ลำนำเถื่อน

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ๑

ตอนที่ ๑

“นี่ใจคอแกไม่คิดจะทำตัวให้มันดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้างสักนิดเลยใช่ไหมไอ้ลภ!”

ลภน อนันตกรณ์ชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเข้าสู่โถงใหญ่ของบ้านอนันตกรณ์ทันทีที่น้ำเสียงเฉียบขาดเข้ากระทบโสตประสาทระลอกแรก ก่อนจะมีลูกคู่เสียงแปร๋นตามรับมาติดๆ

“นั่นน่ะสิคะคุณแม่ อาไร้! ไร้สัมมาคารวะ มาพบญาติผู้ใหญ่ทั้งที หนวดเคราไม่โกน หน้าตายังกะพวกโจรห้าร้อย!”

คนที่ถูกว่า ว่าหน้าตายังกะโจรต้องพยายามข่มอารมณ์ที่อยากจะแค่นยิ้มยียวนออกมา

นี่หรือคือประโยคทักทายประโยคแรกหลังจากไม่ได้พบกันเลยมาสี่ปี

ลภนยกระดับนัยน์ตาคู่คมสีดำสนิทที่ประดับอยู่บนใบหน้าคมเข้มขึ้นจับจ้องดวงหน้าของหญิง ๒ คนที่ยืนจังก้าอยู่หน้าทางเข้า

คนหนึ่งซึ่งทักเขาด้วยประโยคที่น่าประทับใจประโยคแรกก่อนนั่นค่อนข้างสูงวัยแล้ว อายุอานามที่เฉียดใกล้วัยเจ็ดสิบห้าส่งผลให้ผมเผ้าเป็นสีดอกเลาไปเกือบหมด แต่อีกคนที่ยืนเกาะแจอยู่ข้างๆนั้นยังไม่ เส้นผมที่เซ็ตจัดทรงประณีตนั่นยังดำสนิทเพราะอ่อนวัยกว่าคนแรกราวๆสองรอบ

แต่แม้วัยจะต่าง ทว่าสิ่งที่ผู้หญิงสองคนพร้อมใจกันแสดงใส่ชายหนุ่มอย่างสมัครสมานสามัคคีก็คือ...สายตาที่ใช้มอง

ถูกต้อง! ทั้งคู่นั้นมองลภน อนันตกรณ์อย่างคนไม่ชอบขี้หน้า!

และถึงแม้ว่าลภนเองจะไม่ได้นึกอยากแสดงความเคารพให้สักเท่าไหร่ แต่อย่างไรเสีย ทั้งพะยอมและวิสินี อนันตกรณ์ก็มีศักดิ์เป็นย่าและแม่เลี้ยงของเขา ฉะนั้นมันไม่มีทางเลี่ยง ชายหนุ่มจำต้องยกมือขึ้นไหว้

“สวัสดีครับ”

แต่ว่า...

“ว้าย!” จู่ๆวิสินีที่ยื่นหน้าออกมาว่าเขาเมื่อกี้ก็ต้องร้องวี้ด พร้อมผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าวใหญ่ ที่เป็นอย่างนั้นมิใช่อะไร แต่เพราะกิริยายกมือไหว้ของชายหนุ่ม ดันยกพรวดขึ้นพร้อมตะกร้าองุ่นที่ถือในมือด้วย ก้นตะกร้ามันเลยเฉียดๆขึ้นมาจะเข้าหน้าคนถูกไหว้เอา!

“โอ้!” คนไหว้แสร้งร้องเสียงหลงขณะที่ไม่วายจะเหวี่ยงตะกร้าหวือกลับลงมาให้อีกฝ่ายได้ผงะไปข้างหลังกันอีกสักรอบ

“ขอโทษ ขอโทษครับคุณวิ ผมลืมไป” ชายหนุ่มรีบพร่ำขอโทษแม่เลี้ยงอย่างไว ด้วยน้ำเสียงคล้ายๆว่านี่น่ะจะเป็นเรื่องประมาณ...

ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ!

แต่แน่ละ! คนไม่ชอบกัน ต่างฝ่ายต่างก็รู้ว่านี่มันเสแสร้ง แล้วเช่นนี้มีหรือคนที่ถือตัวว่าอาวุโสสูงกว่าจะยินยอม!

“ต๊าย!” วิสินีกรีดเสียงร้องออกมาอย่างไม่พอใจ “คุณแม่! คุณแม่ดูลูกชายแม่นภาสิคะ! ไปอยู่ด้วยกันมา ไม่ได้รู้จักอบรมสั่งสอน!”

ชายหนุ่มเบิกตาวาวโรจน์ อารมณ์สนุกที่ได้แกล้งหดหาย แต่อารมณ์โกรธประทุขึ้นแทนทันทีที่ชื่อของบุพการีถูกอีกฝ่ายเอ่ยออกมา ปกติไม่ว่าย่าหรือแม่เลี้ยงจะก่นด่า กระทบกระเทียบหรือเหยียดอะไร ลภนไม่ใคร่จะสนใจอยู่แล้ว แต่ มันยกเว้นว่านั่นต้องไม่ใช่อะไรที่เกี่ยวข้องกับนภาแม่ของเขาเด็ดขาด!


ลภนจ้องหน้าวิสินีด้วยสายตาแข็งกระด้าง ใบหน้าที่ครึ้มไปด้วยหนวดเคราเขียวตามแนวสันกราม ส่งผลให้สีหน้าของชายหนุ่มดูกระด้างกร้าวหนักขึ้น

ทว่า...มันก็เท่านั้น ท่าทีจริงจังของลภนอาจข่มขวัญแม่เลี้ยงอย่างวิสินีได้ แต่ไม่ใช่กับประมุขใหญ่สุดของบ้านเลย

“มันจะมากไปแล้วนะไอ้ลภ!”

คุณพะยอมแหวลั่นเมื่อสะใภ้คนโปรดโดดเข้าเกาะแขนและร้อง ‘อ๊าย’ เบาๆด้วยอาการตระหนก ลภนได้แต่ขบกรามแน่นและพยายามข่มอารมณ์ บอกตนเองว่าน่าชาชินได้แล้ว เพราะสำหรับเขากับแม่ บ้านนี้มันก็เป็นแบบนี้เสมอ

เลือกที่รักมักที่ชัง!

และขณะที่ตกอยู่ในบรรยากาศตึงเครียดเฉกเช่นทุกครั้งที่ชายหนุ่มหาญกล้าเผชิญหน้ากับผู้มีศักดิ์เป็นย่าและแม่เลี้ยง เสียงทุ้มๆก็ขัดขึ้น

“อ้าว! มาถึงแล้วหรือลภ?”

ประโยคนั้นดังมาจากด้านในของบ้าน ก่อนที่ร่างท่วมๆของวัฒนา อนันตกรณ์จะเดินอาดๆออกมา หนุ่มใหญ่วัยหกสิบแสดงสีหน้ายิ้มแย้มราวกับ ณ ที่ตรงนั้นไม่เคยมีความตึงเครียดเกิดขึ้นแม้สักเศษเสี้ยวของอณู

ลภนมองหน้าผู้เป็นบิดาด้วยสายตาที่สงบเรียบเฉยลงก่อนจะยกมือไหว้

วัฒนายิ้มแป้นเมื่อเดินเข้ามาใกล้และแตะไหล่เขาเบาๆ

“ไง ขับรถมาจากปากช่อง เหนื่อยไหมล่ะ” วัฒนาถามอีกอย่างอารมณ์ดี แต่ไม่ทันที่ลภนจะตอบอะไรวัฒนาก็เบนสายไปมองตะกร้าองุ่นในมือเขา

“โอ้!” หนุ่มใหญ่ร้อง ยิ้มแป้นอารมณ์ดีนั่นดูจะกว้างกว่าเก่า “นี่แม่เขาฝากมาให้หรือ?”

