ซ่อนใจไว้ใต้ดาว สนพ.อรุณ
รักที่ซ่อนเร้น หัวใจที่ปวดร้าว และความรักที่ซึมลึกระหว่างหัวหน้าทีมสอบสวนกับลูกน้องจอมป่วน
"ผมเกลียดผู้หญิง!!"
"แต่ฉันชอบสารวัตรค่ะ"?
เรื่องป่วน เครียดปนฮาของทีมสอบสวนพิเศษเกิดขึ้นแล้ว!!

.เรื่องนี้จะอัพเดทสัปดาห์ละตอนนะคะ ค่อยๆทำไป..ฮ่าๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ ผกก.เจตต์ในเรื่องหลงกลิ่นจันทน์ ใครจำเขาได้บ้างโผล่มาตอนคดีพิเศษแวบๆ เรื่องนี้จะเป็นช่วงก่อนหน้าที่จะถูกเลื่อนยศให้เป็นผกก.และย้ายลงไปที่โรงพักของสารวัตรว่านรักนะคะ

Tags: ซ่อนริษยา คีตา ณิชนิตา

ตอน: ตอนที่ 2 ร่องรอย

มาแล้วค่ะ..^^ เรื่องใหม่ที่เคยลงไว้แล้วหนึ่งตอน..

ตอนที่ 2 ร่องรอย
ปริญญาเดินเข้ามาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเธอแวะหากาแฟเย็นดื่มซักแก้วก่อนจะเข้าหน่วย สายตาหันไปสะดุดอยู่ที่สาวๆกองสารนิเทศที่ยืนคุยกันอย่างออกรสชาด สายตาของเหล่าสาว ๆ ต่างจับจ้องไปที่ทางเข้าตึก

“เห็นไหมๆ เขาหล่อมากเลยนะเธอ”เสียงสาวคนหนึ่งในกลุ่มทักท้วงดังขึ้นพลอยทำให้เพื่อนคนอื่นๆหันไปมองตาม

“เมื่อคืนนะ ฉันมองตาค้างเลยละดูดีเป็นบ้าเลย”อีกคนคอยเสริมดวงตาเป็นประกาย

“คนอะไรทั้งหล่อทั้งสุภาพ หมวดมนัส ตอนออกข่าวเมื่อคืนกับผู้บัญชาการยศดูดีทั้งนายทั้งลูกน้องเลยนะ” สาวอีกคนเอ่ยทั้งทำตาลอย ปริญญาส่ายหน้าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้เธอเห็นด้วยกับสาวๆ เหล่านั้นไม่ลงเอาทีเดียว ในงานเลี้ยงที่กำลังดีแต่กลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดหมวดมนัสจัดการแต่งตั้งตัวเองเป็นซุปเปอร์แมนแต่มันไม่เลวร้ายนักหรอกหากไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนั้น

“นั่นๆมาแล้ว”หนึ่งในกลุ่มสาวๆเอ่ยขึ้นเมื่อหมวดมนัสเดินเข้ามาในตึก ด้วยใบหน้าเรียวที่ขาวสะอาดคิ้วหนา ตาโตแถมมีลักยิ้มที่แก้มอีกต่างหาก การแต่งกายก็ดูสุภาพเรียบร้อยเสมอทำให้เขาดูดีจนสาว ๆหลายคนต้องเหลียวหลัง
ปริญญารีบหันหลังให้เมื่อเห็นหมวดมนัสเดินเข้ามาเธอไม่อยากให้เขาเห็นเธอแต่ดูเหมือนจะไม่ทันการณ์เสียแล้ว

“หมวดปี่!! รอผมด้วย”เสียงเรียกนั้นทำให้ปริญญาถึงกับหลับตาปี๋ ยิ่งกลัวว่าจะเห็นก็ดันตาดีเห็นเธอเสียนี่เธอไม่ต้องการเป็นเป้าสายตาโดยเฉพาะสาวๆที่กำลังเล็งหมวดหนุ่มรูปหล่ออยู่ด้วย หญิงสาวรีบวิ่งไปกดลิฟท์เร็วปรื๋อหมวดมนัสก็รีบวิ่งเข้ามาดักทันที

“หมวดปี่นี่ ผมเรียกอยู่นะไม่ขานรับกันเลย”เขาต่อว่าทันทีที่เข้าไปในลิฟท์ได้

“อ๋อ ปี่ไม่ได้ยินคะ”เธอแก้ตัวพร้อมกับหันไปมองเขาทำสีหน้าไม่รู้เรื่อง

“ผมออกจะเสียงดัง สงสัยจะเมาค้างเหมือนกันนะเนี่ย”มนัสคิดเอง เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนกลับบ้านได้ยังไง คงจะเมามากและคงเป็นสารวัตรเจตต์เพื่อนรักที่พาเขากลับถึงบ้านโดยปลอดภัย “เมื่อคืนไม่รู้ผมกลับบ้านยังไงนะครับ”

“หมวดจำอะไรไม่ได้เลยเหรอคะ?”ปริญญาถามเสียงหลงหน้าตื่นที่ได้ยินอย่างนั้น

“ครับ จำไม่ได้ตื่นเช้าก็เห็นตัวเองนอนอยู่บนเตียงแล้ว รถก็จอดเรียบร้อยแถมจอดได้สวยงามผิดกับที่ผมเคยจอดด้วยซ้ำไป”

ปริญญายิ้มจืด..แน่นอนเธอเป็นคนจอดมัน..คงเรียบร้อยแน่ๆ ขับรถตั้งแต่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ด้วยซ้ำ หญิงสาวเกาคิ้วตัวเองเบา ๆ ไม่รู้จะพูดอย่างไรดีกบเหตุการณ์เมื่อคืนและไม่รู้จะอธิบายอย่างไรไม่ให้นายตำรวจข้าง ๆ เสียหน้า เมื่อเดินเข้าไปถึงหน่วย ดร.ชายไทยิ้มให้คนทั้งคู่พร้อมกับเดินเข้าไปตบบ่าหมวดมนัสเบา ๆ

“ว่าไงซุปเปอร์แมน”คำทักทายนั้นทำเอาหมวดมนัสขมวดคิ้วแปลกใจ

“คืออะไรเหรอครับดร.”

