นิดหน่อยค่ะ...คุณแม่มาดมั่น VS คุณพ่อซื้อบื้อ
<center>เมื่อ...รุจิรา รุ่งเรืองเจริญสุข ตกปากรับคำท้าแฟนหนุ่ม

เธอจึงต้องหาคนมาเป็นสามีและพ่อของลูก

หากคงไม่มีใครอีกแล้วนอกจากเขา...นายอิสระ อดิเรกชีพ

หรือ พี่อิ อดีตคนรู้ใจ ผู้ชายบื้อที่เธอไม่ชอบขี้หน้า

เพราะเชื่อเสมอว่า...เขาโง่ และผู้หญิงฉลาดอย่างเธอ

ไม่ต้องการคนโง่เช่นเขา ทว่างานนี้เธอกลับต้องใช้คนโง่คนนี้

เพราะเขาทั้งซื่อทั้งบื้อ เขาไม่มีทางมาต่อกรกับเธอได้

เธอเชื่ออย่างนั้น

ส่วนเขา นายอิสระ อดีเรกชีพ

เมื่อถูกจู่โจมอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เขาจึงเผลอไผลไปกับเธอ

ตกเป็นหมากตัวหนึ่งในเกมนี้ของเธออย่างไม่รู้ตัว

แต่หากวันใดที่เขารู้ล่ะ เรื่องวุ่นๆ จะบังเกิดขึ้นไหม

และเขาจะยอมให้อภัยเธอหรือเปล่า

จะเป็นอย่างไร ต้องติดตามกันต่อค่ะ
</center>
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอน ๓ แผนก่อสร้างนิดหน่อย

ตอน๓ แผนก่อสร้างนิดหน่อย

‘ติ๊ดๆๆ’
มือเรียวบางรีบเอื้อมลงหยิบมือถือเครื่องจิ๋วออกมารับทันที ที่ได้ยินเสียงมัน
“มาถึงแล้วเหรอคะ อยู่ไหนคะ ข้างนอกเหรอคะ ค่ะๆ จิจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้” รุจิรายิ้มอย่างมีชัยใส่ทุกๆ คนเมื่อวางสายกับคนคนนั้น
“ฉันไปนะ เขามาแล้ว คนอะไรไม่รู้ได้ใจที่สุด” เธอแกล้งพูดยั่วจนทศกรโกรธจัด ต้องกระชากสาวสวยรุ่นน้องมาจูบโชว์รุจิรา แต่รุจิรากลับยิ้มระรื่นเสมือนไม่สะทกสะท้านอะไร หากความจริงแล้วภูเขาไฟที่โตเกียวแทบจะปะทุออกมาเมื่อถูกเขาหยามเช่นนี้ แต่นั่นเหรอ ไม่ใช่ปัญหาแล้วล่ะ เพราะประเดี๋ยวเจ้าหล่อนจะเล่นให้เขาเดือดพล่านกว่าที่เขาทำเธอ
“หึ ท่าทางจะรักกันมากนะคะ แต่...เฮ้อ...ไม่อยากอวดเลย ไม่เอา ไปดีกว่า” เธอแกล้งทำให้ทศกรสงสัย แล้วเดินอารมณ์ดีออกไปพบคนที่เธอนัดมารับ
แต่ด้วยความรักที่ยังมีให้เธออยู่เต็มหัวใจ ทศกรจึงต้องผลักไสรุ่นน้อง แล้วรีบวิ่งตามออกมาอย่างหวงแหน ปล่อยให้รุ่นน้องนั่งงงนํ้าตาคลออย่างไม่เข้าใจในตัวเขาเพียงลำพังในบาร์กับนุชดาแค่สองคน...