“ครับ” ลภนรับคำ และยิ้มแป้นๆนั้นก็ดูจะยิ่งกว้างขึ้นไปได้อีก

“ฝากขอบคุณแม่เขาด้วยนะลูก”

ลภนจับสีหน้าไม่พอใจของคุณพะยอมและวิสินีได้ในทันทีที่พ่อของเขาเอ่ยประโยคนั้นพร้อมรับตะกร้าองุ่นที่แม่เขาตั้งใจจัดอย่างดี แถมบังคับขู่เข็นให้ถือมันติดมาฝากคนบ้านนี้ด้วย

การสังเกตนั่นมันง่ายเสียยิ่งกว่าการปอกกล้วยแล้วเอาเข้าปากเสียอีก เพราะคนทั้งคู่รังเกียจแม่ของเขามากกว่าที่รังเกียจเขาเสียด้วยซ้ำ ก็มีเพียงพ่อเท่านั้นที่เคยผูกสมัครรักใคร่กับแม่จนมีเขาขึ้นมาเป็นพยานรัก แต่...

มันก็เท่านั้นอีกเช่นกัน!

เพราะแม่ของเขาเป็นแค่สาวชาวไร่ การศึกษาแค่ชั้นประถมปีที่หก ซึ่งคุณสมบัติแค่นั้นไม่เพียงพอจะเป็นลูกสะใภ้ชั้นเลิศของคุณพะยอม อนันตกรณ์เท่ากับลูกผู้ดีมีตระกูล การศึกษาสูงตั้งระดับอนุปริญญาของวิสินีสักนิด!

แม้คุณพะยอมจะยอมให้สะใภ้ชาวไร่อย่างนภาอยู่กินกับลูกชาย แต่ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของพ่อเขาคือวิสินี!

แม่เขาต้องกล้ำกลืนฝืนทนอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว จนกระทั่งวิสินีให้กำเนิดหลานชายอีกคนของบ้าน แม่ของเขาจึงยิ่งถูกกดให้ต่ำลงไป

แม้พ่อจะยังคงรักแม่ แต่เขาก็ไม่เคยช่วยปกป้องอะไรลภนกับแม่ได้ยามถูกกดดันข่มเหง จนในที่สุดแม่ก็ต้องบากหน้ากลับไปอยู่กับตายายเมื่อลภนอายุได้แปดขวบ

แต่ลภนกลับต้องทนอยู่ที่นี่

ต้องอยู่เพียงเพราะเขาใช้นามสกุล ‘อนันตกรณ์’ ของคุณพะยอมเท่านั้น!


มันเป็นชีวิตที่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนอย่างมาก แม้ลภนจะขึ้นชื่อว่าเป็นลูกชายคนโตของบ้านอนันตกรณ์ แต่เขาไม่เคยได้รับความรักความเอ็นดูจากคุณพะยอม ซึ่งชายหนุ่มรู้สึกได้มาตลอดว่าต่างกันเหลือเกินกับหลานชายอีกคน

รภัทร อนันตกรณ์ น้องชายต่างมารดาของเขา

“เออ ไป เราเข้าไปข้างในดีกว่า” วัฒนาพูด โอบไหล่ลภนแล้วกระชับเบาๆ “พ่อให้คนเขาตั้งโต๊ะแล้ว เดี๋ยวเราไปคุยกันต่อที่โต๊ะอาหารดีกว่านะ”

“เดี๋ยวสิ” เสียงเฉียบขาดของคุณพะยอมดังขึ้นทันใด “แล้วแกจะไม่รอตาภัทรก่อนหรือไง”

ได้ยินแล้วลภนก็อดไม่ได้ที่จะแค่นยิ้ม

ตาภัทร คือสรรพนามที่คุณพะยอมใช้เรียกรภัทรมาตลอด ส่วนสรรพนามที่ใช้เรียกเขาเล่า

ไอ้ลภ!

