กรงรักมายาหัวใจ
ความรักที่เย็นฉ่ำดุจละอองเกล็ดหิมะ หัวใจที่รุ่มร้อนดังเพลิงเพราะรัก

ฟ้าได้ลิขิตให้ทั้งสองมาเจอกัน ก่อนจะพลัดพราก เมื่อหญิงคนรักทิ้งเขาไปอย่างเลือดเย็น เขามีแต่ความเจ็บปวด เจ็บแค้น อันแน่นในหัวใจ เมื่อต้องกลับมาเจอเธออีกครั้ง เขาจะจัดการกับเธออย่างไร ในเมื่อไม่เคยลืมรักครั้งแรก

ปารีส (พระเอก) ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-แคนาดา เขารักปาริสาอย่างหมดหัวใจ ทว่าหล่อนกลับทิ้งเขาไป เมื่อต้องกลับมาเจอกันอีกครั้ง ทั้งที่ยังรัก และไม่เคยลืมจากหัวใจ อยากจะคว้าตัวหล่อนมากอด แต่ทำเพียงแค่แสดงความโกรธ และเย็นชาเท่านั้น โดยเก็บรักขังไว้ในกรงหัวใจ
ปาริสา (นางเอก) หรือที่ใครๆ หลายคนมักเรียกว่า ริสา เพียงแค่ไม่กี่เสี้ยววินาทีได้ตัดสินใจ เดินออกมาจากชีวิตของเขาด้วยเหตุผลบางอย่าง ทว่าหล่อนกลับใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อลืมเขา การต้องกลับมาเจอกับเขาอีกครั้งสร้างความไหวหวั่น หัวใจเหมือนโดนเศษแก้วบาดลึก ต่อความเย็นชา และอารมณ์โกรธของเขา หญิงสาวเก็บกักความรู้สึกซ่อนลึกในกรงหัวใจ ทำตัวเองประหนึ่งเป็นกระจกสะท้อนเงา เมื่อเขาร้ายหล่อนร้ายตอบ เจอความเย็นชา หล่อนก็พร้อมจะเป็นน้ำแข็งขั้วโลกใต้ ทว่าสิ่งที่ทำให้กลัวจับใจ คือความลับที่ปกปิดไว้ไม่ให้เขารู้
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 2 เพื่อนใหม่ในต่างแดน

ตามความเชื่อของศาสนาคริสต์นั้น วันที่ยี่สิบห้าธันวาคมของทุกปีเป็น วันคริสต์มาส วันที่เด็กๆ ทั่วโลกต่างรอคอย พวกเขาจะเอาถุงเท้าไปแขวนไว้ที่หัวเตียง เพราะเชื่อกันว่าจะมีคนแก่เครายาวในชุดแดงนั่งรถที่ลากด้วยกวางเรนเดียร์แปดตัว ทะยานจากท้องฟ้าลงมาทางปล่องไฟเอาของขวัญมาใส่ไว้ในถุงเท้า หากแท้ที่จริงแล้วพ่อกับแม่ของเด็กเหล่านั้นต่างหากที่เป็นคนเอาของขวัญไปใส่ไว้ให้ แต่ก็ปล่อยให้เป็นความหวังที่แสนหวานในความคิดของเด็กๆ ที่มีความเชื่อว่ามันมาจากโรงงานของเล่นที่ตั้งอยู่ตรงขั้วโลกเหนือ


เขมิกาเองก็นึกแปลกใจ ทำไมคนไทยอย่างเธอ จะต้องมาตื่นเต้นกับเทศกาลของคนยุโรปด้วย แต่ก็เอาเถอะ เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม ไม่ใช่เธอคนเดียวหรอก หญิงสาวเชื่อว่าป่านนี้คนไทยหลายๆ คนที่เมืองไทย ก็คงร่วมเลี้ยงฉลองกับเทศกาลนี้กับเขาด้วย นาฬิกาที่ผนังห้อง มันฟ้องว่าเลยเวลานัดหมายมามากแล้ว หญิงสาวได้แต่นั่งกระวนกระวายถึงความล่าช้าของสองหนุ่ม เธอกลัวว่าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นระหว่างทาง หิมะที่ตกหนักยิ่งทำให้รู้สึกวิตกกังวลมากขึ้น เขมิกาอดรนทนรอขังตัวเองอยู่ในห้องไม่ไหว รีบฉวยเสื้อกันหนาวมาใส่ พาตัวเองออกจากห้อง เธอมายืนรอ ย่ำเท้าเดินกลับไปกลับมา อยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าอพาร์ตเมนต์ หยุดชะเง้อยืดคอรอคอย ก็ยังไม่เห็นเงาของคนที่เธออยากเห็น


