เล่ห์ร้ายฤารัก (ภาคต่อ สัญญาณรัก ลิขิตหัวใจ) ตีพิมพ์กับ สนพ.บีไมน์
“เรามาร่วมมือกันมั้ย”
“ทำไมผมต้องร่วมมือกับคุณ” ใบหน้าเกลื่อนยิ้มอารมณ์ดีหายไปทันทีเมื่อพอจะเดาจุดประสงค์ของอีกฝ่ายได้
“ก็คุณอยากให้ยัยนั่น เอ่อ...พี่ก้อยเลิกกับพี่ว่านไม่ใช่หรือ เรามีจุดประสงค์เดียวกันใช่มั้ยล่ะ”
“แล้วคุณคิดว่าผมจะช่วยคุณได้ยังไง” คิ้วเข้มขมวดมุ่นด้วยความสงสัย
“ก็ช่วยแย่งเจ้าสาวไปให้ได้ไง”
“เพื่ออะไร เพื่อคุณจะได้ครอบครองเจ้าบ่าวแทนหรือไง”
หญิงสาวเม้มปากไม่ตอบ แต่ตากลมโตมองมาด้วยประกายแห่งความหวังว่าเขาจะต้องช่วยเธอได้แน่นอน
“ทำไมคุณไม่คิดตัดอกตัดใจจากผู้ชายซะ ถ้าเขารักคุณจริง เขาก็คงไม่เลือกแต่งงานกับเจ้าสาวหรอก” ณพลพยายามชี้ให้เธอเข้าใจเหตุผล
“คุณอย่ามารู้ดีหน่อยเลย เขารักฉันมากที่สุด เขาให้ความสำคัญกับฉันมากที่สุด แต่เมื่อผู้หญิงคนนั้นก้าวเข้ามาในชีวิตเรา เขาก็เปลี่ยนไป เขาหาว่าฉันทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต ก็ฉันไม่อยากเป็นผู้ใหญ่นี่ ฉันอยากให้เขาดูแลฉันไปตลอดชีวิตอย่างที่เขาเคยสัญญาไว้” หญิงสาวพร่างพรูความในใจออกมา
“แต่ตอนนี้เขาก็เลือกแต่งงานกับเจ้าสาวแล้วนะคุณ”
“แต่งแล้วก็เลิกได้ คุณก็อยากให้เขาเลิกกันใช่มั้ย คุณก็รักเจ้าสาว อยากแย่งเจ้าสาวมาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ”

ณพลจะยอมให้ความร่วมมือกับวาสิกาทำให้คู่แต่งงานหมาด ๆ เลิกกันหรือไม่ เขาควรจะช่วยดึงเธอไม่ให้ทำผิดศีลธรรมหรือควรจะทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ เขาควรจะเลือกเส้นทางไหนดี ?????