“นี่หมวดปี่ไม่ได้บอกเหรอครับว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง”เขาหันไปมองหมวดปริญญาทันที พอดีกับสารวัตรเจตต์เดินเข้ามาในห้อง ใบหน้าของเขาดูอิดโรยแต่ที่สะดุดตาก็คือหน้าผากที่มีรอยนูนสีแดงช้ำเป็นจ้ำใหญ่เท่าลูกมะนาวเลยทีเดียว

สารวัตรหนุ่มเมื่อเห็นหน้าหมวดมนัสก็ตรงปรี่เข้าไปหาพร้อมกับชี้หน้า “ไอ้นัส แกห้ามดื่มเหล้าอีกเป็นอันขาดนะเว้ย ฉันสั่งห้ามแกเลย”สีหน้าจริงจังของหัวหน้าทำให้หมวดมนัสถอยกรูดไปยืนแอบข้างหลังหมวดปริญญาแทบจะทันที

“อะไรๆ อยู่ ๆ มาสั่งฉันนี่มันอะไรวะ”ด้วยความรีบจึงลืมตัวพูดกันเองกับสารวัตรทันที

“ก็เมื่อคืนน่ะ แกเมามาก เล่นเป็นซุปเปอร์แมนมั่วไปหมด นี่แกจำไม่ได้จริง ๆ น่ะเหรอ หรือจำได้แต่สิ่งดี ๆเอาหน้าไอ้เรื่องไม่ดีไม่เคยจำเลยนะ”สารวัตรบ่นท้ายประโยคพร้อมกับลูบหน้าผากตัวเองเบา ๆ

หมวดมนัสกลืนน้ำลายอึกใหญ่แม้จะพยายามนึกอย่างไรเขาก็นึกไม่ออกว่าเรื่องที่ทำให้เพื่อนรักอารมณ์ขุ่นมัวแต่เช้านั้นคือเรื่องอะไรกันแน่ พอเห็นลูกมะกรูดตรงหน้าผากของสารวัตรเจตต์ก็พาลคิดไปว่าหรือจะเป็นสาเหตุมาจากตัวเองกันแน่?

“ถ้าอย่างนั้นหน้าผากสารวัตรที่มันแดงเถือกก็เพราะผมเหรอ”คำถามนั้นทำเอาทั้งปริญญาและสารวัตรเจตต์เงียบกันทั้งคู่

“ไม่ใช่หรอกครับหมวดมนัส คืออย่างนี้ครับ คนที่ตีหน้าผากสารวัตรน่ะคือหมวดปี่ ต่างหากละ หมวดมนัสเล่นเป็นซุปเปอร์แมนจะแย่งเสื้อแจ็คเก๊ตจากหมวดปี่มาทำเป็นผ้าคลุม หมวดปี่เลยจะตีให้เลิกเล่นแต่สารวัตรเข้าไปช่วยแยกหมวดมนัสออกพอดี มันเลยพลาดเป้าไปหน่อย”ดร.ชายไทอธิบายเสียละเอียดยิบจนคนที่เป็นต้นเหตุถึงกับหน้าซีด

“หมวดปี่ ผม..ขอโทษจริง ๆ นะครับไม่รู้ตัวจริง ๆ” มนัสเอ่ยน้ำเสียงสำนึกผิด
ปริญญายิ้มจืด“ไม่เป็นไรค่ะ”

“นี่..ไอ้นัสแกควรขอโทษฉันนี่ไม่ใช่หมวดปี่ ฉันต้องรับกรรมแทนแกแถมยังต้องแบกแกไปส่งบ้านอีก”

“สารวัตรผมขอโทษจริง ๆ นะ จำไม่ได้จริง ๆว่าทำอะไรลงไปบ้าง”เมื่อสำนึกผิดก็รีบพูดเป็นทางการบ้างด้วยกลัวจะผิดซ้ำอีก

“ต่อไปอย่าได้เอาเหล้าเข้าปากอีกเป็นอันขาดนะ ไม่งั้นฉันยำแกเละแน่ๆ”สารวัตรคาดโทษไว้ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเอง หน้าหงิกเพราะต้องแบกหน้าตาแบบนี้ไปสืบพยานอีก เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนยังเจ็บไม่หายคิดพลางเหลือบไปมองเจ้าของฝ่ามือหนักๆนั้นทันที ปริญญามองเขาอยู่แล้วจึงส่งยิ้มจืด ๆ ให้ เธอเดินเข้ามานั่งประจำที่พร้อมกับยื่นกระปุกยาหม่องมาให้ ชายหนุ่มเหลือบมองหญิงสาวสีหน้าระเอ็ดระอาใจเหลือเกินก่อนจะเลื่อนส่งคืนไปให้

“ไม่ต้อง คิดว่าตบหัวแล้วจะมาลูบหลังหรือไง”เขาว่าเหมือนน้อยใจแต่ไม่ได้แสดงสีหน้าอย่างน้ำเสียง หน้าเข้ม เคราเขียวครึ้มนั่นไม่ได้ทำให้คนมองคิดว่าน้อยอกน้อยใจอะไร มันทำให้คิดว่าคงโกรธมากกว่า

หน้าโหด ๆ อย่างนี้ใจน้อยหัวล้านก็คงจะไม่ใช่หรอกกระมัง ปริญญาแอบคิด

“เปล่าเสียหน่อยค่ะ ก็เห็นหน้าหงิกนี่นา ปี่เห็นท่าทางสารวัตรคงจะเจ็บมากเลยเอามาให้ แล้วปี่ก็ไม่ได้ตบหัวด้วยฟาดกลางหน้าผากเลยต่างหากละคะ”

สารวัตรหนุ่มหันมามองปริญญาตรง ๆ ที่ผ่านมาเธอทำให้ทุกคนมองว่าเป็นผู้หญิงเงียบ ๆ ไม่ต่อปากต่อคำกับใครแต่ในความคิดของเขาแล้ว ปริญญาไม่ได้เป็นอย่างนั้นซักนิด ผู้หญิงคนนี้รวนและประชดเก่งจะตายไป ดูท่าทางจะเป็นคนดื้อเงียบเสียมากกว่า เขาละเกลียดผู้หญิงแบบนี้เป็นที่สุดเลยพับผ่าสิ!!

