เสน่หา ซาตานลวง
ความรักมีค่าเสมอสำหรับคนที่เห็นค่า
แต่มันจะไร้ค่า หากรักที่ให้...ถูกเขาทิ้งขว้าง
เห็นความรักของเราเป็นแค่เพียงอะไรที่ไร้ความหมาย
ขณะนั้น...เจ็บ ร้องไห้ เจียนขาดใจ
และไม่เข้าใจในสิ่งที่ถูกกระทำ
วันและคืนผ่านไป...
ความรู้สึกหลายๆ อย่างยังอยู่ในความทรงจำ...
ก่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจ ที่เขาคนนั้นก็อาจคาดไม่ถึง...
คำสัญญาจากเขา...ก่อให้เกิดเรื่องราวเรื่องหนึ่งขึ้นมา....
ทุกๆ ความรู้สึกมีที่มา และสุดท้ายก็จบลง
ด้วยเหตุผล....ที่ต่างคนต่างเข้าใจ...และยอมให้อภัย
สายรุ้งเจ้าแวววับ พราวทับแผ่นฟ้า
ดาริกาเจ้าคืนคำอธิฐาน
รักที่ฝากไว้กับรุ้งเคยร้าวราน
เมื่อพบพานคนที่รัก...สุดหัวใจ
รักที่ฝากไว้ ขอคืนนะ....สายรุ้งเอย
....................
ขอฝากนิยายเรื่องที่สองด้วยนะคะ
กำลังตีพิมพ์กับ สนพ.สมาร์ทบุ๊ค
ภายใต้ชื่อเรื่องใหม่ แต่ยังไม่ได้ชื่อเรื่องใหม่เลยค่ะ แหะๆๆ
ขอบคุณๆๆนะคะ
นัฐชา
4/1/55
ลวท.5.37
แต่มันจะไร้ค่า หากรักที่ให้...ถูกเขาทิ้งขว้าง
เห็นความรักของเราเป็นแค่เพียงอะไรที่ไร้ความหมาย
ขณะนั้น...เจ็บ ร้องไห้ เจียนขาดใจ
และไม่เข้าใจในสิ่งที่ถูกกระทำ
วันและคืนผ่านไป...
ความรู้สึกหลายๆ อย่างยังอยู่ในความทรงจำ...
ก่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจ ที่เขาคนนั้นก็อาจคาดไม่ถึง...
คำสัญญาจากเขา...ก่อให้เกิดเรื่องราวเรื่องหนึ่งขึ้นมา....
ทุกๆ ความรู้สึกมีที่มา และสุดท้ายก็จบลง
ด้วยเหตุผล....ที่ต่างคนต่างเข้าใจ...และยอมให้อภัย
สายรุ้งเจ้าแวววับ พราวทับแผ่นฟ้า
ดาริกาเจ้าคืนคำอธิฐาน
รักที่ฝากไว้กับรุ้งเคยร้าวราน
เมื่อพบพานคนที่รัก...สุดหัวใจ
รักที่ฝากไว้ ขอคืนนะ....สายรุ้งเอย
....................
ขอฝากนิยายเรื่องที่สองด้วยนะคะ
กำลังตีพิมพ์กับ สนพ.สมาร์ทบุ๊ค
ภายใต้ชื่อเรื่องใหม่ แต่ยังไม่ได้ชื่อเรื่องใหม่เลยค่ะ แหะๆๆ
ขอบคุณๆๆนะคะ
นัฐชา
4/1/55
ลวท.5.37
Tags: เก็บรักไว้ที่ปลายรุ้ง,นัฐชา,สมาร์ทบุ๊ค,rimnamta,Natcha
ตอน: บทที่ 5 ฝันนำทาง(ตีพิมพ์สนพ.สมาร์ทบุ๊ค)
บทที่ 5 ฝันนำทาง
ในความเงียบท่ามกลางความมืดเลือนราง หัวใจของเรนแทบจะหยุดเต้น ร่างหนาที่เหนือกายดุจเครื่องพันธนาการเป็นอย่างดี ดวงตาเบิกโพลงของเธอจ้องเขาเขม็ง นัยน์ตาคมกริบจ้องคนที่อยู่ใต้ร่างเหมือนกับจะกลืนกิน ปากบางของเขาเข่นเคี่ยวอย่างน่ากลัว
เขาขยับกายพร้อมกับโน้มหน้าเข้ามาใกล้ เสียงหายใจของเขาเต้นถี่รัว แต่หญิงสาวกับแรงยิ่งกว่า ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะเข้าใกล้ มองเรียวปากงามของเรนอย่างมีความหมาย...
“กรี๊ดดดดดดดดด!!!!!” คนที่กำลังจะถูกทำมิดีมิร้ายต่อไปถึงกับแหกปากร้องลั่น มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาดันลำตัวที่หนักอึ้งของเขา
ชายหนุ่มหัวเราะหึหึ ก่อนที่จะทิ้งน้ำหนักตัวลงไปอีก ปากบางของเขาหวังจะมอบความหวานให้กับหญิงสาว แต่เรนกลับไม่ยอมเป็นเป้านิ่ง ใบหน้าตระหนกนั้นส่ายหลบหนีพัลวัน เขาหัวเราะเจ้าเล่ห์ เห็นเป็นเรื่องสนุก จมูกของเขาระดมจูบไปทั่ววงหน้า คนผมหยิกหลบสุดฤทธิ์ สองมือยกขึ้นมาปัดป่ายใบหน้าเขามั่วไปหมด
“ไอ้บ้า” เรนคำรามเสียงหนัก “ปล่อยฉันนะ”
แต่จมูกโด่งเป็นสันของเขายังคงซุกซนไม่เลิก ดุจเป็นคำท้า ว่าคนปากดีอย่างเรน จะเก่งไปได้สักแค่ไหน เรนเหนื่อยแทบขาดใจ กับการต่อต้านเขา
“ช่วยด้วย” หญิงสาวเริ่มตะโกนให้คนช่วย ถึงแม้ว่าโอกาสนั้นจะน้อยเต็มที
แต่เขาไม่สนใจเลยสักนิด เรนเริ่มออกแรงปัดป่ายมั่วซั่วอีกครั้ง เขาคำรามข้างหูอย่างขัดใจ แต่เรนไม่สนแล้วเหมือนกัน ปากบางยังคงร้องตะโกน นัยน์ตาอวดดีหลับหูหลับตา มือก็สะเปะสะปาทุบเขาไปทั่ว ไม่คำนึงถึงแล้วว่าหากทำเขาเจ็บ จะถูกเขาจัดการอีกหรือไม่
“ปล่อยๆๆ ปล่อยฉัน” เรนออกคำสั่งซ้ำๆ ทั้งที่ยังหลับตาปี๋ ไม่รู้ว่าเนิ่นนานแค่ไหน ที่เรนพร่ำเหมือนคนบ้า
แต่แล้วจู่ๆ เหมือนร่างบางจะรู้สึกโล่งอย่างประหลาด น้ำหนักที่โถมทับเหมือนเลือนหาย แต่ทว่าคนที่เอาแต่หลับตาถึงกับสะดุ้งสุดตัว เมื่อใบหน้าสัมผัสได้ถึงความเย็นเยือกดุจน้ำแข็ง สมองสั่งการให้เรนลืมตาขึ้นทันที
คนที่อยู่ตรงหน้าทำให้เรนยิ้มอย่างรู้สึกโล่งในอก “รุ้ง...” เธอพึมพำเรียกชื่อคล้ายเสียงกระซิบ
นัยน์ตาสีราตรีจ้องมองเรนอย่างห่วงใย และสงสัยในคราเดียวกัน ปลายนิ้วเรียวเย็นของปลายรุ้งประคองดวงหน้าของเพื่อนสาวเอาไว้
“เรน...” ปลายรุ้งเรียก คล้ายให้เจ้าของชื่อรู้สึกตัว
“เรนฝันร้ายเหรอ” คำถามของรุ้ง เรนพยักหน้า อาการหายใจหอบเหมือนคนเพิ่งวิ่งหนีอะไรมาสักพันไมล์
“เล่าให้ฟังได้ไหม” ปลายรุ้งถาม ก่อนที่จะละนิ้วเย็นจากแก้มเพื่อนสาว
“เออ...” เรนอึกอัก เมื่อนึกถึงฝันสยอง
ปลายรุ้งจ้องคนตรงหน้านิ่ง เรนถึงกับหลบสายตาอย่างมีพิรุธ
“ว่าไงเรน...เล่าให้รุ้งฟังหน่อย” สาวน้อยคะยั้นคะยอ
เรนได้แต่ยิ้มแหยๆ ไม่กล้าสบตาปลายรุ้ง จะบอกไปได้อย่างไร ฝันนั้นช่างน่าอายขนาดนั้น
ปลายรุ้งเลื่อนกายมานั่งเคียงข้าง มือเย็นเอื้อมไปกุมมือหนึ่งของเรน พอสักนิดปากเรียวก็อมยิ้มนิดๆ ก่อนที่จะหัวเราะเล็กๆ ออกมา
“หัวเราะอะไรรุ้ง” เรนเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ก็หัวเราะเรนไง” ปลายรุ้งหันมามองคนข้างกาย เรนถึงกับทำหน้าย่น
“ฝันถึงเนื้อคู่หรือเรน” คนถูกถามถึงกับสะดุ้ง
“เหอ รุ้งมั่วแล้ว เปล่าสักหน่อย”
“เปล่าหรือ งั้นก็เล่าสิ” นัยน์ตาสีราตรีจ้องเข้ามาในดวงตาสีน้ำตาลเหมือนจะสะกด
“เล่ามาสิ...เรน” เสียงเย็น เอ่ยเนิบๆ
เรนถึงกับตัวแข็ง เหมือนกับต้องมนต์ยังไงไม่รู้ รอยยิ้มเยือกๆ มองแล้ววูบวาบไปทั่วความรู้สึกเลยเชียวแหล่ะ
ปลายรุ้งหัวเราะ ถึงคนที่ถูกถามไม่เอ่ยปากเล่า เธอก็รู้อยู่แล้วว่าเรนเจออะไรในฝันนั้น...
