รอยต่อแห่งฝัน
เป็นเรื่องของการวาดหวังในความรัก ของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็น นิศา อัฐ
มาย ทุกคนต่างฝันถึงรักในแบบของตัวเอง
แต่ในความเป็นจริง คนเราไม่อาจคาดหวังในความรักแบบที่เราต้องการได้
บางคนยอมรับกับความพลาดหวังได้
บางคนไม่อาจยอมรับได้
หลายคนจึงพลัดตกลงไป ในรอยต่อระหว่างความฝันกับความจริง
มาย ทุกคนต่างฝันถึงรักในแบบของตัวเอง
แต่ในความเป็นจริง คนเราไม่อาจคาดหวังในความรักแบบที่เราต้องการได้
บางคนยอมรับกับความพลาดหวังได้
บางคนไม่อาจยอมรับได้
หลายคนจึงพลัดตกลงไป ในรอยต่อระหว่างความฝันกับความจริง
Tags: love lale
ตอน: ตอน ๓
ตอน ๓
หญิงสาวบนชิงช้าสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีมือแข็งแรงทับลงบนบ่า
“ขอโทษ” ตุลย์กล่าวตกใจเมื่อเห็นอาการของหล่อน
“พี่ตุลย์เองหรอกเหรอ” นิศาผ่อนลมหายใจโล่งอก ยิ้มน้อย ๆ ลบรอยหมองในดวงตา
“คิดอะไรอยู่ ถึงไม่ได้ยินเสียงรถของพี่” ตุลย์เคาะหัวหล่อน
นิศามองรถที่จอดอยู่นอกรั้ว
“เป็นไงบ้าง” ตุลย์วางมือบนหัวหล่อน
“ไม่เป็นไรนี่คะ พี่ก็รู้นิไม่สนใจเรื่องข่าว”
กับข่าวของมายที่หายหน้าไปจากวงการ และเรื่องราวของนิศากับวีนว่าทั้งคู่คบหาเป็นคู่รักกัน ซึ่งเป็นสาเหตุการหายเงียบไปของมายทำให้ตุลย์อดเป็นห่วงไม่ได้ เขารักหล่อนเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง
“ดีแล้ว ต้องทำใจหน่อยนะเลือกจะยืนตรงนี้แล้วนี่”
“ค่ะ”
“มารับไปทานข้าวกลางวัน นัดใครบางคนไว้”
“อ้าว...นัดใครไว้แล้วมาชวนนิทำไม ไม่อยากไปเป็นส่วนเกิน” หล่อนต่อว่า
“ไม่ไปก็ไม่เป็นไร เรารึอุตส่าห์นัดอัฐไว้ว่าจะทานข้าวด้วยกัน งั้นไปก่อนนะ”
“อัฐเหรอ ไปค่ะไปเลย” หล่อนไม่คิดจะเปลี่ยนชุดหรอก ทั้งที่นุ่งผ้าถุงอยู่ ลืมเรื่องราวไม่สบายใจเมื่อครู่เสียสิ้น
“พี่ตุลย์ นิไม่กล้าลงจากรถ” หล่อนโอดครวญเมื่อถึงที่หมายเป็นโรงแรมสุดหรู
ตุลย์ปล่อยเสียงหัวเราะเต็มที่แบบสะใจ
“ไม่มีใครจำได้หรอก”
“ก็มันอายนี่นา”
“อย่างแกอายเป็นด้วยเหรอ”
“พี่ตุลย์หนะไม่เข้าใจ” หล่อนกระเง้ากระงอด จะได้ทานข้าวกับอัฐทั้งทีทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้
นิศาถอนหายใจ โมโหตัวเองจริง ๆ กับคนอื่นหล่อนไม่อายและไม่สนใจด้วย แต่นี่กับอัฐมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เออหนอคนเรา ความรักนี่ทำให้อะไรต่อมิอะไรกลับตาลปัตไปหมด
นิศานั่งบนเก้าอี้ทรงสูงหน้าเคาว์เตอร์ หล่อนปรายตามองสองหนุ่มผู้ทำเสียงหล่ออยู่บนเวที ทั้งคู่ยิ้มให้เมื่อหล่อนยกเบียร์แก้วใหญ่ในมือทักทาย หากหลังรอยิ้มนั้น หล่อนรู้ว่าฟางกับโยกัดฟันพูดว่า
“มึงมาแดกเบีย์ให้กูจ่ายอีกแล้วเหรอ”
แต่นิศาไม่สนใจ พวกมันปากหมาไปอย่างนั้นเอง ยังจำได้ว่าสมัยยังเป็นนักศึกษาอยู่ และฟางเป็นคนเดียวที่ทำงานร้องเพลงในร้านแห่งหนึ่ง พวกเพื่อนยกโขยงไปเป็นกำลังใจและดื่มเสียเต็มคราบ จนเงินเดือนฟางไม่พอจ่าย เลยเป็นอันว่าต้องเลิกไปร้องเพลงที่นั่นนับแต่นั้นมา
“คิวไม่มาเหรอ” หล่อนถามพนักงานแคชเชีย์ซึ่งคุ้นเคยกัน จะว่าไปก็รู้จักกันมาตั้งแต่พวกหล่อนยังเรียนมหาลัยนั่นแหละ เพราะที่นี่เป็นร้านของญาติผู้พี่ของฟาง
“เห็นว่าไปถ่ายโฆษณาต่างจังหวัด”
“งั้นเหรอ”