ช่างต่างกัน ไม่ผิดจากหน้ามือกับหลังเท้าสักนิด

“เอ่อ พอดีตาภัทรเขาเพิ่งโทร.เข้ามาเมื่อกี้น่ะครับคุณแม่” วัฒนาบอก “เขาว่าคงกลับมาไม่ทันแน่ ถ้าตาลภมาแล้วก็ให้เราทานข้าวกันไปก่อนได้เลย ไม่ต้องคอย”

“อะไร จะทำอย่างนั้นได้ยังไง” คุณพะยอมทำท่าไม่พอใจ แต่วิสินีก็รีบออกหน้า

“โธ่! งานตาภัทรก็คงยุ่งน่ะค่ะคุณแม่ ปลีกตัวมาไม่ได้ ก็ต้องทำงานเป็นหัวแรงใหญ่แทนคุณวัฒน์เขาตลอดนี่คะ”

“อ้อ! จริงสินะ” คุณพะยอมพยักหน้า ปรายหางตามาทางลภน
“ตาภัทรเขาน่าสงสาร ต้องทำงานหนักตั้งแต่อายุเท่านี้ก็เพราะคนบางคนมันไม่รู้จักบุญคุณคนเท่านั้นแหละ!”

แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ลภนได้แต่ลอบแค่นยิ้ม หากเป็นใครที่ไม่เคยรู้เรื่องราวมาก่อนเลย ฟังคำสตรีสูงวัยตรงหน้าว่าก็คงคิดว่า ตาภัทรที่เขากล่าวถึงอาจจะอายุ...สิบห้าไม่ก็สิบหก!

แต่ความจริง นาทีนี้ รภัทร อนันตกรณ์อายุยี่สิบหกปีแล้ว
ส่วนไอ้คนบางคนที่ถูกกล่าวหาว่า ‘ไม่รู้จักบุญคุณคน’ นั้น ก็ทำงานในธุรกิจเซียงกงให้อนันตกรณ์เป็นเวลาถึงแปดปีนับตั้งแต่เรียนจบสำเร็จปริญญาตรี ซึ่งแน่นอนลภนคิดว่ามันเพียงพอแล้ว!

เพราะในเมื่อท้ายที่สุด ธุรกิจเซียงกงของอนันตกรณ์ ก็ต้องตกเป็นมรดกของรภัทร แล้วทำไมเขาถึงจะละทิ้งธุรกิจอันเป็นของผู้อื่นแน่ๆ แล้วหันมาสร้างฐานะของตนเอง ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเองไม่ได้!

ดังนั้นเมื่อเข้าสู่ปีที่เก้าซึ่งเป็นปีที่รภัทรเรียนจบปริญญาตรีพอดี ลภนจึงก้าวออกจากบ้านอนันตกรณ์เพื่อกลับไปอยู่กับแม่ที่จังหวัดนครราชสีมา และเริ่มต้นสร้าง ‘สิ่ง’ ที่เป็นของเขาเอง


‘นภาฟาร์ม’ คือฟาร์มปศุสัตว์ที่ลภนค่อยๆก่อร่างสร้างขึ้นบนที่ดินผืนเล็กๆของตายายที่ยกให้กับแม่

จากวันที่เขาก้าวออกมากระทั่งวันนี้ สี่ปีแล้วที่นภาฟาร์มค่อยๆเติบโตขึ้นจนมั่นคง ซึ่งก็พอๆกับความห่างเหินที่มากขึ้นๆระหว่างเขากับคนในบ้านอนันตกรณ์

สี่ปีไม่เคยมีการพบหน้า ถามไถ่ หรือใส่ใจกันและกันแม้แต่นิด!

