อุ่นรัก ปางหัวใจ
... อุ่นรัก ถักสายใย ร้อยหัวใจ ณ ปางนี้มีรัก …
ผู้ชายธรรมดาที่ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วๆ ไป แต่เพราะเหตุใดทุกคนจึงขนานนามให้ “สี่สิงห์”
หรือเพราะสี่หนุ่มปวารณาตัวเป็นผู้พิทักษ์ “นางแก้ว”
แล้ว...ความรัก ความผูกพัน และมิตรภาพที่เกิดขึ้นจะเป็นเช่นไร...
Tags: อุ่นรัก ปางหัวใจ, รัก, หวาน, โรแมนติค

ตอน: ตอนที่ 2 ชายในฝัน

แก้วกานต์วิ่งหางม้าแกว่งหนีสี่หนุ่มมาด้วยความรำคาญที่ถูกตามประกบราวกับเธอเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ต้องมีบอดี้การ์ดล้อมหน้าล้อมหลัง เพียงแค่เธอสุขภาพไม่แข็งแรงมาตั้งแต่เด็ก พี่ชายกลับประคบประหงมราวกับเธอไข่ในหิน แล้วบรรดาเพื่อนรักของเทพกานต์ที่เห็นเธอมาตั้งแต่เกิดก็ร่วมกันปวารณาตัวเป็นผู้พิทักษ์ร่วมด้วยอีก จนไม่มีผู้ชายคนไหนกล้ามาตอแยกับเธอเลยสักคน

หลังจากมั่นใจว่าสี่สิงห์ไม่ได้ตามมา แก้วกานต์ก็เดินเลี้ยวไปยังห้องสมุดที่น้ำขิง ผู้เป็นเพื่อนสนิทไปรออยู่ก่อนแล้ว เด็กสาวมองแก้วน้ำแดงในมือด้วยความเสียดายที่ไม่สามารถเอาเข้าไปด้วยได้ เมื่อชั่ง
น้ำหนักระหว่างน้ำแดงของโปรดกับนิยายที่อยากอ่านในห้องสมุด ก็ทำให้เธอตัดสินใจได้ว่าควรเลือกสิ่งใด

ปากจิ้มลิ้มดูดน้ำแดงของโปรดด้วยความเพลิดเพลินให้หมดก่อนที่เดินเข้าไปในห้องสมุดเพื่อหานิยายเล่มโปรด เมื่อรู้สึกว่าน้ำแดงในแก้วใกล้จะหมด เท้าเล็กๆ ก็เดินไปยังถังขยะข้างม้านั่งตรงมุมตึกโดยไม่ได้ดูทาง จึงสะดุดกับรองเท้านักเรียนหลายคู่ที่ขี้เกียจถอดไว้บนชั้นวางรองเท้าหน้าห้องสมุด แต่ไปแอบถอดไว้ข้างมุมตึกอย่างไม่เป็นระเบียบแทน ร่างเล็กเซถลาไปยังม้านั่งข้างถังขยะอย่างทรงตัวไม่อยู่ ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดก่อนที่จะล้มหน้าคะมำ สองมือน้อยพยายามยื่นมือไขว่คว้าหาที่ยึดเหนี่ยวไว้ แก้วกานต์ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อล้มลงบนม้านั่งตัวยาวพอดี

หากใบหน้าเนียนต้องซีดขาวขึ้นอีกเมื่อเห็นสิ่งที่เธอยึดไว้เป็นหลักหล่นลงไปกองบนพื้น กระถางโป๊ยเซียนสุดที่รักของอาจารย์บรรณารักษ์สุดเฮี๊ยบของห้องสมุด อาจารย์คงจะเอาออกมาตากแดด เพราะปกติจะเห็นกระถางโป๊ยเซียนลายงามดอกสวยตั้งตระหง่านอยู่ที่เคาน์เตอร์ห้องสมุดเสมอ แต่บัดนี้กระถางลายงามแตกออกเป็นหลายเสี่ยง โป๊ยเซียนดอกสวยก็แตกหักออกจากต้น

“ตายแล้วๆ หนูแก้วตายแน่” เสียงอุทานอย่างตื่นตระหนกกับความซุ่มซ่ามของตัวเอง

แก้วกานต์รีบเก็บแก้วน้ำแดงหลักฐานที่จะสามารถสาวมาถึงตัวเธอได้ทิ้งขยะโดยเร็ว และพยายามกอบชิ้นส่วนเล็กน้อยของกระถางโป๊ยเซียนประกอบกันใหม่ แต่ความร้อนรนจะจับต้นโป๊ยเซียนกลับเข้าไปในกระถางโดยไม่ระวัง จึงถูกหนามแหลมทิ่มจนต้นโป๊ยเซียนหลุดมือตกพื้น ดินแตกกระจายเต็มพื้น เป็นการตอกย้ำความมั่นใจว่าเธอจะไม่สามารถจัดการกับเจ้ากระถางโป๊ยเซียนนี้ให้เหมือนดังเดิมได้

