เพลิงรัก มนต์สวาท
เดี๋ยวมาลงจ้ะ
Tags: มนต์ดำ เสน่ห์ยาแฝด เพียงดาว อัศนัย เพลงพิณ

ตอน: ตอนที่ 7

เรื่องนี้เป็นวรรณกรรมผู้ใหญ่ อายุ 25+ ขึ้นไปนะคะตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะเอากลับมาลงที่สิรินดาเพราะกลัว
ว่าจะแรงเกินไปสำหรับที่นี่ เนื่องจากมีฉากเลิฟซีนค่อนข้างเยอะแต่ก็มีหลายคนทวงถามมาอยากจะให้เอามาลงที่นี่เพราะที่เว็บนิยายเข้ายาก ก็เลยเอามาลงให้แต่ถ้าจะตัดบทที่มีฉากเลิฟซีนไปลง ข้ามบทข้ามตอนมันก็จะเสียอรรถรสในการอ่าน


ตอนที่ 7


หญิงสาวในชุดกระโปรงติดกันทำจากผ้าพริ้วสีขาวดูราวกับเทพธิดาแห่งทุ่งทานตะวันหยุดยืนหลับตานิ่งเพื่อระบายความอัดอั้นกดดันออกมา


“บ้าๆๆๆ เรื่องแบบนี้ทำไมมันจะต้องมาเกิดกับฉันด้วยนึกว่าจะมีแต่ในละครเสียอีก” เพียงดาวพูดกับเจ้าดอกทานตะวันสีเหลืองอร่ามดอกโตที่เชิดหน้าเข้าหาพระอาทิตย์


“คุยด้วยแล้วยังมาทำเชิดใส่อีกหยิ่งจริงๆ นะ” หญิงสาวกอดอกแน่นคิ้วโก่งขมวดเข้าหากัน
“ฟังฉันหน่อยไม่ได้หรือไงแม่คุณ รู้ไหมเวลาคนคุยด้วยต้องมองหน้ากันอย่ามายืนสวย เริ่ด เชิด หยิ่ง อย่างนี้มันไม่ดีนะ”


ไม่มีเสียงตอบ


“ทำไมฉันต้องทนอยู่ที่นี่ ต้องแต่งงานด้วยเหตุผลที่ไร้สาระบอกฉันทีได้ไหม”


“ถ้าดอกทานตะวันมันบอกคุณได้ คุณจะยืนฟังคำตอบของมันอยู่หรือเปล่าล่ะครับ” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้น

เพียงดาวมองเจ้าดอกทานตะวัน
“ดอกไม้มันพูดไม่ได้นี่” หญิงสาวหันหลังไปตามเสียงจากทางด้านหลัง เขาเป็นใครกันดูจากการแต่งตัวแล้วไม่น่าจะเป็นคนงานในไร่สักนิด
“ผมเองครับที่พูด” เขาส่งยิ้มให้เธอ


“คุณ!”


“ขอโทษที่ทำให้คุณตกใจ ผมชื่อชิดณรงค์ครับเป็นเจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอที่นี่ครับ พอดีผมแวะมาหาคุณอั๊ดเจ้าของไร่ และบังเอิญเห็นคุณยืนอยู่ก็เลยจะแวะเข้ามาถามว่าเห็นคุณอั๊ดบ้างไหม”

“ไม่ทราบสิคะ ดิฉันไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเลย”

“ไม่เป็นไรครับ เอ่อ…อย่าว่าผมยุ่งเลยนะแต่ไม่ทราบว่าคุณมีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าครับ ”

“ช่วยอะไรเหรอคะ” ทำหน้าสงสัย

ปากหยักเม้มแน่นก่อนจะยิ้มบางๆ


“เช่นพาคุณไปหาหมอ”


“อะไรนะ!” เพียงดาวถลึงตาโต นึกได้ว่าเขาคงว่าเธอบ้าที่ยืนคุยกับดอกทานตะวัน

“คุณกำลังว่าฉันบ้าอย่างนั้นใช่ไหม”

