เพลิงรัก มนต์สวาท
เดี๋ยวมาลงจ้ะ
Tags: มนต์ดำ เสน่ห์ยาแฝด เพียงดาว อัศนัย เพลงพิณ
ตอน: ตอนที่ 8
ตอนที่ 8
อัศนัยลอบถอนใจขณะที่ร่างบางบนเตียงกว้างสไตล์อังกฤษผล็อยหลับลงไปแล้ว ใบหน้าสวยของเธอยามหลับไหลถูกอัศนัยจ้องมองอย่างพินิจพิจารณา เพียงดาวเป็นคนสวยจัดและด้วยท่าทางที่เป็นสาวมั่นอกมั่นใจตัวเองนั้นทำให้ในเวลาปกติเขาไม่กล้าที่จะสำรวจเครื่องหน้าของเธออย่างจริงจังสักครั้ง
ลมหนาวพัดมาแผ่วๆ ปะทะกับเรือนร่างสมส่วนทำให้เพียงดาวห่อไหล่ลาดไล่ความหนาวเย็น วันนี้หญิงสาวตื่นแต่เช้ามืดจึงออกมาเดินเล่นหน้าคฤหาสน์และต้องแปลกใจเมื่อพบเจ้าของไร่หนุ่ม แต่งตัวสุภาพดูเหมือนเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกมากกว่าจะเข้าไปทำงานในไร่
“ถ้าทางวันนี้ฝนจะตก คุณตื่นเช้ากว่าผมเสียอีก” ใบหน้าขาวคมเข้มอยากจะถามว่าเมื่อคืนเธอนอนหลับสบายดีไหมแต่เขาอายเกินกว่าที่จะถามคำถามนั้น จึงเปลี่ยนเป็นการตั้งคำถามหาเรื่องอีกฝ่ายแทน
“ที่จริงฉันว่าอากาศเช้านี้มันก็เย็นสบายดีนะคะ แต่พอคุณเดินมามันทำให้บรรยากาศรอบตัวฉันหม่นหมองสลดหดหู่ยังไงก็ไม่รู้สิ” หญิงสาวไหวไหล่และทำหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อย
“นี่คุณ” น้ำเสียงเข้ม
“ทำไม ก็คุณหาเรื่องฉันก่อนนี่คะ”
“เฮ้อ! อันที่จริงผมตั้งใจจะไปทำบุญที่วัด และเห็นว่าเมื่อคืนคุณฝันไม่ดีเลยคิดจะชวนไปเปิดหูเปิดตาที่วัดสวยๆ สักหน่อย แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วไปคนเดียวสบายใจกว่า” อัศนัยตั้งใจไปทำบุญเพราะฝันว่าอนิรุตน์บอกให้เขาไปทำสังฆทาน เขาทำทีจะเดินหนีไปทางโรงรถแต่ถูกขวางเอาไว้ด้วยร่างระหง
“ให้ฉันไปด้วยสิ” ใบหน้าหวานคมยิ้มให้อัศนัยอย่างออดอ้อน เธอทำแบบนี้มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าเธอน่ารักขึ้นมาก แต่มีเหรอจะยอมกันง่ายๆ ก็เมื่อกี้เธอยังทำทีไม่สนใจเขาอยู่เลย
เพียงดาวรีบเข้ามาขวาง
“อย่าดีกว่า ฝืนใจก็ไม่ต้อง หลบไปสิผมจะรีบไป”
“นะ นะ ฉันมาอยู่ที่นี่ตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ออกไปไหนเลยนอกจากอยู่ในไร่นี้ อีกอย่างฉันก็นึกอยากจะไปทำบุญเหมือนกัน” หญิงสาวลืมตัวไปเกาะแขนของคนหุ่นล่ำสันอย่างเผลอตัว ทำให้อัศนัยลอบยิ้ม
“จะดีเหรอ” อัศนัยทำทีคิดหนักแต่ในใจมีคำตอบอยู่แล้ว
“ดีสิ มันต้องดีอยู่แล้วให้ฉันไปด้วยคนนะๆ”
“แต่เมื่อกี้คุณยังบอกว่าเห็นหน้าผมแล้วทำให้บรรยากาศรอบตัวคุณหม่นหมองอยู่เลยไม่ใช่เหรอ”
“ตกลงคุณจะยอมให้ฉันไปด้วยไหม” ใบหน้าสวยของเพียงดาวเริ่มงอขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
อัศนัยเหยียดยิ้มอย่างพอใจ
“ขอร้องเสียขนาดนี้ไม่ให้ไปคงไม่ได้แล้วมั้ง”
คำตอบของเขาทำให้คนหน้างอยิ้มกว้างขึ้นและรีบเดินตามเขาไปขึ้นรถ
“ก็เท่านั้นแหละ”
รถจิ๊ปขับไปเรื่อยๆ รับอากาศเย็นสบายยามเช้าอีกทั้งสองข้างทางของจังหวัดสระบุรีที่ห้อมล้อมไปด้วยภูเขาและเต็มไปด้วยดอกทานตะวันทำให้หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดจนเต็มปอดพร้อมยิ้มอย่างอารมณ์ดีอัศนัยขับรถมาไกลพอสมควร
“อากาศดีจังเลยนะคะเนอะๆ” อัศนัยยิ้มรู้สึกดีกว่าทุกวัน
“แต่เอ..ฉันว่าเราผ่านวัดมาก็มากแล้วคุณจะพาฉันไปวัดไหนเหรอคะ”
“นั่งไปเถอะ ถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้เองไม่พาไปวัดเอ่อ…” เขาหยุดพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“อะไร” เพียงดาวย่นจมูกน้อยๆ
“นี่คุณฉันถามดีๆ ทำไมต้องตอบกวนๆ ทุกทีเลย”
“ใครว่าผมกวน ผมก็ตอบดีๆ แล้วไง ถึงผมบอกชื่อวัดคุณไปคุณอาจจะไม่รู้จักก็ได้”
ผ่านไปสักพักเพียงดาวต้องสะดุดตากับภูเขาใหญ่ด้านขวาของถนนมิตรภาพ
“เอ๊ะ คุณคะนั่นพระใช่ไหมคะ” หญิงสาวมองไปที่ภูเขาแม้จะอยู่ห่างไกลระดับสายตา แต่เธอกลับเห็นองค์พระสีขาวเด่นชัดบนยอดเขา
