กรงรักมายาหัวใจ
ความรักที่เย็นฉ่ำดุจละอองเกล็ดหิมะ หัวใจที่รุ่มร้อนดังเพลิงเพราะรัก

ฟ้าได้ลิขิตให้ทั้งสองมาเจอกัน ก่อนจะพลัดพราก เมื่อหญิงคนรักทิ้งเขาไปอย่างเลือดเย็น เขามีแต่ความเจ็บปวด เจ็บแค้น อันแน่นในหัวใจ เมื่อต้องกลับมาเจอเธออีกครั้ง เขาจะจัดการกับเธออย่างไร ในเมื่อไม่เคยลืมรักครั้งแรก

ปารีส (พระเอก) ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-แคนาดา เขารักปาริสาอย่างหมดหัวใจ ทว่าหล่อนกลับทิ้งเขาไป เมื่อต้องกลับมาเจอกันอีกครั้ง ทั้งที่ยังรัก และไม่เคยลืมจากหัวใจ อยากจะคว้าตัวหล่อนมากอด แต่ทำเพียงแค่แสดงความโกรธ และเย็นชาเท่านั้น โดยเก็บรักขังไว้ในกรงหัวใจ
ปาริสา (นางเอก) หรือที่ใครๆ หลายคนมักเรียกว่า ริสา เพียงแค่ไม่กี่เสี้ยววินาทีได้ตัดสินใจ เดินออกมาจากชีวิตของเขาด้วยเหตุผลบางอย่าง ทว่าหล่อนกลับใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อลืมเขา การต้องกลับมาเจอกับเขาอีกครั้งสร้างความไหวหวั่น หัวใจเหมือนโดนเศษแก้วบาดลึก ต่อความเย็นชา และอารมณ์โกรธของเขา หญิงสาวเก็บกักความรู้สึกซ่อนลึกในกรงหัวใจ ทำตัวเองประหนึ่งเป็นกระจกสะท้อนเงา เมื่อเขาร้ายหล่อนร้ายตอบ เจอความเย็นชา หล่อนก็พร้อมจะเป็นน้ำแข็งขั้วโลกใต้ ทว่าสิ่งที่ทำให้กลัวจับใจ คือความลับที่ปกปิดไว้ไม่ให้เขารู้
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 3 จะยั่วยวนกันไปถึงไหน ผมจะทนไม่ไหวแล้ว...

การดื่มกินระหว่างเพื่อนสนิทเป็นไปด้วยความครึกครื้นท่ามกลางการสนทนาที่ได้อรรถรส ไม่แพ้กับรสชาติอาหารกลางโต๊ะ ฝีมือเขมิกาใช้ได้เลยทีเดียวถึงไม่อร่อยเลิศเท่ากับนักปรุงมืออาชีพ เสียงเพลงหวานทว่าทำนองเศร้าจากเครื่องเล่นดังแว่วเบาลอดช่องประตูไปยังคนที่กำลังนอนตะแคงคุดคู้บนเตียงกว้าง น้ำตาของปาริสาค่อยๆ ไหลริน หญิงสาวรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพราะไม่อยากให้เสียงสะอื้นดังไปให้คนข้างนอกได้ยิน


ทำไม...เพราะอะไร ชีวิตของเธอถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ความเจ็บปวดและเสียใจที่สุดจะทนทาน ถึงแม้ญาติที่อุตส่าห์ลงทุนบินมาจากเมืองไทยเพื่อจะให้เธอเซ็นยินยอมกับการถือครองทรัพย์สินทุกอย่าง บอกว่าเป็นความประสงค์ของนายการันซึ่งจะยกคืนให้กับตระกูลวาสุมาศ อันเป็นตระกูลดั้งเดิมของมารดา พ่อการันของเธออดีตนักกีฬาแข่งรถระดับมืออาชีพที่มาพบรักกับลูกสาวมหาเศรษฐี หลังจากสิ้นภรรยาก็ละทิ้งความฝันหันมาดูแลกิจการทุกอย่าง ปาริสาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพ่อการันจะมาจบชีวิตลงเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกือบทั้งชีวิตของท่านคลุกคลีกับมันมาตลอด การสูญเสียเงินทองเทียบไม่ได้กับการต้องสูญเสียบิดา โชคชะตาช่างเล่นตลกนักการต้องสูญเสียมารดาตั้งแต่ยังเยาว์และต้องมาสูญเสียบิดาไปอีกครั้ง เป็นอะไรที่โหดร้ายเกินจะรับไหว



“พ่อจ๋า...ริสาคิดถึงพ่อจังเลยค่ะ ต่อไปริสาจะทำยังไงดี ริสาไม่มีใครอีกแล้ว”



หญิงสาวนอนจมกองน้ำตาเพียงไม่นานก่อนจะกรีดนิ้วป้ายน้ำตาทิ้ง เมื่อตัดสินใจได้ว่าเธอควรจะกลับบ้านเกิดโดยละทิ้งการเรียนเพียงเท่านี้ จะนำเงินก้อนสุดท้ายที่บิดาส่งมาให้สำหรับค่าเล่าเรียนและการเลี้ยงชีพ กลับไปเริ่มต้นใหม่ที่เมืองไทย ทำงานและเรียนที่นั่นแทน ปาริสาผุดลุกจากเตียงสูดลมหายใจเข้าปอดลึก รวบรวมพละกำลังที่ยังหลงเหลืออยู่เดินออกจากห้อง เธอเพิ่งรู้สึกตัวว่าหิวจัดพยาธิในท้องเหมือนจะดิ้นพล่านทันทีที่ได้กลิ่นอาหาร