รุจิรารู้อยู่แล้วว่าคนอย่างทศกรต้องตามมาแน่ เธอจึงแกล้งยั่วทิ้งท้ายไว้แบบนั้น และมันก็เป็นผล เขาตามเธอมาจริงๆ ด้วย รุจิราเห็นดั่งนั้นก็รีบแกล้งเดินเร็วๆ ต่อไปจนเห็นเขาคนนั้นที่เธอนัดมารับและคนที่เธอตั้งใจจะจับมาเป็นพ่อพันธุ์ให้ตัวเอง
“พี่อิ!” เธอเรียกเขาเสียงดังลั่นเพื่อแกล้งใครบางคนต่อ
“จิ ทำไมถึงมาสถานที่แบบนี้ มันไม่เหมาะกับจิเลย ถ้ามีคนรู้ งานจิจะเสียรู้ไหม”
นี่แหละที่เธอเกลียด เธอไม่ชอบเขาก็ตรงนี้แหละ มาถึงก็ต่อว่าเลยนะพ่อคุณ รุจิราค้อนชายหนุ่มทันทีที่เขาสวดจบ ก่อนจะก้าวไปใกล้แล้วยื่นมือกอดแขนเขาเพื่อให้ทศกรเห็น
“ก็เพื่อนจิมาจัดงานวันเกิดที่นี่นี่นา แล้วจะให้จิไปไหนล่ะ เอาน่ะ กลับกันดีกว่า แต่อย่าไปบอกคุณแม่นะ ถ้าพี่อิบอก...” รุจิราสวนเขาไป ขณะที่เหลียวมองซ้ายทีขวาที และเมื่อเห็นว่าเป้าหมายของเธอกำลังมองอยู่ ก็รีบผละมือห่างจากแขนแกร่งของชายหนุ่มคนซื่อแล้วรีบเอื้อมสองมือขึ้นรวดเร็ว ตรงไปโน้มใบหน้าอันหล่อเหลาคมคายของเขามาจูบอย่างยั่วเย้า ทำให้เขาตกใจอย่างหนัก เพราะเขายังไม่ทันได้ตั้งตัว กำลังตั้งใจฟังที่เธอพูดอยู่ แต่จู่ๆ เจ้าหล่อนกลับเปลี่ยนทีท่าแล้วมากระทำเช่นนี้กับเขา แล้วจะไม่ให้เขาตกใจได้อย่างไร
ชายหนุ่มเคลิ้มกับเธออยู่ครู่หนึ่งก็ได้สติจึงรีบผลักรุจิราทันที แต่รุจิรากลับไม่ยอมปล่อย เธออมริมฝีปากของเขาแน่นเสียจนเขาไม่กล้าผละออก แต่ก็หวาดเกรงไปหมด กลัวเธอจะเสียหาย เนื่องจากตอนนี้สายตาผู้คนมากมายกำลังจับจ้องมองมาทางตัวเองกับเธอ ไม่วางตา
แต่คนงามใจอาจหาญนั้นกลับไม่แยแส เธอเริ่มรุกอีกคราเมื่อเห็นเขาไม่ขัดขืน ขณะที่สายตาก็จ้องมองไปทางแฟนหนุ่มของตัวเองอย่างท้าทาย แต่เพียงแค่อึดใจเมื่อเห็นเขาทนดูต่อไม่ไหว และเดินหนีกลับเข้าไปในบาร์แล้วสาวเจ้าก็รีบถอนริมฝีปากจากชายหนุ่มผู้เป็นหมากของตัวเองทันที พร้อมกับผลักเขาห่างสุดแรง
“ก็นี่ไง ถ้าพี่อิบอกคุณแม่ จิก็จะบอกเหมือนกันว่าพี่อิจูบจิต่อหน้าสาธารณชน ให้อาสร้อยเอาเรื่องพี่อิด้วย” เจ้าหล่อนอ้างขึ้นไม่ค่อยเต็มเสียง พยายามเชิดหน้าสูงมองเขาอย่างไม่เอียงอายอันใด หากแต่ดวงหน้างามนั้นกลับแดงก่ำ เพราะถึงแม้เธอจะฟองจัดแค่ไหน แต่เธอก็ผู้หญิง ฉะนั้นจึง...อายเป็นนะ เสียงใสตะคอกในใจเมื่อมองเขาแล้วเขาไม่ยอมละสายตาจากเธอสักที แต่เธอก็ยังพยายามทำเฉยเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายต่อไป
ชายหนุ่มสบตาเธอเฉยๆ ไม่ได้แสดงอาการอะไร แต่ก็ถอดถอนใจออกมา เนื่องจากหน่ายจริงๆ กับไอ้ความเป็นของเธอที่ไม่ว่าจะนานเท่าไรก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เขาจ้องอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะแย้งคำเธอ
“แต่จิมาจูบพี่เอง พี่ไม่ได้ไปจูบคุณสักหน่อย” เขาโต้ออกมาเฉิดเฉยเช่นเคย เหมือนไม่ได้สะทกสะท้านอะไรกับสิ่งที่เธอกระทำ เพียงเพราะชินกับมันมาก เธอชอบกระทำเช่นนี้บ่อย และคุ้นเคยกันดี จึงไม่เห็นว่าเป็นเรื่องแปลก