Tags: เล่ห์ร้ายฤารัก, โรแมนติค, หวาน, สัญญาณรัก ลิขิตหัวใจ

ตอน: ตอนที่ 2 แผนด่วนหกเดือน

ตอนที่ 2 แผนด่วนหกเดือน

เจ้าของชุดนอนลายมิกซ์เบอรี่ อันประกอบไปด้วยสตรอเบอรี่ เชอรี่ แบล็กเบอรี่ ราสเบอร์รี่ สีสันสดใสเดินงัวเงียลงบันไดมาอย่างยังไม่อยากตื่น หากท้องจะไม่อุทธรณ์ด้วยความหิวเนื่องจากน้ำย่อยในกระเพาะเรียกร้องอย่างหนักเมื่อไม่มีสิ่งใดจะให้ย่อยได้แล้วปลุกให้เธอจำใจตื่นขึ้นมาตามเสียงเรียกโครกครากนั้น เพราะเมื่อคืนแทบไม่ได้แตะต้องอาหารเลย ด้วยกว่าจะส่งบรรดาแขกเหรื่อญาติสนิทมิตรสหายของทั้งบิดามารดากับเพื่อนของพี่ชายกลับหมดก็ดึกดื่นค่อนคืน ความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางกลับจากอังกฤษโดยด่วน หลังลงจากเครื่องบินที่สุวรรณภูมิในตอนเช้ามืดก็ต้องบึ่งตรงมาให้ทันพิธีเลี้ยงพระเช้า ทั้งที่ไม่เต็มใจมาร่วมงานสักนิด หากแต่ก็ต้องอดใจอ่อนให้พี่ชายสุดที่รักไม่ได้ ก็ทำให้เธอหมดเรี่ยวหมดแรงหมดความหิว สิ่งที่ต้องการที่สุดในขณะนั้นก็คือการได้กอดตุ๊กตาตัวโปรดหลับบนเตียงนอนแสนนุ่มโดยเร็วที่สุด
วาสิกาถอนหายใจอย่างขุ่นเคืองกับความปราชัยของตัวเองที่มีต่อพี่ชายแบบนับครั้งได้ โดยเฉพาะครั้งนี้เป็นครั้งที่สำคัญที่สุดที่วาทิตย์ไม่ยอมทำตามใจเธอจนมีงานมงคลสุดแสนชื่นมื่นเมื่อคืน อารมณ์ของผู้ตื่นนอนแบบไม่เต็มใจ ประกอบกับความหิว ความอ่อนเพลีย ยังปรับตัวปรับเวลาไม่ได้ ใบหน้างดงามจึงไม่สดใสนัก แล้วก็ต้องยิ่งหงิกง้ำเพิ่มขึ้นอีกเมื่อเห็นภาพสวีทหวานของคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามันบนโต๊ะอาหาร
วาทิตย์กำลังมองกิริมาตักข้าวต้มร้อนๆ หอมฉุยจากโถแก้วใส่ถ้วยให้สามีอย่างภรรยาที่ดีด้วยแววตาหยาดเยิ้มราวกับโลกนี้มีกันและกันเพียงสองคน หากเป็นเมื่อก่อนคนที่อยู่ร่วมโต๊ะอาหารกับผู้เป็นพี่ชายคือเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เธอเป็นคนสำคัญที่สุดสำหรับพี่ชาย แล้วตอนนี้เธอจะหมดความสำคัญ จะกลายเป็นส่วนเกินสำหรับพี่ชายแล้วเช่นนั้นหรือ หญิงสาวยอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้ เสียงลงส้นลงบันไดหนักๆ หวังทำลายบรรยากาศแสนหวานของคนทั้งคู่ แล้วเดินไปกระแทกตัวนั่งบนเก้าอี้ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“ลูกหว้าตื่นแล้วหรือคะ หิวมั้ยเอ่ย” กิริมาถามน้องสะใภ้อย่างน่ารัก
“‘ถ้ายังไม่ตื่นจะเห็นอยู่ตรงนี้หรือไง แล้วถ้าไม่หิวจะลงมาที่โต๊ะอาหารเหรอคะ” ผู้ไม่ต้องการเป็นน้องสะใภ้ตอบโดยไม่มองหน้า
“พี่ก้อยทำอาหารเช้าแบบอเมริกันเบรกฟาร์สไว้ให้ลูกหว้า เดี๋ยวพี่ก้อยไปยกมาให้เลยนะคะ”
“เบื่ออาหารเช้าแบบฝรั่งจะแย่ แค่ได้ยินชื่อก็พะอืดพะอมแล้ว” วาสิกาทำท่าขย้อนอย่างไม่รักษามารยาท
“งั้นทานข้าวต้มกุ้งหมูสับนะคะ” กิริมากระวีกระวาดตักข้าวต้มกุ้งเอาใจน้องสาวสามี
“ไม่ได้หมดเรี่ยวหมดแรงต้องหยอดน้ำข้าวต้มแบบคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามันสักหน่อย” คู่แต่งงานหมาดๆ หน้าแดง คำพูดสองแง่สองง่ามไม่เหมาะสม
“เป็นผู้หญิงพูดจาแบบนั้นไม่น่ารักเลยลูกหว้า” ผู้เป็นเจ้าบ่าวหมาดๆ จึงกล่าวตักเตือนน้องสาว
“ก็ลูกหว้าไม่น่ารัก ไม่แสนดีเหมือนใครบางคนนี่คะ” วาสิกายังประชดประชันไม่เลิก
“ลูกหว้า!” วาทิตย์เรียกเสียงหนักๆ เป็นการปราม
แทนที่หญิงสาวจะโกรธพี่ชาย แต่กลับตวัดค้อนตาเขียวใส่กิริมาบอกให้รู้ว่าเป็นสาเหตุทำให้โดนดุ