“อ้าว ลุกเดินได้แล้วเหรอจ๊ะ” เขมิกาหันมาทักก่อนจะกวักมือเรียก “เข้ามานั่งทานอะไรก่อนดีไหม จะได้มีแรง โจ๊กยังไม่เสร็จเลย ยังอยู่บนเตา มานั่งกินไก่อบก่อน”



หญิงสาวยอมเดินเข้าไปนั่งด้วยความเต็มใจเพราะร่างกายดูเหมือนจะระโหยโรยแรงต้องการพลังงานเ เขมิกาวางจานเปล่าพร้อมมีดกับส้อม ไม่นานจากนั้นชิ้นไก่งวงอบก็ถูกวางตามลงมา ปาริสาเงยหน้าขึ้นกล่าวขอบคุณ สายตาคู่หวานได้ประสบพบกับสายตาสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางได้รูปดูแดงระเรื่อ ผิวขาวเนียนละเอียด ทุกอย่างเมื่อถูกล้อมกรอบด้วยเส้นผมดำสนิทเหมือนขนอีกา ทำให้ดูโดดเด่นน่ามองยิ่งนัก เขาดูงดงามเหมือนรูปปั้นแกะสลัก เห็นได้ชัดว่าเขาคนนี้มีเลือดผสมเพียงแต่เธอไม่ทราบแค่นั้นว่าลูกครึ่งอะไร หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ จ้องมองรอยยิ้มของเขา


“ทานให้อร่อยนะครับ กินเยอะๆ เลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ” เขาบอกก่อนจะแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ “ผมปารีสครับ” ปาริสาแปลกใจเขาพูดไทยได้ชัดมาก ผู้หญิงที่นั่งข้างกันบอกไว้ก่อนนั้นว่า ปารีส คือคนไทย ถ้าอย่างนั้นเขาคงเป็นลูกครึ่งไทยกับชาติอะไรสักแห่ง หญิงสาวคิดพลางผงกศีรษะ


“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันปาริสา เรียกริสาก็ได้ค่ะ”


“ครับคุณริสา”



ทวีปเฝ้ามองการสนทนาของคู่หนุ่มสาวอย่างเงียบๆ รอยยิ้มปรากฏขึ้นท่ามกลางความคิดว่าอยากแปลงกายเป็นกามเทพหนุ่มแผลงศรให้กับคนทั้งคู่...ดูไปดูมาทั้งสองคนก็เหมาะสมกันดี โดยเฉพาะกับปารีสแล้วไม่บ่อยนักที่ไอ้หมอนี่จะยิ้มให้กับใครเป็น ยิ่งกับผู้หญิงด้วยแล้วเรียกว่าเข้าระดับเลเวลยากสุด...อย่างน้อยปารีสเพื่อนรักของเขาคนนี้ควรมีคู่เป็นของตัวเองเสียที จะได้เลิกบ่นและเข้าใจหัวอกคนมีแฟน แทนที่จะไปบ้าเรียนบ้ากีฬา มันสมควรหันมาบ้าผู้หญิงเสียบ้าง ก่อนจะพูดอะไรเขาหันไปมองตาแฟนสาวที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามขยิบตาบุ้ยใบ้ส่งสัญญาณบางอย่าง เขมิการีบพยักหน้ารับยิ้มอย่างเข้าใจ


“จริงสิ ปาริสา กับปารีส อะไรช่างเหมาะเจาะขนาดนั้น” ทวีปพูดขึ้น “ชื่อของพวกคุณคล้ายกันมาก”


“จริงด้วย” เขมิการีบเป็นลูกคู่สนับสนุนอย่างไว “ปาริสา ตัดสระอาออกก็ ปาริส”


“ตัดอะไรก็ตัดไปเถอะจ้ะ น้องมิกา แต่อย่าตัดใจแล้วกัน” ทวีปหัวเราะก่อนจะหันไปขอความคิดเห็นคนนั่งข้าง ไม่สนใจแววตาคมกริบฉายแววดุ “เนอะ ปารีส นายเห็นด้วยไหม”


“เล่นตลกอะไรกัน ฉันไม่ขำไปกับนายด้วยหรอกนะ”



ทวีปโดนเอ็ดจนต้องหุบยิ้ม ปารีสส่ายหน้ามองหน้าเพื่อนสลับกับหน้าเขมิกา ก่อนจะหันไปมองผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม เขากลั้นยิ้มเมื่อคุณเธอกำลังตั้งอกตั้งใจใช้มีดเฉือนเนื้อไก่แล้วใช่ส้อมเสียบเข้าปากตัวเอง ไม่สนใจหรือเข้าใจที่เพื่อนสนิทตัวดีพยายามจับคู่ระหว่างเขากับเจ้าหล่อน



หล่อนกินได้อร่อยดีแฮะ...ส่วนเขาเป็นคนกินยากกินเย็นมาแต่ไหนแต่ไร ได้แต่พยายามกลืนลงกระเพาะ เพราะไม่อยากให้เขมิกาน้อยใจ...ถึงรสชาติมันจะพอใช้ได้ก็ตามเถอะ เขาไม่ชอบกินไก่ โดยเฉพาะไก่งวงตัวโตๆ ด้วยแล้ว น่ากลัวมากกว่าน่ากินเสียอีก แถมรสออกจะคาวมากไปหน่อย สำหรับเขาไก่ไทยอร่อยกว่า


