ลำนำเถื่อน

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ๒

สวัสดีค่ะ!

ก่อนอ่านเรื่องนี้ ใครที่ตามอ่านกรรมสิทธิ์หัวใจ อ่านตอนที่ 35 เต็มๆได้แล้วนะคะ ปารินเอามาลงให้แล้ว ในกระทู้เดิมไม่ได้ขึ้นกระทู้ใหม่

ส่วนเรื่องนี้ แต่งไว้เล็กน้อยตั้งแต่ชีวิตยังปกติสุข เอามาลงให้อ่านกันเพราะอยากให้คนอ่านตามจิกตามทวง เราจะได้รู้สึกผิดกับคนอ่านที่น่ารักอย่างพวกคุณมากกว่า (ฮา!) (รวมถึงพยศรักด้วย เดี๋ยวจะเอามาลง)

ที่หายไปก็ต้องขอโทษมากๆเลย คือเดือนที่แล้วชีวิตมันเป๋มากเพราะสิ่งที่ตั้งใจว่าจะทำสุดท้ายทำไม่ได้เลยสักอย่าง! (ปฏิบัติการ 'ออก' ไม่สำเร็จ แถมโดนบอสเทศน์ว่าเธอมันบ้าไร้สาระ ให้ลาไปปฏิบัติธรรม 7 วันแล้วกลับมาทำงานซะ แว๊กๆๆๆๆ อยากจะกรีดร้องให้โลกแตก T-T ใจคนมันเข้มแข็งไม่เท่ากันนะเ้ว้ย แงๆ)

ตั้งแต่ต้น ก.พ. เราแต่งนิยายเพิ่มไม่ได้เลย รู้สึกเครียด แต่งแล้วไม่สนุก ไม่มีความสุข นึกถึงภาพพระเอกนางเอกกุ๊กกิ๊กไม่ออก (เหอๆ ไม่ใช่หรอก จริงๆยิ่งกว่าจะนึกออกเพราะมีให้เห็นมีให้ดู แต่นึกแล้วเห็นแล้วมันก็เจ็บ บอกตรงๆว่า...เกลียดอ่ะ นั่งนึกนั่งคิดจนเหมือนตัวเองจะบ้าไปเลย)

เฮ้ย! แต่เราจะหาย ใช่! เราต้องหาย ต้องหายให้ได้ เพราะพวกคุณทุกคนอุตส่าห์ให้กำลังใจ สู้โว้ยยยยย

....................


ตอนที่ ๒

เสียงรถแล่นที่แว่วเข้ามาตามถนนสายเล็กซึ่งทอดยาวเข้าสู่ลานหน้าบ้านทำให้สตรีวัยห้าสิบกว่าต้องเยี่ยมหน้าออกมามอง

และทันทีที่เห็นว่ารถคันที่กำลังแล่นเข้ามาคือโฟร์วิลสีเมทัลลิกที่แสนคุ้นตาของบุตรชาย นภาก็คลี่ยิ้มละไมก่อนจะออกมายืนคอยอยู่หน้าประตูบ้าน

ทว่าแทนที่รถคันนั้นจะแล่นตรงเข้าจอดยังหน้าบ้านเฉกเช่นทุกครั้งที่ออกจากฟาร์มไปข้างนอก หนนี้รถกลับหยุดจอดอยู่แค่กึ่งกลางของเส้นทางซึ่งด้านข้างเป็นทุ่งกว้างที่ปลูกรั้วกั้นเพื่อใช้เป็นทุ่งปล่อยวัวพันธุ์ลงเลี้ยงเท่านั้น

นภาได้แต่ชะเง้อหน้ามองอย่างแปลกใจเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของบุตรชายลงจากรถ ก่อนจะสาวเท้าเข้าใกล้รั้วไม้และเริ่มต้นเพ่งมองโคขุนฝูงใหญ่ซึ่งคนงานของเขากำลังไล่ต้อนเข้าโรงเรือนก่อนอาทิตย์จะลับฟ้า

กับท่าทีอย่างนั้น ง่ายดายเหลือเกินที่คนเป็นแม่จะรู้ได้ว่าบุตรชายของนางคงกำลังมีเรื่องบางอย่างอยู่ในใจ

นภาผ่อนลมหายใจเมื่อตัดสินใจเป็นฝ่ายออกเดินไปหาบุตรชายด้วยตัวเอง

“ลภ” เสียงเรียกอ่อนๆดึงความสนใจของลภนให้ละสายตาจากฝูงโคสีเข้มเบื้องหน้าและหันมามองคนเป็นต้นเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เขาก็ได้แต่ร้อง