แต่แล้วเรื่องประหลาดมันก็เพิ่งจะเกิด เพราะเมื่อวานนี้เองที่จู่ๆลภนก็ได้รับโทรศัพท์จากวัฒนา พร้อมคำขอให้ชายหนุ่มมาเยี่ยมเยียนและทานข้าวด้วยกันสักมื้อในรอบหลายๆปี

‘ก็พ่อคิดถึง’

นั่นคือประโยคง่ายๆที่ผู้เป็นบิดาพูดมาตามสาย แต่คนที่ดีใจจนเห็นได้ชัดสุดๆกลับเป็นนภาแม่ของเขา ทันทีที่ลภนเล่าให้แม่ฟังว่า วัฒนาพูดว่า ‘คิดถึง’ และต้องการให้เขาไปเยี่ยมเยียนกันบ้าง นั่นเลยเป็นที่มาขององุ่นสดคัดพิเศษเต็มตะกร้าและคำเคี่ยวเข็ญ...

‘ไปเถอะลูก พ่อเขาคิดถึงนี่นา’

ลภนอาจเป็นคนดื้อ หัวแข็ง และพร้อมจะกระด้างได้กับคนทุกผู้ เฉพาะอย่างยิ่งกับญาติทางฝ่ายพ่อ แต่แน่นอน ยกเว้นอยู่คนเดียว...กับนภา

เพราะถ้าเป็นสิ่งที่แม่ขอละก็ ซ้ายเป็นซ้าย ขวาก็เป็นขวา!

“เอ่อ...” วัฒนารีบเอ่ยขึ้นมาทันทีที่รู้สึกได้ว่าบรรยากาศชักจะตึงๆ “ถ้าอย่างนั้นผมว่าเราเข้าข้างในกันดีกว่า ไป ลภไป”

หนุ่มใหญ่ออกแรงฉุดเบาๆด้วยแขนที่โอบไหล่ลภนเอาไว้ เป็นอาณัติสัญญาให้ชายหนุ่มเข้าไปข้างในพร้อมๆกับเขา

แต่คนไม่ถูกกันให้มานั่งร่วมโต๊ะอาหารกัน มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่บรรยากาศจะดี คำพูดส่อเสียดเหน็บแนมจากสตรีเจ้าบ้านทั้งสองยังคงสร้างความตึงเครียดให้ลภนเป็นระยะ ซึ่งคนกลางอย่างวัฒนาก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้

“เออ! แล้วฟาร์มของลภ เป็นยังไงบ้างล่ะ” หนุ่มใหญ่เอ่ยถาม เมื่อห้ามมิให้ทั้งแม่และเมียใหม่หยุดการพูดกระทบกระเทียบลภนไม่ได้ วัฒนาก็เลือกที่จะถามไถ่เพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น

ลภนเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นบิดา

“ก็ไม่ดีไม่ร้ายครับ ไปได้เรื่อยๆ” ชายหนุ่มตอบก่อนจะละสายตา ก้มกลับลงมามองข้าวในจานตัวเอง

“อืม” วัฒนาพยักหน้า ตั้งแต่ลภนออกจากบ้านไป เขาก็เพียงแต่ทราบคร่าวๆว่าบุตรชายเลือกจับธุรกิจฟาร์มวัว แต่ด้วยตัวของเขาเองแล้ว วัฒนาไม่เคยจะได้ไปเยี่ยมฟาร์มของลภนเลยสักครั้ง นั่นก็เพราะ...


‘จะต้องไปเยี่ยมไปดูมันทำไม ในเมื่อมันคิดว่าตัวเองปีกกล้าขาแข็ง ก็ให้มันไปไม่ต้องไปใยดีมัน ไว้มันไปไม่รอดแล้วซมซานกลับมาเมื่อไหร่ ฉันจะคอยดูน้ำหน้า!’