ปารีสหันไปคว้าขวดไวน์รินใส่แก้วให้ปาริสา เมื่อเธอยกขึ้นดื่มหมดรวดเดียวจากอาการจุกแน่น ท่ามกลางการเมียงมองของหนุ่มสาวอีกคู่พลางส่งยิ้มให้กัน ปารีสสังเกตเห็นแต่ขี้เกียจใส่ใจ ค่อยๆ ละเลียดจิบไวน์ในแก้วของตัวเองนานๆ ทีจะกินไก่แกล้มสักคำ


“นายจะไปเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยแข่งสกีอีกเมื่อไหร่เหรอ” ทวีปหันมาถาม “เห็นช่วงนี้นายซ้อมบ่อยผิดปกติ”


“ประมาณปลายเดือน”


“ก็อีกไม่เกินยี่สิบวันแล้วสิ” ทวีปสรุปคำตอบของปารีส ก่อนจะหันไปทางสาวแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักวันนี้ ออกปากชักชวน


“คุณริสา ไปดูแข่งสกีหิมะไหมครับ ไปกันหลายคนสนุกดี ไปให้กำลังใจไอ้ปารีสมัน” ปาริสาเงยหน้ามองผู้ชายตรงหน้า ไม่กล้าตอบรับหรือปฏิเสธ


“ไปสิครับ” ปารีสออกปากอนุญาตอีกคน “เราคนไทยด้วยกัน ไหนๆ ก็รู้จักกันแล้ว” ปารีสไม่เห็นว่าเพื่อนตัวแสบแอบยกกำปั้นด้วยความสมหวัง เพราะเข้าทางแผนจับคู่ ฝ่ายหญิงสาวอีกคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองเข้าไปอยู่ในแผนการครั้งนี้ด้วยนิ่งครุ่นคิด ก่อนจะตอบ


“ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบรับคำ พลางคิดก่อนจะกลับเมืองไทยคราวนี้ ควรเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิต และความทรงจำกับที่นี่ไปให้ได้มากที่สุด อย่างน้อยในเวลาเศร้าใจแบบนี้ การได้อยู่ท่ามกลางฝูงชนและคนรู้จักคงทำให้คลายความเจ็บปวดจากการสูญเสีย


ปาริสาคงดื่มไวน์เข้าไปหลายแก้ว เธอเริ่มรู้สึกหนักศีรษะ หากทว่าเพราะติดใจในรสชาติจนต้องลองจิบไปเรื่อยๆ ระหว่างนั่งเงียบฟังเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักวันนี้สนทนากันท่ามกลางเสียงหัวเราะเป็นระยะ...ความรู้สึกของการมีเพื่อนมันดีอย่างนี้นี่เอง...หญิงสาวคิด ปัจจุบันเธอไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทที่ไปไหนมาไหนด้วยกันตั้งแต่เพื่อนชาวญี่ปุ่นมีเหตุจำเป็นต้องหยุดเรียนกลับบ้านเกิดไปเมื่อสามเดือนก่อน เลิกเรียนเธอก็เข้าห้องสมุดหรือไม่ก็กลับหอพักตัวเอง



ไม่ไหวแล้ว...เธอง่วงนอนจัง เห็นทีคงต้องกลับเสียแล้ว หญิงสาวยืนขึ้นพร้อมกับความรู้สึกห้องหมุนได้ ภาพทุกอย่างพร่าเบลอไปหมดมองไม่ชัด ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดลงอีกครั้งพร้อมกับความรู้สึกห้วงสุดท้าย...เธอไม่อยากจะตื่นขึ้นมาอีกเลย ความอบอุ่นที่ลางเลือนในอ้อมกอดของใครบางคน


พ่อ...พ่อคงมารับเธอไปอยู่ด้วย...อุ่นจัง อ้อมกอดของพ่อ




ปารีสที่รีบลุกจากเก้าอี้ คว้าหญิงสาวเข้าสู่วงแขนได้ทัน ก่อนที่เจ้าหล่อนจะล้มลงไปกองกับพื้น เขายืนตระกองประคองร่างบอบบางไว้ ขณะเธอเองก็กำลังกอดเขาแน่นไม่ยอมปล่อย เปลือกตาสองข้างปิดสนิท ใบหน้านวลเนียนแดง ระเรื่อด้วยเลือดฝาดจนเห็นได้ชัด เพราะได้ แอลกอฮอล์มากระตุ้น ผิวแก้มแนบสัมผัสกับอกกว้างจนเขาตระหนักได้ถึงไออุ่น ถ้ารู้ว่าเธอคออ่อนก็จะไม่ปล่อยให้ดื่มในปริมาณมากขนาดนี้ ปาริสากำลังไม่ได้สติ เรียวปากบางเพ้อเรียกหาแต่คำว่า ‘พ่อ’ ที่ร้ายกว่านั้นมือคู่เดิมที่กำลังกอดเอวเขาอยู่เริ่มไต่มาบนตัวก่อนที่เธอจะคว้าคอเขาไว้



“เฮ้ย!” ปารีสอุทานด้วยความตกใจ เมื่อสาวในอ้อมแขนยื่นปลายจมูกมาจุมพิตแก้มของเขา “ริสา ฉันไม่ใช่พ่อของเธอนะ” เจ้าหล่อนเริ่มเอาหัวซุกที่ซอกคอของเขา...ไม่ไหวแล้ว เขาหันไปหาผู้ช่วย