“อ้าวแม่ แม่เดินออกมาทำไมครับ จะมืดจะค่ำแล้ว เดี๋ยวหกล้มไป” ลภนว่า สีหน้าสีตาจริงจังเพราะเขาค่อนข้างจะเป็นห่วง ช่วงนี้เป็นช่วงต้นฝน ทางดินสายเล็กๆที่ทอดเข้าสู่ตัวบ้านของเขาจึงอยู่ในสภาพไม่ดีสักเท่าไหร่ มันลื่นเพราะผิวดินที่แฉะเละเป็นโคลนเมื่อต้องฝน มิหนำซ้ำยังเป็นหลุมเป็นบ่ออยู่บ้างในบางช่วง ซึ่งเขาเองก็ตั้งใจไว้หลายทีแล้วว่าจะหากรวดมาลงให้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีเวลาสักที นาทีนี้จึงได้แต่เบี่ยงกายจากริมรั้วแล้วก้าวยาวๆเข้าไปหาคนเป็นแม่แทน


นภาคลี่ยิ้ม อดไม่ได้ที่จะกระเซ้ากลับ


“อะไรกันลภนี่ แม่ยังไม่ได้แก่จนหูตาฝ้าฟางเสียหน่อยนะจ๊ะ”

แล้วก็ได้ผลเสียงยิ่งกว่าอะไร

“โธ่!” ชายหนุ่มรีบแก้เสียงหลง “ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ”

แม้จะรู้อยู่ว่าแม่น่ะแค่กระเซ้า แต่เขาก็รี่ ปรี่เข้ามาประคอง

“ผมน่ะเห็นว่าทางมันไม่ค่อยดี กลัวว่าเดี๋ยวแม่จะลื่นล้มไปต่างหาก ผมเป็นห่วงแม่นะ...ม้ากมากเลยด้วย”


“ไฮ้! พูดอะไรออกมา มันไม่เข้ากับหน้าตาเราเลยรู้ไหม”


“อ้าว!” ลภนทำหน้าเหลอหลา “ไหงแม่มาว่าผมซะเสียอย่างงั้นล่ะครับ”

หนนี้นภาถึงกับหัวเราะออกมากับคำตัดพ้อของบุตรชาย แต่นางก็ว่าสิ่งที่พูดไป มันก็ใช่อยู่ไม่น้อยล่ะ

ก็ใครเล่าที่จะได้มีโอกาสรู้บ้างว่า ภายใต้หน้าตาที่ดูดุดันเพราะหนวดเคราเขียวครึ้มที่ตัวเจ้าของเขาไม่ค่อยชอบจะจัดการเอาออกนั่นจริงๆแล้วคือชายหนุ่มนัยน์ตาคม รูปงาม แถมร้ายกว่านั้น คือขี้อ้อนและปากหวานกับแม่เป็นที่สุดด้วย

“เอ้อ! เอาเถอะครับ ไม่เป็นไรหรอก เพราะผมน่ะถือคติ”

“หือ? คติ? คติอะไรจ๊ะ” คนเป็นแม่สงสัย

“ก๊อ..แม่หยอก แปลว่าแม่รักสิครับ”

“โธ่! มีที่ไหนกันจ๊ะคติเพี้ยนๆแบบนั้น”

แล้วลภนก็หัวเราะร่าขณะที่นภายิ้มเอ็นดูบุตรชาย สำหรับนางและคนงานเพียงไม่เท่าไหร่ที่ได้ทำงานสนิทใกล้ชิดอยู่ในฟาร์ม ลภนจะเป็นคนน่ารัก อารมณ์ดีและร่าเริงอยู่เสมอ เพราะอย่างนั้นกับท่าทางนิ่งขึงที่บังเอิญได้เห็นก่อนหน้า ก็ไม่ยากเลยที่จะแน่ใจได้ว่าลภนต้องมีเรื่องไม่สบายใจอะไรบางอย่างอยู่ข้างใน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...หลังจากที่กลับจากการพบกับคนในบ้านนั้น

บ้านอนันตกรณ์

แต่มันเรื่องอะไร และหนักหนามากมายเสียจนทำให้ลูกชายของนางต้องปิดบังมันไว้คนเดียวเชียวละหรือ...


