มาเฟียร้ายพ่ายไฟรัก
'ฟรานเชสโก้ การ์เซียโน่' มาเฟียหนุ่มตระกูลดังแห่งอิตาลีผู้ที่มีหัวใจเย็นชาแข็งกระด้างดั่งหินผา ไม่คิดปรารถนาจริงจังกับผู้หญิงคนไหน...แต่เพราะการแกล้งจองที่พักให้เขาผิดของน้องเขยจอมหื่น ทำให้ชีวิตเขาต้องมาพัวพันกับ 'ลียา' ตำรวจสาวแสนเชยอาชีพที่เป็นปฏิปักษ์กับเขาอย่างที่สุด.....แต่จะทำยังไงดีเขาดันเป็นโรคแพ้สาวสะโพกกลมนมโต แล้วยัยตำรวจสุดเชยนี่ก็เข้าคอนเซป จนเขาคิดอยากจะกักเก็บเธอเหวี่ยงลงกลางเตียงทุกวินาที!!
Tags: มาเฟียร้ายพ่ายไฟรัก ลดา ลัลลดา แก้วจอมขวัญ

ตอน: ตอนที่ 3...โชคชะตาฟ้าลิขิต



บทที่ 3...โชคชะตาฟ้าลิขิต



ในเวลาเกือบทุ่มอย่างในขณะนี้ถนนสองข้างทางประดับประดาไปด้วยไฟระยิบระยับ บ้างก็เป็นร้านอาหาร บ้างก็เป็นสถานบันเทิง หากแต่เจ้าของรถสปอร์ตสีแดงเพลิงหาได้ใส่ใจกับสิ่งรอบกาย ลียาขับรถตรงไปยังคอนโดของญาติสนิทที่ซื้อไว้ยามพาคู่ควงมาพักผ่อน ที่เมื่อก่อนตอนที่มาหาพิพัตรเธอมักจะไปพักที่นั่นทุกครั้งแทนที่จะกลับไปยังเรือนหอที่ของตัวเองกับพิพัตร เพราะกลัวว่าเขาจะไปดักรออยู่ที่นั่น ตอนนี้เธอไม่อยากจะเห็นหน้าพิพัตรไม่อยากจะพูดคุยอะไรด้วยทั้งนั้น พอนึกถึงสามีทางนิตินัยที่เพิ่งจะจดทะเบียนไปเพียงแค่อาทิตย์เดียวขึ้นมา หัวตาก็ร้อนผ่าวจากนั้นหยาดน้ำตาแห่งความเสียใจก็ไหลลงสองแก้มนวล



มือบางดึงแว่นตากรอบใหญ่ออกวางไว้ที่เบาข้าง ๆ อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองอีกครั้งเมื่อคิดถึงคำพูดของพิพัตรก่อนหน้านี้ ‘ เฉิ่มเชยน่ารำคาญ ’ เขาพูดอย่างนั้น เป็นคำพูดที่ช่างแตกต่างจากที่เขาเคยพูดกับเธอมาตลอด เมื่อก่อนเธอเคยถามเขาว่าทำไมถึงได้ขอคบกับผู้หญิงเชย ๆ หัวโบราณอย่างเธอ ตอนนั้นคำตอบของพิพัตรทำให้เธอประทับใจและกลายเป็นชอบก่อนจะเปลี่ยนเป็นรักเมื่อเขาทั้งอ่อนโยนและเอาอกเอาใจ พิพัตรบอกเธอว่าเขารักที่เธอเป็นเธอไม่ใช่หน้าตา รักที่นิสัยและการวางตัว แต่มาวันนี้เธอเพิ่งรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างทุกคำพูดที่เขาพูดออกมานั้นเป็นเพียงแค่คำโกหก เพื่อหลอกล่อให้เธอหลงรัก เพื่อจุดมุ่งหมายและความทะเยอทะยานของเขาเท่านั้นเอง



แล้วจะเสียใจให้กับผู้ชายพรรค์นั้นไปทำไมกันเล่า...ลียาบอกตัวเองก่อนจะใช้หลังมือปาดหยาดน้ำตา สูดลมหายใจเรียกสติและกำลังใจให้กลับคืน มันไม่มีประโยชน์ที่จะมาร้องหายคร่ำครวญเสียน้ำตาให้กับผู้ชายเห็นแก่ตัวอย่างพิพัตร ดีแค่ไหนแล้วที่รู้ตัวก่อนที่จะสูญเสียไปมากกว่านี้ ดีแค่ไหนที่คนเห็นแก่ตัวพรรค์นั้นยังไม่ได้หาผลประโยชน์จากเธอ



แม้ว่าบทเรียนราคาแพงครั้งนี้จะต้องแรกกับสถานะแม่ม่ายก็ตามที...