“นี่ เขมิกา อย่ามัวแต่นั่งอมยิ้ม” ปารีสหันไปบอก “มาช่วยกันหน่อย ฉันเป็นผู้ชาย จะปล่อยให้เธอเที่ยวมายืนกอดอยู่ได้ไง”


“แหม...ทำเป็นหวงตัว” เขมิกาแกล้งบ่นแต่ยอมลุกจากที่นั่ง เดินไปหา ส่วนปารีสจัดการแกะวงแขนหญิงสาวออกจากรอบคอ แล้วรีบผละให้เขมิกาเหมือนเป็นของร้อน หากทว่าผู้ช่วยเองก็ไม่สามารถรับน้ำหนักคนมึนเมาไวน์ได้ไหว ทั่งคู่จึงลงไปนอนกอดกันกลมบนพื้นพรม


“อ้าย! ริสา เธอมาหอมแก้มฉันทำไม” เขมิกาโวยขึ้นบ้างท่ามกลางเสียงหัวเราะของสองหนุ่ม “ต่อไปเธอห้ามไปดื่มกับผู้ชายสองต่อสองเด็ดขาดเชียว ไม่งั้นเธอรอดยาก” พูดเสร็จก็ผุดลุกขึ้นมานั่ง มองเพื่อนใหม่ที่ตนเองปล่อยให้นอนกองอยู่กับพื้นไว้ก่อน


“พ่อคะ ริสาคิดถึงพ่อ” ปาริสายังเพ้อไม่เลิก


“รู้แล้วจ้ะ ว่าเธอคิดถึงพ่อ” เขมิกาพูดก่อนจะเงยหน้าไปทางปารีส ที่กำลังยืนเงียบจ้องสาวตาไม่กระพริบ


“พี่ปารีสช่วยเป็นพ่อให้เธอหน่อยสิ” พูดยังไม่ทันจบประโยคก็มีเสียงลอยข้ามโต๊ะมา ไม่ใช่ใครที่ไหนว่าที่นายแพทย์หนุ่มของเมืองไทย



“อะไรนะ...เธอจะให้ไอ้ปารีสเป็นพ่อหล่อนเหรอ เป็นผัวง่ายกว่ามั้ง”


“หยาบคายที่สุด” เขมิกาฉวยตุ๊กตาซานตาคลอสตรงโคนต้นคริสมาสต์ที่เธอประดับไว้โยนขว้างใส่ปากคนพูด พร้อมๆ กับโดนปารีสตบกะโหลกไปหนึ่งครั้ง


“ไอ้บ้า!” ปารีสด่า


“สมน้ำหน้า” เขมิการีบซ้ำเติม “หัดฟังให้จบก่อนสิ มิกากำลังจะบอกให้ปารีสช่วยอุ้มริสา เข้าไปนอนในห้องหน่อย ฉันแบกไม่ไหวหรอก” พูดจบก็ตวัดสายตามองค้อนแฟนตัวเองพลางดุอีกรอบ


“ปากพี่ทวีปเนี่ย ทะลึ่งไม่เปลี่ยนเลยนะ ดีที่ริสาไม่รู้สึกตัว ขืนได้ยินเข้า มีหวังต้องเลิกคบพี่เป็นเพื่อนแน่”


“ฉันก็แค่พูดสนุกๆ เท่านั้นเอง ทำเป็นจริงเป็นจังไปได้ เอาเป็นว่าฉันขอโทษแล้วกัน” ทวีปหันไปบอกแฟนสาวและเพื่อนสนิท


“ฉันเป็นผู้ชายยังไงก็ไม่เสียหาย” ปารีสยืนเท้าเอวหันไปทางเพื่อน “แต่นายควรให้เกียรติสุภาพสตรีบ้างสักนิดก็ดี”



“ครับผม โทษทีว่ะ ฉันชอบปล่อยหมาออกจากปากอยู่เรื่อย ต่อไปฉันจะระวังปากให้มากกว่านี้”


ปารีสส่ายหน้าเขาไม่ได้โกรธเคืองเพื่อนคนนี้จริงจังมากนัก เพราะรู้ดีว่าถึงปากมันจะหยาบโลนเป็นบางครั้ง ชอบพูดสนุกไปเรื่อยโดยไม่คิดอะไร แต่พื้นฐานเป็นคนจิตใจดี ไม่เคยคิดร้ายกับใคร มีความจริงใจให้กับเพื่อนเสมอ รวมทั้งชอบช่วยเหลือและให้โอกาสกับคนอื่นถึงขนาดเคยเปรยให้ฟังว่าเรียนจบกลับเมืองไทยจะเปิดคลินิกนอกเวลาเพื่อช่วยเหลือคนจนโดยไม่คิดค่ารักษา


ปารีสเตือนเพื่อนเสร็จก็หันไปจัดการคว้าร่างบางที่นอนเพ้องึมงำอยู่บนพื้นพรมอุ้มจนตัวลอย ส่วนคุณเธอก็ช่างกระไรรีบไขว่คว้าโอบรัดรอบคอเขาอีกแล้ว ใบหน้าซุกแนบอกกว้างเสียงแผ่วเบาหลุดมาจากริมฝีปากอวบอิ่มแดงระเรื่อราวกับผลเชอร์รี่สุก


“อุ่นจัง” เจ้าหล่อนว่า เขารีบสะบัดหน้า หันหนีจากภาพริมฝีปากเผยอเหมือนจะเชิญชวน เพราะรู้สึกหายใจติดขัดพิกล รีบเดินพาร่างหญิงสาวเข้าห้องของเขมิกา จัดการวางลงบนเตียงกว้าง พลางบ่นฮึดฮัดระหว่างพยายามงัดวงแขนที่กอดคอเขาไม่ยอมปล่อย