“พี่นิเป็นไงบ้าง”
“สบายดี เธอเห็นว่าพี่ท่าทางแย่หรือเปล่าล่ะ” หล่อนย้อนถาม
“ดูสดใสมากเลยค่ะ ตางี้วิบวับเชียว”
“คนมันมีความสุข”หล่อนยิ้ม
“พี่นิตกลงเล่นเอ็มวีให้วีนหรือเปล่าคะ”
“โอ...แฟนวีนอีกคนรึเนี่ยะ”
“ว่าไงคะ”
“ยังไม่ตัดสินใจ” หล่อนย่นจมูก
“โธ่ ตกลงเถอะค่ะ ใคร ๆ ก็อยากร่วมงานกับวีนทั้งนั้น”
“ชิส์ วีนต่างหากที่อยากร่วมงานกับฉัน”
“ค่ะ ก็แน่ล่ะสิพี่นิออกจะฮอตซะ” เด็กสาวหัวเราะ
“ตกลงว่าไงคะ”
“เจ้าเด็กนี่ จะรับไว้พิจารณา”
“พี่นิก็แหม๋”
ฟางเก็บกีต้าร์และเดินมาหาหล่อน
“ไง มาทำอะไรแถวนี้” ฟางถามคล้ายว่าไม่เคยเห็นหล่อนที่นี่มาก่อนเลย
“โห ถามทุเรศมากเลย”
“เอาเป็นว่าแกคิดถึงพวกฉันว่างั้นเถอะ” ฟางลองเชิง
“เปล่า อย่าเข้าใจผิด” หล่อนยักไหล่
“แค่จะมาบอกว่า ฉันเจอใครบางคนที่ฉันรักแล้วเท่านั้นเอง”
“ใครหนอช่างโชคร้ายเสียงจริง” โยมาทันได้ยินพอดี ไม่วายแขวะหล่อนตามความเคยชินมากกว่าจงใจ
“ไปก่อนนะจ๊ะ” นิศายิ้มละไมไม่สวนกลับโยอย่างที่แล้วมา ตบแก้มสองหนุ่มเบา ๆ หยอกเอินด้วยอารมณ์ดี
“อะไรของมันวะเนี่ย” โยงง ด้วยคาดไม่ถึงในฝ่ายตรงข้าม
“เอ้ย...เดี๋ยวสิมึง” ฟางฉวยแขนหล่อนไว้
“อัฐคือคนที่ฉันรัก เขาเป็นคนทำงานศิลปะ มันเหมือนความฝันแทบไม่น่าเชื่อว่าฉันจะได้รู้จักเขาจริง ๆ ทันทีที่ได้พูดคุยด้วย ฉันก็รู้เลยว่าคนนี้แหละที่รอคอยมานานแสนนาน
ฉันฝันว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับเขาในอนาคต ในบ้านหลังเล็กที่มีระเบียงรอบ ๆ แล้วก็มีลูก”
หล่อนเหม่อลอยและแย้มยิ้มด้วยความสุข นิศาลืมเรื่องราวของมายเสียสิ้นแล้ว อย่างคนซึ่งตกอยู่ในความฝัน
ชายหนุ่มสองคนยังคงนั่งฟังหญิงสาวคนหนึ่ง เล่านิทานความรักบนดาดฟ้าของตึกสูง ละอองหนาวแห่งราตรียะเยือกห่มคลุม คล้ายมีลางสังหรณ์ สองคนมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำอะไรดีไปกว่านั้น กับความสุขของเพื่อนอย่างนิศา พวกเขาไม่ต้องการทำลายความฝันอันงดงามของหล่อน แม้ยังมีเรื่องค้างคาซึ่งอยากซักถาม หรือท้วงห้ามก็ตามที
งานแสดงภาพเขียน
นิศาหอบเอากุหลาบช่อใหญ่ไปให้อัฐเมื่อประมาณทุ่มเศษ ๆ
“ขอบคุณครับ ไม่คิดว่าจะมาได้” อัฐรับกุหลาบไปถือไว้ ส่งยิ้มให้
“ต้องมาสิ อัฐอุตส่าห์เชิญทั้งที” นิศาบอกไปอย่างนั้น ทั้งที่ความจริงหล่อนน่าจะบอกว่าโอกาสอย่างนี้หาไม่ได้ง่ายนักหรอก มีหรือหล่อนจะพลาด นิศารอคอยมาตลอดนี่นา
“เดี๋ยวก่อน ผมต้องเคยเห็นคุณที่ไหนมาก่อนแน่ ๆ เลย” อัฐจ้องหล่อน รู้สึกคุ้นเคย
นิศาหลบสายตา ก็ทำไมจะไมเคยเห็นเล่า หล่อนติดตามดูงานแสดงภาพเขียนของเขามาแทบทุกครั้งตั้งแต่เรียนอยู่นั่นแหละ หากนิศาไม่เคยเข้าไปคุยกับเขาเลยสักครั้ง นอกจากเฝ้ามองดู
“ผมปิดงานตอนสองทุ่ม หลังจากนั้นว่างหรือเปล่า” เขาถามหล่อน
“ค่ะ” นิศาพยักหน้า
“ดีครับ ตามสบายนะครับ” อัฐเลี่ยงไปพูดคุยกับนักเรียนช่างศิลป์กลุ่มหนึ่งซึ่งเข้ามาซักถาม
นิศาหยุดมองภาพหนึ่งอยู่นิ่งนาน
ภาพเขียนบ้านริมน้ำหลังหนึ่งที่มีระเบียงชื่นออกมา หล่อนหลงรักบ้านหลังนี้ ตรงบันไดท่าน้ำวางกระถางดอกไม้เรียงไว้ และหล่อนก็เห็นตัวเองยืนอยู่ตรงนั้นกับเขา
อีกครั้งที่นิศาหลุดไปในโลกแห่งความฝัน
ใครบางคนจองภาพนั้นไปแล้วหล่อนเห็นป้าย “จองแล้ว” แขวนไว้ใต้ภาพนั้น
