ดอกไม้ในมือมาร ตอน กับดักรักบ่วงมาร

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 2 : ตามติดชีวิตเวหา

เรื่องนี้รีไรท์ใหม่ค่ะ พี่เว จะมาพบกับเพื่อนๆนักอ่าน ทุกๆ วัน จันทร์ พุธ ศุกร์ นะคะ
V
V
V
‘นักธุรกิจหนุ่ม ว เจ้าของฉายานัยน์ตายิ้มได้ ดอดไปรับเด็กหญิงนิรนามหน้าโรงเรียนอนุบาล คาดว่างานนี้พ่อหนุ่ม ว คงจะแอบไปหยอดไข่ทิ้งไว้เป็นแน่’

เหนือภพอ่านข้อความในคอลัมน์ซุบซิบจากหนังสือพิมพ์สยามเดลี่จบลงก็ไล่สายตามองภาพถ่ายของ ‘นักธุรกิจหนุ่ม ว…’ กับ ‘เด็กหญิงนิรนาม’ ช่างภาพมือหนึ่งอดค่อนฝีมือคนถ่ายไม่ได้ว่าจะถ่ายทั้งที่ก็ได้มาแค่ด้านข้าง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผู้ตกเป็นข่าวด้วยสายตาฉงน

“นายเอามาให้ฉันอ่านทำไม?”

เมื่อลูกชายป้านิลปัทม์เอ่ยถามคล้ายไม่ใส่ใจเช่นนั้น เวหาก็หน้าตึงขึ้นมาทันที จะหันไปหาแนวร่วมอย่างมหาสมุทรก็ส่ายหน้าให้ช้าๆ ยิ่งใต้หล้านั้นไม่ได้สนใจกับข่าวที่เขานำมาให้อ่านเลยสักนิดเมื่อยังนั่งจิบเหล้าอย่างสบายใจเฉิบ

สถานที่นัดพบของหนุ่มๆ คือซีเคล็ท เลานจ์ซึ่งอยู่บนชั้นสูงสุดของโรงแรมหรูใจกลางเมือง ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องมาตรฐานการดูแลลูกค้าระดับวีไอพีไม่ให้เรื่องส่วนตัวรั่วไหลไปภายนอกโดยเด็ดขาด สี่หนุ่มจึงมักจะนัดกันมารวมตัวสังสรรค์ดื่มสุราเคล้านารีกันที่นี่อย่างสบายใจอยู่เสมอเมื่อว่างจากภาระกิจส่วนตัว

“นี่ตกลงจะไม่มีใครสนใจข่าวนี้ของฉันเลยใช่ไหม” เวหาชักจะไม่พอใจ เดินเข้ามานั่งกระแทกไหล่ใต้หล้าจนอีกฝ่ายเกือบเหล้าหก

“เฮ้ย! ระวังหน่อยสิวะ” ใต้หล้าหันมาโวย หากแต่นัยน์ตาสีไวโอเลตนั้นกลับมองญาติผู้น้องคล้ายขบขัน

“นายจะเครียดไปทำไมเว มันก็แค่ข่าวโคมลอย”

คนที่ตกเป็นข่าวเสียจนชินชาอย่างมหาสมุทรพ่อพระเอกคนดัง หรือที่ใครๆ ต่างก็รู้จักกันดีในนาม มาร์ โยธิน ซึ่งเจริญรอยตามคุณสร้อยกัทลีมารดาที่เคยเป็นถึงอดีตนางเอกยอดฮิตมาก่อน เอ่ยแทรกขึ้นหลังจากที่นิ่งฟังอยู่นาน

“ไม่ได้เครียด แต่หงุดหงิดแล้วก็รำคาญ ไม่รู้ว่าไอ้คนเขียนข่าวนี่มันจะเอายังไงกันแน่ ก่อนหน้านี้ก็เขียนให้ฉันเป็นคู่เกย์กับนายเหนือ มาวันนี้ก็จะให้เป็นพ่อคนเสียนี่ ตกลงว่ามันจะให้ฉันเป็นเกย์หรือว่าเป็นชายกันแน่วะ” สีหน้าและท่าทางของพ่อหนุ่มนัยน์ตายิ้มได้บ่งบอกถึงอารมณ์หงุดหงิดตามที่พูดจริงๆ

“ก็แค่ข่าวชุ่ยๆ พวกปาปารัสซีก็อย่างนี้แหละ ไม่มีจรรยาบรรณอยู่แล้ว นึกจะเขียนอะไรก็เขียน เราโวยวายไปจะมีประโยชน์อะไร นอกจากจะไปตามหาต้นตอของข่าวแล้วจัดการเสีย” เหนือภพเปรยขึ้นเชิงเสนอแนะ

“ถูกของนายเหนือ ฉันเห็นด้วยอย่างแรง ว่าแต่ใครจะจัดการล่ะ?”

ใต้หล้าเห็นด้วยกับเหนือภพ ก่อนจะถามหาคนแบกรับภาระหน้าที่อันนี้เอาไว้ แล้วมือที่กำลังจะยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นดื่มก็ต้องมีอันชะงัก โวยขึ้นทันทีเมื่อทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว

“ไม่! ฉันแค่ถาม ไม่ได้จะรับอาสา เพราะว่ายังไงงานนี้ฉันก็จะไม่ยุ่งด้วยเด็ดขาด”

เมื่อนายดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ดังรีบถีบตัวเองออกจากหน้าที่ความรับผิดชอบนี้อย่างเสร็จสรรพ อีกสามหนุ่ม เหนือภพ เวหา มหาสมุทรก็หันมามองหน้ากันเล็กน้อย แต่คนที่หนักใจที่สุดเห็นจะเป็นพ่อหนุ่มนัยน์ตายิ้มได้ ที่เริ่มเห็นเค้าลางความหายนะซึ่งอาจเกิดขึ้นกับเขา จากตัวเลือกที่เหลืออยู่

มหาสมุทร คือตัวเลือกแรกที่จะต้องโดนตัดทิ้งไป เพราะชายหนุ่มเป็นคนดัง ข่าวคราวที่เกิดขึ้นแม้จะเป็นเพียงแค่ข่าวมหาสมุทรแคะขี้ฟันแรงจนเลือดออกตามไรฟันก็อาจกลายเป็นข่าวใหญ่ได้ เรื่องไหนใกล้ชิดนักข่าวเรื่องนั้นต้องไม่มีมหาสมุทรรวมอยู่ด้วย

ส่วน เหนือภพ ชายหนุ่มกำลังจะบินไปฮันนีมูนกับภรรยาที่นิวยอร์กตามประสาข้าวใหม่ปลามัน แล้วใครจะใจร้ายทำตัวเป็นก้างขวางทางคู่สามีภรรยาป้ายแดงได้ลงคอ มองซ้ายแลขวาก็ไม่เห็นใครที่ต้องซวยรับงานนี้นอกจาก ไอ้เว คนนี้นั่นเอง!

