เล่ห์รักลวง (สามีรับจ้าง) *สนพ.เขียนฝัน*

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 3 : โลกกลมหรือพรหมลิขิต

ตอนที่ 3

โลกกลมหรือพรมหลิขิต

เวลาผ่านมาเป็นอาทิตย์ความกลุ้มใจของอนามิกาก็ยังมิได้บรรเทาเบาบางลงแม้แต่น้อย หากแต่มันกลับทวีขึ้นเกือบเท่าตัวเมื่อมีแรงกดดันจากระยะเวลาเพิ่มเข้ามาอีก เพราะนับวันมันยิ่งกระชั้นชิดไล่บี้เข้ามาทุกที จะรอคนที่คุณหมอแจ๊คไปสอบถามให้ ก็ดูจะมืดมนหนทางเพราะคนรู้จักของคุณหมอส่วนใหญ่ก็แต่งงานมีคู่กันไปเกือบหมด ส่วนคนที่เหลือก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว แล้วผู้หญิงที่ไหนจะใจดีให้แฟนตัวเองมาจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงอื่น แถมเป็นคนที่เขาไม่รู้จักสนิทสนมอย่างเธอด้วยแล้ว บอกได้คำเดียวว่า ‘ยาก’ แม้ตัวคุณหมอเองจะให้การรับรองถึงการว่าจ้างครั้งนี้ก็เถอะ มันไม่ง่ายเลย แล้วนี่เธอจะไปจ้างใครล่ะเนี่ย อนามิกาคิดพลางถือแฮมเบอร์เกอร์และแก้วน้ำอัดลมมานั่งลงที่เก้าอี้ยาวในสวนสาธารณะด้วยใจที่เหม่อลอย

เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้นเธอกับอรณีไปบ้านเพื่อนร่วมงานผู้หญิงคนหนึ่งเธอชื่อแอ๋ว แอ๋วเป็นคนไทยที่มาทำงานที่นี่แล้วได้แต่งงานกับคนรักชาวอเมริกัน แอ๋วบอกว่าอยากจะแนะนำชายคนหนึ่งให้รู้จักซึ่งผู้ชายคนนี้เป็นญาติฝ่ายสามี อายุไม่เยอะมากแค่ 40 ต้นๆ เขาคนนี้สนใจเรื่องการจ้างจดทะเบียนสมรส ที่เธอกับอรณีเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเพื่อนที่ทำงานบางคนที่ค่อนข้างสนิท และแอ๋วก็เป็นหนึ่งในนั้น

พอไปถึงบ้านของแอ๋ว อนามิกาและอรณีได้พูดคุยกับญาติฝ่ายสามีของแอ๋วที่มารู้ชื่อภายหลังว่าเขาชื่อคาร์ล มันก็ทำให้เธอกับอรณีถึงกับมองหน้ากันอย่างเห็นปัญหาในอนาคตอยู่รำไรว่า ถ้าเผลอไปจดทะเบียนสมรสด้วยมีหวังถึงเวลาหย่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมหย่าแน่ๆ เพราะจากที่พูดคุยกันในเวลาสั้นๆ ดูเหมือนนายคาร์ลคนนี้จะแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าถูกใจอนามิกาเข้าให้แล้ว แถมยังมีการเกริ่นๆ ด้วยว่าถ้าจดทะเบียนสมรสแบบไม่ต้องหย่าเขาจะยอมไม่เอาค่าจ้างเลยก็ได้ เพียงแค่นั้นเธอกับอรณีต่างมีความเห็นตรงกันว่าไม่อยากมีปัญหา จึงนั่งพูดคุยต่อพักหนึ่งแล้วขอตัวกลับพร้อมกับบอกว่าขอคิดดูก่อน แต่ที่จริงแล้วคงจะไม่คิดให้เสียเวลาหรอก ใครจะเสี่ยงเอาห่วงที่พร้อมจะรัดไม่ยอมปล่อยมาคล้องคอ

เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่คาดเธอกับอรณีเลยว่าจะกลับไปนอนดูหนังที่เพิ่งซื้อมาด้วยกัน แต่พอกลับถึงห้องคุณหมอแจ๊คกลับโทร.ให้เพื่อนของเธอเอาของที่ลืมไปให้ที่โรงพยาบาลด่วน ดังนั้นจึงกลับกลายเป็นว่าเธอต้องอยู่ห้องคนเดียว ฉะนั้นระหว่างรออรณีกลับจากโรงพยาบาล เธอเลยออกมาเดินเล่นนั่งเล่นที่สวนสาธารณะฆ่าเวลาเพราะไม่อยากนั่งดูหนังคนเดียวรอดูพร้อมกันรอบเดียวเลยดีกว่า และคิดว่าเผื่อออกมาสัมผัสบรรยากาศดีๆ หัวสมองอาจจะปลอดโปร่ง แล้วทำให้สามารถคิดอะไรดีๆ ออกก็เป็นได้ หญิงสาวคิดก่อนถอนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เรียกกำลังใจที่มีอยู่น้อยนิด พลางดึงสายตาที่ทอดมองไปเรื่อยเปื่อยกลับมาที่แฮมเบอร์เกอร์ชิ้นใหญ่ในมือ

“กินแก้กลุ้มดีกว่า”