สัญชาตญาณการเอาตัวรอดบังเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อมองซ้ายมองซ้ายจนมั่นใจว่าไม่มีคนอยู่บริเวณนั้น เธอจึงตัดสินใจรีบวิ่งหนีไปจากจุดเกิดเหตุโดยเร็ว โดยไม่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งมองเห็นการกระทำของเธออยู่ตลอดเวลา

พยานเพียงคนเดียวเดินเข้าไปในจุดเกิดเหตุ แล้วก้มลงมองเจ้ากระถางโป๊ยเซียนเคราะห์ร้ายอย่างปลงอนิจจัง แม้จะอยากช่วยชีวิตเจ้าโป๊ยเซียนเพียงใด แต่ดูจากสภาพแล้วก็มีเปอร์เซ็นต์รอดน้อยเหลือเกิน

“ตายแล้วๆ ใครทำน้องโป๊ยเซียนของอาจารย์เป็นแบบนี้” อาจารย์บรรณารักษ์ร้องลั่นเมื่อเห็นสภาพต้นไม้กระถางโปรดนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น สายตาดุหันมายังบุคคลเดียวที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ

“เธอทำกระถางต้นไม้ของอาจารย์แตกหรือเปล่าภีรภัทร”

“เอ่อ...” ชายหนุ่มกำลังจะปฏิเสธ แต่หากหลักฐานที่อาจารย์เห็นอยู่คือเขาที่กำลังถือลูกฟุตบอลอยู่ในจุดเกิดเหตุเพียงคนเดียวก็ทำให้ตีความเป็นอื่นไปไม่ได้ เขาก็ไม่อยากแก้ตัวให้อาจารย์ต้องสืบหาตัวคนร้ายตัวจริง จึงยอมรับความผิดนั้นไว้เอง

“ผมขอโทษครับอาจารย์”

“ที่นี่ไม่ใช่สนามฟุตบอล เธอไม่รู้หรือไงภีรภัทร อาจารย์เห็นจะต้องตัดคะแนนความประพฤติของเธอแล้วละมั้ง” อาจารย์บอกเสียงเข้ม

“ผมไม่ได้ตั้งใจครับ แต่ผมไม่คิดจะหนีความผิดนะครับอาจารย์ ขอผมไถ่โทษได้มั้ยครับ”

“เธอจะทำยังไง” อาจารย์ขยับแว่นเขม้นตามอง

“อาทิตย์นี้ผมจะเข้าปางไปดูคนงานล้มไม้ ผมเคยเห็นกล้วยไม้ป่าที่ปางพันธุ์หายากสีสวยมากเลยครับ เดี๋ยวผมจะให้คนงานเก็บมาให้อาจารย์แทนต้นโป๊ยเซียนนะครับ หรือถ้าอาจารย์อยากได้โป๊ยเซียน เดี๋ยวผมจะให้คนงานที่ไร่ดอกไม้เพาะให้ครับ”

ดวงตาเกรี้ยวกราดของคนรักต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจอ่อนแสงลงเมื่อคิดถึงกล้วยไม้ป่าของแท้ที่ไม่ได้จะหาซื้อกันได้ง่ายๆ โดยเฉพาะจากป่าไม้ที่ยิ่งลึกและอุดมสมบูรณ์เท่าไร กล้วยไม้ป่าก็ยิ่งสวยงามมากเท่านั้น และนี่คงไม่ใช่การติดสินบน หากเป็นการชดใช้กับสิ่งที่เสียหายต่างหากใช่หรือไม่

“เอ่อ...อาจารย์ว่า...” อาจารย์บรรณารักษ์เริ่มเป็นฝ่ายลังเลกับการตัดสินใจของตัวเอง

“อาจารย์ไม่ต้องคิดมากนะครับ ไม่ใช่การติดสินบน แต่เป็นการที่ผมต้องชดใช้ที่ทำกระถางโป๊ยเซียนของอาจารย์แตกต่างหาก แล้วที่อาจารย์จะไม่หักคะแนนความประพฤติของผม ก็เพราะผมไม่ได้ตั้งใจ เมื่อทำผิดแล้ว ผมก็ไม่คิดจะหนีความผิด เพราะหากผมไม่ยอมรับว่าเป็นคนทำ อาจารย์ก็ไม่มีพยานที่จะยืนยันว่าผมเป็นคนทำกระถางโป๊ยเซียนของอาจารย์แตกได้ ผมแน่ใจว่าอาจารย์เป็นคนที่มีความยุติธรรมและให้โอกาสคนผิดได้กลับใจเสมอ”

อาจารย์บรรณารักษ์รับฟังเหตุผลของภีรภัทรด้วยรอยยิ้มนิดๆ และรู้ดีตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องยอมจำนนให้กับชั้นเชิงการต่อรองของพ่อเลี้ยงหนุ่มแห่งปางพระจันทร์ ปางไม้ที่ใหญ่ที่สุดในเชียงราย ชายหนุ่มมีบุคลิกบางอย่างที่ทำให้ใครต้องทำตามความต้องการได้เสมอ ไม่ใช่ด้วยการบังคับ แต่ราวกับว่ามีอำนาจบางอย่างที่ทำให้ต้องเชื่อฟัง แม้แต่คนที่อายุมากกว่า ถึงสามารถคุมคนงานนับร้อยนับพันในปางไม้และไร่ดอกไม้ได้ตั้งแต่อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะ

“เอาล่ะๆ เอาเป็นว่าอาจารย์จะให้โอกาสเธอแก้ไขความผิดแล้วกัน”

“ขอบคุณครับอาจารย์ แล้วอาทิตย์หน้าผมจะเอากล้วยไม้มาป่ามาชดใช้ให้อาจารย์นะครับ”

อาจารย์บรรณรักษ์พยักหน้าให้ภีรภัทรที่ยกมือทำความเคารพแล้วเดินไปอย่างสง่าผ่าเผยราวกับคนที่ไม่ได้ทำความผิดแต่อย่างใด


แก้วกานต์ย้อนมาดูจุดเกิดเหตุตอนเย็นอีกครั้งหลังจากไม่มีสมาธิกับการเรียนตลอดภาคบ่าย เด็กสาวเดินไปเดินมาหน้าห้องสมุดด้วยความสำนึกผิด ก่อนจะสูดลมหายใจเต็มปอดตัดสินใจก้าวเข้าไปในห้องสมุดเพื่อสารภาพผิดกับอาจารย์บรรณารักษ์ หากกลับถูกใครฉุดดึงออกมาเสียก่อน

“เอ๊ะ...พี่หนึ่ง”

“มาห้องสมุดทำไมจนเย็นป่านนี้ กลับบ้านได้แล้วหนูแก้ว” เสียงทุ้มบอกโดยไม่ยอมปล่อยมือ

“เรื่องของหนูแก้ว ปล่อยเดี๋ยวนี้พี่หนึ่ง หนูแก้วมีธุระ” มือเล็กสะบัดเร่าๆ ออกจากการฉุดดึง

“อาจารย์บรรณารักษ์กลับบ้านแล้ว” คำตอบของชายหนุ่มทำให้คนตัวเล็กหยุดดิ้น

“อ้าว....เหรอคะ เอ๊ะ...พี่หนึ่งรู้ได้ยังไงว่าหนูแก้วจะมาหาอาจารย์บรรณารักษ์” แก้วกานต์หรี่ตามองชายหนุ่มด้วยความสงสัย

“ก็แล้วหนูแก้วจะมาหาอาจารย์บรรณารักษ์หรือเปล่าล่ะ”

“แล้วพี่หนึ่งคิดว่าหนูแก้วจะหาอาจารย์บรรณารักษ์ทำไม” คนทำผิดเริ่มร้อนตัวกลัวว่าจะมีคนเห็นการกระทำของเธอที่หลบซ่อนไม่ยอมรับผิด และเมื่อเธอจะสารภาพความจริงก็มีมารมาผจญจนได้ ก็เธอไม่อยากให้ชายหนุ่มผู้สุดแสนจะเพอร์เฟ็คมารู้เรื่องอันแสนจะซุ่มซ่ามของเธอ

“แล้วหนูแก้วจะมาหาอาจารย์บรรณารักษ์ทำไมล่ะ” ภีรภัทรไม่ตอบแต่ถามกลับ

“ก็...ก็หนูแก้วก็จะมายืมหนังสือสิคะ พี่หนึ่งคิดว่าหนูแก้วมาทำไม” เสียงตอบทั้งตะกุกตะกักและไม่เต็มเสียง

“พี่หนึ่งก็คิดว่าหนูแก้วจะมายืมหนังสือนิยาย เลยไม่อยากให้เข้าห้องสมุด จะสอบอยู่แล้วจะมามัวอ่านนิยายอยู่ได้ไง” เสียงทุ้มดุ ทำหน้าเคร่งขรึมเป็นการเป็นงานอย่างพยายามกลั้นยิ้มขำคนแอบซ่อนความผิดเอาไว้

“ก็ได้ๆ หนูแก้วไม่ไปยืมหนังสือนิยายก็ได้ พี่หนึ่งปล่อยหนูแก้วได้แล้ว หนูแก้วจะกลับบ้าน” แก้วกานต์เออออห่อหมกไปด้วย โล่งใจที่ชายหนุ่มเข้าใจไปอย่างนั้น แต่ก็ยังพยายามดึงมือตัวเองออกจากมือใหญ่ที่ยังจับแน่นไม่ยอมปล่อย

“วันนี้พี่ว่าจะเข้าไร่ไปดูคนงานลงโป๊ยเซียน หนูแก้วอยากไปด้วยมั้ย” คำถามของเจ้าของปางไม้และไร่ดอกไม้ทำให้คนตัวเล็กหยุดดิ้นทันที

“ไปค่ะไป ไปเดี๋ยวนี้เลยพี่หนึ่ง” แก้วกานต์ตอบตกลงโดยไม่เสียเวลาคิดด้วยรอยยิ้มสดใสทำให้คนมองยิ้มตามไปด้วย และเป็นฝ่ายฉุดชายหนุ่มเดินนำหน้าแทน

