ซีรี่ย์ ดอกไม้ หัวใจในควันปืน : ไฟซ่อนรัก

Tags: บู๊หน่อยๆโรมานซ์นิดๆ

ตอน: บทที่ ๑

เสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงสดด้วยท่วงทำนองเสนาะหูดังมาจากห้องบอลรูมของโรงแรมชั้นนำ ซึ่งภายในตกแต่งอย่างหรูหราอลังการต้อนรับบรรดาแขกคนพิเศษ คลาคล่ำด้วยบุคคลชั้นสูง นักธุรกิจชั้นนำทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ คละเคล้าด้วยนักการเมืองใหญ่ที่คุ้นหน้าค่าตากันดีทางหน้าสื่อต่างๆ แยกกันจับกลุ่ม นั่งบ้าง ยืนบ้างสนทนาด้วยเรื่องหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่จะครอบคลุมอยู่ในหัวข้อทิศทางเศรษฐกิจในอนาคตของประเทศไทย

เหล่าบริกรพากันเดินเสิร์ฟเครื่องดื่มชั้นดีบนพื้นพรมนุ่มกระจายตามมุมห้องไม่ให้ขาดตกบกพร่อง จนถึงกลุ่มของท่านรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงใหญ่ กำลังพูดคุยกับนักธุรกิจแถวหน้า และข้างกายมีชายหนุ่มผิวกายขาว รูปร่างท่าทางสะโอดสะองของลูกชายซึ่งเริ่มลงเล่นการเมืองเจริญรอยตามผู้เป็นพ่อยืนฟังบทสนทนาอยู่เงียบๆ ซึ่งคู่สนทนาของบิดาเป็นนักธุรกิจใหญ่ และนอกเหนือจากนั้น เขายังเป็นผู้สนับสนุนเงินให้พรรครายใหญ่เช่นกัน

บริกรหนุ่มหยุดเดิน เมื่อร่างสูงเพรียวกำยำในชุดสูทเรียบหรูที่ยืนรวมในกลุ่มหันมาหมายต้องการเครื่องดื่ม ผิวสีแทนของชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ ส่งเสริมให้องค์ประกอบของเครื่องหน้าทุกส่วนคมเข้มสมบูรณแบบไร้ที่ติ ไม่ว่าจะเป็นดวงตาคมลึกสีน้ำตาลเข้ม เรียวคิ้วยาวพาดเฉียงรับสันจมูกโด่ง และริมฝีปากได้รูปล้วนแต่ชวนสะดุดสายตา ซึ่งแม้แต่เพศเดียวกันยังต้องมองชวนทึ่ง

และหันกระซิบถามกับชายสูงวัยร่างสูงใหญ่กว่าตนเล็กน้อยที่ยืนด้านซ้ายมือ
“เอาไหม อากู๋”

อีกฝ่ายส่ายหน้า ชายหนุ่มจึงหยิบเครื่องดื่มสำหรับตัวเองและอีกหนึ่งแก้วส่งให้ชายสูงวัยอีกคนที่ยืนด้านขวาโดยไม่เอ่ยถาม ซึ่งผู้รับมีเครื่องหน้าคล้ายคลึงกันแต่ออกจะขาวกว่าเล็กน้อย และแม้จะมีอายุมากแล้ว แต่รูปร่างสูงเพรียวในชุดสูทสีเข้มยังคงได้สัดส่วนอย่างคนที่ชอบออกกำลังกายสม่ำเสมอและท่าทีที่สงบนิ่งกลับดูสง่างามข่มราศีของท่านรัฐมนตรีที่อายุน้อยกว่าเป็นสิบปี แต่พุงนั้นหลามยื่นจนชุดสูทราคาแพงระยับที่สวมใส่ไม่สามารถยกระดับให้ร่างกายตุ๊ต๊ะนี้เปล่งรัศมีสู้คู่สนทนาได้เลย

ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มพยักเพียงเล็กน้อยให้บริกรหนุ่มคล้ายจะขอบใจ ก่อนยกเครื่องดื่มในมือขึ้นจิบขณะหันกลับมาฟังการสนทนา โดยท่านรัฐมนตรี นพคุณ กำลังเอ่ยกับบิดาของตน ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการของ บริษัทไพศาล ดีเวล็อปเม้นต์ ซึ่งครอบคลุมธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในทำนองชักชวน

“คุณอชิรน่าจะเก็บข้อเสนอของผมไปคิดดูให้ดีนะครับ หากคุณมาร่วมกับพรรคของเรา จะเป็นการช่วยพัฒนาประเทศไปได้มากทีเดียวนะครับ” พูดจบ ดวงตาเล็กหยีก็เหลือบมองซ้ายที ขวาที ก่อนจะเอนร่างหนาใหญ่ของตนเข้ามาใกล้ กระซิบกระซาบพอให้ได้ยินในกลุ่ม “..รวมทั้ง..ผลตอบแทนที่คุ้มแสนคุ้มนะครับ”

ผู้ที่ถูกชักชวนอมยิ้มเล็กน้อยในสีหน้าขณะตอบ
“คงไม่หรอกครับ..แค่ทุกวันนี้ เวลาผมทำแต่ละโครงการก็ถูกประชาชนในท้องถิ่นรุมด่าจนหูชาหมดแล้ว ขืนผันตัวเองมาเป็นนักการเมือง คงถูกคนด่าทั้งประเทศแน่”

ท่านรัฐมนตรีหัวเราะครืน
“คุณจะต้องไปสนใจทำไม คนพวกนั้นมันจะไปรู้เรื่องอะไรกับการพัฒนาระดับประเทศ ก็ดีแต่แหกปากประท้วงตามพวกมากลากไปอย่างนั้นเอง แค่เดี๋ยวเดียวก็กลับบ้านใครบ้านมันไปทำมาหากินเหมือนเดิมแล้ว..น่า..คุณลองไปคิดดูอีกทีดีกว่า ยังไงผมก็อยากได้คุณมาร่วมพรรคจริงๆนะครับ คุณอชิร”

เมื่อถูกคะยั้นคะยอ อีกฝ่ายก็ได้แต่แบ่งรับแบ่งสู้
“แล้วผมจะคิดทบทวนอีกทีก็แล้วกันครับ”

“มันต้องอย่างนั้นสิ ผมว่าภรรยาคุณก็คงสนับสนุนคุณอยู่แล้ว รวมทั้งลูกๆของคุณด้วย” และหันสายตามายังชายหนุ่มที่ยืนเคียงข้างบิดา “ใช่ไหม หนุ่มน้อย”

ชายหนุ่มอมยิ้ม
“ก็แล้วแต่ป๊าน่ะครับ”

ท่านรัฐมนตรีหัวเราะอีกครั้ง
“เห็นไหม แม้แต่ลูกคุณก็สนับสนุน”

ในขณะที่ผู้ถูกกล่าวอ้างแค่นยิ้ม และแอบทักท้วงในใจ ‘..ยังไม่ได้พูดสักคำ’

และพูดคุยไม่นาน จตุพล ซึ่งเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหารของไพศาลกรุ๊ป และเป็นผู้โน้มน้าวอชิรให้สนับสนุนพรรคการเมืองของน้องชาย เดินมาร่วมวงสนทนาด้วย..แต่บทสนทนายังคงดำเนินต่อไปได้ไม่กี่อึดใจก็ถูกขัดจังหวะ เมื่อบุคคลอีกกลุ่มเดินเข้ามาทักทาย นำทีมด้วยชายสูงอายุท่าทางสง่าภูมิฐานของ ชนาธิป ผู้คุมบังเหียนธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ บริษัทรัตนากร เรียลเอสเตท ตามด้วย คณินผู้เป็นพี่ชายที่อยู่ด้านขวา และด้านซ้ายเป็นลูกสาวคนโตของตระกูล รูปร่างเพรียวอรชรอยู่ในชุดราตรีเรียบหรูเปิดผิวเนื้อเนียนลออช่วงเนินอกแต่พองาม แม้ว่าใบหน้าของหญิงสาวจะสวยงามน่ามองไม่น้อย