ใช่! ช่วงปีสองปีแรกคุณพะยอมนั้นโกรธเคืองมากและถึงกับสั่งห้ามไม่ให้วัฒนาใยดีลภน แต่ในเมื่อนั่นก็ลูก คนที่เป็นพ่อก็อดไม่ได้ที่จะสนใจใคร่อยากรู้ถึงความเป็นไป ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยสะดวกเพราะย่าและหลาน ต่างคนต่างก็หัวแข็งทิฐิแรงด้วยกันทั้งคู่ แต่ตอนนี้ ตอนที่เวลาผ่านเลยไปถึงสี่ปีแล้ว ประกอบกับ ‘ปัญหา’ บางอย่างที่กำลังเกิดขึ้นกับอนันตกรณ์ก็ทำให้ความโกรธของคุณพะยอมเริ่มเจือจางลง วัฒนาจึงตระหนักดี ว่านี่ละ...

โอกาสในวิกฤต

“แล้ว...ฟาร์มของลภชื่ออะไรล่ะ พอดีพ่อเองก็มีคนรู้จักที่เขากำลังอยากทำธุรกิจฟาร์มเลี้ยงวัวเหมือนกัน ถ้ายังไงเผื่อพ่อจะได้แนะนำเขาให้ได้รู้จักกับลภบ้าง”

ประโยคนั้นทำให้ลภนต้องเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นบิดาอีกครั้ง ค่อนข้างแปลกใจที่เจ้าสัวเซียงกงอย่างวัฒนาจะมีคนรู้จักอยากทำการเกษตรด้วย ทว่า...ถึงชายหนุ่มจะรู้สึกว่ามันประหลาดๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่อะไรที่คนอย่างเขาจะต้องเข้าไปใส่ใจต้นสายปลายเหตุ แต่ที่เขาคิดว่าน่าสนใจกว่าน่ะหรือ...

ลภนหรี่ตาลงมาก่อนประกาศชัดถ้อยว่า

“นภาฟาร์มครับ ผมให้ชื่อฟาร์มของผมว่านภาฟาร์ม ‘คำ’ ที่เป็นมงคลกับชีวิตของผมที่สุด”

และนั่นล่ะคือสิ่งที่น่าสนใจ การกระทำแบบแหย่รังแตนน่ะบางครั้งมันก็เป็นสิ่งสนุกสะใจ! ลภนรู้ดีว่าชื่อของแม่เขาเป็นเสมือนสิ่งต้องห้ามสำหรับการพูดคุยกับผู้หญิงบ้านนี้ ดังนั้นในเวลาไม่ถึงครึ่งของนาที ปฏิกิริยาเกลียดชังจึงสะท้อนกลับมาในลักษณะของวาจาเหน็บแนม

“ฮึ! เพิ่งจะตั้งมาได้กี่ปีกัน ถึงกล้าเรียกไอ้คอกวัวของแกว่าฟาร์ม แม่พันธุ์ดีๆสักตัว มีหรือเปล่ายังไม่รู้!”

“อุ๊ย! นั่นสินะคะ” เสียงลูกคู่คุณพะยอมร้องรับทันทีก่อนที่จะหัวเราะสำทับอย่างผู้ที่คิดว่าอยู่เหนือกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลภนเลือกที่จะนั่งนิ่งไม่หือไม่อือด้วย คำเสียดสีแคะไค้ก็ยิ่งพร่างพรูสนุกปาก เรียกว่ากว่าจะจบอาหารมื้อนั้นได้เล่นเอาคนถูกแคะไค้เซ็งจนหาคำบรรยายไม่ถูกไปเหมือนกัน เพราะอย่างงั้นชายหนุ่มจึงก้าวยาวๆออกมาทันทีที่มีโอกาส แต่ทว่า...