“เฮ้ย! ทำแบบนี้มันไม่แฟร์นี่หว่า พวกนายเอาตัวรอดกันเห็นๆ”

“ฉันไม่ได้เอาตัวรอด แต่ถ้าใครเดือดร้อนก็จัดการกันเอาเอง จริงไหมมาร์?” ใต้หล้ารีบออกตัว ก่อนจะหันไปขอความเห็นจากมหาสมุทรอย่างอารมณ์ดี

“ชนแก้ว!” มหาสมุทรยื่นแก้วเหล้าไปตรงหน้าใต้หล้า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าถูกใจกับคำตอบของคู่หูคู่เลวแค่ไหน

“มาร์ ใต้ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับลูกหนู สนใจสักนิดก็ดีนะ” เหนือภพติงขึ้น อย่างน้อยก็อยากจะเห็นมหาสมุทรกับใต้หล้าให้ความสนใจกับเรื่องของตั้งใจบ้างสักครั้ง

“แล้วไง ลูกหนูของนายนี่ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับฉัน” มหาสมุทรไหวไหล่เบาๆ อย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะวางแก้วเหล้าลงแล้วลุกขึ้นยืน

“แล้วนี่หมดเรื่องแล้วใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนล่ะ มีคิวถ่ายละคร” พูดจบพระเอกคนดังก็ก้าวฉับๆ ออกจากห้องนั้นไปทันที

“ฉันไปด้วย สาวๆ รออยู่เพียบ” ใต้หล้าทำตาเคลิ้มฝัน ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแล้วก้าวตามมหาสมุทรออกไปอีกคน

“เฮ้อ!…ให้มันได้อย่างนี้สิ” เวหาตบเข่าตัวเองฉาดใหญ่ ก่อนจะเอนกายลงพิงพนักโซฟากำมะหยี่สีเลือดนกนั้นคล้ายหมดแรง

“เอาใจช่วยนะเว ยังไงมีอะไรไว้ฉันกลับจากนิวยอร์กค่อยคุยกันนะ”

เหนือภพตบไหล่ญาติผู้น้องเบาๆ ก่อนจะก้าวออกจากห้องนั้นไปอีกคน เขาไม่ได้มีคิวถ่ายละคร และไม่ได้จะรีบไปหาสาวๆ เป็นโขยงอย่างใต้หล้าเพราะเลิกนิสัยเช่นนั้นมานานแล้ว แต่เขากำลังจะรีบกลับไปหาภรรยาสุดที่รักต่างหาก และคนนี้แหละที่ทำให้เขาหยุดอยู่ที่เธอได้แต่เพียงผู้เดียว

“เบื่อว่ะ ไอ้พวกติดเมีย” เวหาแสร้งตะโกนไล่หลังเป็นเชิงล้อ เขาไหวไหล่ให้กับตัวเองเบาๆ เมื่อคิดถึงเรื่องที่จะเรียกว่าได้รับมอบหมายก็ไม่ใช่ หรือจะเรียกว่าถูกโยนให้แกมบังคับก็ไม่เชิง เพราะงานนี้เขาเดือดร้อนเต็มๆ

เวหาไม่ต้องการให้ข่าวทำนองนี้เกิดขึ้นอีกระหว่างที่เขากำลังจะเปิดตัวโครงการคอนโดฯ ในเครือ พี วาย กรุ๊ป ในหนึ่งเดือนข้างหน้า นักธุรกิจหนุ่มไม่ต้องการให้มันส่งผลกระทบถึงภาพพจน์ของตัวเองและบริษัทฯ ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม

เมื่อก๊วนแก๊งต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง ค่ำคืนนี้เวหาจึงไม่คิดจะอยู่สนุกที่ซีเคล็ท เลานจ์ต่อ เพราะชายหนุ่มยังมีตั้งใจตัวน้อยรอคอยอยู่ที่บ้านอีกทั้งคน



ร่างบางในชุดทะมัดทะแมงสวมหมวกกันน็อกสีดำมันวาวรีบขึ้นควบรถมอเตอร์ไซค์ชอปเปอร์คู่ใจพร้อมกับออกสตาร์ตในทันทีที่เห็นรถเบนซ์คันงามของแหล่งข่าวคนสำคัญขับออกจากโรงแรมซึ่งเป็นที่ตั้งของซีเคล็ท เลานจ์แสนหรู ซึ่งเธอสู้อุตสาห์มานั่งเฝ้าอยู่ด้านหน้าเป็นชั่วโมง

น่าเสียดายที่นักข่าวสาวไม่สามารถขึ้นไปด้านบนชั้นสูงสุดนั้นได้ เนื่องจากเธอไม่มีบัตรสมาชิก และไม่ได้มีกระเป๋าตุงอย่างนักท่องราตรีไฮโซหรือดาราคนดังบางคน เธอจึงไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะย่างกรายเข้าไปเฉียดใกล้

สกุณาขับรถซิ่งตามรถของเวหาไปจนถึงหน้าคฤหาสน์หลังงามที่รถคันหรูนั้นแล่นหายเข้าไปภายในรั้วกั้นสูงเต็มไปด้วยพุ่มดอกไม้ที่แทบจะไม่มีช่องให้เธอได้มองเห็นสิ่งที่อยู่ด้านในได้เลย

“บ้านคนรวยก็งี้ มีรั้วสูงไว้ให้ขโมยปีน เอ๊ะ! ว่าแต่มีกล้องวงจรปิดติดไว้หรือเปล่าเนี่ย”