รถสปอร์ตสีแดงเพลิงแล่นเข้าไปจอดยังที่จอดรถของคอนโดมิเนียมสุดหรูกลางเมืองภูเก็ต และเพราะเป็นคอนโดมิเนียมราคาแพงหูฉี่การบริการต่าง ๆ จึงให้ความเป็นส่วนตัวแกผู้พักอาศัยตามไปด้วย หนึ่งในนั้นก็คือที่จอดรถ แต่ละห้องพักจะมีที่จอดรถประจำของตัวเองสองที่ ส่วนคนนอกไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือแขกจะมีที่จอดแยกต่างหากออกไป ดังนั้นคิ้วเรียวงามของผู้หมวดสาวจึงขมวดมุ่นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าที่จอดรถข้าง ๆ มีรถคู่ใจของญาติสนิทจอดอยู่บอกให้รู้ว่าตอนนี้ญาติของเธอที่เป็นเจ้าของห้องพักหรูในตึกสูงแห่งนี้อยู่ที่นี่ด้วย



คิดถึงญาติสนิทที่ไม่ได้เจอกันมาหลายเดือน ก็ให้รู้ว่ารอบตัวเธอมีแต่ผู้ชายเจ้าชู้เสียเป็นส่วนใหญ่ ลียาถอนหายใจพลางคิดว่าผู้ชายจะหาดี ๆ สักคนไหม ความเจ้าชู้มันคงเป็นธรรมชาติของผู้ชายไปเสียแล้ว จะมากจะน้อยก็คงแล้วแต่คนไปนั่นเอง



และเมื่อเปิดประตูห้องพักริมสุดบนชั้นที่เก้าเข้าไป ร่างสูงที่นอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่ที่ห้องนั่งเล่นและห้องรับแขกในตัวก็ยืดกายขึ้นมองผู้บุกรุก



“อ้าว ลิน ไปไงมาไงล่ะเนี่ย นึกว่ายังอยู่กรุงเทพทำเรื่องย้ายยังไม่เสร็จเสียอีก”



ชายหนุ่มผิวขาวใบหน้าหล่อเหลาราวนายแบบตามนิตยสารถามขึ้น นึกแปลกใจไม่น้อยที่เห็นญาติสาวมาที่นี่ในเวลานี้ ก่อนที่ตาคู่คมสีน้ำตาลอ่อนแบบเดียวกันกับอีกฝ่ายจะหรี่ลง มุมปากยกยิ้มอย่างล้อเลียน



“...เอ หรือว่าทนความคิดถึงสามีสุดที่รักไม่ได้ แหม อะไรมันจะขนาดนั้นครับผู้หมวด อาทิตย์ก่อนก็ลากกันไปจดทะเบียนสมรสจนใครต่อใครตกใจเกือบหัวใจวายไปก็หลายคน มาคราวนี้ยัง...” เสียงล้อเลียนขาดหายไปเมื่อเห็นใบหน้าของญาติสาวชัด ๆ ที่ตอนนี้ไม่ได้ใส่แว่นกรอบใหญ่เหมือนเคย



ดนัย อัครเดชา ผุดลุกขึ้นก้าวเท้าเข้าไปหาร่างระหงที่เดินเข้ามาหลังจากเพิ่งถอดรองเท้าเสร็จ ท่าทีอ่อนล้าและตาแดงช้ำบอกให้รู้ว่าได้เกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกับญาติผู้น้องของเขา ซึ่งถ้าให้เขาเดาก็คงไม่พ้น...



“มีปัญหาอะไรกับไอ้พีทหรือเปล่าลิน” สำหรับลียาในเวลานี้เขามั่นใจว่าไม่มีเรื่องไหนที่จะทำให้ใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มหวานแต่งแต้มอยู่เป็นนิจถูกน้ำตาเข้ามาแทนที่ได้ นอกจากเรื่องของพิพัตร



“ไม่มีอะไรมากหรอกแดน ก็แค่...ลินเพิ่งตาสว่าง เพิ่งรู้แจ้งเห็นจริงว่าเขาเป็นอย่างที่แดนพร่ำบอกพร่ำเตือนลินมาตลอด”



ลียาเหยียดยิ้มเครียด ๆ ให้กับตัวเอง จับแขนแกร่งของญาติสนิทที่เอื้อมมาประคองเมื่อเห็นเธอดูอ่อนล้า ก้าวเดินช้า ๆ ไปทรุดนั่งที่โซฟาตัวใหญ่โดยมีร่างสูงของดนัยทรุดนั่งลงข้าง ๆ มือหนาของผู้กองหนุ่มยกขึ้นโอบไหล่บางที่สั่นไหวอย่างคนพยายามกลั้นเสียงสะอื้น บีบเบา ๆ อย่างให้กำลังใจแต่นั่นกลับทำให้ลียาปล่อยโฮออกมาซบหน้ากับแผงอกของญาติผู้พี่อย่างสุดกลั้น



ที่ผ่านมาใครต่อใครต่างคอยเตือนคอยพูดโดยเฉพาะดนัยญาติสนิทของเธอคนนี้ ทำไมเธอถึงไม่นึกเฉลียวใจบ้างว่าดนัยกับพิพัตรเรียนจบนายร้อยรุ่นเดีวกันมา รู้จักนิสัยธาติแท้กันมานาน



