ข้ามภพ(มา)..Online
อุตส่าห์เกิด...เอ๊ยตายทั้งทีแถมได้เป้นสาวงามข้ามมิติกับเขาเสียแล้ว แต่เดี๋ยวที่นี่มิติไหนนะ ...เกมส์ออนไลน์ ???? เฮ้ย เดี๋ยว ผิดเรื่องแล้วหรือเปล่า!? จะข้ามมิติก็ข้าม เกมส์ออนไลน์ก็ออนไลน์สิ คนเขียน !
Tags: ข้ามภพ,ข้ามมิติ,เกมออนไลน์,เกมส์ออนไลน์,วิญญาณ,ผี,แฟนตาซี

ตอน: ตอนที่ 1 ตายแล้วไปไหน !??? (1)



ตอนที่ 1 ตายแล้วไปไหน !???


ท้องฟ้าสีคราม...ขาวอมฟ้าอ่อนสดใส ภายใต้แสงแดดอันอบอุ่นไม่ร้อนจนเกินไป ตัดกับทุ่งหญ้าสีเขียวขจีนุ่มเหมือนพรม ไม่คันเหมือนหญ้าคาที่มีและราวีเป็นประจำ ดูจะเป็นคำนิยามที่เหมาะกับสวนสวรรค์โดยแท้

ถ้าเหตุการณ์ทำลายความสงบต่อไปนี้จะไม่ได้เกิดขึ้น...

ดาบเหล็กสั้น เสียบผัวะเข้าให้

“กรี๊ดดดดดดด !!!!!” เสียงของหญิงสาวที่ถูกมีดจิ้มเอวเข้าให้ร้องลั่น ตาเหลือบมองดูเลือดที่กระเซ็นจากตัว พร้อมเจ็บเอวที่ถูกแทงแปลบๆละม้ายโดนมดกัด ทำให้หล่อนเสยเท้าเตะป้าบสวนเจ้าของดาบเข้าให้ทันใด

“เฮ้ย” คนถูกเตะร้องบ้าง สีหน้าซีด เมื่อตัวเลขสีแดงเด้งกระแทกขึ้นแทบจะเต็มพื้นที่ ให้เขาต้องหันไปมองเลือดที่ลดร่วงลงไปทีเดียว...... “มันเก่งว่ะ ฮีลที”

หญิงสาวถลึงตาให้คนพูด กราดจะเข้าไปซ้ำด้วยกำปั้นอีกที ก็พอดีกับคนถูกสั่งเห็นท่าทางนั้นแล้วรีบบอกเพื่อนคนแรกทันที

“อย่าเลย ไว้ค่อยรวมตัวอีกทีดีกว่า แม่ง สงสัยเป็นบอสว่ะ”

“บอสบ้านแกสิ !” คนถูกตั้งสถานะให้เสร็จสรรพตะโกน แต่ก็ไร้ผล เพราะสองหนุ่มพากันกลายเป็นแสงหายไปต่อหน้าต่อตาก่อนที่จะเอื้อมมือขยุ้มคอแค่วูบเดียว “ใครเป็นบอสกัน แน่จริงอย่าหนีสิยะ”

หล่อนกระโดดเหย็งๆ ลืมไปแล้วว่าเคยได้รับบาดเจ็บ อย่าว่าแต่จะสังเกตเลย ว่าบาดแผลของหล่อนกำลังหายดี และเลือดทั้งหมดเริ่มระเหยไปในอากาศ

และแล้ว....บริเวณนั้นก็กลับสู่ความสงบ.....



สภาพดังกล่าวกลายเป็นเหตุการณ์แทบจะรายชั่วโมงของสถานที่แห่งนี้ ....วิวสวย น้ำใส และมีหญิงงามจนชวนตะลึงในชุดสีขาวยืนเด่นเป็นสง่าอยู่

เจ้าหล่อนสวมชุดสีขาว แบบที่ชวนให้นึกถึงตัวละครประเภทผีสาวแสนสวยในซีรีย์หนังจีนดังๆ อาทิ โปเยโปโลเย แต่ครั้นผู้คนเห็นวงหน้าบึ้งตึงนั่นแล้ว ก็พากันเปลี่ยนใจลดระดับเจ้าหล่อนให้กลายเป็นตัวประกอบจำพวกวิญญาณสาวร้องทุกข์ศาลไคฟงของท่านเปาแทนทันที