แต่แค่ไหนกันนะ...ที่จิตสัมผัสของปลายรุ้งจะสามารถรับรู้ได้
“เรนฝันถึงรุ้งใช่ไหม” ปลายรุ้งเอ่ยถามอีกครั้ง ก่อนที่จะละจากดวงหน้าซีดเซียวของเรน
เรนเหลือบมองใบหน้าด้านข้างของปลายรุ้งอย่างพินิจ “รุ้งรู้ได้ไงเนี่ย”
แทนคำตอบ หญิงสาวหัวเราะอย่างขำๆ
“ก็เรนน่ะ อ่านง่ายจะตายไป”
“เราเนี่ยนะอ่านง่าย” เรนชี้หน้าตัวเอง อาการเหวอกันเลยทีเดียว
“อืม งั้นสิ” โห ตอบกวนอีกแล้วคุณหนูปลายรุ้ง เรนเหลือบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนข้างกาย นึกละอายใจตัวเองอย่างบอกไม่ถูก “ขอโทษนะรุ้ง” หญิงสาวเอ่ยคำขอโทษในใจอย่างรู้สึกผิด
ถึงแม้มันจะเป็นเพียงแค่ความฝันก็ตามทีเถอะนะ
แต่มันสมควรแล้วหรือเรน ที่เก็บเอาคนใจร้ายอย่างต้นหนาวมาฝันถึงขนาดนี้
และที่สำคัญผู้ชายคนนั้น เป็นอดีตคนรักของปลายรุ้งด้วย...นี่สิ ที่คิดหนัก
แต่จะว่าไป...เรนก็ยังไม่เห็นหน้าเขาชัดๆ เลย นอกจากต้นหนาวจะใจร้าย ไม่เป็นสุภาพบุรุษแล้วยังหยิ่งเล่นตัวอีกต่างหาก
แค่ถามว่านายคือ “ต้นหนาว” หรือเปล่า ยังไม่ตอบอีกแน่ะ เชอะ ใครจะไปอยากรู้ หญิงสาวเผลอแตะริมฝีปากตัวเองอย่างลืมตัว ความร้อนผ่าวของมันเหมือนยังคงค้างคา สัมผัสที่ก่อเกิดไปทั่วกายยังเหมือนติดตรึงอยู่เลย
นี่แค่ฝันนะเรน...
เรนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะละสายตาจากปลายรุ้ง ที่ยังคงทอดสายตาไปไกลเกินกว่าที่เรนจะสนใจ ร่างบางเอนกายพิงกับผนัง นัยน์ตาสีน้ำตาลปิดเปลือกตาลงอย่างอ่อนแรง
“ขอโทษเราทำไมกัน” จู่ๆ ปลายรุ้งก็โพล่งถามขึ้นมา ทำเอาคนข้างๆ เบิกตาขึ้นอย่างรวดเร็ว
คำถามของปลายรุ้ง ทำความแปลกใจให้เรนมากกว่าที่จะทันได้ตอบ ปลายรุ้งหันมาหาเรน นัยน์ตาสีราตรีจ้องเข้าไปในดวงตาของคนที่กำลังแปลกใจนิ่ง รอยยิ้มนิดๆ ที่มุมปากของรุ้ง ถึงกับทำให้เรนเสียววูบ
“แค่ฝันถึงรุ้ง” ปลายรุ้งเอ่ยเสียงเยียบเย็น “ไม่เห็นต้องคิดมากเลยนี่เรน”
แล้วคุณหนูรุ้งก็หัวเราะอย่างขำๆ แต่เรนขำไม่ออก ปลายรุ้งดูเหมือนจะล่วงรู้ถึงความคิดของหญิงสาวไปเสียหมด ตั้งแต่ที่เรือนของคุณยายทวดแล้ว
เรนเริ่มกลัวแล้วนะ
ไม่ได้ว่ากลัวที่ปลายรุ้งล่วงรู้ความคิดของเธอหรอกนะ แต่กลัวปลายรุ้งจะเข้าใจผิด กับความคิดฟุ้งซ่านถึงเรื่องราวที่ฝันต่อจากวิ่งตามปลายรุ้งไปนั่น...มากกว่า
อาการเงียบของเรน ปลายรุ้งหรี่ตามองอย่างสงสัย
มีอะไรในฝันอีกหรือเปล่า ที่เธอไม่สามารถเข้าถึงได้...
“เรนไม่ได้ฝันถึงรุ้งอย่างเดียวเหรอ”
จู่ๆ ปลายรุ้งก็เอ่ยถามขึ้นมาอีกพร้อมๆ กับยื่นใบหน้ามาเสียใกล้ เรนตาโต ก่อนที่จะกระพริบตาปริบๆ
รอยยิ้มของคนถูกถามยามนี้แหยๆ ส่วนคนถามกลับอมยิ้มอย่างหยอกเย้า แต่เรนกลับรู้สึกว่าเพื่อนสาวกำลังพยายามที่จะเดาความรู้สึกของเธอ...เหมือนทุกครั้ง
นัยน์ตาสีรัตติกาลจ้องเข้ามาในดวงตามีพิรุธของเรนนิ่ง แต่นัยน์ตาสีน้ำตาลนั้นกลับปิดเปลือกตาลง ปลายรุ้งถึงกับหัวเราะเล็กๆ ดูเหมือนว่าเรนจะระวังตัวเสียแล้วสิ แต่จะระวังแค่ไหนก็คงต้องลองดู...อีกครั้ง
ปลายรุ้งเลื่อนกายมานั่งข้าง แผ่นหลังบางเอนไปกับผนัง ปลายนิ้วเรียวเย็นดุจน้ำแข็งเอื้อมมากุมมือเรนที่วางไว้ข้างกาย จนสัมผัสได้เพียงนิดถึงอาการสะดุ้งของเรน
เรนเหมือนตกอยู่ในห้วงแห่งภวังค์...
