หัวใจซ่อนรัก *สนพ.บีไมน์ตีพิมพ์*
การแต่งงานที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น โดยที่ฝ่ายหนึ่งไม่เต็มใจ แต่อีกฝ่าย (แอบ) เต็มใจอยู่เงียบๆ จะเป็นอย่างไม่เมื่อฝ่ายเต็มใจไม่อยากจะจบชีวิตคู่นี้ลง และฝ่ายที่ไม่เต็มใจเองก็เริ่มสับสนกับความรู้สึกของตัวเองที่เริ่มจะพอใจกับชีวิตคู่นี้เข้าแล้ว
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ข้อเสนอ

ตอนที่ 3 ข้อเสนอ

“ว่ามาสิ...ว่านายมีเรื่องอะไรให้ฉันช่วย”

พีรยาถามพลางเดินสำรวจภายในบ้านเช่า ที่ขนาดของมันก็ไม่ได้แตกต่างจากบ้านเช่าของเธอเลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าของตกแต่งภายในนี่สิมันกลับแตกต่างกันลิบลับ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนหรือราคาของเฟอร์นิเจอร์ ที่ถูกจัดวางไว้อย่างลงตัว และแน่นอนราคามันก็แพงหูฉี่ตามรสนิยมและฐานะของเจ้าของบ้าน

“เธอก็นั่งซะทีสิ มัวแต่เดินดูนั่นดูนี่อยู่ได้ ไม่เคยเห็นหรือไง”

“นี่นายซื้อของพวกนี้มาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำซะไม่เหลือเค้าเดิมเลยนะ”

หญิงสาวถามพลางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาราแพง ที่เงินเดือนไม่รู้กี่เดือนของเธอถึงจะซื้อมันได้

“ก็ทยอยซื้อมาไว้เรื่อยๆ นั่นแหละ ว่าแต่เธอพร้อมจะฟังหรือยังล่ะ ทำหน้าตาตื่นเต้นอย่างกับเด็กเห็นของเล่นอย่างนั้นแหละ”

ชายหนุ่มเอ่ยกลั้วหัวเราะ

“เด็กก็ช่างฉันเถอะน่า นายรีบๆ พูดเรื่องของนายมาดีกว่า”

พีรยาเชิดหน้าพูดพลางทำหน้าบึ้ง ไม่ชอบใจนักที่ถูกหาว่าเป็นเด็กทั้งๆ ที่เธอน่ะเลยวัยเบญจเพสมาแล้วด้วยซ้ำ

“คือวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ เธอว่างหรือเปล่า”

พีรยาหันมาหรี่ตามองคนถามอย่างสงสัย แต่ก็ไม่คิดจะซักไซ้ไล่เลียงถามให้มากความ จึงพยักหน้าแทนคำตอบไป

“ช่วยเป็นแฟนฉันหน่อยสิ”

“ห๊า!”

ร่างเล็กถึงกับถอยกรูดไปจนชิดมุมโซฟาอย่างตกใจ พร้อมกับส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินมาเมื่อครู่

“เมื่อกี้ นะ...นายว่าอะไรนะ ฉันขอฟังอีกรอบเพื่อความแน่ใจ”

“ฉันบอกว่าอยากให้เธอช่วยมาเป็นแฟนฉันหน่อย…แต่เป็นแค่แฟนกำมะลอเท่านั้นนะ”

ปากที่เตรียมจะกรีดร้องด้วยความดีใจ เพราะคิดว่าผู้ชายที่หลงรักมาขอเป็นแฟนกลับต้องหุบฉับ และเผลอหลุดเสียงถอนหายใจหนักๆ ออกมาอย่างรู้สึกผิดหวัง

“เฮ้อ!”