และเหนืออื่นใด...บนศีรษะของเจ้าหล่อน หาก “มอง” ใน “มุม” หนึ่ง จะเห็นตัวอักษรเขียนไว้ว่า

“วิญญาณสาวอาฆาต”

ใน “มุม” ดังกล่าว...จะเห็นว่าตัวอักษรเหล่านั้นมีประกายระยิบระยับรายล้อม อันเป็นลักษณะพิเศษที่แทบไม่เคยปรากฏในโลกใบนี้

ลักษณะของมอนสเตอร์ ที่จะปรากฏในช่วงกิจกรรมพิเศษของเกม อันเป็นที่รู้กันดีว่า มอนสเตอร์แบบนี้ตีไม่ยากเท่าไรนัก แต่มักจะ “ดร็อป” หรือมอบของพิเศษๆไม่ว่าเพื่อการสะสมแลกของรางวัล หรือของหายากที่อาจจะมีเฉพาะช่วงเสมอ

ดังนั้น...หลังจาก “วิญญาณสาวอาฆาต” ปรากฏขึ้นที่ท้องทุ่งวิวสวยที่แต่เดิมเป็นสถานที่ไม่ค่อยมีคนผ่านไปมาเท่าไร ผู้คนก็คอยแต่ทยอยมาหมายเชือดเจ้าหล่อน ดูสิว่าวิญญาณอาฆาตดวงนี้จะมีของอะไรเป็นเซ้อร์ไพร้ส์ที่ทางเกมมอบให้หรือเปล่า

ทว่าผลหลังจากนั้น...มีคนไปเขียนบน BBS หรือกระดาษสนทนาสำหรับชาวเกมไว้ว่า

“ข้อมูลลับของวิญญาณสาวอาฆาต : เจ้าหล่อนต้องตายอย่างน่าอนาถและน่าสงสาร เมื่อตายไปแล้วหนึ่งรอบ จึงตายอีกยากเย็นมาก คาดว่าน่าจะต้องใช้วิธีพิเศษในการเคลียร์”

ที่มาของข้อความคือ....ไม่มีทีมผู้เล่นกลุ่มไหน สามารถเชือดหล่อนได้สักทีม...แม้แต่ครั้งเดียว...

วิญญาณสาวอาฆาต...จึงลอยล่องอยู่บริเวณนั้นต่อไป


และถ้าจะพูดความจริงก็คือ......เจ้าหล่อนเป็น “วิญญาณสาว” ที่กำลัง “อาฆาต” จริงๆนั่นแหละ !

ถ้าไม่ได้มองจาก “มุม” ที่สามารถเห็นตัวอักษรระยิบระยับเหนือหัว และความละเอียดของยอดหญ้าเรียบเสมอกัน แต่เป็นมุมของพื้นดินที่มีหญ้าขึ้นสลับสูงต่ำไล่เลี่ย ทอดตัวเรียงรายอยู่ใต้ฝ่าเท้าที่ลอยเหนือพื้นนิดๆ “การมองเห็น” สภาพรอบๆของสถานที่นี้ก็จะต่างออกไปทันที

เหมือนที่ “วิญญาณสาว” กำลังเห็นอยู่นี้....

เจ้าหล่อนลอยร่างในชุดขาวล่องไปหยุดที่ริมแม่น้ำใสแจ๋ว ชวนให้นึกถึงภาพถ่ายรูปบึงน้ำตกที่กล้องแบบมืออาชีพเคยถ่ายมาอวดจนหล่อนแทบน้ำลายยืดใส่อุปกรณ์ถ่ายภาพชิ้นนั้น ก่อนค่อยชะโงกหน้าไป

บนผืนน้ำกลับมีเงาสะท้อน และยังเป็นวงหน้าอันคุ้นตา

วงหน้าของหล่อน.....มัลลิกา เจริญโภคนาทิพาทรัพย์ เอง !!!