อัฐยิ้มเมื่อเห็นนิศาหยุดมองภาพนั้นอยู่นาน เป็นอย่างที่เขาคิดหล่อนชอบมันจริง ๆ ไม่ผิดแล้ว เขาเข้าใจหล่อนได้ดีทีเดียว
“เชิญครับ” อัฐผลักประตูให้หล่อนเข้าไปก่อน
นิศาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ชานเมืองที่เงียบสงบไร้ซึ่งความพลุกพล่าน กลับมีร้านขายกาแฟของชายชราท่าทางใจดีที่มีพุงเหมือนแตงโมลูกโต สวมแว่นตากลมใส่เสื้อเชิ้ตลายสก๊อตมีสายเอี้ยมรั้งกางเกงไว้ ผมถูกหวีไว้เรียบแปล้
ภายในตามฝาผนังประกอบด้วยภาพเขียนสีน้ำมันแบบอิมเพรสชั่นนิสท์ติดอยู่ หล่อนมองตาค้างเมื่อโทรศัพท์รุ่นคุณปู่ตรงเคาว์เตอร์กรีดเสียง นิศาละสายตาเมื่อมองจนแน่ใจว่ามันยังใช้การได้ดีอยู่เช่นปกติ ตรงกลางร้านเครื่องเล่นแผ่นเสียงโบราณ ลำโพงคล้ายดอกผักบุ้งทะเลวางอยู่บนโต๊ะไม้แกะสลักเก่า ๆ ตัวสูง
โทนสีภายในร้านแต่งด้วยสีน้ำตาลขรึม ๆ อบอวลด้วยกลิ่นกาแฟหอม ๆ และเสียงสนทนาถามถึงสารทุกข์กันระหว่างเจ้าของร้านกับลูกค้า ที่ดูเหมือนจะเป็นรุ่นคุณลุงคุณป้าเสียเป็นส่วนใหญ่ บางกลุ่มพูดคุยกันถึงความหลังครั้งยังหนุ่มสาว บ้างก็มากันเป็นคู่มองดูน่าอิจฉาถึงความรักที่ยั่งยืนเช่นนี้
“สวัสดีครับ” อัฐกล่าวทักทายชายชราเจ้าของร้าน
แกยกชุดกาแฟให้อย่างสนิทสนม
“เป็นร้านที่วิเศษที่สุดลยค่ะ” หล่อนชมจริงใจ ก่อนจะเดินตามอัฐไปยังโต๊ะริมหน้าต่าง
“โอ้โห อะไรกันนี่” นิศาอุทาน
หล่อนยังไม่วายตื่นเต้นกับผ้าปูโต๊ะสีเปลือกไม้ กับแจกันดินเผาทรงกระบอกที่มีกุหลาบแห้งสีเศร้าอยู่ภายใน
“ร้านในฝัน” หล่อนท้าวคางมองแจกันตรงหน้า ทำตาชวนฝันอย่างเผอเรอ
“อัฐเจอร้านนี้ได้ยังไง”
“โดยบังเอิญ ในค่ำคืนที่ฝนตกหนัก นานมาแล้ว”
“ตุลย์บอกว่าคุณชอบอ่านหนังสือ ลุงแกมีหนังสือเต็มไปหมดเลยผมเคยมานอนค้างที่นี่หลายครั้งแล้ว ไม่เคยได้นอนหรอก อ่านหนังสือจนสว่างทุกที”
“จริงเหรอดีจังเลย” หล่อนตาวาว
อัฐลุกไปชั่วครู่ กลับมาพร้อมหนังสือเล่มหนึ่งส่งให้หล่อน
“แมงมุมเพื่อนรัก” นิศาอ่านชื่อหนังสือ มองหน้าเขาแบบปลื้มสุดชีวิต
“มีคนเก็บหนังสือเล่มนี้ด้วยเหรอ”
อัฐมองหล่อน
“มันเป็นเรื่องที่ฉันอ่านตอนเด็ก ๆ พ่อเป็นคนซื้อให้เป็นของขวัญ ฉันประทับใจที่สุดเลย”
“คุณยืมหนังสือที่นี่ไปอ่านได้ด้วยนะ”
“ทุกคนยืมไปได้เหรอ” หล่อนถาม
อัฐพยักหน้า
“ทุกคนที่นี่ชอบในสิ่งเดียวกัน ไว้ใจกันและซื่อสัตย์กับตัวเอง”
นิศาหันไปยิ้มกับเจ้าของร้าน
“ขอบคุณ ขอบคุณมาก”
“ผมคิดว่าคุณคงชอบถึงได้ชวนมา”
“ค่ะ ชอบมาก” หล่อนยิ้ม
“เล่าเรื่องแมงมุมเพื่อนรักให้ฟังหน่อยสิ” อัฐบอก เขาชอบที่จะมองดูหล่อนพูด ชอบฟังเสียงของหล่อน นิศาเหมือนพลุหลากสี
“ได้ แต่มันเป็นหนังสือเด็กนะ ไม่มีใครเขาสนใจกันหรอก แต่นิชอบที่สุดเลย”
อัฐพยักหน้ายิ้ม ๆ เขาออกจะงงกับคำพูดของหล่อนที่ในบางครั้งก็ฟังดูห่างเหิน บางครั้งก็ดูสนิทสนม
แล้วหล่อนก็เล่าเรื่องความสัมพันธ์ของเจ้าหมูวิลเบอร์กับแมงมุมชาล๊อต ที่คอยช่วยเหลือกันให้เขาฟัง
อัฐมองหญิงสาวอย่างตั้งใจ นึกไปถึงวันที่หล่อนนุ่งผ้าถุงเดินเข้าไปในห้องอาหารของโรงแรมหรู หล่อนออกจะห้าวแต่กลับสวมใส่กระโปรงยาว ๆ นั่งเล่าเรื่องให้เขาฟังอยู่นี่เอง