“ทำไมถอนหายใจซะดัง แถมยังทำหน้าผิดหวังอย่างนั้นล่ะ หรืออยากเป็นแฟนของฉันจริงๆ”

“ปะ...เปล๊า ฉันแค่ถอนหายใจว่าเฮ้อ เรื่องง่ายๆ แค่นี้เอง”

คนร้อนตัวรีบปฏิเสธเสียงสูง พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติพร้อมกับพูดแก้ตัวเป็นพัลวัน กลัวอีกฝ่ายจับความรู้สึกที่แท้จริงได้

“อย่างนั้นจริงๆ เหรอ”

ชายหนุ่มแกล้งถามเสียงแหบพร่า ขยับตัวเขาไปจนชิดร่างเล็ก มองหญิงสาวด้วยสายตาเจ้าชู้อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เล่นเอาคนถูกมองถึงหน้าเอ๋อทำอะไรไม่ถูก

“จริ๊ง แล้วนี่ทำไมนายจะต้องหาแฟนกำมะลอด้วย ไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนหรือไง...เอ๊ะ! ถามก็ตอบสิ แล้วนายจะขยับมาเบียดฉันทำไม ห๊า! ที่ว่างมีเยอะแยะถอยออกไปห่างๆ ฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ”

พีรยาแห้วเสียงดัง จะขยับหนีก็ทำได้เธอจึงหันมาดันร่างสูงใหญ่ให้ออกห่างแทน แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เธอทำนั้นมันจะไร้ผล เมื่อเธอยิ่งผลักเขาก็ยิ่งเบียดเหมือนจงใจแกล้งให้เธอใจเต้น

“ก็คุณนายสมรของเธอนั้นแหละที่คิดจะจับคู่ฉันกับลูกสาวของเพื่อน เรื่องอะไรฉันจะยอมให้ชีวิตโสดอันแสนสุขของฉันมลายหายไปก่อนเวลาอันควร...เป็นอันว่าเธอตกลงช่วยฉันแล้วนะ และเพื่อความสมจริงเราน่าจะมาสนิทสนมกันไว้ เธอว่าจริงไหม”

ขัตติยะเอ่ยนัยน์ตาระริก ยิ่งเห็นสีหน้าตื่นๆ สลับกับแดงระเรื่อของหญิงสาว มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าผู้หญิงอย่างพีรยาก็มีความน่ารักอยู่ไม่น้อย แต่ในขณะเดียวกันความน่าแกล้งก็มีไม่น้อยเหมือนกัน

“คะ...ใครบอกว่าฉันตกลง ฉันจำได้ว่าฉันยังไม่ได้พูดคำๆ นั้นกับนายเลยแม้แต่น้อย”

“อ้าว ทำไมพูดงี้ล่ะยัยเตี้ย! ก็เธอพูดเองไม่ใช่เหรอว่าเรื่องง่ายๆ แค่นี้เอง”

ร่างสูงที่เคยแกล้งนั่งเบียดคนร่างเล็กอยู่ ถึงกับลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวจ้องหน้าหญิงสาวอย่างไม่สบอารมณ์ ซึ่งไม่ต่างกับพีรยาที่พอโดนชายหนุ่มเอ่ยถึงปมด้อยเพียงอย่างเดียวของตนเข้า เธอก็ลุกขึ้นยืนกอดอกเชิดหน้าตอกกลับไปอย่างไม่ยอมเหมือนกัน

“ทำไมไอ้ตี๋! ก็ที่ฉันพูดฉันหมายถึงมันง่ายซะจนผู้หญิงคนไหนก็ทำได้ต่างหากล่ะ เชอะ!”