ภาพความฝันเริ่มพุ่งพล่านในหัว ตั้งแต่เห็นปลายรุ้ง รอยยิ้มเย็นเยือกที่ได้รับ เรนยังคงจำได้ดี และหญิงสาวก็วิ่งตามไปจนปลายรุ้งเลือนหายไปในความมืดสนิท จนกระทั่ง....
แต่แล้วเสียงโทรศัพท์เครื่องเล็กในห้องก็ดังขึ้น เรนถึงกับสะดุ้งเฮือก หลุดจากความคิดที่แสนจะฟุ้งซ่านของฝันน่าอับอายนั่น
และก็ทำให้ปลายรุ้งรับรู้ได้เพียง...แค่นั้น
ถือเป็นความโชคดีของเรนได้หรือเปล่านะนี่...ขอบคุณเสียงโทรศัพท์นั่นคงเป็นสิ่งที่เรนคิด
รอยยิ้มราบเรียบผุดขึ้นที่เรียวปากซีดเซียวของปลายรุ้ง มองตามเพื่อนสาวที่เดินเข้าไปรับโทรศัพท์ในห้อง สีหน้าครุ่นคิดก่อเกิดทั่วใบหน้าขาว เกิดความสงสัยขึ้นในห้วงจิต
ทำไมถึงได้อ่านความคิดของเรนได้ยากขื้นเรื่อยๆ หรือว่ามีบางสิ่งที่เรนพยายามปิดกลั้น จนคนชะตาเดียวกันก็ไม่อาจเข้าถึง
หรือว่าพลังเหนือธรรมชาติของปลายรุ้งเริ่ม...อ่อนลง
แต่ก็คงไม่ใช่ เพราะร่างที่ชัดเจนในการปรากฏกายต่อหน้าเรน ก็ยังคงแจ่มชัดอยู่นี่น่า
ดวงตาสีราตรีปิดลงอย่างเหนื่อยล้า รู้สึกร่างกายที่เย็นเยือกเริ่มอ่อนแรง ร่างบางเอนพิงผนังห้องอีกครั้ง หรือว่าอำนาจเหนือธรรมชาติของหญิงสาวกำลังโดนเรนต่อต้าน
โดยที่คนกำลังต่อต้านเอง ก็ยังไม่รู้ตัว...
“ว๊ากกกกกกกกกกกกกแย่แล้ว” เสียงโวยวายของคนข้างใน ดึงให้คนข้างนอกหลุดจากภวังค์ ร่างบางเคลื่อนกายมาอยู่ข้างหลังเรน แค่เพียงพริบตาเดียว
บ่าบางของเรนสะดุ้งเฮือก เมื่อปลายนิ้วเรียวเย็นดุจหิมะของปลายรุ้งสัมผัส
“รุ้ง เป็นอะไร” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง ก่อนที่จะละมือจากบ่าบาง เมื่อเห็นเรนทำท่าหนาวสะท้าน เจ้าของบ่ายิ้มอย่างขอบคุณ
แทนการตอบคำถาม เรนหันกลับมา พร้อมกับชี้นิ้วไปที่นาฬิกาเรือนสวยที่อยู่เหนือประตูทางเข้า นัยน์ตาสีนิลมองตาม พอเห็นเวลาที่ปรากฏ สาวน้อยถึงกับหัวเราะลั่น
ก็ไม่ให้ปลายรุ้งหัวเราะได้อย่างไร ในเมื่อเวลานั้นแจ่มชัดมาก เกือบจะเที่ยงเข้าไปแล้ว
เรนทำสีหน้าแหยๆ “น้องหญิงโทรมาตามล่ะ”
“รู้แล้ว” ปลายรุ้งตอบ และเรนก็ไม่สนใจแล้วว่าเพื่อนสาวจะรู้ได้อย่างไร เพราะเริ่มชินกับการเดาเรื่องของปลายรุ้งบ้างแล้ว
“สายอีกแล้วนะเรน” เรนพยักหน้า ทิ้งกายลงกับเตียงอย่างเซ็งในอารมณ์
นึกถึงต้นเหตุที่ทำให้สาย ปากบางก็เม้มเป็นเส้นตรงอย่างเสียอารมณ์ เป็นเพราะฝันบ้าๆ นั้นทีเดียว
อ่า เป็นเพราะคนที่อยู่ในฝันนั้นด้วยหรือเปล่า ผู้ชายกวนประสาท ฉวยโอกาสคนนั้นแน่ๆ
ลำพังฝันเห็นแค่ปลายรุ้งคนเดียว แล้วตื่น ก็คงไม่สายมั้ง
แต่เพราะๆๆๆ เฮ้อ เรนเผลอถอนหายใจเฮือกใหญ่ หยุดความคิดฟุ้งซ่านไว้แต่เพียงแค่นี้ หัวสะบัดไปมาไล่ความหลอนจากฝันร้ายนั้นออกไป นึกถึงทีไร ร่างกายพาจะร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ
แต่พอเงยหน้าขึ้นมา หญิงสาวถึงกับผงะ
ปลายรุ้งที่ย่อกาย ใบหน้าขาวซีด นัยน์ตาสีนิลประกายกำลังจ้องเรนอย่างตั้งใจ กระแสของความหนาวเย็นปะทะใบหน้าตกใจของเรนแผ่วๆ แต่แค่นี้ก็ทำให้เรนยะเยือกได้เหมือนกันนะ
“รุ้ง ทำให้เราตกใจอีกแล้วนะ” เรนต่อว่าเสียงอ่อย คนที่ถูกต่อว่ายืดกายขึ้น ถอนใจเฮือกเหมือนเสียดายโอกาสอะไรสักอย่าง เรนทำหน้าหงิกขึ้นมาทันที เมื่อคิดได้ว่าปลายรุ้งกำลังคิดอะไรอยู่
แต่ปลายรุ้งทำเป็นไม่สนใจ ดวงหน้าขาวนวลกลับพยักพเยิดให้คนหน้าหงิกหันไปสนใจเจ้าเวลาที่มันเดินไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รอใครเสียด้วยสิ
ไม่ต้องสื่อกันด้วยคำพูด เรนก็เข้าใจในความหมาย หากหน้าหงิกอยู่เช่นนี้ บ่ายโมงจะถึงสำนักพิมพ์หรือเปล่าก็ไม่รู้ หญิงสาวลุกจากเตียงเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่ไม่วายหันมาเข่นเคี่ยวใส่ปลายรุ้งที่มองตามอย่างยิ้มๆ ถ้าเข้าใจไม่ผิดคุณหนูรุ้งกำลังหัวเราะเยาะเธออยู่แน่ๆ อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ทั้งสองสบตากันสักครู่ ปลายรุ้งทำไม่รู้ไม่ชี้เดินหนีไปยังระเบียง ส่วนเรนก็หันหลังผลุบเข้าห้องน้ำไปเหมือนกัน
และเวลาเพียงไม่นาน ร่างบางที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็ออกมาจากห้องน้ำ ในเวลาเที่ยงกว่าๆ มันทำให้นักเขียนอย่างเรนล้าอย่างบอกไม่ถูกเลย หญิงสาวหย่อนกายลงบนเตียงอย่างเบื่อๆ รู้สึกใจไม่ดีเลยที่จะต้องเข้าสำนักพิมพ์เอาเสียขนาดนี้ หลับตานึกถึงบอกอเอสแล้วเรนถึงกับขยาด นี่จะโดนเล่นงานขนาดไหนกันนะที่สุดท้ายก็เข้าออฟฟิศสายอีกจนได้ ไม่ได้สายธรรมดาด้วย นี่เรียกว่าสายมากถึงมากที่สุดเลยนะเรน
“อย่ากังวลเลยเรน” เสียงกระซิบอยู่ข้างหู หญิงสาวถึงกับผงะ หันไปข้างหลัง ปลายรุ้งนั่นเอง ร่างในชุดขาวนั่งบนเตียงไม่ห่างเท่าไหร่
เรนส่งสายตามามองเพื่อนสาวอย่างเอาเรื่อง จะผลุบจะโผล่ก็ไม่ให้สุ่มให้เสียง ดูจะคล้ายแวมไพส์ไปเสียทุกทีแล้วเนี่ย
“รับรองได้ ว่าเรนจะปลอดภัยจากบอกอคนสวยแน่นอน” เรนทำหน้าเหวอ
“รู้ดีจริงนะรุ้ง” เรนเอ่ยเสียงประชด เดาถูกอีกนะว่าเรนกำลังคิดอะไรอยู่ ปลายรุ้งเอียงหน้ายิ้มๆ ก่อนที่จะเลื่อนกายมานั่งข้างๆ
“จริงๆ นะ” คนที่เพิ่งมานั่งข้างกล่าวย้ำ เรนพยักหน้า ทำใจให้เชื่ออย่างยากเย็น ปากซีดขาวปลายรุ้งแย้มยิ้มอย่างมีเลศนัยน์ มือเรียวเอื้อมมาแตะแขนของเรนแผ่วเบา
แต่คราวนี้นิ้วเรียวของปลายรุ้ง กลับอบอุ่นและอ่อนโยน จนเรนรู้สึกดีอย่างประหลาด ความคิดกังวลกลับมลายหายไปเสียเฉยๆ
แต่อีกความรู้สึกหนึ่งของเรน มันเหมือนกับตกอยู่ในห้วงฝันมากกว่า ฝันที่อบอุ่น อ่อนโยน ดวงตาสีรัตติกาลของปลายรุ้ง ดุจมีมนต์ขลัง แววตาเป็นประกายเรืองรองนั้นก็ด้วย ในยามที่จ้องลึกเข้าไปทีไร เรนเหมือนกับต้องมนต์เสียทุกครั้งไป
ปลายรุ้ง...เธอทำแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ...