ปริญญาเมื่อเห็นชายหนุ่มหันมาเผชิญหน้ากันตรง ๆ ดวงตาแข็งๆเหมือนจะเอาเรื่องเธอจึงก้มหน้างุดหันไปเก็บข้าวของใส่กระเป๋าสะพายของตัวเองเงียบๆ ทำสงบเสงี่ยมเจียมตัวเป็นที่สุด อย่างน้อยเขาจะได้เมตตาบ้างละนะ คิดแล้วก็ทำหน้าแอ๊บแบ๊วเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิดต่อไป

“ไปเถอะ ตอนนี้ญาติเหยื่อรออยู่ที่ห้องสอบสวนแล้ว”สารวัตรเจตต์เอ่ยขึ้นพร้อมกับลุกจากเก้าอี้

ปริญญาเดินตามเขาไปเงียบ ๆ สีหน้าเจี๋ยมเจี้ยมสำนึกผิดแม้จะเถียงอยู่ในใจว่าไม่ได้ตั้งใจซักนิดเดียวนะคะสารวัตรเถื่อนแต่ก็เถียงไม่ได้ รู้สึกแอบสะใจเล็กๆ อย่างน้อยก็ได้ยินเสียงร้องโอ้ยหลุดจากปากคนหน้าเถื่อนคนนี้

ดร.ชายไทมองภาพตำรวจหนุ่มสาวเดินตามหลังกันไปแล้วหัวเราะกับตัวเองเบา ๆ
“คุณชายหัวเราะอะไรคนเดียวหรือครับ”มนัสเอ่ยถามสีหน้าแปลกใจ

“ผมว่าคู่นั้นเขาน่ารักดีครับ”มนัสหันไปมองตามที่ดร.หนุ่ม

“เฮ้ย-ย-ย คุณชายครับอย่าได้จินตนาการเลยครับ ท่านสารวัตรเจตต์น่ะเกลียดกลัวผู้หญิงเป็นที่สุดครับอย่าจับคู่ให้ท่านเลยสงสารผู้หญิงเขา”

“แล้วทำไมถึงได้เกลียดละครับ”

“เอ่อ..ผมก็ไม่แน่ใจนะครับมันเป็นก่อนที่จะเจอกับผมช่วงที่เรียนนายร้อยตำรวจด้วยกันน่ะครับ เขาก็ไม่เคยเล่าให้ฟังเสียด้วย เค้นให้พูดขนาดไหนก็ไม่ยอมปริปากซักนิด”

“แปลกจังนะครับ แต่หมวดปี่ก็ไม่ได้เหมือนผู้หญิงทั่วไปนี่ ถ้าจะให้หายโรคกลัวผู้หญิงก็ต้องหาผู้หญิงดีๆมาเป็นยารักษาสิครับ”

“หูย ด็อกเตอร์วาจาคมมาก”มนัสเห็นด้วยอยู่บ้างแต่ก็คิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรให้มันสำเร็จ คนอย่างสารวัตรเจตต์น่ะหรือจะตกหลุมรักใคร ขนาดสาวสวยระดับนางงามมาชื่นชอบ เพื่อนหนุ่มเขายังตัดบัวไม่เหลือใยสักเส้น สาวเจ้าน้ำตาแทบจะท่วมกรุงเทพฯเพราะโดนเพื่อนเขาหาว่าจะจับแถมด้วยการบอกปัดว่า “ผู้หญิงอย่างคุณผมไม่ต้องการ” เขาจำประโยคนี้ได้แม่นยำอย่างกับเพิ่งได้ยินเมื่อไม่นานมานี้เอง คิดถึงเรื่องนี้ทีไรขนลุกเกรียวทุกทีไป เสียดายสาวๆสวยๆ เหล่านั้นเหลือเกิน

สาวประเภทสองร่างสูงโปรงใบหน้าคม ขนตาเป็นแพหนา ริมฝีปากถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีชมพูระเรื่อ ดวงตาคู่สวยหันมามองตำรวจสองนายที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง เธอนั่งรอไม่ถึงสิบนาทีด้วยเพิ่งปลอบใจแม่ของนางแบบในสังกัดไปได้ไม่นานแต่กลับรู้สึกเหมือนเวลาช่างยาวนานเหลือเกินกว่าที่จะมีคนเข้ามาในห้อง

มารดาของนางแบบสาวเป็นหญิงร่างสันทัดผิวคล้ำดูท่าทางการแต่งตัวไม่ได้พิถีพิถันมากมายนัก ผมยาวสีดำถูกรวบเป็นมวยอย่างลวก ๆ ไว้กลางศีรษะ ใบหน้าไม่ได้มีเครื่องสำอางแต่งแต้มซักนิด
ตำรวจหญิงหันไปมองสารวัตรซึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะแนะนำตัวกับญาติของผู้ตายเลยจึงหันมาทำหน้าที่นั้นแทน

“สวัสดีคะ ดิฉันหมวดปริญญาค่ะ แล้วนี่ก็สารวัตรเจตต์หัวหน้าทีมคดีพิเศษ เราเป็นทีมสืบสวนคดีฆาตกรรมคุณวริชญาค่ะ”

“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อดาริณีค่ะเป็นผู้จัดการส่วนตัวของวริชญาหรือน้องแพรวน่ะคะ ส่วนนี้คุณแม่แววแม่ของแพรวค่ะ” ตำรวจทั้งสองต่างยกมือไหว้ผู้สูงอายุกว่าทันที

“เอ่อ เราขอสอบถามอะไรเล็กน้อยเพื่อเป็นเบาะแสในคดีนะคะ คืนก่อนเกิดเหตุคุณแพรวไปไหนบ้างค่ะ”

“วันนั้นตอนเช้ามีงานพรีเซ็นเตอร์น้ำหอมแพรวเป็นคนตื่นสายฉันก็โทร.ไปปลุกตั้งแต่เช้า นัดกันที่สถานที่ถ่ายทำเป็นสวนสาธารณะ ตกบ่ายเรามีเดินแบบที่ห้างเป็นชุดว่ายน้ำ พอดีเสร็จเร็วดิฉันก็แยกกับแพรวเพราะมีธุระต่อ แพรวเองก็บอกว่าจะไปซื้อของเราเลยแยกกันตอนนั้นก็ประมาณทุ่มกว่าๆค่ะ”ดาริณีเล่าคร่าว ๆ สีหน้าค่อนข้างหนักใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอมองว่าผลประโยชน์ที่จะสูญเสียไปมันค่อนข้างมาก กว่าจะหานางแบบที่ถูกใจเป็นที่นิยมนั้นเป็นเรื่องยาก นางแบบหน้าใหม่มีมากก็จริงแต่จะมีซักกี่คนที่ทำเงินได้เหมือนอย่างวริชญา