พูดจบใบหน้าจิ้มลิ้มก็สะบัดเชิดหนีไปอีกทาง อย่างไม่ชอบใจ มาหาว่าเราเด็กบ้างล่ะเตี้ยบ้างล่ะ แล้วเมื่อกี้มาทำตาเจ้าชู้ใส่เราทำไม

“ก็ได้...ถ้าเธอไม่ตกลง ก็เอาเงินสามแสนห้ามาคืนฉันภายในสองวัน แต่ถ้าเธอยอมตกลง เพื่อแลกกับอิสระและชีวิตโสดของฉันให้คงอยู่ สามแสนห้าฉันยกให้เธอเลยก็ได้...เป็นไงข้อเสนอน่าสนใช่ไหมล่ะ”

การแกล้งเป็นแฟนกำมะลอของผู้ชายที่แอบรัก เพื่อแลกกับหนี้ที่มากโข ในแง่ความรู้สึกของตัวเอง มันเป็นการแลกเปลี่ยนที่ดูเหมือนเธอจะได้เปรียบทั้งขึ้นทั้งล่อง ได้อยู่ใกล้คนรักแถมยังล้างหนี้ด้วย แต่ถ้าคิดในด้านกลับกันล่ะ เขาจะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เห็นแก่เงินหรือเปล่า ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง ในขณะที่สายตาก็กลอกกลับไปมาอย่างใช้ความคิด

แต่ในขณะเดียวกันคนใจร้อนที่รอฟังการตัดสินใจของพีรยาอย่างขัตติยะ ก็ไม่อยากรอต่ออีกแม้สักนาที จึงหาวิธีกระตุ้นต่อมการตัดสินใจของหญิงสาวทางอ้อม

“ฉันให้เวลาเธอคิดอีกแค่สามวิเท่านั้น...สาม...สอง...”

“เฮ๊ย! ตกลงๆ ฉันตกลงเล่นเป็นแฟนกำมะลอนายก็ได้”

“ก็เท่านั้นแหละ เล่นตัวอยู่ได้”

“ว่าฉันเล่นตัวทำไมไม่ไปหาผู้หญิงคนอื่นล่ะ”

หญิงสาวส่งตาค้อนขวับ ก่อนจะทิ้งตัวลงกลับไปนั่งที่เดิม

“ขืนไปหาผู้หญิงคนอื่นก็เท่ากับผูกคอตายชัดๆ เธอจะไปรู้อะไร...ผู้ชายรูปหล่อแม่รวยอย่างฉันน่ะเป็นที่หมายปองของสาวๆ นะจะบอกให้ พวกหล่อนนะจ้องจะกระโดดจับฉันอยู่ทุกลมหายใจ มันเสี่ยงเกินไปที่จะเอาพวกหล่อนมาเล่นบทบาทนี้ และที่สำคัญเธอก็รู้ว่าแม่ฉันนะรักและเอ็นดูเธอมากแค่ไหน ถึงขนาดเอ่ยปากว่าอยากได้ไปเป็นลูกสาว ฉะนั้นมันก็ไม่ยากเลยใช่ไหมที่เธอจะทำให้ท่านรักเธอในฐานะแฟนของฉัน และต่อไปท่านก็จะได้เลิกวิ่งหาผู้หญิงคนนั้นคนนี้มาจับคู่กับฉันเสียที และต่อไปฉันก็จะได้เที่ยวอย่างสบายใจไร้ความกังวล เพราะมีแฟนก็เหมือนไม่มี”

“ไอ้ผู้ชายเห็นแก่ตัว”

หญิงสาวเอ่ยเสียงห้วนสวนขึ้นทันที แม้เธอจะไม่เคยแสดงออกให้ชายหนุ่มรู้ว่ารัก แต่ทุกครั้งที่เห็นเขาควงผู้หญิงคนอื่น เธอต้องแอบมานอนร้องไห้คนเดียวอย่างเจ็บปวดบ่อยครั้ง

“คนเรามันก็เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้นแหละ หรือเธอจะเถียงว่าที่เธอยอมรับข้อเสนอของฉันไม่ใช่เพราะความเห็นแก่ตัวของเธอ”

เขาเอ่ยขณะใช้มือใหญ่ทั้งสองข้างค้ำไปที่พนักโซฟากักตัวของหญิงสาวเอาไว้ ก่อนจะโน้มใบหน้าหล่อเหลาไปจนเกือบชิดใบหนาจิ้มลิ้ม ที่นั่งเงยหน้ามองเขาตาเขียวปั๊ด