เกษตรอำเภอหนุ่มหล่อรีบยกมือห้าม
“เปล่าเลยครับ ผมแค่คิดว่าอากาศช่วงนี้บางวันมันก็ร้อนบางวันมันก็หนาวอาจจะทำให้คนรู้สึกเครียดได้ ก็ดูอย่างต้นไม้มันยังไม่สบายได้ คนเราก็ย่อมป่วยกายป่วยใจได้เหมือนกันไม่ใช่เรื่องแปลกนี่ครับ”


“สรุปแล้วคุณก็กำลังว่าฉันบ้าอยู่ดี” หญิงสาวกระแทกเสียงใส่


“ใครว่าล่ะครับ ผมเพียงแต่แปลกใจเท่านั้นที่เห็นคุณพูดจาภาษาดอกไม้ได้ด้วย อันที่จริงจะว่าไปผมก็จัดว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุ์พืชแล้วนะครับ แต่ไม่ยักจะคุยกับพวกมันรู้เรื่องสักที” ชายหนุ่มกล่าวอย่างอารมณ์ดีและหัวเราะเบาๆ สายตาก็กวาดมองใบหน้าสวยตรงหน้าอย่างสนใจ

เพียงดาวรีบเดินหนีไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับคนแปลกหน้า


“เดี๋ยวสิคุณ อย่าเพิ่งเดินหนีผมสิครับ” ชิดณรงค์รีบเดินตาม เขาต้องรู้ให้ได้ว่าแม่เทพธิดากลางทุ่งทานตะวันคนนี้เป็นใคร ทำไมเขาไม่เคยพบเธอที่นี่มาก่อนเลย


เขาสะดุดตาตั้งแต่เห็นเธอครั้งแรกจึงทำให้เขาเปลี่ยนจุดมุ่งหมายจากจุดนัดพบไอ้อั๊ดเพื่อนรัก แกล้งแวะเข้ามาถามทางเธอ ตั้งแต่ย้ายจากกรุงเทพฯ มาเป็นนักวิชาการเกษตรที่สระบุรีชิดณรงก็ยังไม่เคยเปิดใจให้ผู้หญิงคนไหนอีกเลย แต่ทำไมนะความรู้สึกแบบนี้มันกลับมาอีกครั้งเขาจะต้องถามเพื่อนรักให้ได้ว่าแม่เทพธิดาแห่งทุ่งทานตะวันคนนี้เป็นใครกันแน่
“อย่าตามมานะ” เพียงดาวรีบเดินราวกับจะวิ่ง

“คุณครับรอผมก่อนสิครับ ผมมาดีนะครับ เป็นมิตรไว้ใจได้ และไม่กัด” เขารีบเดินตามเธอ

“บ้าจริง ตามมาทำไมเนี่ย” เพียงดาววิ่งเร็วขึ้นจนทำให้เสียหลัก ร่างบางเซถลาเกือบจะล้มลงกระแทกพื้นแต่ทว่าเธอกลับรู้สึกถึงลำแขนใหญ่ที่พยุงตัวเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้ล้มลง

“วิ่งหนีอะไรมา อย่าบอกนะว่าคิดไม่ซื่อแอบมาขโมยอะไรในไร่ผม” น้ำเสียงนุ่มเรียบถามด้วยท่าทีสงสัย

“ในไร่เนี่ยนะ มีแต่ดินกับดอกทานตะวันฉันคงไม่โขมยไปปลูกขายแข่งกับคุณหรอก”

อัศนัยหัวเราะ เธอยังคงต่อปากต่อคำกับเขาเสมอ
หมวกไหมพรมสีน้ำเงินเข้มถูกถอดออก เพียงดาวเผลอตัวมองใบหน้าเขาและตาค้างทุกทีไป

“จะมองอีกนานไหม จะจ้องให้ผมจืดไปเลยไหม”

หญิงสาวได้สติ


“ใครว่าฉันอยากมองหน้าคุณ แค่สงสัยว่าทำไมหน้าคุณมันหมองๆ เหมือนโดนของยังไงไม่รู้” เธอพูดเล่นแต่เป็นจริง
“ตกลงหนีอะไรมา”
“หนีเอ่อ…”


“ผมถามคุณว่าหนีอะไรมา” เขาย้ำ


“หนีเสือปะจระเข้มั้ง”


ลำแขนที่พยุงร่างของหญิงสาวปล่อยอัตโนมัติทำให้เธอเสียหลัก


“จะปล่อยก็ไม่บอก” เพียงดาวส่งสายตาค้อนใส่


“หวังว่าจระเข้ตัวนั้นมันคงจะไม่ใช่ผม”