ภีรภัทรปล่อยให้คนตัวเล็กลากไปด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าอย่างที่น้อยคนนักจะได้เห็น หากแก้วกานต์ไม่เคยรู้สึกกลัวพ่อเสือยิ้มยากเลยสักนิด เพราะถึงชายหนุ่มจะหน้าเฉยชาเป็นนิจกับคนทั้งโลก แต่สำหรับเธอแล้วรู้ดีว่าภายในหน้ากากเย็นชานั้นที่แท้จริงแล้วเป็นเช่นไร

“จะไปไหนกันหนูแก้ว ไอ้หนึ่ง” เสียงตะโกนถามถามทำให้ทั้งสองหยุดชะงัก

แก้วกานต์ทำหน้าเมื่อยมองพี่ชายที่ยืนพิงรถยนต์คันเล็กแต่ราคาสูง พร้อมกับพริษฐ์และธรรศที่ก้าวลงจากรถยนต์ที่จอดต่อจากเทพกานต์เรียงเป็นแถวมายืนรอฟังคำตอบเช่นกัน

“หนูแก้วจะไปดูต้นโป๊ยเซียนที่ไร่พี่หนึ่ง”

“พี่ไปด้วย” เพื่อนรักของภีรภัทรทั้งสามตอบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“เฮ้อๆ หนูแก้วไม่ใช่เจ้าของไร่ อยากไปก็บอกเจ้าของไร่เอาเอง” แก้วกานต์แสร้งถอนหายแรงๆ แล้วตอบอย่างระอาและรู้ดีว่าไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร ทุกคนก็ต้องติดสอยห้อยตามเธอไปอยู่ดี

“โอเค...แล้วเจอกันที่ไร่นะไอ้หนึ่ง บอกนายแม่ด้วยว่าข้าอยากกินน้ำพริกอ่อง” พริษฐ์บอกเพื่อนรักแล้วเดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไปเป็นคนแรก

“เออๆ...เอ็งโทรบอกน้องสองด้วยนะว่าไม่ต้องเรียนพิเศษ เดี๋ยวให้ไอ้แซนด์สอนให้ ไม่ได้เจอน้องสองนานแล้ว คิดถึงว่ะ” ธรรศสั่งเพื่อนรักให้โทรบอกนีรภัทร หรือ สอง น้องสาวของภีรภัทรที่กำลังเตรียมสอบเข้าชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนชื่อดังในเชียงใหม่ตามความใฝ่ฝัน ก่อนจะขับรถตามพริษฐ์ออกไป

“หนูแก้วไปกับไอ้หนึ่งแล้วกัน เดี๋ยวพี่แวะที่ปั้มบอกคุณนายแป้บเดียว” เทพกานต์บอกน้องสาวก่อนจะขับรถไปบอกมารดาที่จะมาดูแลกิจการปั้มน้ำมันตอนช่วงบ่ายและกลับบ้านในเวลาเดียวกับที่ลูกๆ เลิกเรียน

ภีรภัทรส่ายหน้าให้เพื่อนๆ ที่ไม่เพียงไม่รอให้เขาอนุญาตก่อน แต่กลับสั่งให้เขาทำในสิ่งที่ต้องการเสร็จสรรพเสียอีก ทำราวกับว่าไม่ได้ไปเหยียบที่ปางพระจันทร์กันนานนับเดือน ทั้งที่ไปที่นั่นเป็นประจำทุกอาทิตย์ พ่อเลี้ยงหนุ่มเดินไปเปิดประตูให้ผู้โดยสารกิตติมศักดิ์ แก้วกานต์คุยเจื้อยแจ้วไปตลอดทางอย่างอารมณ์ดีที่จะสามารถนำโป๊ยเซียนมาชดใช้คืนอาจารย์บรรณารักษ์ได้ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าทำให้คนที่ขับรถมองมองวิวสองข้างของเส้นทางกลับบ้านสวยงามกว่าทุกวัน


แก้วกานต์ก็หอบกระถางโป๊ยเซียนแบบเดิมและดอกสวยเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยนไปให้อาจารย์บรรณารักษ์ที่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เด็กสาวแกล้งทำเป็นไก๋ถามหาต้นโป๊ยเซียนที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์และบอกว่าเห็นว่าเหมือนกัน เลยเอามาฝากอาจารย์ให้วางคู่กัน เจ้าโป๊ยเซียนจะได้ไม่เหงา เมื่ออาจารย์จะอ้าปากกล่าวขอบคุณ แต่แก้วกานต์คิดว่าจะถูกซักถามต่อจนอาจถูกจับพิรุธได้ จึงรีบยกมือทำความเคารพแล้วขออนุญาตไปเรียน