ผู้ถูกโยนความผิดหน้าแดงหน้าซีดสลับกัน แต่ก็ยังถามเอาอกเอาใจ “ลูกหว้าอยากทานอะไรละคะ พี่ก้อยจะไปทำให้ทานค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกก้อย ข้าวต้มกุ้งหมูสับนี่ของโปรดยัยลูกหว้าเลย ถ้าต้องไปทำใหม่ ยัยตัวแสบได้โมโหหิวฟาดงวงฟาดงาอีกจ๊ะ” วาทิตย์หยอกเย้าคนถูกดุให้หายงอน ชายหนุ่มก็ทำเป็นดุน้องสาวได้เพียงเท่านี้ พอเห็นใบหน้าแสนงอนไม่พอใจของวาสิกาก็ใจอ่อนยอมง้อทุกครั้ง จนอดคิดไม่ได้ว่าเป็นความผิดของเขาที่ทำผู้เป็นน้องมีนิสัยเอาแต่ใจเช่นนี้
“พี่ว่านยังจำได้หรือคะ” น้ำเสียกระเง้ากระงอดถามพี่ชาย
“จำได้สิคะ พี่ว่านเล่าให้พี่ก้อยฟังตลอดว่าลูกหว้าชอบทานอะไร เช้านี้พี่ก้อยก็เลยทำข้าวต้มกุ้งหมูสับ เผื่อลูกหว้าจะอยากทาน” กิริมารีบตอบแทนสามี
“ไม่ได้บอกให้ทำสักหน่อย” เสียงพึมพำแสดงออกว่าไม่ได้ปลาบปลื้มพี่สะใภ้ชัดเจน
“พี่ก้อยเต็มใจค่ะ” หากอีกฝ่ายไม่ถือสาและยังรีบกุลีกุจอตักข้าวต้มใส่ถ้วยให้
‘อยากทำเอาใจพี่ว่านล่ะสิ ทำตัวเป็นนางเอก ให้พี่ว่านมองเราเป็นนางมารร้าย’ วาสิกายื่นมือออกไปเตรียมจะผลักไสถ้วยกระเบื้องออกห่าง หากกลิ่นควันหอมฉุยลอยมาเตะจมูก กุ้งสับเนื้อสีขาวกับหมูสับสีนวลก้อนกลมเล็กๆ ลอยเตะตายั่วน้ำย่อยให้ปั่นป่วนจนทนไม่ไหว มือบางถึงเปลี่ยนเป็นจับช้อนตักของโปรดใส่ปากตามเสียงเรียกร้องโครกครากของกระเพาะ
‘เอาเหอะ หาอะไรใส่กระเพาะให้อิ่มเสียก่อนอย่างที่เขาบอกกองทัพต้องเดินด้วยท้อง พอไม่มีเสียงร้องกวนใจ สมองจะคิดอะไรออกบ้าง’
กิริมามองน้องสามีตักข้าวต้มรับประทานโดยเร็วแต่ไม่มูมมามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเอ็นดู วาสิกาคงจะหิวมาก ไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่ยอมแม้แต่จะเหลือบมองอาหารฝีมือของเธออย่างแน่นอน ก่อนจะเหลือบไปมองสามีที่ส่งยิ้มหวานที่เปี่ยมด้วยความรักและกำลังใจเต็มปรี่
“วันนี้ลูกหว้าจะออกไปไหนหรือเปล่า” วาทิตย์ถามเสียงนุ่ม
“พี่ว่านถามทำไมคะ พี่ว่านมีเวลาพาลูกหว้าไปเที่ยวหรือคะ เดี๋ยวคงไปฮันนีมูนกันละสิ” น้ำเสียงยังเง้างอนเห็นได้ชัด
“พี่กับพี่ก้อยคุยกันว่าจะยังไม่ไปฮันนีมูนช่วงนี้ เพราะพ่อกับแม่พี่ก้อยท่านจะไปวิปัสสนาช่วงที่ปิดปรับปรุงโฮมเสตย์ พวกพี่เลยต้องไปคุมงานช่างเอง แต่ลูกหว้าไม่ต้องห่วงนะ พี่กับพี่ก้อยจะไปๆ มาๆ กว่าโฮมสเตย์จะปรับปรุงเสร็จก็ตั้งหลายเดือน น่าจะไม่ต่ำกว่าหกเดือน ลูกหว้าจะให้พี่พาไปสมัครงานที่ไหนก็บอกนะ น้องสาวพี่เก่งอยู่แล้ว คงหางานทำได้ก่อนพี่กับพี่ก้อยย้ายไปอยู่อัมพวาแน่ๆ”
“อะไรนะคะ!!!” วาสิกาอุทานยกช้อนค้างเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายของพี่ชาย เรื่องที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน เธอคิดเพียงว่าหลังจากวาทิตย์แต่งงานไปแล้วก็จะยังอยู่ที่บ้านนี้เหมือนเดิม หรือหากจะแยกครอบครัวก็เพียงซื้อบ้านไม่ไกลจากกันเท่าไร ไม่ใช่จะย้ายไปอยู่กันคนละจังหวัดแบบนี้ ถึงแม้อัมพวากับชลบุรีจะไม่ไกลกันมากนัก แต่การจะได้นั่งรับประทานอาหารร่วมโต๊ะด้วยกันทุกวันแบบนี้คงเป็นไปได้ยาก ยิ่งคิดก็ยิ่งชังน้ำหน้าผู้เป็นต้นเหตุทำให้พี่ชายต้องย้ายไปอยู่ไกลนัก ดวงตากลมโตขุ่นขวางใส่ผู้เป็นสะใภ้ก่อนจะกระแทกช้อนผลักถ้วยข้าวต้มออกห่างตัวแล้ววิ่งหนีขึ้นห้องตัวเองไป
กิริมาจับมือให้กำลังใจสามีซึ่งยิ้มตอบจืดเจื่อน ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ ก็ต้องมีสักวันที่วันนี้มาถึง วาทิตย์ถึงเลือกที่จะบอกให้น้องสาวได้รู้จากปากของเขา ปฏิกิริยาโต้ตอบของวาสิกาที่มีต่อภรรยาไม่ผิดจากที่คาดหมายไว้นัก ถึงจะเตรียมใจไว้ล่วงหน้า ก็ไม่ทำให้เขาสบายใจขึ้นเลย กลับรู้สึกหนักใจที่ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่หวังไว้ ชายหนุ่มมองตามร่างบอบบางของน้องสาวไปอย่างห่วงใย

