ลิขีตรักใต้เงาทราย ภาค ดั่งแสงตะวัน
ฟายาส อับดุล ซาลามาล มกุฎราชกุมารหนุ่ม ผู้รอการราชาภิเษกให้ขึ้นเป็นสุลต่านองค์ต่อไป หน้าที่คือความรับผิดชอบต่อประเทศ เมื่อพี่ชายเลือกที่จะหลีกทาง เขาจำต้องรับหน้าที่ ที่ไม่เคยต้องการ หัวใจที่เรียบง่ายและเย็นชา บอกกับตนเองเสมอ ว่าจะไม่ขอรักใคร แต่แล้ว...เพราะ... เขาเพียงต้องการที่จะพักผ่อนก่อนที่จะต้องรับภาระหน้าที่...ที่สำคัญ แต่แล้วเพราะถูกลอบปลงพระชนม์ จึงทำให้ได้พบกับคนที่เขาสามารถรักได้ด้วยหัวใจ เธอก้าวเข้ามาในชีวิตของเข้า และจากไปพร้อมกับหัวใจทั้งดวง
Tags: ทะเลทราย

ตอน: ตอนที่ ๑

ลิขิตรักใต้เงาทราย
ภาค...ดั่งแสงตะวัน
ชีวิต...ถูกลิขิตด้วยชะตาแห่งฟ้า
หัวใจ...ถูกลิขิตจากผู้เป็นเจ้าของ
เป็นเช่นนั้นจริงหรือ...ใครเล่าจะตอบได้
เขา...ไม่อาจลิขิตชีวิตของตนเอง
แต่...
หัวใจของเขา เขาขอลิขิตเอง