คนเป็นแม่ตัดสินใจว่าคงต้องค่อยๆไต่ถาม


“ว่าแต่ลภมาหยุดทำอะไรตรงนี้ล่ะจ๊ะ ทำไมถึงไม่ตรงเข้าบ้านเลยล่ะ” นภาเอ่ย

แววสุกใสที่เคยเต้นระยิบอยู่ในดวงตาสีเข้มเสมอหรี่แสงลงไปนิดทันที ชายหนุ่มคลี่ยิ้มน้อยๆเมื่อโคลงศีรษะไปมาก่อนใบหน้าคร้ามจะผันทิศทางไปมองฝูงโคนับสิบในทุ่งกว้าง

“อือ...ผมก็ลองกลับมาพิจารณาดูอาณาจักรตัวเองอีกครั้งน่ะแม่ ว่ามันเหมาะสมกับการจะภาคภูมิใจได้ขนาดไหนกัน” ลภนตอบ ช่วยไม่ได้ที่คำปรามาสยังดังกึงก้องในความคิดเขา


‘ฮึ! เพิ่งจะตั้งมาได้กี่ปีกัน ถึงกล้าเรียกไอ้คอกวัวของแกว่าฟาร์ม!’


ใช่! ถึงแม้สภาพงานเลี้ยงวัวของลภนจะไม่ได้ย่ำแย่เลวเกวอะไร แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะคิด
นภาฟาร์มก่อตั้งมาได้สี่ปีแล้ว และลภนก็มีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ทั้งโคขุนและโคนมชั้นเลิศรวมกันแล้วก็หลายสิบคู่ ทว่าหนึ่งสิ่งที่ต้องยอมรับนั่นคือ นภาฟาร์มของเขายังไม่ใช่การทำฟาร์มแบบไร่ปศุสัตว์อย่างที่เขาวาดหวังไว้จริงๆ

ทุกวันนี้การเลี้ยงวัวของเขานั้นยังเป็นการเลี้ยงในแบบที่เรียกว่าการปล่อยไล่ทุ่ง นั่นเพราะเขายังไม่มีพื้นที่ที่เป็นขอบเขตของตนเองมากพอสำหรับการจะปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ให้เพียงพอต่อความต้องการตลอดทั้งปี อีกอย่าง ลภนก็คิดว่าความรู้ด้านวิชาการของเขาในเรื่องปศุสัตว์นั้นยังไม่มากด้วย แต่เรื่องนี้มิใช่ว่าเขาโง่ขาดการศึกษาหรือว่าอะไร


แต่เพราะเขาถูกบังคับกะเกณฑ์ให้เรียนในสิ่งที่อนันตกรณ์ต้องการมาตลอดต่างหาก!


ลภนนั้นต้องเป็นบัณฑิตจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็เพียงเพราะคุณพะยอมเห็นว่ามันจำเป็นต่อการทำงานเซียงกงให้อนันตกรณ์เท่านั้น เพราะอย่างนั้นความรู้ในสิ่งที่ชอบและสนใจจริงๆสำหรับเขาจึงเพิ่งจะได้มีโอกาสเรียนรู้อย่างจริงจังพร้อมการลงมือลงแรงปฏิบัติเต็มที่ด้วยตนเองเพียงไม่กี่ปีแค่นั้น

“ลภ...”

เสียงเรียกเบาๆดึงลภนให้หันกลับมา นภายิ้มให้อย่างอ่อนโยน นางเองก็เดาได้ว่าที่ลูกชายเปรยออกมิใช่คำถามในเชิงบวก เพราะสิ่งที่มักจะได้กลับมาเสมอจากพบเจอกับคุณพะยอมและวิสินีก็คือถ้อยคำที่ทำให้ความรู้สึกย่ำแย่ซึ่งนภาเองก็เคยรู้จักมักคุ้นกับความรู้สึกแบบนั้นเป็นอย่างดี

แต่แน่นอน ใจของนางไม่อยากให้ลูกเก็บเอาสิ่งไม่ดีเหล่านั้นมาขบคิด

นภาทาบมืออุ่นๆลงบนแขนของชายหนุ่ม ยิ้มละไมเมื่อเอ่ยออกไป...จริงใจอย่างที่สุด


“เหมาะสิจ๊ะ เหมาะมาก เพราะลภของแม่ เป็นลูกชายที่น่าภูมิใจที่สุด”


แต่ทว่า...


“ฮึ!”
อาจเป็นโชคร้ายที่ประโยคนั้นดันทำให้ลภนเผลอแค่นยิ้มออกไปด้วยน้ำเสียงและแววตาที่รู้สึกได้ว่า...
หยามหยันชีวิตจนน่าใจหาย!