“ไปอยู่ตรงไหนของเขากันนะ” เขมิกาบ่นงึมงำ สีหน้าเป็นกังวลเปลี่ยนเป็นยิ้มอย่างโล่งใจ เมื่อเห็นทวีปกำลังเดินตรงมา


“ไปอยู่ตรงไหนของเขากันนะ” เขมิกาบ่นงึมงำ สีหน้าเป็นกังวล แล้วก็เปลี่ยนเป็นยิ้มอย่างโล่งใจ เมื่อเห็นทวีปกำลังเดินตรงมา

“หายไปไหนของเธอ เฮอะ นายทวีป” เขมิกาเท้าเอว ส่งสายตาไม่พอใจ

“พอดีมีอุบัติเหตุ นิดหน่อยจ้ะ ที่รัก”

“ไม่ต้องมาที่รงที่รักเลย ใครเป็นที่รักของนายไม่ทราบ เรายังไม่เป็นอะไรกันสักหน่อย” เขมิกาย่นจมูก ทำตาปะหลับปะเหลือก เธอยังอารมณ์ไม่ดี กับการต้องรอคอยอย่างเป็นกังวล

“อ้าว! ก็เราเป็นแฟนกัน ไม่ให้เรียกที่รัก แล้วจะเรียกอะไร”

“แฟนก็ส่วนแฟนสิ อย่ามาเรียกที่รักได้มะ ฟังแล้วจั๊กกะจี้พิลึก ไม่ต้องมาชวนคุยเรื่องอื่นเลย อุบัติเหตุอะไร สีหน้ามีพิรุธนิ บอกมาซะดีดี นายไปทำความผิดอะไรไว้” เขมิกาขู่

“หน้าฉันมันก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว อย่ามาหาเรื่องกันหน่อยน่า”

ทวีปถอนหายใจ กึ่งยิ้ม ๆ เขมิกาช่างหาเรื่องดีแท้

“เอ๊ะ! นั่นมันปารีสนิ แล้วเอาใครมาด้วย แฟนเขาเหรอ ปารีสเขามีแฟนตั้งแต่เมื่อไร” เขมิกากระซิบถามเบา ๆ เมื่อเหลือบสายตามองเห็นปารีส กำลังให้สาวที่ไหนก็ไม่รู้ขี่หลังมา ท่าทางยังกับคู่รัก

“นั่นล่ะคืออุบัติเหตุครั้งที่สองที่ทำให้เสียเวลานิดหน่อย”
“อุบัติเหตุครั้งที่สอง แสดงว่าต้องมีครั้งแรกใช่ไหม” เขมิกาถามอย่างสงสัย

“ก็พอดีรถที่ขับมาไปติดหิมะ เลยต้องเดินลุยฝ่าหิมะมา แล้วบังเอิญไอ้ปารีส ไปเจอผู้หญิงคนนั้นนอนเป็นลมอยู่ ก็เลยช่วยมา” ยังไม่ทันที่เขมิกา จะซักถามอะไรไปมากกว่านี้ ปารีสก็เดินมาถึง

“เขมิกา เธอช่วยหน่อยสิ ผู้หญิงคนนี้ ท่าทางจะไม่สบายมาก”

“ดะ..ได้ รีบขึ้นไปข้างบนดีกว่า ข้างนอกอากาศมันหนาว”

