เล่ห์ร้ายฤารัก (ภาคต่อ สัญญาณรัก ลิขิตหัวใจ) ตีพิมพ์กับ สนพ.บีไมน์
“เรามาร่วมมือกันมั้ย”
“ทำไมผมต้องร่วมมือกับคุณ” ใบหน้าเกลื่อนยิ้มอารมณ์ดีหายไปทันทีเมื่อพอจะเดาจุดประสงค์ของอีกฝ่ายได้
“ก็คุณอยากให้ยัยนั่น เอ่อ...พี่ก้อยเลิกกับพี่ว่านไม่ใช่หรือ เรามีจุดประสงค์เดียวกันใช่มั้ยล่ะ”
“แล้วคุณคิดว่าผมจะช่วยคุณได้ยังไง” คิ้วเข้มขมวดมุ่นด้วยความสงสัย
“ก็ช่วยแย่งเจ้าสาวไปให้ได้ไง”
“เพื่ออะไร เพื่อคุณจะได้ครอบครองเจ้าบ่าวแทนหรือไง”
หญิงสาวเม้มปากไม่ตอบ แต่ตากลมโตมองมาด้วยประกายแห่งความหวังว่าเขาจะต้องช่วยเธอได้แน่นอน
“ทำไมคุณไม่คิดตัดอกตัดใจจากผู้ชายซะ ถ้าเขารักคุณจริง เขาก็คงไม่เลือกแต่งงานกับเจ้าสาวหรอก” ณพลพยายามชี้ให้เธอเข้าใจเหตุผล
“คุณอย่ามารู้ดีหน่อยเลย เขารักฉันมากที่สุด เขาให้ความสำคัญกับฉันมากที่สุด แต่เมื่อผู้หญิงคนนั้นก้าวเข้ามาในชีวิตเรา เขาก็เปลี่ยนไป เขาหาว่าฉันทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต ก็ฉันไม่อยากเป็นผู้ใหญ่นี่ ฉันอยากให้เขาดูแลฉันไปตลอดชีวิตอย่างที่เขาเคยสัญญาไว้” หญิงสาวพร่างพรูความในใจออกมา
“แต่ตอนนี้เขาก็เลือกแต่งงานกับเจ้าสาวแล้วนะคุณ”
“แต่งแล้วก็เลิกได้ คุณก็อยากให้เขาเลิกกันใช่มั้ย คุณก็รักเจ้าสาว อยากแย่งเจ้าสาวมาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ”

ณพลจะยอมให้ความร่วมมือกับวาสิกาทำให้คู่แต่งงานหมาด ๆ เลิกกันหรือไม่ เขาควรจะช่วยดึงเธอไม่ให้ทำผิดศีลธรรมหรือควรจะทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ เขาควรจะเลือกเส้นทางไหนดี ?????