“แต่พี่อิก็รู้นี่ ว่าอาสร้อยเชื่อจิมากกว่า” รุจิราเห็นเขาไม่รู้สึกอะไร จึงต้องทำหน้าด้านอายอด โต้เขาไปด้วยเหตุผลความเป็นจริงที่มารดาของชายหนุ่มโปรดเธอมากกว่า เพื่อที่จะเบี่ยงเบนความสนใจให้เขาอย่าคิดสงสัยเธอกับการกระทำของเธอ
เป็นผลให้ชายหนุ่มถึงกับเถียงไม่ขึ้น อ้าปาก แต่ไม่มีคำใดมาแย้งเธอ แต่กลับแคลงใจขึ้นมาที่เธอมาจูบเขาแบบนั้น แอบสงสัยเล็กน้อยว่ามันมีเรื่องอะไรหรือเปล่า แต่ก็ไม่กล้าถาม เนื่องจากไม่อยากเสียมารยาทไปละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเธอ
แต่การยืนครุ่นคิดหนักของเขากลับกลายเป็นความเชื่องช้างุ่มง่ามในสายตาของเธอ เนื่องจากเธอต้องการที่จะหลบลี้สายตาของผู้คนที่จับจ้องมา แต่เขานั้นช่างช้าไม่รีบพาเธอไปที่รถ สาวเจ้ามองเขาแล้วแต่เขาไม่คิดพูดถึงการกลับจนอดทนอีกไม่ไหวต้องซักถามออกมาเอง
“แล้วรถพี่อิอยู่ไหนคะ จิจะรีบกลับแล้ว” รุจิราอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี แต่ก็ยังต้องฝืนตัวเองพยายามพูดดี ให้เป็นปกติกับเขา เพื่อปกปิดความเป็นของตัวเองในตอนนี้ แต่เขาก็ยังเงียบ งุ่มง่าม จนเธอต้องทวนอีกครั้ง
“พี่อิคะ จิถามว่ารถอยู่ไหน จะรีบกลับแล้วค่ะ ไม่อยากยืนเป็นเป้าตาใครๆ แบบนี้ แต่ถ้าพี่อิอยากยืนประจานตัวเองต่อไปก็ทำไปคนเดียวนะคะ จิกลับล่ะ” สาวเจ้าไม่อาจฝืนที่เป็นอยู่เช่นนี้ได้ จึงต้องเผยออกมาให้เขาได้ฟัง ก่อนจะรีบหันหารถของเขาไปทั่วด้วยความร้อนรนใจ อายแสนอายอยากหาที่หลบในบัดดล
โถ...แม่คุณ แล้วใครล่ะที่ทำเรื่อง ชายหนุ่มมองเธอพลอยนึกหมั่นไส้นิดๆ แต่ก็ไม่คิดอยากจะแกล้งเธอจึงชี้มือไปที่รถใกล้ๆ ตัวเอง
“รถพี่ก็คันนี้ไงครับ”
“ไอ้พี่อิบ้า! คันนี้ก็ไม่บอก ปล่อยให้จิมองหาตั้งนาน งั้นก็รีบๆ ไขประตูสิคะ จะได้รีบๆ ไป” เธอตะคอกเอาตะคอกเอา ใส่เขายังกับว่าเธอเป็นแม่คนที่สองของเขาจนชายหนุ่มนึกหมั่นไส้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังไงเขาก็ยอมเธออยู่ดี ก็คนมันยอมมาตั้งแต่จำความได้แล้วนี่น่ะ ยอมๆ ต่อไปคงไม่เสียหลายอะไรมากมายนักหรอก สุดท้ายก็ต้องบอกตัวเองอย่างจำใจตามเคย ก่อนรับคำเธอเสียงอ่อนโยน
“ครับ” มือใหญ่รีบไขประตูออกให้เธอ พร้อมดึงเปิดให้เธอเข้าไปนั่งในรถ แต่ยังไม่ทันให้เขาได้เดินไปถึงที่นั่งของตัวเอง สาวเจ้าก็หันตวาดด่ามาอีก
“เร็วๆ หน่อยสิคะพี่อิ รีบๆ เข้ามาขับรถออกไป” เธอเร่งเร้าเขาจนเขานึกโมโห
บ้าเอ๋ย จะรีบอะไรนักหนาฮะ! คนอุตสาห์เป็นสุภาพบุรุษเปิดประตูให้ ยังจะว่ากันอีก
ชายหนุ่มได้แต่แอบบ่นอย่างขุ่นเคืองภายในใจ ขณะที่วงปากหนาต้องขานรับคำเธออย่างสุภาพอ่อนโยนเสมอต้นเสมอปลาย ไม่มีบิดพลิ้ว เพียงเพราะหัวใจมันจำนนแก่เธอ
“ครับบบ...” แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งลากเสียงยาวเพื่อประชดแดกดันเธอ ด้วยหวังว่ามันจะช่วยทำให้เธอหันมาสนใจบ้าง หากเจ้าหล่อนกลับนิ่งเฉยกับคำยียวนของเขา เพราะยามนี้เธออายผู้คนจนไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว จึงอยากไปให้ไกลๆ จากที่นี่เสียมากกว่าที่จะมาโมโหเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นคำยั่วยวนของเขาที่ตัวเองถือว่าไร้สาระ...