“ลภๆ เดี๋ยวก่อนสิลูกลภ”

ลภนพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ก่อนเหลียวหลังกลับมามองคนเรียก วัฒนากำลังเดินตามเขาออกมา

“เดี๋ยวก่อนสิลูก อยู่คุยกันก่อน”

ลภนได้แต่เลิกคิ้วขึ้นมา อยู่คุยกันก่อนงั้นหรือ? เขาไม่ค่อยเข้าใจว่าวัฒนาต้องการอะไร แต่ที่แน่ๆ เขาไม่ใช่แม่ เพราะงั้นไอ้คำว่า ‘พ่อคิดถึง’ ที่หยอดไปไม่ได้ทำให้เขาปลื้มจนทนมานั่งให้ใครต่อใครค่อนขอดได้โดยไม่รู้สึกรู้สาหรอก

วัฒนาเองก็เหมือนจะดูออก เขาก้าวถี่ๆมาใกล้บุตรชาย

“คือพ่อหมายถึง อยู่คุยกับพ่อก่อนสักหน่อยสิ อย่าเพิ่งกลับ”

“พ่อต้องการอะไร พูดมาตรงๆเลยดีกว่า ถ้าเป็นเรื่องเดือดร้อนละก็ ช่วยได้ผมก็จะช่วย แต่ถ้าไม่ ผมก็ไม่อยากเสียเวลา”

ประโยคห่ามฟังไร้เยื่อใยตามวิสัยคนหัวแข็งอย่างลภนเป็นลักษณะอีกอย่างที่ทำให้ลูกชายของวัฒนาคนนี้ไม่เป็นที่ถูกใจประมุขใหญ่ของบ้านอย่างคุณพะยอม แม้คนเฝ้าดูอย่างเขาจะรู้สึกว่านิสัยแบบนี้น่ะมันถอดแบบกันออกมา แต่วัฒนาก็พูดไม่เคยได้ หนนี้หนุ่มใหญ่เลยได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมาดังเฮือกบ้าง

“ก็ได้ลูก” วัฒนาบอก “แต่พ่อว่าเราไปหาที่คุยกันเงียบๆดีกว่านะ เพราะว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ!”
................



ปาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 มี.ค. 2555, 13:33:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 มี.ค. 2555, 13:33:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1851





   ๒ >>
lovemuay 14 มี.ค. 2555, 20:44:47 น.
มีเรื่องอะไรกันน้า ต้อวเกี่ยวข้องกับนางเอกด้วยแน่เลย


ใบบัวน่ารัก 14 มี.ค. 2555, 21:40:31 น.
ว่านะ ฐานะการเงินแย่เป็นแน่
เป็นสะใภ้เจ้าสัว จบ อนุ เองอะนะ
ตายแล้ว ได้เมียดีเหลือเกิน
สงสาน นภา มากๆ


Auuuu 14 มี.ค. 2555, 21:42:43 น.
ท่าทางบ้านพ่อจะนำความเดือนร้อนมาให้ชัวร์ๆๆ !!


พิพินทุ์ 15 มี.ค. 2555, 01:05:07 น.
ว้าววว เรื่องใหม่
ว่าแต่ คุณปารินคะ กรรมสิทธิหัวใจหนูล่ะ อิอิ


grazioso 15 มี.ค. 2555, 21:34:00 น.
โอ๊ะ เรื่องใหม่น่าติดตามจังคะ รอลุ้นต่อไปว่าคุณพ่อจะเอาปัญหาอะไรมาให้ลูกชายที่ถูกลืมคนนี้ เฮ้อออออ น่าสงสาร


แพม 16 มี.ค. 2555, 14:26:01 น.
มีปัญหาแน่ ๆ ก็ดีนะ ให้รู้ซะบ้านว่าถึงคราวเดือดร้อนจริง ๆ ก็ต้องมาพึ่งลูกบ้านนอกอ่ะ


วิกนิกานต์ 14 ก.ค. 2555, 01:51:10 น.
เข้ามาอ่านเพราะชื่อเรื่องนะเนี่ย ^__^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account