ถึงแม้ท้องจะยังไม่เต็มอิ่มเพียงพอต่อการเรียกร้องของน้ำย่อยในกระเพาะ แต่คำพูดของพี่ชายก็ทำให้ความหิวจางหายไปได้ทันที หญิงสาวทุ่มตัวลงบนที่นอนทุบตีหมอนข้างระบายอารมณ์ ยิ่งคิดว่าจะต้องสูญเสียพี่ชายสุดที่รักให้คนอื่นไปจริงๆ ก็แทบจะกรีดร้องมาด้วยความคับแค้น ถึงใครจะมองว่าเธอหวงพี่ชายเกินเหตุ วาสิกาก็ไม่ได้สนใจความคิดของคนเหล่านั้น เพราะคนพวกนั้นไม่เคยรู้ว่าหากไม่มีพี่ชายคอยดูและให้ความรัก เธอคงไม่สามารถประคับประครองตัวเองให้ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาได้จนถึงทุกวันนี้ได้ ชีวิตที่เคยมีวาทิตย์เคียงข้างเสมอ แต่ต่อไปเธอจะต้องเดินต่อไปเพียงลำพังแล้วหรือไร
หากตอนนี้หมอนข้างเป็นร่างการมนุษย์ก็คงน่วมไปทั้งตัว หากเป็นกระท้อนก็คงฉ่ำหวาน เพราะถูกทุบแบบไม่ยั้ง จนกระทั่งเจ็บมือและเหนื่อยจนหมดแรงเพราะรับประทานข้าวต้มไปยังไม่ทันหมดถ้วย ร่างบางลุกขึ้นเดินโผลเผลไปที่ห้องน้ำ เปิดก๊อกน้ำไหลลงอ่างน้ำจนเต็มก่อนจะลงไปในนอนแช่น้ำเย็นจัดเพื่อให้ร่างกายตื่นตัวขับไล่ความเหนื่อยล้าทั้งร่างกาย หลับตาซึมซับความเย็นสบายเพื่อขจัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปให้สมองปลอดโปร่งเพื่อเริ่มต้นแผนนี้อย่างจริงจัง
ร่างบางในเสื้อคลุมอาบน้ำชะงักมือที่กำลังใช้ผ้าขนหนูเนื้อนุ่มเช็ดผมที่เพิ่งสระเสร็จหมาดๆ ก่อนจะเดินไปยังเสียงกรีดร้องบนหัวเตียง ใบหน้าสดชื่นหลังจากอาบน้ำพลันบูดบึ้งเมื่อเห็นชื่อ ‘My Prince’ บนหน้าจอที่ตนไม่ได้เป็นผู้บันทึกไว้อย่างแน่นอน คิ้วเรียวขมวดมุ่นตาขุ่นเคืองมองมือถือในมือราวกับนั่นคือณพลตัวเป็นๆ พ่อคนอารมณ์ดีเหลือเกิน ไม่ว่าเธอจะแผลงฤทธิ์มากแค่ไหน ดูเขาจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจเต้นไปตามเธอสักนิด ทั้งที่เธอคิดว่าในโลกนี้คนที่ทนเธออาละวาดได้มีเพียงพี่ชายคนเดียวเท่านั้น’
“มีธุระอะไร” ไม่มีคำกล่าวทักทายตามมารยาทที่ดี มีเพียงเสียงถามห้วนๆ
“ลูกหว้าพูดจาไม่น่ารักเลย ไปเรียนเมืองนอกมานาน เลยลืมวัฒนธรรมไทยไปหมดหรือครับ”
“ถ้าโทรมาเทศน์จะวางแล้วนะ” วาสิกาเบะปากใส่มือถืออย่างสุดเซ็งเมื่อวันนี้โดนบ่นด้วยประโยคนี้เป็นครั้งที่สอง
“ถ้าลูกหว้าไม่อยากรู้ว่าก้อยโทรมาหาพี่พริ้นซ์ทำไม ก็วางไปได้เลย” คนปลายสายรีบบอกก่อนหญิงสาวจะตัดสาย
“หล่อนโทรไปหาคุณเรื่องอะไรเหรอ” นอกจากจะไม่ตัดสายแล้ว น้ำเสียงขุ่นขึ้งยังเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นทันควัน
“หล่อนไม่ได้โทรมาคุณ ก้อยโทรมาหาพี่พริ้นซ์ต่างหากครับ”
“แล้วหล่อนโทรไปเรื่องอะไรล่ะ” หญิงสาวถามย้ำอีกครั้ง แต่ไม่ยอมเรียกชื่อพี่สะใภ้อย่างสนิทสนม ถึงแม้พี่ชายจะเรียกนำเท่าไรก็ตาม
“อืม....ถ้าอยากรู้ก็ต้องทำตามเงื่อนไข ไม่งั้นพี่พริ้นซ์จะวางสายแล้วนะ” ณพลบอกอย่างเป็นต่อ และแทบจะนึกหน้าหญิงสาวออกว่าจะเป็นเช่นไร ภาพใบหน้าหงิกงอไม่พอใจลอยมา ทำให้ชายหนุ่มก็ยิ้มหวานขึ้นอีกเท่าตัว
“เงื่อนไขอะไร เรื่องมากจริงๆ เลยคุณ” วาสิกาบ่นอย่างรำคาญไปตามสาย
“งั้นแค่นี้นะครับ สวัสดีครับ”
“เดี๋ยวก่อนสิคุณ อย่าเพิ่งวาง” วาสิกาตะโกนบอกทันทีที่ได้ยินประโยคกล่าวลา หากอีกฝ่ายวางสายไปแล้ว “อะไรกันนี่ ยังคุยไม่รู้เรื่องเลย เงื่อนไขบ้าบออะไรของเขานะ ตาหน้าอ่อนนี่” หญิงสาวบ่นด้วยความหงุดหงิดอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะสมองจะสว่างวาบเมื่อจำเงื่อนไขประหลาดนั้นได้จึงรีบกดโทรออกทันที
“สวัสดีค่ะพี่พริ้นซ์ ลูกหว้าเองนะคะ”
ณพลยิ้มกับมือถือเมื่อได้ยินเสียงอ่อนหวานของคนปลายสาย ช่างฉลาดแกมโกงเหลือเกินแม่เด็กดื้อของเขา ชายหนุ่มยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้นกับความคิดของตัวเองจนหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากคนปลายสายอีกครั้ง
“พี่พริ้นซ์อยู่หรือเปล่าคะ ได้ยินลูกหว้ามั้ยคะ”
“สวัสดีครับ พี่พริ้นซ์ได้ยินเสียงลูกหว้าชัดเจนเชียว ลูกหว้าโทรมามีธุระอะไรกับพี่พริ้นซ์หรือครับ”
วาสิกาแทบขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อถูกย้อนด้วยคำพูดของตัวเองซึ่งฟังดูสุภาพกว่าอีกต่างหาก หญิงสาวเตือนตัวเองให้ใจเย็น ไม่ให้โมโหจนเสียเรื่อง “เมื่อกี้พี่พริ้นซ์บอกว่าหล่อน เอ่อ...พี่ก้อยโทรหาพี่พริ้นซ์เรื่องอะไรหรือคะ”
“ใช่ครับ แต่ตอนนี้พี่พริ้นซ์ไม่ว่างพอดี ต้องรีบออกไปพบลูกค้าแล้วครับ”
“เดี๋ยวก่อนสิคุณ เอ๊ย...พี่พริ้นซ์ พี่ก้อยโทรมาหาพี่พริ้นซ์เรื่องอะไรเหรอคะ” หญิงสาวลากเสียงหวานเอาใจ แต่ณพลเดาว่าใบหน้านวลนั้นต้องบึ้งตึงอยู่แน่นอน
“ถ้าลูกหว้าอยากรู้คืนนี้สามทุ่มก็โทรหาพี่พริ้นซ์แล้วกันนะครับ”
“เรื่องอะไร เป็นผู้หญิงโทรหาผู้ชายก่อนได้ไง” สาวนักเรียนนอกอ้างความเป็นกุลสตรี แต่ความจริงคือไม่อยากเป็นฝ่ายโทรหาเพื่อง้อให้เขาบอกเรื่องที่พี่สะใภ้โทรไปหา
“ไม่เห็นจะแปลก เอ...พี่พริ้นซ์มีอะไรให้ลูกหว้าต้องกลัวหรือเปล่า ถึงไม่กล้าโทรหา” ณพลถามท้าทาย
“คนอย่างวาสิกาไม่เคยกลัวใคร” หญิงสาวเชิดหน้าตอบราวกับคู่สนทนาอยู่ตรงหน้า
“งั้นคืนนี้พี่พริ้นซ์จะรอ สวัสดีครับ”
“เอ๊ะ...อย่าเพิ่งวางสิ....” คนปลายสายตัดสัญญาณถูกไปแล้ว วาสิกากดปุ่มจะโทรออก แล้วก็เปลี่ยนใจโยนมือถือทิ้งบนที่นอนลุกไปแต่งตัว โดยพยายามห้ามตัวเองไม่ให้โทรไปหาณพลอีกครั้ง เพราะเธอไม่ต้องการให้เขารู้ตัวว่าถือไพ่เหนือกว่า