วันต่อมา...
“นี่จิ แกจะทำยังไงต่อไปย่ะ แกหาพ่อของลูกแกได้แล้วเหรอ” นุชดาเอ่ยถามเพื่อนรักอย่างนึกหมั่นไส้ ขณะเอาเอกสารงานสองสามฉบับมาวางลงบนโต๊ะทำงานของเพื่อนให้เพื่อนเซ็น
“อืม...” รุจิราครางรับเสียงต่ำในลำคออย่างไม่ใส่ใจอะไรมากนัก เธอทำตัวยุ่งด้วยการดูเอกสารกองโตตรงหน้าตัวเองอย่างตั้งอกตั้งใจเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะคุยเรื่องนี้กับเพื่อนรัก
“ใครวะ บอกฉันได้ไหม...”
“โอ๊ย จะรู้ไปทำไมย่ะแก เดี๋ยวฉันจับเขาอยู่หมัดเมื่อไรแกก็รู้เองนั่นแหละ กลับไปทำงานได้แล้ว ไม่งั้นฉันจะหักเงินเดือนแกสิบเปอร์เซ็นออก เอาไหมล่ะ” รุจิราสะบัดเสียงแทรกขึ้นด้วยความหมั่นไส้ แถมยังขู่เพื่อนสาวสักใหญ่โต เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเพื่อนให้เลิกล้มความตั้งใจที่จะอยากรู้เรื่องนี้
“ยัยจิ แกเค็มกับเพื่อนด้วยเหรอ” นุชดามุ่ยหน้าถามเสียงอ่อย พลอยแกล้งปั้นหน้าสลด ทำตาปริบๆ ให้รุจิราเห็นใจ
“ตอนนี้ไม่มีเพื่อนแล้วย่ะแก มีแต่งาน ไปทำงานก่อนได้ไหม ไว้พรุ่งนี้แกมาบ้านฉันแต่เช้าแกก็รู้เองแหละ เหอะน่ะ แกรู้จักเขาดีอยู่แล้ว” รุจิราตอบกวนๆ หากแต่กลับลงท้ายไว้อย่างจริงจัง
“นี่แกอย่าให้ฉันรู้นะว่าพ่อพันธุ์ของแกคือพระเอกของฉัน ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันหย่าขาดกับแกแน่ๆ” นุชดาพูดเย้าเพื่อนสาวแกมหัวเราะขบขัน ชอบอกชอบใจนักหนาที่ได้แหย่เพื่อน
“อีตาหมอนั่นของแกน่ะหรือ ฉันไม่เอาหรอก คนของฉันจะต้องดีกว่านั้นย่ะ บอกใบ้ให้ก็ได้ เขาสูงกว่าฉัน เขาหล่อมาก ขนาดพระเอกที่แกคลั่งก็เทียบไม่ได้ เขาเป็นลูกเศรษฐีที่ไม่จำเป็นต้องทำงาน เขาเป็นคนซื่อบ... เออ ซื่อตรง ไงแก พอจะเดาออกหรือยังว่าเป็นใคร” รุจิราทิ้งปากกาลงบนโต๊ะทำงาน แล้วหันมาสนใจรอคำคาดเดาของเพื่อนสาวแทนอย่างจริงจัง ยิ้มเป็นประกายในตาอย่างมาดมั่นเช่นเคย ไม่มีร่องรอยของคนอกหักเลยแม้แต่นิด