“ทำไมยายมิกา ไม่ยอมเข้ามาด้วยวะ”



ฉับพลันเขาต้องตกตะลึงเพราะเสียหลักลงนอนทับร่างเจ้าของวงแขนกระชับรัดรึง อกกว้างแข็งแรงสัมผัสกับอกอวบนุ่ม จนเขาต้องรีบผละออกลงนอนข้างๆ พร้อมกับลำขาเรียวยาวตวัดเกี่ยวพันท่อนขาของเขาไม่ต่างกับหมอนข้าง สะโพกกลมกลึงของเจ้าหล่อนเบียดแนบสนิท ปารีสกรอกตามองเพดานห้อง


“ริสา รู้ไหม ว่าทำแบบนี้แล้วฉันต้องอดกลั้นขนาดไหน”



ชายหนุ่มบ่นอีกรอบ เป่าลมออกจากปาก ข่มกลั้นอารมณ์เบื้องต่ำ เพราะจิตใต้สำนึกเขาจึงพยายามไม่หันไปทางใบหน้าและปลายจมูกที่กำลังคลอเคลียแก้มซีกซ้ายของเขาอยู่ไม่ห่าง เขารู้สึกใจเต้นแรง เหงื่อออกเต็มฝ่ามือทั้งที่อากาศไม่ได้ร้อนอบอ้าว ปารีสรีบรวบรวมสติก่อนจะใช้แรงทั้งหมดที่มีดิ้นหลุดออกมาได้โดยรีบยัดหมอนข้างให้เจ้าหล่อนกอดแทน


“นอนกอดหมอนไปแทนแล้วกัน” เขาว่าก่อนจะรีบถลาลงจากเตียงวิ่งออกไปนอกห้อง


“อะไรกัน อุ้มสาวแค่นี้ ถึงกับเหงื่อตกเลยหรือวะเพื่อน” ทวีปเริ่มปากดีอีกรอบ ขณะปารีสนั่งลงเก้าอี้ตัวเดิมพลางคว้ากระดาษทิชชูมาซับเหงื่อตรงโคนผม


“อย่าพูดมาก กินไก่ไปเถอะ” คนเหงื่อตกหันไปพูด ทวีปรีบบอกทันทีว่า


“ฉันไม่ใช่ตัวกินไก่ สักหน่อย”


“เห็นทีคืนนี้ริสาคงต้องค้างที่นี่” เขมิกาเงยหน้าจากจานอาหารบอกหนุ่มๆ “พวกพี่สองคนก็ไม่ต้องกลับหรอก นอนเสียที่นี่เลย พายุยังไม่สงบหิมะก็ตกหนัก ท่าทางคืนนี้จะยาว”


“ได้จ้ะ” ทวีปตอบตกลง ส่วนปารีสทำเพียงพยักหน้ารับ


“แล้วเตียงน้องมิกา มีพอให้พี่นอนเหรอครับ”


“ทะลึ่ง ห้องโถงออกจะกว้าง พี่ทวีปเลือกตามสบาย ว่าจะไปนอนซุกตัวอยู่ตรงไหน” เขมิกาบอกแฟนหนุ่มพลางส่งสายตาค้อนปะหลับปะเหลือก ก่อนจะหันไปหาอีกคน


“ว่าแต่พี่ปารีสไม่สบายหรือเปล่า หน้าแดงๆ พิกล”


“เปล่า” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธ แล้วยกแก้วไวน์ขึ้น “สงสัยเพราะไอ้นี่”


“ไม่น่าเชื่อระดับคอทองแดงจิบไวน์แค่นี้ ถึงกับหน้าแดงเหงื่อตก” เขมิกาพูดยิ้มๆ “สงสัยเมื่อกี้ต้องโดนยายริสาคว้าตัวหอมแก้มอีกรอบแน่ๆ”


“นี่! มิกา ถ้าปากมันเหงามากนัก หันไปคุยกับแฟนเธอโน่น ไม่ต้องมาสนใจฉัน” เขมิกาย่นจมูกกับเสียงเข้มของรุ่นพี่ ฝ่ายว่าที่นายแพทย์รีบออกโรงปกป้องแฟน


“อ้าว...อ้าว ไอ้ปารีส พูดกับแฟนฉันดีๆ หน่อยสิวะ แฟนฉันไม่ใช่สาวๆ ที่วิ่งตามตื้อนายอยู่นะ ท่องไว้ๆ แฟนเพื่อนสนิท”


“ก็จะไม่ให้ฉันหงุดหงิดได้ไง” ปารีสหันไปบอก “อย่านึกนะว่าฉันไม่รู้ว่าว่าแกกับแฟนแกกำลังคิดอะไรอยู่”


“คิดอะไรอยู่วะ” ทวีปถามทำไม่รู้ไม่ชี้


“ก็คิดจะจับคู่ฉัน กับยายริสา น่ะสิ”


“แล้วนายไม่ชอบหรือไง” ทวีปยังไม่เลิกเชียร์ “น้องเค้าออกจะสวย แกไม่รู้สึกถูกใจบ้างเหรอ”


“แกเคยเห็นฉันจีบผู้หญิง ชอบเกี้ยวสาวบ้างไหม” ปารีสย้ำให้เพื่อนเข้าใจ “ไม่เคย ฉันไม่เคยยุ่งกับผู้หญิงคนไหน แค่เรียนกับเล่นกีฬาฉันก็ไม่มีเวลาแล้ว”