ในยามที่สัมผัสพิเศษทำให้เรนเจ็บจี้ดที่หัวใจ แค่เพียงสัมผัสเบาๆ ทุกอย่างก็ผ่อนคลาย
ร่างกายที่เย็นเยือกสลับไปกับอบอุ่นนั้น มันทำให้เรนสะท้านไปเสียทุกครั้งที่ได้สัมผัส แต่ในเพียงพริบตา ความรู้สึกนั้นก็กลับเลือนหายไปเสียทุกครา...
นี่ยังไงล่ะ ที่เรนคิดว่าตัวเองเหมือนตกอยู่ในห้วงฝัน...ฝันในยามที่เรนลืมตา
ปลายรุ้งปล่อยให้เพื่อนสาวใคร่ครวญในความเป็นตัวเธออยู่เนิ่นนาน ร่างบางขาวซีดรอคอยอย่างใจเย็น ปล่อยมือนั้นให้เป็นอิสระเมื่อสัมผัสได้ถึงความสบายใจในตัวเพื่อนสาว
“ขอบคุณนะรุ้ง” ปลายรุ้งยิ้มให้กับคำนั้น
เรนเอื้อมมือทั้งสองข้างมาเกาะกุมมืออบอุ่นของปลายรุ้ง บีบเบาๆ นัยน์ตาคู่สวยสบกันนิ่ง
“เรารู้สึกดีขึ้นแล้ว” เรนถอนใจอย่างโล่งอก
“หากบอกอเอสจะลงโทษอะไรอีก เราก็จะยอมรับ” เรนพูดเหมือนกับปลง
“เรน...เชื่อรุ้ง” เสียงของปลายรุ้งเอ่ยมั่นคง
นัยน์ตาของเรนกลอกไปมา ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน ก่อนที่จะคลี่ยิ้มออกมา แขนทั้งสองข้างเลื่อนไปโอบกอดร่างในชุดขาวนั้นเบาๆ อย่างขอบคุณ
คนที่ถูกกอดนิ่งอยู่สักครู่ พอให้เรนมีกำลังใจ แล้วจึงดันร่างของเพื่อนสาวห่างจากตัวเบาๆ
“ไปได้แล้ว” ปลายรุ้งเหมือนออกคำสั่ง
เรนยิ้มให้กับคำสั่งนั้น ก่อนที่จะพาตัวเองเดินออกมา พอมาถึงประตูห้อง เหมือนเรนจะนึกขึ้นได้ ว่าทิ้งปลายรุ้งไว้ที่บ้านแบบนี้จะอยู่ได้หรือเปล่า...แค่คิดเท่านั้นนะ
‘รุ้งไม่เป็นไรหรอกเรน’ อยู่ๆ เรนก็ได้ยินเสียงนี้ มันเหมือนเสียงกระซิบ ไม่ๆๆๆ ไม่ใช่ มันเหมือนกับเป็นการส่งกระแสจิตมากกว่า มันดังอยู่ในหัวแน่ๆ เรนมั่นใจ
ไม่มีเวลาที่จะหันไปค้นหาความจริงแล้ว ไม่ใช่ครั้งนี้ครั้งแรก ที่ปลายรุ้งมักมีอะไรแปลกๆ เสียหน่อย เรนยิ้มอย่างถอดใจ ก่อนที่สองเท้าจะเริ่มก้าวเดิน แต่ยังไม่ทันจะได้พ้นประตู
“วันนี้สงบสติอารมณ์ด้วยนะเรน” คำเตือนของปลายรุ้ง ทำให้เรนหันมา สีหน้าระอาเต็มที
“ยังไงเนี่ยรุ้ง” อารมณ์ชักขมุกขมัว “ก็ไหนบอกว่าวันนี้ปลอดโปร่งไง”
ปลายรุ้งทำสีหน้าประมาณไม่รู้ไม่ชี้
“ก็ใช่” ตอบสั้นๆ แต่ไม่ได้ใจความเลย เรนทำตาดุใส่
“ที่ปลอดภัยน่ะ รุ้งหมายถึงจากบอกอคนสวยของเรนคนเดียวนะ”
“ยังไง” เรนเอ่ยถามทันควัน
“ก็ไม่รู้สิ แค่รุ้งรู้สึกเหมือนกับว่า...” ปากซีดขาวหยุด รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดเล็กๆ
เรนรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ หากขืนช้ากว่านี้ อาจมีโวยแน่ๆ
“เรนอาจจะเจอเนื้อคู่น่ะสิ” คนที่ตั้งใจฟัง ถึงกับอึ้ง ตะลึงตาค้าง นี่คุณหนูปลายรุ้งพูดอะไร คนเขาอุตส่าห์ตั้งใจฟังคำเตือน แล้วนี่อะไรกัน...
เนื้อคู่หรือ ฟังแล้วบ้าสิ้นดีเลย ดวงตาโกรธมองปลายรุ้งอย่างเอาเรื่อง ปากขยับจะต่อว่า แต่เพื่อนสาวรู้ทัน ร่างในชุดขาวรีบเผ่นแน่บ แทรกกายผ่านเรน โดยที่เรนเกือบจะหลบแทบไม่ทัน
แต่ความไวของเรนก็ใช่ย่อย คว้ามือหนึ่งของปลายรุ้งไว้ได้ คนถูกจับได้ หันมายิ้มแหยๆ
“เชื่อรุ้งเหอะนะ หากเรนไม่สงบสติอารมณ์ อาจเจอดีได้นะ” คำเตือนนั้นทำให้เรนมองมาอย่างไม่เข้าใจ ในช่วงที่เรนเผลอ ปลายรุ้งปลดมือให้เป็นอิสระ ก่อนที่จะวิ่งลงบันไดไป
ทิ้งให้เรนยืนเอ๋อ คิดฟุ่งซ่านอยู่คนเดียว
เนื้อคู่หรือ เจอดีหรือ อ่า เรื่องเลวร้ายมากเลยนะ เรนใจฝ่อขึ้นมาทันที
ยิ่งนึกถึงฝันสยองเมื่อคืนนี้ก็เข็ดขยาด สัมผัสรุกรานมันไม่หายไปจากความรู้สึกเสียที
มันกลับยิ่งทำให้กายสาวของเรนร้อนผ่าวไปเสียทุกครั้ง
เกลียดจัง เกลียดความรู้สึกนี้จัง....ต้นหนาว อยากฆ่านายจริงๆ เลย
เรนถอนใจ สะบัดความคิดฟุ้งซ่านให้พ้นไป จัดกระเป๋าสะพายให้เข้าที่ ก่อนที่จะวิ่งลงบันไดสู่ชั้นล่างของตัวบ้านอย่างเร่งรีบ...