ร่างแบบบางที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งลงมาจากบันไดเรียกให้สามีภรรยาที่นั่งอยู่ที่โซฟารับแขกเงยหน้ามองทันทีราวกับนั่งรอเธออยู่มาตลอด หญิงสาวทำเป็นไม่เห็นคนทั้งคู่
“ลูกหว้าจะไปไหนจ๊ะ” เสียงถามอ่อนหวานเอาใจเรียกให้เธอหยุดชะงักอยู่ตรงประตู
“ลูกหว้าจะไปธุระค่ะ” ปกติวิสัยเธอจะตอบแบบระบุเจาะจง ไม่ตอบหลีกเลี่ยงเช่นนี้ เท่านี้ก็ทำให้วาทิตย์รู้ว่าผู้เป็นน้องสาวกำลังอยู่ในอารมณ์เช่นไร
“ให้พี่ไปส่งดีมั้ย ถนนหนทางในชลบุรีเปลี่ยนไปเยอะ ลูกหว้าชินกับขับพวงมาลัยซ้าย เดี๋ยวจะไปทำธุระช้านะ”
“ขอบคุณค่ะพี่ว่าน แต่ลูกหว้าขับเองดีกว่า ลูกหว้าควรจะหัดทำตัวให้ชินกับการต้องทำอะไรเอง เพราะต่อไปก็ต้องอยู่คนเดียวอยู่แล้ว” คำตอบนั้นสะเทือนใจทั้งผู้พูดและผู้ฟังยิ่งนัก
“มื้อเย็นลูกหว้าอยากทานอะไรคะ พี่ก้อยจะทำไว้รอค่ะ” กิริมาถามออกไปเพื่อหวังลดสถานการณ์ตึงเครียด แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่ดีขึ้นสักนิด
“ลูกหว้าจะทานมาจากข้างนอกเลยค่ะ”
วาทิตย์ได้แต่มองตามน้องสาวไปอย่างห่วงใย สัมผัสนุ่มบนหลังมือทำให้ชายหนุ่มดึงตัวคนข้างตัวมาแนบอกลูบหลังลูบไหล่ปลอบใจทั้งภรรยาและตัวเอง