เขมิกากระวีกระวาดรีบเดินนำสองหนุ่ม กับอีกหนึ่งสาวนิรนาม ไปยังลิฟต์ของอพาร์ทเม้นท์ เพื่อขึ้นไปยังห้องพักของตนเอง ห้องของเขมิกา เป็นห้องชุด ที่มีห้องนอนแยก เป็นสั ดส่วนหนึ่งห้อง มีบริเวณโถงเล็ก ๆ เป็นห้องรับแขก พร้อมกั้นแบ่งเนื้อที่บางส่วนเป็นห้องครัว และเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม เห็นก็รู้แล้วว่าค่าเช่าเดือนหนึ่งจะแพงขนาดไหน แต่ฐานะอย่างเขมิกานั้นอยู่ได้สบาย เพราะเป็นถึงลูกสาวเจ้าของโรงแรมระดับห้าดาวและรีสอร์ตที่เมืองไทย ที่มีหลายสาขาในย่านธุรกิจแหล่งท่องเที่ยว ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

ปารีสเข้ามาในห้อง ตัดสินใจ เดินตรงไปยังโซฟาตัวยาวสีครีม วางร่างหญิงสาวลงนอน ใช้มือจับใบหน้าของเธอ ซึ่งเป็นส่วนที่เขาสามารถสัมผัสได้ง่ายที่สุด ผิวกายเธอเย็นเฉียบเหมือนโดนแช่แข็ง จนเขารู้สึกใจเสีย กลัวเธอหลับไม่ยอมตื่น

“เอาเธอเข้าไปในห้องนอนเถอะ เดี๋ยวมิกาจะได้ช่วยดูอาการให้” เขมิกากล่าวอาสา เพราะเห็นท่าทางเก้ง ๆ ก้าง ๆ ทำอะไรไม่ถูกของปารีส

“อืมม์”

ปารีสรับคำ แล้วรีบช้อนตัวหญิงสาวสู่อ้อมแขน อุ้มตัวลอยเหมือนเป็นสิ่งไร้น้ำหนัก เดินไปยังห้องที่เขมิกาเปิดประตูรออยู่แล้ว ค่อย ๆ วางเธอบนเตียงอย่างทะนุถนอม เหมือนกลัวว่าหากรุนแรงไปกว่านี้ เจ้าหล่อนจะแตกสลายเอาง่าย ๆ

“ปารีส นายออกไปรอข้างนอกเถอะ เดี๋ยวจะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะดูเหมือนเสื้อผ้าเธอจะชื้น คงต้องเปลี่ยนจะได้สบายตัว ฉันคงทำไม่ได้หากนายมายืนจ้องอยู่แบบนี้”

ดูเหมือนปารีสจะปักหลักยืนรอ เพื่อดูเขมิกาปฐมพยาบาล จนเขมิกาต้องเอ่ยปากไล่

“ได้ งั้นฉันไปรอข้างนอกนะ มีอะไรก็เรียกแล้วกัน”

“อืมม์” เขมิกาพยักหน้าตอบรับ

ปารีสจึงเดินออกมาจากห้อง เพื่อหลีกทางให้เขมิกาได้ดูแลคนป่วยได้โดยสะดวก ก่อนที่ประตูจะปิดลง ชายหนุ่มได้เหลือบสายตามองหญิงสาวบนเตียงอีกครั้ง นึกภาวนาขอให้คนที่นอนอยู่บนเตียงรู้สึกตัวโดยเร็ว กลิ่นกายหอมอ่อน ๆ ของเธอ จากการได้ใกล้ชิด ยังติดตรึงไม่หาย เขาชอบกลิ่นแบบนี้ มากกว่าผู้หญิงที่ฉีดน้ำหอมจนฟุ้ง หอมเกือบกลายเป็นฉุน แล้วชักพาลเหม็นเอาดื้อ ๆ

“เธอเป็นไงบ้าง” ทวีปเงยหน้าสอบถาม จากการนั่งพลิกนิตยสารในมือแบบไม่ได้ตั้งใจอ่าน

“มิกากำลังดูแลอยู่”