นักข่าวสาวหันซ้ายแลขวาอย่างหวาดระแวง ยกมือขึ้นจับหมวกกันน็อกที่ยังคงสวมอยู่บนศีรษะก็ค่อยโล่งใจ ก่อนจะสตาร์ตรถแล้วขับออกจากตรงนั้นไปพร้อมกับเก็บข้อมูลของเวหาเพิ่มเข้าไปในหัวอีกหนึ่งอย่าง คือเส้นทางการมาบ้านของเขา

กว่าจะกลับมาถึงห้องพักก็ดึกมากแล้ว สกุณาถอดกระเป๋าเป้ออกวางที่โต๊ะเขียนหนังสือริมหน้าต่าง ใกล้ๆ กับเตียงนอนซึ่งวางชิดกับกำแพงด้านหนึ่ง

“สงสัยวันนี้จะออกเวรดึก” หญิงสาวพึมพำถึงเพื่อนสาวอีกคนที่เป็นรูมเมทของเธอมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย และเมื่อจบออกมาทำงานก็ยังพักอยู่ด้วยกันเช่นเดิม

นักข่าวสาวกระโดดขึ้นมานอนแผ่หลาอยู่บนเตียง กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องสี่เหลี่ยมที่ตัวเองอาศัยเป็นที่ซุกหัวนอนนั้นก็ต้องถอนหายใจยาว

ห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ของเธอต่างจากคฤหาสน์หลังนั้นลิบลับ สกุณาเคยมีความฝันว่าอยากจะมีบ้านหลังใหญ่ๆ แบบนั้นเหมือนกัน แต่ลำพังเงินเดือนกับเบี้ยเลี้ยงอันน้อยนิดมันไม่พอจะไปซื้อบ้านได้หรอก อย่าว่าแต่คฤหาสน์หลังใหญ่ๆ เลย แค่บ้านหลังเล็กๆ ในพื้นที่ไม่กี่ตารางวาเธอก็ยังไม่มีปัญญาเลย

สกุณาต้องรับผิดชอบตัวเองตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายนับจากที่มารดาเสียไป หญิงสาวไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน เธอต้องต่อสู้ดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด โชคดีที่เรียนเก่งจึงได้ทุนเรียนจนจบมหาวิทยาลัย แล้วก็ได้เข้าทำงานที่สยามเดลี่อย่างทุกวันนี้ ไม่อย่างนั้นป่านนี้เธอก็คงได้นอนตายอยู่ข้างถนนไม่มีใครเหลียวแล

แต่การทำงานที่อาจเรียกได้ว่าหนักเกินไปเพราะสกุณาทุ่มเทให้กับการทำข่าวอย่างสุดกำลัง งานไหนงานนั้นเธอไม่เคยพลาดจนเป็นที่ไว้วางใจของบรรณาธิการ จนบางครั้งก็แทบไม่มีเวลา และบวกกับความที่เป็นคนมีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง ทำให้หญิงสาวไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก หรืออาจจะเรียกได้ว่าวริษฐาคือเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอ

และการที่ตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนนั้นทำให้บางครั้งสกุณาก็กลายเป็นคนบ้าระห่ำที่สามารถเสี่ยงภัยอันตรายได้โดยไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครรอเธอกลับบ้านหรือเปล่า เพราะมันไม่มีแน่นอนอยู่แล้ว หญิงสาวมักจะคิดเสมอว่าชีวิตคนเรานั้นสั้นจึงทำอะไรแล้วมักจะทำให้เต็มที่ โดยที่ไม่จำเป็นต้องแคร์ว่าคนอื่นจะมองเราอย่างไร

นอนคิดอะไรเพลินๆ สกุณาก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน แล้วเธอก็กลับมาฝันเกี่ยวกับเรื่องเดิมๆ ซึ่งไม่ต่างอะไรจากปีศาจร้ายที่คอยหลอกหลอน

ในความฝันอันเลือนรางเธอเห็นใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาของเด็กหญิงตัวเล็กวัย 7 ขวบ ยืนเกาะขอบหน้าต่างของบ้านเช่าหลังซอมซ่อ มองภาพผู้เป็นพ่อค่อยๆ เดินห่างออกไปเรื่อยๆ

เธอได้ยินเสียงแม่ร้องเรียกพ่อพร้อมกับร้องไห้ปิ่มจะขาดใจ แต่พ่อก็ไม่หันกลับมา

พ่อจากไปอย่างไม่ไยดี ทิ้งเธอกับแม่เอาไว้พร้อมกับเศษเงินที่พ่อโยนให้

‘ยัยลูกไม่มีพ่อ!’

คำคำนี้ดังก้องอยู่ในความฝัน เรียกสติของสกุณาที่ไหลย้อนกลับสู่วังวนของอดีตให้กลับมาสู่โลกปัจจุบันด้วยการสะดุ้งตื่นอย่างหวาดผวา หันไปคว้ารูปถ่ายของมารดาที่หัวเตียงมากอดไว้แนบอกก่อนจะยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ซึมตามหน้าผาก

“ฝันบ้าๆ” หญิงสาวสบถออกมาเบาๆ ยกปลายนิ้วขึ้นกรีดหยาดน้ำใสที่ไหลลงมาทางหางตาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบนั้นทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะพลิกรูปถ่ายที่เหลืออยู่เพียงรูปเดียวของมารดาขึ้นดู

“แม่จ๋า…ตอนนี้แม่กำลังมองนกอยู่หรือเปล่าจ๊ะ นกไม่เหมือนเดิมอีกแล้วนะ แม่เห็นใช่ไหมจ๊ะ”

แก่นแท้ของสกุณาคืออ่อนไหวและเปราะบาง หญิงสาวกลัวความเจ็บปวดมากที่สุด จึงได้เลือกตัดทุกคนออกจากโลกใบเล็กๆ ของเธอและสร้างเปลือกแข็งๆ ห่อหุ้มมันไว้อีกชั้นหนึ่ง และเพียรบอกกับตัวเองอยู่เสมอว่าเธอไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ไม่ได้อ่อนแออย่างในอดีตอีกต่อไป

แต่ในความเป็นจริงแล้วสกุณากลับลืมคิดไปว่าสิ่งที่จะต้านทานความเจ็บปวดได้อย่างแท้จริงนั้นก็คือหัวใจที่แข็งแกร่ง หาใช่เปลือกแข็งๆ ที่ไร้ความมั่นคง

ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก

เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น ทำให้สกุณาหลุดออกจากภวังค์นึกคิดของตัวเอง แววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเศร้าสลดจากเรื่องในวันวานแปรเปลี่ยนไปสงบราบเรียบดังเดิมเมื่อเดินไปเปิดประตูต้อนรับเพื่อนสาวในชุดนางพยาบาลขาวสะอาด

แม้ว่าสกุณากับวริษฐาจะเป็นเพื่อนกัน แต่ก็เรียนต่างคณะ อาจเพราะโชคชะตาหรือความบังเอิญก็ไม่ทราบที่ทำให้ทั้งสองไปหลงป่าพร้อมกันตอนปฐมนิเทศต้อนรับนักศึกษาปีหนึ่งที่จังหวัดสระบุรี จนได้เห็นถึงน้ำใจของกันและกัน

“ไม่คิดว่าเธอจะกลับก่อนฉันนะเนี่ย” วริษฐาร้องทักเสียงเนือย ใบหน้าดูอ่อนล้าจากการทำงาน เดินสะโหลสะเหลมาถึงเตียงได้ก็ทิ้งกายนอนหงายเป็นจระเข้ขวางคลอง

“กินข้าวมาหรือยัง” สกุณาเห็นท่าทางแบบนั้นก็เอ่ยถาม พร้อมจะเป็นแม่ครัวให้หากเพื่อนยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง

“ยังเลย แต่ถึงหิวก็กินอะไรไม่ลงหรอก…เหนื่อย วันนี้คนไข้เยอะมาก…” นางพยาบาลสาวตอบพร้อมกับลากเสียงยาว

“ตามใจ ฉันจะได้ไม่ต้องทำ เหนื่อยเหมือนกันล่ะวันนี้” สกุณาขึ้นไปนอนบนเตียงบ้าง หันศีรษะชนกันส่วนตัวนั้นเบี่ยงไปหย่อนขาที่ริมเตียงคนละด้าน

“ว่าแต่ทำไมช่วงนี้เธอถึงกลับมานอนที่ห้องได้ทุกวันเนี่ย เห็นทุกทีหยุดพักแค่สองสามวันก็ต้องตะลอนๆ ออกไปทำข่าวต่างจังหวัดอีกแล้ว” วริษฐาเปรยขึ้นเป็นเชิงถาม นานๆ ครั้งจะได้นอนคุยกันอย่างนี้ เนื่องจากเวลาไม่ค่อยตรงกัน บางครั้งสกุณาก็จะกลับมาถึงห้องตอนที่เธอหลับไปแล้ว หรือไม่ก็กลับมาเอาตอนที่เธอออกไปทำงานแล้วโน่นเลย

“ก็อาจจะได้ออกต่างจังหวัดเหมือนกันล่ะนะ ถ้าหากว่าแหล่งข่าวของฉันจะไป”

“อ้อ! ตามติดชีวิตดาราอีกล่ะสิ” วริษฐาไม่คิดจะถามว่าแหล่งข่าวของเพื่อนคนนั้นเป็นใคร เพราะเธอไม่ได้สนใจอยู่แล้วเนื่องจากถึงรู้ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้

“ไม่ใช่ดารา แต่เป็นเพื่อนดารา” นักข่าวสาวตอบพร้อมเอียงคอยักคิ้วให้เพื่อนข้างหนึ่ง สายตานั้นดูมีเลศนัย

วริษฐาอยากจะถามอยู่เหมือนกันว่ามันสนุกอย่างไรกันหนอกับการตามสืบเรื่องของชาวบ้าน แต่คิดว่าคงไม่เหมาะเนื่องจากเคยตกลงกันเอาไว้ว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องงานของกันและกัน เธอรักในงานพยาบาลของเธอ สกุณาเองก็คงจะรักในงานนักข่าวของตนเช่นเดียวกัน



เช้าวันทำงาน เวหานั่งประจำที่อยู่บนเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ภายในห้องทำงานติดแอร์เย็นฉ่ำบนชั้นสูงสุดของตึก พี วาย กรุ๊ป ปลายนิ้วเรียวสะอาดเคาะเบาๆ กับพนักเท้าแขนเป็นจังหวะ ขณะทอดสายตามองวิวทิวทัศน์เบื้องนอกผ่านผนังกรุกระจกใส

“คุณอลงกรณ์มาแล้วค่ะท่าน” เสียงอินเตอร์คอมดังขึ้นจากเลขาสาวหน้าห้อง

เวหาขยับกายเล็กน้อยก่อนจะหมุนเก้าอี้กลับมาที่โต๊ะแล้วกดตอบรับไป

“ให้เข้ามาได้”

สิ้นเสียงทรงอำนาจของท่านประธานหนุ่ม ชายรูปร่างสูงเพรียวในวัยไล่เลี่ยกันก็ก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง

“คุณเวตามตัวผมมาพบแต่เช้า มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”

อลงกรณ์เป็นคนที่เวหาไว้ใจมากที่สุดเพราะเป็นลูกชายของเลขาเก่าของบิดา และด้วยฝีมือมากความสามารถที่จัดการได้เกือบทุกเรื่องตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ เวหาจึงคิดว่างานที่กำลังจะมอบหมายให้คนสนิทไปจัดการต่อไปนี้อลงกรณ์จะไม่ทำให้เขาผิดหวัง

เวหาโยนหนังสือพิมพ์สยามเดลี่ฉบับวันนี้ลงบนโต๊ะ วงกลมคอลัมน์เจ้าปัญหาที่ลงข่าวซุบซิบของเขาเมื่อวานนี้ และวันนี้ก็ยังคงมีมาอย่างต่อเนื่องเหมือนกัดไม่ปล่อยให้ลูกน้องคนสนิทได้เห็นเต็มตา

“ฉันต้องการรู้ให้เร็วที่สุด ว่า ‘นางละคร’ เจ้าของคอลัมน์บ้าๆ นี่เป็นใคร” เวหาออกคำสั่งเสียงราบเรียบ หากแววตาที่มักเปล่งประกายร่าเริง ขี้เล่น อยู่เสมอนั้นกลับถูกแทนที่ด้วยความเย็นชา