นิศาดูมีความขัดแย้งกันอยู่ในตัว เหมือนเด็กที่ชอบอะไรก็เอามาเก็บไว้กับตัวโดยไม่คิดว่ามันจะเป็นยังไง แต่ดูเหมือนว่าจะไปกันด้วยดีทั้งอารมณ์ความรู้สึก หล่อนมีสองบุคลิกมาสรุปกับตัวเอง แสดงอารมณ์รักอย่างเปิดเผย จนเขารับรู้ได้จากดวงตาวิบวับคู่นั้น ความรู้สึกไร้ซึ่งการเสแสร้งของนิศา ถ่ายทอดมายังเขาโดยมิต้องบอกกล่าว
“เก่งครับ” เขาตบมือเบา ๆ เมื่อหล่อนเล่าจบ
“อะไรน่ะ อัฐทำเหมือนฉันเป็นเด็กที่ต้องชมเมื่อทำอะไรได้”
“ผมขอโทษ” เขาแก้
“พูดเล่นน่ะค่ะ ฉันมีความสุขที่สุดเลย” หล่อนยิ้มเบิกบาน
“ผมดีใจที่เป็นอย่างนั้น”
อัฐรู้ว่านิศากับเขาเป็นคนประเภทเดียวกัน อัฐมองนิศา เขาเข้าใจหล่อนพอ ๆ กับที่เข้าใจตัวเอง
“ดูตายายคู่นั้นสิ” หล่อนยิ้ม มองดูแววตาเอื้ออาทรในดวงตาของคนทั้งคู่ซึ่งถ่ายทอดถึงกันเห็นรอยยิ้มอบอุ่นที่มีให้กัน
“อัฐเชื่อในความรัก หรือว่าพลังแห่งรักบ้างหรือเปล่า”
“ผมเชื่อนะ แต่มันทำให้รู้สึกเจ็บปวดอยู่เช่นทุกวันนี้” อัฐยกกาแฟขึ้นจิบมองหล่อน ค้นหาความหมายในคำถาม
“เจ็บปวดเหรอ ทำไมล่ะ น่าจะมีความสุขที่ได้เฝ้ารอคอยใครสักคนเพื่อที่เราจะได้รัก และคงเป็นพรวิเศษเมื่อเราได้เจอ ฉันเชื่อว่าเป็นเพราะพลังแห่งรักล่ะ”
“ความรักทำให้คนเราขาดอิสรภาพ” อัฐบอกความคิดของเขากับหล่อน
“” หล่อนมองเขา
“สองอย่างมักไปด้วยกันไม่ได้ แท้จริงแล้วเป็นเพียงอุดมการณ์ เราหลอกตัวเอง เพราะเป็นไปไม่ได้ที่สองอย่างจะไปด้วยกัน โดยธรรมชาติของคนบางทีเราก็อยากอยู่คนเดียว แต่ก็ต้องการมีความรัก เข้าใจหรือเปล่า”
“แต่ชีวิตของคนเรา ควรจะมีที่พักพิงไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ และนั่นเป็นความขัดแย้งที่ทำให้เจ็บปวด เป็นความเห็นแก่ตัวของมนุษย์”
“รักต้องการอ้อมแขน ไม่ใช่กรงขังอัฐต้องการอย่างนั้น”
“คงงั้นมั้ง”
“ถ้าเพียงคนสองคนจะเข้าใจและไว้ใจกัน ไม่ใช่ข้ออ้างเพื่อผละจากยามเบื่อหน่าย คนเราควรจะหยุดรอนแรมเมื่อมีครอบครัว”
“นิศาเป็นอย่างที่ตุลย์ว่า”
“ว่าไงคะ” หล่อนร้อนตัวขึ้นมาทันที
“คุณน่ารัก อะไรอีกนะที่เขาว่า จิตใจดีใช่จิตใจดี”
นิศาเขินหนัก อย่างนี้สินะความรัก หล่อนมีความสุขเหลือเกินเวลานี้ ก็ใครจะไปคิดเล่าว่าจะได้รู้จักและสนิทสนมด้วยอย่างนี้ และหล่อนก็เชื่อในเวทมนต์แห่งรักซะด้วยสิ
“ไม่น่าเชื่อ ที่ตาแก่ออกปากชมได้” หล่อนหัวเราะคิกคักกับสรรพนามที่ใช้เรียกตุลย์
“เพราะคุณเป็นเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโต ถึงได้ว่าตุลย์เป็นตาแก่” อัฐว่ายิ้ม ๆ
“จริงดิ จะว่าไปฉันก็อยากเป็นอย่างปีเตอร์แพนเหมือนกันนะ ว่ากันว่าปีเตอร์แพนคือเด็กที่ไม่รู้จักโต ติดอยู่ในโลกของเด็กในดินแดนนิรปฐพี ฉันอยากเป็นอย่างนั้นคงมีความสุขมากเลยนะ ได้บินไปฟังนิทานตามช่องหน้าต่างบ้านที่แม่เล่านิทานให้ลูก ๆ ฟังทุกคืน”
ท่าทางหล่อนจะตกอยู่ในความฝันอีกแล้วสิ อัฐมองเห็นหล่อนเหมือนภาพวาดหนึ่งที่เขาเฝ้ามองอยู่ตรงหน้า ยามเมื่อหล่อนลดทอดอายุของตัวเองเป็นเช่นเด็กน้อยในยามนี้ เขาเองชมชอบที่หล่อนเป็นแบบนี้นัก
ถ้าหากนิศาจะเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ใช่หญิงสาวผู้มาดมั่นและมีชื่อเสียงอย่างนี้ บางทีอัฐอาจไม่ต้องคิดมากขนาดนี้ ในการที่จะรับนิศาเข้ามาในชีวิตได้โดยง่ายดาย
เขาควรทำไงดี ในเมื่อเขาหลงรักนิศาเข้าให้แล้ว.