แต่ช่างน่าแปลกใจ เรนจะไปเจอดีอะไรที่สำนักพิมพ์กันแน่นะ ความฝันที่น่าอายของเรนจะเกี่ยวข้องหรือเปล่า...น่าสนใจใช่ไหม...?
........................
ฝากช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
นัฐชา (จันทร์สีมุก)
ในความเงียบท่ามกลางความมืดเลือนราง หัวใจของเรนแทบจะหยุดเต้น ร่างหนาที่เหนือกายดุจเครื่องพันธนาการเป็นอย่างดี ดวงตาเบิกโพลงของเธอจ้องเขาเขม็ง นัยน์ตาคมกริบจ้องคนที่อยู่ใต้ร่างเหมือนกับจะกลืนกิน ปากบางของเขาเข่นเคี่ยวอย่างน่ากลัว
เขาขยับกายพร้อมกับโน้มหน้าเข้ามาใกล้ เสียงหายใจของเขาเต้นถี่รัว แต่หญิงสาวกับแรงยิ่งกว่า ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะเข้าใกล้ มองเรียวปากงามของเรนอย่างมีความหมาย...
“กรี๊ดดดดดดดดด!!!!!” คนที่กำลังจะถูกทำมิดีมิร้ายต่อไปถึงกับแหกปากร้องลั่น มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาดันลำตัวที่หนักอึ้งของเขา
ชายหนุ่มหัวเราะหึหึ ก่อนที่จะทิ้งน้ำหนักตัวลงไปอีก ปากบางของเขาหวังจะมอบความหวานให้กับหญิงสาว แต่เรนกลับไม่ยอมเป็นเป้านิ่ง ใบหน้าตระหนกนั้นส่ายหลบหนีพัลวัน เขาหัวเราะเจ้าเล่ห์ เห็นเป็นเรื่องสนุก จมูกของเขาระดมจูบไปทั่ววงหน้า คนผมหยิกหลบสุดฤทธิ์ สองมือยกขึ้นมาปัดป่ายใบหน้าเขามั่วไปหมด
“ไอ้บ้า” เรนคำรามเสียงหนัก “ปล่อยฉันนะ”
แต่จมูกโด่งเป็นสันของเขายังคงซุกซนไม่เลิก ดุจเป็นคำท้า ว่าคนปากดีอย่างเรน จะเก่งไปได้สักแค่ไหน เรนเหนื่อยแทบขาดใจ กับการต่อต้านเขา
“ช่วยด้วย” หญิงสาวเริ่มตะโกนให้คนช่วย ถึงแม้ว่าโอกาสนั้นจะน้อยเต็มที
แต่เขาไม่สนใจเลยสักนิด เรนเริ่มออกแรงปัดป่ายมั่วซั่วอีกครั้ง เขาคำรามข้างหูอย่างขัดใจ แต่เรนไม่สนแล้วเหมือนกัน ปากบางยังคงร้องตะโกน นัยน์ตาอวดดีหลับหูหลับตา มือก็สะเปะสะปาทุบเขาไปทั่ว ไม่คำนึงถึงแล้วว่าหากทำเขาเจ็บ จะถูกเขาจัดการอีกหรือไม่
“ปล่อยๆๆ ปล่อยฉัน” เรนออกคำสั่งซ้ำๆ ทั้งที่ยังหลับตาปี๋ ไม่รู้ว่าเนิ่นนานแค่ไหน ที่เรนพร่ำเหมือนคนบ้า
แต่แล้วจู่ๆ เหมือนร่างบางจะรู้สึกโล่งอย่างประหลาด น้ำหนักที่โถมทับเหมือนเลือนหาย แต่ทว่าคนที่เอาแต่หลับตาถึงกับสะดุ้งสุดตัว เมื่อใบหน้าสัมผัสได้ถึงความเย็นเยือกดุจน้ำแข็ง สมองสั่งการให้เรนลืมตาขึ้นทันที
คนที่อยู่ตรงหน้าทำให้เรนยิ้มอย่างรู้สึกโล่งในอก “รุ้ง...” เธอพึมพำเรียกชื่อคล้ายเสียงกระซิบ
นัยน์ตาสีราตรีจ้องมองเรนอย่างห่วงใย และสงสัยในคราเดียวกัน ปลายนิ้วเรียวเย็นของปลายรุ้งประคองดวงหน้าของเพื่อนสาวเอาไว้
“เรน...” ปลายรุ้งเรียก คล้ายให้เจ้าของชื่อรู้สึกตัว
“เรนฝันร้ายเหรอ” คำถามของรุ้ง เรนพยักหน้า อาการหายใจหอบเหมือนคนเพิ่งวิ่งหนีอะไรมาสักพันไมล์
“เล่าให้ฟังได้ไหม” ปลายรุ้งถาม ก่อนที่จะละนิ้วเย็นจากแก้มเพื่อนสาว
“เออ...” เรนอึกอัก เมื่อนึกถึงฝันสยอง
ปลายรุ้งจ้องคนตรงหน้านิ่ง เรนถึงกับหลบสายตาอย่างมีพิรุธ
“ว่าไงเรน...เล่าให้รุ้งฟังหน่อย” สาวน้อยคะยั้นคะยอ
เรนได้แต่ยิ้มแหยๆ ไม่กล้าสบตาปลายรุ้ง จะบอกไปได้อย่างไร ฝันนั้นช่างน่าอายขนาดนั้น
ปลายรุ้งเลื่อนกายมานั่งเคียงข้าง มือเย็นเอื้อมไปกุมมือหนึ่งของเรน พอสักนิดปากเรียวก็อมยิ้มนิดๆ ก่อนที่จะหัวเราะเล็กๆ ออกมา
“หัวเราะอะไรรุ้ง” เรนเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ก็หัวเราะเรนไง” ปลายรุ้งหันมามองคนข้างกาย เรนถึงกับทำหน้าย่น
“ฝันถึงเนื้อคู่หรือเรน” คนถูกถามถึงกับสะดุ้ง
“เหอ รุ้งมั่วแล้ว เปล่าสักหน่อย”
“เปล่าหรือ งั้นก็เล่าสิ” นัยน์ตาสีราตรีจ้องเข้ามาในดวงตาสีน้ำตาลเหมือนจะสะกด
“เล่ามาสิ...เรน” เสียงเย็น เอ่ยเนิบๆ
เรนถึงกับตัวแข็ง เหมือนกับต้องมนต์ยังไงไม่รู้ รอยยิ้มเยือกๆ มองแล้ววูบวาบไปทั่วความรู้สึกเลยเชียวแหล่ะ
ปลายรุ้งหัวเราะ ถึงคนที่ถูกถามไม่เอ่ยปากเล่า เธอก็รู้อยู่แล้วว่าเรนเจออะไรในฝันนั้น...