ตอนที่๑
หญิงสาวในชุดสีขาวยืนสงบนิ่งอยู่หน้าประตูรั้ว สายตาจับจ้องคฤหาสน์หลังใหญ่ในย่านที่เธอไม่เคยแม้แต่จะเฉียดเข้ามาเพราะความหรูหราของผู้มีอันจะกินมันเหมือนเป็นโลกคนละใบกันที่เธออยู่
เธอมองหากสิ่งที่จะทำให้ติดต่อกับคนข้างในได้ แต่ที่เธอเห็นคือเครื่องอิเล็กทรอนิกกับจอเล็กๆ เมื่อลองกดปุ่มสีเขียว หน้าจอก็ปรากฏใบหน้าของชายหน้าตาดุคนหนึ่ง ก่อนที่ประตูรั้วจะเปิดกว้างทันทีที่บอกจุดประสงค์ในการเดินทางมาในครั้งนี้
ภาพเบื้องหน้าทำให้หญิงสาวถึงกับอ้าปากค้าง ผาหินจำลองที่มีสายน้ำสีขาวสะอาดตาไหลลงมากระทบก้อนหินขนาดใหญ่ด้านล่าง ฟองน้ำสีขาวแตกกระจายจนทั่วสม่ำเสมอ ปลาคร๊าฟตัวโตว่ายไปมาดูแล้วเพลินตาไปอีกแบบทางเดินปูด้วยหินสวยหลากสีสัน
ดอกไม้หลากสีสันแย่งกันอวดความสวยงามสลับกันตามต้นไม้และมุมโขดหิน ใบเฟริ์นหลากพันธ์ถูกปลูกทิ้งระยะห่างได้อย่างสวยงาม ทำให้หญิงสาวรู้สึกราวกับว่าได้อยู่กลางธรรมชาติของชนบท ไม่ใช่ใจกลางเมืองเช่นนี้ เส้นทางที่เดินจากหน้าประตูรั้วไปถึงตัวบ้านไกลกว่าซอยที่เธออาศัยอยู่ด้วยซ้ำ
เมื่อถึงหน้าประตูบ้าน หญิงสาวกลับไม่รู้จะเดินไปทางไหนต่อเพราะมองไม่เห็นใคร จนกระทั่ง...
“สวัสดีจ้ะ...”
เสียงทักดังมาจากด้านหลัง สตรีร่างท้วมยืนยิ้มอยู่ใบหน้าเต็มไปด้วยความปราณีจนรู้สึกได้
“สวัสดีค่ะ...”
วิเวียน วรวรรณยกมือไหว้แล้วส่งยิ้มตอบ ใบหน้าหวานนัยน์ตากลมโตทำให้หญิงสาวดูอ่อนวัยกว่าอายุจริง
“หนูมาจากโรงพยาบาลค่ะ จะเข้ามาดูแลคนป่วยตามที่ติดต่อไปค่ะ”
คุณพรรณมองท่าทางอ่อนน้อมของหญิงสาวด้วยความเอ็นดู เพราะตามปกติผู้เป็นเจ้าของบ้านมักจะชอบใส่ชุดอยู่บ้านง่ายๆ เวลาที่มีคนมาหาจึงมักจะคิดว่าเป็นแม่บ้านมากกว่าเจ้าของ
“จ้ะ...แล้วเสื้อผ้ามีเท่านี้เองเหรอจ๊ะหนู”
“ค่ะ...”
วิเวียนตอบแล้วก้มลงมองกระเป๋าผ้าที่ดูดีที่สุดในบ้าน ภายในมีชุดพยาบาลอีกสองชุดนอกจากที่เธอสวมมา กับเสื้อยืดกางเกงผ้าสวมใส่ได้ทุกโอกาสอีกอย่างละสามตัว
“ไม่เป็นไร ที่นี่ซักผ้าทุกวัน ใส่ตะกร้าเอาไว้เดี๋ยวแม่บ้านจะขึ้นไปเก็บเอง อ้อ...ห้องติดกับทะ...คนป่วยอาจจะคับแคบไปหน่อยแต่ไว้ให้หนูอาบน้ำธุระส่วนตัว ในห้องคนป่วยมีเตียงอีกตัว แต่ถ้าหนูไม่สบายใจจะนอนห้องตัวเองก็ได้นะ”
วิเวียนยิ้มรับ เธอเดินตามคุณพรรณด้วยลักษณะท่าทางที่ถูกฝึกมาดี สายตาพุ่งตรงไปข้างหน้าไม่มีการเหลียวซ้ายแลขวาให้เห็น ทำให้รู้สึกว่าน่าเชื่อถือได้
เจ้าของบ้านเป็นเจ้าของร้านเครื่องประดับที่ใหญ่ติดอันดับในแถบเอเซีย ดังนั้นการตกแต่งและข้าวของในบ้านล้วนมีค่าและมีราคาสูง แต่วิเวียนไม่คิดแม้แต่จะหันไปมอง ไม่อยากเห็นและไม่คิดที่จะสนใจเพราะถือว่าไม่ใช่ของๆ ตน
“ห้องนี้ล่ะจ้ะ”
ประตูบานใหญ่เปิดกว้างแสงแดดทอแสงสาดส่องไปทั่วห้อง ร่างที่นอนหลับไหลอยู่บนเตียงดูราวกับรูปปั้นของเทพบุตรที่ทำด้วยทองสำริด ใบหน้าคมคายแม้จะดูซีดเซียวแต่ก็ยังคงความงดงามของบุรุษเพศเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม
หน้าอกแน่นขนัดด้วยกล้ามเนื้ออวดความงดงามผ่านสาบเสื้อที่แยกออกจากกัน เพียงแต่ว่า...ผู้เป็นเจ้าของเรือนร่างงดงามนั้นมีลมหายใจที่ทอดยาวสม่ำเสมอเท่านั้นที่บ่งบอกถึงสัญญาณแห่งชีวิตที่ยังอยู่
‘นี่น่ะเหรอ ว่าที่กษัตริย์แห่งคาซาน่า ฟายาส อับดุล ซาลามาล มกุฎราชกุมารหนุ่ม ผู้รอการราชาภิเษกให้ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป ช่างแตกต่างและเป็นผู้ชายที่อยู่คนละโลกกลับเธอจริงๆ’