“แล้วช่วงนี้มีอะไรผิดปกติไหมคะ อย่างเช่นคนมาติดพันคุณแพรวมีบ้างไหมค่ะ”

“ดารานางแบบนะคะคุณตำรวจ ก็ย่อมจะมีคนมาชื่นชอบเป็นธรรมดาแต่ดาก็ไม่เห็นใครที่ดูผิดแผกไปหรอกคะ”สาวประเภทสองยิ้มหวานแต่ไม่ได้สบตาคนถาม เธอหลบตาทั้งกระพริบซ้ำ ๆ กันหลายทีก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตานายตำรวจหนุ่มแววหวาน

“แล้วคุณแพรวเองมีใครที่สนิทด้วยเป็นพิเศษไหมคะอย่างเช่นคนรัก”ปริญญายังคงถามต่อในประเด็นที่คาดว่าจะเป็นความขัดแย้งที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมขึ้น

“เอ่อ”ดาริณีทำท่าทางอึกอักก่อนจะชำเลืองไปทางแม่ของนางแบบสาวแล้วตอบคำถาม“ไม่มีคะ”

ปริญญาหันไปมองทางสารวัตรเจตต์เป็นการส่งสัญญาณว่าเขาจะถามอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ แต่ชายหนุ่มก็ยังคงทำหน้าเฉย ดวงตาดูลอย ๆ จนหญิงสาวต้องจบการสอบปากคำเสียเอง

“รบกวนคุณทั้งสองไปตรวจสอบอีกครั้งนะคะว่ามีอะไรหายไปจากตัวของคุณแพรวหรือเปล่า”

เมื่อเห็นว่าพยานทั้งสองคนจะลุกขึ้นตามคำเชิญของปริญญา สารวัตรเจตต์จึงเอ่ยขัดจังหวะเสียก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง

“ผมขอคุยกับคุณดาซักหน่อยได้ไหมครับ หมวดปี่พาคุณแววไปที่นิติเวชทีนะครับ”

“ค่ะ”ปริญญารับคำก่อนจะพานางแวววลีเดินออกไปจากห้องสอบสวนปล่อยให้สารวัตรหนุ่มอยู่ตามลำพังกับผู้จัดการของวริชญา ดาริณีทรุดตัวลงนั่งอีกครั้ง เธอหวั่นวิตกถึงคำถาม กลัวว่า เขาจะถามในเรื่องที่เธอกลัวที่จะตอบ

“ตกลงว่า..คุณแพรวมีแฟนอยู่ใช่ไหมครับ ถ้าคุณไม่ตอบ ผมก็หาคนร้ายไม่ได้ เราจำเป็นต้องรู้เรื่องของเธอทุกอย่างเพื่อโยงไปหาคนร้ายให้ได้ ถ้าคุณดายังปิดบังผมอีก ทุกอย่างมันจะไม่เงียบอย่างที่ตั้งใจแน่ๆ”นายตำรวจหนุ่มเค้นถามสีหน้าเข้ม ใบหน้าที่มีหนวดเคราหรอมแหรมพอให้คนที่มองรำคาญตากลับทำให้ใบหน้านั้นเข้มขึ้นเป็นกอง ยิ่งดวงตานิ่งแทบไม่กระพริบของเขายิ่งดูน่ากลัวมากขึ้น

“เอ่อ”กิริยาท่าทางอึดอัดของอีกฝ่ายเป็นไปตามที่ชายหนุ่มคาด

“ใช่ไหมครับ แล้วผู้ชายคนนั้นต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้คุณพูดไม่ได้”

“ใช่คะ แพรวมีคนที่คบกันอยู่ก็ตามข่าวนั่นแหละคะ นายเปรมปรีดิ์ ทายาทห้างสรรพสินค้าพีทีมอลล์เขาสองคนติดพันกันอยู่ ช่วงนี้ก็ยิ่ง..ออกสื่อเยอะ”

“เขามีภรรยาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ”ชายหนุ่มเคยอ่านข่าวของเจ้าของห้างนี้สองสามครั้งพอได้รู้ว่าเป็นคนที่ดูมั่นใจในตัวเองมากเหลือเกิน

“ใช่คะ ฉันถึงพูดต่อหน้าแม่แววไม่ได้ไงคะ แม้จะมีข่าวออกมายังไงแต่ฉันก็ปิดให้เรื่องเงียบที่สุดแต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด แพรวชอบให้สื่อออกข่าวเธอยิ่งเรื่องนี้เธอก็ยิ่งชอบ”

“งั้นหรือครับ แล้วภรรยาเขาทราบเรื่องหรือเปล่า”

“ฉันว่าน่าจะทราบนะคะ คุณเปรมก็ไม่ได้ปิดอะไรบางทีไปเจอกันที่ร้านอาหารโดยบังเอิญยังมีเลยค่ะ วันนั้นฉันก็อยู่ด้วยท่าทางคุณนงนรี ภรรยาของคุณเปรมน่ะคะ ทำหน้าเฉยมากเหมือนไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่เห็น นั่นทำเอาแพรวเต้นเลยคะ ฉันเองก็ไม่ชอบนิสัยแบบนี้ของแพรวนักหรอกแต่ว่าตอนนี้เธอทำเงินได้ดีก็ต้องอยู่ร่วมกันต่อไป”

“ครับ คุณคิดว่าคุณนงนรีมีท่าทีโกรธ ไม่ชอบคุณแพรวบ้างไหม”

“โถ คุณตำรวจคะถ้าฉันโดนแย่งผัวนะคงไม่นั่งมองเฉยๆ หรอกค่ะ คงได้เจ็บกันไปข้างหนึ่งละแต่สำหรับคุณนายนงนรีน่ะฉันไม่มั่นใจดูหล่อนเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว เห็นว่าต้นตระกูลมาจากครอบครัวผู้ดีเก่าซะด้วย แต่ไอ้เรื่องเจ็บใจคงเจ็บแหละคะแต่ไม่แสดงออก แสดงออกมากก็เสียหน้ามากเท่านั้น ถ้าเป็นฉันโดนแย่งผัวตำตาขนาดนั้นไม่ฉันก็มันละที่หน้าแหกกันไปข้าง”