หญิงสาวบนชิงช้าสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีมือแข็งแรงทับลงบนบ่า
“ขอโทษ” ตุลย์กล่าวตกใจเมื่อเห็นอาการของหล่อน
“พี่ตุลย์เองหรอกเหรอ” นิศาผ่อนลมหายใจโล่งอก ยิ้มน้อย ๆ ลบรอยหมองในดวงตา
“คิดอะไรอยู่ ถึงไม่ได้ยินเสียงรถของพี่” ตุลย์เคาะหัวหล่อน
นิศามองรถที่จอดอยู่นอกรั้ว
“เป็นไงบ้าง” ตุลย์วางมือบนหัวหล่อน
“ไม่เป็นไรนี่คะ พี่ก็รู้นิไม่สนใจเรื่องข่าว”
กับข่าวของมายที่หายหน้าไปจากวงการ และเรื่องราวของนิศากับวีนว่าทั้งคู่คบหาเป็นคู่รักกัน ซึ่งเป็นสาเหตุการหายเงียบไปของมายทำให้ตุลย์อดเป็นห่วงไม่ได้ เขารักหล่อนเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง
“ดีแล้ว ต้องทำใจหน่อยนะเลือกจะยืนตรงนี้แล้วนี่”
“ค่ะ”
“มารับไปทานข้าวกลางวัน นัดใครบางคนไว้”
“อ้าว...นัดใครไว้แล้วมาชวนนิทำไม ไม่อยากไปเป็นส่วนเกิน” หล่อนต่อว่า
“ไม่ไปก็ไม่เป็นไร เรารึอุตส่าห์นัดอัฐไว้ว่าจะทานข้าวด้วยกัน งั้นไปก่อนนะ”
“อัฐเหรอ ไปค่ะไปเลย” หล่อนไม่คิดจะเปลี่ยนชุดหรอก ทั้งที่นุ่งผ้าถุงอยู่ ลืมเรื่องราวไม่สบายใจเมื่อครู่เสียสิ้น
“พี่ตุลย์ นิไม่กล้าลงจากรถ” หล่อนโอดครวญเมื่อถึงที่หมายเป็นโรงแรมสุดหรู
ตุลย์ปล่อยเสียงหัวเราะเต็มที่แบบสะใจ
“ไม่มีใครจำได้หรอก”
“ก็มันอายนี่นา”
“อย่างแกอายเป็นด้วยเหรอ”
“พี่ตุลย์หนะไม่เข้าใจ” หล่อนกระเง้ากระงอด จะได้ทานข้าวกับอัฐทั้งทีทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้
นิศาถอนหายใจ โมโหตัวเองจริง ๆ กับคนอื่นหล่อนไม่อายและไม่สนใจด้วย แต่นี่กับอัฐมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เออหนอคนเรา ความรักนี่ทำให้อะไรต่อมิอะไรกลับตาลปัตไปหมด
นิศานั่งบนเก้าอี้ทรงสูงหน้าเคาว์เตอร์ หล่อนปรายตามองสองหนุ่มผู้ทำเสียงหล่ออยู่บนเวที ทั้งคู่ยิ้มให้เมื่อหล่อนยกเบียร์แก้วใหญ่ในมือทักทาย หากหลังรอยิ้มนั้น หล่อนรู้ว่าฟางกับโยกัดฟันพูดว่า
“มึงมาแดกเบีย์ให้กูจ่ายอีกแล้วเหรอ”
แต่นิศาไม่สนใจ พวกมันปากหมาไปอย่างนั้นเอง ยังจำได้ว่าสมัยยังเป็นนักศึกษาอยู่ และฟางเป็นคนเดียวที่ทำงานร้องเพลงในร้านแห่งหนึ่ง พวกเพื่อนยกโขยงไปเป็นกำลังใจและดื่มเสียเต็มคราบ จนเงินเดือนฟางไม่พอจ่าย เลยเป็นอันว่าต้องเลิกไปร้องเพลงที่นั่นนับแต่นั้นมา
“คิวไม่มาเหรอ” หล่อนถามพนักงานแคชเชีย์ซึ่งคุ้นเคยกัน จะว่าไปก็รู้จักกันมาตั้งแต่พวกหล่อนยังเรียนมหาลัยนั่นแหละ เพราะที่นี่เป็นร้านของญาติผู้พี่ของฟาง
“เห็นว่าไปถ่ายโฆษณาต่างจังหวัด”
“งั้นเหรอ”
“พี่นิเป็นไงบ้าง”
“สบายดี เธอเห็นว่าพี่ท่าทางแย่หรือเปล่าล่ะ” หล่อนย้อนถาม
“ดูสดใสมากเลยค่ะ ตางี้วิบวับเชียว”
“คนมันมีความสุข”หล่อนยิ้ม
“พี่นิตกลงเล่นเอ็มวีให้วีนหรือเปล่าคะ”
“โอ...แฟนวีนอีกคนรึเนี่ยะ”
“ว่าไงคะ”
“ยังไม่ตัดสินใจ” หล่อนย่นจมูก
“โธ่ ตกลงเถอะค่ะ ใคร ๆ ก็อยากร่วมงานกับวีนทั้งนั้น”
“ชิส์ วีนต่างหากที่อยากร่วมงานกับฉัน”
“ค่ะ ก็แน่ล่ะสิพี่นิออกจะฮอตซะ” เด็กสาวหัวเราะ
“ตกลงว่าไงคะ”
“เจ้าเด็กนี่ จะรับไว้พิจารณา”
“พี่นิก็แหม๋”
ฟางเก็บกีต้าร์และเดินมาหาหล่อน
“ไง มาทำอะไรแถวนี้” ฟางถามคล้ายว่าไม่เคยเห็นหล่อนที่นี่มาก่อนเลย
“โห ถามทุเรศมากเลย”
“เอาเป็นว่าแกคิดถึงพวกฉันว่างั้นเถอะ” ฟางลองเชิง