Tags: เล่ห์ร้ายฤารัก, โรแมนติค, หวาน, สัญญาณรัก ลิขิตหัวใจ

ตอน: บทนำ

วาสิกาขยี้ดอกไม้สีสวยที่ประดับประดาไว้อย่างงดงามจนแหลกคามือเมื่อมองไปยังคู่บ่าวสาวที่ยืนกุมมือกันอยู่บนเวทีท่ามกลางแขกเหรื่อมากมายที่มาร่วมอวยพร ดวงตาแทบลุกเป็นไฟเมื่อได้ยินใครต่อใครต่างเอ่ยปากว่าทั้งคู่ช่างเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก เธออยากจะกรีดร้องคัดค้านไม่เห็นด้วยกับคำพูดเหล่านั้นแทบขาดใจ ถ้าการแต่งงานตามประเพณีไทยมีการคัดค้านได้แบบประเพณีตะวันตก เธอจะเป็นผู้ยกมือขอให้ยกเลิกการแต่งงานในวันนี้ทันที เพราะไม่ได้รู้สึกยินดีและมีความสุขไปกับการแต่งงานของคนคู่นี้เลยแม้แต่น้อย มีเพียงความร้อนรุ่มสุมอกด้วยความริษยาจวนเจียนจะระเบิด ยิ่งเห็นสายตาเจ้าบ่าวมองเจ้าสาวหวานซึ้งมากเพียงใด เธอก็รับรู้ถึงแรงกดจากปลายเล็บที่จิกลงบนฝ่ามือของตนเองมากขึ้นเท่านั้น หญิงสาวตัดสินใจยุติความเจ็บปวดด้วยการหันหลังจากภาพสุดโรแมนติก หากแต่คำถามของพิธีกรชายบนเวทีกลับตรึงเธอไว้ให้นิ่งเพื่ออยู่ฟังคำตอบจนแทบลืมหายใจ
“เจ้าสาวประทับใจอะไรในตัวเจ้าบ่าวครับ”
“เป็นผู้ชายอบอุ่น เข้าใจเราทุกอย่าง และคิดว่าจะฝากชีวิตไว้กับผู้ชายคนนี้ได้ตลอดไปค่ะ” เจ้าสาวตอบเสียงหวาน และยิ้มหวานให้เจ้าบ่าว ทำเอาแขกทั้งงานตาร้อนผ่าว
“ฟังคำตอบของเจ้าสาวแล้ว ตอนนี้มาฟังคำตอบของเจ้าบ่าวบ้างว่าประทับใจอะไรในตัวเจ้าสาวคะ” พิธีกรหญิงรับหน้าที่ถามเจ้าบ่าวต่อ
สายตาทุกคู่ของแขกที่มาร่วมแสดงความยินดีในงานสมรสมองไปบนเวทีอย่างใจจดใจจ่อรอคอยและคาดหวังคำตอบหวานซึ้งเช่นเดียวกันจนเจ้าบ่าวเกิดอาการประหม่า
“เอ่อ....ก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ” คำตอบของเจ้าบ่าวเรียกเสียงอุทานด้วยความผิดหวังจากแขกฝ่ายหญิง และเสียงโห่เล็กน้อยจากฝ่ายชาย แล้วเสียงอื้ออึงเหล่านั้นก็เงียบลงพลันเมื่อได้ยินประโยคต่อมา
“รู้แต่ว่าอยากดูแลผู้หญิงคนนี้ไปตลอดชีวิตครับ” แขกทั้งงานพร้อมใจกันลุกขึ้นและปรบมือเสียงดังกึกก้องกับคำตอบของเจ้าบ่าว
เจ้าสาววางมือข้างที่เป็นอิสระทับบนมือหนาที่กุมมือเธอแนบแน่นอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่งานเลี้ยงเริ่มจนถึงนาทีแสนหวานขณะนี้ ใบหน้าเล็กหวานเงยขึ้นสบตากับเจ้าบ่าวด้วยความรักและปลาบปลื้มในคำตอบของคนที่คิดจะฝากหัวใจไว้ไปตลอดชีวิต ทั้งสองสบตากันหวานซึ้งราวกับโลกนี้มีเพียงกันและกัน
“ว๊าวๆ ดูเหมือนพวกเราจะเป็นส่วนเกินของคู่บ่าวสาวแล้วครับ หวานไม่เกรงใจแขกกันเลย ไหนๆ ก็หวานกันขนาดนี้แล้ว ขอช็อตเด็ดตามประเพณีหน่อยแล้วกันนะครับ หอมแก้มๆๆ” พิธีกรชายร้องขอ
“เขาก็เคยพูดว่าจะดูแลฉันไปตลอดชีวิต” เสียงขุ่นขึ้งของวาสิกาดังขึ้น แต่กลับถูกกลบด้วยเสียงปรบมือเป็นจังหวะของแขกในงานที่เชียร์ให้คู่บ่าวสาวหอมแก้มกันดังลั่น
หญิงสาวรับรู้ได้ถึงสายตาอ้อนวอนของเจ้าบ่าวที่มองมายังเธอในขณะประคองเจ้าสาวก้าวลงจากเวทีว่าต้องการเห็นเธอเข้าไปร่วมแสดงความยินดีกับวันชื่นคืนสุขของเขามากขนาดไหน แต่ในเมื่อความรู้สึกของเธอเต็มไปด้วยความทุกข์ แล้วจะให้ยอมรับการแต่งงานของเขาได้อย่างไร หญิงสาวปฏิเสธคำร้องขอทางสายตานั้นด้วยการสะบัดหน้าหนีเดินออกไปจากห้องจัดเลี้ยงแสนอลังการ โดยไม่เห็นสายตาวูบไหวด้วยความผิดหวังของเจ้าบ่าว