หญิงสาวที่จำได้ดีว่าก่อนนี้หล่อนโดนคนเขียนหลอก...เอ๊ย โดนพี่สาวสุดที่รักกำนัลตั๋วเครื่องบินไปกลับไทย-ฮ่องกงให้ โดยฝ่ายนั้นบอกเสียว่า ถือเป็นของแทนแต๊ะเอียและของขวัญเรียนจบให้หล่อนไปพร้อมๆกัน

ตอนนั้นหล่อนยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่...ยังเป็นสาวน้อยแสนซื่อที่หลงกลความชั่วร้ายในโลกนี้อย่างง่ายดาย

มาคิดดูอีกทีตอนนี้.....คนอย่างพี่เมย์...ไม่สิ ไม่รงไม่เรียกมันแล้ว เรียกเจ้เหมยนี่แหละ เหมาะสุด...คนอย่างอาเจ้ของหล่อนน่ะ มีหรือที่จะยอมให้ของดีๆฟรีๆกับน้องนุ่ง...ให้น้ำท่วมกรุงเทพฯอีกรอบในปีนี้ยังเป็นไปได้กว่าเลย !

ความจริงมลฤดีก็ใช่จะเป็นคนไร้น้ำใจกับน้องนุ่ง ซื้อข้าวของกินอะไรมา หล่อนก็ไม่ได้หวง...เพียงแต่อย่างไรดีล่ะ ถ้าจะให้มัลลิกาเล่าง่ายๆ หล่อนก็จะยกตัวอย่างเช่นว่าสมัยก่อน เจ้เหมยของหล่อนที่ตอนนั้นยังชอบเป็นเจ้เหมยอยู่ อุตส่าห์หิ้วเป็ดพะโล้เข้าบ้านมาตั้งครึ่งตัว ทำเอาน้องๆตาโตกันทั้งบ้าน

เหล่าม่า อาก๋ง และผู้ใหญ่อื่นๆ ได้เนื้ออกเนื้อสะโพกไปกินกันอย่างดี ส่วนพวกเด็กๆนั่นหรือ พี่สาวใหญ่เห็นว่าเป็นเด็กเป็นเล็กควรเสริมแคลเซียมไว้ก่อน ไม่เหมือนบรรดาผู้สูงวัยที่เสริมไม่ขึ้นแล้ว เจ้าหล่อนก็เลยจัดแจงทิ้งเท้าทิ้งคอ กับเนื้อติดกระดูกจมน้ำพะโล้ไว้ให้น้องๆด้วยความ “ปราณี”

วันนั้น...มัลลิกากับพี่น้องคนอื่นๆซดน้ำพะโล้แช่ข้าว และแทะกระดูกกันไปพร้อมน้ำตาที่แทบจะนองหน้ากันทีเดียว

ขณะที่มลฤดี...ภายหลังจากนั้นไม่เท่าไร มัลลิกาก็แว่วว่า อาผู้หญิงของหล่อนให้ตั๋วลดเคาท์เตอร์เครื่องสำอางที่พี่สาวเปรยๆอยากได้ก่อนหน้านั้นมาสี่ซ้าห้าวัน ส่วนอาผู้ชายก็หิ้วอุปกรณ์การเรียนอะไรสักอย่างที่คนเป็นพี่เคยบ่นว่าแพงซื้อไม่ลง แต่ไม่อยากใช้ของถูกมามอบให้ ซึ่งมลฤดียังเก็บไว้อยู่จนทุกวันนี้

กะแค่เป็ดพะโล้ครึ่งตัว...ยังมีราคาของมัน แล้วสำมะหาอะไรกับตัวเครื่องบินไปกลับฮ่องกง จะลอยมาให้หล่อนตะครุบฟรีๆเล่า !

มัลลิกาแยกเขี้ยวให้เงาในน้ำใสแจ๋วนั้น ก่อนลอยตุ๊บป่องๆออกห่างมาด้วยความแสยงใจ แต่พอลอยไปลอยมา...หล่อนก็ยอกแสยงใจอีก

แม้จะฟังไม่สมเหตุสมผล แต่ให้มลฤดีอมพระประธานเจ็ดโบสถ์มาพูด หญิงสาวก็ไม่เชื่อหรอกว่าอีกฝ่ายจะไม่มีส่วนรู้ส่วนเห็นกับ “สภาพ” แบบนี้ของหล่อน

ก็ตั๋วเครื่องบินหล่อนมาจากฝ่ายนั้นเห็นๆนี่นา !