ก็คงต้องโทษตัวเธอเองที่ปล่อยให้ความรักบดบัง จนกลายเป็นคนหูหนวกตาบอด



“หมายความว่ายังไงลิน นี่มันยังกล้านอกใจลินทั้ง ๆ ที่จะจดทะเบียนสมรสกันเป็นเรื่องเป็นราวแล้วน่ะนะ ไอ้เวรพีท...” ผู้กองหนุ่มคำรามเสียงกร้าว ยิ่งเห็นร่างบางสั่นสะท้านสะอึกสะอื้นร่ำไห้ดนัยก็อยากจะให้ไอ้ตัวต้นเหตุมายืนอยู่ตรงหน้านัก เขาจะกระทืบมันให้ตายตาฝ่าเท้า “ไหนลินบอกแดนให้รู้หน่อยสิว่าไอ้พีทมันทำอะไร...แต่ถ้าไม่อยากพูดถึงมันก็ไม่เป็นไร”



เมื่อนึกได้ว่าลียาอาจจะไม่อยากพูดอะไรในตอนนี้ดนัยก็เข้าใจ เพราะเขาไปจัดการหาคำตอบจากคู่กรณีเองก็ได้ มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา



ที่ผ่านมาเขาได้แต่พูดเตือนลียาเท่านั้นแม้ว่าจะรู้เช่นเห็นชาติของพิพัตรก็ตาม เขาได้แต่พูดโดยไม่คิดจะยื่นมือเข้าไปยุ่งเพราะถือว่าญาติสาวรักมันอย่างสุดหัวใจ และก็เห็นว่าอย่างน้อยพิพัตรมันก็ไม่ได้ประเจิดประเจ้อมีใครออกนอกหน้าให้ลียารับรู้ แต่ตอนนี้เมื่อเห็นใบหน้าและแววตาบอบช้ำของลียาที่เขารักดั่งน้องสาวแท้ ๆ แล้วมันทำให้เขาไม่คิดจะเพิกเฉยได้อีก



“ถ้าลินไม่เล่าให้ฟังแดนก็ต้องหาวิธีรู้จนได้ใช่ไหมล่ะ”



ลียากลั้นก้อนสะอื้นแล้วดันตัวออกมานั่งตรง ๆ เพราะรู้จักนิสัยของดนัยที่มีอายุห่างกันเกือบสี่ดีว่าเป็นคนยังไง ทำให้แม้ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องราวเจ็บช้ำที่ได้รับก็ทำให้ต้องเล่าให้ฟังทุกรายละเอียด



“...แต่ลินไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับคน ๆ นั้นอีก...ไม่อยากให้แดนต้องไปมีเรื่องอะไรเพราะลินด้วย” และเมื่อเล่าทุกอย่างให้ฟังอย่างไม่ปิดบังแล้วก็บอกย้ำความต้องการของตัวเองให้ฟังอีกครั้ง



ผู้กองหนุ่มแห่งกองปราบถอนหายใจในที่สุด แม้ว่าตอนนี้อารมณ์เขาจะเดือดจนอยากจะซัดไอ้ตัวต้นเหตุให้ตายคามือก็ตาม แต่เมื่อเป็นความต้องการของลียาเขาก็ไม่อยากจะทำให้ญาติสาวที่แทบจะเหมือนน้องสาวแท้ ๆ ต้องมีเรื่องทุกข์ใจไปมากกว่านี้

“โอเค แล้วแต่ความสบายใจของลินเถอะ ว่าแต่จะเอายังไงต่อ ทำเรื่องย้ายมาแล้วไม่ใช่เหรอ”



จากที่ฟังเรื่องราวในคราวนี้ต่อให้พิพัตรมาอ้อนวอนงอนง้อยังไง เขาก็เชื่อว่าลียาคงไม่มีทางยอมอภัยแล้วกลับไปคืนดีด้วยอย่งแน่นอน และเขาก็ต้องการให้เป็นเช่นนั้น ไม่มีทางยอมให้ญาติตัวเองต้องไปทนทุกข์อยู่กับไอ้สารเลวอย่างนั้นแน่



“อืม” ลียาพยักหน้าเบา ๆ ใบหน้าสวยซึ้งครุ่นคิดถึงทางออก “บางที...อาจจะต้องขอร้องให้คุณลุงช่วย” คงมีแต่พลเอกดำรงฤทธิ์ อัครเดชา ผู้เป็นลุงซึ่งก็คือพ่อของดนัยเท่านั้นที่จะช่วยได้



“หมายความว่าลินจะย้ายกลับไปที่กองปราบที่กรุงเทพตามเดิมน่ะเหรอ”



ดนัยถามอย่างเข้าใจ และเขาเชื่อว่าถ้าบิดาของเขาได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหลานสาวสุดที่รักคนนี้ล่ะก็ นอกจากท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่น้อยครั้งนักจะใช้อำนาจอิทธิพลที่ตนมีมาใช้ในเรื่องส่วนตัว คงจะทำยิ่งกว่าการที่ลียาจะขอย้ายกลับไปประจำกองปราบตามเดิมเป็นแน่ เชื่อเลยว่าผู้กองอนาคตไกลอย่างพิพัตรคงได้หมดอนาคตกันก็คราวนี้