เด็กสาววิ่งกระหืดกระหอบขึ้นห้องเรียนมาพบแต่ห้องว่างเปล่า จึงนึกขึ้นได้ว่าชั่วโมงแรกเป็นวิชาพลศึกษา อาจารย์สั่งให้ทุกคนวิ่งรอบสนามห้ารอบแล้วให้แยกย้ายกันไปเล่นกีฬาที่ทุกคนชอบได้ เธอเก็บกระเป๋าไว้ที่โต๊ะแล้วรีบวิ่งไปสมทบกับเพื่อนๆ ที่เริ่มวิ่งกันไปแล้ว

หากเมื่อก้าวลงบันไดและมือสัมผัสกับราวบันไดที่เคลือบด้วยพลาสติกมันแวววาว ก็ทำให้รอยยิ้มซุกซนผุดจากใบหน้า ร่างเล็กที่สวมเสื้อยืดกางเกงวอร์มสำหรับวันเรียนวิชาพลศึกษาก็หันซ้ายหันขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น จึงยกขาขึ้นคร่อมราวบันไดแล้วปล่อยตัวไถลลงมาตามความลาดชันราวกับกำลังเล่นสไลเดอร์ของสระน้ำอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะเมื่อต้องแอบเล่นโดยไม่ให้ถูกใครจับได้ ยิ่งตื่นเต้นเป็นพิเศษ ถ้าเทพกานต์เห็นเข้าคงจะถูกดุอย่างแน่นอน เพราะพี่ชายเคยสั่งห้ามเธอเล่นแผลงๆ แบบนี้ตั้งแต่พุ่งตกลงไปหัวโขกพื้นเพราะเบรกไม่ทันจนต้องเย็บไปหลายเข็ม แต่ก็ไม่ทำให้หญิงสาวเข็ดหลาบแต่อย่างใด

แต่ด้วยความไม่ประมาทและไม่อยากฟังพี่ชายยกกัณฑ์เทศน์ชุดใหญ่อีก คราวนี้เธอจึงค่อยๆ ปล่อยตัวเองให้ไถลลงมาช้าๆ ไม่ผาดโผนอย่างที่เคย เมื่อไถลไม่เร็วพอ จึงทำให้เสียจังหวะไปหยุดอยู่ตรงทางโค้งของราวบันได เด็กสาวพยายามจะพาตัวเองลงจากราวบันได แต่ขากางเกงเจ้ากรรมดันเกี่ยวกับเหล็กที่ยึดอยู่ระหว่างพื้นปูนและราวบันได เมื่อเธอเอียงตัวจะลงกางเกงก็ดึงร่นจากเอวจนเกือบโป๊ เธอจึงดึงตัวขึ้นมานั่งตัวตรงอยู่บนราวบันไดเช่นเดิม ครั้นจะเอื้อมมือไปดึงขากางเกงออกจากซี่เหล็ก แขนเจ้ากรรมก็ดันสั้นเกินกว่าจะเอื้อมไปถึง

“เพราะพี่แซนด์คนเดียวเลยเนี่ย” เด็กสาวโยนความผิดให้พี่ชายที่ทำให้เธอต้องเล่นด้วยความระมัดระวังจนเสียจังหวะ

ดูเหมือนว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความพยายามจะอยู่ที่นั่น เมื่อขากางเกงยังเกี่ยวอยู่กับซี่เหล็กและยังต้องนั่งค้างเติ่งอยู่บนราวบันไดอยู่เป็นนานสองนาน เหงื่อเริ่มแตกซิกเต็มหน้าผาก จากที่ตื่นเต้นแบบหัวใจสูบฉีดเลือดลมพลุ่งพล่านในตอนแรก บัดนี้เริ่มเต้นหวิวๆด้วยความลุ้นตัวโก่ง เพราะกลัวคนมาเห็นเข้า

แก้วกานต์ไม่รู้เลยว่าการกระทำของเธออยู่ในสายตาของใครคนหนึ่งตลอดเวลา และก่อนที่จะมีคนอื่นมาเห็นความเปิ่นเป๋อให้ขายหน้า ก็มีใครเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ ก้มดึงขากางเกงวอร์มที่ติดอยู่กับลูกกรงเหล็กออกให้ แล้วช้อนร่างเล็กขึ้นจากราวบันได ก่อนจะเดินจูงมือเธอลงบันไดมาด้วยกัน ซึ่งถ้าหากไม่มีคนประคองลงมา แก้วกานต์ก็คงไม่มีแรงเดิน เนื่องจากตอนนี้ขาสั่นจนแทบหมดแรงหลังจากค้างเติ่งอยู่บนราวบันไดเป็นนานสองนาน

มือน้อยกระตุกมือของคนที่ขี่ม้าขาวมาช่วยไว้ก่อนจะมีคนผ่านมาเห็นความเปิ่นเป๋อของเธอ ใบหน้าจืดเจื่อนมองมาอย่างขอร้อง

“พี่หนึ่งอย่าบอกพี่แซนด์นะคะ”

“ไม่บอกไอ้แซนด์คนเดียวใช่มั้ย”

“ห้ามบอกพี่พีทกับพี่ธรรศด้วย”

“รู้ใช่มั้ยว่าทำไมไอ้แซนด์ถึงห้าม”