“คนแถวนี้เรียกท่านว่าหลวงพ่อขาว หรือ พระพุทธสกลสีมามงคล”
“งดงามจังเลยค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้
“ผมกำลังจะพาคุณไปที่นั่น”
“จริงเหรอคะ” เพียงดาวเผลอตัวส่งยิ้มหวานพร้อมหันไปจับแขนของเขาเขย่าอย่างลืมตัว
“คุณนี่ยามดีใจ ก็ทำตัวน่ารักเป็นเหมือนกันนะ”
หญิงสาวชะงักปล่อยมือจากแขนของเขาใบหน้าสวยแดงขึ้น
รถของอัศนัยขับมาจอดไว้ที่ลานวัดกว้าง ภายในวัดกว้างขวางและสะอาด เบื้องหน้าเหนือศาลาและสิ่งปลูกสร้างต่างๆของวัด คือภูเขาที่มีบันไดสำหรับขึ้นไปไหว้องค์หลวงพ่อขาวทอดยาวรวมกันแล้วหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบขั้น วัดนี้ปลูกต้นไม้เอาไว้ล้อมรอบอีกทั้งยังติดภูเขาทำให้บรรยากาศดีนอกจากนั้นยังมีนกยูงที่ทางวัดเลี้ยงเอาไว้ เดินรำแพนหางกรีดกรายอยู่หลายตัว สีสันงดงาม ทำให้เพียงดาวสนใจมันราวกับพาเด็กมาชมสวนสัตว์
“ทำยังกับเด็ก” อัศนัยหยิบถังสังฆทานชุดใหญ่จากเบาะหลังรถ และเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังเพลิดเพลินกับพวกนกยูงจึงต้องเดินไปคว้าข้อมือเธอและบังคับให้เดินตามเขาไป “อะไรกันคุณนี่มันวัดนะ ปล่อยแขนฉันสิ”
อัศนัยหันมาทำหน้าดุ
“ถ้าผมไม่จูงคุณมา เมื่อไหร่ผมจะได้ถวายสังฆทานกันล่ะครับ”
หญิงสาวสะบัดแขนออก
“แล้วใครบอกกันว่าฉันจะถวายสังฆทานร่วมกับคุณ”
“แล้วอย่างนั้นคุณร้องตามผมมาทำไม แล้วยังบอกว่าอยากมาทำบุญอีก”
“ใช่ฉันอยากมาทำบุญ แต่ไม่ได้อยากทำบุญร่วมกับคุณ ฉันจะทำคนเดียวต่างหาก” หญิงสาวไหวไหล่จากนั้นเดินไปที่ร้านค้าทางเข้าศาลาและเห็นมีชุดสังฆทานจำหน่ายอยู่หลายแบบด้วยกัน
อัศนัยสั่นศีรษะ
“เชื่อเขาเลย”
“สวัสดีค่ะ จะรับอะไรดีคะคุณ” สาวใหญ่วัยประมาณสี่สิบกว่าท่าทางใจดีซึ่งเป็นเจ้าของร้านค้าเอ่ยถาม
“ขอสังฆทานชุดใหญ่หนึ่งชุดค่ะ”
“ได้ค่ะ” เจ้าของร้านรีบหยิบสังฆทานพร้อมดอกไม้ธูปเทียนและซองสีขาวส่งให้หญิงสาว
“สามร้อยเก้าสิบเก้าบาทคะคุณ” แม่ค้าส่งยิ้มหวานให้หญิงสาว
“แย่จริง” หญิงสาวฉุกคิดได้ว่าเธอลืมหยิบกระเป๋าสตางค์ติดตัวมา
เสียงหัวเราะหยันๆ ดังจากด้านข้างทำให้เพียงดาวช้อนตาขึ้นไปมองและถอนหายใจออกมา
“คราวนี้คุณจะปฏิเสธทำบุญร่วมกับผมอีกไหม”
“คู่แล้วไม่แคล้วกันนะโยม เวรกรรมที่เคยทำไว้ใกล้จะหมดแล้วโยม” พระสงฆ์บุคลิกน่าเลื่อมใสสายตาของท่านมองหนุ่มสาวทั้งคู่ด้วยความเมตตาและจ้องมองควันสีดำที่ครอบคลุมตัวอัศนัย ซึ่งไม่ได้มองเห็นด้วยตาเปล่าแต่ท่านมองจากญาณทิพย์ กล่าวจบท่านก็รับสังฆทานจากทั้งคู่ก่อนจะบริกรรมคาถาบางอย่างและพรมน้ำมนต์ให้คนทั้งคู่ควันสีดำที่ครอบร่างอัศนัยเบาบางในพริบตาแต่ก็พอหลงเหลืออยู่บ้าง
หลังจากทำบุญเสร็จคนตัวสูงก็กึ่งลากกึ่งจูงหญิงสาวให้เดินตามเขาไปตามบันไดปูนที่ทอดตัวไปตามแนวภูเขายาวไปจนถึงองค์พระบนยอดเขา
“คุณจะพาฉันไปไหนเนี่ย ปล่อยฉันนะ”
“อะไรกันคุณก็ผมจะพาคุณไปไหว้หลวงพ่อขาวบนยอดเขานั่นไง ท่านศักดิ์สิทธิ์มากรู้ไหม ถ้ามาวัดนี้แล้วไม่ได้ไปกราบหลวงพ่อขาวก็เหมือนมาไม่ถึงวัดกลางดงนะคุณ”
“ฉันเชื่อ แต่สูงมากเลยฉันคงเดินไม่ไหวหรอก” เพียงดาวมองบันไดปูนอย่างท้อๆ แม้สองข้างทางขึ้นเขาจะเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ให้ร่มเงาแต่ความสูงต่างหากทำให้เธอนึกกลัว
“ไหวสิ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่นข้างบนนั้นน่ะวิวสวยมากเลย”
“คุณขึ้นไปคนเดียวเถอะ ฉันขอรอตรงนี้แหละ ฉันไหว้ท่านตรงนี้ก็ได้” เพียงดาวยิ้มแหยๆ
“ไม่ได้ มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน” เขาสั่ง
“เผด็จการ”
อัศนัยจึงไม่รั้งรอที่จะฉุดแขนเพียงดาวให้เดินตามเขาไป แม้ว่าหญิงสาวจะหอบไปบ่นไปแต่เมื่อเริ่มเดินสูงขึ้นไปเรื่อยๆ และมองลงมาทำให้เธอเห็นไร่องุ่นที่อยู่ใกล้ๆ กันกับวัด ทุ่งทานตะวันรอบๆ เมืองทำให้ความเหนื่อยหายไปแทบเป็นปลิดทิ้ง ระหว่างทางเดินขึ้นเขาก็มีศาลาสำหรับนั่งพักเป็นช่วงๆ ทำให้การเดินทางไม่ได้ลำบากนัก
