ลำนำรักสายน้ำ
‘หลับตาลงครั้งใด เห็นว่ามีแต่ภาพใครบางคน
ที่กี่ครั้งก็ยังวกวน ดูไม่ชัดเจน
ได้ยินแต่เสียงเรียกของเธอ
ที่ฟังแล้วอบอุ่นและคุ้นในใจ
ยิ่งห้ามไม่ให้คิด ยิ่งติดอยู่ข้างใน
ยิ่งห้ามเท่าใจเท่าไร ยิ่งใกล้เธอเข้าไปทุกที
ตามหาหัวใจ ที่ลึมไว้กับใครสักคน‘
ธารนธี ตกหลุมรักหฺญิงสาวนัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลเข้มคนหนึ่ง ในคืนวันเพ็ญเต็มดวงของฤดูใบไม้ผลิ เป็นคืนที่ราชาแห่งขุนเขาและเทพีแห่งบุปผาจะประทานพรให้หนุ่มสาวชาวคีรีธาราสมหวังในความรัก
‘หัวใจอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม สักวันหนึ่งร่างกายจะเดินมารวมกับหัวใจ‘
เช่นเดียวกับสายน้ำและดอกบัวงาม
ฤดูใบไม้ผลิ ฤดู แห่งการเริ่มต้น ดอกไฮยาซินธ์ที่กำลังเบ่งบาน เพื่อต้อนรับแสงแดดที่อบอุ่นหลังจากที่ต้องจมอยู่ได้พื้นดินเป็นเวลานาน
เช่นเดียวกับความรักของธารนธีและกรกมล

ถึง Dream Girl
นกสีฟ้าของผมจะโบยบินอยู่ทุกหนทุกแห่ง เมื่อคุณได้ยินเสียงขลุ่ย โปรดรับรู้ว่ามันคือคำบอกรักของผม ยามคุณดื่มกาแฟ จะรับรู้รสจุมพิตของผม หากคุณเข้าไปในสวนดอกไม้ กลิ่นของมันคือกลิ่นอายความทรงจำของเราสองคน และที่ศาลากลางน้ำ หิ่งห้อย ที่ส่องแสงระยิบระยับนั่น คือรอยยิ้มที่ผมมอบให้คุณเพียงคนเดียว
จาก อาโป ธารนธี ชลธารพิทักษ์
14 กุมภาพันธ์ ในฤดูหนาว ประเทศ ออสเตรเลีย