อนามิกาบอกตัวเองติดตลก ถ้าเธอกินทุกครั้งที่กลุ้ม ช่วงนี้เธอต้องอ้วนเป็นหมูแน่ๆ หญิงสาวคิดขำๆ ก่อนจะอ้าปากเตรียมจะกัดแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นโต แต่ก็ต้องหยุดชะงักเอาไว้แค่นั้นเมื่อมีเสียงคร่ำครวญที่เธอเคยได้ยินบ่อยครั้งเมื่อเกิดอาการหิวจัด มันดังมาจากใครบางคน อนามิกาละจากแฮมเบอร์เกอร์ตรงหน้าหันไปมองที่มาของเสียง แล้วเธอก็เห็นผู้ชายตัวใหญ่ใบหน้ารกไปด้วยหนวดเคราหัวเหอยุ่งเหยิงคล้ายคนเพิ่งตื่นนอนกำลังนั่งลูบท้องพลางส่งยิ้มแห้งๆ มาให้ เธอยิ้มตอบพร้อมกับมองหน้าคนหิวจัดกับของกินในมือตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจถามออกไปอย่างคนใจดีว่า

“หะ…หิวเหรอคะ”

ผู้ชายหน้ารกนิ่งพักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าและเธอรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าเขากำลังอมยิ้มด้วย แต่เขาจะยิ้มหรือบึ้งตึงก็ช่างเถอะ ในเมื่อเขาหิวจัดเธอก็ให้เขาแล้วกัน

“งั้นนี่ค่ะฉันยกให้”

ด้วยความถูกปลูกฝังมาแต่เล็กแต่น้อยว่าให้เป็นคนมีน้ำใจบวกกับความอยากจะกินมีน้อยกว่าความสงสาร อนามิกาจึงยกทั้งน้ำทั้งแฮมเบอร์เกอร์ของตัวเองให้กับชายหนุ่มแปลกหน้าที่พิจารณาดีๆ แล้วเขามีแววตาคุ้นๆ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน

“ขอบคุณยัยผู้หญิงตัวแสบ ไม่นึกว่านอกจากทำร้ายคนอื่นแล้วหนีจะเป็นคนดีมีน้ำใจกับเขาด้วยนะเนี่ย...แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดเลยนะว่าเราจะมาเจอกันอีกจนได้ สงสัยดวงจะสมพงษ์กัน”

ชายหนุ่มบอกพร้อมกับยิ้มนิดๆ เลิกคิ้วมองหญิงสาวที่หุบยิ้มฉับแทบจะทันที เมื่อโดนเขากล่าวหาว่าเป็น ‘ยัยผู้หญิงตัวแสบ’ ทั้งที่เธอทำตัวเป็นผู้หญิงแสนดีประดุจนางฟ้า

“ขอโทษนะคะฉันไม่เคยเจอไม่เคยรู้จักหรืออยากจะดวงสมพงษ์กับผู้ชายอย่างคุณ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็คิดว่าคุณไม่ควรจะมากล่าวหาอะไรฉันลอยๆ แบบนี้ ทั้งที่อุตส่าห์สงสารใจดียกอาหารกับน้ำให้”

อนามิกาลุกขึ้นเท้าสะเอวบอกเสียงเฉียบและมองผู้ชายสภาพดีกว่าคนจรจัดนิดหน่อยอย่างมีอารมณ์โมโหบ้าง แต่แทนที่เขาจะสำนึก เปล่าเลย เขายังสวนกลับเสียงเยาะ

“แสบไม่แสบที่หน้าน้ำพุเต้นระบำคืนนั้นก็เล่นเอาผมจุกจนหน้าเขียว นี่ถ้าเกิดมันใช้งานไม่ได้คุณจะรับผิดชอบไหมล่ะ”

‘คืนนั้น’ ‘น้ำพุเต้นระบำ’ สองคำนี้มันสะกิดใจอนามิกาอย่างแรง มันทำให้เธอถึงกับผงะ และเมื่อตั้งใจพิจารณาผู้ชายหน้ารกตรงหน้าดีๆ แล้วดวงตากลมโตก็เบิกกว้าง พระเจ้า! ใบหน้าของคนคนนี้แตกต่างกับสองครั้งก่อนที่เธอเคยเจอมาก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีบางอย่างที่บ่งบอกว่าเป็นเขา ผู้ชายเสน่ห์เหลือร้าย ไม่ว่าจะเป็นนัยน์ตาสีน้ำตาลและรอยยิ้มที่มีเสน่ห์

“คุณนั่นเอง ไอ้ผู้ชายชั่ว โรคจิต ไร้ยางอาย”

อนามิกาด่าเสียงรอดไรฟัน ขณะที่เท้าก็ค่อยๆ ก้าวถอยหลังพร้อมกับกวาดสายตามองหาทางหนีทีไล่ไปอย่างช้าๆ ขณะที่เคเลอร์เองก็ลุกขึ้นเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง ทำหน้าตายียวนสุดๆ แล้วค่อยๆ ก้าวเท้าตามหญิงสาวที่คงไม่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นกำลังเดินวนรอบเก้าอี้อยู่อย่างรู้สึกสนุก

“แน่ะ ทำร้ายคนอื่นแล้วยังมากล่าวหาเขาอีก เบี่ยงประเด็นนี่หว่า”

“เบี่ยงประเด็นบ้าบออะไร ด่าแค่นี้ยังน้อยไปกับสิ่งที่คุณทำกับฉัน”

“ผมทำอะไรคุณ…”

เคเลอร์เลิกคิ้วถามเสียงสูง ทำหน้าซื่อๆ งงๆ เหมือนจำการกระทำของตัวเองไม่ได้ นั้นทำให้อนามิกาเดือดยิ่งกว่าเดิม

“คุณ…คุณจะทำมิดีมิร้ายฉัน”