เจตต์ทำหน้านิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนจะเหลือบมองผู้จัดการสาวสวยของวริชญา

“ขอบคุณครับที่ให้ความร่วมมือ เชิญตามสบายครับ ถ้ายังไงผมอาจจะต้องขอชื่อที่อยู่ของคนที่เกี่ยวข้องกับคุณวริชญาจากคุณอีกครั้ง”

“ยินดีคะ”ดาริณีตอบก่อนจะยกมือไหว้ลานายตำรวจหนุ่มเดินออกไปจากห้องสอบสวน สารวัตรหนุ่มยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เขามองเห็นบางอย่าง บางอย่างที่มันผิดปกติ นายตำรวจหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหาชื่อของด็อกเตอร์ชายไทยแล้วกดโทร.ออก เสียงสัญญาณดังเพียงสองครั้งเท่านั้น ปลายสายก็มีเสียงรับ

“ครับสารวัตร”

“ผมรบกวนด็อกเตอร์ค้นหาข้อมูลครอบครัวของนายเปรมปรีดิ์ ปิติวานิชย์ ที่เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าพีทีมอลล์ด้วยครับ อยากทราบความเป็นมาของภรรยาเขาด้วยเอาแบบละเอียดนะครับ”เจตต์สั่งแต่มีน้ำเสียงนุ่มผิดกับสีหน้าที่เคร่งเครียดเมื่อจบการสนทนาเขาหันกลับมามองรูปของนางแบบสาวในแฟ้มอีกครั้ง

เสียงสะอื้นของนางแวววลีทำให้ตำรวจหญิงถึงกับน้ำตาซึม หมวดมนัสยืนมองดูภาพนั้นด้วยความรู้สึกปวดหนึบอยู่ในอกนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นความโศกเศร้าของการเสียคนรักไป นางแวววลีเอื้อมมือจับมือบุตรสาวอย่างแผ่วเบาเสียงสะอื้นนั้นดังไปทั่วทั้งห้องแต่เทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดที่ได้รับซึ่งมันกึกก้องไปทั่วหัวใจ

วริชญาเป็นลูกสาวคนเล็กที่ได้รับความรักมากที่สุดแต่ด้วยความที่ครอบครัวมีฐานะไม่ค่อยดี วริชญาจึงพยายามอย่างที่สุดที่จะให้ครอบครัวดีขึ้น จากลูกสาวแม่ค้าในตลาดสดกลายเป็นนางแบบสาวสวยแต่นั่นก็ยังไม่พอสำหรับเธอ อย่างไรก็ตามการสูญเสียครั้งนี้มันอาจจะเกิดจากความไม่พอของตัววริชญาเอง แวววลีคิดในใจทั้งน้ำตายังไหลพราก

“ซารังแง ~”เสียงเพลงรอสายแนวเพลงเกาหลีทำให้คนที่กำลังเศร้าในห้องถึงกับมองหน้ากันเป็นแถว หมวดปริญญารีบค้นเอามือถือที่ดังอย่างต่อเนื่องออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก๊ตอย่างร้อนรนพร้อมๆกับเดินออกมาจากห้องชันสูตร หลบจากสายตาของผู้คนที่ต่างทำหน้าตื่นระคนแปลกใจกับเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอ ชื่อที่แสดงบนหน้าจอทำให้หญิงสาวถึงกับขมวดคิ้ว สารวัตรเจตต์โทรศัพท์หาเธอทั้ง ๆ ที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องสอบสวนได้ไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ

“สวัสดีค่ะท่าน”เสียงรับแข็งขันนั้นทำเอาปลายสายถึงกับสำลักน้ำดื่ม

“ตะโกนเสียงดังจริง พูดปกติธรรมดาก็ได้นะผมไม่ได้กำลังฝึกอะไรคุณ เสร็จจากเรื่องญาติช่วยมาที่คอนโดของวริชญาด้วยผมจะรออยู่ที่นั่น อ้อ..ช่วยซื้อกาแฟร้านเจ้าประจำผมให้ด้วย เอารสดั้งเดิมที่ผมสั่งประจำนะบอกว่ารสชาติของสารวัตรเจตต์เขารู้อยู่หรอก..เร็ว ๆด้วยละผมไม่ชอบรอใครนานๆ ”สั่งรวดเดียวแทบไม่รอให้หญิงสาวได้ถามกลับซักคำ

“ค่ะ!!”ปริญญานึกเซ็งคำสั่งสุดท้ายรับคำด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแต่เต็มไปด้วยแววประชดประชัน

“ค่ะ...นี่เข้าใจที่ผมสั่งใช่ไหม”ชายหนุ่มทวนแม้จะรู้อารมณ์ของคู่สนทนาอยู่หรอกว่าเป็นอย่างไร เธอคงโมโหที่เขาเอาแต่สั่งอย่างเดียวแน่ๆ

“ค่ะ”คำตอบสั้นๆนั้นทำให้ชายหนุ่มอมยิ้มนึกภาพหน้าตากวนประสาทของหญิงสาวได้ดี คงทำหน้าเอือมระอาเต็มทน ช่วยไม่ได้ก็อยากดื่มกาแฟนี่นา..

เจตต์กวาดสายตามองไปรอบๆห้องหรูของนางแบบสาวด้วยความรู้สึกแปลกใจ ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์หรือแม้แต่ของประดับเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังเป็นของดีมีราคา ทำให้เขาหวนไปคิดถึงสภาพการแต่งตัวของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่แท้ ๆ ของวริชญา ดูธรรมดามากเมื่อเทียบกับบุตรสาว ในห้องรับแขกดูเรียบร้อยสะอาดฝุ่นซักนิดแทบจะไม่มี แต่เมื่อเปิดประตูห้องนอนเข้าไปชายหนุ่มถึงกับเลิกคิ้วสูงเพราะแปลกใจกับสภาพห้องนอนที่ดูไม่มีระเบียบ ผ้าห่มถูกรั้งขึ้นมากองที่ปลายเตียง เสื้อผ้าก็กระจัดกระจายถูกวางทิ้งไว้บนปลายเตียง