ทว่า..สายตาของเหล่าบุรุษกลับมองเลยไปด้านหลังอย่างไม่ตั้งใจ กับอีกหนึ่งหญิงสาวที่สวมชุดราตรีสั้นสีเขียวน้ำทะเลที่การดีไซน์ไม่ได้วาบหวิวอะไรนัก แต่ยังสามารถดึงดูดสายตาผู้คนให้สนใจ ไม่ใช่เพียงแค่ว่า เธอเป็นดารานางแบบเท่านั้น แต่องค์ประกอบหลักคือรูปลักษณ์ของเธอที่ดวงหน้าหวานซึ้งอยู่ภายใต้เรือนผมหยักศกสีน้ำตาลอมทองยาวเคลียร์แผ่นหลังเป็นลอนสลวย ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลสุกใสภายใต้แผงขนตายาวสีน้ำตาลบ่งบอกถึงสายเลือดผสมที่มีอีกครึ่ง เรือนร่างเย้ายวนด้วยทรวงอกอวบอิ่มเกินมาตรฐาน เอวคอดเล็กรับสะโพกผายกลมกลึง ช่วงขายาวเพรียวสวย ผิวกายขาวละเอียดแลเจิดจ้ายามต้องแสงโคมระย้าส่งให้หญิงสาวดูผุดผาดสวยงามราวกับภาพในความฝันของเหล่าบุรุษ

และด้วยรูปสมบัติที่มีมาแต่กำเนิด ทำให้ชื่อเสียงของเธอลือเลื่องในหมู่ชายหนุ่มทั้งน้อยใหญ่ในวงสังคมชั้นสูง ที่หมายตาจะนำเธอเพิ่มเข้ามาเป็นอีกหนึ่งในของสะสมชิ้นงาม และต่างพยายามส่งคนไปทาบทามหลากหลายรูปแบบ แต่ทุกคนก็ถูกหญิงสาวปฏิเสธกลับมาอย่างถ้วนหน้า..และด้วยบารมีที่ชนาธิปมี จึงสามารถกางปีกปกป้องหลานรักให้อยู่รอดปลอดภัยจากการภัยคุกคามทั้งหลายทั้งปวงมาจนถึงทุกวันนี้

“สวัสดีครับ ท่านนพคุณ”

เสียงทักทายของผู้มาใหม่เรียกสติบุรุษทุกคนให้กลับมาอยู่ในอาการสงบนิ่งเช่นปกติ จะเหลือเพียงแต่เจ้าของชื่อที่ยังนิ่งขึง สายตายังคงไม่ถอนจากความเย้ายวนตรงหน้า..ดาราสาวผู้นี้แม้จะไม่ค่อยมีผลงานการแสดงมากนัก แต่ส่วนใหญ่จะเฉิดฉายตามหน้าปกนิตยสารมากกว่า แต่เพียงแค่นั้นมันก็เพียงพอที่จะสามารถกระตุ้นความรู้สึกเขาให้ปั่นป่วนจนแทบคลั่งอยากครอบครองความสวยงามตลอดเรือนร่างนี้ใจแทบขาด ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ ได้เพียรพยายามส่งคนไปติดต่อขอแค่ให้เธอยอมมาร่วมดินเนอร์ด้วยกันสักมื้อ แต่ก็ถูกปฏิเสธกลับมาทุกครั้ง และตัวเขาก็ไม่สามารถใช้อำนาจที่มีข่มขู่ได้ ขืนเธอเอาเรื่องขึ้นมาจะลุกลามบานปลายทำลายชื่อเสียงที่สั่งสมมานานหลายสิบปีและพานกระทบมาถึงฐานเสียงของพรรคได้ เขาจึงจำต้องข่มกลั้นความต้องการของตนเองไว้ให้ถึงที่สุด

นพคุณครุ่นคิดและมารู้สึกตัวก็จากการแอบกระตุกดึงชายเสื้อจากพี่ชาย เขาจึงรีบปรับสีหน้ารับการทักทายจากผู้มาใหม่
“..สวัสดีคุณชนาธิป มาถึงนานรึยังครับ”

“สักครู่แล้วครับ แต่เห็นท่านกำลังคุยอยู่กับคุณอชิร ผมเลยไม่อยากจะเข้ามารบกวน” และปรายตามองผู้ที่เอ่ยถึง ก่อนหยัดยิ้มทักทาย “สวัสดี คุณอชิร”

“สวัสดี คุณชนาธิป” ผู้ถูกทักทายตอบพร้อมรอยยิ้มในดวงหน้า มีเพียงสายตาเท่านั้นที่เผยความเย็นชายามมองสบ ซึ่งผู้คนในแวดวงธุรกิจนั้นต่างรู้ดีถึงความบาดหมางระหว่างสองกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่นี้ ที่ขยายวงกว้างร้าวลึกเกินเยียวยา แต่ยามเมื่อต้องเผชิญหน้ากันในสังคม ทั้งสองต่างสงบนิ่งเพื่อรักษาภาพลักษณ์อันดีไว้

และเมื่อผู้นำทั้งสองต่างส่งยิ้มทักทายกัน ผู้ติดตามที่อ่อนวัยกว่าก็แสดงความเคารพอีกฝ่ายตามมารยาทของสังคม โดยเริ่มจากสองสาวที่พนมมือไหว้อชิรกับศรา ในขณะที่อนาวินไหว้ชนาธิปกับคณิน

ชญาภาเห็นว่าอนาวินนั้น อายุไล่เลี่ยกับเธอจึงลดมือลงและส่งยิ้มให้พอเป็นพิธีเท่านั้น จะเหลือเพียง ราโมน่าญาติสาวผู้น้องที่ไหว้เขา พร้อมเอ่ยทักทายแผ่วเบา
“สวัสดีค่ะ พี่จิล”

ชายหนุ่มรับไหว้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“..ครับ”

ดวงตาสีเขียวฉายแววระยิบระยับสดใสยามเงยหน้าสบเขา แต่เพียงครู่เดียวก็ต้องรีบก้มหลบเก็บซ่อนความรู้สึกตื่นเต้นที่มันกำลังกระโจนอย่างลิงโลดไว้ภายในอก หันมาตั้งใจฟังสิ่งที่พวกผู้ใหญ่คุยกัน

นพคุณแย้มยิ้มกว้าง แม้ใจอยากเอนเอียงเข้าข้างชนาธิป เพราะเขาพาหลานสาวคนสวยมาให้ได้ชื่นชมใกล้ๆ แต่ติดที่ฝ่ายอชิรนั้นเป็นผู้สนับสนุนพรรครายใหญ่ เขาจึงจำต้องเลือกอยู่ข้างอชิรมากกว่า
“แหม คนกันเองทั้งนั้น..ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้คุณเข้าร่วมวงสนทนาพร้อมๆกันนั่นล่ะครับ เผื่อเราจะมีไอเดียดีๆร่วมกัน”

แม้ชนาธิปจะรู้ว่าเป็นการเชื้อเชิญตามมารยาทเท่านั้น แต่ตัวเขาแสร้งรีบตอบรับเพราะอยากจะเห็นปฏิกิริยาของคู่แข่ง
“ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอครับ และผมเองก็อยากจะหาโอกาสแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์กับคุณอชิรเหมือนกัน และคืนนี้ ก็คงจะเหมาะที่สุดแล้ว” และหันมาทางคู่แข่ง ที่ยังคงรักษาท่าทีสงบเช่นเดิม “ว่าไงครับ คุณอชิร”

“ผมก็คิดเช่นนั้น แต่ติดตรงที่ว่า เวลาของผมกับคุณมันไม่เคยว่างตรงกันเลยสักครั้ง..รวมทั้ง คืนนี้ด้วยเช่นกัน” ตอบน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนหันไปทางรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงใหญ่