หญิงสาวสบถทวนความจำให้เขาอย่างโมโหระคนอาย

“โอ๊ะ! แรงอะข้อกล่าวหานี้ ผมจำได้ว่าไม่คิดไม่เคยทำอะไรอย่างนั้นเลย ผมว่าคุณกำลังเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า เอาอะไรมาพูดว่าผมจะทำมิดีมิร้ายคุณ หน้าตาหรือก็…”

สายตาคมไล่มองร่างบางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วไล่สายตากลับตั้งแต่ปลายเท้าไปถึงศีรษะ แล้วทำเสียงจิ๊จ๊ะพร้อมกับส่ายหน้า แล้วพูดในสิ่งที่ทำให้อนามิกาแทบกรี๊ด

“ก็งั้นๆ ตัวก็เล็กๆ แถมหุ่นก็แบนราบหน้ากับหลังแทบแยกไม่ออก แบบว่าเวลาสัมผัสมันให้ความรู้สึกไม่ต่างกันเลยจริงๆ หาความเซ็กซี่ไม่มีเลย”

คนโดนกล่าวหาตอบกลับอย่างยียวนกวนประสาท แล้วหัวเราะหึๆ ในลำคอเมื่อเห็นอีกฝ่ายโกรธจัดหน้าแดงก่ำแทบจะแปลงร่างได้อยู่แล้ว ผู้หญิงนะผู้หญิงพูดเรื่องจริงแค่นี้ก็ต้องโกรธกันด้วย แต่เขาไม่บอกเธอหรอกว่าถึงเธอจะไม่เซ็กซี่แต่ก็น่ารักเร้าใจเขาดีแท้

“อะ…ไอ้ผู้ชายบ้า ปากปีจอกล้าดียังไงมาวิจารณ์หุ่นฉัน หุ่นฉันมันไม่ดีไม่เซ็กซี่แต่สิ่งที่คุณทำมันบ่งบอก…”

“บ่งบอกว่าอะไร”

เคเลอร์แทรกขึ้นก่อนที่หญิงสาวจะทันได้พูดจบ แล้วพูดต่อไปอีกว่า

“ฟังและเข้าใจเสียใหม่ว่าผมไม่ได้จะทำอะไรอย่างที่คุณคิด แค่คืนนั้นผมเห็นคุณจะเดินหนีคิดว่าคุณจะกลับที่พัก ด้วยความหวังดีคิดว่าจะอาสาเดินไปส่งเพราะมันดึกกลัวจะมีอันตราย ถ้าปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างคุณกลับคนเดียว แต่แค่ผมเดินเข้าไปดึงรั้งแขนคุณเอาไว้นิดหน่อย คุณก็ร้องแรกแหกกระเชอ ถ้าผมไม่รวบตัวคุณมาปิดปากแล้วลากไปที่อื่น ผมจะไม่โดนนักท่องเที่ยวที่อยู่บริเวณนั้นรุมสกรัมหรือไง คนไม่ใช่น้อยๆ กี่เท้าล่ะนั่น ผมแค่หวังดีและมีน้ำใจแต่มันกลับทำให้ในสายตาคุณ ผมกลายเป็นผู้ชายชั่ว โรคจิต ไร้ยางอายเลยเหรอ มันไม่ยุติธรรมกับผมเลยจริงๆ”

เคเลอร์ตีหน้าเศร้าๆ หงอยๆ มองวงหน้าสวยน่ารักที่เริ่มลังเลและคลายความระแวงลงอย่างเห็นได้ชัด

“เอ่อ…ฉัน…ฉัน…”

อนามิกาหยุดยืนนิ่งอึ้งติดอ่างขึ้นมาดื้อๆ อย่างหาคำพูดตัวเองไม่เจอ ขณะที่หัวกำลังพยายามคิดไล่ลำดับเหตุการณ์ก็เริ่มจะคล้อยตามในสิ่งที่เขาเล่ามาว่ามันก็อาจจะจริงมั้ง เธอโวยวายไปเองหรือเปล่า ที่จริงคิดไปคิดมาคืนนั้นเขายังไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนี่นา แต่ใครจะไปไว้ใจผู้ชายแปลกหน้าล่ะ หญิงสาวให้เหตุผลตัวเอง จนอีกฝ่ายยืนรอฟังจนเมื่อยถึงกับบ่นออกมา

“ฉันๆ อยู่นั่นแหละ ผมว่าเรานั่งคุยกันดีกว่าไหม เดินวนคุยกันแล้วโคตรเหนื่อย ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนี่นอนก็ยังไม่ได้นอนกินก็ยังไม่ได้กิน กลับใช้พลังงานไปซะเยอะผมจะเป็นลม”

ว่าแล้วร่างสูงก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ด้วยท่าทีหมดแรงคล้ายคนกำลังจะเป็นลมจริงๆ ทำให้อนามิกาที่ยืนไม่ยอมขยับ รีบทรุดตัวลงนั่ง ยื่นมือบางไปพัดให้เขาอยู่ห่างๆ พร้อมกับเลื่อนน้ำกับแฮมเบอร์เกอร์ที่ยังคงวางอยู่บนเก้าอี้ไปให้เขาใกล้ๆ อย่างมีน้ำใจ

“นี่ฉันให้แล้วคุณก็กินซะสิ ไปทำอะไรมาไม่กินไม่นอน โอ๊ะ! อย่าบอกนะว่าคุณกับผู้หญิงสุดเซ็กซี่คนนั้นเร่าร้อนกันตั้งแต่คืนนั้นจนวันนี้”