“ถ้ามีอะไรขาดเหลือบอกกับแม่บ้านได้นะหนู ไม่ต้องเกรงใจ”
คุณพรรณพูดขึ้นหลังจากพาหญิงสาวไปดูห้องพักติดกันและจุดที่เก็บของใช้ส่วนตัวของเจ้าชายนิทรา ก่อนจะเดินออกไป
วิเวียนทรุดตัวลงนั่ง แล้วคิดย้อนกลับไปเมื่อ 10 วันก่อนหน้านี้ อยู่ๆพี่ปราณี หัวหน้าพยาบาลประจำชั้นที่ทำงานอยู่ก็เรียกเธอเรียกให้ไปพบ ใบหน้าของรุ่นพี่ดูเครียดและมีลับลมคมนัย
“วิ...หนูเป็นคนเดียวที่พี่ไว้ใจ รับปากพี่ได้ไหมว่าจะไม่บอกใครในเรื่องที่พี่จะพูดกับหนู”
วิเวียนรับปากด้วยอาการงงๆ เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องทำเป็นเรื่องคอขาดบาดตายขนาดนั้น
“ท่านเป็นรัชทายาทของกษัตริย์แห่งคาร์ซาน่า เดินทางมาเที่ยวแล้วได้รับบาดเจ็บจากการลอบปลงพระชนมน์ ตอนนี้ได้รับความคุ้มครองอยู่ในที่ปลอดภัย”
“พี่นีบอกวิไม่กลัวว่าวิจะไปบอกใครหรือคะ”
“พี่ไม่กลัวเพราะรู้ว่าวิไม่ใช่คนช่างพูด”
ริมฝีปากอิ่มเผยอค้าง งานนี้ดูน่าจะหนักเกินไป แต่หัวหน้าแสดงท่าทางมั่นใจว่าเธอทำได้จะตอบปฏิเสธก็ไม่ได้เสียด้วย
“พี่นี... วิ....จะทำได้หรือคะ”
“พี่แน่ใจ เพราะวิไม่ใช่คนปากโป้ง วิเป็นคนที่ทำงานเรียบร้อย และใจเย็นที่สุด พี่แน่ใจว่าเลือกไม่ผิด”
“พี่นี...”
“นะ...ถือว่าช่วยพี่”
พยาบาลรุ่นพี่จับมือบางขึ้นมาบีบเบาๆ ใช้สายตาบังคับกึ่งขอร้อง เพราะมองไม่เห็นใครเหมาะกับงานนี้แล้ว และที่สำคัญหญิงสาวกำลังต้องการเงินเพื่อรักษาแม่...
“คือ....”
วิเวียนอยากจะตอบปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสายตาของหัวหน้าที่เธอเคารพ หญิงสาวจึงจำเป็นต้องรับปาก ในใจนึกห่วงทางบ้านเพราะถ้ารับงานนี้เท่ากับเธอจะไม่มีเวลาดูแลแม่ที่ป่วยอยู่ แม้ว่าน้องคนละแม่จะดูแลอยู่ก็ตามแต่มันก็ไม่เหมือนเธอทำเอง
ในวันนั้นก่อนที่จะกลับบ้านหญิงสาวได้รับเอกสารจากโรงพยาบาล เป็นจดหมายอนุญาติให้ไปปฏิบัติงานนอกสถานที่อย่างไม่มีกำหนด แล้วยังมีเช็คเงินสดมูลค่าสามหมื่นบาท และจดหมายยืนยันว่าจะได้รับเงินจำนวนนี้ทุกๆ เดือนเป็นค่าจ้างโดยมีจดหมายย้ำจากผู้อำนวยการว่าเธอจะต้องทำงานนี้ให้ดีที่สุด
วิเวียนชะโงกหน้าเข้าไปมองใบหน้าคมเข้มแม้จะมีรอยแผลมากมาย แต่ยังคงความน่าดูเอาไว้ ริมฝีปากได้รูปสวยหนวดที่ขึ้นมาเพียงเล็กน้อยทำให้รู้ว่าเขาได้รับการดูแลอย่างดี
“ก็อย่างว่า เป็นถึงว่าที่กษัตริย์นี่น่า จะดูแลแบบขอไปทีได้ยังไง”
เสียงรำพึงเบาๆ ตามด้วยเสียงอุทานด้วยความตกใจ เมื่อเห็นแผลตรงท้องแขนและสะโพกที่พาดยาวเกือบ10นิ้ว รอยเย็บติดกันหลายสิบเข็มได้รับการทำความสะอาดอย่างดีแต่ยังแดงช้ำจนน่ากลัว
หญิงสาวเริ่มต้นทักทายคนบนเตียงตามที่เคยทำทุกครั้งที่ได้รับงานดูแลคนป่วยที่ไม่มีสติ มือนุ่มวางทับลงบนหลังมือหนา ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างๆ หูด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน
“วิชื่อวิเวียนนะคะ....เป็นพยาบาลคนใหม่ วันนี้วิจะเริ่มมาอยู่เป็นเพื่อนคุณ ไม่รู้ว่าจะเข้าใจไหม วิพูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง แต่จะพยายามอย่างเต็มที่ค่ะ”
พยาบาลสาวเริ่มต้นสำรวจและอ่านรายการที่ตนเองต้องทำ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นรายงานที่พยาบาลคนเก่าเขียน ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงต้องเปลี่ยนพยาบาล ก็เล่นอยู่อย่างสบายไม่มีอะไรนอกจากคำว่า...ทุกอย่างปกติ
หญิงสาวเริ่มตรวจร่างกายตามหน้าที่ วัดความดัน จับจังหวะการเต้นของหัวใจ ตรวจปริมาณการขับถ่ายของเสีย ทุกๆอย่างที่เคยทำก่อนจะนั่งจดบันทึกจนเต็มหน้ากระดาษ
“ขยันจัง”
เสียงทักจากหน้าประตูห้องทำให้ใบหน้าที่ก้มต่ำเงยขึ้นอย่างแปลกใจ เธอแน่ใจว่าไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูแล้วผู้หญิงคนนี้เข้ามาได้ยังไง
“เธอคงเป็นพยาบาลคนใหม่”
วิเวียนยิ้มรับแล้วลุกขึ้นยืนตามมารยาท
“วิค่ะ วิเวียน วรวรรณ”
“สาค่ะ เป็นลูกสาวเจ้าของบ้าน ยินดีที่ได้รู้จัก”
อรสาเดินเข้ายืนตรงหน้าพยาบาลสาวแล้วยิ้มให้ สัญชาติญาณของผู้คุ้มกันบอกว่าคนตรงหน้าไม่มีพิษภัยใดๆ
“สวัสดีค่ะคุณสา ยินดีเช่นกัน ไม่ทราบว่าจะเป็นการรบกวนหรือเปล่า แต่พอดีวิอยากได้กิจกรรมยามว่างและความสนใจของคนป่วยค่ะ อย่างประเภทหนังสือที่อ่านอะไรทำนองนี้ ไม่ทราบว่า...”
“ได้ค่ะ...สาจะจัดให้”
วิเวียนออกจะงงอยู่บ้างเพราะยังพูดไม่จบอีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาแทบจะทันที อรสาเอ่ยปากขอตัวหลังจากนั่งคุยอยู่พักใหญ่จนแน่ใจแล้วว่าสามารถปล่อยให้คนที่เธอต้องคุ้มครองไว้กับหญิงสาวได้