“พอดีผมมีนัดสำคัญอีกงานที่ต้องรีบไป..ผมเลยขอตัวลาตรงนี้เลยนะครับ”

“อ้าว..จะกลับแล้วหรือครับ”

“ครับ ก็อย่างที่บอก ว่าผมมีนัดสำคัญ” อชิรย้ำอีกครั้ง

นพคุณเห็นความมุ่งมั่นนั้นก็เกรงใจ “อะ..ครับ..แล้วพบกันใหม่นะครับ”

“ครับ..”
อชิรหันเดินนำคนของตนก้าวจากมา

จตุพล ลอบตวัดสายตาตำหนิน้องชายถึงความผิดพลาดในครั้งนี้ ก่อนก้าวตามอชิรไป

นพคุณ เห็นว่าไม่มีอะไรแก้ไขได้แล้ว และมันก็เป็นเพียงความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆเท่านั้น จึงไม่คิดจะใส่ใจ และที่สำคัญ ตอนนี้เขามีสิ่งที่น่าสนใจกว่าอยู่ตรงหน้านี้แล้ว จะมัวไปเสียเวลากับเรื่องอื่นอีกทำไม
สายตากะลิ้มกะเหลี่ยลอบมองหญิงสาวที่หมายปอง ก่อนยิ้มร่าพูดคุยกับชนาธิปเพื่อเชื้อเชิญทั้งหมดให้ไปนั่งร่วมโต๊ะ เพราะตนนั้นเริ่มเมื่อยแล้ว..สองสาวก้าวตามผู้ใหญ่ไปเงียบๆ แต่ราโมน่าลอบชายสายตามองตามร่างของอนาวินด้วยความเสียดาย เพราะอยากจะอยู่ใกล้ชิดเขาให้นานกว่านี้ ถึงแม้ว่าเขาจะจำไม่ได้ ว่าเธอเคยเป็นรุ่นน้องร่วมสถาบันเดียวกับเขาสมัยชั้นมัธยมก็ตาม แต่เพียงครู่จำต้องรีบหันสายตากลับมาจากเสียงกระซิบของชญาภา ที่เปรยออกมาคล้ายหยามหยัน

“รู้สึกว่าเสน่ห์ของเธอมันใช้ไม่ได้ผลกับนายคนนั้นเลยนะ”

ชญาภามักจะติดตามบิดาออกงานสังคมหลายครั้ง และทุกครั้งเธอจำต้องเก็บซ่อนความไม่พอใจ เพราะบิดามักจะพาญาติสาวผู้น้องที่อ่อนกว่าสามปี ให้ติดสอยห้อยตามมาด้วยทุกครั้ง แม้จะรู้ว่า บิดาหมายจะใช้ชื่อเสียงและหน้าตาของญาติสาวเรียกความสนใจของผู้คน แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะหงุดหงิดกับสายตาของใครหลายๆคนที่เปรียบเทียบความสวยงามซึ่งเธอก็รู้ดีว่าตนนั้นด้อยกว่าญาติผู้น้องคนนี้อยู่มาก และความสนใจทั้งหมดก็จะข้ามหัวเธอไปรุมล้อมอยู่ที่ญาติสาวจนหมด ในขณะที่เธอ..มีค่าไม่ต่างอะไรกับหัวหลักหัวตอ !

จนกระทั่ง..พวกเธอได้พบกับอนาวินภายในงานเลี้ยงแห่งหนึ่งเมื่อหลายเดือนก่อน และเธอมารู้ทีหลังว่า เขาเป็นรุ่นพี่สมัยเรียนมัธยมของญาติสาว ซึ่งดูจะชื่นชมชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย แต่อีกฝ่ายแสดงท่าทีเมินเฉย ไม่ได้หลงใหลในความสวยงามที่เห็นแม้สักนิดเดียว มิหนำซ้ำ ยังมีทีท่าว่าจะจำรุ่นน้องของตัวเองไม่ได้เสียด้วยซ้ำ ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก

ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลตวัดมองผู้พูดอย่างไม่พอใจในคำกระทบกระเทียบ แม้ว่าสิ่งที่ญาติผู้พี่พูดออกมานั้นจะเป็นความจริง..เพราะทุกครั้งที่เจออนาวินตามงานเลี้ยง เขาก็ยังคงรักษาระดับความเฉยชาได้เสมอต้นเสมอปลาย โดยความสวยงามที่เธอเคยภาคภูมิใจนักหนา ไม่สามารถสะกิดใจให้เขาสนใจในตัวเธอได้เลยแม้สักนิดเดียว

และชญาภาก็ยังคงตอกย้ำความเป็นจริงอีกข้อให้เธอได้สำนึก
“แล้วอีกอย่าง..อย่าลืมเสียล่ะว่าผู้ชายคนนั้นน่ะ เป็นศัตรูของเรา”

ราโมน่าแย้งในใจ
‘พี่จิลเป็นแค่คนของคู่แข่งเท่านั้น ไม่ใช่ศัตรูเสียหน่อย’

แต่จำต้องปิดปากเงียบ เพราะชญาภานั้นไม่ค่อยชอบหน้าตนเองนัก ขืนต่อปากต่อคำมากกว่านี้ แล้วมันจะลุกลามสร้างปัญหาหนักใจให้กับคุณลุงที่ชุบเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เล็ก..พลางตวัดสายตามองไปยังร่างอุ้ยอ้ายของนพคุณ

และอีกอย่าง..ถ้าหากว่าไม่สำนึกบุญคุณของคุณลุงแล้วล่ะก็ เธอจะไม่มีวันยอมนั่งร่วมโต๊ะกับไอ้อ้วนจอมหื่นคนนี้เด็ดขาด!


อนาวินเห็นว่าจตุพลเดินตามมาด้วย เขาจึงเลี่ยงจากบิดามาเดินเคียงข้างฝั่งของผู้เป็นอาแทน และฟังการสนทนาไปเงียบๆ ซึ่งจตุพลเอ่ยขึ้นมาก่อน
“คุณน่าจะอยู่ฟังฝ่ายนั้นหน่อยนะครับ ว่าเขาจะมีลูกล่อลูกชนอย่างไง”

“ผมไม่เห็นถึงความจำเป็น เพราะทุกเรื่องที่ผ่านน้องคุณ มันก็จะเลยมาถึงคุณอยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ”

“มันก็ใช่..”

“เพราะอย่างนี้ไง มันจึงไม่มีอะไรให้น่ากังวล”

จตุพลยิ้มรับเต็มดวงหน้า กับความไว้วางใจที่อชิรมีให้

“แล้วค่อยพบกันในห้องประชุมนะ คุณจตุพล”

“ครับ แล้วค่อยพบกัน”


เมื่อแยกจากจตุพล อนาวินก็กลับมาเดินเคียงข้างบิดาอีกครั้ง และถูกตั้งคำถามทันที
“เรารู้จักหลานสาวของนายชนาธิปเป็นการส่วนตัวเรอะ”

“ก็แค่เคยอยู่โรงเรียนเดียวกันน่ะป๊า”

ตัวเขาเองก็อยากจะลืมเหมือนกันว่าเคยรู้จักผู้หญิงคนนั้นมาก่อน แต่เขาก็ทำไม่ได้แม้ว่าจะผ่านมาแล้วเป็นสิบปี เพราะยังติดตากับภาพของตัวเองที่ยืนซักกระโปรงนักเรียนให้เจ้าหล่อนในห้องน้ำหญิง โดยไม่รู้เลยว่า เธอคือคนของคู่แข่งทางธุรกิจ และไม่รู้ว่าหลังจากนั้น เรื่องของเขาจะถูกโพนทะนาให้ใครต่อใครได้รับรู้อีกมากน้อยแค่ไหน เพราะหลังจากสำเร็จการศึกษาในชั้นมัธยมปลาย เขาก็เดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศจนจบปริญญาโทถึงได้กลับมา