“รู้ค่ะ รู้ว่าพี่แซนด์เป็นห่วง” เสียงตอบอ่อยๆ ด้วยความหน้าสำนึกผิด ทำให้คนถามใจอ่อนยวบ

“แต่ก็ยังทำอีก”

“ก็หนูแก้วพยายามเล่นแบบช้าๆ แล้วไงคะ แต่เพราะช้านี่แหละ เลยเสียจังหวะ ถึงได้ติดแหง่กค้างเติ่งอยู่แบบนั้น ถ้าเล่นเร็วๆ นะ ปรู๊ดเดียวถึงพื้นเลยล่ะ” แก้วกานต์ไม่วายจะเถียงด้วยความดื้อรั้น

“หัวโหม่งถึงพื้นนะเหรอ”

“พี่หนึ่งอ่ะ” เสียงกระเง้ากระงอดใส่คนพาดพิงถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เธอขายหน้า เจ็บตัวไม่เท่าไร แต่แสนอับอายพริษฐ์กับธรรศที่ยิ่งล้อเลียนถึงความไม่เป็นกุลสตรีของเธอมาตลอดมากกว่า

“สัญญามาก่อนว่าจะไม่เล่นซนแบบนี้อีก แล้วพี่หนึ่งจะไม่บอกไอ้สามตัวนั้น” ภีรภัทรต่อรองกับคนหน้างอ
แก้วกานต์หยุดคิดโดยไม่กล้ารับปากออกไปส่งเดชเหมือนเวลาสัญญาอะไรกับพี่ชาย โดยรู้ดีว่าภีรภัทรเป็นคนยึดมั่นกับคำสัญญาเพียงไร พูดคำไหนคือคำนั้น ห้ามบิดพลิ้วเด็ดขาด เธอเคยเห็นตอนชายหนุ่มสวมบทบาทเป็นพ่อเลี้ยงแห่งปางพระจันทร์ต้องคุมคนงานนับหลายร้อยชีวิตในปางไม้ คนงานบางคนเคยต้องโทษมาก่อน ก็ต้องมีลูกล่อลูกชนมากมาย และโดยเฉพาะลูกโหดที่ทำให้คนงานยอมอยู่ใต้อาณัติของพ่อเลี้ยงที่อายุที่น้อยที่สุดได้ มันไม่น่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงด้วยเลยสักนิด

“ก็ได้ หนูแก้วสัญญาว่าจะไม่เล่นแบบนี้อีก” เด็กสาวยอมสัญญาในที่สุด

“สัญญาว่าจะไม่เล่นซนแบบนี้อีกทั้งเวลาที่มีคนเห็นและไม่มีคนเห็น” พ่อเลี้ยงหนุ่มร่างสัญญาขึ้นใหม่อย่างรู้นิสัยลดเลี้ยวของเด็กดื้อทัน

“ก็ได้ๆ หนูแก้วสัญญา แล้วพี่หนึ่งก็ต้องสัญญาด้วยว่าจะไม่บอกใครเด็ดขาด” นิ้วก้อยเล็กๆ ยื่นไปตรงหน้าคนตัวโต

ภีรภัทรยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยของคนตัวเล็กเป็นการสัญญา แก้วกานต์เขย่ามือแรงๆ พร้อมรอยยิ้มดีใจที่ความลับของเธอจะไม่มีทางรั่วไหลไปถึงเทพกานต์ พริษฐ์ และธรรศอย่างแน่นอน มันจะเป็นความลับของเธอและเขาตลอดไป

“เฮ้อๆ หนูแก้วก็ไม่ต้องโดนพี่แซนด์ดุ ไม่ต้องโดนพี่พีทกับพี่ธรรศล้อแล้ว เย้ๆ” เด็กสาวยกนิ้วก้อยของตัวเองที่เกี่ยวกับนิ้วก้อยของอีกคนชูขึ้นยกด้วยความดีใจ

“กลัวไอ้แซนด์ดุ กลัวไอ้พีทกับไอ้ธรรศล้อขนาดนั้นเลยเหรอ” พ่อเลี้ยงหนุ่มขมวดคิ้วถามอย่างไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างแก้วกานต์จะกลัวใครหรือสิ่งใด

“ก็เวลาพี่แซนด์ดุนะ จะบ่นยาวจนหนูแก้วหูชา ขนาดคุณพ่อคุณแม่ยังบอกว่าบทไอ้เฉยจะพูดนี่พูดไม่หยุด บทจะเงียบก็เฉยคนน่ากลัว แล้วพี่พีทกับพี่ธรรศก็ชอบล้อว่าหนูแก้วไม่ใช่ผู้หญิง เชอะ...คอยดูนะ ถ้าหนูแก้วมีแฟนเมื่อไร จะควงมาอวดให้ทุกคนหน้าหงายเลย”