ก็นายนั่นแหละ เพียงดาวตอบอยู่ในใจไม่ออกเสียง


เสียงหายใจหอบถี่ๆ ของชิดณรงค์วิ่งตามมาติดๆ


“อ้าว…..เฮ้ย...ไอ้ชิดมานานแล้วเหรอ”

“เพิ่งมา” ชิดณรงค์มองร่างระหงที่เขาวิ่งตามเธอมาซึ่งยืนเคียงข้างอยู่กับอัศนัย

“นี่คุณเพียงดาว เขาเป็นเอ่อ….” อัศนัยรู้สึกอึดอัดใจในการแนะนำสถานะของเธอให้เพื่อนรักฟัง เรื่องที่เขาต้องแต่งงานตามพินัยกรรมอัศนัยยังไม่ได้เล่าให้ไอ้เพื่อนรักฟังสักนิด เพราะชิดณรงค์รู้ดีว่าเขาคบหาดูใจอยู่กับเพลงพิณถ้าบอกว่าเขาจะแต่งงานกับเธอคนนี้ในไม่ช้าเพื่อนรักคงงงเป็นไก่ตาแตก
“เป็นญาตินายอย่างนั้นใช่ไหม” ชิดณรงค์ด่วนสรุป

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”
“คุณดาวครับนี่นายชิด เป็นนักวิชาการเกษตรของอำเภอนี้และเป็นเพื่อนสนิทของผม”

เพียงดาวเงยหน้าขึ้นสบตากับชิดณรงค์นิดหนึ่งก่อนจะเมินไปอีกทาง ก็จู่ๆ เขาก็มาหาว่าเธอบ้าอีกทั้งยังวิ่งตามเธอมาอีกจะไม่ให้กลัวได้อย่างไร


“ขอโทษที่ทำให้คุณดาวตกใจนะครับ แต่ที่ผมตามคุณมาผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีผมแค่อยากคุยกับคุณก็เท่านั้น”

อัศนัยรู้สึกแปลกใจที่ชิดณรงค์มีท่าทีสนใจว่าที่เจ้าสาวของเขา ใครก็รู้กันดีว่าตั้งแต่นายชิดณรงค์อกหักรักคุดจากแฟนสาวที่หนีไปแต่งงานกับเศรษฐีฝรั่งตาน้ำข้าวเขาก็ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนเลย +++++++++++++++++++++++++++++


ในระหว่างที่ชายหนุ่มทั้งสองคนกำลังโรยเมล็ดทานตะวันพันธุ์ใหม่ในแปลงทดลอง ซึ่งเกษตรอำเภอหนุ่มไฟแรงจัดหาพันธุ์มาให้อัศนัยได้ทดลองปลูก เขาก็เริ่มปฏิบัติการซักถามในสิ่งที่อยากรู้ทันทีแต่เรื่องราวที่ได้รับฟัง ชิดณรงค์ยอมรับว่าคาดไม่ถึงจริงๆ



“อะไรนะ นายล้อเล่นใช่ไหม” ชิดณรงค์เสียงดังจ้องมองอัศนัยอย่างรอคำตอบ

“เบาๆ สิวะ จะตะโกนให้ได้ยินกันทั้งไร่เลยหรือไง”

“ก็ตอบมาเร็วๆ สิ”
“เออ จริงฉันกับคุณดาวจะแต่งงานกัน”
“แล้วนายจะเอาคุณพิณไปไว้ที่ไหน”

อัศนัยหยุดมือจากการหยอดเมล็ดทานตะวันลงบนแปลงดิน


“เอาไว้ที่หัวใจ ฉันรักพิณ”


“บ้าไปแล้ว ฉันไม่เข้าใจว่าพี่ชายนายเขาทำแบบนี้ทำไมกัน”

“นั่นน่ะสิ ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน อยากรู้ไหม ฉันจะได้ให้พี่รุตไปช่วยตอบให้คืนนี้”

ชิดณรงค์ทำหน้าแหย


“อย่าดีกว่า เกรงใจว่ะ” ใครกันจะอยากคุยกับผี


“แต่ฉันสงสารคุณดาวเขาว่ะ โธ่! คุณดาวของผม”