ถึงแม้จะอยากหนีกลับบ้านไปขังตัวเองอยู่ในห้องนอน ไม่ต้องมารับรู้ความสุขสมหวังของทั้งคู่สักเพียงใด แต่มารยาททางสังคมก็ทำได้เพียงแค่ออกมายืนทำใจอยู่ด้านหลังซุ้มดอกไม้หน้าประตูงานเลี้ยงที่ไร้ผู้คนเท่านั้น โดยหวังว่าดอกไม้แสนสวยจะทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง จิตใจอันร้อนระอุยังไม่ทันจะสงบลงสักเพียงครู่ ก็เริ่มจะครุกรุ่นเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินเสียงแขกกลุ่มใหญ่เดินออกมาในเวลาที่เธออยากอยู่คนเดียวมากที่สุด วาสิกาไม่อาจทนฟังถ้อยคำอันปลาบปลื้มชื่นชมคู่บ่าวสาวได้อีกต่อไปแล้ว เธอรีบพาตัวเองออกจากซุ้มดอกไม้ไปหาที่สงบจิตสงบใจแห่งใหม่ หากเสียงพูดคุยที่ดังขึ้นมากลับตรึงเธอไว้ให้นิ่งอยู่ยังจุดเดิมอีกครั้ง
“เป็นไงล่ะไอ้เจ้าชาย อยากชักช้านักมีคนคาบเจ้าสาวไปรับประทานซะแล้ว”
“นั่นสิวะ มัวแต่เลี้ยงเด็กๆ อยู่ได้ สาวๆ ที่ไหนเขาจะรอเอ็ง”
“เออ ใช่ๆ ถ้าข้าเป็นเจ้าสาว เจอผู้ชายคนใหม่ อบอุ่น อ่อนโอน เป็นผู้ใหญ่ ช่างเอาอกเอาใจขนาดนี้ก็รีบแต่งเหมือนกัน ขืนรอเอ็งไม่รู้ว่าเมื่อไรชาตินี้จะได้แต่งงาน”
“เป็นไงวะ เสียใจ เสียดายเจ้าสาว จนพูดไม่ออกหรือไงเอ็ง” เสียงทับถมถากถางยังดังขึ้นเป็นระยะๆ
“ก็รู้ว่าเพื่อนเสียใจ พวกเอ็งจะทับถมไปถึงไหนกันวะ” ชายผู้ถูกรุมเยาะเย้ยตอบโต้เสียงขรึมขึ้นเป็นครั้งแรก
“ทำใจเสียเถอะวะ คนที่เรารักมีความสุข เราก็ต้องร่วมแสดงความยินดีไปด้วยใช่มั้ยเพื่อน” ชายคนแรกผู้เปิดบทสนทนาตบไหล่หนักๆ เป็นการปลอบใจ
“ใช่ๆ ถือว่าเขาไม่ใช่เนื้อคู่เรา”
“ถึงเอ็งกับเจ้าสาวจะรักใคร่ชอบพอคบกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย แต่เอ็งไม่ยอมขอเขาแต่งงานสักที เขาก็ต้องเลือกคนที่อยากเป็นเจ้าบ่าวของเขาสิวะ”
เสียงล้อเลียนเริ่มเปลี่ยนเป็นปลอบใจแทน แต่ไม่ได้ทำให้ชายคนดังกล่าวรู้สึกดีขึ้นได้ สีหน้าของเขายังคงเงียบขรึมเคร่งเครียดราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง จนใครคนหนึ่งในกลุ่มทนไม่ไหวโพล่งถามออกมา
“หรือว่าเอ็งคิดจะแย่งเจ้าสาวมาจากเจ้าบ่าววะ ไอ้เจ้าชาย” ทุกคนพร้อมใจกันหันไปมองยังจุดเดียวกันเพื่อรอคอยคำตอบ
“แล้วพวกเอ็งคิดว่าคนอย่างข้าจะแย่งเจ้าสาวมาได้มั้ยวะ” คำตอบกึ่งคำถาม ทำเอาทุกคนอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง
“นี่...เอ็งคิดจะแย่งยัยก้อยมาจากเจ้าบ่าวจริงๆ หรือไอ้เจ้าชาย มันบาปนะโว๊ย” เสียงถามซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“พวกเอ็งก็รู้ว่าข้ากับเขารักกันมาก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะแทรกเข้ามา ความจริงแล้วก้อยอาจจะไม่ได้รักเจ้าบ่าวก็ได้ เขาแค่ต้องการประชดที่ข้าไม่ขอเขาแต่งงานสักทีอย่างที่พวกเอ็งพูด ก็เลยหนีไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น พวกเอ็งก็รู้ดีว่าก้อยก็ไม่มีวันเลิกรักข้าไปตลอดชีวิตอยู่แล้ว” น้ำเสียงอวดทะนงบอกอย่างมั่นใจใน ก่อนเจ้าตัวจะเดินหนีไปโดยไม่ตอบคำถามที่ดังเซ็งแซ่ตามมาจนฟังไม่ได้ศัพท์
วาสิกาก้าวออกจากซุ้มดอกไม้ด้วยรอยยิ้มเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มาร่วมงานมงคลสมรสที่ไม่พึงประสงค์ หญิงสาวมองตามชายคนดังกล่าวไปอย่างหมายมาด พร้อมรำพึงกับตัวเองด้วยความพอใจ
“ฉันรู้แล้วว่าใครจะช่วยฉันแยกสองคนนี้จากกันได้"