เสียงนกร้องดังอยู่หน้าระเบียงแสงแดดยามเช้าทอแสงรำไร วิเวียนตื่นแต่เช้าทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เริ่มทำงานตามหน้าที่ทันที ใบหน้านวลแดงระเรื่อเมื่อเห็นร่างกายของคนป่วยอย่างเต็มตา
“เห็นมามากแล้วนะวิ...คิดอะไรอยู่เนี่ย”
หญิงสาวดุตัวเองเมื่อเริ่มเช็ดตัวให้คนป่วย เกิดอาการลังเลเล็กน้อยเมื่อเลื่อนลงมาจนถึงขอบกางเกงนอนสีอ่อน แต่เพราะหน้าที่จึงต้องทำทุกอย่างให้เรียบร้อย แก้มนวลปรากฏสีซับเลือดจางๆ เมื่อเห็นบางส่วนมีอาการตอบสนองการสัมผัส
“วิ...อย่าอาย อย่าเขินสิ งาน...คิดสิว่ามันเป็นหน้าที่ของเรา”
วิเวียนดุตัวเองอีกครั้ง แล้วเริ่มเช็ดลงมาตามต้นขาจรดปลายเท้า หญิงสาวเดินเข้าเดินออกห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนน้ำอยู่หลายครั้งจนเสร็จ จึงเริ่มทำความสะอาดบาดแผลเป็นขั้นตอนต่อไป กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็เล่นเอาเหนื่อย
“อาหารค่ะคุณพยาบาล...”
แม่บ้านร่างท้วมเดินนำเด็กสาวสองคนเข้ามา วิเวียนมองถาดอาหารใบใหญ่ด้วยอาการทึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าเด็กสาวตัวเล็กๆ จะถือถาดใบใหญ่ขนาดนั้นได้โดยไม่ได้แสดงอาการเหนื่อยหอบเลยสักนิด
กลิ่นอาหารหอมกรุ่นไปทั้งห้อง หญิงสาวทำจมูกย่นเมื่อเห็นอาหารมากมายชนิดที่กินยังไงก็ไม่หมด อยากแม่อยู่ตรงนี้ ได้กินอาหารดีๆ อย่างนี้ รอยยิ้มเศร้าๆ เผยขึ้นมา ก่อนจะตักข้าวต้มใส่ถ้วยเล็กๆ ไปนั่งกินที่ระเบียงห้อง เก็บความสุขในช่วงเวลานี้เอาไว้ ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตเคยได้ใช้ชีวิตในบ้านคนรวย บ้าน...ที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้สัมผัสหรือแม้แต่เฉียดเข้ามาใกล้