และเสี้ยวนาทีก่อนชายหนุ่มจะตระหนักได้ว่าแม่กำลังมองเขาอยู่ ลภนฝืนยิ้มเฝื่อน

“ขอโทษครับ” เขากล่าวเบาๆ “ผมแค่อดไม่ได้”

แต่คำพูดนั้นสร้างความร้อนใจให้นภาอย่างบอกไม่ถูก จากที่เคยตั้งใจว่าจะค่อยๆไต่ถาม ทว่าอาการดูที่ออกจะชิงชังเสียขนาดนั้น เห็นทีว่าค่อยๆถามคงไม่ไหว

“อดอะไรไม่ได้ล่ะลภ” คนเป็นแม่ถามไถ่ ความไม่สบายใจฉายชัด “มันเกิดอะไรขึ้นหรือลูก เล่าให้แม่ฟังได้ไหม ทำไมล่ะจ๊ะ ไปทานข้าวที่บ้านพ่อเขามันเลวร้ายขนาดนั้นเชียวหรือ”

สำหรับนภากับวัฒนา แม้ว่าจะต้องเลิกร้างกันไป แต่หาใช่เพราะหมดรักซึ่งกันและกัน เพราะอย่างนั้นนภาจึงไม่อยากให้ลภนมีอคติต่อวัฒนาแม้สักกระผีกริ้น


ลภนแค่นยิ้มอีกครั้ง ชายหนุ่มนึกด่าตัวเองในใจ ไม่น่าเลย เขาไม่น่าแสดงอารมณ์สมเพชตัวเองต่อหน้าแม่เลยจริงๆ ให้ตายเถอะ!!

“ลภ” และเมื่อเสียงเรียกเข้มขึ้นจนจับได้ชัด อันเป็นอาการที่บอกให้รู้ว่า คนเป็นแม่น่ะชักจะเคืองขึ้นมาจริงๆเสียแล้วนะ ลภนก็ได้แต่ถอนใจออกไปเฮือกใหญ่

“ผมก็แค่...แค่อดจะนึกเทียบไม่ได้เองน่ะแม่” ลภนบอก แต่แน่นอน นั่นไม่กระจ่างพอสักนิด นภาจึงซักต่อ

“เทียบอะไรจ๊ะ”

“ก็...ก็คำพูดนั่นแหละ” ชายหนุ่มยังตอบเหมือนไม่เต็มใจ แต่เมื่อถูกคนเป็นแม่มองหน้าด้วยสายตาดุอีกเขาก็...

“ก็ได้ๆ” ลภนบอก “ก็วันนี้ มีคนเขาพูดประโยคเดียวกับที่แม่พูดเป๊ะน่ะสิ”

หนนี้คนฟังเลิกคิ้วสูงเป็นวาเมื่อย้อนถามกลับไปว่า


“ประโยคเดียวกับแม่? ประโยคไหนจ๊ะ”


“เป็นลูกชายที่น่าภูมิใจที่สุดไง!”

ใช่! ประโยคที่ว่า ‘เป็นลูกชายที่น่าภูมิใจที่สุด!’ เหมือนกันเด๊ะ แต่บอกได้เลยว่าศรัทธาต่อคนพูดสำหรับเขาน่ะ

ต่างกันลิบลับ!


ทว่าแน่นอน ลภนไม่ได้พูดทุกอย่างตามที่ใจคิด นภาจึงซักต่ออีก

“ใครพูดจ๊ะ พ่อน่ะหรือ?”

และหนนี้ลภนก็เลือกที่จะไม่ตอบแล้ว ทว่าท่าทีนิ่งๆ ตึงๆ บึ้งๆแต่ก็ไม่ปฏิเสธนั้นทำให้นภายิ้มละไม


“โธ่!” คนเป็นแม่ครางออกมา “ถ้าอย่างนั้น เพราะอะไรลภถึงต้องอารมณ์เสียล่ะ ที่พ่อเขาพูด ก็คงเพราะเขาเห็นว่ามันเป็นจริง แล้วลภจะไปฮึดฮัดขัดเคืองพ่อเขาทำไม”

“ก็เพราะผมรู้น่ะสิว่าที่เขาพูดเพราะเขาหวังจะใช้ประโยชน์จากผม!”