“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้เห็นแก่ตัว แต่ฉันไม่มีทางเลือกต่างหากเล่า”

หญิงสาวค้านไม่ค่อยเต็มเสียงนัก การยอมรับข้อเสนอในครั้งนี้ จะบอกว่าเธอไม่เห็นแก่ตัวก็ไม่ใช่ และจะบอกว่าเธอเห็นแก่ตัวเลยทีเดียวเลยมันก็เชิง แต่มันคือความจำเป็นบวกกับความรู้สึกส่วนตัวเท่านั้นเอง

“ฉะ...ฉันว่านายจ้องหน้าฉันใกล้เกินไปแล้วนะ ถอยไปหน่อยสิ ฉะ...ฉันอึดอัด”

เสียงใสต่อว่าเขาตะกุกตะกัก หัวเริ่มเต้นเร็วและแรงผิดปกติจนกลัวเขาจะได้ยิน

“แค่นี้ก็โวยวายด้วย คนเป็นแฟนกันมันต้องใกล้ชิดสนิทสนมกันสิมันถึงจะถูก...อย่างนี้แหละน้า คนไม่เคยมีแฟนคงไม่รู้สิท่าว่าคนเป็นแฟนกันควรทำยังไงบ้าง”

“ทำไมฉันจะไม่รู้”

หญิงสาวตอบกลับเสียงเขียว เธอไม่ได้โกหกอย่างน้อยเธอก็พอรู้ทฤษฎีมาบ้างล่ะ แม้ปฏิบัติจะยังไม่เคยก็ตามที

“จริงอ่ะ”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองอย่างไม่เชื่อ

“เคยมีมาหลายคนแล้วด้วย”

“อ๋อเหรอ...งั้นเธอก็ต้องรู้สิว่าคนเป็นแฟนกันเขาแสดงความรักต่อกันยังไง ไหนลองสาธิตให้ดูหน่อยซิ”

“ทำไมฉันต้องทำเรื่องบ้าๆ อย่างนั้นด้วย นายก็รีบๆ ถอยออกไปห่างๆ ฉันได้แล้ว”

คนเคยมีแฟนมาหลายคนถึงกับหน้าตื่น แห้วกลับเสียงดัง แต่ก็ต้องรีบเบนหน้าหนีไปทางอื่น เมื่อชายหนุ่มยังไม่ยอมเอาใบหน้าขาวๆ ของเขาออกห่าง

“อ้าว ก็เพื่อความสมจริงไงล่ะ ถ้าเธอเล่นทำท่าหมางเมินอย่างนี้ เกิดคุณนายสมรจับได้ฉันก็จบเห่กันพอดี คราวนี้ล่ะยัยต้นข้างเอ๋ยฉันอาจจะถูกจับคลุมถุงชนกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ที่ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้า ส่วนเธอก็ได้ใช้หนี้ฉันหัวโตแน่”

ขัตติยะขู่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แต่ใจจริงแล้วกำลังพยายามไม่ให้หลุดฟอร์มหัวเราะออกมา เพราะหน้าตื่นเลิ่กลั่กชวนขำของคนที่เขาขู่

“ไม่ต้องมาขู่ เรื่องกล้วยๆ แค่นี้ฉันตีบทแตกกระจายอยู่แล้วล่ะ”

พูดจบหญิงสาวหลับหูหลับตาโผเข้ากอดร่างสูงของขัตติยะทันที ท่ามกลางความงวยงงของคนโดนกอดว่านี้หรือการแสดงความรักของคนที่เป็นแฟนกันของเธอ

“เธอทำอะไร”

“อ้าว ก็นายให้ฉันแสดงความรักฉันก็ทำแล้วไง”

“นี่แม่คุณ ฉันไม่ใช่ลูกชายหรือน้องชายของเธอนะ จะได้มาแสดงความรักโดยการกอด แล้วลูบหัวลูบหลังน่ะ”