แต่เมื่อต้องมาพบกันอีกครั้ง ไม่นึกว่าเด็กหญิงตัวยาวเก้งก้างเมื่อสิบปีก่อน จะเติบโตเป็นสาวสวยแสนเย้ายวนใจได้ถึงเพียงนี้ โดยเฉพาะ ดวงตากลมโตสีเขียวน้ำทะเลสุกใสคู่นั้น มันคอยจะสะกดให้เขาเฝ้ามองความสวยงามที่เสมือนมีมนต์สะกดให้จิตใจลุ่มหลงดำดิ่งสู่ห้วงเวลาที่แสนวิเศษจนไม่อยากละสายตาไปไหน และเขาจะหงุดหงิดทุกครั้งยามที่ต้องเผชิญหน้ากัน เพราะเสน่ห์ที่เธอมีมันทำให้เขาต้องใช้พลังงานอย่างหนักในการควบคุมความรู้สึกรุ่มร้อนด้วยอารมณ์ดิบของตนให้สงบนิ่ง พลางคิดว่า หากเธอไม่ใช่คนของ รัตนากร รับรองได้ว่าเขาไม่มีทางปล่อยให้เธอตามมายั่วยวน รังควานในความคิดคำนึงเช่นนี้..เพราะเขาจะจัดการกับเธอขั้นเด็ดขาด ให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป!

“จิล..”

เสียงเรียก กระชากเขาหลุดจากภวังค์ “ครับ” และตั้งใจฟังว่า บิดาต้องการจะพูดอะไร

“อย่าเผลอใจไปกับความสวยงามที่เห็นล่ะ เพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นคนของ รัตนากร” ผู้ให้กำเนิดเอ่ยเตือนเสียงราบเรียบ ราวจะหยั่งลึกถึงจิตใจของบุตรชาย

“ไม่มีทางหรอกป๊า ผมไม่เคยข้องแวะกับผู้หญิงคนนั้นอยู่แล้ว..ไม่มีทางที่ผมจะไปชอบเธอหรอก” ชายหนุ่มยืนยันหนักแน่นทั้งบิดา และตัวเขาเองเช่นกัน.. ‘ใช่ มันไม่มีทาง!’

“ก็ดี..ป๊าไม่ชอบให้มีเรื่องยุ่งยากเกิดขึ้นในภายหลัง”

“ผมก็ไม่ชอบเหมือนกันน่า” พลางพยายามตัดภาพของราโมน่าออกจากในหัว


กลุ่มของอชิรไปลาผู้จัดงานซึ่งเป็นหนึ่งในคณะบริหารของรัฐบาล ก่อนจะพากันออกจากห้องบอลรูมลงมายังชั้นล่างด้านหน้าโรงแรม เพื่อคอยรถยนต์ที่ลูกน้องขับมารับ

และอชิรเอ่ยกับบุตรชาย
“เรากลับบ้านไปก่อนนะ ป๊ากับกู๋จะแวะไปที่บ่อนหน่อย”

“ครับ..กลับบ้านเลยก็ดีเหมือนกัน พรุ่งนี้ผมมีนัดตอนเช้าด้วย”

ศราที่นิ่งเงียบฟังสองพ่อลูกอยู่นาน ก็เอ่ยออกมาบ้าง
“นัดกับสาวสิท่า หน้าระรื่นเชียว”

“แค่เพื่อนๆกันเท่านั้นล่ะอากู๋..ไม่ใช่คนพิเศษอะไรเลย”

ศราไหวไหล่
“อั๊วก็ไม่ได้ว่าอะไร้..แค่เดาเรื่อยเปื่อยไปอย่างนั้นเอง”

“ผมยังไม่อยากหาเรื่องยุ่งยากมาถ่วงคอน่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะครืน และรถเอสยูวีสีดำของเหล่าบอดี้การ์ดก็ขับผ่านจอดเลยหน้าไปไม่กี่เมตรเพื่อเว้นระยะให้รถของบิดาปราดเข้ามาจอดรับผู้เป็นนายได้พอดี

“กู๊ดไนท์นะป๊า”

อชิรพยักหน้ายิ้มรับให้กับลูก ที่เดินไปขึ้นรถสปอร์ตสีดำ ซึ่งคนสนิทขับมาจอดต่อท้ายจากรถของเขา และแล่นปราดขึ้นหน้าออกไปก่อนโดยไม่รอ ตามวิสัยที่ค่อนข้างใจร้อนของลูกชาย


.....

อชิรเดินนำศราก้าวเข้ามาภายในกาสิโนใหญ่ ซึ่งในอดีตตั้งแต่ที่ก๋งสร้างมันขึ้นมา และเจริญเฟื่องฟูที่สุดในยุคของเขาจนกลายเป็นอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ เปรียบเสมือนสวรรค์และนรกในคราวเดียวกันให้กับเหล่านักพนันที่ผลัดเปลี่ยนวนเวียนเข้ามากันอย่างเนืองแน่น..ทว่า ในขณะนี้ อาณาจักรแห่งนี้ไม่ได้รุ่งเรืองเช่นแต่ก่อนแล้ว แต่กำลังนับถอยหลังรอวันปิดตัวลงอย่างสมบูรณ์ เฉกเช่นไนต์คลับสำหรับรับรองบุคคลชั้นสูงที่เขาเคยมีก็ได้ปิดตัวลง นับตั้งแต่วินาทีแรกที่สองมือเขาได้โอบอุ้มลูกสาวตัวน้อย ที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจเมื่อหลายสิบปีก่อน..

เมื่อก่อนเขาไม่เคยจะเชื่อถือเรื่องของบาป-บุญนัก จนกระทั่งมีลูก ทัศนคติที่มีมันค่อยๆเปลี่ยนไป จิตใจที่แข็งกระด้างไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด กลับหวั่นไหวหวาดหวั่นทุกครั้งยามเมื่อคิดถึงสิ่งที่จะมากระทบทั้งร่างกายและจิตใจของลูกๆ ทำให้เขาต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตตนเองให้อยู่ในแนวทางที่ปลอดภัยและมั่นคงที่สุด เพื่อจะได้มีชีวิตสำหรับมองดูความสุขของบุคคลที่ตนเองรักให้ยาวนานที่สุด เท่าที่สังขารนี้จะเอื้ออำนวย

แต่สำหรับกาสิโน ที่มีสายป่านยาวกว่าไนต์คลับมากนักหากปิดตัวลงกะทันหัน ผลกระทบที่มีก็เปรียบเสมือนระลอกคลื่นที่กระเพื่อมขยายเป็นวงกว้าง กระทบต่อวงจรชีวิตของผู้คนที่วนเวียนอยู่ในวัฎจักรแห่งนี้ และยอมรับว่า ลูกน้องของเขาหลายร้อยชีวิตภายในกาสิโนแห่งนี้มีพฤติกรรมที่หมิ่นเหม่ต่อการเป็นอาชญากรทุกรูปแบบ หากจู่ๆตัดเส้นทางทำมาหากินโดยไม่มีเวลาให้ตั้งตัว มันจะเป็นการเปิดช่องทางซ้ำเติมสังคมที่นับวันจะเสื่อมถอยให้ยิ่งทรุดโทรมลงไปอีก

สองขาก้าวขึ้นตามขั้นบันไดสู่ชั้นบนอย่างเชื่องช้าพลางกวาดสายตามองไปรอบๆสถานที่อันโอ่อ่า ซึมซับกับภาพความสับสนวุ่นวายที่คุ้นชินกับมันมายาวนาน จนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา..แต่ไม่ว่าอย่างไร กาสิโนแห่งนี้จำต้องจบสิ้นลงในไม่ช้านี้ ไม่เช่นนั้น..ความยิ่งใหญ่ที่มีพลังอันมหาศาลของมัน จะฉุดดึงลูกชายให้หลงวนเวียนอยู่ในความดำมืดเฉกเช่นตัวเขา ซึ่งเขาไม่ปรารถนาให้มันเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด

เมื่อผู้เป็นนายทั้งสองเข้าไปอยู่ภายในห้องทำงานชั้นบน และสามบอดี้การ์ดยืนเฝ้าประจำจุดบริเวณหน้าห้องเช่นเดิม เหลือแต่บรรดาผู้ติดตามอีกสี่ชีวิตจึงเดินทักทายเพื่อนๆที่มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในสถานที่แห่งนี้ ก่อนเลยไปยังห้องด้านในที่ใช้เป็นห้องสันทนาการของเหล่าพนักงาน และพบกับอดีตสามบอดี้การ์ดที่เคยอยู่เคียงข้างผู้เป็นนายมานับสิบปี จนสังขารไม่เอื้ออำนวยจำต้องถอยห่างเปิดโอกาสให้เด็กรุ่นหลังเข้ามาทำหน้าที่ปกป้องผู้เป็นนาย โดยที่พวกเขาทั้งสามเป็นคนฝึกฝนคัดเลือกด้วยตนเอง และคอยดูแลกิจการอื่นๆตามคำสั่งของผู้เป็นนายแทน

เสียงหัวเราะลั่นห้องของหนึ่งในอดีตบอดี้การ์ดร่างใหญ่ดังขึ้นหลังจากที่สามารถชนะการแข่งขันงัดข้อกับหนุ่มรุ่นลูกอย่างขาวสะอาด และร่างของเพื่อนคู่หูกำลังเดินไล่เก็บเงินเดิมพันด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม ก่อนแจกจ่ายให้กับผู้ที่พนันข้างเดียวกับตน ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกโวยวายไปตามประสาของฝ่ายที่แพ้

“ฮ่ะ ฮ่า..ไปฝึกมาอีกไอ้ลูกชาย”

ชายวัยห้าสิบตอนปลายพูดเยาะเย้ยกับคู่ต่อสู้ที่นั่งเท้าคางทำหน้าเซ็ง ก่อนร่างใหญ่โตจะลุกขึ้นยืนพร้อมชูท่อนแขนอันทรงพลังสุดแขนหมุนร่างไปรอบๆยิ้มร่าให้กับกองเชียร์ที่พากันตบมือเกลียว จนเพื่อนรักเดินเข้ามากระทบไหล่จึงพากันเดินแยกออกจากกลุ่มไปหาเพื่อนรุ่นน้องอีกคนที่ยืนกอดอกพิงผนังห้องมองกิจกรรมยามว่างอยู่เงียบๆ

และผู้ที่ชนะเมื่อครู่ก็เริ่มพูดราวจะอวดตัว
“เฮ้อ ยังไม่ทันได้ออกแรงเท่าไหร่เลย ก็ได้เงินมาใช้ฟรีๆว่ะ” แล้วก็หันไปถามเพื่อนที่ทำตัวเป็นเจ้ามือรับพนันเมื่อครู่ “งวดนี้ได้มาเท่าไหร่วะไอ้ไมค์”

“ตึ้บๆเลยว่ะ” ผู้ถูกถามตอบพร้อมตบเงินก้อนในมือ ก่อนจะแบ่งให้เพื่อนตามที่ตกลงกันและก็เลยไปถามรุ่นน้อง
“เสี่ยมารึยังวะไอ้ตฤน”

“เพิ่งมาเมื่อกี้เอง”

“เรอะ”

เพราะปกติพวกเขาก็ไม่ได้มาที่นี่บ่อยนัก เพราะมีงานอื่นที่ต้องดูแลไม่เคยว่างเว้น แต่เพราะเป็นคำสั่งของผู้เป็นนาย ค่ำคืนนี้พวกเขาเลยได้มีโอกาสกลับมาพบปะสังสรรค์กับพรรคพวกทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นน้องจนหน่ำใจ และไม่กี่อึดใจบรรดาผู้ติดตามของเจ้านายก็ยิ้มร่าเข้ามาหา บทสนทนาต่างๆจึงพรั่งพรูอย่างครื้นเครง ขณะรอเวลาเจ้านายเรียกหา..จนกระทั่ง..เวลาล่วงเลยเกือบถึงเที่ยงคืน ทั้งสามถูกผู้เป็นนายเรียกให้ขึ้นไปพบภายในห้องทำงาน เพื่อมอบหมายงานชิ้นต่อไปให้พวกเขาทำ

จากนั้น อชิรเตรียมตัวจะกลับบ้าน แต่ขณะที่เดินออกจากกาสิโน เขาหันมาพูดกับ ตฤน
“มากับอั๊ว..อั๊วมีเรื่องจะพูดด้วย”

ใบหน้าที่มีแผลเป็นยาวสะดุดสายตาผู้คนหันมองผู้เป็นนายอย่างกังขา และอชิรเอ่ยขยายความออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“เรื่องของหนูเล็ก กับเจ้าเต้..”

ประโยคสั้นๆเพียงแค่นั้นของผู้เป็นนาย แต่สร้างความรู้สึกสะท้านสะเทือนไปตลอดแนวไขสันหลังของคนฟังให้ร้อนๆหนาวๆ

รถยนต์สามคันจอดเรียงรอผู้เป็นนายใหญ่อยู่ที่เชิงบันได ยักษ์พาร่างใหญ่โตของตนเดินขึ้นนั่งข้างคนขับของรถคันแรก นำรถของผู้เป็นนายที่มีบอดี้การ์ดนั่งอยู่ด้านหน้าสองคน ส่วนบอดี้การ์ดอีกคนตามศราไปนั่งภายในรถยนต์คันที่สามเพราะตอนนี้ผู้เป็นนายใหญ่ต้องการพื้นที่ส่วนตัวเพื่อพูดธุระสำคัญกับอดีตคนสนิท และไมค์ขับรถยนต์ของเขาเองตามไปเป็นคันสุดท้าย..ขบวนรถเคลื่อนไปตามเส้นทางสู่จุดหมายปลายทางได้ไม่นานนัก เส้นทางที่เคยใช้กลับถูกปิดด้วยแผ่นป้ายที่มีไฟสีส้มดวงเล็กหมุนวนอยู่ด้านบนขวางถนน เขียนข้อความบ่งบอกว่ากำลังมีการก่อสร้างทางข้างหน้า และมีเจ้าหน้าที่สองคนสวมชุดสะท้อนแสงกำลังยืนโบกไฟชี้ให้ใช้เส้นทางเบี่ยง ซึ่งคนขับก็จำต้องหักพวงมาลัยไปตามเส้นทางใหม่ที่ไม่คุ้นเคย

ยักษ์ชะงักคำพูดกับบุคคลภายในรถด้วยความฉงน เพราะเมื่อเช้ายังไม่เห็นว่าจะมีวี่แววของการก่อสร้างเลยแม้แต่น้อย และเส้นทางนี้ค่อนข้างเปลี่ยวจนลางสังหรณ์ตื่นตัวส่งกระแสหวาดระแวงถึงภัยอันตราย เขามองหาเพื่อนร่วมทางซึ่งขณะนี้นอกจากขบวนรถของเจ้านายแล้ว ก็มีเพียงรถบรรทุกที่มีเพียงส่วนหัวเท่านั้นที่วิ่งนำอยู่ข้างหน้าโดยทิ้งระยะไม่ห่างนัก และรถยนต์สีเทาติดฟิล์มทึบอีกคันที่แล่นด้วยความเร็วขนาบข้างระหว่างรถยนต์ของนายใหญ่กับรถยนต์ของศรา

“ชักแหม่งๆแล้ววะ..”