‘เธอคงรีบแต่งตัวไปทำงานอย่างที่ผู้จัดการส่วนตัวบอกไว้’ เจตต์เปิดตู้เสื้อผ้าออกดูเขาส่ายหน้าเมื่อเห็นสภาพ ข้างนอกกับข้างในตู้ไม่ได้ต่างกันซักนิด ผู้หญิงคนนี้สวยแต่ภายนอกจริงๆ เสียงเปิดประตูพร้อมๆกับเสียงเดินฝีเท้าหนักๆทำให้เจตต์รู้ว่าลูกน้องของเขามาถึงแล้ว คิดได้จึงก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง เกือบหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่เขาโทรศัพท์สั่งหญิงสาวไป

“ขอโทษค่ะสารวัตรพอดีปี่ไปหาร้านกาแฟร้านที่สารวัตรบอกน่ะคะเลยช้าไปนิด”หมวดปริญญาเปิดประตูห้องเข้ามาได้ก็รีบขอโทษขอโพยหัวหน้าเป็นการใหญ่แต่อีกฝ่ายดูไม่ได้อนาทรร้อนใจกับเรื่องกาแฟที่สั่งสักนิด

“ทำอะไรผิดก็อย่าโทษไปเรื่อย แค่ช้าผมไม่ทำโทษคุณหรอก อ้อ..วางกาแฟไว้ข้างนอกนะอย่าเอาเข้ามา”

“อ้าวแล้วหัวหน้าจะดื่มยังไงคะเดี๋ยวน้ำแข็งละลายหมดกันพอดี”

“ต่อท่อเข้ามาให้ผมสิ จะได้ดื่มรวดเดียวเสียหมด น้ำแข็งมันจะได้ไม่ละลายดีไหม?”ชายหนุ่มหันกลับมาตอบแต่สีหน้าเครียด หญิงสาวหน้าง้ำเมื่อได้ยินคำประชดประชันแบบนั้นแต่ก็ทำตามคำสั่งเดินออกไปนอกห้องวางแก้วกาแฟเย็นทั้งสองไว้บนพื้นนึกอยากบ่นด้วยความไม่เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายเอามาก ๆ

“แล้วจะให้รีบซื้อมาทำไมไม่กลับออกไปค่อยไปกินละ หาร้านก็ยากแล้วยังจะมาเรื่องมากอีกนี่ถ้ากินเข้าไปแล้วว่ามันไม่อร่อยนะก็จะหาว่าเราซื้อไม่ได้เรื่องแน่ๆ คราวหน้าแม่จะใส่สลอดลงไปด้วยเลยคอยดูเถอะ”

“นี่ๆจะนั่งเฝ้าน้ำแข็งให้มันละลายหรือยังไงมาทำงานสิ!! เวลาที่เธอใช้บ่นคนอื่นน่ะภาษีประชาชนทั้งนั้นนะ”เสียงตะโกนเข้ม ๆนั้นทำให้ปริญญาหน้างอลงทันที ทำไมเขาถึงชอบดุเธอนักนะ

หญิงสาวก้าวเข้าไปในห้องสุดหรูของวริชญา ปริญญาไม่แปลกใจที่นางแบบดังมีรสนิยมการแต่งห้องแบบมีสไตล์หรูหรา แถมมีรูปตัวเองติดที่ผนังห้องกรอบใหญ่เท่าตัวจริงทว่าเธอไม่เห็นดอกไม้ซักดอกในห้องนี้

“หมวดคิดว่ายังไงครับ”สารวัตรหนุ่มหันไปถามความเห็นลูกทีม

“ก็แปลกดีค่ะห้องสุดหรูแต่ไม่มีดอกไม้หรือต้นไม้ประดับเลยซักต้น แถมโชว์รูปตัวเองใหญ่ยักษ์เสียด้วย เหมือนคนหลงตัวเองแล้วก็ไม่มองคนอื่นเลย”คำตอบของปริญญาทำให้ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปาก

“เก่งนี่ ความจริงผู้หญิงส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้แหละ หลงตัวเองยิ่งอยู่สูงยิ่งหลงมาก”ชายหนุ่มพูดโดยไม่ได้สนใจว่าคนฟังเองก็เป็นผู้หญิงเช่นเดียวกัน

“สารวัตรเอาอะไรมาตัดสินละคะ ทำไมถึงพูดซะเหมือนรู้จักผู้หญิงดี๊-ดีทั้ง ๆที่ได้ยินว่าสารวัตรไม่ชอบผู้หญิงนี่ค่ะ”

“เธอนี่ช่างสงสัยจริง ๆ แต่ก็ดีแล้วละเป็นพื้นฐานที่ดี ก็เพราะผมรู้จักผู้หญิงดีน่ะสิ ถึงได้เกลียด ถ้าไม่รู้จักดีผมก็คงดิ้นรนหาใครซักคนไปแล้วละ”เขาพูดจบก็เดินออกไปที่ระเบียงห้องก่อนจะตะโกนกลับมาสั่งอีกครั้ง

“หมวดช่วยเก็บภาพแต่ละห้องอย่างละเอียดให้ผมด้วยนะ”ปริญญาถอนใจ เธอไม่ได้เหนื่อยใจกับการทำงานมากนักหรอกเพียงแต่รู้สึกเหนื่อย ๆที่ต้องทำงานกับผู้ชายประหลาดคนนี้ต่างหาก

“แล้วสารวัตรพบหลักฐานอะไรไหมค่ะ”หลังทำตามคำสั่งซึ่งใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง หมวดปริญญาเดินเข้าไปหาสารวัตรหนุ่มซึ่งตอนนี้กำลังนั่งดูทีวีในห้องรับแขกด้วยท่าทางสบายอารมณ์จนน่าหมั่นไส้

“พบ..แต่เดี๋ยวค่อยคุยกันอีกทีก็ได้ เก็บภาพหมดแล้วใช่ไหมงั้นก็กลับกันได้แล้วผมอยากพักผ่อนเต็มทีแล้ว”เขาพูดจบก็ลุกขึ้นบิดตัวไปมาสองสามครั้ง ปริญญาทำหน้าเหวอเพราะตั้งแต่เธอเดินเข้ามายังไม่เห็นเขาทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันซักอย่างเลย มีแต่เดินไปมาแล้วก็นั่งดูรายการทีวี ส่วนเธอวิ่งไปซื้อกาแฟให้เขา(โดยที่ไม่ดื่มซักหยด)แล้วก็ถ่ายภาพเก็บข้อมูลหลักฐาน สำรวจหาหลักฐานเพิ่ม