“มีข้อมูลเพิ่มเติมหรือเปล่าครับ” อลงกรณ์เอ่ยถามก่อนจะเดินเข้าไปหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นขึ้นมาดู

“ไม่มี” เวหาบอกแต่เพียงสั้นๆ

“ถ้าอย่างนั้นผมอาจจะต้องใช้เวลานานกว่าปกตินะครับ” ต่อให้อลงกรณ์จะเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่สามารถหาตัวคนที่เจ้านายหนุ่มต้องการมาได้ภายในวันสองวันทั้งที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลยเช่นนี้หรอก

“เอาให้เร็วที่สุดก็แล้วกัน เจอตัวแล้วจะได้จัดการให้สิ้นซากเสียที”

“ผมจะทำอย่างสุดความสามารถครับ” แม้งานนี้จะไม่หมูอย่างที่ผ่านๆ มา แต่อลงกรณ์เชื่อว่ามันคงไม่ยากเกินความสามารถของเขา

เมื่อลูกน้องคนสนิทก้าวพ้นออกจากห้องไปแล้ว เวหาก็คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์ เหนือภพ ใต้หล้า และมหาสมุทรในทันที สนทนากันด้วยระบบประชุมสายเพื่อจะได้พูดทีเดียวไม่ต้องพูดซ้ำหลายๆ รอบ

“เฮ้…พวกนาย ฉันส่งลูกน้องไปจัดการตามสืบแล้วนะ คิดว่าไม่เกินเดือนต้องได้เรื่องแน่” เวหารายงานอย่างมั่นใจ

“อืมม์…” เสียงครางรับนี้เป็นของนายพระเอกหนุ่มถ้าเวหาจำไม่ผิด แถมจู่ๆ ก็ยังตัดสายไปเสียดื้อๆ

“เรื่องของมึง” เสียงต่อมาเป็นของใต้หล้าที่ส่งมาอย่างห้วนๆ ก่อนจะตัดสายหนีเช่นเดียวกัน

“อ้าว…อะไรวะ นี่ไม่คิดจะช่วยกันบ้างหรือไงเนี่ย…เหนือ นายยังอยู่หรือเปล่า” เวหาบ่นให้สองหนุ่มที่ชิงตัดสายหนีไปก่อนแล้ว ก่อนจะพูดกับเหนือภพต่อ

“อยู่…แต่นี่มันแค่การเริ่มต้นเท่านั้นนะ เอาไว้ให้นายปิดเกม น็อกเอาท์ได้เมื่อไหร่ค่อยมาว่ากัน แล้วฉันก็เชื่อว่านายต้องทำได้แน่เว แค่นี้ก่อนนะเดี๋ยวฉันต้องเตรียมตัวไปสนามบิน” เหนือภพพูดจบก็ตัดสายไปอีกคน วันนี้เป็นวันที่เขาต้องบินไปสหรัฐอเมริกาเพื่อไปจัดนิทรรศการแสดงผลงาน ’เส้นสายลายสวย ณ ริมขอบจักรวาล’ และถือโอกาสฮันนีมูนกับเนตรทรายไปในตัว หลังจากที่บินกลับมาขอพรแต่งงานจากคุณตากรินกับคุณยายแก้วด้วยระยะเวลาที่กระชั้นชิด และฉุกละหุก

“นายเหนือมันพูดจาดูดี แต่กดดันเป็นบ้าเลยวุ้ย!” เวหาสบถกับโทรศัพท์คล้ายกับว่ามันเป็นหน้าของเหนือภพกระนั้น

สุดท้ายแล้วไม่แคล้วเขาก็คงต้องลุยเดี่ยวจริงๆ เพราะแต่ละคนพร้อมใจกันโยนภาระหน้าที่นี้มาให้เขาแล้วตั้งแต่ต้น แล้วเขาก็ดันโชคร้ายมาเดือดร้อนไปกับข่าวเองเสียด้วยสิ แล้วจะทำอย่างไรได้นอกจากจะพยายามปิดเกม แล้วน็อกเอาท์ให้ได้อย่างที่เหนือภพพูด



ใกล้เวลาโรงเรียนอนุบาลเลิก สกุณาที่วันนี้มาในมาดหญิงสาวสุดเฉิ่มด้วยวิกผมบ๊อบหน้าม้ากับแว่นตาอันใหญ่ กระโปรงยาวกรุยกรายแต่งตัวคล้ายคุณป้าตามไปแอบดูตั้งใจ หญิงสาวมาพร้อมกับตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ในมือ รอคอยจนถึงเวลาเลิกเรียนแล้วแฝงตัวปะปนไปกับผู้ปกครองที่มารอรับเด็กๆ กลับบ้าน เข้าไปหาเด็กหญิงตั้งใจที่สนามเด็กเล่น

“รอคุณพ่อคุณแม่อยู่เหรอคะ” สกุณาเข้าไปนั่งที่ชิงช้าตัวข้างๆ กับตั้งใจเอ่ยถามเสียงหวานใสทีเดียว

ตั้งใจหันมามองแล้วยิ้มให้ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

สกุณาใจชื้นขึ้นมาหน่อยเมื่อเห็นว่าเด็กหญิงไม่กลัวคนแปลกหน้า เพราะถ้าหากเป็นอย่างนั้นเธอคงต้องเหนื่อยกว่านี้อีกสิบเท่า เพราะคงต้องคิดวิธีเข้าไปตีสนิทกันให้วุ่น แล้วเธอก็ไม่ใช่ประเภทนางงามที่จะต้องรักเด็กเสียด้วยสิ

“น้องน่ารักจังเลย พี่ให้ตุ๊กตาเอาไหมคะ” หญิงสาวชวนคุยต่อพร้อมกับเอาตุ๊กตาที่ซื้อมายื่นให้

“พ่อเวสอนว่าไม่ให้รับของจากคนแปลกหน้าค่ะ” เด็กหญิงตอบฉะฉานพร้อมกับส่ายหน้าปฏิเสธ

“เอ่อ…แต่ว่าพี่บูบูจะเสียใจเอานะคะ” สกุณาตีหน้าเศร้าเรียกความสนใจจากเด็ก ตีต่างเอาว่าตุ๊กตาหมีในมือตัวนี้ชื่อ ‘บูบู’