นุชดากระตุ้นยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก เมื่อเห็นเพื่อนเป็นเช่นนั้น เธอเอะใจเล็กน้อยว่า คนคนนี้อาจจะพิเศษมากๆ สำหรับเพื่อนสาวของเธอ สาวเจ้าจึงอดไม่ได้ที่จะเย้าแหย่ต่อ “แกอย่าบอกฉันนะ ว่าแกชอบผู้ชายคนนี้ เพราะเท่าที่ฉันรู้จักแกมา แกไม่เคยเอ่ยชมผู้ชายคนไหนเลย นอกจาก ‘ไหนเหรอ’ ‘แค่งั้นๆ’ แต่ทำไมวันนี้แกชมว่าเขาหล่อย่ะ แกต้องชอบเขามากๆ แน่ๆ เลยใช่ไหม”
“ยัยบ้า ก็เขา...เขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ นี่ แล้วแกจะให้ฉันบอกแกว่า พ่อพันธุ์ที่ฉันหามาทำลูกหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่เหรอย่ะ ถ้าเขาเป็นอย่างนั้นนะ ฉันคงไม่เอาหรอก เพราะฉันอยากได้ลูกสาวหน้าตาน่ารักๆ เหมือนฉันตอนเด็กๆ” รุจิราพูด พร้อมกับเคลิ้มฝันไปเองจนคนฟังอดขำไม่ได้
“เหรอ งั้นก็...ขอให้แกทำสำเร็จนะ ขอให้ผู้ชายโชคร้ายคนนั้นมาติดกับแกแล้วหนีไม่รอดด้วยเถอะ โอมเพี่ยง! ฮ่าๆๆ ฉันไปก่อนนะ ถ้าข่มขืนเขาได้แล้วโทรบอกด้วย” นุชดารีบพูดยียวนแล้วเดินเร็วๆ หนีไป ด้วยเกรงตัวเองจะถูกหักเปอร์เซ็นต์เงินเดือนจริงดั่งคำขู่ของเพื่อนสาว
“นี่ ยัยนุชกลับมานะ ใครบอกแกย่ะ! ว่าฉันจะข่มขืนเขา” รุจิราตะโกนฉอดๆ ตามไป แต่เอ๊ะ...ช้าก่อน เธอฉุกคิดขึ้นมาได้ มันก็เป็นอีกวิธีที่ดีนะ ถ้าแกจะทำอย่างนั้น ขืนรอไปขอร้อง ตาบื้อนั่นอาจจะไม่ยอมก็ได้ แต่แกจะกล้าปลํ้าเขาเหรอย่ะยัยจิ แล้วถ้าแกทำให้เขาปลํ้าแกล่ะ ใช่...ยัยจิ แกต้องทำให้ตาบื้อนั่นปลํ้าแก แต่แกต้องใช้ตัวช่วยนะ เพราะตาบื้อนั่นซื่อตรงจนเหมือนปัญญาอ่อน เขาคงไม่หน้ามืดมาปลํ้าแกหรอก ฉะนั้นต้องหาตัวช่วย...