“วิวสวยจัง”
“ผมบอกแล้วว่าคุณต้องชอบ ข้างบนสวยกว่านี้อีกนะ”
“จริงๆ เหรอคะ คุณคงมาที่นี่บ่อย”
“ใช่ครับ”
“หน้าตาไม่น่าจะเข้าวัดเลย” เพียงดาวบ่นอุบอิบ
“ว่าร้ายคนอื่นในวัดมันบาปหนักนะคุณ”
อัศนัยมองไปรอบๆ วัด ความร่มรื่นของต้นไม้และพื้นที่กว้างขวางของวัดมันทำให้เขารู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“ผมชอบวัดนี้มากแต่ก็ไม่ได้มาบ่อยนักหรอก คุณก็รู้ว่างานในไร่มันรัดตัวแค่ไหน”
“ว่าแต่คุณพาฉันมาแบบนี้ หวานใจคุณเขาไม่โกรธเอาเหรอ”
“ถ้าเป็นที่อื่นผมก็ไม่แน่ใจนัก แต่ถ้าเป็นวัดพิณเขาคงไม่ว่าหรอกเขาไม่ชอบมาวัด”
“แปลก ทำยังกับเป็นผี กลัววัด” หญิงสาวหัวเราะ
คนหน้าคมหันมามองดุๆ ทำให้เพียงดาวหยุดพูด
“คนที่คุณกำลังนินทายังไงเขาก็เป็นแฟนผมนะครับ”
“หมั่นไส้ ปกป้องกันเข้าไป” เพียงดาวหันมาบ่นก่อนจะเดินเชิดนำหน้าเขาไป อัศนัยสั่นศีรษะและเดินตาม
เบื้องหน้าคือหลวงพ่อขาวองค์ใหญ่งดงามดูเปี่ยมด้วยเมตตา จนเพียงดาวคิดว่าเธอเหลือตัวเล็กราวกับมด บรรยากาศบนยอดเขาลมแรงและหนาวจนหญิงสาวห่อไหล่
“หนาวเหรอ” อัศนัยถอดเสื้อคลุมของเขาให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวนำมาสวมใส่กลิ่นหอมจางๆ ของโคโลญยี่ห้อดังทำให้เธอเผลอสูดหายใจเข้าไปลึกๆ
“หลวงพ่อขาวท่านศักดิ์สิทธิ์มาก มีคนมาขอมาบนกันเยอะ แต่อย่าลืมมาแก้ก็แล้วกัน”
“คุณเคยขอหรือบนอะไรกับท่านเหรอคะ”
“ตัวผมไม่เคยหรอก แต่มีคนเล่าให้ฟังน่ะ”
หญิงสาวพนมมือและหลับตานิ่งราวกับอธิษฐานอะไรบางอย่าง
“คุณขออะไร อย่าบอกนะว่าขอให้เจอเนื้อคู่” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว
เพียงดาวไม่ตอบแต่หน้าแดงจัด
“บ้าน่ะสิ”
หลังจากไหว้พระเสร็จ คนทั้งคู่ก็เดินลงจากเขาผ่านไปสักพักเพียงดาวก็รู้สึกเหนื่อยอีกทั้งเริ่มหิวน้ำหญิงสาวจึงประท้วงด้วยการหยุดเดินและนั่งลงบนบันได
“อ้าวคุณ ทำไมไม่เดินต่ออีกไม่กี่ร้อยขั้นก็จะถึงแล้ว”
“อะไรนะ! อีกตั้งหลายร้อยขั้นขอฉันกลิ้งลงไปดีกว่านะ เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว”
“ทนหน่อยน่ะคุณ” อัศนัยฉุดแขนหญิงสาวให้ลุกขึ้นเดินต่อ
“ฉันไม่ไหวจริงๆ คุณเดินไปก่อนเถอะ”
“ถึงผมจะไม่ได้พิศวาสอะไรในตัวคุณ แต่จะให้ทิ้งคุณไว้แบบนี้ผมก็คงไม่ใจดำขนาดนั้นหรอก”
เพียงดาวตีหน้าเศร้า
“แล้วทำยังไงดีล่ะ ก็คนมันเดินไม่ไหวจริงๆ”
“เวรกรรมของผมจริงๆ เหมือนกัน ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า” อัศนัยบ่นพึมพำ
“อย่าบ่นเลยน่า อีกไม่กี่ร้อยขั้นก็ถึงแล้ว”
ใบหน้าของเพียงดาวดีขึ้นหายเหนื่อยราวกับเป็นปลิดทิ้ง
“ฉันไม่เหนื่อยแล้วล่ะค่ะคุณอั๊ด อากาศดีจริงๆ ฉันชักชอบวัดนี้แล้ว วันหลังถ้าคุณมาวัดนี้อีกอย่าลืมชวนฉันมาด้วยนะคะ”
เสียงหอบถี่ๆ ด้วยความเหน็ดเหนื่อยตอบมาเบาๆ
“วันหลังผมจะมาคนเดียว จะได้ไม่ต้องแบกคุณลงเขาให้เหนื่อย”
เพียงดาวยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างพอใจ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“อะไรนะป้าแช่ม คุณอั๊ดออกไปกับยัย เอ๊ย..คุณดาวอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ ออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้ว”
เพลงพิณร้อนใจราวกับมีกองไฟมาสุมในอก ใช่เธอยอมให้อัศนัยแต่งงานกับเพียงดาวเพราะนั่นเป็นเงื่อนไขในพินัยกรรม แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอต้องการให้อัศนัยตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้นสักหน่อย เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเธอจะต้องเสียทุกอย่างทั้งมรดกอันมหาศาลของคุณอนิรุตน์ หรืออัศนัยชายหนุ่มที่เธอได้เลือกจะฝากชีวิตเอาไว้