“พี่บูบูคือใครคะ” ยัยตัวเล็กของเวหาเอียงคอถามด้วยท่าทางเอ็นดู

“ก็พี่หมีของพี่ยังไงล่ะคะ ชื่อว่าพี่บูบู แล้วพี่บูบูก็ต้องเสียใจมากแน่ๆ ถ้าน้องไม่รับเอาพี่บูบูไปอยู่ด้วย” สกุณาทำตาปริบๆ อ้อนเด็กน้อย

“แล้วทำไมพี่สาวไม่ดูแลพี่บูบูเองล่ะคะ” ตั้งใจถามประสาซื่อ

“ก็พี่ตัวใหญ่กว่าพี่บูบูตั้งเยอะนี่คะ พี่บูบูก็เลยไม่ค่อยชอบพี่ค่ะ” สกุณาก็ตอบได้แบบไม่มีสะดุดเช่นเดียวกัน

“ว้า…แย่จังเลยนะคะ”

“ค่ะ แย่มากๆ เลยค่ะ พี่ก็เลยอยากให้พี่บูบูได้ไปอยู่กับคนที่พี่บูบูชอบไงคะ แล้วพี่บูบูก็ชอบหนูนะคะ…เห็นไหมพี่บูบูยิ้มให้หนูใหญ่เลย” สกุณาขยับตุ๊กตาในมือไปมา ก่อนจะยื่นเข้าไปใกล้กับเด็กหญิงอีกนิด

“แล้วทำไมพี่บูบูถึงชอบหนูล่ะคะ” ตั้งใจถามต่ออย่างสงสัย

“ก็หนูน่ารักนี่คะ พี่บูบูก็เลยชอบ ว่าแต่หนูน่ารักชื่ออะไรเหรอคะ พอจะบอกพี่สาวได้ไหม”

“หนูชื่อตั้งใจค่ะ แล้วพี่สาวล่ะคะ” ตั้งใจไม่บอกชื่อตัวเองเปล่า แต่ยังถามถึงชื่อสกุณาด้วย

“พี่ชื่อบีบีค่ะ เป็นพี่สาวของพี่บูบูไง” สกุณาคิดชื่ออะไรไม่ออกก็บอกไปส่งๆ อย่างนั้น

ตั้งใจยิ้มรับจนเห็นรอยบุ๋มที่แก้มซ้าย เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากความจริงใจของสกุณาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยถูกชะตากับเด็ก แต่มาเจอรอยยิ้มละลายโลกแบบนี้ก็ทนใจแข็งไม่ไหวเหมือนกัน

“ว่าแต่หนูจะไม่รับพี่บูบูไปอยู่ด้วยจริงๆ หรือคะ”

“พ่อเวบอกว่าไม่ให้รับของจากคนแปลกหน้านี่คะ” ตั้งใจเริ่มมีสีหน้าครุ่นคิด

“แต่ตอนนี้เรารู้จักกันแล้วนี่คะ” หญิงสาวพยายามตื๊อ

“แต่พ่อเวยังไม่รู้จักพี่บีบีนี่คะ ถ้าพ่อเวรู้จักพี่บีบี ตั้งใจถึงจะรับของจากพี่บีบีได้ค่ะ นั่นไงคะ…รถพ่อเว” เด็กหญิงอธิบายให้พี่สาวตรงหน้าฟังตามความเข้าใจที่พ่อเวเคยสอน ก่อนจะชี้บอกด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นรถของพ่อเวแล่นเข้ามา

“ถ้าอย่างนั้นพี่กลับก่อนแล้วกันนะคะ เอาไว้คราวหน้าค่อยมาคุยเรื่องพี่บูบูกันต่อเนอะ”

สกุณารีบลุกขึ้นจากชิงช้า โบกมือให้เด็กหญิงตัวน้อยแล้วเร้นกายหายไปจากตรงนั้น ทันก่อนที่เวหาจะก้าวลงจากรถแล้วเดินตรงเข้ามาหาตั้งใจ

“ตั้งใจ กลับบ้านได้แล้วลูก” เวหายกตั้งใจขึ้นอุ้มพร้อมกับหอมแก้มฟอดใหญ่ๆ

นักข่าวสาวยังไม่ได้หลบไปไหนไกล ยังคงแอบซุ่มดูอยู่แถวๆ นั้น มือก็รัวกดชัตเตอร์เก็บภาพเอาไว้เป็นข้อมูล จนเมื่อชายหนุ่มอุ้มเด็กหญิงขึ้นรถแล้วขับออกไปจึงได้หันกลับมาสนใจเจ้าตุ๊กตาหมีในมือ

“เจ้าบูบูเอ๊ย…เกือบไปแล้วไหมล่ะวันนี้” ปากบ่นตาก็ยังอดชะเง้อมองไปทางรถที่เพิ่งขับออกไปอย่างเสียดายไม่ได้

ถึงตั้งใจจะไม่กลัวคนแปลกหน้า แต่ก็ถูกสอนมาว่าไม่ให้ไว้ใจใครง่ายๆ งานนี้หากจะตีสนิทกับเด็กน้อยสกุณาคงต้องพยายามอีกนิด หรือไปๆ มาๆ จะกลายเป็นว่าการเข้าถึงตัวพ่อที่ว่ายากอยู่แล้วนั้นจะยังน้อยกว่าการเข้าถึงตัวลูกเสียก็ไม่รู้



เวหาขับรถพาตั้งใจไปค้างกับคุณตาคุณยายที่สวนปลูกรักษ์ เพราะตอนเช้ามีประชุมบอร์ดผู้บริหารโรงแรมชมจันทร์ ซึ่งตัวเขาถือหุ้นอยู่หลายเปอร์เซ็นต์ และมีอำนาจในการบริหารร่วมกับลูกๆ ของอาภูริภัทรกับอาสโรชาซึ่งเป็นอาแท้ๆ ของเขา ชายหนุ่มเลยถือโอกาสไปนอนค้างที่บ้านสวนซึ่งอยู่ในเขตจังหวัดนครปฐม หากไม่ได้ใกล้จากตัวโรงแรมชมจันทร์สาขาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามากนัก

สวนปลูกรักษ์ยังคงสภาพความงามของบ้านเรือนทรงไทยริมฝั่งแม่น้ำนครชัยศรีที่ห้อมล้อมไปด้วยดอกไม้นานาพรรณไม่ต่างจากวันวาน