“ก็เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงกลุ้มใจ อยากให้แกมีแฟนกับเขาเสียที”


“แล้วทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนนี้ด้วย”


“อืม...ไม่รู้สิ” ทวีปตอบยากก่อนจะพยายามอธิบาย “คงเพราะรู้สึกว่าไม่เคยเห็นนายมีปฏิกิริยาแบบนี้มาก่อนกับสาวคนไหน”


“แบบนี้ น่ะแบบไหน” ปารีสย้อนถาม


“ก็ปกตินายจะเชื่องช้า เรื่องพวกนี้จะตาย ลองให้ผู้หญิงคนอื่นมาทำท่าล้มต่อหน้าสิ ไม่มีทางที่นายจะรีบกระโดดตะครุบ หรือแสดงอาการเป็นห่วงอย่างออกนอกหน้า แถมปฏิกิริยาทางเคมีทางร่างกายของนายหลั่งสารฟีนิลลามีน ทำให้เกิดฮอร์โมนอาดารีนาลีน แล้วถ้านายมีอาการใจเต้นแรง หน้าแดง หายใจแรง มือไม้สั่น เหงื่อออก เหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้ นั่นแหละปฏิกิริยารักแรกพบ”



นานๆ ทีทวีปจะพูดเป็นงานเป็นการเลยอธิบายเสียยืดยาว และหวังว่าปารีสที่นั่งฟังอยู่อย่างเงียบๆ จะเข้าใจความรู้สึกของตัวเองได้บ้าง ทว่าแทบอยากกระโดนถีบกับคำตอบที่หลุดออกมา


“นายเลิกเอาตำราแพทย์ มาพูดให้ฉันฟังเถอะ แน่นอนร่างกายฉันอาจมีการตอบสนองกับบางอย่าง” ปารีสบอกเพื่อนก่อนหันไปทางเขมิกา “มิกา เธอช่วยไปปรับฮีตเตอร์หน่อยสิ น่าจะรู้ว่าฉันชินกับอากาศหนาว เพราะต้องซ้อมสกีอยู่ท่ามกลางหิมะเป็นประจำ”


“ร้อนเหรอ อืมม์...ได้” เขมิการีบลุกไปจัดการให้ตามคำขอ ท่ามกลางการบ่นพึมพำจับใจความไม่ได้ของทวีป



ค่ำคืนเหน็บหนาวเพราะหิมะตกหนัก เสียงลมหวีดหวิวดังเล็ดลอดแผ่วเบาผ่านช่องว่างหน้าต่างบานกระจกที่ปิดสนิท ฟังแล้วราวกับเสียงโหยหวนของปีศาจ แผ่นกระจกถูกพายุพัดกระทบเสียงดังกึกๆ ปารีสนอนฟังเสียงเหล่านั้นอยู่บนพื้นห้อง ร่างสูงซุกอยู่ในถุงนอนอุ่นสบายที่เขมิกาหอบมากองไว้ให้สองหนุ่มก่อนจะเข้าห้องปิดเงียบ เปลือกตาที่ลืมโพล่งมองฝ่าความมืดไปยังด้านบน ไม่มีแสงจันทร์ และไม่มีแสงไฟ เห็นแต่ดาวสะท้อนแสงที่เจ้าของห้องติดไว้บนเพดาน ชายหนุ่มสะบัดหน้า เรียกสติตัวเอง เขารู้สึกราวกับถูกสาวไทยนามว่าปาริสา มานอนเบียดกอดแนบกายทุกครั้งยามหลับตาลง



ถ้าจะบ้าไปแล้ว...ชายหนุ่มดุตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจรูดซิบถุงนอนสลัดมันทิ้งไว้แถวนั้น เผื่อความเย็นจะช่วยสะกดดับอารมณ์บางอย่างได้ ปารีสพลิกตัวพลันสะดุดลมหายใจเมื่อหันไปเจอดวงตาวาวและยิ้มฟันขาวสะท้อนความมืดสลัวของใครบางคน


“เป็นไง นอนไม่หลับหรือวะ”


“สงสัยแปลกที่” ปารีสตอบเลี่ยงความรู้สึกตัวเอง ก่อนจะพลิกตัวนอนหงายกอดอก ไม่อยากหันไปมองตาระยิบของเพื่อนสนิท


“แปลกที่หรือแปลกหัวใจกันแน่”


“โอ้ย!” ทวีปร้องลั่น เมื่อโดนคนนอนข้างกันหันมาเตะหน้าแข้ง เพื่อนตัวดีคงซัดมาเต็มแรง ขนาดอยู่ในถุงนอนยังรู้สึกเจ็บ


“เลิกพูดมาก แล้วนอนไปเลย” ปารีสสั่งเพื่อน ก่อนพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังไปอีกทาง


“กี่โมงแล้ววะ”


“ตีสอง” ปารีสบอกเพื่อนหลังจากยกมือขึ้นดูพรายน้ำบอกเวลาตรงหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ “ถามทำไม”


“เร็ว...ลุกเถอะ” ปารีสขมวดคิ้วเข้มเข้าหากัน นอนมองเพื่อนสลัดถุงนอนอย่างรวดเร็วออกจากตัว ก่อนจะลุกยืนค้ำหัวเขาเป็นเงาทะมึน