“แล้วคุณอั๊ดบอกไหมว่าเขาจะกลับกันเมื่อไหร่” หญิงสาวกระแทกเสียงใส่แม่บ้านใหญ่แห่งไร่นรบดี
“ไม่ได้บอกค่ะ” นางแช่มตอบพร้อมหาทางจะเลี่ยงเข้าครัว
“จะไปไหนป้าแช่ม”
“มีอะไรอีกเหรอคะคุณพิณ”
“ฉันรู้นะว้าป้าแช่มไม่ค่อยชอบฉันสักเท่าไหร่ แต่จงจำไว้ให้ดีว่าคุณผู้หญิงตัวจริงของบ้านนี้จะต้องเป็นฉันเท่านั้น คนอื่นมันก็แค่หัวโขนจำใส่สมองเอาไว้ด้วย”
“คุณพิณจะบอกดิฉันแค่นี้ใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะได้ไปทำงานต่อ” แม่แช่มเดินหนีไปทางห้องครัว
“จะไปไหนก็ไปเถอะ จะไปลงนรกก็ได้ แล้วฉันจะกรวดน้ำไปให้” หญิงสาวแหวใส่ตามหลังอย่างไม่พอใจ
“รอให้ฉันได้ทุกอย่างก่อนเถอะจะเฉดหัวแกกับนังเด็กตะวันออกไปจากที่นี่เป็นอันดับแรกเลย”
เสียงรถยนต์จอดที่หน้าบ้านก่อนที่ร่างสูงอันคุ้นตาของอัศนัยจะเดินมาพร้อมเพียงดาว หญิงสาวเลยต้องรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าเสียใหม่
“คุณอั๊ดไปไหนมาคะ พิณมารอคุณตั้งนานแล้วรู้ไหมคะที่รัก”
“ผมขอโทษนะครับพิณ พอดีเมื่อเช้าผมอยากจะไปทำบุญที่วัดแต่ผมคิดว่าคุณคงไม่อยากไปเลยไม่ได้ชวน” บางครั้งอัศนัยก็แปลกใจแฟนสาวมักจะบ่ายเบี่ยงเวลาถูกชวนไปวัด เพราะเธอกลัวว่ายาเสน่ห์จะคลายฤทธิ์ลง
“ก็เลยชวนคุณดาวไปแทนใช่ไหมคะ พิณบอกแล้วไงคะไม่ให้อั๊ดไปวัดบ่อยๆ” หญิงสาวกระซิบเบาๆ เป็นเชิงตัดพ้อ ทำให้อัศนัยรีบโอบบ่าของคนรักเอาไว้แต่ก็นึกแปลกใจ บางครั้งเขารู้สึกทั้งรักทั้งหลงเพลงพิณ แต่บางครั้งเช่นวันนี้เขากลับรู้สึกราวกับว่าเธอเป็นคนแปลกหน้าไม่รู้สึกอะไรเกินคนรู้จัก
“ถ้าเลือกได้ผมอยากไปกับคุณมากกว่า แต่ผมเห็นคุณดาวเขาอยากไปก็เลยให้ไปด้วยไม่มีอะไรมากหรอกครับ” อัศนัยพูดกับหญิงสาวเบาๆ อย่างเอาใจ
เพียงดาวเห็นท่าทางของคนทั้งคู่นึกหมั่นไส้อัศนัยขึ้นมา
“เสียดายจังเลยนะคะที่คุณพิณไม่ได้ไปด้วยวัดนี้สวยมากเลยค่ะ วันนี้ดาวรู้สึกอิ่มบุญและก็อิ่มอกอิ่มใจ คุณอั๊ดใจดกับดาวมากเลยนะคะคุณพิณขา ตอนลงจากเขาดาวเดินไม่ไหวคุณอั๊ดยังช่วยแบกดาวลงมาจากเขาด้วยค่ะ จริงไหมคะคุณอั๊ด” หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้เขา
“เพียงดาว!” เขาแยกเขี้ยวใส่เธอ
คำพูดของเพียงดาวทำให้เพลงพิณรู้สึกควันออกหูแต่ต้องพยายามระงับอารมณ์โกรธ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามอัศนัย
“จริงเหรอคะคุณอั๊ด”
“เอ่อ…จริงๆๆ ครับ” อัศนัยแอบส่งสายตาให้เพียงดาวแต่อีกฝ่ายกลับไหวไหล่กวนโทสะ
“ดาวไปก่อนนะคะคุณพิณ ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะร้อนน่ะค่ะ ก็กลิ่นโคโลญของคุณอั๊ดมันติดตัวดาวจนแยกไม่ออกแล้วว่าอันไหนกลิ่นโคโลญจากตัวคุณอั๊ด หรือกลิ่นน้ำหอมของดาว”
นังเพียงดาว นังมารร้าย นังตัวแสบ ฉันเกลียดแก กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หนอยนังนี่รู้ฤทธิ์ฉันน้อยไประวังให้ดีเถอะ มรดกตกของเป็นของคุณอั๊ดสมบูรณ์เมื่อไหร่ฉันจะทำคุณไสยใส่แกให้เป็นบ้าไปเลยสาวหน้าหวานแอบคาดโทษ
+++++++++++++++++++++++++++
อัศนัยลอบถอนใจขณะที่ร่างบางบนเตียงกว้างสไตล์อังกฤษผล็อยหลับลงไปแล้ว ใบหน้าสวยของเธอยามหลับไหลถูกอัศนัยจ้องมองอย่างพินิจพิจารณา เพียงดาวเป็นคนสวยจัดและด้วยท่าทางที่เป็นสาวมั่นอกมั่นใจตัวเองนั้นทำให้ในเวลาปกติเขาไม่กล้าที่จะสำรวจเครื่องหน้าของเธออย่างจริงจังสักครั้ง
ลมหนาวพัดมาแผ่วๆ ปะทะกับเรือนร่างสมส่วนทำให้เพียงดาวห่อไหล่ลาดไล่ความหนาวเย็น วันนี้หญิงสาวตื่นแต่เช้ามืดจึงออกมาเดินเล่นหน้าคฤหาสน์และต้องแปลกใจเมื่อพบเจ้าของไร่หนุ่ม แต่งตัวสุภาพดูเหมือนเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกมากกว่าจะเข้าไปทำงานในไร่