ลียาพยักหน้าแทนคำตอบอีกครั้ง “พรุ่งนี้ลินจะกลับกรุงเทพ”



เพราะยังมีเรื่องต้องจัดการอีกมาก...เรื่องงานแต่งที่จะไม่มีขึ้น



“งั้นนั่งเครื่องกลับเถอะนะลิน ขับรถกลับเองคงไม่ดีแน่กับสภาพจิตใจในตอนนี้น่ะ จริง ๆ ถ้าแดนไม่ติดภารกิจล่ะก็คงขับกลับไปให้ได้ แต่ตอนนี้...” เมื่อคิดถึงสาเหตุที่ตัวเองต้องลงมาภูเก็ตดนัยก็เป็นฝ่ายหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะเขายังหาวิธีเอาตัวเข้าไปพัวพันอยู่ใกล้ ๆ เป้าหมายไม่ได้สักทีนี่สิ



ดนัยเหลือบตามองญาติสาวผู้น้องแล้วหรี่ตาครุ่นคิด ทำให้ลียาสงสัยจึงเอ่ยถามขึ้น



“ทำไมเหรอแดน”



“ก็...เปล่าหรอก แดนแค่คิดเรื่องงานนิดหน่อย”



“งาน? จริงสิลินยังไม่รู้เลยว่าแดนมาทำอะไรที่ภูเก็ต งานหรือเที่ยว”



พอนึกได้ว่ายังไม่ได้ถามไถ่ว่าเหตุใดดนัยจึงมาอยู่ที่ภูเก็ตในเวลานี้แทนที่จะประจำอยู่กองปราบที่เชียงใหม่ก็ถามขึ้น พลางเอื้อมมือไปดึงกระดาษชิชซู่บนโต๊ะตรงหน้ามาซับน้ำตา



ดนัยพยักหน้ารับ “งานลับน่ะ...นี่ลินยากหาอะไรทำแก้เซ็งไหม”



“อะไรล่ะ แล้วลินไม่ได้เซ็งซักหน่อย” ไม่ได้เซ็งแต่เจ็บต่างหากล่ะ



“รู้น่า คนอุตส่าห์พูดเลี่ยง ๆ แล้วยังไม่รับมุขอีก” บ่นอย่างไม่จริงจังนักก่อนจะบอกในสิ่งที่กำลังคิด “แดนได้รับคำสั่งให้มาทำงานบางอย่างน่ะ แต่ยังหาวิธีแทรกซึมเข้าไปไม่ได้นี่สิ เลยคิดว่าจะให้ลินช่วย”



“แต่ถ้างานลับก็ไม่ควรบอกให้ใครรู้นะแดน”



หมวดสาวประจำกองปราบที่มีตำแหน่งทำเกี่ยวกับเอกสารงานทั่วไปบังหน้าหากทว่าเบื้องลึกเบื้องหลังนั้นก็ไม่ต่างจากผู้กองดนัยญาติสนิทสักนิดพูดเสียงจริงจัง เพราะงานลับสำหรับตำรวจกองปราบนั้นถือว่าสำคัญไม่ควรเผยให้คนนอกรู้



“โอ๊ย แม่คุณ หรือลินคิดว่าตัวเองจะเอาไปบอกต่อใครกันล่ะ” ยกมือดีดหน้าผากมนเบา ๆ พลางส่ายหน้า “จริง ๆ มันก็ไม่ใช่ความลับอะไรมากหรอก ลินก็น่าจะเอาออกว่าตำรวจอยางพวกเรามันจะมีงานลับอะไรได้ถ้าไม่ใช่งานสืบคดีนอกเครื่องแบบน่ะ”



“โอเค งั้นอะไรล่ะที่อยากให้ลินช่วย” มีอะไรให้ทำก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่คิดฟุ้งซ่านเรื่องพิพัตร “แต่ว่าลินจะช่วยอะไรได้ในเมื่อพรุ่งนี้ลินก็จะกลับกรุงเทพแล้วเนี่ย”



“เอาเป็นว่าเรื่องย้ายกลับก็บอกให้พ่อจัดการรวมทั้งให้ลินลาพักร้อนสักเดือนล่ะกัน แต่ลินยังไม่ต้องกลับกรุงเทพอยู่พักร้อนที่นี่แหละ” บอกแผนการที่เพิ่งคิดให้รู้ และเมื่อเห็นลียาอ้าปากจะถามผู้กองหนุ่มก็ยกมือเป็นเชิงห้ามแล้วพูดต่อ



“ไม่ต้องกังวลเรื่องให้พีทหรอกมีแดนอยู่ด้วยมันจะกล้าอะไร อย่างไอ้พีทมันไม่กล้ายุ่งกับแดนหรอกน่าเชื่อสิ อีกอย่างลินกลับไปกรุงเทพเดี๋ยวมันก็ตามไปกวนใจลินอยู่ดี สู้ไปช่วยงานแดนดีกว่า รับรองลินได้อยู่ห่างมันอย่างใจต้องการแน่ ส่วนเรื่องงานแต่งเดี๋ยวแดนจะเป็นคนบอกให้ทางบ้านเอง...เอางี้ ลินโทรคุยกับน้าดาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังก็พอ แล้วแดนจะบอกพ่อเอง ให้ท่านช่วยจัดการทุกอย่างทางกรุงเทพให้เรียบร้อย”