“อย่าบอกนะ ว่าแกเกิดอยากกลับบ้านเช่า เอาตอนเวลาแบบนี้” ปารีสถาม “ไม่ได้ยินหรือไงลมพายุยังไม่สงบ...ฉันจะนอน ไม่ต้องมารบกวน”


แทนที่เพื่อนมันจะยอมทำตาม กลับย่อตัวลงมาจัดการรูปซิบถุงนอนที่ปารีสเพิ่งคว้ามายัดร่างกายหาไออุ่นอีกครั้ง รีบดึงตัวเขาออกจากห่อผ้าบุนวมเนื้อหนา



“ยังนอนไม่ได้ ลุกมาทำธุระก่อน”


“อะไรของแก” คนที่อยากนอนบ่นอุบ ยอมลุกมายืนแต่โดยดีเพื่อตัดความรำคาญ “ธุระแบบไหน ถึงต้องลุกมาทำตอนตีสอง” ปารีสถามย้ำอีกครั้ง


“ตามมาสิ เงียบๆ ล่ะ” คนชวนรีบย่องปลายเท้าเดินนำหน้า หันมายกนิ้วชี้ติดริมฝีปาก เป็นความหมายไม่ให้เขาถามมาก หรือจงหุบปากเงียบ ปารีสพยักพเยิดหน้าโปกมือตวัดไล่...ให้เดินหน้าลุย อยากรู้นักว่าธุระที่มันกำลังจะทำคืออะไร ทว่าทันทีที่เห็นเพื่อนไปหยุดหน้าห้องสาว มือค่อยๆ บิดลูกบิดอย่างเบามือ เขาถึงกับอุทานเสียงหลง



“เฮ้ย! นี่แกจะทำอะไร” คนโวยวายรีบสะบัดมือของเพื่อนที่รีบขยับเข้ามาตะครุบปิดปากเขาไว้ ก่อนจะกระซิบเสียงเข้มรอดไรฟัน “ฉันถามว่าแกกำลังคิดจะทำอะไร”


“ไม่เห็นหรือไง ผู้หญิงเขาไม่ได้ล็อกประตู” ทวีปกระซิบตอบ


“แล้วไง”


“เขมิกาเขาตั้งใจไม่ล็อก เพื่อเจตนาให้ฉันเขาไปหาในห้อง” ทวีปพูดไม่ทันจบก็โดนมือหนักๆ ของเพื่อนตบต้นแขนไปหนึ่งที จนต้องยกมือมากุมไว้ ไม่ใช่เท้าอย่างเดียวที่หนัก มือเพื่อนคนนี้ยังกับโดนท่อนซุงฟาด


“ไอ้ลามก!” ปารีสสรรเสริญอีกรอบ “ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเพื่อนหื่นแบบนาย คิดจะเข้าไปปล้ำผู้หญิง โดยชวนฉันไปเป็นเพื่อนเนี่ยนะ”


“ฟังก่อนสิวะ” ทวีปฮึดฮัดเมื่อโดนเพื่อนด่ามาชุดใหญ่ “วันนี้เป็นวันคริสต์มาสอีฟ”


“แล้วไง”


“ฉันจะเอาของขวัญ ไปใส่ไว้ในถุงเท้า ที่แฟนฉันแขวนไว้บนหัวเตียง ขืนไม่ทำ ตื่นมาหล่อนได้โวยวาย เพราะไม่ได้ของที่อยากได้”


“แล้วก็ไม่บอก”


“ก็กำลังจะบอกอยู่นี่ไง ยังไม่ทันจะพูดแกก็ตีแขนฉันซะก่อน”


“โทษทีว่ะ” ปารีสตอบยิ้มๆ “เอาเป็นว่าเราหายกัน แกปากไว ส่วนฉันก็มือไวไปหน่อย...คราวหลังพูดแต่เนื้อๆ เน้นๆ ตรงประเด็น อย่ายืดเยื้อ”


ทวีปโคลงศีรษะ เลิกใส่ใจเพื่อน หันไปจับลูกบิดอีกครั้ง กำลังจะเปิดแล้วเชียว ดันถูกเพื่อนรายเดิมจับหัวไหล่ดึงไปหา


“ว่าแต่...ทำไมฉันต้องเข้าไปด้วย” ปารีสสงสัย


“ขอร้อง เลิกถามมากเถอะ ฉันแค่อยากชวนแกไปเป็นเพื่อน ถ้าแฟนฉันนอนอยู่ในห้องคนเดียว ฉันไม่เสียเวลาชวนมาหรอก”


เตียงกว้างตรงมุมหนึ่งของห้องมีร่างบางของสองสาวนอนคลุมห่มผ้านวมเนื้อหนาเป็นเงาตะคุ่ม เห็นได้เพราะแสงสว่างจากกระบอกไฟฉายขนาดเล็กตวัดทะลุความมืด ปารีสส่ายหน้าพร้อมนึกขำเมื่อทวีปบอกกับเขาก่อนเข้าห้องว่ากระบอกไฟฉายอันนั้นเขมิกายัดใส่มือให้ก่อนเจ้าหล่อนจะเข้านอน ชายหนุ่มหยุดเท้าไว้เพียงแค่ตรงประตูมองเพื่อนย่องเบาไปยังหัวเตียงแฟนสาว ในมือกำกล่องของขวัญใบขนาดเล็กผูกโบว์สีสวย


ปารีสเลิกคิ้วสูง เมื่อเพื่อนสนิทหันมากวักมือเรียกให้เดินเข้าไปหา เขาขี้เกียจจะพูดมาก เลยยินยอมเข้าไปยืนใกล้เพื่อนส่งสายตาถาม


