผมยังไม่เกิด”

“คุยอะไรกันอยู่สองหนุ่ม เมื่อกี้แม่ได้ยินแว่วๆ ว่าเนื้อคู่ใครยังไม่เกิดนะ”

พวงชมพูเดินจูงมือตั้งใจออกมาจากห้องครัวพร้อมกับจานขนมในมือหลานตัวน้อย ทันได้ยินสองพ่อลูกคุยกันพอดีจึงเอ่ยถาม

“ก็เนื้อคู่เจ้าเวน่ะสิ” คนเป็นพ่อตอบแทนลูกชายที่นั่งยิ้มอยู่อย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ

“แล้วอยากให้เกิดหรือเปล่าล่ะ แม่ช่วยหาได้นะ” พวงชมพูแกล้งกระเซ้าลูกชายเล่นขณะส่งตั้งใจให้เวหา ส่วนตัวเองก็เข้ามานั่งข้างๆ สามี

“อย่าเลยครับคุณแม่ หายากครับ เพราะคนที่จะมาอยู่กับผมได้น่ะนอกจากจะต้องรับตัวตนของผมได้แล้ว ยังต้องเข้ากับยัยตัวเล็กของผมได้ด้วยครับ…จริงไหมตัวเล็ก” ประโยคท้ายก้มลงถามคนที่นั่งกินขนมอยู่บนตัก ก่อนจะหัวเราะชอบใจทันทีที่ยัยตัวเล็กของเขาพยักหน้าหงึกหงักเป็นการตอบรับ

“เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะ” พวงชมพูอดค้อนให้ลูกชายกับหลานสาวคนโปรดไม่ได้

“ชมพูคอยดูนะว่าลูกชายเราจะเป็นโสดไปจนแก่หรือเปล่า” พลาธิปหันไปสัพยอกกับภรรยา

“ไม่หรอกค่ะ เพราะว่าชมพูกำลังภาวนาอยู่…ได้ยินไหมเจ้าเว ว่าแม่กำลังภาวนาอยู่ว่าให้เนื้อคู่ของเราน่ะมาเร็วๆ” คนเป็นแม่บอกอย่างเชื่อมั่นว่าถึงอย่างไรเธอก็ต้องได้ลูกสะใภ้อย่างแน่นอน

ความที่อ่านนิยายรักมาตั้งแต่สมัยยังเป็นสาวน้อยที่นิลปัทม์พี่สาวเริ่มเขียนนวนิยายเป็นเรื่องแรก ทำให้พวงชมพูมีความเชื่อในเรื่องของพรหมลิขิตอยู่ไม่น้อย เธอเชื่อว่าทุกคนจะต้องมีเนื้อคู่ ดังเช่นเธอกับสามีที่หากันจนเจอและได้อยู่เป็นคู่กันมาจนถึงทุกวันนี้

“ไม่มีทางครับคุณแม่ คำภาวนาของคุณแม่จะไม่มีวันสัมฤทธิผลครับ” เวหาบอกมารดาอย่างเชื่อมั่นในความนึกคิดของตัวเองเช่นกัน เพราะไม่มีวันนั้นหรอกที่เขาจะนอนกอดผู้หญิงคนเดียวได้ตลอดชีวิต

…แค่คิดก็เริ่มจะเอียนเสียแล้ว



ญาณนันต์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ม.ค. 2555, 09:30:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ม.ค. 2555, 09:30:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 3976





   2 : ตามติดชีวิตเวหา >>
Siang 18 ม.ค. 2555, 09:36:51 น.
มาแล้วๆๆๆๆ หวังว่าจะมาต่อเนื่องนะคะ


jink 18 ม.ค. 2555, 10:29:11 น.
เขียนใหม่เหรอจ๊ะน้องต่าย


kaero 18 ม.ค. 2555, 10:52:27 น.
รีไรท์ใหม่เหรอตัวเอง


konhin 18 ม.ค. 2555, 12:32:20 น.
สู้ๆ


เด็กหญิงม่อน 18 ม.ค. 2555, 12:32:41 น.
ชอบนายเว ดูอบอุ่นสุดในบรรดาพี่น้องแล้ว


เคสิยาห์ 18 ม.ค. 2555, 12:37:38 น.
นั่นสิ เหมือนเขียนใหม่เลย


น้ำค้าง 18 ม.ค. 2555, 12:43:50 น.
กลับมาแว้วววววววววววววดีใจจังเลยยยยยย


XaWarZd 18 ม.ค. 2555, 13:49:25 น.
รีไรท์ใช่มะเนี่ย แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ รอต่อไปจ๊า รอบนี้เอาให้จบนะ


หมูอ้วน 18 ม.ค. 2555, 14:52:59 น.
ปูเสื่อรอตอนต่อไปค่ะ


Zephyr 18 ม.ค. 2555, 15:38:53 น.
เวอร์ชั่นรีไรท์ไฉไลกว่าเดิมมากๆค่ะ ตั้งใจก็ยังน่ารักเหมือนเดิม
เรื่องนี้ ช่วงเวลาต่อจากเรื่องของเหนือภพแต่ก่อนมาร์ใช่มั้ยเอ่ย
แต่เราอ่านแล้วเราก็ยังไม่ค่อยชอบปาปารัสซี่อยู่ดี เหมือนคุกคามชีวิตชาวบ้านเกินไป แต่ก็นะเข้าใจว่าเป็นอาชีพเค้า นานาจิตตัง ^^


nunoi 18 ม.ค. 2555, 16:19:53 น.
รอตอนต่อไปค่ะ


ปูจ้า 18 ม.ค. 2555, 17:32:19 น.
เย้ๆๆๆ ได้อ่านแล้ว แต่ว่าเล่าย้อนหรือเรียบเรีนงใหม่คะ


anOO 18 ม.ค. 2555, 17:34:36 น.
กลับมาแล้ว มาใหม่ตั้งแต่แรกเลย


lovemuay 18 ม.ค. 2555, 19:24:56 น.
รีไรท์ใหม่อีกรอบหรอคะ?


Asian 18 ม.ค. 2555, 20:03:11 น.
ขอต้อนรับการกลับมาอีกครั้งค่ะ


nutcha 18 ม.ค. 2555, 22:08:00 น.
นายเวมาแล้ว แล้วจะมาแบบต่อเนื่องหรือเปล่าค่ะ


หนอนฮับ 18 ม.ค. 2555, 23:35:41 น.
รีใหม่ชิมิต่ายยยยยยยย พ่อเวขี้หวงน้องจงเนอะ


ของขวัญ 18 ม.ค. 2555, 23:46:18 น.
นายเว กลับมาใหม่แล้ว เย้ๆ


mimny 19 ม.ค. 2555, 00:55:05 น.
รีไรท์ใหม่เหรอคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account