เคเลอร์ถึงกับสำลักน้ำอัดลมที่เพิ่งยกขึ้นดื่ม

“จะบ้าเหรอคุณ คนนะครับคนไม่ใช่หุ่นยนต์ ใครจะไปขนาดนั้นนี่มันผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ ถ้าผมทำจริงมิได้นอนโรงบาลหรือไงกัน”

“ใครจะไปรู้ล่ะก็ดูสภาพคุณสิ”

“ผมเพิ่งกลับมาจากคาสิโน”

เขาบอกพลางหลับตาพิงหลังกับพนักเก้าอี้ เขาแฝงตัวเข้าไปเป็นลูกค้าในคาสิโนของตัวเองเพื่อดูลาดเลาคนที่มาเล่นสกปรกในคาสิโนของเขามาเป็นอาทิตย์แล้ว และตอนนี้เริ่มรู้บ้างแล้วว่าพวกมันใช้วิธีโกงยังไงบ้าง เมื่อคืนเขาเลยยอมเทหน้าตักเล่นจนสว่างคาตา และผลออกมาคือเงินสดที่เขาพกติดตัวหมดเกลี้ยงไม่เหลือสักเหรียญ นี่มันกะให้ลูกค้าของคาสิโนเขาขยาดไม่กล้ามาเล่นที่นี่ต่อเลยล่ะสิถึงไม่ยอมให้คนอื่นเล่นได้เลย

“ฮึ มันน่ายึดของกินคืนไหมล่ะ เล่นการพนันจนหมดตัวไม่มีกระทั่งเงินจะซื้อข้าวกิน ฉันล่ะเกลียดคนประเภทคุณจริงๆ”

อนามิกาต่อว่าอีกฝ่ายอย่างจริงจัง เมื่อเผลอไปเปรียบเทียบเขากับคนเป็นป้า ไม่ใช่เพราะการพนันหรอกเหรอที่ทำให้เธอต้องระหกระเหินมาทำงานไกลถึงลาสเวกัส แถมทุกวันนี้มันยังทำให้เธอกลุ้มใจ อยากจะกลับเมืองไทยก็กลับไม่ได้ จะอยู่ที่นี่ต่อเหรอเธอก็ยังหาวิธีที่จะอยู่ไม่ได้เลย สรุปการพนันคือความเลวร้ายในชีวิตของเธอจริงๆ

“แหม…บ่นยังกับแม่ แค่ช่วงนี้ผมมีปัญหานิดหน่อยเลยเข้าไปแก้เซ็ง แล้วก็ขอบคุณอีกครั้งสำหรับอาหารมื้อนี้”

เขายิ้มเผล่เมื่อจัดการแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นโตภายในเวลาไม่ถึงนาที

“ดูสภาพคุณแล้ว ปัญหาถ้าไม่อกหักก็ตกงาน”

อนามิกาคาดเดาพลางเบ้ปากให้เขา ที่ยังคงยิ้มทะเล้นภายใต้หนวดเคราที่รกหูรกตาคล้ายมหาโจร

“ไม่เคยอกหักเคยแต่หักอก…แต่เรื่องตกงานจะว่าอย่างนั้นก็ใช่ ช่วงนี้ผมว่างงานอยู่”

เขาพูดเรื่องจริงนะเปล่าโกหกก็ตลอด 2 เดือนนี้ว่างงานจริงๆ นี่ เปล่าเรียกร้องความสงสารจากสาวนะ

“แล้วคุณล่ะมีเรื่องกลุ้มอะไรหรือเปล่า ผมเห็นคุณนั่งทำหน้าหนักใจสายตาเหม่อลอยอยู่ตั้งนานสองนาน ขนาดผมเดินมานั่งด้วยยังไม่รู้สึกตัวเลย”

เคเลอร์ถามต่อเมื่อยังเห็นหญิงสาวนั่งนิ่งเหมือนคนกำลังคิดอะไรสักอย่างเล็กน้อย ก่อนจะมามองที่เขาเป็นระยะๆ สลับกับการทอดมองไปรอบๆ คล้ายกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง

“คุณเป็นคนอเมริกันหรือเปล่า”

อนามิกาถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจึงเลือกไปถามคนที่เธอเคยคิดว่าเขาจะทำมิดีมิร้าย ถามเพราะสงสารที่ได้ยินว่าเขากำลังตกงานหรือถามเพราะเขาบอกว่าไม่คิดจะพิศวาสเธอกันแน่ไม่รู้เหมือนกัน เอาเป็นว่าหลายๆ เหตุผลรวมกัน

“โดยกำเนิด”

ชายหนุ่มตอบออกไปอย่างงงๆ พลางหรี่ตามองหญิงสาวอย่างอยากรู้จุดประสงค์ว่าเธออยากรู้ไปทำไม

“เอ่อ…เห็นว่าคุณตกงานอยู่ ถ้าฉันจะจ้างคุณทำงานระยะหนึ่งคุณจะทำไหม”

“จ้างผมเหรอ”

เคเลอร์เลิกคิ้วพลางชี้นิ้วมาที่ตัวเองอย่างตกใจนิดๆ ประหลาดใจหน่อยๆ และเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าด้วยสายตาที่คล้ายกับคาดหวังระคนหวาดหวั่น ทำให้เขาต้องถามต่อ

“ผมขอฟังรายละเอียดก่อนได้ไหม คือผมอยากฟังประกอบการตัดสินใจน่ะครับ”