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นละหมวดไม่อยากกลับเหรอเห็นห้องเขาหรูเลยไม่อยากกลับหรือไง ผมเองก็ว่างั้นแหละ โซฟาก็นุ่มสบาย ดูสิอะไรก็ดีไปหมดยกเว้นอาหารในตู้เย็น มันบูดไปตั้งหลายอย่างแน่ะ ไป! ไปเถอะ”

ปริญญาเดินตามหลังสารวัตรเจตต์ออกมาเห็นแก้วกาแฟที่ยังคงวางอยู่ที่เดิมก็รีบดึงแขนเจ้านายไว้ทันที

“สารวัตรไม่ดื่มกาแฟแล้วเหรอคะ”

“มันละลายหมดแล้วผมจะดื่มทำไมละ”

“อ้าว งั้นให้ปี่ไปซื้อมาทำไมละคะ”

“ก็ตอนนั้นผมอยากดื่มนี่ แต่ว่ามันละลายผมจะดื่มมันทำไมละ เสียรสชาติอีกอย่างผมไม่ชอบดื่มไปด้วยทำงานไปด้วย” ปริญญาค้านในใจว่าไม่เห็นเขาทำอะไรเลย

“งั้นปี่ของค่ากาแฟด้วยค่ะ สี่สิบห้าบาทค่ะ”หญิงสาวยกมือขึ้นมาแบขอเงินจากสารวัตรหนุ่ม เขาหันมามองมือเล็ก ๆ นั้นก่อนจะล้วงเอาอะไรบางอย่างขึ้นมาวางไว้ กระดาษสี่ขนาดเหลี่ยมผืนผ้า สีส้มสี่ใบนั้นทำให้ปริญญาได้แต่จ้องมองมันอย่างงงๆ

“อะไรคะเนี่ยสารวัตร”

“คูปองไง สี่ใบแลกซื้อได้อีกแก้ว ผมให้คืนคุณแล้วนะ อีกอย่างผมไม่ได้ดื่มซักอึกเอาคูปองไปละกัน หยวน ๆ กันได้”

“หยวนอะไรกันละคะ ปี่ไม่ดื่มกาแฟคะ สารวัตรก็เป็นคนไม่ดื่มเองไม่ใช่เหรอคะมาโทษปี่ได้ไงละ”

“ร้านนี้เขาขายน้ำผลไม้อยู่นะ แลกได้”เขายังบอกหน้าตายไม่เดือดร้อนอะไรเลยเดินตัวปลิวออกไปทันที

“ผู้ชายอะไร งกก็งก แถมซ๊กม๊กที่สุด”ปริญญาบ่นแต่ก็คิดได้ว่าเป็นตัวเธอเองนั่นแหละที่กระเสือกกระสนที่จะมาที่นี่ คิดได้ดังนั้นก็ได้แต่เดินคอตกตามหัวหน้าจอมงกไป

“หมดเวลางานแล้วหมวดจะกลับเลยไหม”สารวัตรหันกลับมาถามลูกน้อง ปริญญาขมวดคิ้วนึกแปลกใจ ถามนี่จะไปส่งหรือเปล่า?

“ค่ะ”เธอตอบพร้อมกับยิ้มบาง ๆอย่างมีความหวัง

“งั้นก็กลับดี ๆ นะ พรุ่งนี้เจอกัน”สารวัตรเอ่ยน้ำเสียงเรียบ ๆก่อนจะเดินแยกออกไป

หมวดปริญญายิ้มจืดยกมือไหว้ลาแล้วเดินไปยังป้ายรถประจำทางที่ใกล้ที่สุด เจตต์นั่งอยู่ในรถแอบมองตามหลังตำรวจหญิงอยู่เงียบ ๆเธอดูกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ดีเพียงแต่ว่ายังอ่อนประสบการณ์ น่าแปลกที่ผบช.ยศเอาเธอเข้ามาร่วมทีมทั้ง ๆที่บอกว่าต้องการจัดตั้งโครงการหน่วยงานสืบสวนที่ดีที่สุด เขาพยายามรวบรวมเอานายตำรวจและนักวิชาการเก่ง ๆ เข้าร่วมงานแต่ทำไมถึงมีหมวดปริญญา?เธอไม่ได้เก่งขนาดที่ต้องการเอามาร่วมทีมสืบสวนหรือจะมีความสามารถอื่นที่เขาไม่รู้? ชายหนุ่มเก็บงำความสงสัยไว้ในใจเหลือบมองหญิงสาวที่เพิ่งขึ้นรถประจำทางไปแล้ว ถ้าหากเธอรวยเขาคงคิดว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลังกว่านี้แน่ ๆ แต่นี่..คงไม่ใช่อย่างที่คิด แต่..มีบางอย่างที่เขาคิดว่ามันขัดๆกันอยู่ในตัวปริญญา เธอไม่ใช่สาวซื่อไร้เดียงสาอย่างที่เห็นแน่ ๆ แววตากร้าวแปลก ๆนั่นซ่อนบางอย่างไว้ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาควรคิดในตอนนี้ด้วยซ้ำ นายตำรวจหนุ่มสะบัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวทันที หันกลับไปทำหน้าที่ของเขา..นั่นคือวิเคราะห์รูปคดีที่อยู่ตรงหน้า

ปริญญานั่งรถประจำทางมาจนถึงบ้านหลังใหญ่ สนามหญ้าสีเขียวขจีมีไม้หอมประดับอยู่สองสามต้นหวังจะให้เป็นร่มไม้บดบังแสง ให้บ้านร่มรื่น หญิงสาวหันไปมองต้นไม้หอมที่แม่พยายามปลูกมาหลายปีนั้นด้วยความหมั่นไส้ มันยังต้นสูงเท่าเดิมมันไม่เคยสูงกว่าศีรษะเธอเป็นเวลาสามปีมาแล้ว แม่โทษว่าเป็นเพราะเธอขับรถชนมันเลยตกใจไม่โตไปกว่านี้อีกเลย?..มันเกิดจากเธอเสียเมื่อไหร่เพราะแม่ไม่เคยปลูกอะไรขึ้นต่างหากละ

“ไอ้ปี่กลับมาแล้วเหรอ”ปฏิญญาพี่ชายคนโตของเธอทักทายเมื่อเห็นน้องสาวเดินเข้ามาถึงหน้าบ้าน ส่วนตัวเองก็กำลังจะออกไปข้างนอก