ยักษ์พึมพำก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาหวังกดหาไมค์ แต่ไม่สามารถโทรออกได้ จึงให้คนอื่นหยิบโทรศัพท์ออกมาลองกดโทรออก แต่ก็ไม่สามารถโทรได้เช่นกัน ทั้งๆที่พื้นที่ส่วนนี้ไม่ได้เป็นจุดอับสัญญาณเลย สัญญาณเตือนภัยในส่วนลึกของยักษ์เด่นชัดทันที

“สัญญาณถูกบล็อก! เปิดไฟกระพริบส่งสัญญาณให้คันหลัง แล้วก็เลี้ยวกลับทางเก่าเลย เร็ว” เขาออกคำสั่งกับคนขับ

ในขณะเดียวกัน ไมค์เหลือบมองกระจกส่องหลังเมื่อรู้สึกถึงความผิดสังเกตเช่นกัน และทันเห็นว่ามีเงาของคนลากแผ่นป้ายมากั้นขวางเส้นทางที่เขาเพิ่งจะผ่านมาเมื่อครู่และอีกคนกำลังโบกไฟไล่รถยนต์คันอื่นให้เลี้ยวไปใช้เส้นทางดินที่ถมข้ามไปสู่ถนนอีกเส้น จึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือบอกเพื่อนที่นั่งคันหน้าให้เปลี่ยนเส้นทาง แต่ก็ไม่สามารถโทรออกได้ จึงเปิดไฟสูงกระพริบส่งสัญญาณเตือนถึงคันหน้า และหมายจะเร่งเครื่องไล่บี้เจ้ารถยนต์สีเทาคันหน้าให้ขับออกไปให้พ้นทาง แต่เห็นไฟท้ายรถยนต์ของศรากระพริบไฟพร้อมชะลดความเร็ว ในที่สุดก็จอดนิ่ง เพื่อรอให้รถที่ส่งสัญญาณคันหน้ากำลังพยายามตีวงเลี้ยวกลับมา และทุกคนภายในรถทั้งสี่ก็เตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์เหนือความคาดหมาย รวมทั้ง อชิรและตฤนที่ชะงักคำพูดทันที

และในฉับพลัน ! ร่างของทั้งสองกระเด็นกระดอนกระแทกข้างตัวรถอย่างแรงกับแรงระเบิดที่ตกใส่ข้างตัวรถและยังไม่ทันจะตั้งสติได้ ตัวรถคันใหญ่พร้อมสมรรถนะกันกระสุนก็กระเด็นจนพลิกตะแคงข้างกับแรงระเบิดที่หมายทำลายล้างให้เป็นจุล!

ตฤนพยายามลืมตากวาดมองหาผู้เป็นนายในความรางเลือนของสติที่ยังอื้ออึง พร้อมๆกับอาการเจ็บร้าวบริเวณชายโครงจนหายใจแทบไม่ออก

“..เสี่ย..”

และในความพร่าเลือนของสายตา แต่ยังมองเห็นร่างของผู้เป็นนายแน่นิ่งกับกับเศษซากกระจัดกระจายของเศษชิ้นส่วนความเสียหาย แต่เพียงเสี้ยวอึดใจ ตัวรถพลัน! ถอยครูดกับพื้นถนนจนเกิดประกายไฟไปชนกับซากรถคันหลังให้เขาหมุนงุนงง ได้แต่พยายามข่มความเจ็บปวดไขว่คว้าร่างของผู้เป็นนายไว้หมายปกป้อง

ไมค์ยังนั่งมึนงงอยู่หลังพวงมาลัย หูอื้อกับแรงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นซึ่งมีสาเหตุมาจากลำแสงแปลกปลอมแหวกอากาศในความมืดพุ่งเข้าใส่รถยนต์ของผู้เป็นนาย แต่ด้วยอาจจะเป็นเพราะยังไม่ได้ระยะที่หวังผล จึงทำให้พลาดเป้า แต่กระนั้น ความรุนแรงของมันก็สามารถทำให้รถยนต์กระเด็นถอยมาชนกับรถยนต์ของศราอย่างจัง แต่ยังไม่ทันตั้งสติได้ ลำแสงถูกยิงพุ่งมาอีกครั้ง และครั้งนี้ แม้ว่ารถยนต์ของเจ้านายจะมีสมรรถนะยอดเยี่ยม แต่แรงระเบิดของมันหวังผลเต็มที่ แม้จะไม่โดนอย่างจัง แต่ก็สามารถสร้างความเสียหายรุนแรงรวมทั้งรถคันที่อยู่ใกล้ด้วย

เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของไมค์ตลอด และมันเกิดขึ้นรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้มีเวลาตั้งตัว และขณะที่กำลังจะเปิดประตูรถลงไปหาผู้เป็นนาย เจ้ารถบรรทุกที่อยู่ด้านหน้าก็ส่งเสียงคำรามลั่นถอยหลังพุ่งชนเข้ากลางลำของรถยนต์คันที่ยักษ์นั่งอยู่ หมายบดขยี้ให้แหลกจนกระแทกซ้ำเข้ากับรถของเจ้านายจนหมุนคว้างพลิกหงายตกข้างทางรวมทั้งรถของศราเช่นกัน และเจ้ายักษ์ใหญ่ยังคงพุ่งถอยหมายบดขยี้เขาอีกคัน แต่ไมค์ยังพอมีเวลาตั้งสติได้ทัน รีบเข้าเกียร์ถอยหลังสุดตัว และชักปืนพกยื่นออกไปนอกรถลั่นกระสุนเข้าใส่ฝั่งคนขับ แต่ก็รีบหลบวูบ เมื่อคนที่นั่งอยู่ในรถสีเทาที่ขับถอยตามมาเลื่อนกระจกลงสาดกระสุนใส่ ไมค์เหยียบคันเร่งจนมิด พร้อมเปิดเบาะคนนั่งข้างตัวขึ้นมีปืนกลมือสองกระบอกพร้อมเครื่องกระสุน เขาคว้ามาหนึ่งกระบอกยิงรัวทะลุกระจกหน้ารถมุ่งใส่กระจกฝั่งคนขับรถบรรทุกที่ยังถอยตามมาบี้ และไม่กี่อึดใจ ความเร็วของรถบรรทุกก็ชะลอ และยังไม่ทันสงบนิ่ง ไมค์ก็หักพวงมาลัยหลบรถบรรทุก เพื่อเปลี่ยนเกียร์เดินหน้าพุ่งชนท้ายเจ้ารถสีเทาอย่างจัง

รถยนต์ทั้งสองคันแน่นิ่งกับแรงปะทะไม่กี่อึดใจ บุคคลในรถก็เปิดฉากยิงใส่กัน ไมค์ก้มหมอบหลังคอนโซลพร้อมคว้าปืนกลมืออีกกระบอกเปิดประตูพาตัวเองออกมานอกรถ ก่อนกระชับปืนทั้งสองกระบอกในมือปักหลักยิงรัวอย่างบ้าคลั่ง ไม่สนใจคมกระสุนร้อนๆที่พุ่งเฉี่ยวผิวเนื้อ และขณะนั้นผู้ติดตามอีกสองคนกำลังพยายามพาสังขารที่ชุ่มโชกด้วยเลือดคลานออกมาจากซากรถที่ถูกรถบรรทุกชนจนตกถนน ก็กัดฟันข่มอาการเจ็บร้าวทั่วเนื้อตัวช่วยกันกระหน่ำกระสุนจากปืนพกใส่คนที่นั่งในรถสีเทาอีกทางจนพรุน..และระเบิดในที่สุด

ร่างของผู้ติดตามทั้งสองทรุดลงไปนอนหอบหายใจระรวยกับพื้น
ไมค์วิ่งเข้ามาดู
“แล้วคนอื่นๆล่ะ”

ทั้งสองเพียงแค่ส่ายหน้า แต่ภาพของเพื่อนร่วมอาชีพที่ถูกบดเบียดกับซากเศษเหล็กยังเด่นชัดติดตา ไมค์กัดฟันแน่น เมื่อคิดถึงชะตากรรมของเพื่อนรักที่เป็นหนึ่งในนั้น..เขาหายใจลึกข่มกลั้นความเศร้าโศก เพราะยังมีสิ่งสำคัญที่ต้องทำ