มือเรียวสัมผัสหนวดเขียวครึ้มแล้วนึกอยากจัดการมันให้สิ้นซาก ปลายนิ้วแตะเบาๆ บนสันจมูกไล่ลงมาช้าๆ ตามแนวกราม ผู้ชายคนนี้มีทุกอย่างที่ผู้หญิงปรารถนา แต่...ใครล่ะที่จะมีโอกาสได้ใกล้ชิด ในใจนึกสงสัยแต่ก็สรุปได้ทันทีว่าคนอย่างเขาคงไม่มีทางขาดแคลนผู้หญิง จะมีก็เพียงแค่เขาจะรู้จักคำว่ารักบ้างหรือเปล่าเท่านั้น
วิเวียนขยับลงมานั่งที่ปลายเตียง เธอเริ่มนวดขาให้คนป่วยทีละข้าง พยายามกระตุ้นกล้ามเนื้อที่ขาทั้งสองข้าง ไม่เช่นนั้นขาจะเล็กและลีบลงเรื่อยๆ จนในที่สุดก็จะอ่อนแรงจนไม่สามารถรับน้ำหนักของร่างกายช่วงบนได้และต้องใช้เวลาในการทำกายภาพนานกว่าที่คิด
เขามีกล้ามเนื้อกำยำกว่าที่คิด หญิงสาวชำเลืองมองใบหน้าคมสันต์ผ่านแผขนตาหนา ลากสายตาผ่านลงมาตามลำคอ อกกว้างจนกระทั่งถึงต้นขาที่ถูกจัดขยับไปมาช้าๆ ตามหลักการทำกายภาพเบื้องต้น พยายามห้ามตัวเองไม่ให้คิดอะไรไปมากกว่างานที่ต้องรับผิดชอบ