แต่แค่ไหนกันนะ...ที่จิตสัมผัสของปลายรุ้งจะสามารถรับรู้ได้
“เรนฝันถึงรุ้งใช่ไหม” ปลายรุ้งเอ่ยถามอีกครั้ง ก่อนที่จะละจากดวงหน้าซีดเซียวของเรน
เรนเหลือบมองใบหน้าด้านข้างของปลายรุ้งอย่างพินิจ “รุ้งรู้ได้ไงเนี่ย”
แทนคำตอบ หญิงสาวหัวเราะอย่างขำๆ
“ก็เรนน่ะ อ่านง่ายจะตายไป”
“เราเนี่ยนะอ่านง่าย” เรนชี้หน้าตัวเอง อาการเหวอกันเลยทีเดียว
“อืม งั้นสิ” โห ตอบกวนอีกแล้วคุณหนูปลายรุ้ง เรนเหลือบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนข้างกาย นึกละอายใจตัวเองอย่างบอกไม่ถูก “ขอโทษนะรุ้ง” หญิงสาวเอ่ยคำขอโทษในใจอย่างรู้สึกผิด
ถึงแม้มันจะเป็นเพียงแค่ความฝันก็ตามทีเถอะนะ
แต่มันสมควรแล้วหรือเรน ที่เก็บเอาคนใจร้ายอย่างต้นหนาวมาฝันถึงขนาดนี้
และที่สำคัญผู้ชายคนนั้น เป็นอดีตคนรักของปลายรุ้งด้วย...นี่สิ ที่คิดหนัก
แต่จะว่าไป...เรนก็ยังไม่เห็นหน้าเขาชัดๆ เลย นอกจากต้นหนาวจะใจร้าย ไม่เป็นสุภาพบุรุษแล้วยังหยิ่งเล่นตัวอีกต่างหาก
แค่ถามว่านายคือ “ต้นหนาว” หรือเปล่า ยังไม่ตอบอีกแน่ะ เชอะ ใครจะไปอยากรู้ หญิงสาวเผลอแตะริมฝีปากตัวเองอย่างลืมตัว ความร้อนผ่าวของมันเหมือนยังคงค้างคา สัมผัสที่ก่อเกิดไปทั่วกายยังเหมือนติดตรึงอยู่เลย
นี่แค่ฝันนะเรน...
เรนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะละสายตาจากปลายรุ้ง ที่ยังคงทอดสายตาไปไกลเกินกว่าที่เรนจะสนใจ ร่างบางเอนกายพิงกับผนัง นัยน์ตาสีน้ำตาลปิดเปลือกตาลงอย่างอ่อนแรง
“ขอโทษเราทำไมกัน” จู่ๆ ปลายรุ้งก็โพล่งถามขึ้นมา ทำเอาคนข้างๆ เบิกตาขึ้นอย่างรวดเร็ว
คำถามของปลายรุ้ง ทำความแปลกใจให้เรนมากกว่าที่จะทันได้ตอบ ปลายรุ้งหันมาหาเรน นัยน์ตาสีราตรีจ้องเข้าไปในดวงตาของคนที่กำลังแปลกใจนิ่ง รอยยิ้มนิดๆ ที่มุมปากของรุ้ง ถึงกับทำให้เรนเสียววูบ
“แค่ฝันถึงรุ้ง” ปลายรุ้งเอ่ยเสียงเยียบเย็น “ไม่เห็นต้องคิดมากเลยนี่เรน”
แล้วคุณหนูรุ้งก็หัวเราะอย่างขำๆ แต่เรนขำไม่ออก ปลายรุ้งดูเหมือนจะล่วงรู้ถึงความคิดของหญิงสาวไปเสียหมด ตั้งแต่ที่เรือนของคุณยายทวดแล้ว
เรนเริ่มกลัวแล้วนะ
ไม่ได้ว่ากลัวที่ปลายรุ้งล่วงรู้ความคิดของเธอหรอกนะ แต่กลัวปลายรุ้งจะเข้าใจผิด กับความคิดฟุ้งซ่านถึงเรื่องราวที่ฝันต่อจากวิ่งตามปลายรุ้งไปนั่น...มากกว่า
อาการเงียบของเรน ปลายรุ้งหรี่ตามองอย่างสงสัย
มีอะไรในฝันอีกหรือเปล่า ที่เธอไม่สามารถเข้าถึงได้...
“เรนไม่ได้ฝันถึงรุ้งอย่างเดียวเหรอ”
จู่ๆ ปลายรุ้งก็เอ่ยถามขึ้นมาอีกพร้อมๆ กับยื่นใบหน้ามาเสียใกล้ เรนตาโต ก่อนที่จะกระพริบตาปริบๆ
รอยยิ้มของคนถูกถามยามนี้แหยๆ ส่วนคนถามกลับอมยิ้มอย่างหยอกเย้า แต่เรนกลับรู้สึกว่าเพื่อนสาวกำลังพยายามที่จะเดาความรู้สึกของเธอ...เหมือนทุกครั้ง
นัยน์ตาสีรัตติกาลจ้องเข้ามาในดวงตามีพิรุธของเรนนิ่ง แต่นัยน์ตาสีน้ำตาลนั้นกลับปิดเปลือกตาลง ปลายรุ้งถึงกับหัวเราะเล็กๆ ดูเหมือนว่าเรนจะระวังตัวเสียแล้วสิ แต่จะระวังแค่ไหนก็คงต้องลองดู...อีกครั้ง
ปลายรุ้งเลื่อนกายมานั่งข้าง แผ่นหลังบางเอนไปกับผนัง ปลายนิ้วเรียวเย็นดุจน้ำแข็งเอื้อมมากุมมือเรนที่วางไว้ข้างกาย จนสัมผัสได้เพียงนิดถึงอาการสะดุ้งของเรน
เรนเหมือนตกอยู่ในห้วงแห่งภวังค์...
ภาพความฝันเริ่มพุ่งพล่านในหัว ตั้งแต่เห็นปลายรุ้ง รอยยิ้มเย็นเยือกที่ได้รับ เรนยังคงจำได้ดี และหญิงสาวก็วิ่งตามไปจนปลายรุ้งเลือนหายไปในความมืดสนิท จนกระทั่ง....
แต่แล้วเสียงโทรศัพท์เครื่องเล็กในห้องก็ดังขึ้น เรนถึงกับสะดุ้งเฮือก หลุดจากความคิดที่แสนจะฟุ้งซ่านของฝันน่าอับอายนั่น
และก็ทำให้ปลายรุ้งรับรู้ได้เพียง...แค่นั้น
ถือเป็นความโชคดีของเรนได้หรือเปล่านะนี่...ขอบคุณเสียงโทรศัพท์นั่นคงเป็นสิ่งที่เรนคิด
รอยยิ้มราบเรียบผุดขึ้นที่เรียวปากซีดเซียวของปลายรุ้ง มองตามเพื่อนสาวที่เดินเข้าไปรับโทรศัพท์ในห้อง สีหน้าครุ่นคิดก่อเกิดทั่วใบหน้าขาว เกิดความสงสัยขึ้นในห้วงจิต
ทำไมถึงได้อ่านความคิดของเรนได้ยากขื้นเรื่อยๆ หรือว่ามีบางสิ่งที่เรนพยายามปิดกลั้น จนคนชะตาเดียวกันก็ไม่อาจเข้าถึง
หรือว่าพลังเหนือธรรมชาติของปลายรุ้งเริ่ม...อ่อนลง
แต่ก็คงไม่ใช่ เพราะร่างที่ชัดเจนในการปรากฏกายต่อหน้าเรน ก็ยังคงแจ่มชัดอยู่นี่น่า
ดวงตาสีราตรีปิดลงอย่างเหนื่อยล้า รู้สึกร่างกายที่เย็นเยือกเริ่มอ่อนแรง ร่างบางเอนพิงผนังห้องอีกครั้ง หรือว่าอำนาจเหนือธรรมชาติของหญิงสาวกำลังโดนเรนต่อต้าน
โดยที่คนกำลังต่อต้านเอง ก็ยังไม่รู้ตัว...