อัศนัยมองเพื่อนรักด้วยสายตาไม่เข้าใจ

“คุณดาวของใครนะ”

“คุณดาวของฉันน่ะสิ รู้ไหมฉันเห็นหน้าเขาแวบแรกฉันก็รู้แล้วว่าเธอจะเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายในชีวิตของฉัน”
“เป็นเอามาก” อัศนัยอมยิ้ม

“แล้วคุณพิณเขาจะยอมเหรอเรื่องนี้”

“ก็เพราะเธอยอมและต้องการฉันเลยทำ”

“ฉันว่ามันไม่แฟร์กับคุณดาว เธอน่าสงสารถ้าในอนาคตจะต้องกลายเป็นแม่หม้ายตั้งแต่ยังสาว” สายตาของชิดณรงแสดงความรู้สึกบางอย่างออกมาอย่างชัดเจน

อัศนัยถอนใจ


“ฉันก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น แต่คนสวยๆ อย่างนั้นหย่ากับฉันเมื่อไหร่ก็คงโสดได้ไม่นานหรอก”


อัศนัยยิ้มนิดๆ เขาไหวไหล่เหมือนไม่แคร์


“ไอ้บ้า ไอ้คนไม่มีหัวใจ นึกถึงแต่ตัวเองกับแฟนเท่านั้น” ชิดณรงค์ส่ายหัวระอากับความคิดเพื่อน


“หัวใจน่ะมี แต่ฉันมีไว้ให้พิณคนเดียว” เขาพูดเพราะถูกครอบงำจากฤทธิ์ยา แต่หัวใจไม่ได้พูดตาม


“ไอ้คนไร้หัวใจ แล้วนี่เป็นไรหน้าตาหมองๆ”

“ไม่เห็นเป็นไรก็สบายดี”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

เพลงพิณก้าวเท้าเข้าบ้านด้วยความรู้สึกประหลาดใจภายในบ้านเงียบเชียบ พี่ออยคงออกไปช้อปปิ้งตามเคยพี่สาวแท้ๆ ของอิงส่วนเธอเป็นน้องเลี้ยงที่พ่อแม่พวกเขาขอมาเลี้ยง


“กลับมาแล้วเหรอแม่ตัวดี” เสียงดังสนั่นก้าวออกมาจากห้องนอนของเธอ ร่างสูงปรี่เข้ากระชากแขนเพลงพิณอย่างเต็มแรง


“อะไรกันคะพี่อิง ปล่อยพิณเถิดค่ะพิณเจ็บนะคะ”

“เจ็บเหรอ มานี่เลยนังตัวแสบ”


เพลงพิณถูกกึ่งลากกึ่งจูงเข้าไปในห้องนอนและถูกผลักจนล้มลงบนเตียง


“พี่อิงเป็นบ้าอะไรไปคะ ทำแบบนี้พิณเจ็บนะ”

“จะไม่ให้พี่บ้าได้ยังไงในเมื่อเมียพี่ชอบเถลไถลไปนอนกับผู้ชายคนอื่น” น้ำเสียงกระด้างไม่เท่ากับสายตาที่ทอดมองร่างบางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ



ใบหน้าสวยถอดสีและค่อยๆ ซีดลงราวกับกระดาษ


“พี่อิง พิณเปล่านะคะเอาอะไรมาพูด” อิงรีบก้าวยาวๆ ไปที่หน้ากระจกและเปิดลิ้นชักหยิบแผงยาสี่เหลี่ยมมียาเม็ดเล็กๆ ที่มีล่องลอยการกินไปบ้างแล้วมาโยนลงตรงหน้าเพลงพิณ


“นี่มันอะไร อย่าบอกนะเพลงพิณว่าเธอไม่รู้จัก ว่ามันคือยาคุม”


“พี่อิง!” เพลงพิณได้แต่โทษตัวเองที่ซ่อนของไม่พ้นมือเขา


“ตอบพี่มาเธอมีอะไรกับไอ้หมอนั่นมันบ่อยๆ แล้วใช่ไหม เธอทรยศพี่ เธอไม่ได้ทำตามแผนของเรา เธอเล่นนอกแผนหรือคิดจะจับมันจริงๆ ขึ้นมา”