“คือฉันเป็นคนไทยมาทำงานที่นี่ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว อีกแค่ 2 เดือนก็จะถึงกำหนดที่ฉันต้องกลับประเทศแล้ว แต่ทีนี้ฉันมีเหตุผลจำเป็นที่ยังกลับไม่ได้ ฉันเลยอยากได้กรีนการ์ดเพื่ออยู่และทำงานที่นี่อย่างถูกกฎหมาย ฉันเลยว่าจะจ้างคุณมาจดทะเบียนสมรสกับฉันเพื่อไปยื่นขอกรีนการ์ด คุณจะว่าไง”

ฟังจบเคเลอร์ก็เบือนหน้าหนีไปทาง เพื่อไม่ให้เธอเห็นว่าเขากำลังหัวเราะเธอ เอ้อ…แน่ะ ผู้หญิงคนนี้นี่ ก่อนหน้านี้ยังกลัวเขาอยู่เลยตอนนี้มาชวนไปจดทะเบียนสมรสซะแล้ว ทำยังไงล่ะเขาไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินจนต้องไปรับจ้างทำอะไรเพี้ยนๆ แบบนี้ และอีกอย่างตอนนี้เขายังไม่พร้อมที่จะมีพันธะ เขาบอกตัวเองอย่างนั้นนะ แต่ให้ตายสิถ้าเขาไม่รับทำงานนี้ เธอต้องไปจ้างผู้ชายคนอื่นแน่ๆ แค่คิดเขาก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาดื้อๆ สงสัยเธอเป็นคนไทยเหมือนกับแม่เลี้ยงเขาล่ะมั้งมันเลยทำให้เขารู้สึกอย่างนั้น เคเลอร์ให้เหตุผลตัวเอง ก่อนจะปรับสีหน้าหันไปตอบหญิงสาวแบบเล่นลิ้นยังไม่ยอมรับปากที่จะทำงานดีๆ

“ถ้าผมบอกว่าผมมีเมียสี่ลูกแปดรออยู่ที่บ้านคุณจะจ้างผมไหม”

“ห๊า!”

อนามิกาอุทานออกมาอย่างตกใจ แต่ก็ยังถามกลับไปอย่างไม่ค่อยจะแน่ใจว่า

“เอ่อ…ที่คุณพูดมามันเรื่องจริงเหรอคะ...”

เขายังนิ่งไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่อนามิกาขอตีความหมายของความนิ่งและเงียบนี้ว่าเขายอมรับในสิ่งที่เขาบอกมาว่ามันคือเรื่องจริง

และในเมื่อมันเป็นอย่างนั้น อนามิกาจึงหันไปยิ้มจืดเจื่อนระคนอาย เมื่อความหวังพังครืน ก็ใครจะไปคิดว่าคนที่ควงแม่สาวเปรี้ยวสุดเซ็กซี่คืนนั้นจะมีลูกมีเมียแล้ว ไอ้เราก็ลืมถาม ไงหน้าแตกเลยแกยัยน้องนาง แต่พอคิดไปคิดมาสมัยนี้คงไม่แปลกที่ผู้ชายถึงจะมีครอบครัวแล้วก็สามารถนอกใจภรรยาไปกับผู้หญิงคนอื่นได้ ตัวอย่างมันมีให้เห็นกันเกลื่อนไป

“ฉัน...ฉันขอโทษแล้วกันนะคะที่ไม่ถามคุณก่อน เอาเป็นว่าเรื่องเมื่อครู่คุณก็ลืมๆ มันไปซะ ถือว่าไม่ได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลยก็แล้วกันนะคะ ยังไงฉันขอตัวเลยแล้วกัน”

อนามิกาก้มศีรษะพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ ให้เขาเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นเดินจากไปด้วยสีหน้าคล้ายคนคิดหนักอย่างที่เขาเห็นก่อนหน้านั้น และไม่ใช่สีหน้าอย่างนี้เหรอที่ทำให้เขาที่กำลังจะกลับคอนโดตัดสินใจมานั่งข้างๆ เธออย่างเป็นห่วง แล้วนี่แกจะมานั่งทำบื้ออะไร รีบตามไปบอกเธอสิว่าจะรับงาน เคเลอร์สบถด่าตัวเองในใจ ก่อนจะพาร่างสูงวิ่งตามร่างบางที่ยังคงเดินเอื่อยๆ พร้อมกับตะโกนเรียก

“เดี๋ยวสิคุณ…คุณรอผมก่อน”

ร่างบางหยุดแล้วหันไปเลิกคิ้วมองคนที่วิ่งมายืนขวางทาง

“มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“คือ…ถ้าผมบอกว่าอยากทำงานที่คุณว่า ผม…”

ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบอนามิกาก็แทรกขึ้นด้วยสีหน้าไม่ชอบใจนัก

“ไม่ค่ะ ฉันไม่จ้างคนมีลูกมีเมียเด็ดขาด ถึงพวกคุณจะอยู่ด้วยกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แต่เชื่อเถอะไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากให้สามีตัวเองไปจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงอื่นหรอกถึงมันจะได้เงินก็เถอะ…แค่นี้ใช่ไหมคะที่คุณจะพูดกับฉัน ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวค่ะ”

เอ่ยจบร่างบางก็เบี่ยงตัวจะเดินหนี แต่เขาก็ไม่ยอมเดินไปขวางหน้าเธอไว้ เธอเลี่ยงไปซ้ายเขาก็ขยับไปขวาง เธอเลี่ยงไปขวาเขาก็ตามไปขวางอีก เป็นอยู่อย่างนั้นพักใหญ่จนอนามิกาทนไม่ได้

“โว๊ย! คุณจะมาขวางทางฉันทำไมเนี่ย กลับบ้านไปหาลูกหาเมียได้แล้ว ไป๊!”