ณ เวลา 18. 38 น
เสียงรถแล่นเข้าบ้านดังแว่วมา บ่งบอกได้ว่าคุณหนูคนเดียวของบ้านกลับมาแล้ว นางสายสร้อยเพื่อนบ้านและเพื่อนสนิทของบ้าน รุ่งเรืองเจริญสุข จึงรีบเดินถือขนมหวานที่ตัวเองเพิ่งทำเสร็จ ออกมาต้อนรับสาวน้อยคนโปรดของนาง
“ไงจ๊ะ ทำงานเหนื่อยไหม” นางสายสร้อยเอ่ยทักก่อนทันที ที่เจอหน้าสาวน้อยคนงามของนาง
“หวัดดีค่ะอาสร้อย” รุจิรายกมือไหว้เพื่อนสนิทของมารดาอย่างนอบน้อมพร้อมรอยยิ้มหวานช่างออดอ้อน ทำให้คนชรายิ้มกว้างอีกด้วยความปลื้มใจ
“กลับมาแล้ว มาทานขนมของอานะ อาเพิ่งทำเสร็จ” หญิงสูงวัยเอ่ยอย่างดีใจที่จะมีคนมาช่วยชิมขนมของนาง
“ค่ะ แต่ถ้าหุ่นจิไม่สวย อาสร้อยต้องรับผิดชอบด้วยนะคะ” รุจิราพูดเย้าอย่างสนิทสนมกับคนสูงอายุ พร้อมขยับมาชะเง้อดูขนมของหญิงมากวัยที่นำออกมาต้อนรับเธอ
“จ้ะ อาจะให้พี่อิมาแต่งด้วยเอาไหม” รุจิราฝืนยิ้มหวานๆ ให้อาสร้อยของเธออย่างน่ารักน่าเอ็นดู แต่ก็แกล้งมุ่ยหน้าสลดเล็กน้อย ทำเป็นเหมือนกับว่ากลัวชายหนุ่มที่หญิงสูงวัยกล่าวถึงจะไม่สนใจเธอ ก่อนที่จะกล่าวออกไป
“พี่อิคงไม่ชอบจิหรอกค่ะ”
“พี่อิไม่ชอบแต่อาชอบ แค่นั้นก็พอแล้วล่ะจ้ะ มาทานขนมกับอาดีกว่า อย่าไปสนพี่เขาเลย” เหมือนนางสายสร้อยจะไม่ค่อยใส่ใจคำหยอกเย้าของหลานสาวคนสวย นางยื่นขนมของโปรดมาให้ทันทีหลังกล่าวจบ รุจิราจึงปฏิเสธไม่ได้ ต้องรีบรับไว้
“ขอบคุณค่ะอาสร้อย เอ่อ...แล้วอาสร้อยไม่เก็บไว้ให้ เอ่อ…พี่อิบ้างเหรอคะ”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ รายนั้นเขาไม่ชอบ แต่อาก็ไม่สนหรอก มีหนูจิชอบคนเดียวก็พอแล้ว” หญิงชราเอ่ย ขณะยื่นมือมาลูบไรผมดกดำเป็นเงางามของหญิงสาวอย่างรักใคร่และเอ็นดู
“อาสร้อยขา แล้วพี่อิเขาทำอะไรอยู่คะ”
แปลก...นับวันพันปีหนูจิไม่เห็นถามถึงตาอิเลย แล้วทำไมวันนี้ ถึงถาม และเมื่อคืนอีก กว่าตาอิจะกลับก็ดึก ถามว่าไปไหนมา ก็บอกว่าไปรับจิมา สองคนนี้มีอะไรกัน แต่ดีนะ ถ้ามี ฉันจะได้สมหวังสักที คนสูงวัยมากเลศคิดอย่างดีใจก่อนจะกล่าวตอบหญิงสาว
“พี่เขาทำงานเขียนของเขาอยู่ที่เรือนดอกหญ้าน่ะจ้ะ หนูจิมีธุระกับพี่เขาเหรอ” คนชรามากประสบการณ์แกล้งถาม จ้องเขม็งดวงหน้าหวาน เพื่อเสาะหาพิรุธ
“เอ่อ...ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ จิก็แค่อยากขอบคุณพี่อิที่เมื่อวานพี่อิช่วยมารับจิกลับบ้าน แค่นั้นเองค่ะ” รุจิราบอกไปตามตรงแต่แฝงเลศนัยเล็กน้อย เพราะไม่กล้าที่จะเผยไปทั้งหมด กลัวคนชราจะมองเธอแปลกๆ และไม่เอ็นดูอีก
“เหรอ งั้นทานขนมก่อนจ้ะ ไว้เย็นๆ ค่อยไปหาพี่เขาก็ได้” นางสายสร้อยเสนอให้อย่างแฝงความนัยไม่แพ้กัน นางก็หวังให้ทั้งสองแต่งงานกันเหมือนกับที่ทุกๆ คนหวัง และถ้าเป็นจริงได้ดั่งนั้น พวกเขาคงจะมีความสุขกันไม่น้อยเลย
ใช่ๆ รอให้เย็นก่อน แล้วค่อยเผด็จศึกกับตาบื้อนั่นก็ได้ รุจิรายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ยอมทำตามคำแนะนำของอาสร้อยของเธอ เพราะเชื่อมั่นว่าตัวเองต้องทำสำเร็จแน่ ตาบื้อนั่นงี่เง่าจะตาย
พี่อิอยู่ในกำมือจิ! หญิงสาวคิดอย่างมุ่งมั่นและปิติยินดีในแผนการของตัวเอง อมยิ้มระรื่น ลืมไปเสียสนิทว่ามีคนอีกคนที่ยืนอยู่กับเธอตรงนี้ และปฏิกิริยาของเธอเช่นนี้ก็ทำให้บุคคลคนนั้นคิดสงสัยไปต่างๆ นาๆ ปนเปกับความใคร่รู้มากมาย...