“พิณเปล่านะคะพี่อิง เชื่อพิณสิคะ”



“จะให้พี่เชื่อได้ยังไงในเมื่อหลักฐานมันคาตา เธอหลอกพี่ เธอทรยศสัญญาของเรา”


“พิณไม่เคยทรยศพี่อิงเลยนะคะ” หญิงสาวครุ่นคิดหาทางออก มือบางกอดรอบเอวของอิงเอาไว้


“เชื่อเถอะค่ะพี่อิง ยาคุมนี่พิณกินก็เพราะพี่อิง พิณกลัวจะท้องแล้วมันจะทำให้แผนการของเราพัง พิณกับคุณอั๊ดยังไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ นะคะ”

“โกหก! เธอก็รู้ว่าพี่ใช้มันตลอด” อิงหมายถึงถุงยางอนามัย ทำให้เพลงพิณเร่งบีบเค้นน้ำตาออกมา
“แต่มันก็อาจจะพลาดได้นี่คะ พิณกลัวว่าแผนของเราจะไม่สำเร็จพิณก็ต้องป้องกันทุกทาง พี่อิงไม่เชื่อใจพิณเหรอคะว่าพิณเองก็รักพี่อิง”

หญิงสาวปล่อยโฮ จนอิงรู้สึกใจอ่อนยวบ เขารีบรั้งร่างบางขึ้นมาเช็ดคราบน้ำตาด้วยมืออย่างแผ่วเบา

“หยุดร้องเถอะนะพิณจ๋า พี่ขอโทษ” เขาลูบปอยผมเธออย่างอ่อนโยน
กูอยากจะฆ่ามึกนักไอ้อิงก็ทั้งขยะแขยง แต่ว่ามึงมันดวงแข็งทำของใส่เท่าไหร่ก็เสือกไม่ตายสักทีเธอคิดในใจต่างกับคำพูดที่ออกมา

“ที่พิณทำไปทั้งหมด พิณยอมเอาตัวเข้าเสี่ยงก็เพราะพิณรักพี่อิง อยากหลอกเงินมันมาให้พี่ได้เยอะๆ เราจะได้หนีไปจากที่นี่ด้วยกัน”


“จริงๆ นะ พี่อิงขอโทษคนดีของพี่” เมื่อเห็นน้ำตาของเพลงพิณและได้ยินว่าเธอรักเขาทำให้อิงแทบจะหายโกรธเป็นปลิดทิ้ง


ไอ้หน้าโง่ เชอะ เพลงพิณนึกอยู่ในใจ รอให้คุณอั๊ดได้สมบัติมาเป็นของเขาก่อน และฉันนี่แหละจะกำจัดแกออกไปจากชีวิตฉันแม่หมอทำของใส่แกไม่ได้ ฉันก็จะไปหาหมอเขมรทำของแรงๆ ใส่แก

++++++++++++++++++++++++++++++++++



กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆ


กลางดึกสงัดอัศนัยรีบดีดตัวขึ้นจากที่นอนด้วยอาการงัวเงียเพราะเหนื่อยกับงานในไร่มาแทบทั้งวัน แต่พอจับกระแสเสียงดังได้ว่ามาจากข้างห้องทำให้เขารีบวิ่งไปตามเสียงนั้นทันที


“เกิดอะไรขึ้น เพียงดาวคุณเป็นอะไรไป”


ร่างบางในชุดนอนพลิ้วสีขาว บิดไปมากลางที่นอนด้วยท่าทีหวาดกลัว แต่หากมองอีกมุมหนึ่งท่าทางนั้นดูเซ็กซี่จนทำให้เลือดในกายของอัศนัยรู้สึกเดือดพลุ่งพล่านแต่เขาพยายามสะกดใจตัวเองว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอเลย

“อย่านะ อย่าเข้ามานะ ฉันกลัว”



“ตื่นสิคุณ เป็นอะไรไป” อัศนัยพยายามเขย่าร่างบาง

“ช่วยด้วยๆ ฉันกลัวอย่าเข้ามา ออกไป”


มือบางไขว่คว้าสะเปะสะปะไปตามเนื้อตัวของอัศนัย

“ตื่นสิคุณ คุณฝันร้ายไปเท่านั้น”