ดนัยแบ่งหน้าที่เสร็จสรรพ ก่อนจะต่อสายหาพลเอกดำรงฤทธิ์ อัครเดชา ผู้เป็นบิดา เห็นดังนั้นลียาเลยลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนหนึ่งในสองห้องที่มีเพื่อต่อสายหามารดาของตน เพื่อบอกเล่าถึงเรื่องพิธีแต่งงานใหญ่โตระหว่างเธอกับพิพัตรในอาทิตย์หน้าที่กำลังจะถูกยกเลิก



ยกเลิกและตัดขาดขาดผู้ชายที่ชื่อพิพัตรตลอดกาล



++++++++++



ช่วงหัวค่ำของวันเดียวกันนั้น ร่างบอบบางของเด็กสาวคนหนึ่งกำลังถูกชายวัยกลางคนค่อนข้างท้วมทั้งลากทั้งกระชากให้เดินไปตามสะพานที่เชื่อมโยงระหว่างฝั่งพื้นดินกับเรือสำราญลำใหญ่ที่ จอดนิ่งอยู่ท่าเทียบเรือส่วนตัว ชายร่างท้วมพาหญิงสาวเดินตามพนักงานในชุดสูทสีดำสนิทที่เฝ้าอยู่ตามจุดต่าง ๆ บนเรือลำใหญ่นี้อ้อมไปทางด้านหลังของเรือง แล้วเปิดประตูเข้าไปในห้อง ๆ หนึ่ง เดินทะลุออกไปตามทางแคบ ๆ ที่ค่อนข้างจะมืดสลัวแตกต่างจากส่วนอื่น ๆ บนเรือที่สว่างไสวด้วยแสงไฟ ร่างบอบบางนั้นสั่นนิด ๆ ด้วยความกลัว ยิ่งเหลียวมองไปรอบกายที่มีแต่ชายร่างสูงใหญ่ในชุดสูทที่หน้าตาเหี้ยม หัวใจดวงน้อยก็เต้นระรัวอย่างเสียขวัญ



เธอไม่น่ากลับมาที่นี่เลย ไม่น่ากลับมาให้พ่อเลี้ยงใจร้ายคนนี้พบเจอแล้วฉุดกระชากลากตัวเธอมาอย่างนี้เลย นิลปัท สะอื้นอยู่ในอก นับตั้งแต่มารดาเสียไปเมื่อสองเดือนก่อนชีวิตของเธอก็เหมือนไร้ที่พึ่ง การที่ต้องอยู่ในบ้านตามลำพังกับวิชัยผู้พ่อเลี้ยงทำให้นิลปัทอึดอัดนัก เพราะสายตาของพ่อเลี้ยงที่มองมามักจะฉายแววแปลก ๆ ชวนให้ขนลุกอยู่เสมอ ดังนั้นเมื่อเสร็จสิ้นงานศพของมารดานิลปัทจึงเดินทางไปอยู่กับเพื่อนที่กรุงเทพ เพื่อนคนนี้อาศัยอยู่ที่บ้านของอาจารย์วิภาที่เคยเป็นอาจารย์สอบภาษาอังกฤษที่โรงเรียนมัธยมที่ภูเก็ตเมื่อปีก่อน



และเพราะนิลปัทยังเป็นนักศึกษาปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ปกติแล้วสาวน้อยวัยเพิ่งยี่สิบจะอาศัยอ่านหนังสือเองแล้วเดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อไปสอบเพราะต้องการดูแลมารดาที่เจ็บออด ๆ แอด ๆ แต่พอหลังจากมารดาสิ้นแล้ว ทั้งอาจารย์วิภาและเละเพื่อนของเธอเองหรือแม้แต่คนบ้านใกล้เรือนเคียงที่รักและเอ็นดูสาวน้อยตาคม ก็ปรารถนาเป็นทางเดียวกันว่าเธอควรจะอยู่ให้ห่างจากวิชัยพ่อเลี้ยงที่นับวันจะอันตรายเข้าไปทุกที หากแต่ทว่าหลังจากกลับจากทัวร์ไหว้พระเก้าวัดที่เชียงใหม่กับคณะของอาจารย์วิภาแล้ว วิชัยก็ติดต่อมาว่ามีเอกสารทางราชการเกี่ยวกับทรัพย์สินของมารดาที่นิลปัทต้องเซ็นต์ด่วนรวมทั้งของที่มารดาเก็บไว้ให้ ตอนแรกอาจารย์วิภาเองไม่ยอมให้เธอมาลำพังเพราะไม่ใว้ใจ เธอเองก็เช่นกันหากแต่ก็ห่วงในสิ่งที่เป็นของต่างหน้ามารดา ทำให้ไม่นึกเฉลียวใจคิดเพียงว่าพอจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็จะรีบกลับกรุงเทพทันที