**********
ฝากอ่านติชม แนะนำ เป็นกำลังใจให้ ขวัญดาว ด้วยนะคะ
ร่วมพูดคุยกันได้ทาง e-mail หรือ Facebook ที่ nukwun@hotmail.com
ขอบคุณค่ะ ^___^

**********



ขวัญดาว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ม.ค. 2555, 20:08:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ม.ค. 2555, 08:16:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 4288





   ตอนที่ 1 ร่วมมือกันมั้ย >>
lovemuay 7 มี.ค. 2555, 20:06:57 น.
น่าอ่านจังเลยนะคะ
สุดท้ายแล้วสองคนนี้มารักกันเองแน่เลน ^^


muay 8 มี.ค. 2555, 13:16:04 น.
ทำไมเจ้าบ่าวต้องแต่งงานกะเจ้าสวยละ ไม่เต็มใจใช่มั๊ย ถึงได้ส่งสายตาอ้อนวอนมาให้วาสิกาน่ะ


Oleang 8 มี.ค. 2555, 13:17:12 น.
มาร่วมอ่านค่ะ ... เริ่มต้น ก็ น่าสนุกล๊ะค่ะ รอติดตามค่ะ ...


Auuuu 10 มี.ค. 2555, 16:20:45 น.
ไอ๊หย่ะะะะะะะะ แค่เริ่มเรื่องก็ไม่ธรรมดาซะแล้ว พระเอกคือใคร นางเอกคือใคร โว้วๆๆๆๆ


อมลลดาOWOอมรรัตน์ 1 เม.ย. 2555, 13:36:56 น.
น่าอ่านมาก ๆ ค่ะ
ทายว่า..วาสิกานี่น่าจะเป็นนางเอก
ส่วนพระเอก..น่าจะเป็นเจ้าชาย
แต่เจ้าชายจะร่วมมือกับนางเอกแยกเจ้าบ่าวเจ้าสาวหรือไม่ น่าลุ้นมาก ๆ
รอลุ้นตอนต่อไปค่ะ อยากกดไลค์สักล้านครั้ง อิอิ ^___^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account