ร่างใหญ่ยืดตัวขึ้นเต็มความสูง เท้าสะเอวเอียงคอมองหญิงสาวที่นั่งเชิดหน้ามองเขาตาเขียว แล้วส่ายหัว นี่เขาคิดผิดหรือคิดถูกที่มาเลือกยัยลิงทโมนอย่างพีรยามาแสดงเป็นแฟน

“ยังไงการกอดมันก็ถือได้ว่า เป็นการแสดงความรักต่อคนที่รักอีกวิธีหนึ่งล่ะน่า”

“แต่สำหรับคนเป็นแฟนกันมันต้องจูบ...เคยจูบไหมจูบน่ะจูบ แล้วก็ต้องจูบตรงนี้ด้วย”

นิ้วแกร่งชี้ไปที่ริมฝีปากหนาของตัวเอง พร้อมกับทิ้งตัวลงไปนั่งจนชิดกับหญิงสาวอีกครั้ง

“ห๊า! จูบปากนายเนี่ยนะ ฉะ...ฉันไม่ทำหรอก ยังไงซะฉันก็เชื่อว่าตัวเองสามารถทำให้คุณนายสมรเชื่อได้ว่าฉันกับนายเป็นแฟนกันจริงๆ โดยไม่ต้องทำเรื่องบ้าๆ อย่างนี้...นี่ก็มืดแล้วฉันจะกลับบ้าน เชิญนายไปหาผู้หญิงของนายมาจูบแสดงความรักให้พอใจก็แล้วกัน”

พูดเสร็จพีรยาก็ส่งค้อนให้ชายหนุ่มไปหนึ่งวงเบ้อเริ้ม ก่อนจะเชิดหน้าลุกขึ้นเตรียมจะเดินลงจากบ้านไปอย่างถือดี แต่ขาสั้นๆ ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหน คำขู่ประโยคเดิมจากขัตติยะก็ถูกยกมาใช้อีกครั้ง

“สามแสนห้าให้เวลาสองวัน”

พีรยาถึงกับหันขวับกลับมาแทบจะทันที จ้องคนที่นั่งไขว้ห้างอย่างสบายใจอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ จากนั้นก็ตวาดชายหนุ่มกลับเสียงดัง

“นายเก่ง! นี่นายชักจะมากเกินไปแล้วนะ เห็นว่าข่มได้ก็ข่มเอาอย่างนั้นเหรอ”

“ฉันยังยืนยันคำเดิม ถ้าเธอไม่ช่วยฉันภายในสองวันเธอต้องหาเงินสามแสนห้ามาคืนฉันทุกบาททุกสตางค์ เข้าใจ๋”

ชายหนุ่มพูดพลางพยักพเยิดหน้าเหมือนกำลังท้าทาย ว่าเขาทำจริงไม่ใช่แค่ขู่ พานทำให้คนถูกขู่อย่างพีรยาถึงกับหน้าทำหน้ามู้ทู่กระฟัดกระเฟียดกลับมานั่งลงที่เดิม

และโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวพีรยาข่มความอายทั้งหมด แล้วตัดสินใจโน้มใบหน้าเข้าไปหาชายหนุ่มแล้วใช้ปากตัวเองแตะกับริมฝีปากหนาของเขาเบาๆ ขัตติยะยอมรับว่าตกใจไม่น้อย แต่เขาก็ตั้งสติได้ทันและไวพอ ก่อนที่หญิงสาวจะผละออกไปมือใหญ่ของเขาก็รั้งท้ายทอยของเธอเอาไว้ พร้อมกับประกบปากจูบสอนให้เธอได้รู้ว่าจูบจริงๆ เขาทำกันอย่างไร

“อือ...”