แต่เธอก็ประมาทวิชัยเกินไปจริง ๆ เพราะตอนนี้เธอก็หลงกลถูกพ่อเลี้ยงพามาที่ไหนก็ไม่รู้



“คะ คุณพ่อจะพาหนูนิลไปไหนคะ”



เสียงสั่น ๆ ของนิลปัทถามออกไป เธออยากจะสะบัดมือแล้ววิ่งหนีเหลือเกินแต่เรี่ยวแรงของเธอรึจะสู้พ่อเลี้ยงใจร้ายคนนี้ได้ และคงไม่มีทางหนีไปไหนพ้นเพราะรอบตัวมีแต่คนหน้าตาน่ากลัวทั้งนั้น แล้วยังอยู่บนเรือกลางทะเลอีก



“ทำตัวดี ๆ น่าหนูนิล พ่อกำลังจะพาหนูนิลไปฝากงานกับ ท่าน ”



นายวิชัยหันมาตอบลูกเลี้ยงด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ พลางกวาดสายตามองร่างบางที่สวยผุดผาดอย่างเสียดาย ความจริงเขาไม่ได้อยากจะพาลูกเลี้ยงแสนสวยคนนี้มา ‘ ฝาก ’ งานที่นี่เลย เพียงแต่ว่ามันไม่มีทางเลือกสำหรับเขาแค่นั้นเอง



“ตะ แต่หนูนิลยังเรียนไม่จบ...แล้วตอนนี้หนูนิลก็ช่วยงานเพื่อนของอาจารย์วิภาอยู่แล้ว” นิลปัทพยายามพูดด้วยเหตุผล แม้จะรู้ว่าความหวังน้อยนิดลงทุกที “ละ แล้วก็พรุ่งนี้เช้าหนูนิลต้องรีบไปขึ้นรถทัวร์กลับกรุงเทพแต่เช้านะคะคุณพ่อ...พาหนูนิลกลับเข้าฝั่งเถอะนะคะ”



“เงียบนะหนูนิล!!” นายวิชัยหันกลับมาตวาดเสียงใส่ แล้วออกแรงกระชากร่างบางให้เดินเร็วขึ้น “พ่อเคยบอกแล้วว่าไม่อนุญาตให้หนูนิลไปอยู่กรุงเทพกับนังครูนั่น บอกแล้วใช่ไหมว่าให้ทำตามคำสั่งพ่อ อย่ามาทำตัวอกตัญญูนะหนูนิล พ่อเลี้ยงทั้งแม่ทั้งลูกมากี่ปีต่อกี่ปีสำนึกซะบ้างสิ”



น้ำเสียงหงุดหงิดไม่พอใจนั้นทำให้นิลปัทเงียบเสียงลง เพราะรู้แล้วว่าถึงจะพูดขอร้องอ้อนวอนยังไงก็คงไม่เกิดผล ตอนนี้สิ้นมารดาแล้ววิชัยคงไม่ต้องแกล้งตีหน้าสร้างภาพเป็นพ่อเลี้ยงที่แสนใจดีอีกต่อไปตอนนี้สิ่งที่ทำได้มีเพียงภาวนาขอให้ ‘ งาน ’ ที่วิชัยว่าจะเป็นงานที่ดีต่อตัวเธอเท่านั้น



แต่มันจะดีกับตัวเธอจริงหรือ...นิลปัทถามตัวเอง เพราะคนพื้นที่ใคร ๆ ก็ต่างรู้กันทั้งนั้นว่าเรือสำราญหรูหราลำนี้เป็นคาสิโนลอยน้ำถูกกฏหมายที่ แล้วขึ้นชื่อว่าคาสิโนแหล่งที่เต็มไปด้วยอบายมุขมันจะมีสิ่งดี ๆ อยู่หรือ เธอเคยได้ยินชาวบ้านหลายคนพูดกันว่าเบื้องลึกเบื้องหลังมันมีมากกว่านั้น



นิลปัทไม่มีเวลาคิดอะไรได้มากกว่านั้น เมื่อถูกพาเข้าไปยังห้องกว้าง ๆ ห้องหนึ่งที่กลางห้องตรงโซฟาหรูมีผู้ชายสามคนนั่งอยู่ หนึ่งในนั้นเป็นชาวต่างชาติรูปร่างสูงใหญ่ ส่วนอีกสองคนในนั้นเธอรู้จักดีเพราะเป็นคนพื้นที่ ๆ ไม่มีใครในภูเก็ตไม่รู้จัก เพราะท่านอำนาจที่คนส่วนมากต่างเรียกด้วยความยำเกรงเป็นถึง สส. ที่มีอิทธพลที่สุดของจังหวัด แล้วอีกคนหนึ่งก็อนิรุจลูกชายคนเดียวของเขาที่ตอนนี้กำลังจ้องเขม็งมาที่เธอ นิลปัทก้มหน้าหลบอยู่หลังพ่อเลี้ยง ความรู้สึกบอกเธอว่าคำภาวนาคงไม่ได้ผล...เรื่องต่อไปนี้คงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเธอแน่