“ฉันเพิ่งเห็นว่ามีถุงเท้าสองอัน” ทวีปกระซิบเสียงเบา “แสดงว่าอีกอันมิกาตั้งใจแขวนให้ริสา”


“แล้วไง”


“แล้วไงล่ะไอ้บ้า แกเนี่ยความคิดช้าจริงกับเรื่องพวกนี้” ทวีปอดหมั่นไส้เพื่อนตัวเองไม่ได้ “แกมีอะไรพอจะใส่เป็นของขวัญให้ริสาได้บ้าง”


ได้ยินแค่นั้นปารีสก็รีบเดินหันหลังกลับ ทวีปรีบดึงไว้


“น่านะ...แค่พอเป็นพิธีเอง เอาอะไรก็ได้ ใส่เป็นของขวัญคริสต์มาสให้เธอหน่อย”


ปารีสนิ่งเงียบไปกับคำคะยั้นคะยอของเพื่อน เพราะกำลังขบคิดว่าจะให้อะไรดี ลำพังตอนนี้พกติดตัวมาไม่กี่อย่าง แล้วจะหาของขวัญด่วนพิเศษมาจากไหน ชายหนุ่มถอนหายใจ ก่อนจะล้วงหยิบกระเป๋าหนังใบเล็กมาจากกระเป๋าหลังกางเกงยีนส์ที่ตนสวมใส่อยู่ ดึงธนบัตรมาบึกหนึ่ง ทวีปเห็นแค่นั้นถึงกับกรอกตามองเพดาน


“อย่าบอกนะว่าแกจะใส่เงินจำนวนนี้ให้หล่อน”


“ใช่” ปารีสตอบมั่นใจ “ก็ตอนนี้ในตัวฉันของมีค่าที่สุดก็มีแต่เงิน”


“เก็บเงินนายไปซะ เดี๋ยวริสาก็เข้าใจผิดหรอก เกิดเขาคิดว่านายจะซื้อตัวเขาด้วยเงินก็ยุ่งไปใหญ่”



ปารีสถอนใจเฮือกใหญ่ ไม่นึกว่าการจะเอาอกเอาใจผู้หญิงสักคนมันจะยุ่งยากขนาดนี้ ยอมเก็บเงินจำนวนนั้นคืนกระเป๋า ก่อนจะตัดสินใจถอดแหวนทองคำเกลี้ยงวงเล็กในนิ้วก้อยตัวเองหย่อนลงถุงเท้าลายทางสีรุ้งอีกข้างตรงหัวเตียง



มุกมาดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.พ. 2555, 14:22:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ก.พ. 2555, 14:48:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 2125





<< ตอนที่ 2 เพื่อนใหม่ในต่างแดน   การเดินทางแห่งรัก >>
Auuuu 17 ก.พ. 2555, 14:54:49 น.
ว้าววว แหวนทองคำซะด้วยยยยยย


มุกมาดา 17 ก.พ. 2555, 15:08:13 น.
ขอบคุณกำลังใจจากคุณ Auuuu มากค่ะ ^___^


lunamoon 21 ก.พ. 2555, 23:24:49 น.
^^ อยากมีซานต้าอย่างนี้บ้าง


pseudolife 28 ก.พ. 2555, 14:24:46 น.
ว้าวๆ ให้แหวนนี่ก็ชวนคิดไกลไปอีกทางเนอะ
น่ารักจังค่ะเรื่องนี้ กรี๊ดเจ้าชายหิมะ ^_^

--------------------------------------------------------
มีบางประโยคอ่านแล้วแปลกๆ จ่ะ


-ไปให้กำลังไอ้ปารีสมัน...ให้กำลังใจ?
-เรียนจบเธอก็เข้าสมุดหรือไม่ก็กลับหอพักตัวเอง...เรียนจบเหมือนสำเร็จการศึกษาแล้วเลย
น่าจะ'เรียนเสร็จ' หรือ 'เลิกเรียน' ไหมจ๊ะ

-ว่าแต่ทำไมอยู่ดีๆ มิกา เรียกทวีป กับกับปารีสว่าพี่หว่า
ตอนแรกยังเรียก นาย อยู่เลย


มุกมาดา 28 ก.พ. 2555, 14:43:13 น.
ขอบคุณ คุณ Pseudolife มากค่ะสำหรับกำลังใจ และคำแนะนำ จะนำไปปรับแก้ต้นฉบับค่ะ ขออภัย คนเขียนเบลอจัด อิ อิ


pseudolife 4 เม.ย. 2555, 22:52:14 น.
ไม่อัพเรื่องนี้แล้วหรือค้า ^^


มุกมาดา 6 เม.ย. 2555, 21:06:49 น.
ตอบคุณ pseudolife ขออภัยค่ะที่หยุดอัพเรื่องนี่ แต่จะอัพให้อ่านจนจบแน่นอนค่ะ ตอนแรกคิดว่าลงสองเรื่องพร้อมๆ กัน คงทัน แบบสลับกันเขียน ประมาทตัวเองเกินไป อิ อิ ตอนนี้ขอพักชั่วคราวค่ะ ไม่นานค่ะ จะรีบเร่งลงเล่ห์วิวาห์ให้จบไวไว อีกไม่กี่ตอนจะจบแล้วค่ะ แล้วจะรีบมาลงให้อ่านทันทีค่ะ ขอบคุณค่ะที่ติดตามอ่านเรื่องนี้ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account