“แข็งใจลุกขึ้นมา”

เขาพูดคล้ายจะออกคำสั่ง ก่อนวิ่งไปยังรถยนต์ของผู้เป็นนาย และขณะนั้นเห็นบอดี้การ์ดหนุ่มที่ศีรษะอาบด้วยเลือดไหลเป็นทาง กำลังพยายามฉุดดึงร่างของศราออกมาจากซากรถ ส่วนอีกสองคนที่นั่งด้านหน้าไม่เหลือลมหายใจแล้ว..ไมค์รีบเข้าช่วยอีกแรง และไม่กี่อึดใจก็สามารถดึงร่างของนายออกมาได้ และแม้ว่าศราจะยังมีลมหายใจอยู่ แต่ก็แผ่วเบาจนน่าใจหาย ทั้งสองประคองวางร่างนั้นลงนอนราบ ก่อนรีบวิ่งไปหานายใหญ่ ซึ่งร่างของคนขับนั้นเหวอะหวะทั้งซีกด้านขวาจากแรงระเบิดที่สามารถฉีกเนื้อเหล็กกล้า และอีกคนที่นั่งข้างแม้ว่าจะยังมีสติ แต่ร่างกายที่ได้รับบาดแผลฉกรรจ์ก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้ ในขณะที่ห้องผู้โดยสารตอนหลัง อีกสองร่างยังคงสลบแน่นิ่ง

“เสี่ย! ตฤน!”

ไมค์ตะโกนเรียก ก่อนพยายามช่วยบอดี้การ์ดหนุ่มกระชากดึงบานประตูที่เผยอเปิดจากความเสียหายที่ได้รับ
และขณะนั้น ตฤนก็เริ่มได้สติ พร้อมๆกับมือของเพื่อนรุ่นพี่ดึงลากเขาออกจากซากรถ ก่อนจะช่วยกันดึงร่างไร้สติของผู้เป็นนายที่อยู่ด้านในออกมา ก่อนที่บอดี้การ์ดหนุ่มจะลองใช้โทรศัพท์มือถืออีกครั้ง และคราวนี้ มันสามารถทำงานได้ ซึ่งคาดว่าอาจเป็นเพราะเจ้ารถคันสีเทาคันที่ระเบิดไปเมื่อครู่มีเครื่องบล็อกสัญญาณโทรศัพท์อยู่ภายใน และเมื่อสิ่งที่กั้นขวางถูกทำลาย สัญญาณจึงกลับมาใช้ได้อีกครั้ง และเรียกคนที่กาสิโน ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดให้มารับพร้อมรถพยาบาล

แต่ไมค์แย้งขึ้นมา
“เราจะรอตรงนี้ไม่ได้..มันยังไม่จบแค่นี้แน่”

และยังไม่ทันขาดคำ เสียงกลุ่มรถยนต์แล่นเข้ามาใกล้ ตฤนที่ยังนั่งกับพื้นรีบบอกไมค์
“พี่รีบพาเสี่ยกับคุณก้องหนีไปเร็ว เดี๋ยวผมถ่วงเวลาให้”

“ไปด้วยกันสิวะ” ไมค์เค้นเสียงเข้ม

ตฤนส่ายหน้า
“ผมไม่ไหวแล้ว..พี่รีบไปเร็วๆเข้า”

ไมค์สบสายตานิ่งขึงกับเพื่อน ก่อนจำใจส่งปืนในมือให้ และเอ่ยคำลาเสียงเครือ
“แล้วค่อยเจอกันใหม่นะ ไอ้น้องชาย”

เพื่อนรุ่นน้องเพียงแค่ยิ้มรับ สีหน้ายังคงสงบนิ่งไม่หวาดหวั่นกับสิ่งที่กำลังจะเกิด จะมีเพียงความคิดคำนึงถึงบุคคลที่อยู่ข้างหลังเท่านั้น แต่เขาก็ไม่มีถ้อยคำสุดท้ายที่จะฝากไปถึง เพราะช่วงชีวิตที่ผ่านมา เขาได้ใช้วันเวลาทุกนาทีทำดีที่สุดแล้วทั้งในฐานะของสามี และพ่อของลูก

ตฤนมองตามร่างของไมค์ที่แบกร่างของเจ้านายและตามด้วยบอดี้การ์ดหนุ่มแบกร่างของศราวิ่งตัดทุ่งโล่งในความมืดสู่ชายป่า และผู้ติดตามอีกสองคนก็ช่วยกันพยุงร่างมาทรุดนั่งเคียงข้าง และหนึ่งในสองก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มท้าทาย

“มาพนันกันดีกว่า ว่าใครจะเก็บแต้มได้มากกว่ากัน”

เพื่อนคู่หูแค่นยิ้มตอบกลับอย่างยากเย็นด้วยบาดแผลฉกรรจ์ที่สร้างความปวดร้าวทั่วร่าง แม้แค่การขยับหายใจยังให้ความรู้สึกเจ็บแปลบ

“ได้เลย”

และคนท้าก็เลยมายังตฤน
“พี่ล่ะ จะรับพนันผมไหม”

ตฤนตอบน้ำเสียงราบเรียบ “หมดตัว”

และเสียงแหบระโหยของคนที่นั่งข้างคนขับก็แว่วมา
“เฮ้ย..ข้าเอาด้วย..” แล้วก็กระอักไอออกมาเป็นลิ่มเลือด มือข้างซ้ายโชกเลือดสั่นเทา แต่มันก็ยังพอมีแรงกระชับด้ามปืน

อีกสามชีวิตที่นั่งพิงหลังซากรถหัวเราะครืน..และมันคงเป็นเสียงหัวเราะสุดท้ายในค่ำคืนนี้ ที่พวกเขาจะได้ยินร่วมกัน


ไมค์และบอดี้การ์ดหนุ่มชะงักเท้าที่กำลังวิ่ง เมื่อเสียงปะทะดังขึ้นอย่างดุเดือดจากด้านหลัง ไม่กี่อึดใจทั้งสองก็เร่งรีบออกวิ่งอีกครั้งพาเจ้านายออกให้ห่างที่สุด พร้อมๆกับเสียงปืนที่ยังดังกึกก้องสะท้อนสะท้านปวดร้าวอยู่ภายในใจ จนเสียงนั้นเริ่มทิ้งช่วงห่าง และเงียบลงเป็นสัญญาณสิ้นสุดของการต่อสู้..ไมค์ขบกรามแน่น ไม่ว่าคนกลุ่มนี้จะเป็นใคร เขาจะพลิกแผ่นดินตามล่าพวกมันให้ถึงที่สุด !

........................................................................................