วาสิกาขับรถด้วยความงุนงงและสับสนกับเส้นทางที่เปลี่ยนไปมากจนเธอจำไม่ได้ นานนับสิบปีตั้งแต่ต้องย้ายไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ และได้กลับมาเมืองไทยเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น ถ้าหากลืมเลือนเหตุการณ์ในอดีตได้เช่นเดียวกับการหลงลืมเส้นทางไปบ้างก็คงจะดี หญิงสาวถอนหายใจอย่างยอมแพ้หลังจากขับรถวนไปมาหลายรอบและเริ่มจะออกนอกเส้นทางเสียแล้ว จึงโทรถึงคนที่เตรียมไปเซอร์ไพร้ส แต่กลับผิดแผนเสียนี่
“ยัยกระเจี๊ยบ ตอนนี้ฉันหลงอยู่หน้าโรงเรียนเก่าเรา หาทางไปบ้านแกไม่เจอสักที” ไม่มีคำกล่าวทักทายตามมารยาทอีกเช่นเคย แต่คนปลายสายไม่ได้ขุ่นเคืองแม้แต่น้อย มีเพียงเสียงที่ตื่นเต้นตอบกลับมา
“กรี๊ดดด...ยัยลูกหว้า แกจริงๆ หรือนี่ แกมาถึงเมืองไทยเมื่อไร ถ้าฉันไม่ติดงานรวมญาติคงได้เจอแกตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เลยอดไปงานแต่งพี่ว่านเลย แก...” กระเจี๊ยบ หรือ จอมจันทร์ รัวคำถามใส่เพื่อนรักไม่ยั้ง
“ทีละคำถามยัยกระเจี๊ยบ ฉันตอบแกไม่ทันเลย” วาสิกายิ้มน้อยๆ เมื่อรับรู้ได้ว่ายังมีความสำคัญสำหรับใครบางคนอยู่
“ก็ฉันคิดถึงแกนี่ อยากเจอแกจะแย่แล้ว”
“งั้นแกก็รีบบอกทางไปบ้านแกมาด่วนเลย”