และแล้วอาหารมื้อคํ่าก็ผ่านพ้นไป รุจิราจึงสั่งให้เด็กในบ้านไปทำนํ้าส้มคั้นมาให้เธอหนึ่งแก้ว มือบางหยิบเอาซองสีขาวซองหนึ่งออกมาจากกระเป๋าถือ ขอโทษด้วยนะคะ พี่อิขา ที่ต่อจากนี้ไปพี่อิจะไม่อิสระอีกแล้ว เพราะพี่อิจะมาเป็นคนของจิ ผงสีขาวๆ ถูกมือเรียวบางเทลงไปในแก้วนํ้าส้ม คนที่กระทำยิ้มแย้มอย่างมีความสุข ฮ่าๆๆๆ ฉันต้องชนะ ฉันต้องชนะ เธอพร่ำบอกตัวเองอย่างผู้มีชัย และหลังจากจัดการปรุงผู้ช่วยมาช่วยตัวเองได้แล้ว รุจิราก็ไม่รอช้า เธอรีบตรงไปหาเป้าหมายทันที

ยามเย็นเช่นนี้ จะไม่มีคนย่างกรายมาที่นี่ นอกจากเขา พี่อิของเธอ คนเดียวเท่านั้น แต่มองๆ ไปแล้ว ก็นึกถึงเมื่อตอนเด็กๆ พี่อิของเธอใจดีมากเลยทีเดียว เขายอมแบกเธอทุกวันอย่างไม่รู้เบื่อ ส่วนเธอก็แกล้งเขาได้ทุกวันเช่นกัน เรือนดอกหญ้านี้เป็นเรือนที่เธอกับเขาชอบแอบมาเล่นเมื่อสมัยเด็กๆ อยู่บ่อยๆ จนเมื่อครั้นโตขึ้น เธอมีเพื่อนใหม่มากมาย เธอจึงไม่ค่อยใส่ใจเขา และยิ่งมีปัญหากัน เธอก็ยิ่งไม่สนใจเขา และไม่มาเหยียบที่นี่อีก แต่มันต่างกับเขาที่ยังมาทุกวันและบางครั้งก็ยังนอนค้างที่นี่
ร่างบางก้าวขึ้นไปข้างบนบ้านช้าๆ ขณะที่คิดไปพลางๆ ด้วย มันยังเหมือนเดิมทุกอย่าง เขาคงดูแลดี เธอตระหนักกับตัวเองก่อนที่จะเหยียบขึ้นมาเห็นเขานั่งทำงานของเขาอยู่
“จิ” อิสระสะดุ้งอุทานเรียกเสียงดังด้วยความตกใจปนแปลกใจ เมื่อเหลือบตาขึ้นจากงานโดยบังเอิญแล้วเห็นเธอโผล่ขึ้นมา เขาเบิกตากว้างมองเธออย่างไม่อยากเชื่อสายตา เธอมาที่นี่ทำไม ในเมื่อวันนั้นเธอก็บอกแล้วนี่ว่า...
จิจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว จิเกลียดพี่อิ ได้ยินไหม ว่าจิเกลียดพี่อิ พี่มันโง่ งี่เง่าที่สุด จิจะถือว่าเราไม่เคยรู้จักกัน จิไม่เคยรู้จักคนโง่ๆ อย่างพี่อิ และพี่อิก็ไม่ต้องมาเหยียบบ้านจิอีก เราไม่รู้จักกันค่ะ จำไว้...
เพราะการเลิกราอย่างไร้เหตุผลและตัดสายใยอย่างไม่ไยดีของเธอในครั้งนั้น ทำให้เขาต้องพยายามติดตัวออกห่างจากเธอ และพยายามทำเป็นไม่รู้จักกันดั่งคำที่เธอสั่งเอาไว้ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อบ้านสองหลังอยู่ติดกัน มิหนำซํ้ายังไม่มีรั้วกั้นอีก เขากับเธอเลยต้องเห็นหน้ากันแทบจะทุกวันเฉกเช่นนี้ และยังไปมาหาสู่กันเช่นเคย เพียงแค่...ไม่ใช่ที่นี่ ที่ที่เขากับเธอรัก