ปารีสตอบเพื่อน พร้อมย่อตัวลงนั่งโซฟาฝั่งตรงข้าม สีหน้าเป็นกังวล จนทวีปรู้สึกได้

ทวีปเริ่มแน่ใจถึงไม่เต็มร้อย ว่าปารีสคงตกหลุมรักแบบไม่รู้ตัวเข้าแล้ว อาการแบบนี้เขาเคยเป็นมาก่อนตอนเจอกับเขมิกา ความห่วงใย กังวลถึงทุกข์สุข ตลอดจนการเอาใจใส่ และรู้สึกดี ดี กับผู้หญิงคนหนึ่ง มันนำมาซึ่งความรัก แม้แรกเริ่มจะไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง แต่หัวใจจะนำทางให้ยอมรับในที่สุด ว่าผู้หญิงคนนั้นคือคนที่ใช่สำหรับเรา

“มาดื่มเบียร์แก้หนาวดีกว่า เดี๋ยวฉันไปหยิบให้” ทวีปเอ่ยชวนหาเพื่อนร่วมดื่ม

เบียร์กระป๋องถูกยื่นมาตรงหน้า ปารีสรับมาเปิดแล้วยกดื่ม ดีกรีของเบียร์ถึงไม่ร้อนแรงเหมือนสุรา แต่เมื่อมันผ่านลำคอสู่กระเพาะ ก็ให้ความรู้สึกอุ่นวาบช่วยคลายหนาวได้ ที่พูดกันว่าคนเมืองหนาวส่วนใหญ่มักชอบดื่มเบียร์แทนน้ำ เห็นคงจะเป็นจริง

กระป๋องเบียร์ถูกหมุนเล่นในมือ ปารีสไม่คิดจะยกดื่มเป็นครั้งที่สอง สายตามองไปยังประตูห้องที่ปิดเงียบ ทางด้านขวามือ ใจอยากให้เขมิกาออกมาจากห้องโดยไว เพื่อแสดงให้เห็นว่าหญิงสาวผู้นั้นไม่เป็นอะไรแล้ว

“ดูนายเป็นกังวลนะ” ทวีปเอ่ยทัก

“ฉันดูเป็นกังวลขนาดนั้นเชียว” ปารีสเลิกคิ้วสูงสีหน้าแปลกใจกับคำพูดของเพื่อน

“อืมม์” ทวีปรับคำแล้วยิ้ม ๆ

ปารีสส่ายหน้าหัวเราะกลั้วในลำคอ กับท่าทางทำมาเป็นรู้ดีของเพื่อนสนิท เขาแค่รู้สึกในฐานะคนช่วยชีวิต ที่ไม่อยากจะเห็นคนที่อุตส่าห์ลงแรงช่วย ต้องมาเป็นอะไรไปง่าย ๆ

“มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอก” ตอบไปอย่างไม่ใส่ใจว่าเพื่อนจะเปลี่ยนความคิดหรือไม่ แล้วยกเบียร์ในกระป๋อง ดื่มรวดเดียวหมด

ภายในห้องหลังจากที่เขมิกาจัดการเอาเสื้อผ้าของตัวเอง เปลี่ยนให้หญิงสาวบนเตียง และห่มผ้าห่มนวมชิดถึงปลายคาง เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น ก็รีบหยิบหลอดยาดมเปลือกส้มโอสูตรไทย ที่เธอติดใจ จนต้องพกติดตัวมาใช้ที่แคนาดา พร้อมออกแรงบีบนวดแขนขาผ่านผ้าห่มนวมเผื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต เขมิกาพอจะรู้มาบ้างเกี่ยวกับพื้นฐานการปฐมพยาบาลเบื้องต้นของคนหมดสติ แพขนตาหญิงสาวตรงหน้าเริ่มกระตุก เขมิกายิ้มอย่างดีใจ เมื่อเจ้าหล่อนกะพริบตา แล้วค่อย ๆ ลืมตากว้าง