แม้หญิงสาวจะร้องประท้วงในลำคอและดิ้นขัดขืนพร้อมกับใช้มือไม้ทุบตีเขา แต่นั้นมันก็เป็นแค่ในช่วงเวลาแรกเท่านั้น หลังจากที่จูบแบบสั่งสอนกลายเป็นจูบแบบอ่อนหวานเรียกร้อง พีรยาถึงกับตัวอ่อนระทวยลมหายใจเริ่มติดขัด กายสาวร้อนผ่าวราวกับมีกระแสไฟวิ่งอยู่ทั่วร่าง มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่เพิ่งเคยเกิดขึ้น ทำให้หญิงสาวเผลอครางออกมาอย่างพอใจ ซึ่งขัตติยะเองก็เหมือนกันตอนแรกแค่อยากจะแกล้งและสั่งสอน แต่เมื่อได้ชิมความหอมหวานมันกลับทำให้เขาหยุดตัวเองไม่ได้ ต้องการเธอมากกว่านี้

“ฉันว่าเราคงต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ให้ลึกซึ้งกว่านี้แล้วล่ะ”

ชายหนุ่มถอนจูบอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะก้มลงไปกระซิบข้างใบหูสะอาดเสียงแหบพร่า บ่งบอกอารมณ์ ของผู้พูดได้เป็นอย่างดีว่ากำลังอยู่ในห้วงปรารถนา ขณะพูดมือใหญ่ก็ไม่ได้หยุดนิ่งลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างเล็กนุ่มนิ่ม ที่ตอนนี้อาภรณ์ที่เคยห่อหุ้มมันหลุดลุ่ยจนเผยให้เห็นสิ่งผู้หญิงควรจะมี และหญิงสาวก็มีมันอยู่อย่างล้นหลามเกินตัว ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังย่ามใจ เขาไม่รู้หรอกว่าเสียงกระซิบของตัวเองทำให้สติที่แตกกระเจิงของพีรยากลับมาแม้เพียงเล็กน้อย แต่เธอก็รู้ดีว่าสิ่งที่กำลังจะดำเนินต่อจากนี้ไปมันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร ถึงแม้ว่าเธอจะรักชายหนุ่มมากแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะต้องยอมเป็นของเขาง่ายๆ

“นะ...นายเก่ง ปะ...ปล่อยฉัน...นายจะทำอย่างนี้ไม่ได้นะ มะ...มันไม่ถูกต้อง”

แต่มันก็เป็นเสียงห้ามที่ขาดเป็นห้วงๆ ฟังดูเซ็กซี่มากกว่าน่ากลัว ขัตติยะจึงเงยหน้าขึ้นมองสายตาที่ยังคงหวานฉ่ำปรือและริมฝีปากเย้ายวนของหญิงสาว แล้วกระตุกยิ้ม

“เราเข้ากันได้ดี...อย่าห้ามเลย...ที่รัก”

พูดจบเขาก็ก้มลงไปปิดริมฝีปากน่าจูบนั้น ก่อนที่เจ้าของมันจะเอ่ยห้ามในสิ่งที่ตอนนี้เขาคิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ ไม่รู้เพราะคำว่า ‘ที่รัก’ ที่ชายหนุ่มเผลอหลุดปากออกมาหรือเพราะแรงจูบที่มีทั้งความดุดันเร่าร้อนอ่อนหวาน ทำให้คราวนี้สติของพีรยาแตกกระเจิงลอยคว้างราวกับลอยอยู่ในห้วงอวกาศ มือใหญ่ลุกล้ำหญิงสาวอย่างช่ำชอง จึงเรียกเสียงครางอันแสนไพเราะจากหญิงสาวได้เป็นระยะๆ จนทำให้กายเขาร้อนเป็นไฟอยากที่จะทัดทาน