ป้าการะเกดพี่สาวคนโตของมารดาคือคนที่เวหาพบเป็นคนแรกเมื่ออุ้มตั้งใจลงจากรถ มารดาของเขามีพี่น้องรวมกันทั้งหมดถึงห้าคนทีเดียว

คนแรกก็ป้าการะเกดนี่แหละที่อยู่กับคุณตาคุณยายที่นี่พร้อมกับลุงเขมรัฐสามี ป้าเกดไม่มีลูกจึงได้ทุ่มเทเวลาให้กับสวนอย่างเต็มที่ แม่เคยเล่าให้เขาฟังว่าป้าเกดชอบอยู่กับสวนดอกไม้แล้วก็รักมันมากถึงไม่อยากย้ายออกไปอยู่ที่อื่น แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือป้าเกดอยากอยู่เป็นเพื่อนคุณตาคุณยาย

คนที่สองก็ป้านิลปัทม์แม่ของนายช่างภาพมือหนึ่ง ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ฟลอเรนซ์กับลุงทิมทองและอิงดาวน้องสาวคนเดียวของเหนือภพที่หวงนักหวงหนา ซึ่งก็คงไม่ต่างกับที่เขาหวงวาโยสักเท่าไร

คนที่สามคือป้าสร้อยกัทลีแม่ของมหาสมุทร ป้าสร้อยอยู่ที่สวนพฤกษาอนันต์ข้างๆ สวนปลูกรักษ์ เพราะพ่อของนายพระเอกคือลุงจิณณ์เจ้าของสวน

ส่วนคนที่สี่คือป้าพุดน้ำบุษย์แม่นายใต้หล้าตอนนี้อยู่ต่างประเทศกับลุงอัลนี่เช่นกัน ใต้หล้าจึงต้องบินไปมาระหว่างไทยกับอิตาลีอยู่บ่อยๆ

และคนสุดท้ายก็มารดาของเขา แม่ก็มีชื่อเหมือนดอกไม้ไม่ต่างจากพวกป้าๆ และพวงชมพูชื่อของแม่ยังเป็นดอกไม้ที่พ่อชอบเอามากๆ ถึงขนาดลงทุนปลูกให้มันพันเลื้อยอยู่รอบรั้วบ้านจนแทบมองไม่เห็นตัวรั้วที่แท้จริงนั่นไง

“มาแต่วันเชียว นี่รับกันเสร็จก็คงจะตรงมาที่สวนเลยสินะ” การะเกดร้องทักด้วยรอยยิ้มอ่อน

“สวัสดีค่ะย่าเกด” ตั้งใจไหว้อย่างน่ารัก

เวหาวางเด็กหญิงตัวน้อยลงกับพื้นหญ้านุ่มก่อนจะหันมาทำความเคารพผู้เป็นป้าบ้าง

“ผมไม่กล้าพาเถลไถลหรอกครับ เดี๋ยวคุณแม่จะบ่นเอา” เวหาบอกเสียงกลั้วหัวเราะเมื่อเอ่ยถึงมารดา

“ขี้บ่นเรอะแม่เราน่ะ” การะเกดกระเซ้าถามหลานชาย

เวหาอมยิ้มไม่ยอมตอบ ก่อนจะถามถึงคนอื่นๆ

“แล้วนี่คุณตาคุณยายกับลุงเขมล่ะครับ”

“ยายคงจะสาละวนอยู่ในครัวเตรียมอาหารเย็นรอเรากับตั้งใจอยู่ ไม่อย่างนั้นป่านนี้ได้ยินเสียงรถคงลงมารับแล้วล่ะ ส่วนตาเดี๋ยวคงตามป้าออกมาจากสวน ส่วนลุงเขมไม่อยู่หรอกจ้ะบินไปทำธุระที่ญี่ปุ่น วันพรุ่งนี้ถึงจะกลับ”

ระหว่างที่การะเกดตอบคำถามของหลานชาย คุณกรินประมุขของบ้านก็เดินออกมาจากสวนพอดี

“สวัสดีครับคุณตา” เวหาทำความเคารพคุณตากรินก่อนจะตามมาด้วยเสียงใสๆ ของลูกสาวคนดี “สวัสดีค่ะคุณทวด ตั้งใจคิดถึงคุณทวดมากๆ เลยค่ะ” ตั้งใจไม่สวัสดีเปล่ายังโผเข้าหาคุณทวดอีกด้วย

“ทวดก็คิดถึงหนูลูก” คุณกรินยอบกายลงยกเหลนรักขึ้นอุ้มไว้ทั้งตัวก่อนจะหอมแก้มคนช่างอ้อนฟอดใหญ่

เวหากับการะเกดหัวเราะน้อยๆ กับความน่าเอ็นดูของตั้งใจ ก่อนจะพากันขึ้นบ้านแล้วก็เป็นจริงดังที่การะเกดพูดเอาไว้ก็คือคุณแก้วกันเกรากำลังสาละวนอยู่กับการเตรียมอาหารเย็นในครัวจริงๆ

“ยายยังทำกับข้าวไม่เสร็จเลยเจ้าเว”

คนเป็นยายได้ยินเสียงหลานชายเอ่ยเรียกก็เดินออกจากครัวมาหา

“แม่ขา พอรู้ว่าหลานกับเหลนจะมากินข้าวด้วยนี่ถึงกับต้องลงมือเองเลยหรือคะ” การะเกดเอ่ยแซวมารดา

“ก็ยัยชมพูทำกับข้าวไม่อร่อย” คุณแก้วกันเกราเอ่ยพาดพิงไปถึงลูกสาวคนเล็กด้วยรอยยิ้มขัน

“คุณทวดขา ตั้งใจง่วงจังเลยค่ะ” ตั้งใจที่อยู่ในอ้อมแขนของคุณทวดกรินส่งเสียงขึ้น

“อ้าว…ง่วงแล้วเหรอลูก ถ้าอย่างนั้นหนูไปนอนก่อนดีไหมคะ” คุณแก้วกันเกราหันไปถามเหลนรัก พอตั้งใจพยักหน้าก็หันไปบอกลูกสาว