“จะทำให้ทุกคนหน้าหงายเลยเหรอ” ภีรภัทรถามย้ำคนเชิดหน้าคอตั้ง

“ต้องหน้าหงายสิ เพราะแฟนหนูแก้วต้องหน้าหล่อ ขาว คิ้วเข้ม ตาคม จมูกโด่ง ปากแดง ไหปลาร้าสวย หุ่นดี มีซิกแพ็ค แล้วก็เชื่อฟังหนูแก้วคนเดียว” แก้วกานต์บอกสรรพคุณผู้ชายในฝันของเธอด้วยใบหน้าเคลิ้มฝัน

เสียงตะโกนเรียกดังลั่นของน้ำขิงทำให้เด็กสาวตื่นจากภวังค์ แก้วกานต์ปล่อยมือใหญ่แล้ววิ่งตื๋อไปหาเพื่อนสนิทที่ยืนรออยู่ข้างสนามฟุตบอล


ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่ครุ่นคิดผู้ชายที่แก้วกานต์พูดถึง คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างนึกไม่นึกไม่ออก ปากแดงจัดเม้มแน่นด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่ร่างสูงจะผงะไปข้างหน้าเล็กน้อยตามแรงผลัก

“มองอะไรอยู่วะไอ้หนึ่ง” พริษฐ์ถามเพื่อนพร้อมการทักทายที่ศีรษะไม่เบานัก

“ยืนบื้อทำอะไรอยู่วะไอ้หนึ่ง” ธรรศถามและทักทายแบบเดียวกับกับพริษฐ์

“หายไปไหนมาวะไอ้หนึ่ง ปล่อยให้พวกข้ารออยู่ได้” เทพกานต์ทั้งถามและทักทายด้วยวิธีการเดียวกับเพื่อนทั้งสอง

ภีรภัทรยังยืนนิ่งด้วยความไม่แน่ใจว่ามึนงงที่คิดไม่ออกหรือจากการทักทายที่ศีรษะจากเพื่อนรักคนละครั้ง ตาคมที่กวาดสายตามองทุกคนที่วิ่งอยู่ในสนามอยู่ตวัดมามองเพื่อนแต่ละคนตั้งแต่หัวจดเท้า

“โรงเรียนเรามีใครหน้าหล่อ ขาว คิ้วเข้ม ตาคม จมูกโด่ง ปากแดง ไหปลาร้าสวย หุ่นดี มีซิกแพ็คมั้ยวะ”

“มันมีคนดูดีกว่าพวกเราอีกเหรอวะ” พริษฐ์ถามด้วยน้ำเสียงขี้เล่น

“โรงเรียนเรามีคนแบบนี้ด้วยเหรอวะ” ธรรศกวาดสายตามองไปยังสนามช่วยเพื่อนหาบุคคลดังกล่าว

“ใครวะ” เทพกานต์ถามด้วยความสงสัย

“ชายในฝันของหนูแก้ว” ภีรภัทรตอบด้วยใบหน้าไร้รอยยิ้ม

“มันเป็นใคร!!!” สามเสียงถามขึ้นพร้อมกัน

“ถ้าข้ารู้ข้าจะถามพวกเอ็งมั้ยวะ” พ่อเลี้ยงหนุ่มเริ่มหงุดหงิดกับความช่างถามช่างสงสัยของเพื่อนรัก ทั้งที่เขาอยากได้คำตอบแทนมากกว่า

“อ้าว...ไอ้นี่ ก็ข้าไม่รู้นี่หว่า หรือว่าเอ็งวะไอ้พีท” เทพกานต์เกาหัวแกรกกับท่าทีอารมณ์เสียของเพื่อน ก่อนจะสำรวจเพื่อนทีละคน

“อ้าว...ไอ้แซนด์พูดไม่คิดอีกแล้ว ถึงข้าจะหล่อจนสาวกรี๊ด แต่คิ้วกับตาข้านี่เข้มมากเลยใช่มั้ยวะ ถ้าไม่พูดออกมานี่คนคิดว่าข้าเป็นจีน ญี่ปุ่น ไม่ก็เกาหลีตลอด” ชายหนุ่มสูงโปร่งผิวขาวจัด ตาเรียว จมูกโด่งเล็ก ปากบางแดงระเรื่อเข้าข่ายชายในฝันของเด็กวัยรุ่นยุคนี้ที่หายใจเข้าออกเป็นดาราเกาหลี สั่นศรีษะเป็นเชิงปฏิเสธคำสันนิษฐานของเพื่อน

“หรือจะเป็นเอ็งวะไอ้ธรรรศ”

“ถึงข้าจะเท่ห์จนสาวหลง แต่เอ็งตาบอดสีเหรอวะไอ้แซนด์ ผิวข้าเข้มซะขนาดนี้ ถ้าข้าแหล่งใต้นี่คนไม่เชื่อหรอกว่าบรรพบุรุษข้าจะเป็นคนเหนือ” ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ผิวเข้ม ตาคม ผมหยักศกแบบไทยแท้ ย้อนกลับคำถามของเพื่อน “หรือจะเป็นเอ็งวะไอ้แซนด์”

“ถึงข้าจะหล่อที่สุดในสายตาหนูแก้ว แต่หนูแก้วมันบ่นว่าข้าอ้วนขึ้นจนไม่มีไหปลาร้าแล้ว เรียกมันว่า ‘หมูอ้วนฟันเหล็ก’ ทีไร มันเรียกข้าว่า ‘พี่ช้างสารแสน’ ทุกที” ชายหนุ่มรูปร่างแข็งแรง ผิวขาวเหลือง จมูกโด่งเป็นสัน ผมเส้นเล็กพลิ้วสลวย ละม้ายคล้ายผู้เป็นน้องสาว วิเคราะห์และครุ่นคิดก่อนจะหันไปมองหน้าภีรภัทร “หรือว่าจะเป็น...”