“ถ้าทางวันนี้ฝนจะตก คุณตื่นเช้ากว่าผมเสียอีก” ใบหน้าขาวคมเข้มอยากจะถามว่าเมื่อคืนเธอนอนหลับสบายดีไหมแต่เขาอายเกินกว่าที่จะถามคำถามนั้น จึงเปลี่ยนเป็นการตั้งคำถามหาเรื่องอีกฝ่ายแทน
“ที่จริงฉันว่าอากาศเช้านี้มันก็เย็นสบายดีนะคะ แต่พอคุณเดินมามันทำให้บรรยากาศรอบตัวฉันหม่นหมองสลดหดหู่ยังไงก็ไม่รู้สิ” หญิงสาวไหวไหล่และทำหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อย
“นี่คุณ” น้ำเสียงเข้ม
“ทำไม ก็คุณหาเรื่องฉันก่อนนี่คะ”
“เฮ้อ! อันที่จริงผมตั้งใจจะไปทำบุญที่วัด และเห็นว่าเมื่อคืนคุณฝันไม่ดีเลยคิดจะชวนไปเปิดหูเปิดตาที่วัดสวยๆ สักหน่อย แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วไปคนเดียวสบายใจกว่า” อัศนัยตั้งใจไปทำบุญเพราะฝันว่าอนิรุตน์บอกให้เขาไปทำสังฆทาน เขาทำทีจะเดินหนีไปทางโรงรถแต่ถูกขวางเอาไว้ด้วยร่างระหง
“ให้ฉันไปด้วยสิ” ใบหน้าหวานคมยิ้มให้อัศนัยอย่างออดอ้อน เธอทำแบบนี้มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าเธอน่ารักขึ้นมาก แต่มีเหรอจะยอมกันง่ายๆ ก็เมื่อกี้เธอยังทำทีไม่สนใจเขาอยู่เลย
เพียงดาวรีบเข้ามาขวาง
“อย่าดีกว่า ฝืนใจก็ไม่ต้อง หลบไปสิผมจะรีบไป”
“นะ นะ ฉันมาอยู่ที่นี่ตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ออกไปไหนเลยนอกจากอยู่ในไร่นี้ อีกอย่างฉันก็นึกอยากจะไปทำบุญเหมือนกัน” หญิงสาวลืมตัวไปเกาะแขนของคนหุ่นล่ำสันอย่างเผลอตัว ทำให้อัศนัยลอบยิ้ม
“จะดีเหรอ” อัศนัยทำทีคิดหนักแต่ในใจมีคำตอบอยู่แล้ว
“ดีสิ มันต้องดีอยู่แล้วให้ฉันไปด้วยคนนะๆ”
“แต่เมื่อกี้คุณยังบอกว่าเห็นหน้าผมแล้วทำให้บรรยากาศรอบตัวคุณหม่นหมองอยู่เลยไม่ใช่เหรอ”
“ตกลงคุณจะยอมให้ฉันไปด้วยไหม” ใบหน้าสวยของเพียงดาวเริ่มงอขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
อัศนัยเหยียดยิ้มอย่างพอใจ
“ขอร้องเสียขนาดนี้ไม่ให้ไปคงไม่ได้แล้วมั้ง”
คำตอบของเขาทำให้คนหน้างอยิ้มกว้างขึ้นและรีบเดินตามเขาไปขึ้นรถ
“ก็เท่านั้นแหละ”
รถจิ๊ปขับไปเรื่อยๆ รับอากาศเย็นสบายยามเช้าอีกทั้งสองข้างทางของจังหวัดสระบุรีที่ห้อมล้อมไปด้วยภูเขาและเต็มไปด้วยดอกทานตะวันทำให้หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดจนเต็มปอดพร้อมยิ้มอย่างอารมณ์ดีอัศนัยขับรถมาไกลพอสมควร
“อากาศดีจังเลยนะคะเนอะๆ” อัศนัยยิ้มรู้สึกดีกว่าทุกวัน
“แต่เอ..ฉันว่าเราผ่านวัดมาก็มากแล้วคุณจะพาฉันไปวัดไหนเหรอคะ”
“นั่งไปเถอะ ถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้เองไม่พาไปวัดเอ่อ…” เขาหยุดพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“อะไร” เพียงดาวย่นจมูกน้อยๆ
“นี่คุณฉันถามดีๆ ทำไมต้องตอบกวนๆ ทุกทีเลย”
“ใครว่าผมกวน ผมก็ตอบดีๆ แล้วไง ถึงผมบอกชื่อวัดคุณไปคุณอาจจะไม่รู้จักก็ได้”
ผ่านไปสักพักเพียงดาวต้องสะดุดตากับภูเขาใหญ่ด้านขวาของถนนมิตรภาพ
“เอ๊ะ คุณคะนั่นพระใช่ไหมคะ” หญิงสาวมองไปที่ภูเขาแม้จะอยู่ห่างไกลระดับสายตา แต่เธอกลับเห็นองค์พระสีขาวเด่นชัดบนยอดเขา
“คนแถวนี้เรียกท่านว่าหลวงพ่อขาว หรือ พระพุทธสกลสีมามงคล”
“งดงามจังเลยค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้
“ผมกำลังจะพาคุณไปที่นั่น”
“จริงเหรอคะ” เพียงดาวเผลอตัวส่งยิ้มหวานพร้อมหันไปจับแขนของเขาเขย่าอย่างลืมตัว
“คุณนี่ยามดีใจ ก็ทำตัวน่ารักเป็นเหมือนกันนะ”
หญิงสาวชะงักปล่อยมือจากแขนของเขาใบหน้าสวยแดงขึ้น
รถของอัศนัยขับมาจอดไว้ที่ลานวัดกว้าง ภายในวัดกว้างขวางและสะอาด เบื้องหน้าเหนือศาลาและสิ่งปลูกสร้างต่างๆของวัด คือภูเขาที่มีบันไดสำหรับขึ้นไปไหว้องค์หลวงพ่อขาวทอดยาวรวมกันแล้วหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบขั้น วัดนี้ปลูกต้นไม้เอาไว้ล้อมรอบอีกทั้งยังติดภูเขาทำให้บรรยากาศดีนอกจากนั้นยังมีนกยูงที่ทางวัดเลี้ยงเอาไว้ เดินรำแพนหางกรีดกรายอยู่หลายตัว สีสันงดงาม ทำให้เพียงดาวสนใจมันราวกับพาเด็กมาชมสวนสัตว์