บรรยากาศที่ตลบอบอวลไปด้วยแรงปรารถนาถูกย้ายจากด้านนอกเข้ามาภายในห้องนอนด้วยฝีมือของขัตติยะ เขาค่อยๆ วางร่างเล็กลงบนเตียงกว้างขณะที่ริมฝีปากยังจูบอย่างเร่าร้อนไม่ลดละ ใครจะรู้ว่าเสียงครางและการตอบสนองที่ไร้เดียงสาของคนในอ้อมแขน จะกระตุ้นไฟปรารถนาของเขาได้มากมายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ขัตติยะปลุกเร้าอารมณ์ร่างเล็กที่นอนบิดเร้าอยู่บนเตียงเพราะความวาบหวามซาบซ่านรัญจวนใจจนพอใจ จากนั้นเขาจึงจู่โจมเข้าหากายสาว

“กรี๊ดดด!”

เสียงกรีดร้องเพราะความเจ็บปวดพร้อมกับการผวากอดเขาไว้แน่นของคนใต้ร่าง และสิ่งที่เขาสัมผัสได้ด้วยตัวเองว่าเธอเป็นสาวบริสุทธิ์ ขัตติยะถึงกับตะลึงและคาดไม่ถึง ขณะเดียวกันก็รู้สึกผิด ที่ตัวเองกำลังทำลายสิ่งที่หญิงสาวรักษาเอาไว้มานาน แต่ถึงอย่างนั้นจะให้เขาหยุดกลางคันมันคงเป็นไปไม่ได้ ยังไงเขาก็ต้องพาเธอไปต่อ

“ทำตัวสบายๆ อย่างเกร็ง...เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้นนะที่รัก”

ชายหนุ่มบอกพลางก้มลงพรมจูบไปทั่ววงหน้าอย่างปลอบโยน ก่อนจะหยุดมันลงที่ริมฝีปากบวมเจ่อเย้ายวนเพราะฝีมือของเขา พร้อมกับบรรเลงเพลงรักพาเธอไปท่องเที่ยวดินแดนหฤหรรษ์ เพียงไม่นานร่างเล็กที่เคยสั่นสะท้านเพราะความเจ็บปวด ก็ต้องสั่นสะท้านและผวากอดเขาแน่นอีกครั้ง แต่คราวนี้มันเป็นเพราะเขาพาเธอไปพบกับความสุขสุดยอดอย่างที่ตั้งใจไว้ เมื่อบทเพลงพิศวาสจบไฟปรารถนาในกายหนุ่มลดลง แต่ก็ไม่ได้มอดดับหากแต่เป็นเพราะเขาพยายามสกัดกั้นมันเอาไว้มากกว่า ไม่อยากหักโหมเพราะเป็นครั้งแรกของหญิงสาว และอีกอย่างตอนนี้เธอก็ได้ม้อยหลับไปเพราะความเพลียแล้ว นี้เป็นครั้งแรกที่เขายังรู้สึกต้องการมีอะไรกับผู้หญิงที่ตัวเองเพิ่งจะเสพสุขไปได้ไม่ถึงนาที ซึ่งที่ผ่านมาแม้ฝ่ายหญิงจะเร่าร้อนขนาดไหน เขาก็ไม่เคยเป็นหรือรู้สึกอย่างนี้มาก่อน

“หลับฝันดีนะ ยัยลิงทโมนของฉัน”

ริมฝีปากหนาบรรจงจูบลงบนหน้าผากชื้นเหงื่อเบาๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนดึงร่างเล็กนุ่มนิ่มเข้ากอดไว้อย่างรู้สึกเป็นสุข เพียงไม่นานเขาก็เผลอหลับเข้าสู่ห้วงนิทรารมย์ตามหญิงสาวไปอีกคน

**********************************************************************

แล้วพบกันตอนหน้านะคะ ^_^



เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 เม.ย. 2554, 22:54:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 เม.ย. 2554, 22:54:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 2593





<< อัศวินของหัวใจ   
dee_jung 19 เม.ย. 2554, 23:06:25 น.
ฝันดีจ้า


onepat 25 มี.ค. 2555, 16:00:10 น.
ยอมเขาเพราะรัก อ่ะน่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account