“ใครวะ” พ่อเลี้ยงหนุ่มถามด้วยความร้อนรน

“ไอ้จุน ต้องไอ้จุนแน่ๆ ข้านึกออกแล้ว หนูแก้วคุยโทรศัพท์กับยัยน้ำขิง ทำเสียงกระซิบกระซาบหัวเราะคิกคักตอนพูดถึงไอ้จุน ได้ยินว่าเป็นนักกีฬา หล่อด้วย เก่งด้วย ข้าว่าต้องใช่ไอ้นี่แน่ๆ”

“แล้วไอ้จุนมันเรียนที่ไหน อายุเท่าไร บ้านมันทำอะไร นิสัยมันเป็นยังไงวะ” ภีรภัทรยิงคำถามรัว

“ข้าก็ไม่รู้ว่ะ พอข้าถามว่ามันเป็นใคร หนูแก้วก็ไม่ยอมบอก”

“จะเป็นใครก็ช่างมัน ยังไงมันก็ต้องฝ่าด่านพวกเราให้ได้ก่อนใช่มั้ยวะ” พริษฐ์ตบบ่าเทพกานต์ให้คลายกังวล

“ใช่ว่ะ ถ้ามันจะจีบหนูแก้วมันต้องผ่านมือผ่าน...แขนพวกเราก่อนอยู่แล้ว มันไม่มีทางคลาดสายตาเราไปได้แน่” ธรรศประสานมือสองข้างดัดโดยแรงจนข้อนิ้วดังกร็อบอย่างน่ากลัว

“เออ...อย่าดีแต่พูด เอ็งสองตัวเอ็นท์ให้ติดแล้วกัน ถ้าเอ็งเอ็นท์ไม่ติด ไอ้หนึ่งมันเอาพวกเอ็งติดดินแน่” เทพกานต์ชี้หน้าคาดโทษเพื่อนที่ยักคิ้วใส่อย่างกวนประสาท

ภีรภัทรได้แต่หวังว่าไอ้ผู้ชายหน้าหล่อ ขาว คิ้วเข้ม ตาคม จมูกโด่ง ปากแดง ไหปลาร้าสวย หุ่นดี มีซิกแพ็ค จะเป็นเพียงผู้ชายที่อยู่ในความฝันของแก้วกานต์เท่านั้น


**********
ฝากอ่านติชม แนะนำ เป็นกำลังใจให้ ขวัญดาว ด้วยนะคะ
ร่วมพูดคุยกันได้ทาง e-mail หรือ Facebook ที่ nukwun@hotmail.com
ขอบคุณค่ะ ^___^

**********



ขวัญดาว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.พ. 2555, 19:56:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 พ.ค. 2555, 16:37:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 2217





<< ตอนที่ 1 ณ จุดริ่มต้น   ตอนที่ 3 ความลับ >>
Auuuu 13 มี.ค. 2555, 01:39:55 น.
หวงเค้าละซี้ๆๆๆๆๆ ^^


KipkeLucifer 18 มี.ค. 2555, 23:10:09 น.
มีใจ ใช้เลยอะ


lovemuay 26 มี.ค. 2555, 20:41:44 น.
หึงเค้าหล่ะสิ พี่หนึ่ง อิอิ


ขวัญดาว 8 เม.ย. 2555, 17:24:54 น.
@ Auuuu - พระเอกเรื่องนี้คาแร็คเตอร์จะเป็นคนพูดน้อย อาจทำให้คนอ่านอึดอัดไปบ้าง แต่เชือว่าต้องเชียร์ให้พ่อคนพูดน้อยสารภาพรักเร็วๆ แน่ๆ ค่ะ


ขวัญดาว 8 เม.ย. 2555, 17:25:23 น.
@ KipkeLucifer - ไม่รู้พระเอก เค้าจะรู้ตัวหรือป่าวนะคะ


ขวัญดาว 8 เม.ย. 2555, 17:25:45 น.
@ lovermuay - หวงในฐานะเพื่อนพี่ชาย หรืออย่างอื่นเนอะ อิอิ


dean 3 พ.ค. 2555, 21:47:41 น.
ใช่ๆแค่ผู้ชายในฝัน พระเอกนะชีวิตจริง อิอิ


มะกัน 3 มิ.ย. 2555, 21:20:44 น.
เพิ่งเข้ามาอ่าน เรื่องนี้ น่ารักมากกก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account