“ฉันกลัวๆ” หญิงสาวโผกอดอัศนัยไว้แน่นทำให้เขาเสียหลักล้มไปทับร่างของเธอเอาไว้
“เพียงดาว”



หญิงสาวลืมตาขึ้นช้าๆ และต้องตกใจเมื่อพบอัศนัยกำลังทาบทับร่างของเธออยู่


เพี๊ยะ! ฝ่ามือบางกระทบใบหน้าคมสันอย่างแรง จนอัศนัยต้องยกฝ่ามือมาลูบโหนกแก้มเบาๆ และครางในลำคอซึ่งเขาไม่เข้าใจว่าเธอจะตบเขาทำไม


“ออกไปนะ ไอ้คนโรคจิตคุณจะทำอะไรฉัน”



“ยัยบ้า” อัศนัยถอนร่างขึ้นมานั่งตรงขอบเตียง


“เธอร้องโวยวายลั่นบ้านจนฉันคิดว่าเธอกำลังถูกใครย่องมาข่มขืนเสียอีกเลยรีบวิ่งเข้ามาดู”


“บ้า พูดอะไรน่าเกลียด คุณต่างหากที่กำลังจะข่มขืนฉัน”


“อย่ามายัดเยียดข้อหาที่ผมไม่เคยแม้แต่จะคิดนะคุณ”


“ไม่คิดแล้วเมื่อกี้ล่ะ แอบจูบฉันไปบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้” หญิงสาวลูบริมฝีปากอิ่ม ทำตาโต

“แหม…นิดๆ หน่อยๆ คงไม่เป็นรอยอะไรหรอกมั้ง เพราะมันคงไม่ใช่ครั้งแรก” อัศนัยแกล้งหยอก

“ใครว่า”

อัศนัยขมวดคิ้ว


“หา..จริงเหรอเนี่ย” สายตาคู่คมแสดงออกมาว่าไม่เชื่อ


“ก็จริงน่ะสิ”

“แย่แล้ว พรุ่งนี้คงต้องไปหาหลวงพ่อที่วัดให้ท่านช่วยรดน้ำมนต์ล้างซวยเสียหน่อย ที่ผมได้จูบแรกของผู้หญิงปากจัดอย่างคุณมา”
“คุณแอบจูบฉันจริงๆ ด้วย” เพียงดาวทุบที่ไหล่เขาแรงๆ


“คนผีทะเล”

“ก็คุณนั่นแหละมากอดผมเอง แล้วยังร้องช่วยด้วยๆ ผมก็เลยช่วยจูบคุณตามคำเรียกร้อง”
“บ้าฉันไม่ได้ให้คุณช่วยจูบสักหน่อย ฉันฝันเห็นผีต่างหาก”
“ฝันว่าผีทำอะไรคุณล่ะ” นัยน์ตากรุ้มกริ่ม ชวนให้คิดลึก

หญิงสาวเลี่ยงไม่ยอมตอบแต่นิ่งและลำดับเรื่องราว ใช่สิเมื่อสักครู่เธอฝันไปอย่างนั้นเหรอ มันไม่ใช่ความจริง

“ตกลงที่ร้องโวยวายเนี่ยเพราะฝันเห็นผีใช่ไหม ไม่ได้มีใครบุกเข้ามาปล้ำ”
“มีสิ”

“ใครรีบบอกผมมา” สีหน้าตกใจ เขากวาดตามองรอบห้อง แต่ไร้วี่แวว

“คุณนั่นแหละ”

“ผมนี่นะจะปล้ำคุณ”

“ถูกต้องเพราะสายตาของคุณมันฟ้อง ดูสิคุณมองฉันเหมือนของหวานจานโปรดอย่างนั้นแหละ”

“ประสาท ไปนอนดีกว่า” เขายกมือปิดปากและหาวสองสามครั้ง


“เดี๋ยวคุณอย่าเพิ่งไปสิอย่ามาทำฟอร์มจัด อยู่กับฉันก่อนได้ไหม” น้ำเสียงออดอ้อน สายตาเลิ่กลั่ก มองซ้ายที ขวาที

เขาส่ายหน้า


“เป็นอะไรขึ้นมาอีกล่ะ ไม่ดีกว่า เดี๋ยวอยู่นานจะถูกยัดเยียดข้อหาอีก”