“ก็ผมอยากจะทำงานกับคุณ”

อนามิกาจะอ้าปากจะด่า แต่เขาก็ยกมือขึ้นเป็นเชิงห้ามและบอกกลายๆ ว่าขอเขาพูดให้จบก่อน

“ผมยังไม่มีลูกหรือมีเมียทั้งนั้นแหละ ที่พูดออกมาก่อนหน้านั้นผมแค่อำคุณเล่นเท่านั้นเอง”

“ฉันไม่เชื่อหรอก คุณอยู่ที่นี่เมียคุณอยู่ที่ห้องพูดอะไรก็พูดได้”

หญิงสาวยืนกอดอกพูดสวนขึ้นพลางเบะปากก่อนจะเบือนหน้าหนี อย่างไม่เชื่อในน้ำคำ

“งั้นเราไปดูกัน”

เอ่ยจบเคเลอร์ก็ถือสิทธิ์ลากร่างบางให้ตามไปคอนโดที่อยู่ห่างออกไปไม่มากนัก แต่ก็ใช่ว่าจะง่ายเมื่ออีกฝ่ายยื้อยุดฉุดกระชากไม่ยอมตามไปตามแรงลาก

“ปล่อย! ฉันไม่ไป”

“จะเอาไงกันแน่คุณจะพาไปพิสูจน์ก็ไม่ไป พูดก็ไม่เชื่อ เล่นมาชวนทำงานพอจะทำก็ไม่ให้ทำ เสียความรู้สึกนะเนี่ย”

เขาแสร้งตัดพ้อเล่นเอาอนามิกาทำหน้าไม่ถูก มันก็จริงอย่างที่เขาพูด ก็เธอชวนเขามาทำงานด้วยนี่นา แต่จะให้ไปห้องกับผู้ชายที่เจอกันเพียงไม่กี่ครั้งเนี่ยนะ ไม่ดีมั้ง ขณะเธอคิดเหมือนเขาพอจะเดาออกจึงพูดสวนขึ้นมา

“ผมเคยบอกแล้วไงว่าไม่เคยคิดพิศวาสคุณหรอก เรื่องทำมิดีมิร้ายลืมไปได้เลย ตกลงไปไม่ไปเนี่ย ผมอยากได้งานทำนะถึงจะไม่ถาวรก็เถอะ”

เธอยืนเม้มปากอย่างใช้ความคิด บวกลบคูณหารกับการเสี่ยงและผลที่จะได้ตอบกลับมา ในการไปห้องผู้ชายแปลกหน้าก็น่าจะคุ้ม ดูแววตาเขาก็ดูไม่มีเลศนัยอะไร น่าจะเชื่อถือได้

“ก็ได้ คุณเดินนำไปสิ”

เคเลอร์ยักไหล่นิดหนึ่ง ก่อนจะเดินนำออกไปด้วยรอยยิ้มกริ่ม โดยมีร่างบางเดินตามด้วยใบหน้าที่ตรงข้ามกับคนเดินนำหน้าโดยสิ้นเชิง



อนามิกากวาดสายตามองตาปริบๆ ตื่นตะลึงตั้งแต่เดินเข้ามาภายในคอนโดหรู ต้องบอกว่ามันหรูจริงๆ คอนโดของหมอแจ๊คว่าน่าอยู่แล้ว พอมาเจอที่นี่ที่นั่นแทบจะกลายเป็นสลัมไปเลย แล้วอย่างนี้เขาจะมาบอกว่ากำลังตกงานไม่มีเงินและอยากทำงานกับคนที่แม้แต่ที่ซุกหัวนอนยังสู้เขาไม่ได้อีกเหรอ

“ตกลงคุณพักที่คอนโดนี้จริงๆ เหรอคะ แน่ใจนะว่าไม่ได้พาฉันเข้ามาผิดที่”

อดที่จะถามอย่างแปลกใจไม่ได้ แต่พอห้องถูกเปิดออกด้วยคีย์การ์ดก็ทำให้อนามิกาถึงกับอ้าปากค้างว่าเขาไม่ได้มั่ว และข้างในกว้างมากเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นดูยังไงๆ ก็ของราคาแพง

“เข้ามาสิคุณมาดูเลยว่าผมซ่อนลูกซ่อนเมียไว้ที่ไหน...ถ้าคุณกลัวก็เปิดประตูทิ้งไว้อย่างนั้นแหละ”

บอกเสร็จร่างสูงก็เดินหายเข้าไปในห้องครัวแล้วออกมาพร้อมน้ำสองแก้ว หนึ่งแก้วเขายกขึ้นดื่ม ส่วนอีกแก้วนำไปวางตรงหน้าร่างบางที่นั่งเหมือนไม่เต็มก้นเตรียมจะวิ่งหนีตลอดเวลา หากสายตานั้นกลับกวาดมองไปจนทั่วห้อง

“คุณแน่ใจว่าตกงานและไม่มีเงินติดตัวแม้แต่เหรียญเดียว เพราะดูที่ที่คุณอยู่มันไม่ใช่ มันต้องคนมีอันจะกินสิถึงจะสามารถอยู่คอนโดหรูขนาดนี้ได้”

“ผมเพิ่งว่างงานก็แค่ช่วงนี้นะครับ แต่ก่อนหน้านี้ผมก็มีงานทำปกติไม่ได้งอมืองอเท้าอยู่ห้องเฉยๆ เสียเมื่อไหร่ ส่วนที่ผมบอกว่าไม่มีเงินเนี่ยก็ไม่มีเฉพาะตอนก่อนหน้านั้นเท่านั้นแหละ เพราะเงินผมมันอยู่ที่ห้อง โอเค”

เขาบอกอย่างไม่คิดอะไร แต่อีกฝ่ายกลับคิด คิดมากเลยแหละ แล้วในเมื่อเขามีเงินอย่างนี้จะมารับจ้างเธอทำไม

“ก็แล้วทำไม...”