จบตอนค่ะ
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ



ระรินใจ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ม.ค. 2555, 00:44:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ม.ค. 2555, 00:44:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 4594





   ตอนที่ ๒ >>
Zephyr 25 ม.ค. 2555, 01:14:05 น.
เอ่อ จะโละตัวละครเก่าๆโละกันดีๆก็ได้ค่ะ ^^
เปิดมาตายเรียบเลย เหลือไม่กี่คนเอง เฮ้อ มันเศร้า
พี่จิลไปช่วยป๊าเร็ว ป๊ากะอากู๋แย่แล้ววววววว


alecigor 25 ม.ค. 2555, 02:16:59 น.
เหอ...ดุเดือดตั้งแต่ตอนแรกเลย น่าสงสารตัวละครที่ถูกโล๊ะ ตอนต่อๆ ไปก็คงแค่ได้เข้ามาเป็นดารารับเชิญเวลาคนที่อยู่ข้างหลังระลึกถึงสินะ


อริสา 25 ม.ค. 2555, 05:52:28 น.
แง สงสารตฤณจัง หวังว่าเสี่ยเล่ยคงไม่เป็นไรมาก


Okuriumi 25 ม.ค. 2555, 08:30:05 น.
มาแล้วซิค่ะรออยู่เลย


dino 25 ม.ค. 2555, 09:10:05 น.
เปิดฉากก็เรียกน้ำตากันเลย สงสารเหล่าบอดี้การ์ด


jink 25 ม.ค. 2555, 09:15:43 น.
ขออย่าให้มีใครตายอีกเลยนะคะ เศร้า เค้าชอบตฤณอ้ะ


wind 25 ม.ค. 2555, 09:43:18 น.
เปิดมาตอนแรก ตายเกลื่อนเลย T-T


IAmJin 25 ม.ค. 2555, 10:43:36 น.
เรื่องที่แล้วพลาด ไม่ค่อยมีเวลาอ่าน เรื่องนี้ไม่พลาดแน่นอนคะ แต่ว่าทำไมเริ่มเรื่องมาก็ดาร์ม่าแล้วหล่ะคะ ไหนบอกว่าเรื่องจะออกแนวกุ๊กกิ๊กไง T_T


Kwan 25 ม.ค. 2555, 10:52:18 น.
เห็นดัวยกับความเห็นบนๆ เศร้าอ่ะ


ระรินใจ 25 ม.ค. 2555, 11:26:32 น.
คุณNeferretti === ไม่ได้โละค่ะ แค่จัดระเบียบกันใหม่เท่านั้นเอง ^^"


คุณalecigor === ก็มีนิดหน่อยค่ะ แหะๆ


คุณ อริสา === ตัวเอกยังเก็บไว้ค่า เดี๋ยวจะหาว่าเราใจร้ายเกินไป


คุณokuriumi === ความจริงว่าจะลงตั้งแต่จันทร์ที่แล้ว แต่ยังเขียนไม่ค่อยถูกใจตัวเอง เลยแก้ไขใหม่อีกนิดหน่อยค่า


คุณdino === แหะๆ เค้าขอโทดดด


คุณjink === ไม่มีใครตายแล้วค่า ส่วนตฤน คนเขียนก็หาตัวแทนไว้ให้แล้ว อิอิ ถอดแบบออกมาเหมือนกันเป๊ะเลยค่า


คุณwind === โอ๋ๆ เดี๋ยวก็ชิน..ฮ่า


คุณIAmJin === แหะๆ อย่าเพิ่งร้องไห้กันค่า เดี๋ยวคนเขียนหยอดน้ำตาลให้นะจ้ะ


คุณKwan === เดี๋ยวตอนต่อๆไปก็ไม่เศร้าแล้วค่า..รับรองเลย ^^


Canopus 25 ม.ค. 2555, 12:54:13 น.
อย่าโหดนักนะค่ะ


sai 25 ม.ค. 2555, 13:34:07 น.
ง่ะบู๊สนั่นจอมากๆๆๆๆๆ


หมูอ้วน 25 ม.ค. 2555, 13:49:40 น.
สงสารตฤนจังเลยค่ะ ฮือ...


bloomberg 25 ม.ค. 2555, 15:50:23 น.
ทรหดภักดีอยู่ในสายเลือดลูกน้องเสียเล่ยจริง ๆ ขนาดรอความตายยังหัวเราะกันได้

แค่เปิดตัว ยังมองไม่ออกว่าจิลกับน้องโม้นาจะรักกันได้ไง


smiley 25 ม.ค. 2555, 16:00:41 น.
น้องชายพ่อ ต้องเรียกว่า "อาเจ็ก" หรือเปล่าคะ "อากู๋" น่าจะใช้เรียก พี่ชายหรือน้องชายแม่นะคะ


nunoi 25 ม.ค. 2555, 17:39:24 น.
เปิดฉากมาก็เรียกน้ำตาอีกแหละ สงสารตฤนอ่ะ


ทิปปี้ 25 ม.ค. 2555, 19:49:22 น.
ง่า...สงสารตฤนอ่ะ
คนที่อยู่ในหนทางสีเทานี้ไม่มีใครที่จะสามารถออกโดยที่ตัวเองไม่ต้องเจ็บแทบไม่มีเลยนะค่ะ


anOO 25 ม.ค. 2555, 19:53:20 น.
เล่นแบบนี้เลยเหรอ แล้วเหลือใครรอดบ้างล่ะนี่


ระรินใจ 25 ม.ค. 2555, 19:54:53 น.
คุณCanopus === เรื่องนี้ไม่โหดค่า..


คุณsai === หนักๆก็มีแค่นี้ล่ะค่ะ เดี๋ยวก็เปลี่ยนไปฉากหวานๆ ขมๆแทน อิอิ


คุณหมูอ้วน === แหะๆ ชะตากรรมนี้ตฤนเตรียมใจรับมันตั้งนานแล้วค่ะ


คุณbloomberg === คือ ทำใจแล้วไงคะ ยังไงก็ตายแน่ แต่ขอตายอย่างสมศักดิ์ศรีกันหน่อย

ส่วนคู่ของจิลกับโม้นา..เดี๋ยวคนเขียนจะจัดฉากให้มีเหตุต้องมารักกันให้ได้ค่ะ เดี๋ยวคนอ่านจะหาว่าเราใจร้าย มีแต่บทโหดๆ ^^



คุณsmiley === ไอ๋หยา! ขอบคุณที่สะกิดกันค่ะ แหะๆ คนเขียนลืมไป เพราะในชีวิตจริง ส่วนใหญ่จะเรียกกันแต่"อากู๋" นาน..น้านนนน..จะได้เรียก "เจ็ก" กันที ก็เลยลืมตัว ขอบคุณอีกครั้งคร่า



คุณ nunoi === อิอิ แต่คนเขียนเตรียมส่งตัวแทนของตฤนมาไว้คอยซับน้ำตาให้แล้วนะคะ


ระรินใจ 25 ม.ค. 2555, 19:59:41 น.
คุณทิปปี้ === เส้นทางนี้ไม่มีทางออกค่ะ ตฤนเองก็รับรู้แล้วก็เตรียมใจไว้ตั้งแต่ต้น..แม้แต่เสี่ยเล่ยเองก็ยังพยายามกันลูกชายไม่ให้มีเส้นทางเหมือนตัวเองเลยค่ะ



คุณ an00 === แหะๆ..เหลือรอดแค่นั้นล่ะค่ะ ^^"


ann 25 ม.ค. 2555, 20:48:01 น.
สงสารตัวละครเก่าๆจังเลยอ้ะ โป้งคนแต่งแล้วด้วย ชิ


nutcha 26 ม.ค. 2555, 11:44:20 น.
กำลังหลงรักตฤนอยู่เชียวคนแต่งกลับทำลายความฝันเราซะเรียบเลย


ระรินใจ 26 ม.ค. 2555, 14:40:24 น.
คุณann === อย่าเพิ่งโป้งกันนะ เดี๋ยวเค้าเอาบทกุ๊กกิ๊กมาง้อนะตะเอง อิอิ


คุณnutcha === ไม่ได้ทำลายค่า แค่กำลังสร้างฝันใหม่ที่เต็มอิ่มกว่าเดิมต่างหากล่ะคะ ^_______________^


jaijing 21 เม.ย. 2555, 22:08:14 น.
ระรินใจค่า อย่าทำร้ายพระเอก,รองรุ่นเดอะมากนะค่า
มันแสดดดดดดด TOT สู้ๆค่าาา ฮือออออ


pamalika 29 ม.ค. 2556, 15:40:40 น.
จัดระเบียบตัวละครเก่าเพื่อให้ตัึวละครใหม่มาโลดแล่นในเรื่องใหม่ แต่ไงก้อให้จากไปอย่างมีศักด์ศรีนะค่ะ
ว่าแต่ซีรีย์นี้มีกี่เรื่องค่ะ "บ่วงพันธการ" นับเป็นเรื่องหนึ่งในซีรีย์นี้มั้ยคุ่ะ?


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account