“เปล่า อย่าเข้าใจผิด” หล่อนยักไหล่
“แค่จะมาบอกว่า ฉันเจอใครบางคนที่ฉันรักแล้วเท่านั้นเอง”
“ใครหนอช่างโชคร้ายเสียงจริง” โยมาทันได้ยินพอดี ไม่วายแขวะหล่อนตามความเคยชินมากกว่าจงใจ
“ไปก่อนนะจ๊ะ” นิศายิ้มละไมไม่สวนกลับโยอย่างที่แล้วมา ตบแก้มสองหนุ่มเบา ๆ หยอกเอินด้วยอารมณ์ดี
“อะไรของมันวะเนี่ย” โยงง ด้วยคาดไม่ถึงในฝ่ายตรงข้าม
“เอ้ย...เดี๋ยวสิมึง” ฟางฉวยแขนหล่อนไว้
“อัฐคือคนที่ฉันรัก เขาเป็นคนทำงานศิลปะ มันเหมือนความฝันแทบไม่น่าเชื่อว่าฉันจะได้รู้จักเขาจริง ๆ ทันทีที่ได้พูดคุยด้วย ฉันก็รู้เลยว่าคนนี้แหละที่รอคอยมานานแสนนาน
ฉันฝันว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับเขาในอนาคต ในบ้านหลังเล็กที่มีระเบียงรอบ ๆ แล้วก็มีลูก”
หล่อนเหม่อลอยและแย้มยิ้มด้วยความสุข นิศาลืมเรื่องราวของมายเสียสิ้นแล้ว อย่างคนซึ่งตกอยู่ในความฝัน
ชายหนุ่มสองคนยังคงนั่งฟังหญิงสาวคนหนึ่ง เล่านิทานความรักบนดาดฟ้าของตึกสูง ละอองหนาวแห่งราตรียะเยือกห่มคลุม คล้ายมีลางสังหรณ์ สองคนมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำอะไรดีไปกว่านั้น กับความสุขของเพื่อนอย่างนิศา พวกเขาไม่ต้องการทำลายความฝันอันงดงามของหล่อน แม้ยังมีเรื่องค้างคาซึ่งอยากซักถาม หรือท้วงห้ามก็ตามที
งานแสดงภาพเขียน
นิศาหอบเอากุหลาบช่อใหญ่ไปให้อัฐเมื่อประมาณทุ่มเศษ ๆ
“ขอบคุณครับ ไม่คิดว่าจะมาได้” อัฐรับกุหลาบไปถือไว้ ส่งยิ้มให้
“ต้องมาสิ อัฐอุตส่าห์เชิญทั้งที” นิศาบอกไปอย่างนั้น ทั้งที่ความจริงหล่อนน่าจะบอกว่าโอกาสอย่างนี้หาไม่ได้ง่ายนักหรอก มีหรือหล่อนจะพลาด นิศารอคอยมาตลอดนี่นา
“เดี๋ยวก่อน ผมต้องเคยเห็นคุณที่ไหนมาก่อนแน่ ๆ เลย” อัฐจ้องหล่อน รู้สึกคุ้นเคย
นิศาหลบสายตา ก็ทำไมจะไมเคยเห็นเล่า หล่อนติดตามดูงานแสดงภาพเขียนของเขามาแทบทุกครั้งตั้งแต่เรียนอยู่นั่นแหละ หากนิศาไม่เคยเข้าไปคุยกับเขาเลยสักครั้ง นอกจากเฝ้ามองดู
“ผมปิดงานตอนสองทุ่ม หลังจากนั้นว่างหรือเปล่า” เขาถามหล่อน
“ค่ะ” นิศาพยักหน้า
“ดีครับ ตามสบายนะครับ” อัฐเลี่ยงไปพูดคุยกับนักเรียนช่างศิลป์กลุ่มหนึ่งซึ่งเข้ามาซักถาม
นิศาหยุดมองภาพหนึ่งอยู่นิ่งนาน
ภาพเขียนบ้านริมน้ำหลังหนึ่งที่มีระเบียงชื่นออกมา หล่อนหลงรักบ้านหลังนี้ ตรงบันไดท่าน้ำวางกระถางดอกไม้เรียงไว้ และหล่อนก็เห็นตัวเองยืนอยู่ตรงนั้นกับเขา
อีกครั้งที่นิศาหลุดไปในโลกแห่งความฝัน
ใครบางคนจองภาพนั้นไปแล้วหล่อนเห็นป้าย “จองแล้ว” แขวนไว้ใต้ภาพนั้น
อัฐยิ้มเมื่อเห็นนิศาหยุดมองภาพนั้นอยู่นาน เป็นอย่างที่เขาคิดหล่อนชอบมันจริง ๆ ไม่ผิดแล้ว เขาเข้าใจหล่อนได้ดีทีเดียว
“เชิญครับ” อัฐผลักประตูให้หล่อนเข้าไปก่อน
นิศาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ชานเมืองที่เงียบสงบไร้ซึ่งความพลุกพล่าน กลับมีร้านขายกาแฟของชายชราท่าทางใจดีที่มีพุงเหมือนแตงโมลูกโต สวมแว่นตากลมใส่เสื้อเชิ้ตลายสก๊อตมีสายเอี้ยมรั้งกางเกงไว้ ผมถูกหวีไว้เรียบแปล้
ภายในตามฝาผนังประกอบด้วยภาพเขียนสีน้ำมันแบบอิมเพรสชั่นนิสท์ติดอยู่ หล่อนมองตาค้างเมื่อโทรศัพท์รุ่นคุณปู่ตรงเคาว์เตอร์กรีดเสียง นิศาละสายตาเมื่อมองจนแน่ใจว่ามันยังใช้การได้ดีอยู่เช่นปกติ ตรงกลางร้านเครื่องเล่นแผ่นเสียงโบราณ ลำโพงคล้ายดอกผักบุ้งทะเลวางอยู่บนโต๊ะไม้แกะสลักเก่า ๆ ตัวสูง