อนามิกายังไม่ทันจะพูดจบเขาก็สวนขึ้นมาทันควันอย่างรู้ว่าเธอกำลังจะพูดอะไร

“ก็ผมบอกแล้วไงว่าช่วงนี้ตกงาน เลยอยากทำงานกับคุณขืนอยู่โดยไม่มีงาน เงินที่มีก็หมดเกลี้ยงกันพอดี และห้องนี้ผมก็ไม่ได้อยู่มันฟรีๆ นะคุณ”

“ในเมื่อเงินไม่เยอะ แล้วทำไมคุณต้องเลือกอยู่ที่หรูๆ แพงๆ ด้วยล่ะ”

หญิงสาวถามอย่างข้องใจไม่หาย ซึ่งก็ทำให้เคเลอร์ถึงกับกลอกตาไปมาคิดหาคำแก้ตัวให้วุ่น ไม่รู้แม่คุณจะสงสัยอะไรนักหนา

“ก็ที่นี่เป็นห้องของเจ้านายเก่าผม ตอนนี้เขาย้ายไปอยู่นิวยอร์กแล้ว เขาเลยให้ผมอยู่ห้องนี้โดยจ่ายค่าเช่าไม่ถึงครึ่ง และถ้าเทียบจำนวนเงินที่ต้องเสียไปมันก็เท่ากับเช่าคอนโดระดับกลางหรือก็ต่ำกว่านั้น แล้วทำไมผมต้องไปอยู่ที่อื่นด้วยในเมื่อที่นี่ออกจะหรูหราแต่ราคาสบายกระเป๋า”

พอพูดออกไปแล้วเคเลอร์ถึงกับเป่าลมออกจากปาก เมื่อเห็นดวงหน้ารูปไข่พยักหงึกหงักๆ อย่างเข้าใจในสิ่งที่เขาไถไปน้ำขุ่นๆ

“เจ้านายเก่าเขาคงรักคุณมากนะคะ”

“คงงั้นมั้ง ก็ผมอยู่ดูแลรับใช้เขามานาน พอไปอยู่นิวยอร์กก็เป็นพ่อแม่ผมล่ะที่ต้องดูแลเขาต่อ ส่วนผมอยู่ที่นี่ก็หางานอื่นทำ”

เป็นไงล่ะเรื่องปั้นน้ำเป็นตัวเขาก็เก่งไม่แพ้เรื่องการทำธุรกิจเหมือนกันนะเนี่ย เอาซะคนฟังเชื่อเป็นตุเป็นตะกันเลยทีเดียว

“ไหนๆ ฉันก็เคยได้เอ่ยปากว่าอยากจะจ้างคุณ แถม…ลูกเมียคุณไม่มีจริงๆ นะไม่ใช่ว่าพวกเขาออกไปข้างนอก”

เคเลอร์กลอกตามองเพดานพ่นลมออกจากปากอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นลากร่างบางไปที่ห้องนอนแล้วเปิดตู้เสื้อผ้าให้ดูเป็นอันดับแรก จากนั้นก็พาเจ้าหล่อนสำรวจภายในห้องนอนและห้องน้ำให้แน่ชัดเลยว่าไม่มีอะไรที่เป็นของใช้ของผู้หญิงสักอย่าง จากนั้นก็พาเธอกลับมานั่งที่โซฟาอีกครั้ง

“เอาล่ะคราวนี้คุณเชื่อหรือยัง”

“ชะ…เชื่อแล้ว เอาเป็นว่าตกลงตามนั้นแล้วกัน ฉันจะจ้างคุณจดทะเบียนสมรสในราคา 2 หมื่นเหรียญ แต่...ฉันขอแบ่งจ่ายสัก 4 งวด ได้ไหมคะ”

เคเลอร์ชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินค่าจ้าง ก่อนจะหรี่ตามองใบหน้านวลที่คล้ายกับโล่งกึ่งหนักใจในคราวเดียวกัน อย่างสงสัยว่าทำไมเธอถึงยอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อจ้างผู้ชายสักคนมาจดทะเบียนสมรส ทั้งๆ ที่เธอบินกลับเมืองไทยด้วยเงินจำนวนนี้มันก็น่าจะพอทำให้เธออยู่ได้ ชักอยากรู้แล้วสิว่าเหตุผลจำเป็นที่เธอเคยพูดเอาไว้มันคืออะไร

“ผมไม่มีปัญหา เรื่องเงินแล้วแต่คุณ แล้วข้อตกลงอื่นๆ ล่ะ”

“ฉันอยากให้คุณไปคุยต่อที่ห้องของฉัน เพราะเรื่องนี้เพื่อนฉันต้องมีส่วนรับรู้และตัดสินใจด้วย”

บอกอย่างไม่อยากอยู่ที่นี่นานแม้มันจะสวยหรูก็เถอะ แต่การอยู่ในห้องกับผู้ชายสองต่อสองมันดูไม่ดีสักเท่าไหร่ และที่สำคัญป่านนี้อรณีอาจจะกลับมาแล้วก็ได้

“โอเค งั้นผมขออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บหนึ่ง แต่ก่อนอื่นผมว่าเราควรเแนะนำตัวกันก่อนดีไหม คุณจะมาใช้นามสกุลผมอยู่แล้วไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันเลย...ผมเคเลอร์คุณเรียกสั้นๆ ว่าเคก็ได้”