“เธอฟื้นแล้ว” เขมิกาพูด ถอนหายใจอย่างโล่งอก

ไม่เสียแรงที่เป็นถึงแฟนว่าที่นายแพทย์ในอนาคต เธอรู้ว่าทวีปเป็นทายาทโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่เมืองไทย และได้ตัดสินใจมาเป็นนักศึกษาแพทย์ที่มหาวิทยาลัยไรเยอร์สัน ณ ประเทศแคนาดา

“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ที่นี่คือที่ไหนเหรอ”

เสียงเล็กหวานปานนกการเวก ดังแผ่ว ๆ มาจากเรียวปากเล็กสวย จนผู้หญิงอย่างเขมิกายังรู้สึกอิจฉา เพราะเธอเป็นคนเสียงดัง ไม่นิ่มนวลเหมือนหญิงสาวตรงหน้า

“ห้องฉันเอง เธอคงเป็นคนเอเชีย ว่าแต่เธอเป็นคนชาติไหนเหรอ” สองสาวพูดโต้ตอบกันเป็นภาษาอังกฤษ

“ฉันเป็นคนไทย” เขมิกาลืมตาโต ช่างบังเอิญดีแท้ ที่มาเจอคนไทยกันเอง

“ไม่น่าเชื่อ! คนไทย ช่างบังเอิญจริงๆ” คราวนี้เขมิกาอุทานเป็นไทยแท้

“ที่แท้ก็คนไทยเหมือนกัน ฉันก็เป็นคนไทย เออ...จริงสิยังไม่แนะนำตัวเลย ฉันชื่อเขมิกา เรียกสั้น ๆ ว่ามิกา เพื่อน ๆ ชาวต่างชาติจะเรียกว่า มิก้า เก๋ดีใช่ไหม”

“อืมม์” หญิงสาวบนเตียงยิ้มพร้อมพยักหน้าเห็นด้วย แล้วกล่าวแนะนำตัว

“ส่วนฉันก็ชื่อปาริสา เรียกสั้น ๆว่า ริสา”

“ให้ทายนะ เพื่อน ๆชาวต่างชาติของเธอ ต้องเรียกว่า ริซ่า ใช่ไหม” เขมิกาเอ่ยขอคำเฉลย แล้วหัวเราะเบา ๆ อย่างนึกขำ ทำให้ปาริสายิ้มไปกับคำพูดของเพื่อนชาวไทยคนใหม่

“เธอทายถูกแล้วล่ะ แต่ฉันก็ไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่หรอก โดนเรียกก็ต้องสะดุ้งทุกที เหมือนเขากำลังจะว่าเรา ริจะอวดทำซ่า ประมาณนี้แหละ” เขมิกาหัวเราะไปกับคำพูดปาริสา

“แหม....พูดฉันเธอมาตั้งนาน ไม่รู้เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันหรือเปล่า” เขมิกาแย้งให้คิด

“จริงด้วยสิ ริสาเพิ่งมาเรียนปริญญาตรีปีหนึ่ง อายุยี่สิบสามเอง”

“ว้าว! อายุเท่ากันเลย งั้นเรามาเป็นเพื่อนกันนะ”

เขมิกาอุทานตื่นเต้นรอบสอง ยื่นมือไปเพื่อขอจับกระชับความสัมพันธ์ ซึ่งปาริสาก็ยื่นมือจับด้วยแต่โดยดี สองสาวยิ้มให้กัน ถึงทั้งคู่เพิ่งเจอกันวันนี้วันแรก แต่ความรู้สึกของคนทั้งคู่กลับรู้สึกสื่อใจถึงกันได้ คงเป็นประมาณที่เขาพูด ๆ กัน ว่ารู้สึกถูกชะตา

“จริงสิ ทำไมริสา ถึงไปนอนสลบท่ามกลางหิมะตกหนักแบบนั้นล่ะ” เขมิกาเอ่ยถามอย่างสงสัย