หากกระนั้น ใจส่วนหนึ่งที่เกือบๆจะมีความยุติธรรม มัลลิก็ยอมรับว่า มลฤดีคงไม่มีทางรู้หรอกว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับหล่อนถึงเพียงนี้...

กลิ้งม้วนตัวลงมาจากบันไดท่าเทียบเครื่องบิน...มันใช่เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้บ่อยๆเสียที่ไหนกัน !

ร่างที่ลอยล่องให้ผ้าขาวพลิ้วไปมาถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากความสูงที่ไม่ต่ำกว่าสองเมตรนั่น หล่อนก็พอจะทำใจอยู่หรอกในตอนที่หลับตาปี๋หนีความจริงน่ะ ว่าตื่นขึ้นมาอีกที เธออาจเจอท่านสุวรรณเอ่ยชมส่งขึ้นสวรรค์ ไม่ก็ผุดขึ้นมากลางดอกบัวงามๆแล้วมีเทพบุตรรูปหล่อจูงมือก้าวออกมาด้วยแววตาหวานซึ้ง

หรือจะเอาตาม “เทรนด์” สมัยนี้...ให้ลืมตาตื่นขึ้นมาในร่างอ้อนแอ้นแบบบางของสาวน้อยนางหนึ่งที่เพิ่งป่วยหรือเจออุบัติเหตุสลบไป จะเป็นแบบจีนแบบไทย มัลลิกาก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้น หล่อนรับได้หมด

รับไม่ได้อย่างเดียว ที่มันไม่ใช่ที่นึกไว้ทั้งหมด แต่เป็นไอ้สองแบบมารวม แถมอะไรอีกนิดหน่อยเข้าให้นี่แหละ !

ตอนนั้น มัลลิกากำแผ่น...หรือจริงๆคืออะไรอยู่ใกล้มือให้จับให้คว้าทัน หล่อนรวบหมดแหละ เสียแต่สิ่งที่กำไว้ นึกไปอีกทีก็มีแค่สายกระเป๋าสะพายกล้องที่อยู่ร่วมกันมาจนน่าจะ “ตาย” ไปข้างหนึ่งจริงๆ กับแผ่นซีดีที่ติดกระเป๋ามาจากชาวต่างชาติในเครื่องลำเดียวกับหล่อนเท่านั้น

ในตอนที่หลับตา ร้องว่าตายแน่สองคำ แล้วเปลี่ยนเป็นรอดๆๆๆ อย่างนับไม่ถ้วนนั้น ชั่ววูบ ที่หญิงสาวรู้สึกเห่อชาที่ปลายนิ้ว คล้ายโดนกระแสไฟฟ้าอ่อนๆช็อต

ก่อนที่มันจะลามไปทั้งตัว แถมเพิ่มความแรง จนหล่อนยังไม่ทันได้ยินเสียงหัวตัวเองตูมกลายเป็นโกโก้ครันช์ สมองของหล่อนก็เมตตาตัดการทำงานให้ก่อนฉับ พร้อมสัมผัสที่คล้ายกับคนโดดไฟดูดอย่างรุนแรงทั้งตัวนั่น !

และเมื่อลืมตามาอีกที สภาพของ “วิญญาณสาวอาฆาต” ก็กำลังรอทักทายหล่อนอยู่......


#"#"#"#"#


คุณเทียนจันทร์ - เย้ ขอบคุณที่มาอ่านมากนะค้า ตอนนี้ขอแบ่งส่วนโพสล่ะกันค่ะ ส่วนเหตุผลนั้น...แฮะๆ ข้างล่างเลยต่า ><

.
.


มาส่งส่วนที่ (1) ก่อนค่า น่าจะมีสัก 2 ส่วนเท่านั้นแหละค่ะ แต่เรื่องนี้เขียนนานๆไปไม่ไหวค่ะ คนเขียนฮาจนเกร็งปวดท้องไปหมดแล้ว โอย อย่ายิงมุขกันเองได้ไหม T-T

คนอ่านล่ะคะ อ่านแล้วงงๆ ตรงไหน บอกเลยนะคะ จะพยายามปรับปรุงอย่างเต็มที่ค่ะ ^^



เสวี่ยอวี้ถาน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ก.พ. 2555, 00:56:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ก.พ. 2555, 01:19:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 1125





<< เริ่ม(ปุ๊บก็เป็น)เรื่อง(ปั๊บ) !!   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account