“ลูกสาวสวยดีนี่” สส. คนดังของจังหวัดเอ่ยทัก ดวงตาเรียวเล็กมองไปยังร่างบอบบางอย่างถูกใจ “เอาเป็นว่าฉันเห็นใจที่แกเป็นลูกค้าที่ดี จะรับแม่หนูนี่ไว้ทำงานที่นี่จนกว่าจะใช้หนี้สินที่ติดค้างกันหมดไปก็แล้วกัน”



หนี้แค่สองแสนแลกกับเด็กสาววัยขบเผาะมันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม หน้าตาสวยสดรูปร่างงดงามอย่างนี้ไม่ถึงเดือนก็ทำกำไรให้อย่างล้นเหลือแล้ว สส.อำนาจหัวเราะในใจ

“ขะ ขอบคุณท่านมากครับ แต่เอ่อ ผม...คือผมอยากจะ...”



ในขณะที่ สส.อำนาจพอใจกับสิ่งปลดหนี้สวยงามตรงหน้า นายวิชัยเอกก็ละล่ำละลักขอบคุณด้วยความปรีด์ดาที่หนี้สินจากการพนันที่ตัวเองก่อขึ้นจนถึงกำหนดเส้นตายถูกปลดจนหมดสิ้น หากแต่ว่า...



“ไม่ต้องห่วง ฉันยินดีให้พิเศษ ตามไอ้สองคนนั่นไปแล้วกัน คืนนี้แกได้ เล่น อย่างพระราชาแน่ และล่องเรือพิเศษที่จะถึงนี้ฉันอนุญาตให้แกไปด้วยได้ ฮะ ๆ ๆ ” บอกอย่างคนใจดีที่เข้าใจความต้องการของอีกฝ่าย



เสียงหัวเราะที่น่าหวาดกลัวในความรู้สึกของนิลปัทดังก้องห้องกว้าง ๆ ห้องนี้ ทำให้สาวน้อยยืดชายเสื้อของผู้เป็นพ่อเลี้ยงไว้แน่น แม่ว่าจะเกลียดและกลัวนายวิชัยมากแค่ไหนแต่ในเวลานี้พ่อเลี้ยงใจร้ายเป็นคนเดียวที่เธอรู้จักมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย



“คะ คุณพ่อคะพาหนูนิลกลับบ้านเถอะนะคะ หนูนิลไม่อยากทำงานที่นี่ หนูนิลสัญญาว่าจะหาเงินมาให้คุณพ่อ ถะ ถ้าคุณพ่อติดหนี้เขาหนูนิลจะพยายามช่วย” เสียงวอนขอสั่น ๆ อย่างน่าสงสารแต่ไม่ได้ทำให้นายวิชัยรู้สึกอะไร



“ก็อยูนิลกำลังช่วยพ่ออยู่นี่ไงลูก” นายวิชัยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนผิดกับท่าทีและใบหน้า แขนเรียวถูกมือใหญ่บีบแน่น “อย่าดื้อกับท่านนะหนูนิล ท่านสั่งให้ทำอะไรก็ทำไป หนี้สินทั้งหมดก็เพราะเอาเงินไปรักษาอาการของแม่ทั้งนั้น เข้าใจไหม” ท้ายประโยคไม่เหลือความอ่อนโยนใด ๆ อีกต่อไป มีแต่กระแสเสียงออกคำสั่งและข่มขู่



“ไม่นะคะคุณพ่อ หนูนิลไม่อยู่ที่นี่ โอ๊ย!!”



ฝ่ามือหนาของพ่อเลี้ยงใจยักษ์ฟาดลงบนแก้มนวล ตามด้วยเสียงตวาด



“ทำตามที่สั่ง!!” นายวิชัยตะคอกใส่ลูกเลี้ยงหลังจากตวัดมือตบหน้าเล็ก ๆ สุดแรงจนนิลปัทปลิวไปกองกับพื้น จากนั้นพ่อเลี้ยงใจชั่วก็หันไปพูดกับ ‘ ท่าน ’ ที่มองมาไม่พอใจอย่างพินอบพิเทา “ขอโทษนะครับท่าน ต่อไปคงต้องขอความกรุณาท่าน สั่งสอนตักเตือน แกหน่อยนะครับ”



สส.อำนาจตวัดสายตาเรียวเล็กมองอย่างไม่พอใจ “ไป ออกไปได้แล้ว ทำของฉันเสียราคาหมด” โบกมือไล่จนนายวิชัยหน้าเจื๋อยรีบออกจากห้องไป



ส่วนนิลปัทก็ได้แต่นั่งสะอื้นยกมือกุมแก้ม ก้มหน้าก้มตาแทบจะติดพื้น หญิงสาวสะดุ้งเฮือกเมื่อมีมือมาโอบไหล่ ตาคมสีดำสนิทมองไล่ตั้งแต่รองเท้าหนังมันวับไล่เรื่อยขึ้นไปจนถึงใบหน้าขาวตี๋ของเจ้าของอ้อมแขนจาบจ้วง เพราะตอนนี้มือที่โอบไหล่เธอลากวนเบา ๆ อย่างหยอกเย้า นิลปัทตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเมื่อพบว่าคนที่ทำการจาบจ้วงอยู่นี้คืออนิรุจลูกชายคนเดียวของพันโทอำนาจ...เจ้าของคาสิโนลอยน้ำแห่งนี้!!