“อ๋อ...ก็ ไม่มีอะไรหรอก แค่... แค่ออกมาเดินเล่นนิดหน่อย ไม่นึกว่าจะมาเจอหิมะตกหนัก เป็นลมไปได้ยังไงก็ไม่รู้” คำตอบที่ได้รับเขมิกาสามารถใช้ความรู้สึกรับรู้ได้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่พูดมา ปาริสาฝืนยิ้มเจือหัวเราะน้อย ๆ แต่นัยน์ตาเธอเศร้า หากเมื่อเพื่อนใหม่ไม่อยากจะพูดถึง เธอก็จะไม่ซักถามเอาคำตอบ ไว้สักวันหากปาริสาจะเต็มใจเล่าให้ฟัง เธอคงจะได้รับรู้เอง

“อ๋อ...เป็นอย่างนี้นี่เอง คราวหลังต้องระวังล่ะ ไปเดินเล่นคนเดียวไม่ดี นี่ดีนะที่มีคนไปเจอเข้า ไม่งั้นเธอต้องแย่แน่ ๆ เลยริสา ในเมื่อเธอมีฉันเป็นเพื่อนแล้ว ต่อไปมีอะไรเธอก็ต้องคิดถึงฉันนะรู้ไหม ฉันจะไปเดินเล่นเป็นเพื่อนเธอเอง”

เขมิกาพูดให้คิดเป็นทำนองหากปาริสามีอะไรสามารถคุยกับเธอได้ทุกเรื่อง เธอยินดีเป็นที่ปรึกษา โดยหวังว่าปาริสาคงเข้าใจความนัยของถ้อยคำ

“ขอบใจเธอมากนะมิกา ฉันจะจำไว้ว่าที่นี่ฉันไม่ได้อยู่คนเดียว ยังมีเพื่อนคนไทย ที่ชื่อเขมิกาอีกหนึ่งคน”

ปาริสาเข้าใจความหมายคำพูดเขมิกาได้ดี ยิ้มให้เพื่อนใหม่อย่างรู้สึกซาบซึ้งถึงความมีน้ำใจ

“แล้วฉันก็ขอขอบใจเธอมากนะ ที่ช่วยชีวิตฉัน”

“อุ๊ย! ฉันไม่ได้เป็นคนช่วยเธอหรอก เพื่อนชายของแฟนฉันช่วยเธอไว้ เขาชื่อว่าปารีส เธอไปขอบใจเขาก็แล้วกัน” เขมิการีบอธิบาย

“อืมม์...มิสเตอร์ปารีส ชื่อเพราะดี”

“ไม่ต้องมามิสตง มิสเตอร์หรอก คนไทยเหมือนกัน”

“งั้นเหรอ”

ปาริสาแปลกใจกับคนไทยที่มีชื่อว่าปารีส คงมาเปลี่ยนตอนมาเรียนที่นี่กระมัง คนไทยบางคนไม่ค่อยพอใจชื่อไทยที่พ่อแม่อุตส่าห์ตั้งและเรียกขานกันมาแต่แรกเกิด พอเข้าสู่วัยรุ่นมักชอบเปลี่ยนชื่อเดิมของตน ให้ฟังดูแล้วเก๋ไพเราะดูดี ในสายตาของพวกเขา แต่ปาริสาไม่เห็นด้วยเลยกับความคิดนี้ นอกจากต้องเปลี่ยนเพราะความจำเป็นจริง ๆ เช่นตัวอักษรเป็นกาลกิณี แต่ปารีสชื่อนี้ฟังดูก็รู้ว่าไม่ใช่ชื่อไทย

“เดี๋ยวฉันขอตัวไปข้างนอกก่อนนะ ส่วนริสาก็นอนพักผ่อน สักครู่ดีกว่า แล้วค่อยกลับ ดูเธอยังไม่ค่อยมีแรง”

“ไม่ดีกว่า ริสารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ขอตัวกลับก่อนดีกว่า” ปาริสารีบตวัดผ้าห่มนวม พยุงตัว ขึ้นนั่งบนเตียง จึงเพิ่งสังเกตว่าตัวเองไม่ได้สวมเสื้อผ้าชุดเดิม

“ขอเสื้อผ้าชุดเดิมของริสา มาเปลี่ยนหน่อยสิจ๊ะ”

“ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก ฉันยกชุดนี้ให้ ซื้อมาแล้วใส่ไม่ได้น่ะ ตัวมันเล็กไป เธอใส่ได้พอดี เอาไปเถอะ”

“ขอบใจจ้ะ งั้นริสากลับก่อนดีกว่า”

“อย่าเพิ่งเลย รอให้หิมะหยุดตกก่อนแล้วค่อยกลับ ขืนริสาออกไปตอนนี้ ได้ไปสลบให้หิมะกลบอีกรอบ คราวนี้คงไม่ฟื้นแน่ ๆ ให้เธอแข็งแรงกว่านี้แล้วค่อยออกไป”

เขมิกาเอ่ยเกลี้ยกล่อมด้วยความหวังดี

“อย่าเลย ริสารู้สึกดีขึ้นมากแล้วจริง ๆ”

ปาริสาไม่ยอมรับฟังความหวังดีจากเพื่อนใหม่ เพราะรู้สึกเกรงใจ รีบก้าวลงจากเตียง เพียงแต่ลุกขึ้นยืนได้ หญิงสาวกลับรู้สึกตัวโงนเงน หน้ามืด จนต้องทรุดตัวลงนั่งที่ขอบเตียง

“เห็นไหม มิกาบอกแล้ว ว่าริสายังไม่แข็งแรง เชื่อฉันเถอะนะ เธอนอนพักที่นี่ก่อน ไม่ต้องเกรงใจ”

เขมิกากล่าวพลางถอนใจ รู้สึกไม่ค่อยชินกับนิสัยขี้เกรงใจของอีกฝ่าย

“ เอางั้นก็ได้” ปาริสายอมตกลง รีบพาตัวเองหลับตานอนทันที เพราะยังไม่หายจากอาการวิงเวียน หน้ามืด

“มันต้องอย่างนี้สิ เธอนอนพักมาก ๆ นะ เดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอก จะเตรียมทำโจ๊กร้อนๆ ไว้ให้ เธอตื่นอีกครั้งจะได้กิน” ปาริสาพยักหน้า ลืมตาขึ้นน้อย ๆ ส่งยิ้มให้อย่างซึ้งในน้ำใจ

“เธอเป็นไงบ้าง”

เพียงเขมิกาก้าวออกมาจากห้อง คนที่เอ่ยถามประโยคนี้คือทวีป เขมิกา หวังจะได้ยินคำถามนี้จากปารีสมากกว่า รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยกับความห่วงใยของแฟนหนุ่มที่มีให้สาวคนอื่น มันช่วยไม่ได้เพราะว่ารักถึงได้หึงหวง แต่เขมิกาบอกตัวเองว่าเธอไม่ได้ขี้หึงแบบสะเปะสะปะ ทุกครั้งที่เป็นมันมีเหตุมีผลเสมอ คราวนี้ก็เหมือนกัน

“เธอน่ะคนไหนไม่ทราบ หมายถึงฉันหรือเปล่า” เขมิกายืนถามเสียงฉุน ข้างๆ สองหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

“ฉันจะหมายความถึงใครได้ ก็ต้องถามถึงผู้หญิงที่นอนป่วยอยู่ในห้องไง”

ทวีปตอบอย่างไม่รู้ชะตาตัวเอง

“อ๋อ อย่างงั้นเหรอ นายก็เข้าไปดูด้วยตาตัวเองเสียเลยสิ เป็นห่วงมากทำไมไม่เข้าไปดูตั้งแต่แรก เป็นถึงนักศึกษาแพทย์ แต่มานั่งเฉย ๆ ปล่อยให้นักศึกษาการบริหารจัดการโรงแรมอย่างฉัน ไปดูแลปฐมพยาบาลอยู่ได้”

ทวีปเริ่มรู้ตัว ว่าอาการขี้หึงของเขมิกาเริ่มส่อแวว จากการพูดต่อว่าเขาเสียยืดยาว

“ก็ที่ไม่ไปดู เพราะรู้อยู่เต็มหัวใจนี่จ๊ะ ว่าเป็นถึงแฟนว่าที่นายแพทย์ใหญ่อย่างฉัน เธอต้องทำได้อยู่แล้วเขมิกา”