“ค่ะ ฉันน้องนาง สำหรับชาวต่างชาติอย่างคุณอาจจะเรียกยากหน่อยเอาเป็นเรียกว่าน้องสั้นๆ ก็แล้วกันนะคะง่ายดี”

เคเลอร์หัวเราะหึๆ ในลำคออย่างถูกใจเมื่อโดยสบประมาท เขาล่ะอยากจะเรียกชื่อ ‘น้องนาง’ ให้เธอได้ยินสักร้อยครั้งจังเลย แล้วเธอจะรู้ว่าเขานั้นเรียกชื่อสองพยางค์ของเธอนั้นชัดมากแค่ไหน เขาแค่คิดเล่นๆ แต่ยังไม่คิดจะเปิดเผยจริงๆ

“ครับคุณน้อง...เอาเป็นว่าผมขอตัวไปจัดการตัวเองแป๊บหนึ่ง ถ้าคุณหิวดูแลตัวเองได้เลยนะครับ อาหารกล่องแช่แข็งวันนั้นยังไม่หมดเลย หรือจะสำรวจห้องผมอีกรอบก็ตามสบายเลยครับ แต่ห้ามมาแอบดูผมอาบน้ำก็แล้วกัน”

เขาขยิบตาให้แล้วลุกขึ้นเดินผิวปากเข้าห้องไปอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหัวเราะเสียงดังเมื่อได้ยินเสียงหญิงสาวตวาดแว้ดตามหลังมา

“ตาบ้า หุ่นดีตายล่ะใครเขาอยากจะดู ชิ!”

อนามิกาสะบัดหน้าพลางกัดริมฝีปากหันซ้ายหันขวาอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจลุกเดินสำรวจภายในห้องของเขาอีกครั้ง ไหนๆ ก็อนุญาตแล้วนี่ ร่างบางเดินตรงเข้าไปสำรวจห้องครัวที่มีเครื่องครัวทันสมัยครบครัน แต่ทว่ามันถูกเก็บเข้าที่เรียบร้อยไม่มีร่องรอยของการถูกใช้งาน อนามิกาละสายตาจากเครื่องครัวตรงหน้าแล้วหันไปเปิดตู้เย็น อาหารกล่องแช่แข็งถูกยัดอยู่ในนั้นสองสามกล่องทำให้หญิงสาวเผลอยิ้มออกมาเมื่อคิดถึงการเจอกันครั้งแรกระหว่างเขากับเธอ แล้วก็ต้องหน้าแดงก่ำเมื่อเผลอไปนึกถึงคำพูดห่ามๆ ของตัวเองเข้า ไม่รู้ตอนนั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้กล้าพูดตามใจตัวเองออกไปอย่างนั้น ถ้าเกิดเขาฟังรู้เรื่องเธอได้อายตายเลย

*************************************

ขอบคุณทุกคอมเม้นทุกโหวตนะคะ และติดตามอ่าน “ร้อนรักเสน่ห์ลวง” ได้ในรูปเล่มนะคะ ^_^



เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.พ. 2555, 01:22:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 มิ.ย. 2555, 17:15:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 2426





<< ตอนที่ 2 : ผู้ชายหน้าไม่อาย   
แว่นใส 27 ก.พ. 2555, 09:41:27 น.
อยากไปด้วยจังเลย


konhin 27 ก.พ. 2555, 10:53:54 น.
แหม สงสัยนายเคคิดว่าเป็นพรหมลิขิต


คนเหงา 27 ก.พ. 2555, 11:11:46 น.
ชอบๆๆๆ จะติดตามจ้า


panon 27 ก.พ. 2555, 11:59:54 น.
ช๊อบบบบบบบบบบบบบบบรอตอนต่อไปจ๊ะ


nunoi 27 ก.พ. 2555, 15:39:39 น.
สนุกค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ


ann 27 ก.พ. 2555, 17:40:40 น.
อยากอ่านต่อออออ


แล่นแต๊ 27 ก.พ. 2555, 18:46:56 น.
น่ารักดีนะคะ


ChaussonAuxPomme 27 ก.พ. 2555, 20:18:16 น.
...สนุกดีคะ ชอบอ่ะ จะติดตามอ่านไปเรื่อยๆๆๆเลยคะ... ^^


nutcha 28 ก.พ. 2555, 11:39:55 น.
นายเคแถไปได้เรื่อยดูสีข้างตัวเองเหรอเปล่าถลอกหมดแล้ว


heartlogue 28 ก.พ. 2555, 14:14:33 น.
เขียนสนุกนะคะ แต่ขอคอมเม้นต์นิดนึง

นางเอกมาเงินจ้างพระเอก 20,000 เหรียญ ทำไมไม่เอาไปใช้หนี้ล่ะคะ


ใบบัวน่ารัก 28 ก.พ. 2555, 20:18:43 น.
ง่าย ใจง่ายไปเปล่า
เสียใจ มาก


pseudolife 1 มี.ค. 2555, 10:12:22 น.
น่ารักจัง นายเคเจ้าเล่ห์จริ๊งงงงง
-----------------------------------------------

และมิใช่สีหน้าอย่างเหรอ...อย่าง(นี้)เหรอ?
ก็เธอชวนเขามาทำงานด้วยนี่น่า...นี่นา?
ขื่นอยู่โดยไม่มีงาน...ขืน


ปอปู 21 ส.ค. 2555, 11:01:42 น.
รอเล่นเกม อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account