“ลภ! ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะลูก” นภาร้องเพราะค่อนข้างจะตกใจ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าที่ลภนไม่ค่อยจะแสดงท่าทีว่ารักใคร่ผู้เป็นบิดาสักเท่าไหร่นั่นเพราะปัจจัยอื่นๆอย่างคนรอบข้าง เขาอาจมีอคติต่อพ่อตัวเองอยู่บ้างซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่นภาพยายามแก้ไข

นภารู้ว่าวัฒนาเองก็รักลภนมากขนาดไหน แต่ด้วยบุคลิกที่เป็นลูกหัวอ่อนทำให้เขาไม่เคยสามารถจะปกป้องทั้งตัวนภาและลภนจากความไม่ชอบของคุณพะยอมได้


นภาเห็นใจ และแน่นอน ไม่เคยโกรธเคืองวัฒนาเลยสักครั้ง


แต่สำหรับลภน อาจเพราะอารมณ์และอิทธิพลจากฮอร์โมนของหนุ่มวัยฉกรรจ์ที่ส่งผลให้เขาไม่คิดเห็นเป็นเช่นเดียวกันกับนภา

“แม่ แม่เลิกมองว่าเขาเป็นคนดีเถอะ ที่บอกว่าคิดถึง ให้ผมไปเยี่ยมไปกินข้าวด้วยอะไรนั่น เขาหวังผลทั้งนั้นนั่นแหละ” ลภนพ่นออกมาอย่างอัดอั้น แม้จะผ่านไปแล้วหลายชั่วโมงแล้ว แต่ทั้งภาพทั้งเสียงของการสนทนากับบิดาบังเกิดเกล้ายังสดใหม่ในความรู้สึกเขาราวกับมันเพิ่งเกิดเมื่อตะกี้!


แต่คนที่ยังไม่เข้าใจอะไรสักนิดคือนภา


“ลภ หมายความว่ายังไง หวังผลอะไรกัน พ่อเขาไม่ได้เป็นคนแบบนั้นหรอกนะจ๊ะ”

ลภนพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ นาทีนี้เขาเองก็รู้สึกเหมือนจะไม่เข้าใจคนเป็นแม่เอาเสียเลย


ไม่เข้าใจ! ว่าทำไมแม่ถึงมองอดีตสามีที่อ่อนแอ ที่ไม่สามารถปกป้องแม่ได้สักนิดในแง่ดีขนาดนั้น ทั้งที่ความจริงไม่ใช่!


ชายหนุ่มพ่นลมหายใจหนักๆออกมาอีกครั้ง

“ก็หมายความว่า ที่เขาทำทั้งหมดมันไม่จริงใจไงแม่ ที่โทร.มาบอกว่าคิดถึง ให้ไปเยี่ยมไปหานั่นก็เพราะว่าเขาต้องการจะเจอตัวผมเพื่อให้ผมช่วยอะไรเขาบางอย่างเท่านั้น”


นภาขมวดคิ้วมุ่น


“ช่วยอะไร?”


“แต่งงานล้างหนี้ไง!”


“หา!” นภาร้องออกมาเบาๆ แต่หนนี้ทำเอาลภนแค่นยิ้มได้ เพราะ...


ใช่! คราวนี้แหละ! คราวนี้มันชัดเจนเหลือเกินว่าเขาเป็นผู้ถูกกระทำ เพราะอย่างนั้นหนนี้แม่จะต้องเข้าข้างเขาบ้าง!


“ครับ! นั่นแหละสาเหตุจริงๆที่เขาอยากจะพบผม!”


นภาทำสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นความจริง เพราะกระทั่งนาทีนี้ ลภนยังรู้สึกอย่างกับว่าคำพูดของวัฒนาชัดก้องอยู่ในหู ชนิดชัดเจนแจ่มแจ๋วอีกต่างหาก

‘ลภ ลูกจะช่วยแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งที่พ่อเลือกให้ได้ไหม’

‘อะไรนะ’

ลภนจำได้แม่นว่าตัวเองครางออกไปเสียงเบาหวิว นาทีนั้นเกิดอาการนึกไม่ออก ว่าตัวเองจะพูดอะไรได้มากไปกว่านั้น สิ่งเดียวที่นึกได้คือ


นี่มันต้องเป็นเรื่องบ้าบอคอแตก
และยิ่งแน่ใจเอาเสียมากๆเมื่อฟังประโยคถัดมาของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อบังเกิดเกล้า!!