ทวีปทำหวาน จนปารีสส่ายหน้าน้อย ๆ เลี่ยนในคำพูดของเพื่อนสนิท

“ไม่ต้องมาทำหวานหรอก” เขมิกาพูดยิ้ม ๆ ถูกใจจนหน้าแดง

“อีกอย่าง นายปารีสเป็นคนฝากให้ฉันช่วยถามเธอ” ปารีสที่กำลังนั่งจิบเบียร์ไปเรื่อย ๆ ถึงกับสะดุ้ง เห็นทวีปขยิบตาให้ เลยจำต้องยอมรับสมอ้าง

“อืมม์...แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นไงบ้างล่ะ” ปารีสสอบถาม

“ก็รู้สึกตัวแล้วล่ะ แต่ท่าทางยังเพลียอยู่ มิกาเลยให้นอนพักต่อ” ปารีสพยักหน้ารับรู้

“หิวกันหรือยัง ไปฉลองกินไก่งวงวันคริสต์มาสอีฟกันเถอะ มิกาทำสุดฝีมือเลยนะ”

เขมิกาเอ่ยชวนสองหนุ่ม อย่างอารมณ์ดี รีบก้าวเดินนำไปยังโต๊ะอาหารที่ตั้งอยู่อีกมุมของห้อง ใกล้ ๆ กับเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม

ปารีสก้าวเดินตามหลังเขมิกากับทวีป ไปยังโต๊ะอาหาร ผ่านหน้าห้องที่หญิงสาวผู้นั้นนอนอยู่ด้านใน ทำไมสายตาเขาต้องชำเลืองไปยังประตูห้องที่ปิดสนิท รู้อยู่ว่าไม่สามารถมองเห็นตัวเธอได้ แต่มันเหมือนมีพลังบางอย่างดึงดูดความสนใจให้หันกลับไปมอง เขาเชื่อว่าเขมิกาต้องรู้อะไรมาบ้างแล้วเกี่ยวกับหญิงสาวผู้นั้น แต่เขายังไม่กล้าสอบถาม เพราะไม่ต้องการย้ำกับตัวเอง ให้เธอเป็นผู้หญิงที่มีความหมายพิเศษแตกต่างไปจากคนอื่น ชายหนุ่มไม่เคยให้ความสนใจในเรื่องความรัก คิดเสมอผู้หญิงมีแต่นำเรื่องวุ่นวายใจมาให้ต้องปวดหัว ขอตั้งหน้าตั้งตาเรียนให้จบ จะได้กลับไปบริหารกิจการให้กับครอบครัวที่เมืองไทย ซึ่งรอคอยการกลับไปของเขา



มุกมาดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.พ. 2555, 11:53:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 มี.ค. 2556, 11:18:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 1696





<< ตอนที่ 1 ลิขิตแรกเจอ   ตอนที่ 3 จะยั่วยวนกันไปถึงไหน ผมจะทนไม่ไหวแล้ว... >>
Auuuu 10 ก.พ. 2555, 21:43:02 น.
พระเอกคงชอบนางเอกแล้วแหละ ^^


pseudolife 28 ก.พ. 2555, 14:12:15 น.
น่ารักจังจ้า ปารีสเจอรักแรกพบแล้วแหง...^^
อืม ตอนปารีสชำเลืองไปยังประตูห้องที่'ปิดตาย'
มันดูสยองๆ ยังไงไม่รู้เนอะ
แล้วก็ดูเหมือนมันเปิดไม่ได้มานาน ไม่ก็ไม่มีทางเปิดได้อีกแล้ว

ลองใช้'ปิดสนิท'หรือปิดอื่นๆ (คนอ่านก็คิดไม่ออก) แทนดูดีไหมจ๊ะ


มุกมาดา 28 ก.พ. 2555, 22:36:23 น.
ขอบคุณ คุณ pesudolife มากค่ะสำหรับคำแนะนำ ชอบมากเลย ขอแบบนี้อีกเรื่อยๆ นะคะ อิ อิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account