“ว๊ากกกกกกกกกกกกกแย่แล้ว” เสียงโวยวายของคนข้างใน ดึงให้คนข้างนอกหลุดจากภวังค์ ร่างบางเคลื่อนกายมาอยู่ข้างหลังเรน แค่เพียงพริบตาเดียว
บ่าบางของเรนสะดุ้งเฮือก เมื่อปลายนิ้วเรียวเย็นดุจหิมะของปลายรุ้งสัมผัส
“รุ้ง เป็นอะไร” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง ก่อนที่จะละมือจากบ่าบาง เมื่อเห็นเรนทำท่าหนาวสะท้าน เจ้าของบ่ายิ้มอย่างขอบคุณ
แทนการตอบคำถาม เรนหันกลับมา พร้อมกับชี้นิ้วไปที่นาฬิกาเรือนสวยที่อยู่เหนือประตูทางเข้า นัยน์ตาสีนิลมองตาม พอเห็นเวลาที่ปรากฏ สาวน้อยถึงกับหัวเราะลั่น
ก็ไม่ให้ปลายรุ้งหัวเราะได้อย่างไร ในเมื่อเวลานั้นแจ่มชัดมาก เกือบจะเที่ยงเข้าไปแล้ว
เรนทำสีหน้าแหยๆ “น้องหญิงโทรมาตามล่ะ”
“รู้แล้ว” ปลายรุ้งตอบ และเรนก็ไม่สนใจแล้วว่าเพื่อนสาวจะรู้ได้อย่างไร เพราะเริ่มชินกับการเดาเรื่องของปลายรุ้งบ้างแล้ว
“สายอีกแล้วนะเรน” เรนพยักหน้า ทิ้งกายลงกับเตียงอย่างเซ็งในอารมณ์
นึกถึงต้นเหตุที่ทำให้สาย ปากบางก็เม้มเป็นเส้นตรงอย่างเสียอารมณ์ เป็นเพราะฝันบ้าๆ นั้นทีเดียว
อ่า เป็นเพราะคนที่อยู่ในฝันนั้นด้วยหรือเปล่า ผู้ชายกวนประสาท ฉวยโอกาสคนนั้นแน่ๆ
ลำพังฝันเห็นแค่ปลายรุ้งคนเดียว แล้วตื่น ก็คงไม่สายมั้ง
แต่เพราะๆๆๆ เฮ้อ เรนเผลอถอนหายใจเฮือกใหญ่ หยุดความคิดฟุ้งซ่านไว้แต่เพียงแค่นี้ หัวสะบัดไปมาไล่ความหลอนจากฝันร้ายนั้นออกไป นึกถึงทีไร ร่างกายพาจะร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ
แต่พอเงยหน้าขึ้นมา หญิงสาวถึงกับผงะ
ปลายรุ้งที่ย่อกาย ใบหน้าขาวซีด นัยน์ตาสีนิลประกายกำลังจ้องเรนอย่างตั้งใจ กระแสของความหนาวเย็นปะทะใบหน้าตกใจของเรนแผ่วๆ แต่แค่นี้ก็ทำให้เรนยะเยือกได้เหมือนกันนะ
“รุ้ง ทำให้เราตกใจอีกแล้วนะ” เรนต่อว่าเสียงอ่อย คนที่ถูกต่อว่ายืดกายขึ้น ถอนใจเฮือกเหมือนเสียดายโอกาสอะไรสักอย่าง เรนทำหน้าหงิกขึ้นมาทันที เมื่อคิดได้ว่าปลายรุ้งกำลังคิดอะไรอยู่
แต่ปลายรุ้งทำเป็นไม่สนใจ ดวงหน้าขาวนวลกลับพยักพเยิดให้คนหน้าหงิกหันไปสนใจเจ้าเวลาที่มันเดินไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รอใครเสียด้วยสิ
ไม่ต้องสื่อกันด้วยคำพูด เรนก็เข้าใจในความหมาย หากหน้าหงิกอยู่เช่นนี้ บ่ายโมงจะถึงสำนักพิมพ์หรือเปล่าก็ไม่รู้ หญิงสาวลุกจากเตียงเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่ไม่วายหันมาเข่นเคี่ยวใส่ปลายรุ้งที่มองตามอย่างยิ้มๆ ถ้าเข้าใจไม่ผิดคุณหนูรุ้งกำลังหัวเราะเยาะเธออยู่แน่ๆ อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ทั้งสองสบตากันสักครู่ ปลายรุ้งทำไม่รู้ไม่ชี้เดินหนีไปยังระเบียง ส่วนเรนก็หันหลังผลุบเข้าห้องน้ำไปเหมือนกัน
และเวลาเพียงไม่นาน ร่างบางที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็ออกมาจากห้องน้ำ ในเวลาเที่ยงกว่าๆ มันทำให้นักเขียนอย่างเรนล้าอย่างบอกไม่ถูกเลย หญิงสาวหย่อนกายลงบนเตียงอย่างเบื่อๆ รู้สึกใจไม่ดีเลยที่จะต้องเข้าสำนักพิมพ์เอาเสียขนาดนี้ หลับตานึกถึงบอกอเอสแล้วเรนถึงกับขยาด นี่จะโดนเล่นงานขนาดไหนกันนะที่สุดท้ายก็เข้าออฟฟิศสายอีกจนได้ ไม่ได้สายธรรมดาด้วย นี่เรียกว่าสายมากถึงมากที่สุดเลยนะเรน
“อย่ากังวลเลยเรน” เสียงกระซิบอยู่ข้างหู หญิงสาวถึงกับผงะ หันไปข้างหลัง ปลายรุ้งนั่นเอง ร่างในชุดขาวนั่งบนเตียงไม่ห่างเท่าไหร่
เรนส่งสายตามามองเพื่อนสาวอย่างเอาเรื่อง จะผลุบจะโผล่ก็ไม่ให้สุ่มให้เสียง ดูจะคล้ายแวมไพส์ไปเสียทุกทีแล้วเนี่ย
“รับรองได้ ว่าเรนจะปลอดภัยจากบอกอคนสวยแน่นอน” เรนทำหน้าเหวอ
“รู้ดีจริงนะรุ้ง” เรนเอ่ยเสียงประชด เดาถูกอีกนะว่าเรนกำลังคิดอะไรอยู่ ปลายรุ้งเอียงหน้ายิ้มๆ ก่อนที่จะเลื่อนกายมานั่งข้างๆ
“จริงๆ นะ” คนที่เพิ่งมานั่งข้างกล่าวย้ำ เรนพยักหน้า ทำใจให้เชื่ออย่างยากเย็น ปากซีดขาวปลายรุ้งแย้มยิ้มอย่างมีเลศนัยน์ มือเรียวเอื้อมมาแตะแขนของเรนแผ่วเบา
แต่คราวนี้นิ้วเรียวของปลายรุ้ง กลับอบอุ่นและอ่อนโยน จนเรนรู้สึกดีอย่างประหลาด ความคิดกังวลกลับมลายหายไปเสียเฉยๆ
แต่อีกความรู้สึกหนึ่งของเรน มันเหมือนกับตกอยู่ในห้วงฝันมากกว่า ฝันที่อบอุ่น อ่อนโยน ดวงตาสีรัตติกาลของปลายรุ้ง ดุจมีมนต์ขลัง แววตาเป็นประกายเรืองรองนั้นก็ด้วย ในยามที่จ้องลึกเข้าไปทีไร เรนเหมือนกับต้องมนต์เสียทุกครั้งไป
ปลายรุ้ง...เธอทำแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ...
ในยามที่สัมผัสพิเศษทำให้เรนเจ็บจี้ดที่หัวใจ แค่เพียงสัมผัสเบาๆ ทุกอย่างก็ผ่อนคลาย
ร่างกายที่เย็นเยือกสลับไปกับอบอุ่นนั้น มันทำให้เรนสะท้านไปเสียทุกครั้งที่ได้สัมผัส แต่ในเพียงพริบตา ความรู้สึกนั้นก็กลับเลือนหายไปเสียทุกครา...