“ทำยังกับเด็ก” อัศนัยหยิบถังสังฆทานชุดใหญ่จากเบาะหลังรถ และเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังเพลิดเพลินกับพวกนกยูงจึงต้องเดินไปคว้าข้อมือเธอและบังคับให้เดินตามเขาไป “อะไรกันคุณนี่มันวัดนะ ปล่อยแขนฉันสิ”
อัศนัยหันมาทำหน้าดุ
“ถ้าผมไม่จูงคุณมา เมื่อไหร่ผมจะได้ถวายสังฆทานกันล่ะครับ”
หญิงสาวสะบัดแขนออก
“แล้วใครบอกกันว่าฉันจะถวายสังฆทานร่วมกับคุณ”
“แล้วอย่างนั้นคุณร้องตามผมมาทำไม แล้วยังบอกว่าอยากมาทำบุญอีก”
“ใช่ฉันอยากมาทำบุญ แต่ไม่ได้อยากทำบุญร่วมกับคุณ ฉันจะทำคนเดียวต่างหาก” หญิงสาวไหวไหล่จากนั้นเดินไปที่ร้านค้าทางเข้าศาลาและเห็นมีชุดสังฆทานจำหน่ายอยู่หลายแบบด้วยกัน
อัศนัยสั่นศีรษะ
“เชื่อเขาเลย”
“สวัสดีค่ะ จะรับอะไรดีคะคุณ” สาวใหญ่วัยประมาณสี่สิบกว่าท่าทางใจดีซึ่งเป็นเจ้าของร้านค้าเอ่ยถาม
“ขอสังฆทานชุดใหญ่หนึ่งชุดค่ะ”
“ได้ค่ะ” เจ้าของร้านรีบหยิบสังฆทานพร้อมดอกไม้ธูปเทียนและซองสีขาวส่งให้หญิงสาว
“สามร้อยเก้าสิบเก้าบาทคะคุณ” แม่ค้าส่งยิ้มหวานให้หญิงสาว
“แย่จริง” หญิงสาวฉุกคิดได้ว่าเธอลืมหยิบกระเป๋าสตางค์ติดตัวมา
เสียงหัวเราะหยันๆ ดังจากด้านข้างทำให้เพียงดาวช้อนตาขึ้นไปมองและถอนหายใจออกมา
“คราวนี้คุณจะปฏิเสธทำบุญร่วมกับผมอีกไหม”
“คู่แล้วไม่แคล้วกันนะโยม เวรกรรมที่เคยทำไว้ใกล้จะหมดแล้วโยม” พระสงฆ์บุคลิกน่าเลื่อมใสสายตาของท่านมองหนุ่มสาวทั้งคู่ด้วยความเมตตาและจ้องมองควันสีดำที่ครอบคลุมตัวอัศนัย ซึ่งไม่ได้มองเห็นด้วยตาเปล่าแต่ท่านมองจากญาณทิพย์ กล่าวจบท่านก็รับสังฆทานจากทั้งคู่ก่อนจะบริกรรมคาถาบางอย่างและพรมน้ำมนต์ให้คนทั้งคู่ควันสีดำที่ครอบร่างอัศนัยเบาบางในพริบตาแต่ก็พอหลงเหลืออยู่บ้าง
หลังจากทำบุญเสร็จคนตัวสูงก็กึ่งลากกึ่งจูงหญิงสาวให้เดินตามเขาไปตามบันไดปูนที่ทอดตัวไปตามแนวภูเขายาวไปจนถึงองค์พระบนยอดเขา
“คุณจะพาฉันไปไหนเนี่ย ปล่อยฉันนะ”
“อะไรกันคุณก็ผมจะพาคุณไปไหว้หลวงพ่อขาวบนยอดเขานั่นไง ท่านศักดิ์สิทธิ์มากรู้ไหม ถ้ามาวัดนี้แล้วไม่ได้ไปกราบหลวงพ่อขาวก็เหมือนมาไม่ถึงวัดกลางดงนะคุณ”
“ฉันเชื่อ แต่สูงมากเลยฉันคงเดินไม่ไหวหรอก” เพียงดาวมองบันไดปูนอย่างท้อๆ แม้สองข้างทางขึ้นเขาจะเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ให้ร่มเงาแต่ความสูงต่างหากทำให้เธอนึกกลัว
“ไหวสิ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่นข้างบนนั้นน่ะวิวสวยมากเลย”
“คุณขึ้นไปคนเดียวเถอะ ฉันขอรอตรงนี้แหละ ฉันไหว้ท่านตรงนี้ก็ได้” เพียงดาวยิ้มแหยๆ
“ไม่ได้ มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน” เขาสั่ง
“เผด็จการ”
อัศนัยจึงไม่รั้งรอที่จะฉุดแขนเพียงดาวให้เดินตามเขาไป แม้ว่าหญิงสาวจะหอบไปบ่นไปแต่เมื่อเริ่มเดินสูงขึ้นไปเรื่อยๆ และมองลงมาทำให้เธอเห็นไร่องุ่นที่อยู่ใกล้ๆ กันกับวัด ทุ่งทานตะวันรอบๆ เมืองทำให้ความเหนื่อยหายไปแทบเป็นปลิดทิ้ง ระหว่างทางเดินขึ้นเขาก็มีศาลาสำหรับนั่งพักเป็นช่วงๆ ทำให้การเดินทางไม่ได้ลำบากนัก
“วิวสวยจัง”
“ผมบอกแล้วว่าคุณต้องชอบ ข้างบนสวยกว่านี้อีกนะ”
“จริงๆ เหรอคะ คุณคงมาที่นี่บ่อย”
“ใช่ครับ”
“หน้าตาไม่น่าจะเข้าวัดเลย” เพียงดาวบ่นอุบอิบ
“ว่าร้ายคนอื่นในวัดมันบาปหนักนะคุณ”
อัศนัยมองไปรอบๆ วัด ความร่มรื่นของต้นไม้และพื้นที่กว้างขวางของวัดมันทำให้เขารู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“ผมชอบวัดนี้มากแต่ก็ไม่ได้มาบ่อยนักหรอก คุณก็รู้ว่างานในไร่มันรัดตัวแค่ไหน”
“ว่าแต่คุณพาฉันมาแบบนี้ หวานใจคุณเขาไม่โกรธเอาเหรอ”
“ถ้าเป็นที่อื่นผมก็ไม่แน่ใจนัก แต่ถ้าเป็นวัดพิณเขาคงไม่ว่าหรอกเขาไม่ชอบมาวัด”
“แปลก ทำยังกับเป็นผี กลัววัด” หญิงสาวหัวเราะ
คนหน้าคมหันมามองดุๆ ทำให้เพียงดาวหยุดพูด