‘นะ...ลภ ช่วยพ่อหน่อยได้ไหม เพราะลภ...เป็นลูกชายที่น่าภูมิใจที่สุดของพ่อนะ’


แล้วยังไง?! ลภนนึกอยากตะโกนถาม เป็นลูกชายที่น่าภูมิใจ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีสิทธิ์บอกให้ไปแต่งงานกับใครที่ไหนก็ได้ เขาไม่ใช่ของตั้งโชว์นะพ่อ!


เพราะงั้นลภนจึงจำได้ดีอีกเหมือนกันว่าตนเองตอบคนเป็นพ่อไปว่า


‘ไม่!’

ชัดถ้อยชัดคำ! แต่...

มันไม่ยักกะจบ!


เพราะพ่อบังเกิดเกล้าของเขาไม่ย่อท้อแม้แต่นิด ชายคนนั้นพยายามอธิบายให้เขาฟังถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่อง

‘คือธุรกิจของเรามันเกิดผิดพลาดลูก แล้วพ่อ...พ่อก็เลย...กลายเป็นหนี้ก้อนโตกับครอบครัวนั้น พอเขายื่นข้อเสนอมาว่าให้ลูกๆเรามาดองกันจะดีไหม พ่อว่า...มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหายอะไรนะลูก’


ไม่เสียหายอะไร!


ให้ตายดิ้นเถอะ! ยิ่งฟังลภนก็ยิ่งรู้สึกว่านั่นมันเกินจะรับได้

มิหนำซ้ำเรื่องนี้มันง่ายจะตายที่จะเข้าใจได้ว่าที่จริงแล้ว การถูกคนเป็นพ่อขอร้องให้ช่วยแต่งงานปลดหนี้ ไม่ใช่เพราะเขาเป็นลูกชายที่ดี น่าภาคภูมิใจ


แต่คงเพราะคนฝ่ายอนันตกรณ์ ไม่ต้องการบังคับใจลูกรักอย่างรภัทรต่างหาก ลูกชังอย่างเขาถึงดูจะมีค่าควรแก่การนึกถึงขึ้นมาแทนสุดขั้วหัวใจ!


เฮอะ! ชีวิตแกมันน่าสมเพชชะมัดยาด ไอ้ลภ!


ชายหนุ่มแค่นยิ้มออกมาเมื่อความอัดอั้นผลักดันให้ถ่ายทอดเรื่องทุกๆอย่างในความนึกคิดให้แม่ฟังอย่างครบถ้วน ก่อนปิดซ้ำด้วยคำพูดสุดท้ายที่ตรงใจตัวเองว่า


“ถ้ามาถามผมตอนนี้นะแม่ คนที่นับว่าจริงใจตรงไปตรงมากับผมที่สุดก็คือย่ากับคุณวิ! เพราะคู่นั้นเกลียดก็ว่าเกลียด เขาไม่เคยเอาคำพูดหวานๆมาหลอกล่ออย่างเดียวกับที่พ่อทำสักนิด!”


นาทีนี้นภาได้แต่กะพริบตามองบุตรชายและรู้สึกไม่สบายใจเลยจริงๆ
................



ปาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 มี.ค. 2555, 16:27:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 มี.ค. 2555, 16:27:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 1728





<< ๑   ๓ >>
Pat 19 มี.ค. 2555, 19:04:25 น.
สู้ๆๆจ้า


lovemuay 19 มี.ค. 2555, 19:44:06 น.
ถ้าไม่ยอมแต่งแล้วจะเสียใจนะจ๊ะ คริคริ


ใบบัวน่ารัก 19 มี.ค. 2555, 20:14:27 น.
เป็นพ่อที่หัวอ่อน
แม่ก็คงยังหลงยึดในพ่ออยู่
เปิด ตัวนางเอกได้แล้ว


SaiParn 19 มี.ค. 2555, 20:16:46 น.
ย๊ากกกกกกกกกก ท่าทางคนนั้นคงเป็นนางเอกแน่เลยที่จะต้องโดนพ่วงแค้นไปด้วย


Auuuu 19 มี.ค. 2555, 21:40:10 น.
เอิ่ม.... =="


แพม 19 มี.ค. 2555, 22:10:44 น.
แต่งกับนางเอกป่ะ ถ้าใช่ก็แต่งไป จะได้ดำเนินเรื่องต่อ ถ้าไม่ใช่ก็กลับมาเลี้ยงวัวต่อไป


ling 20 มี.ค. 2555, 12:26:19 น.
อย่าให้รอนานนะค่ะคุณปาริน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account