รถยนต์คันเล็กกะทัดรัดยังไม่ทันจอดนิ่งสนิทดีนัก ประตูฝั่งคนขับก็ถูกกระชากเปิดโดยฝีมือสาวหน้าเฉี่ยวที่มักถูกคนถามว่าเป็นสาวไทยแท้เนื่องจากผิวคมเข้ม หรือเป็นสาวหมวยเพราะดวงตารีเรียวชั้นเดียว แล้วดึงร่างบอบบางของเพื่อนรักมากอดด้วยน้ำตา หากเป็นน้ำตาแห่งความปิติยินดี ก่อนผู้เป็นเจ้าของบ้านจะชักชวนเพื่อนรักเข้าบ้านไปพูดคุยกันให้สมกับความคิดถึงที่ไม่ได้เจอกันมานานเกือบสิบปี
วาสิกาและจอมจันทร์เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาจวบจนถึงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น วาสิกาก็ต้องย้ายกลางคันไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ แต่มิตรภาพของทั้งคู่ยังยืนยาวมาจนถึงปัจจุบัน แทบจะเรียกได้จอมจันทร์เป็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวเท่านั้น ทั้งสองพูดคุยถามไถ่ทุกข์สุขกันจนไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงจนถึงเวลารับประทานอาหารเย็น จอมจันทร์จึงชวนเพื่อนสาวพักค้างคืนด้วยกัน เพราะยังพูดคุยตามประสาเพื่อนสนิทที่ไม่พบเจอกันมาหลายปี
“ฉันมีนัดแล้ว เอาไว้วันหลังฉันจะมาค้างกับแกนะ”
“แกเอาจริงหรือ แกเพิ่งรู้จักเขา จะไว้ใจเขาได้เหรอ ให้ฉันไปเป็นเพื่อนมั้ย” จอมจันทร์ถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ด้วยเพื่อนรักเล่าทุกอย่างให้ฟังโดยไม่ปิดบัง
“ยังไงฉันก็ต้องไป ไม่ลองก็ไม่รู้ เขาเป็นความหวังเดียวของฉันที่จะทำให้พี่ว่านเลิกกับยัยพี่สะใภ้ได้” จนแล้วจนรอดเธอไม่ยอมเรียกชื่อเล่นของกิริมา
“ความจริงพี่สะใภ้แกอาจจะรักพี่ว่านจริงๆ ก็ได้นะ”
“หยุดพูดนะ...ไอ้ลูกเจี๊ยบ” วาสิกาลืมตัวตวาดเพื่อนรัก “เอ่อ...ฉันขอโทษที่เสียงดังใส่แก แต่ยัยผู้หญิงคนนั้นไม่มีทางรักและจริงใจกับพี่ว่านจริงๆ หรอก ภายนอกดูนุ่มนิ่มเรียบร้อยอ่อนหวาน ลับหลังหล่อนคงจะร้ายกาจจนเราคาดไม่ถึงเลยก็ได้ แล้วหล่อนก็รักกับนายนั่นมาตั้งแต่เรียน คนรักกันมาตั้งหลายปี จะเปลี่ยนใจมารักพี่ว่านเพียงแค่คบกันสองสามปีได้ยังไง ฉันไม่ยอมให้ผู้หญิงแบบนั้นมาแย่งความรักของพี่ว่านไปจากฉันหรอก” สีหน้าและน้ำเสียงเคร่งเครียดขึ้นตามลำดับจนจอมจันทร์ต้องรีบเข้ามาโอบกอดปลอบใจเพื่อนรัก เธอรู้แล้วว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานเพียงใด ปมร้ายในใจของวาสิกาก็ไม่ได้จางลงไปตามกาลเวลา ยิ่งกลับสำแดงอาการบ่งบอกถึงระยะรุนแรง หรือว่ามันจะฝังรากลึกจนยากเกินจะรักษาได้
“ไม่เป็นไร...ลูกหว้า ฉันเข้าใจแก” จอมจันทร์เข้าใจอารมณ์ของเพื่อนที่เปลี่ยนชื่อของเธอจาก ‘กระเจี๊ยบ’ เป็น ‘ลูกเจี๊ยบ’ ได้ดีว่าอยู่ในอารมณ์ไม่พอใจเพียงใด
“ขอบใจนะ...ยัยกระเจี๊ยบ” หญิงสาวซุกหน้ากับอ้อมกอดซึมซับความรักและความจริงใจที่เพื่อนมอบให้
“แล้วนี่แกจะไปหางานทำที่ไหน ที่ชลบุรีหรือกรุงเทพ” จอมจันทร์เปลี่ยนเรื่องดึงให้คนในอ้อมกอดหลุดจากภวังค์เลวร้าย
“ยังไม่รู้เลย ที่กรุงเทพอาจมีงานเยอะ แต่ฉันก็อยากอยู่ที่นี่มากกว่า ”
“ก็ดีนะ ฉันก็อยากให้แกอยู่ที่นี่ เพิ่งเจอกัน ยังไม่หายคิดถึงเลย แกจะให้ป๋าฉันฝากงานให้หรือเปล่า”
“ไม่เป็นไร ฉันหาเองดีกว่า ขอบใจนะ...ยัยกระเจี๊ยบ”
“ฉันเป็นเพื่อนรักแกนี่ ยังไงฉันต้องช่วยแกอยู่แล้ว” จอมจันทร์บอกหนักแน่นซุกหน้าแนบกลุ่มผมนุ่ม
เสียงร้องจากมือถือดังขึ้นทำให้วาสิกาต้องผละออกจากอ้อมกอดของเพื่อนรัก ‘สามทุ่มคืนนี้ อย่าลืมนัดของเรานะครับ ถ้าช้าเกินห้านาทีถือว่าสัญญาของเราเป็นโมฆะ’ หน้านวลหงิกง้ำเป็นเท่าตัวเมื่อเห็นข้อความบนหน้าจอ เธออยากจะกรี๊ดให้นายนั่นหูหนวกนัก
“ฉันต้องไปล่ะ เดี๋ยวนายนั่นเปลี่ยนใจไม่ช่วยฉัน แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาค้างกับแก รักแกนะ” วาสิกากอดเพื่อนรักแน่นอีกครั้งก่อนจะรีบผลุนผลันกลับไปเจรจาเปิดศึกกับณพลเพราะเหลือเวลานัดแค่ชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น
จอมจันทร์มองตามหลังร่างเล็กบอบบางพร้อมกับพึมพำไปด้วยความเป็นห่วง
‘ฉันอยากให้แกมีความสุขนะ....ยัยลูกหว้า’