“ได้โปรดเถอะ พรีสๆ นะ ฉันขอร้อง” หญิงสาวทำตาปริบๆ


“หูฝาดรึเปล่าเนี่ย คุณอ้อนผม” อัศนัยหันมายิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก


“อย่าบอกนะว่าเกิดพิศวาสผมขึ้นมากลางดึก ไม่ดีแน่คุณก็รู้นี่ว่าผมมีคนรักอยู่แล้วคงช่วยระบายความอึดอัดให้ใครไม่ได้หรอก ช่วยตัวเองละกัน” อัศนัยหัวเราะเบาๆ



หมอนหนุนใบสีขาวสะอาดถูกขว้างใส่อัศนัยทันที

“อีตาบ้า ใครคิดอย่างนั้นกัน ฉันกลัวต่างหาก” สีหน้าของหญิงสาวแสดงท่าทีหวาดกลัวขึ้นมาจริงๆ


อัศนัยทรุดลงนั่งบนขอบเตียงตามเดิม


“กลัวอะไร” สายตาของเขาทอดมองเธอด้วยความเป็นห่วงอย่างลืมตัว


“กลัวผีน่ะสิ ที่นี่มีผีหรือเปล่า” ที่เธอฝันร้ายเพราะเพลงพิณให้แม่หมอส่งผีร้ายมาหลอกหลอนในความฝันเป็นการสั่งสอนแบบเบาะๆ


“ผีเผออะไร ไร้สาระน่า คุณคงเครียดเรื่องการแต่งงานมากไปเลยฝันอะไรเป็นตุเป็นตะ”


“แต่ฉันฝันมันเหมือนจริงมากมีแต่ผีหน้าเละๆ หน้าเกลียด น่ากลัว มันกำลังจะมาบีบคอฉัน”


“เพ้อเจ้อ มันก็แค่ความฝัน กลัวมากเหรอ”


เจ้าของใบหน้าสวยพยักหน้า


“ถ้าอย่างนั้นจะนั่งอยู่เป็นเพื่อนตรงนี้จนคุณหลับตกลงไหม” สายตาคมอ่อนโยนลง ทอดมองหญิงสาวอย่างลืมตัวเพราะหลายวันนี้เขาไม่ได้กินของที่เพลงพิณทำมาให้เพราะมัวยุ่งๆ กับงานในไร่ จนอาหารบูดไปในบางครั้ง


“จริงๆ นะ คุณสัญญาแล้ว”


“จริงสิ หลับเสียเถอะผมจะนั่งเป็นเพื่อนคุณอยู่ตรงนี้จนกว่าคุณจะหลับ”


หญิงสาวค่อยๆ หลับตาพริ้ม และแอบหรี่ตามองขึ้นมาเป็นบางครั้งว่าเขายังอยู่หรือเปล่า


“แอบมองอะไร หลับไปเดี๋ยวนี้ กลัวผมจะลักหลับคุณเหรอผมไม่ทำแบบนั้นหรอกนะ”


“บ้า”
“ถ้าขืนลืมตามาอีกล่ะไม่แน่”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.พ. 2555, 10:08:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.พ. 2555, 10:09:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 17136





   ตอนที่ 8 >>
อัปสรา 27 ก.พ. 2555, 12:12:21 น.
ลงอย่างรวดเร็วเลย


Zephyr 27 ก.พ. 2555, 12:51:00 น.
ตัวละครโผล่อีกคนแล้ววววววว
มนต์ดำเริ่มเสื่อมแล้ว ดีจัง คุณอั๊ดจะได้ตาสว่างโร่
นายอิงนี่แบบ เฮ้อ


อัปสรา 27 ก.พ. 2555, 14:26:27 น.
ขอบคุณนะคะแวะมาให้กำลังใจกันตลอดเลย


lovemuay 27 ก.พ. 2555, 20:30:16 น.
อ้าว ตกลงผีไม่ได้มาขู่นางเอก แต่มาช่วยสานสัมพันธ์คู่นี้นะเนี่ย อิอิ


ยี้ก้อยแม้วน้อยกลอยใจ 17 มี.ค. 2555, 22:31:56 น.
มีอะไรที่จะทำให้เพลงพิณโดนของตัวเองบ้างไหมเนี่ย ร้ายกาจจริง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account