แต่มันงี่เง่าสิ้นดี ไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมต้องเลิกกันในครั้งนั้น เพียงแค่เขาไปเป็นเพื่อนกับผู้หญิงคนอื่น และช่วยติวหนังสือให้คนอื่นที่นอกเหนือจากเธอ ทำไมเธอต้องมาเลิกกัน มันไร้เหตุผล มันงี่เง่า เพราะเธอน่าจะรู้ดีที่สุดว่า...คนที่สำคัญกับเขาที่สุดคือใคร แต่จะให้ทำอย่างไร ในเมื่อมันจบแล้ว จบกันมาตั้งนานแล้ว มีแต่เขาที่ยังไม่ยอมลืม แต่เธอสิ...ผ่านเลยไป ไปคบคนตั้งหลายคน และล่าสุด ก็กำลังคบกับหนุ่มธุรกิจ ที่เขาแทบไม่มีอะไรไปเทียบได้ ผู้ชายดี เพอร์เฟคท์ตามที่เธอฝัน...
สิ่งเหล่านั้นที่เกี่ยวกับเธอและเขาในอดีตหวนย้อนกลับมา ทำให้ชายหนุ่มต้องหน้ามุ่ย นึกเศร้าเจือเคืองขึ้นมาอีกครั้ง แต่เขาก็ยังมีสติมากพอที่จะไม่ไปรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ ตรงข้ามรีบปรับเสียงให้เรียบ แล้วชักคำถามกับเธอทันควัน
“เอ่อ จิมาที่นี่ทำไมครับ มีธุระกับพี่หรือเปล่า”
ย่ะ! ถ้าจิไม่มีธุระคงมาไม่ได้สินะ รุจิราแทบอยากจะแสดง (ธาตุแท้) อาการเอาแต่ใจของตัวเองออกมา แต่ก็ต้องอดไว้ เพราะเดี๋ยวแผนการจะพังหมด
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก จิแค่เอานํ้าส้มมาให้พี่อิ เพื่อขอบคุณพี่อิ เรื่องเมื่อวานที่อุตสาห์มารับจิ” หญิงสาวบอกเหตุเท็จจบ เธอก็ยื่นแก้วน้ำส้มไปให้เขา
“เอ่อ...” อิสระลังเลเล็กน้อยไม่อยากรับ เพราะเขาไม่แน่ใจว่าเธออยากทำดีด้วย หรือแค่อยากแกล้งเขาเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
“รับไปสิคะ ไม่งั้นจิจะถือว่าพี่อิไม่รับนํ้าใจจิ” รุจิราตรงขยี้จุดอ่อนของเขาทันทีที่เห็นท่าว่าเขากำลังจะปฏิเสธ แต่เขาหรือจะสู้เธอได้ เธอรู้อยู่แล้วว่าเขาเกรงใจคนมากที่สุด และเพราะไอ้ข้อเสียข้อนี้แหละที่เขาต้องรับนํ้าส้มของเธอไป
“ก็...ก็ได้ครับ” นั่นไงเห็นไหม บื้ออย่างที่เธอพูด รุจิราอมยิ้มกริ่มมองอย่างชอบใจ
อิสระรับเอาไว้ แต่ยังไม่ดื่ม จนรุจิราต้องพยักหน้าให้เป็นเชิงบอก (เอ๊ะ หรือสั่ง) ให้เขาจงดื่มซะ! และแล้วชายหนุ่มผู้อ่อนต่อโลกก็ยอมยกมันขึ้นซดอย่างเชื่องช้าและเนิ่นนาน แต่...สุดท้ายก็หมดแก้ว
พี่อิเสร็จจิ ฮ่าๆๆๆ ใบหน้าเรียวงามเบิกบานอย่างสมปรารถนา สิ่งที่เธอต้องการอยู่แค่เอื้อม แค่รอเวลาให้ยาออกฤทธิ์


"""""""""""



เทียมทราย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 มี.ค. 2555, 14:24:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 มี.ค. 2555, 14:24:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 1421





<< เปิดจองวันนี้   
Zephyr 10 มี.ค. 2555, 16:20:34 น.
นางมารชัดๆเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account