โทนสีภายในร้านแต่งด้วยสีน้ำตาลขรึม ๆ อบอวลด้วยกลิ่นกาแฟหอม ๆ และเสียงสนทนาถามถึงสารทุกข์กันระหว่างเจ้าของร้านกับลูกค้า ที่ดูเหมือนจะเป็นรุ่นคุณลุงคุณป้าเสียเป็นส่วนใหญ่ บางกลุ่มพูดคุยกันถึงความหลังครั้งยังหนุ่มสาว บ้างก็มากันเป็นคู่มองดูน่าอิจฉาถึงความรักที่ยั่งยืนเช่นนี้
“สวัสดีครับ” อัฐกล่าวทักทายชายชราเจ้าของร้าน
แกยกชุดกาแฟให้อย่างสนิทสนม
“เป็นร้านที่วิเศษที่สุดลยค่ะ” หล่อนชมจริงใจ ก่อนจะเดินตามอัฐไปยังโต๊ะริมหน้าต่าง
“โอ้โห อะไรกันนี่” นิศาอุทาน
หล่อนยังไม่วายตื่นเต้นกับผ้าปูโต๊ะสีเปลือกไม้ กับแจกันดินเผาทรงกระบอกที่มีกุหลาบแห้งสีเศร้าอยู่ภายใน
“ร้านในฝัน” หล่อนท้าวคางมองแจกันตรงหน้า ทำตาชวนฝันอย่างเผอเรอ
“อัฐเจอร้านนี้ได้ยังไง”
“โดยบังเอิญ ในค่ำคืนที่ฝนตกหนัก นานมาแล้ว”
“ตุลย์บอกว่าคุณชอบอ่านหนังสือ ลุงแกมีหนังสือเต็มไปหมดเลยผมเคยมานอนค้างที่นี่หลายครั้งแล้ว ไม่เคยได้นอนหรอก อ่านหนังสือจนสว่างทุกที”
“จริงเหรอดีจังเลย” หล่อนตาวาว
อัฐลุกไปชั่วครู่ กลับมาพร้อมหนังสือเล่มหนึ่งส่งให้หล่อน
“แมงมุมเพื่อนรัก” นิศาอ่านชื่อหนังสือ มองหน้าเขาแบบปลื้มสุดชีวิต
“มีคนเก็บหนังสือเล่มนี้ด้วยเหรอ”
อัฐมองหล่อน
“มันเป็นเรื่องที่ฉันอ่านตอนเด็ก ๆ พ่อเป็นคนซื้อให้เป็นของขวัญ ฉันประทับใจที่สุดเลย”
“คุณยืมหนังสือที่นี่ไปอ่านได้ด้วยนะ”
“ทุกคนยืมไปได้เหรอ” หล่อนถาม
อัฐพยักหน้า
“ทุกคนที่นี่ชอบในสิ่งเดียวกัน ไว้ใจกันและซื่อสัตย์กับตัวเอง”
นิศาหันไปยิ้มกับเจ้าของร้าน
“ขอบคุณ ขอบคุณมาก”
“ผมคิดว่าคุณคงชอบถึงได้ชวนมา”
“ค่ะ ชอบมาก” หล่อนยิ้ม
“เล่าเรื่องแมงมุมเพื่อนรักให้ฟังหน่อยสิ” อัฐบอก เขาชอบที่จะมองดูหล่อนพูด ชอบฟังเสียงของหล่อน นิศาเหมือนพลุหลากสี
“ได้ แต่มันเป็นหนังสือเด็กนะ ไม่มีใครเขาสนใจกันหรอก แต่นิชอบที่สุดเลย”
อัฐพยักหน้ายิ้ม ๆ เขาออกจะงงกับคำพูดของหล่อนที่ในบางครั้งก็ฟังดูห่างเหิน บางครั้งก็ดูสนิทสนม
แล้วหล่อนก็เล่าเรื่องความสัมพันธ์ของเจ้าหมูวิลเบอร์กับแมงมุมชาล๊อต ที่คอยช่วยเหลือกันให้เขาฟัง
อัฐมองหญิงสาวอย่างตั้งใจ นึกไปถึงวันที่หล่อนนุ่งผ้าถุงเดินเข้าไปในห้องอาหารของโรงแรมหรู หล่อนออกจะห้าวแต่กลับสวมใส่กระโปรงยาว ๆ นั่งเล่าเรื่องให้เขาฟังอยู่นี่เอง
นิศาดูมีความขัดแย้งกันอยู่ในตัว เหมือนเด็กที่ชอบอะไรก็เอามาเก็บไว้กับตัวโดยไม่คิดว่ามันจะเป็นยังไง แต่ดูเหมือนว่าจะไปกันด้วยดีทั้งอารมณ์ความรู้สึก หล่อนมีสองบุคลิกมาสรุปกับตัวเอง แสดงอารมณ์รักอย่างเปิดเผย จนเขารับรู้ได้จากดวงตาวิบวับคู่นั้น ความรู้สึกไร้ซึ่งการเสแสร้งของนิศา ถ่ายทอดมายังเขาโดยมิต้องบอกกล่าว
“เก่งครับ” เขาตบมือเบา ๆ เมื่อหล่อนเล่าจบ
“อะไรน่ะ อัฐทำเหมือนฉันเป็นเด็กที่ต้องชมเมื่อทำอะไรได้”
“ผมขอโทษ” เขาแก้
“พูดเล่นน่ะค่ะ ฉันมีความสุขที่สุดเลย” หล่อนยิ้มเบิกบาน
“ผมดีใจที่เป็นอย่างนั้น”
อัฐรู้ว่านิศากับเขาเป็นคนประเภทเดียวกัน อัฐมองนิศา เขาเข้าใจหล่อนพอ ๆ กับที่เข้าใจตัวเอง
“ดูตายายคู่นั้นสิ” หล่อนยิ้ม มองดูแววตาเอื้ออาทรในดวงตาของคนทั้งคู่ซึ่งถ่ายทอดถึงกันเห็นรอยยิ้มอบอุ่นที่มีให้กัน
“อัฐเชื่อในความรัก หรือว่าพลังแห่งรักบ้างหรือเปล่า”