“ใช่..แล้วเฮียเปาจะไปไหนน่ะ”

“ไปเตร็ดเตร่ตามประสาผู้ชาย เออ..ไอ้ปอมันเพิ่งกลับมาเห็นหอบของอะไรมาเยอะแยะ รีบไปขอของฝากมันก่อนที่แม่จะริบหมดนะ” พี่ชายหวังดีเพราะตั้งแต่เกิดเรื่องของน้องสาว แม่ดูเข้มงวดจนน่าอึดอัดใจแทนน้องสาวเสียจริง ปริญญารีบวิ่งเข้าไปในบ้านสีหน้าแช่มชื่นหวังจะได้เห็นหน้าพี่ชายคนรองหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบสี่เดือนเต็ม เสียงวิ่งที่เกิดจากรองเท้าส้นสูงทำให้ปัณฑิตหันขวับไปมองต้นเสียงทันที ชายหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นน้องสาวคนสุดท้อง แต่รอยยิ้มกลับเจื่อนจืดลงเมื่อเห็นผมที่สั้นผิดจากที่เห็นกันล่าสุดเมื่อสี่เดือนที่แล้ว เขาอ้าแขนรับน้องสาวเข้าสู่อ้อมกอดด้วยความรู้สึกอบอุ่น ถ่ายทอดให้กันแม้ไม่ได้พูดอะไรเลยก็ตาม

“เป็นไงมั่งเรา สบายใจหรือยัง”น้ำเสียงอบอุ่นนั้นทำให้น้ำตาหญิงสาวไหลออกมา เธอจำได้ว่าอ้อมกอดนี้อบอุ่นเพียงไร ทุกครั้งที่มีปัญหา ปัณฑิตจะเป็นคนปลอบโยนเธออยู่ร่ำไป ส่วนปฏิญญาจะเป็นฝ่ายบู๊วิ่งไล่เอาคืนคนที่ทำร้ายเธอมาตั้งแต่เด็กเธอจึงเหมือนเจ้าหญิงมาโดยตลอด ใคร ๆ ก็เรียกเธอว่า “เจ้าหญิงรถกระป๋อง” ธุรกิจรถยนต์ของครอบครัวทำให้เธอได้ฉายานั้นมา

“ทำไมตัดผมเสียละ น้องปี่เลยเหมือนทอมบอยเลยนะเนี่ย นี่อ้วนขึ้นใช่ไหม ทำไมปล่อยตัวอย่างนี้ละ”

“พี่ปอถามหลายคำถามจัง จะให้ปี่ตอบอะไรก่อนหลังดีละคะ”

“งั้นพี่ถามแค่ว่า ตอนนี้เราดีขึ้นหรือยัง”

ปริญญาหน้าเจื่อนลงทันทีหลังจากจบคำถามของพี่ชาย เธอถอนหายใจสบตาก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

“แน่ใจนะ”

“ค่ะ ดีขึ้นมากตอนนี้ปี่ย้ายมาทำงานที่หน่วยสืบสวนคดีพิเศษค่ะ เพิ่งทำได้วันแรก ก็เจอคดีน่ากลัวแล้วละคะ”

“งั้นเหรอ ปี่ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว พี่เป็นห่วงปี่มากนะกลัวปี่จะทนไม่ได้ ข่าวลือยังไงมันก็เป็นข่าวลือ เราทำให้เขาหยุดพูดไม่ได้หรอกแต่เราหยุดหัวใจตัวเองได้ ปี่เข้าใจที่พี่พูดใช่ไหม”

“ปี่เข้าใจนะพี่ปอ แต่..ปี่หยุดหัวใจตัวเองไม่ได้”ปริญญาพูดทั้งน้ำตาคลอพลอยทำให้คนฟังแอบปวดใจแทนไม่ได้

“หยุดหัวใจไม่ได้แต่ก็ต้องหยุดตัวเอง ผู้หญิงต้องหัดฉลาดในเรื่องความรักจะปล่อยให้ผู้ชายมีอำนาจเหนือเราไม่ได้”ปัณฑิตเอ่ยสั่งสอนน้องสาวคนเดียวที่ผ่านมา ครอบครัวเขาเลี้ยงลูกสาวคนเดียวเหมือนกับลูกชาย ของเล่นของปริญญาไม่เคยมีตุ๊กตาสีหวานมีแต่รถยนต์ เมื่ออกไปยังโลกภายนอกน้องสาวเขาเหมือนตัวประหลาดเด็กผู้หญิงที่แต่งตัวเป็นเด็กผู้ชาย

ดังนั้นเธอจึงพยายามปรับตัวให้เข้ากับโลกข้างนอกนั่นด้วยการทำตัวเป็นผู้หญิงอ่อนหวานไร้เดียงสาทั้ง ๆที่โลกข้างในนี้เธอคือเจ้าชาย ส่วนเรื่องปัญหาความรักที่เป็นต้นตอข่าวลือนี้มันเริ่มมาจากเขาแท้ๆ เขาผิดที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทำให้น้องสาวต้องตกอยู่ในภาวการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลก็พลอยเสียหายไปด้วยเพราะข่าวลือเรื่อง ปริญญาเป็นเมียน้อยของผู้ชายคนหนึ่ง มันเป็นเรื่องไร้สาระที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา ครอบครัวเขาไม่ใช่คนสิ้นไร้ขนาดต้องให้น้องสาวไปเป็นเมียน้อยเมียเก็บของใคร แต่..ที่ไร้สาระยิ่งกว่าก็คือ..น้องสาวเขายอมรับว่ารักผู้ชายคนนั้น!!




ณิชนิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 มี.ค. 2555, 17:39:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 มี.ค. 2555, 17:39:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 1699





<< บทที่ 1 ทีมคดีพิเศษ   ตอนที่ 3 ผมไม่ได้ต้องการคนเก่ง >>
lovemuay 15 มี.ค. 2555, 19:30:22 น.
ไม่ใช่พระเอกที่มีแผลใจ นางเอกเองก็มีเหมือนกัน


ณิชนิตา 15 มี.ค. 2555, 21:14:24 น.
อิ_อิ


วนัน 29 เม.ย. 2555, 14:33:10 น.
ตามอ่านคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account