“แก้มช้ำหมดเลยดูสิ เดี๋ยวจะให้คนพาไปทายานะจ๊ะ” อนิรุจเพล์บอยชื่อดังประจำจังหวัดบอกอย่างใจดี หากแต่แววตาที่มองนั่นทำให้นิลปัทตัวสั่นยิ่งกว่าเดิม



“ปะ ปล่อยฉันกลับบ้านเถอะนะคะ คุณพ่อติดเงินพวกคุณเท่าไหร่ฉันจะหามาใช้ให้ ตะ แต่ฉันขอกลับบ้าน...” สาวน้อยตาคมที่บัดนี้เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาพยายามขยับออกห่าง แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่ออีกฝ่ายยิ่งรัดแน่น



อนิรุจก้มลงใกล้จนจมูกเฉียดแก้มนวล แล้วตอบเสียงกลั้วหัวเราะ “จะกลับไปทำไมล่ะจ๊ะ อยู่ที่นี่ด้วยกันดีกว่า...รับรองที่นี่มีแต่ความสุขและความสบายสำหรับคนสวย ๆ อย่างน้อง”



อนิรุจทำท่าจะพูดจะทำมากกว่านั้นหากไม่มีเสียงห้วน ๆ เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน และเป็นเสียงที่อนิรุจต้องทำตามทุกครั้ง แม้กระทั่ง สส.อำนาจที่ใครต่อใครพากันเกรงกลัวก็ตาม



“เลิกไร้สาระได้แล้ว เรายังคุยธุระกันไม่เสร็จนะ เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลังได้ไหม”

เสียงสั่งเป็นภาษาอังกฤษของหนุ่มต่างชาติหนึ่งเดียวในนั้นเอ่ยขึ้น แต่แค่นั้นก็ทำให้อนิรุจปล่อยมือที่โอบไหล่มน เช่นเดียวกับนิลปัทที่รู้ชะตากรรมตัวเองแล้วว่าคงหนีเรื่องราวเลวร้ายที่กำลังจะเกิดนี้ไม่พ้น ไม่มีประโยชน์ที่จะทำอะไรอีก ตาคมหวานปิดลงอย่างท้อแท้



ตอนนี้จะมีหวังอะไรอีก...ยังจะหวังให้ใครมาช่วยเธอได้อีก...



“พาไปอยู่ที่ห้องพิเศษ บอกหลิงหรือลีน่าให้จัดการเตรียมไว้ให้ฉัน แล้วพาไปรอที่ห้องคืนนี้” อนิรุจลุกขึ้นแล้วหันไปสั่งลูกน้องสั้น ๆ จากนั้นก็เดินกลับไปนั่งที่โซฟาตามเดิม ก่อนจะหันไปพูดกับเจ้าของคำสั่งไม่สบอารมณ์ก่อนหน้านี้



“โทษทีเอเดรียน นายก็รู้ว่าฉันเห็นสาว ๆ สวย ๆ ไม่ค่อยได้” แม้ว่าคนที่เขาพูดด้วยจะเป็นเพื่อนสนิทแต่ลึก ๆ แล้วอนิรุจรู้ดีว่า เพื่อนสนิทคนนั้นั้นอันตรายและไม่ควรขัดใจเป็นอย่างยิ่ง



“แกมันก็อย่างนี้ทุกทีสิน่าตารุจ” สส.อำนาจว่าบุตรชายไม่จริงจังนัก แต่ก็ทำเพราะไม่อยากให้เม็ดเงินรายใหญ่ไม่พอใจ



ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าเอเดรียนไม่ตอบอะไร เขานั่งนิ่งรอฟังสองพ่อลูกรายงานเรื่องงานต่อพลางยกแก้วคริสตัลในมือขึ้นจิบน้ำสีอำพันช้า ๆ ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเจ้าของเรือสำราญคาสิโนลอยน้ำหรูหราแห่งนี้ มีเจ้าของที่แท้จริงชื่อ เอเดรียน อองรี คนนี้ต่างหาก!

++++++++++++++++++++++++

พระรองเริ่มออกโรงละ >___<





ปล.ฝากเป็นกำลังใจให้เจ้าป่าโดมินิคอีกเรื่อง *กรงรักแดนเถื่อน* ด้วยนะคะ ^^



ลัลลดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ม.ค. 2555, 10:59:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ม.ค. 2555, 10:59:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 2336





<< ตอนที่ 2...ถูกใจ...หากจำต้องตัดใจ   
หมูอ้วน 18 ม.ค. 2555, 14:33:41 น.
หนูนิลจะหนียังไงอ่ะค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account