“ถ้าอย่างนั้นเกดพาหลานไปนอนนะลูก ไว้แม่ทำกับข้าวเสร็จค่อยปลุกมาทานข้าวก็แล้วกัน”

การะเกดเข้าไปรับหลานสาวจากบิดาก่อนจะพาเข้าไปนอนที่ห้องด้านใน ออกมาอีกครั้งก็เห็นเวหานอนหนุนตักคุณแก้วกันเกราอยู่ก็อมยิ้ม อดไม่ได้ต้องเอ่ยแซว

“เรานี่อ้อนเก่งเหมือนตั้งใจจริงๆ เลยนะเจ้าเว”

“ก็ตักคุณยายนุ่มนี่ครับ ทุกครั้งจะมีนายเหนือ นายใต้ หรือไม่ก็นายมาร์มาคอยแย่งหนุน ครั้งนี้เจ้าสามคนนั้นไม่ได้มาด้วย ผมก็เลยต้องรีบยึดกรรมสิทธิ์เอาไว้แต่เพียงผู้เดียวครับ”

“ดูสิเนี่ย ยายก็เลยไม่ได้ไปทำกับข้าวต่อ” คุณแก้วกันเกราแสร้งบ่น แต่ในใจนั้นปลาบปลื้มเป็นหนักหนากับคำพูดของหลานชาย

“เปลี่ยนมาหนุนตักปู่แทนได้ไหมล่ะเจ้าเว” คุณกรินเอ่ยกระเซ้า

“ตักพี่ช้างน่ะแข็ง หลานไม่ชอบหรอกจ้ะ” คนเป็นภรรยาหันไปค้อนให้เล็กน้อย

“แล้วกัน ไหนเมื่อก่อนแม่แก้วบอกว่าตักพี่นุ่มยังไงล่ะ” คุณกรินแกล้งสัพยอกด้วยรอยยิ้มกริ่ม

“พี่ช้างละก็…อายลูกอายหลาน” คราวนี้คุณแก้วกันเกราเอื้อมมือไปตีแขนของคุณกรินเบาๆ เป็นการแก้เขิน เรียกรอยยิ้มจากลูกและหลานได้มากโข

เวหานอนหลับตาหนุนตักคุณยายแก้วด้วยใบหน้ายิ้มละไม ในใจนั้นอบอุ่นกับความสุขที่ได้รับทุกครั้งในยามกลับมาบ้านสวน แต่ในความคิดของชายหนุ่มตอนนี้กลับมีความกังวลเกี่ยวกับงานเปิดตัวโครงการคอนโดแห่งใหม่ของบริษัทฯ ที่มีเขารับผิดชอบดูแลว่ามันจะออกมาสมบูรณ์แบบอย่างที่เขาต้องการมากน้อยแค่ไหน ด้วยเขาไม่อยากให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้น สิ่งที่เป็นปัญหารบกวนจิตใจเขาให้หงุดหงิดอยู่ตอนนี้ก็คือ ข่าวโคมลอยเกี่ยวกับตัวเขา เพราะมันจะทำให้ภาพพจน์นักธุรกิจของเขาดูไม่ดีในสายตาของนักลงทุน ดังนั้นเขาจึงอยากได้ตัวคนเขียนข่าวคนนั้นให้เร็วที่สุด ซึ่งหากได้ตัวเมื่อไรเวหาคนนี้สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ปล่อยไว้แน่!



ญาณนันต์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ม.ค. 2555, 08:47:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ม.ค. 2555, 08:47:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 2866





<< 1:โยงบ่วง   3 : เปิดตัวสาวชุดแดง >>
ปูจ้า 20 ม.ค. 2555, 09:07:14 น.
อยากรู้ว่าเวหาจะจัดการยังไงน๊า ถ้านักข่าวที่ตามหาคือสาวสวย


Siang 20 ม.ค. 2555, 09:41:16 น.
รอลุ้นนนายเวค่ะว่าจะหาตัวนักข่าวสาวเจอเมื่อไหร่ ส่วนประโยคที่ว่า " เปลี่ยนมาหนุนตักปู่แทนได้ไหมหล่ะเจ้าเว" น่าจะเป็น " เปลี่ยนมาหนุนตักตาแทนได้ไหมหล่ะเจ้าเว" นะคะ


nunoi 20 ม.ค. 2555, 10:19:32 น.
นั่นซิ รอลุ้นว่านายเวจะจัดการกับนักข่าวยังไงน๊า


ของขวัญ 20 ม.ค. 2555, 10:52:36 น.
ตั้งใจน่ารักจริงๆ


kaero 20 ม.ค. 2555, 12:25:31 น.
รออ่านต่อนะ


น้ำค้าง 20 ม.ค. 2555, 13:00:47 น.
สงสัยความสัมพันธ์นิดหน่อยจ้า สโรชา เป็นหลานพี่เสือซึ่งเรียกว่าอา เพราะฉะนั้นเวหาต้องเรียกสโรชา ว่าพี่ไหมคะ (แค่สงสัยจ้า)?????


หมูอ้วน 20 ม.ค. 2555, 16:15:26 น.
พี่บูบู กับ พี่บีบี ตายแน่ ๆ เลยค่าาา


lovemuay 20 ม.ค. 2555, 19:32:19 น.
จัดการแอ้มใช่มั๊ยหล่ะจ๊ะ นายเวหา คริคริ


anOO 20 ม.ค. 2555, 20:15:24 น.
ดีนะที่พ่อเวเค้าไม่เห็นอ่ะ ไม่งั้นโดนเชือดตั้งแต่วันนี้แล้ว


Zephyr 21 ม.ค. 2555, 10:19:06 น.
นายเว จะจัดการ พี่บีบี ยังไงล่ะเนี่ย วางแผนรึยัง
แต่นะ นายเวรยังไม่รู้เลยว่านางละครเป็นใคร ถ้ารู้ว่าเป็นผู้หญิง แผนการคงจะ...


หญิงใหญ่ 21 ม.ค. 2555, 10:21:04 น.
ซวยแระ....พี่บีบี...จะรอดมือพี่เวรึเปล่าเนี่ย...!!!


nutcha 22 ม.ค. 2555, 13:39:46 น.
นายเวจะทำยังไงถ้ารู้ว่านางละครเป็นผู้หญิง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account