จากวันเลื่อนผ่านไปจนครบเดือน ใครจะคิดว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะเริ่มมีความรู้สึกดีๆ ให้กับผู้ชายที่นอนอยู่บนเตียงได้...
“วันนี้อากาศดีมากเลยนะคะ ตอนนี้ดอกมะลิซ้อนที่ระเบียงออกดอกตั้งเยอะ กลิ่นหอมไปทั่วห้องเลย”
วิเวียนส่งเสียงใสๆ ทักทายคนป่วยบนเตียง แม้จะรู้ว่าเธอไม่มีทางได้ยินเสียงตอบรับจากเขาก็ตาม มือเรียวแตะบนหลังมือหนาเบาๆ แล้วยื่นหน้าเข้าไปข้างๆ หู กระซิบบอกดังเช่นทุกวันราวกับว่าเขาจะได้ยินคำพูดของเธอ
“วันนี้วิเอานิยายเรื่องใหม่มาอ่านให้คุณฟัง เป็นเรื่องของรักต่างชนชั้นของหญิงสาวผู้สูงศักดิ์กับชายหนุ่มที่เป็นเพียงทหารองครักษ์ หวังว่าคุณจะชอบนะคะ”
แม้จะพูดอยู่เพียงคนเดียวก็ตาม แต่การอ่านหนังสือกลับเป็นเหมือนสิ่งที่เชื่อมเธอกับเขาไว้ด้วยกัน วิเวียนถอนหายใจเบาๆ เมื่ออ่านถึงบทที่พระเอกได้เจอกับนางเอก ริมฝีปากอิ่มเม้มน้อยๆ ยามเมื่อเงยหน้าขึ้นมองคนบนเตียง
เธอกับเขาแตกต่างกันมากเกินไปเหมือนในนิยายเล่มนี้ แต่...ทำไมถึงได้ตกหลุมรักได้อย่างง่ายดาย จน...หยุดมันไม่ได้เสียแล้ว นี่เธอรักผู้ชายคนนี้เมื่อไหร่กัน วิเวียนถามตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะรวบรวมสมาธิให้กลับมาอยู่กับหนังสือในมือแล้วอ่านมันต่อไป
เสียงสายฝนผสมกลิ่นไอดินดึงอารมณ์เศร้าให้เกิดขึ้นมา วิเวียนเดินไปปิดประตูระเบียงแล้วเดินกลับมานั่งกอดเข่าอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ที่อยู่ข้างเตียง อยู่ๆ ฝนก็ตกลงมายิ่งทำให้บรรยากาศในห้องดูหดหู่มากขึ้น มือเรียวคว้าหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ หลายครั้งที่เงยขึ้นมองหน้าว่าที่กษัตริย์แล้วสะท้อนใจกับความรู้สึกในหัวใจของตนเอง
จนในที่สุดหญิงสาวก็ไม่อาจอ่านหนังสือในมือต่อไปได้ มันเศร้าเกินไปสำหรับช่วงเวลานี้ วิเวียนดึงขาขึ้นมากอด วางคางบนหัวเข่าแล้วมองหน้าคนบนเตียงปล่อยให้ทุกอย่างรอบๆ ตัวเงียบไป ลืมให้หมดเสียทุกอย่าง น่าจะดีที่สุดสำหรับเวลานี้