“คนที่คุณกำลังนินทายังไงเขาก็เป็นแฟนผมนะครับ”
“หมั่นไส้ ปกป้องกันเข้าไป” เพียงดาวหันมาบ่นก่อนจะเดินเชิดนำหน้าเขาไป อัศนัยสั่นศีรษะและเดินตาม
เบื้องหน้าคือหลวงพ่อขาวองค์ใหญ่งดงามดูเปี่ยมด้วยเมตตา จนเพียงดาวคิดว่าเธอเหลือตัวเล็กราวกับมด บรรยากาศบนยอดเขาลมแรงและหนาวจนหญิงสาวห่อไหล่
“หนาวเหรอ” อัศนัยถอดเสื้อคลุมของเขาให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวนำมาสวมใส่กลิ่นหอมจางๆ ของโคโลญยี่ห้อดังทำให้เธอเผลอสูดหายใจเข้าไปลึกๆ
“หลวงพ่อขาวท่านศักดิ์สิทธิ์มาก มีคนมาขอมาบนกันเยอะ แต่อย่าลืมมาแก้ก็แล้วกัน”
“คุณเคยขอหรือบนอะไรกับท่านเหรอคะ”
“ตัวผมไม่เคยหรอก แต่มีคนเล่าให้ฟังน่ะ”
หญิงสาวพนมมือและหลับตานิ่งราวกับอธิษฐานอะไรบางอย่าง
“คุณขออะไร อย่าบอกนะว่าขอให้เจอเนื้อคู่” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว
เพียงดาวไม่ตอบแต่หน้าแดงจัด
“บ้าน่ะสิ”
หลังจากไหว้พระเสร็จ คนทั้งคู่ก็เดินลงจากเขาผ่านไปสักพักเพียงดาวก็รู้สึกเหนื่อยอีกทั้งเริ่มหิวน้ำหญิงสาวจึงประท้วงด้วยการหยุดเดินและนั่งลงบนบันได
“อ้าวคุณ ทำไมไม่เดินต่ออีกไม่กี่ร้อยขั้นก็จะถึงแล้ว”
“อะไรนะ! อีกตั้งหลายร้อยขั้นขอฉันกลิ้งลงไปดีกว่านะ เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว”
“ทนหน่อยน่ะคุณ” อัศนัยฉุดแขนหญิงสาวให้ลุกขึ้นเดินต่อ
“ฉันไม่ไหวจริงๆ คุณเดินไปก่อนเถอะ”
“ถึงผมจะไม่ได้พิศวาสอะไรในตัวคุณ แต่จะให้ทิ้งคุณไว้แบบนี้ผมก็คงไม่ใจดำขนาดนั้นหรอก”
เพียงดาวตีหน้าเศร้า
“แล้วทำยังไงดีล่ะ ก็คนมันเดินไม่ไหวจริงๆ”
“เวรกรรมของผมจริงๆ เหมือนกัน ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า” อัศนัยบ่นพึมพำ
“อย่าบ่นเลยน่า อีกไม่กี่ร้อยขั้นก็ถึงแล้ว”
ใบหน้าของเพียงดาวดีขึ้นหายเหนื่อยราวกับเป็นปลิดทิ้ง
“ฉันไม่เหนื่อยแล้วล่ะค่ะคุณอั๊ด อากาศดีจริงๆ ฉันชักชอบวัดนี้แล้ว วันหลังถ้าคุณมาวัดนี้อีกอย่าลืมชวนฉันมาด้วยนะคะ”
เสียงหอบถี่ๆ ด้วยความเหน็ดเหนื่อยตอบมาเบาๆ
“วันหลังผมจะมาคนเดียว จะได้ไม่ต้องแบกคุณลงเขาให้เหนื่อย”
เพียงดาวยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างพอใจ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“อะไรนะป้าแช่ม คุณอั๊ดออกไปกับยัย เอ๊ย..คุณดาวอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ ออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้ว”
เพลงพิณร้อนใจราวกับมีกองไฟมาสุมในอก ใช่เธอยอมให้อัศนัยแต่งงานกับเพียงดาวเพราะนั่นเป็นเงื่อนไขในพินัยกรรม แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอต้องการให้อัศนัยตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้นสักหน่อย เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเธอจะต้องเสียทุกอย่างทั้งมรดกอันมหาศาลของคุณอนิรุตน์ หรืออัศนัยชายหนุ่มที่เธอได้เลือกจะฝากชีวิตเอาไว้
“แล้วคุณอั๊ดบอกไหมว่าเขาจะกลับกันเมื่อไหร่” หญิงสาวกระแทกเสียงใส่แม่บ้านใหญ่แห่งไร่นรบดี
“ไม่ได้บอกค่ะ” นางแช่มตอบพร้อมหาทางจะเลี่ยงเข้าครัว
“จะไปไหนป้าแช่ม”
“มีอะไรอีกเหรอคะคุณพิณ”
“ฉันรู้นะว้าป้าแช่มไม่ค่อยชอบฉันสักเท่าไหร่ แต่จงจำไว้ให้ดีว่าคุณผู้หญิงตัวจริงของบ้านนี้จะต้องเป็นฉันเท่านั้น คนอื่นมันก็แค่หัวโขนจำใส่สมองเอาไว้ด้วย”
“คุณพิณจะบอกดิฉันแค่นี้ใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะได้ไปทำงานต่อ” แม่แช่มเดินหนีไปทางห้องครัว
“จะไปไหนก็ไปเถอะ จะไปลงนรกก็ได้ แล้วฉันจะกรวดน้ำไปให้” หญิงสาวแหวใส่ตามหลังอย่างไม่พอใจ
“รอให้ฉันได้ทุกอย่างก่อนเถอะจะเฉดหัวแกกับนังเด็กตะวันออกไปจากที่นี่เป็นอันดับแรกเลย”