**********
ฝากอ่านติชม แนะนำ เป็นกำลังใจให้ ขวัญดาว ด้วยนะคะ
ร่วมพูดคุยกันได้ทาง e-mail หรือ Facebook ที่ nukwun@hotmail.com
ขอบคุณค่ะ ^___^

**********



ขวัญดาว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ม.ค. 2555, 01:17:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ม.ค. 2555, 01:17:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 1848





<< ตอนที่ 1 ร่วมมือกันมั้ย   ตอนที่ 3 เปิดตัวหรือเปิดศึก >>
silverraindrop 3 ก.พ. 2555, 15:58:05 น.
ติดตามอยู่นะคะ


lovemuay 7 มี.ค. 2555, 20:21:40 น.
นางเอกของเรามีปมอะไรกันอยู่นะ?


muay 9 มี.ค. 2555, 13:21:48 น.
ในอดีตเกิดไรขึ้นกะลูกหว้า ที่ทำให้ลูกหว้าหวงพี่ชายมากเกินไปรึป่าว แบบนี้เข้าข่ายโรคจิตป่าวเนี่ย


Auuuu 10 มี.ค. 2555, 16:38:34 น.
แอบคิดเหมือนคุณ lovemuay กับ muay ว่านางเอกมีปมอะไรหว่าในอดีต เพราะรู้สึกว่าจะไม่ใช่ปมเล็กๆด้วย นางเอกถึงหวงพี่สาวขนาดนี้

ป.ล. อยากให้ไรเตอร์ช่วยปรับระยะห่างระหว่างบรรทัดสักเล็กน้อยอ่ะค่ะ เพราะอ่านยากพอสมควรเลย มันติดกันเป็นพรืดๆ


นุ๊ก 1 เม.ย. 2555, 14:34:37 น.
เกิดอะไรขึ้นกับลูกหว้าน่ะ ถึงได้มีปมในฝั่งใจในอดีต แบบนี้ต้องตามอ่านต่อไป ร่วมลุ่นว่าลูกหว้าว่ามีปมอะไรฝังใจอยู่ในอดีต >_<


อมลลดาOWOอมรรัตน์ 1 เม.ย. 2555, 15:19:25 น.
สงสัยเหมือนกัน ปมร้ายในอดีตคืออะไร มันคงรุนแรงมาก ๆ และนี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกหว้าทำตัวไม่น่ารัก และหวงพี่ชายมาก ๆ รอลุ้นต่อค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account