ฟ้าหลังฝนน่าจะสดใส แต่...ตอนนี้เจ้าของเสียงใสๆ ที่เคยเจื้อยแจ้วยามเช้า กลับกำลังร้องไห้โดยไม่มีเสียง น้ำตาหยดเล็กๆ ไหลรินเมื่อวางสายจากน้องสาวเพียงคนเดียว ริมฝีปากได้รูปสั่นระริกพยายามกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้หลุดรอดออกมา ก่อนจะซบหน้าลงกับเตียงเมื่อความอดกลั้นขาดสะบั้นลง
“วิจะทำยังไงดี...ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย เวรกรรมอะไรกันที่ทำให้แม่ของวิต้องมาเป็นแบบนี้ คุณรู้ไหมว่าชีวิตของวิมีเพียงแม่กับน้องเท่านั้น”
หญิงสาวเล่าเรื่องราวตอนวัยเยาว์ให้คนที่นอนหลับไหลบนเตียงฟังเหมือนต้องการระบายสิ่งที่อยู่ภายใน หยาดน้ำตาเริ่มไหลรินออกมาไม่ขาดสาย เรื่องราวที่พ่อของเธอทรยศแม่ แอบไปมีผู้หญิงใหม่จนมีลูกด้วยกัน ต่อมาก็เลิกกัน น้องต่างพ่อจึงถูกโยนมาเป็นภาระให้กับแม่ของเธอ
เด็กน้อยไม่รู้เรื่องรู้ราวทำให้แม่ของเธออดที่จะสงสารไม่ได้ สุดท้ายก็รับเลี้ยงเป็นลูกมาตลอด โดยไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด น้องเธอก็ถือว่าเป็นเด็กที่ใช้ได้ เพราะเมื่อโตมาก็ยังคิดถึงบุญคุณจึงไม่ทำอะไรให้แม่เสียใจ ตั้งใจเรียน ช่วยงานบ้านและรับผิดชอบดูแลแม่ของเธอยามที่เธอต้องเข้าเวรยามกลางคืน
เหมือนโชคชะตาเล่นตลกอย่างร้ายกาจ เพราะตอนนี้แม่ของเธอถูกโรคร้ายกัดกินอย่างหนัก มันลุกลามอย่างรวดเร็ว แต่เพราะแม่ทำใจให้รับกับมันได้ ชีวิตจึงยืดยาวมาได้อีกหลายปี
เมื่อน้องสาวเรียนสำเร็จ มีงานการทำแม่ของเธอจึงหมดห่วง เคราะห์กรรมไม่มีวันจบสิ้นหรือไงกันเวลานี้แม่กลับมีอาการของโรคไต แม้จะยังไม่มีผลอะไรมากนัก แต่มันเป็นโรคที่ต้องใช้เงินมากมายแล้วจะหามาจากไหนกัน

“เสียงร้องไห้ เกิดอะไรขึ้น...”
คำถามเกิดขึ้นในความมืดมิด น้ำเสียงเจือสะอื้นทำให้เขาอยากจะตื่นขึ้นมา แต่ทุกๆ อย่างรอบตัวมันมืด ขมุกขมัวจนมึนไปหมด น้ำเสียงหวานใสที่แทรกผ่านเข้ามาในความรู้สึกอยู่เสมอ เวลานี้ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นเสียงร้องไห้เช่นนี้ไปได้
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขารู้สึกราวกับว่าตนเองคือเด็กน้อยในครรถ์มารดาที่ได้ยินเสียงพูดคุยด้วย มันทั้งปลอดภัย อบอุ่นและสนุกไปกับเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ยินไม่ว่าจะเป็นบทกลอนหรือเรื่องราวความรักจากนิยายที่เธอขยันอ่านให้ฟัง มันสร้างความผูกพันให้อย่างประหลาด
ฟายาสก้าวเดินไปในความมืดมิด ไม่มีจุดหมาย ใช้เพียงเสียงร้องไห้นั้นนำทางไป และหวังเพียงว่าจะไปถึงปลายทาง ไปสู่แสงสว่างที่ยังอยู่อีกแสนไกล
มือที่วางราบอยู่บนที่นอนขยับกระตุกเบาๆ แต่...คนที่กำลังซบหน้าปล่อยน้ำตาให้ไหลริน ไม่เห็นความเคลื่อนไหวครั้งนี้ นิ้วมือของเขากระตุกเบาๆ อีกสองสามครั้ง ก่อนที่จะหยุดไป เปลือกตาที่เคยนิ่งขยับไปมาก่อนที่จะหยุดนิ่งเหมือนเดิม และทุกอย่างก็ผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกเลย...