“ผมเชื่อนะ แต่มันทำให้รู้สึกเจ็บปวดอยู่เช่นทุกวันนี้” อัฐยกกาแฟขึ้นจิบมองหล่อน ค้นหาความหมายในคำถาม
“เจ็บปวดเหรอ ทำไมล่ะ น่าจะมีความสุขที่ได้เฝ้ารอคอยใครสักคนเพื่อที่เราจะได้รัก และคงเป็นพรวิเศษเมื่อเราได้เจอ ฉันเชื่อว่าเป็นเพราะพลังแห่งรักล่ะ”
“ความรักทำให้คนเราขาดอิสรภาพ” อัฐบอกความคิดของเขากับหล่อน
“” หล่อนมองเขา
“สองอย่างมักไปด้วยกันไม่ได้ แท้จริงแล้วเป็นเพียงอุดมการณ์ เราหลอกตัวเอง เพราะเป็นไปไม่ได้ที่สองอย่างจะไปด้วยกัน โดยธรรมชาติของคนบางทีเราก็อยากอยู่คนเดียว แต่ก็ต้องการมีความรัก เข้าใจหรือเปล่า”
“แต่ชีวิตของคนเรา ควรจะมีที่พักพิงไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ และนั่นเป็นความขัดแย้งที่ทำให้เจ็บปวด เป็นความเห็นแก่ตัวของมนุษย์”
“รักต้องการอ้อมแขน ไม่ใช่กรงขังอัฐต้องการอย่างนั้น”
“คงงั้นมั้ง”
“ถ้าเพียงคนสองคนจะเข้าใจและไว้ใจกัน ไม่ใช่ข้ออ้างเพื่อผละจากยามเบื่อหน่าย คนเราควรจะหยุดรอนแรมเมื่อมีครอบครัว”
“นิศาเป็นอย่างที่ตุลย์ว่า”
“ว่าไงคะ” หล่อนร้อนตัวขึ้นมาทันที
“คุณน่ารัก อะไรอีกนะที่เขาว่า จิตใจดีใช่จิตใจดี”
นิศาเขินหนัก อย่างนี้สินะความรัก หล่อนมีความสุขเหลือเกินเวลานี้ ก็ใครจะไปคิดเล่าว่าจะได้รู้จักและสนิทสนมด้วยอย่างนี้ และหล่อนก็เชื่อในเวทมนต์แห่งรักซะด้วยสิ
“ไม่น่าเชื่อ ที่ตาแก่ออกปากชมได้” หล่อนหัวเราะคิกคักกับสรรพนามที่ใช้เรียกตุลย์
“เพราะคุณเป็นเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโต ถึงได้ว่าตุลย์เป็นตาแก่” อัฐว่ายิ้ม ๆ
“จริงดิ จะว่าไปฉันก็อยากเป็นอย่างปีเตอร์แพนเหมือนกันนะ ว่ากันว่าปีเตอร์แพนคือเด็กที่ไม่รู้จักโต ติดอยู่ในโลกของเด็กในดินแดนนิรปฐพี ฉันอยากเป็นอย่างนั้นคงมีความสุขมากเลยนะ ได้บินไปฟังนิทานตามช่องหน้าต่างบ้านที่แม่เล่านิทานให้ลูก ๆ ฟังทุกคืน”
ท่าทางหล่อนจะตกอยู่ในความฝันอีกแล้วสิ อัฐมองเห็นหล่อนเหมือนภาพวาดหนึ่งที่เขาเฝ้ามองอยู่ตรงหน้า ยามเมื่อหล่อนลดทอดอายุของตัวเองเป็นเช่นเด็กน้อยในยามนี้ เขาเองชมชอบที่หล่อนเป็นแบบนี้นัก
ถ้าหากนิศาจะเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ใช่หญิงสาวผู้มาดมั่นและมีชื่อเสียงอย่างนี้ บางทีอัฐอาจไม่ต้องคิดมากขนาดนี้ ในการที่จะรับนิศาเข้ามาในชีวิตได้โดยง่ายดาย
เขาควรทำไงดี ในเมื่อเขาหลงรักนิศาเข้าให้แล้ว.
เทียนจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ม.ค. 2555, 18:00:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ม.ค. 2555, 18:00:08 น.
จำนวนการเข้าชม : 1460
<< ตอน ๒ | ตอน ๔ >> |
เทียนจันทร์ 19 ม.ค. 2555, 18:11:33 น.
ฝากเม้นท์กันหน่อยนะคะ
กว่าตอนที่ ๓ จะมาได้ต้องพิมพ์ใหม่หมดเลย แบบว่ามันหายวับไปจากเครื่อง
ตอนที่ไปลงวินโดว์ใหม่ เพราะดันเก็บไว้ในเวริ์ดเพด
ฝากเม้นท์กันหน่อยนะคะ
กว่าตอนที่ ๓ จะมาได้ต้องพิมพ์ใหม่หมดเลย แบบว่ามันหายวับไปจากเครื่อง
ตอนที่ไปลงวินโดว์ใหม่ เพราะดันเก็บไว้ในเวริ์ดเพด
บรั่นดี 28 ม.ค. 2555, 12:03:16 น.
ความรักทำให้คนเราขาดอิสรภาพ <<<< โดนใจมาก
ความรักทำให้คนเราขาดอิสรภาพ <<<< โดนใจมาก
เทียนจันทร์ 11 ก.พ. 2555, 15:25:31 น.
ดีใจค่ะที่โดนใจ ไชโย ๆ
ดีใจค่ะที่โดนใจ ไชโย ๆ