นี่ยังไงล่ะ ที่เรนคิดว่าตัวเองเหมือนตกอยู่ในห้วงฝัน...ฝันในยามที่เรนลืมตา
ปลายรุ้งปล่อยให้เพื่อนสาวใคร่ครวญในความเป็นตัวเธออยู่เนิ่นนาน ร่างบางขาวซีดรอคอยอย่างใจเย็น ปล่อยมือนั้นให้เป็นอิสระเมื่อสัมผัสได้ถึงความสบายใจในตัวเพื่อนสาว
“ขอบคุณนะรุ้ง” ปลายรุ้งยิ้มให้กับคำนั้น
เรนเอื้อมมือทั้งสองข้างมาเกาะกุมมืออบอุ่นของปลายรุ้ง บีบเบาๆ นัยน์ตาคู่สวยสบกันนิ่ง
“เรารู้สึกดีขึ้นแล้ว” เรนถอนใจอย่างโล่งอก
“หากบอกอเอสจะลงโทษอะไรอีก เราก็จะยอมรับ” เรนพูดเหมือนกับปลง
“เรน...เชื่อรุ้ง” เสียงของปลายรุ้งเอ่ยมั่นคง
นัยน์ตาของเรนกลอกไปมา ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน ก่อนที่จะคลี่ยิ้มออกมา แขนทั้งสองข้างเลื่อนไปโอบกอดร่างในชุดขาวนั้นเบาๆ อย่างขอบคุณ
คนที่ถูกกอดนิ่งอยู่สักครู่ พอให้เรนมีกำลังใจ แล้วจึงดันร่างของเพื่อนสาวห่างจากตัวเบาๆ
“ไปได้แล้ว” ปลายรุ้งเหมือนออกคำสั่ง
เรนยิ้มให้กับคำสั่งนั้น ก่อนที่จะพาตัวเองเดินออกมา พอมาถึงประตูห้อง เหมือนเรนจะนึกขึ้นได้ ว่าทิ้งปลายรุ้งไว้ที่บ้านแบบนี้จะอยู่ได้หรือเปล่า...แค่คิดเท่านั้นนะ
‘รุ้งไม่เป็นไรหรอกเรน’ อยู่ๆ เรนก็ได้ยินเสียงนี้ มันเหมือนเสียงกระซิบ ไม่ๆๆๆ ไม่ใช่ มันเหมือนกับเป็นการส่งกระแสจิตมากกว่า มันดังอยู่ในหัวแน่ๆ เรนมั่นใจ
ไม่มีเวลาที่จะหันไปค้นหาความจริงแล้ว ไม่ใช่ครั้งนี้ครั้งแรก ที่ปลายรุ้งมักมีอะไรแปลกๆ เสียหน่อย เรนยิ้มอย่างถอดใจ ก่อนที่สองเท้าจะเริ่มก้าวเดิน แต่ยังไม่ทันจะได้พ้นประตู
“วันนี้สงบสติอารมณ์ด้วยนะเรน” คำเตือนของปลายรุ้ง ทำให้เรนหันมา สีหน้าระอาเต็มที
“ยังไงเนี่ยรุ้ง” อารมณ์ชักขมุกขมัว “ก็ไหนบอกว่าวันนี้ปลอดโปร่งไง”
ปลายรุ้งทำสีหน้าประมาณไม่รู้ไม่ชี้
“ก็ใช่” ตอบสั้นๆ แต่ไม่ได้ใจความเลย เรนทำตาดุใส่
“ที่ปลอดภัยน่ะ รุ้งหมายถึงจากบอกอคนสวยของเรนคนเดียวนะ”
“ยังไง” เรนเอ่ยถามทันควัน
“ก็ไม่รู้สิ แค่รุ้งรู้สึกเหมือนกับว่า...” ปากซีดขาวหยุด รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดเล็กๆ
เรนรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ หากขืนช้ากว่านี้ อาจมีโวยแน่ๆ
“เรนอาจจะเจอเนื้อคู่น่ะสิ” คนที่ตั้งใจฟัง ถึงกับอึ้ง ตะลึงตาค้าง นี่คุณหนูปลายรุ้งพูดอะไร คนเขาอุตส่าห์ตั้งใจฟังคำเตือน แล้วนี่อะไรกัน...
เนื้อคู่หรือ ฟังแล้วบ้าสิ้นดีเลย ดวงตาโกรธมองปลายรุ้งอย่างเอาเรื่อง ปากขยับจะต่อว่า แต่เพื่อนสาวรู้ทัน ร่างในชุดขาวรีบเผ่นแน่บ แทรกกายผ่านเรน โดยที่เรนเกือบจะหลบแทบไม่ทัน
แต่ความไวของเรนก็ใช่ย่อย คว้ามือหนึ่งของปลายรุ้งไว้ได้ คนถูกจับได้ หันมายิ้มแหยๆ
“เชื่อรุ้งเหอะนะ หากเรนไม่สงบสติอารมณ์ อาจเจอดีได้นะ” คำเตือนนั้นทำให้เรนมองมาอย่างไม่เข้าใจ ในช่วงที่เรนเผลอ ปลายรุ้งปลดมือให้เป็นอิสระ ก่อนที่จะวิ่งลงบันไดไป
ทิ้งให้เรนยืนเอ๋อ คิดฟุ่งซ่านอยู่คนเดียว
เนื้อคู่หรือ เจอดีหรือ อ่า เรื่องเลวร้ายมากเลยนะ เรนใจฝ่อขึ้นมาทันที
ยิ่งนึกถึงฝันสยองเมื่อคืนนี้ก็เข็ดขยาด สัมผัสรุกรานมันไม่หายไปจากความรู้สึกเสียที
มันกลับยิ่งทำให้กายสาวของเรนร้อนผ่าวไปเสียทุกครั้ง
เกลียดจัง เกลียดความรู้สึกนี้จัง....ต้นหนาว อยากฆ่านายจริงๆ เลย
เรนถอนใจ สะบัดความคิดฟุ้งซ่านให้พ้นไป จัดกระเป๋าสะพายให้เข้าที่ ก่อนที่จะวิ่งลงบันไดสู่ชั้นล่างของตัวบ้านอย่างเร่งรีบ...
แต่ช่างน่าแปลกใจ เรนจะไปเจอดีอะไรที่สำนักพิมพ์กันแน่นะ ความฝันที่น่าอายของเรนจะเกี่ยวข้องหรือเปล่า...น่าสนใจใช่ไหม...?
........................
ฝากช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
นัฐชา (จันทร์สีมุก)
นัฐชา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 มี.ค. 2555, 13:18:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 มี.ค. 2555, 13:18:59 น.
จำนวนการเข้าชม : 1793
<< บทที่ 4 จุดเริ่ม(ตีพิมพ์สนพ.สมาร์ทบุ๊ค) |
นัฐชา 1 มี.ค. 2555, 13:21:09 น.
ฝากช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
และช่วยอุดหนุนนัฐชาด้วยนะคะ
วางขายแล้วที่ร้านซีเอ็ดทุกสาขานะคะ
มีหน้าปกมาฝากกันด้วยนค่ะ
http://writer.dek-d.com/rimnamta/writer/view.php?id=615548
ขอบคุณมากๆ นะคะ
นัฐชา (จันทร์สีมุก)
ฝากช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
และช่วยอุดหนุนนัฐชาด้วยนะคะ
วางขายแล้วที่ร้านซีเอ็ดทุกสาขานะคะ
มีหน้าปกมาฝากกันด้วยนค่ะ
http://writer.dek-d.com/rimnamta/writer/view.php?id=615548
ขอบคุณมากๆ นะคะ
นัฐชา (จันทร์สีมุก)