เวลาผ่านไปอีกสองวัน ในขณะที่วิเวียนทำทุกอย่างเหมือนที่เคย เธอก็ยังคงเล่าความทุกข์ออกมาเพราะคิดว่าคนที่นอนหลับอยู่อยู่นั้นคงไม่ได้รับรู้อะไรยังคงร้องไห้อาศัยน้ำตาเป็นที่ระบาย
น้ำเสียงเศร้าสร้อยน่าเห็นใจยังคงดังเช่นนั้น ฟายาสรู้สึกว่าตนเองกำลังเหนื่อย แต่เขาจะต้องตื่น...ตื่นขึ้นมาเพื่อเธอ ไม่ว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นใครก็ตาม เขาจะพยายามแม้ไม่รู้ว่าที่นี่คือจุดไหนของโลกใบนี้ แม้จะรู้แค่เพียงว่า มันมืด หนาว และเจ็บ
เขาเคยเหงาแต่ ณ วันที่ถูกสัมผัส วันที่ได้ยินเสียงเรียก เรื่องราวที่เธอคอยพูดคุย เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่ก็รู้สึกว่าไม่เหงา เรื่องราวน่ารักๆ ที่เธอสรรหามาเล่าทำให้เขาอยากจะตื่นขึ้นมา
ตอนแรกคิดว่า เธอคงจะมีอายุที่มากสักหน่อย และมีครอบครัวที่น่ารักรออยู่ที่บ้าน แต่มาวันนี้คำพูดที่ระบายความอัดอั้นตันใจ ทำให้เขารู้ว่าหญิงสาวไม่มีใครนอกจากแม่และน้อง จึงอยากตื่นขึ้นมาเพื่อที่จะได้ช่วยให้เธอได้กลับไปทำหน้าที่...ที่ต้องการ
ฟายาสพยายามจะเดินออกมาจากความมืด แต่แสงสว่างที่ปลายทางมันช่างห่างไกลเสียเหลือเกิน เหนื่อยแต่พยายามที่จะไปให้ถึง...หลายครั้งที่ต้องทรุดตัวลงนั่งด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่พอได้ยินเสียงสะอื้นมันเหมือนเป็นแรงผลักดันให้เขาลุกขึ้นเพื่อก้าวต่อไป
จนกระทั่ง...
“ไฮ...”
เสียงเบาๆ ที่ดังขึ้นทำให้ใบหน้าชุ่มน้ำตาหันมามองด้วยความตกใจ นัยน์ตาสีเงินกำลังจ้องหน้าเธออยู่ น้ำเสียงแหบพร่า ริมฝีปากได้รูปยกขึ้นนิดๆ ทำให้เธอนั่งตัวแข็งราวกับท่อนไม้ พอได้สติจึงรีบผุดลุกขึ้นยืนแต่มือหนากลับคว้าข้อมือเรียวเอาไว้ก่อน
“สวัสดี”
“สะ...สวัสดีค่ะ”
วิเวียนตอบคำทักทายด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เขาเลิกคิ้วแตะมือลงบนแผลที่ตกสะเก็ดของตน
“ผมมีแผล”
“ค่ะ”
แพขนตาหนาทาบลงมายามที่เขาหลับตาลง พยายามทบทวนบางอย่าง ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง
“ผมเป็นใคร...”




tonpalm
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 เม.ย. 2554, 22:27:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 เม.ย. 2554, 22:27:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 4567





   ตอนที่ ๒ >>
Pat 24 เม.ย. 2554, 22:37:54 น.
อิอิ มาแล้ว รายงานตัวกับคุณยักษ์ที่ห้องนั'งเล่นรับไอค่อนด้วยนะคะ ^^


ks 24 เม.ย. 2554, 23:18:32 น.
สนุกดีคะ แต่คำว่าอนุญาต ไม่มีสระอิ นะคะ สงสัยจะพิมพ์เพลินจนเติมสระอิแน่เลย


หมอนทอง 25 เม.ย. 2554, 07:20:43 น.
มาแล้ว


แว่นใส 25 เม.ย. 2554, 08:58:37 น.
รออ่านอยู่นานเลยค่ะ


SaiParn 25 เม.ย. 2554, 20:57:36 น.
ว้าววว พี่ปูจ๋า น่าอ่านที่ซู๊ด


Setia 25 เม.ย. 2554, 22:09:24 น.
ไม่ต้องเจอกันนานเลยนะคะ คุณต้นปาล์ม
ดีใจที่เอามาลงในสิรินดานี่อีกครั้งนะคะ


ผักหวาน 4 ต.ค. 2557, 21:32:40 น.
อ้าว แล้วคุณเป็นใครคะเนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account