เสียงรถยนต์จอดที่หน้าบ้านก่อนที่ร่างสูงอันคุ้นตาของอัศนัยจะเดินมาพร้อมเพียงดาว หญิงสาวเลยต้องรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าเสียใหม่
“คุณอั๊ดไปไหนมาคะ พิณมารอคุณตั้งนานแล้วรู้ไหมคะที่รัก”
“ผมขอโทษนะครับพิณ พอดีเมื่อเช้าผมอยากจะไปทำบุญที่วัดแต่ผมคิดว่าคุณคงไม่อยากไปเลยไม่ได้ชวน” บางครั้งอัศนัยก็แปลกใจแฟนสาวมักจะบ่ายเบี่ยงเวลาถูกชวนไปวัด เพราะเธอกลัวว่ายาเสน่ห์จะคลายฤทธิ์ลง
“ก็เลยชวนคุณดาวไปแทนใช่ไหมคะ พิณบอกแล้วไงคะไม่ให้อั๊ดไปวัดบ่อยๆ” หญิงสาวกระซิบเบาๆ เป็นเชิงตัดพ้อ ทำให้อัศนัยรีบโอบบ่าของคนรักเอาไว้แต่ก็นึกแปลกใจ บางครั้งเขารู้สึกทั้งรักทั้งหลงเพลงพิณ แต่บางครั้งเช่นวันนี้เขากลับรู้สึกราวกับว่าเธอเป็นคนแปลกหน้าไม่รู้สึกอะไรเกินคนรู้จัก
“ถ้าเลือกได้ผมอยากไปกับคุณมากกว่า แต่ผมเห็นคุณดาวเขาอยากไปก็เลยให้ไปด้วยไม่มีอะไรมากหรอกครับ” อัศนัยพูดกับหญิงสาวเบาๆ อย่างเอาใจ
เพียงดาวเห็นท่าทางของคนทั้งคู่นึกหมั่นไส้อัศนัยขึ้นมา
“เสียดายจังเลยนะคะที่คุณพิณไม่ได้ไปด้วยวัดนี้สวยมากเลยค่ะ วันนี้ดาวรู้สึกอิ่มบุญและก็อิ่มอกอิ่มใจ คุณอั๊ดใจดกับดาวมากเลยนะคะคุณพิณขา ตอนลงจากเขาดาวเดินไม่ไหวคุณอั๊ดยังช่วยแบกดาวลงมาจากเขาด้วยค่ะ จริงไหมคะคุณอั๊ด” หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้เขา
“เพียงดาว!” เขาแยกเขี้ยวใส่เธอ
คำพูดของเพียงดาวทำให้เพลงพิณรู้สึกควันออกหูแต่ต้องพยายามระงับอารมณ์โกรธ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามอัศนัย
“จริงเหรอคะคุณอั๊ด”
“เอ่อ…จริงๆๆ ครับ” อัศนัยแอบส่งสายตาให้เพียงดาวแต่อีกฝ่ายกลับไหวไหล่กวนโทสะ
“ดาวไปก่อนนะคะคุณพิณ ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะร้อนน่ะค่ะ ก็กลิ่นโคโลญของคุณอั๊ดมันติดตัวดาวจนแยกไม่ออกแล้วว่าอันไหนกลิ่นโคโลญจากตัวคุณอั๊ด หรือกลิ่นน้ำหอมของดาว”
นังเพียงดาว นังมารร้าย นังตัวแสบ ฉันเกลียดแก กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หนอยนังนี่รู้ฤทธิ์ฉันน้อยไประวังให้ดีเถอะ มรดกตกของเป็นของคุณอั๊ดสมบูรณ์เมื่อไหร่ฉันจะทำคุณไสยใส่แกให้เป็นบ้าไปเลยสาวหน้าหวานแอบคาดโทษ
+++++++++++++++++++++++++++

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.พ. 2555, 10:15:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.พ. 2555, 10:15:51 น.
จำนวนการเข้าชม : 6051
<< ตอนที่ 7 | ตอนที่ 10 >> |


Zephyr 27 ก.พ. 2555, 13:01:08 น.
เหมือนพ่ออั๊ดพาลูกสาวไปเที่ยวเลยอ่ะ หึหึ งอแงง๊องแง๊งได้อีกนะ ดาว
เหมือนพ่ออั๊ดพาลูกสาวไปเที่ยวเลยอ่ะ หึหึ งอแงง๊องแง๊งได้อีกนะ ดาว

อัปสรา 27 ก.พ. 2555, 14:26:58 น.
ประมาณนั้นเลยค่ะ555
ประมาณนั้นเลยค่ะ555

kaero 27 ก.พ. 2555, 15:18:17 น.
ระวังของจะกลับเข้าตัวน๊ะ ยัยพิณ
ระวังของจะกลับเข้าตัวน๊ะ ยัยพิณ

ling 27 ก.พ. 2555, 16:30:31 น.
นางเอกเราจะรอดจากมนต์ดำมั้ยน๊า
นางเอกเราจะรอดจากมนต์ดำมั้ยน๊า

anOO 27 ก.พ. 2555, 18:01:20 น.
ยัยดาวก็ช่างยั่วโมโหเหมือนกันนะ ดีแล้วจะได้สู้ยัยพิณได้
ยัยดาวก็ช่างยั่วโมโหเหมือนกันนะ ดีแล้วจะได้สู้ยัยพิณได้

evelover 27 ก.พ. 2555, 20:19:11 น.
มาเอาใจช่วยนางเอกค่ะ ตอนต่อไปมาเร็ว ๆ นะคะ
มาเอาใจช่วยนางเอกค่ะ ตอนต่อไปมาเร็ว ๆ นะคะ

lovemuay 27 ก.พ. 2555, 20:36:20 น.
แหม..เอะอะอะไรก็เล่นของๆ ระวังจะย้อนกลับหาตัวเองนะจ๊ะ
แหม..เอะอะอะไรก็เล่นของๆ ระวังจะย้อนกลับหาตัวเองนะจ๊ะ

อัปสรา 27 ก.พ. 2555, 22:50:54 น.
ขอบคุณค่ะวันนี้มีเพื่อนๆมาให้กำลังใจเพียบเลย
ขอบคุณค่ะวันนี้มีเพื่อนๆมาให้กำลังใจเพียบเลย

zilvermoon 28 มี.ค. 2555, 18:27:00 น.
ยัยพิณหล่อนทำอะไรอย่างอื่นไม่เป็นเหรอ คิดแต่ทำของทั้งวัน .. เฮ่อออออออออ
ยัยพิณหล่อนทำอะไรอย่างอื่นไม่เป็นเหรอ คิดแต่ทำของทั้งวัน .. เฮ่อออออออออ