‘ความเอยความรัก
เริ่มสมัครชั้นต้น ณ หนใด
เริ่มเพาะเหมาะกลางระหว่างหัวใจ
หรือเริ่มในสมองตรองจงดี‘
"วันนี้ ฝนตก ได้กางร่ม เดินเคียงคู่กับพี่อาโปด้วยละ ตามตำนานเขาเล่าว่าวันไหนที่ฝนตก กามเทพจะแผลงศรรัก ทำหั้ยหนุ่มสาวตกหลุมรักกัน ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมา "
"ความจริงพี่อาโปก็อยากให้ฝนตกทุกวันเหมือนกัน เพราะจะได้มีคนมาเดินกางร่มเคียงคู่กันแบบนี้ "
"ทำไมคนเราต้องจูบกัน เขาบอกว่าเพราะทั้งสองตกหลุมเสน่ห์แห่งรักกันและกัน วันนี้ขึ้นรถไฟฟ้าแล้วถูกผู้ชายคนหนึ่งเบียดทำให้แทบล้มหัวคะมำ ดีแต่ว่าพี่อาโปคว้าเอวไว้ก่อนไม่งั้นได้อับอายขายขี้หน้า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ไม่ต้องขนาดถึงจูบ แค่ได้สบตากับพี่อาโปเหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุนเลยละ"
"น้องกุ้งนางรู้ไหมวันนั้นทำให้พี่ต้องลงผิดสถานี เพราะพี่อาโป เขินอายมากๆ ผู้ชายก็อายเป็นเหมือนกันนะ ทีหลังอย่าทำให้พี่เป็นแบบนั้นอีกนะวันหลังเราไปดูรถไฟฟ้ามาหานะเธอด้วยกันนะ พี่ไม่คิดว่าน้องกุ้งนางอยากจะเป็นเหมยลี่"
"วันนี้ อยากจะ ฆ่าพี่อาโปบังอาจควงสาวไปเต้นรำ โมโห อีตาบ้ารวีวิชญ์นี่ก็น่าโมโหตามตื้ออยู่ได้ ไม่ชอบๆๆๆๆๆ นี่สงสัยเราจะหึงจัด ดื่มไวน์หมดไปสามแก้ว ถูกหามกลับวังปทุมวันแทบไม่ทัน ก็มันหึงนี่คะ ก็น้องกุ้งนางอยากจะเต้นรำกับพี่อาโป อยากซบอกพี่อาโป"
"พี่ไม่คิดว่าน้องกุ้งนางจะเห็นพี่นี่คะ ก็เลยไม่ได้ไปแสดงตัวเอง แต่แหม พี่อาโปอยากเห็นหน้าผู้หญิงหึงจังเลย ไวน์อย่าดื่มมากมันไม่ดีต่อสุขภาพ ถ้าอยากเต้นรำกับพี่อาโปเดี๋ยวจะจัดให้ ถ้าจะซบอกผู้ชายต้องเป็นพี่คนเดียวไม่งั้น ตายแน่ๆ พี่ขี้หึง หวง"
"วันนี้ อยาก จะดึงคอพี่อาโปมาถามว่าเป็นอะไร ทำไมไม่ยอมพูดจา ทักทาย เดินหน้าบึ้งตึง ทำหมางเมินใส่เหมือนว่าเราไม่รู้จักกัน น้องกุ้งนางเจ็บนะที่พี่อาโปทำแบบนี้นะ "
"พี่อาโปก็เจ็บเหมือนกันนะ ก็จะอะไรละก็พี่หึงจนหน้ามึดน่ะสิ เมินเรียกร้องความสนใจรู้บ้างไหม”

Tags: รักหวานซึ้ง

ตอน: ประเทศคีรีธารา

“หลับตาลงครั้งใด เห็นแต่ว่ามีแต่ภาพใครบางคน
ที่กี่ครั้งก็ยังวกวน ดูไม่ชัดเจน
ได้ยินแต่เสียงเรียกของเธอ
ที่ฟังแล้วอบอุ่นและคุ้นในใจ
ยิ่งห้ามไม่ให้คิด ยิ่งติดอยู่ข้างใน
ยิ่งห้ามใจเท่าไร ยิ่งใกล้เธอเข้าไปทุกที
ตามหาหัวใจ ที่ลึมไว้กับใครสักคน
จะตามจะค้นจนเจอ เธอคนนั้นในความทรงจำของฉัน
ซักครั้งให้หัวใจได้ตื่นขึ้นใช้ลมหายใจพร้อมเธอ
ไม่อยากสัมผัสรักจากเธอ อย่างไม่มีตัวตน”
“ประเทศคีรีธาราเป็นประเทศเล็กๆ ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาและป่าไม้ ซึ่งมีถึงร้อยละ70 ไม่มีพื้นที่ติดทะเล อยู่ในอ้อมกอดแห่งภูผาหิมาลัย เขตชายแดนของประเทศคีรีธาราติดกับประเทศอินเดียและจีน ภูมิอากาศโดยทั่วไปค่อนข้างหนาวเย็น “
กรกมล ภัทรโยธิน หรือชื่อเล่นกุ้งนาง ก้มหน้าก้มตาอ่านคู่มือการท่องเที่ยวประเทศคีรีธารา ที่เธอกำลังเดินทางไปเยือนอีกไม่ถึงชั่วโมงโดยสายการบินธาราแอร์ไลน์หลังจากที่ไม่ได้มานานกว่าแปดปี ตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนทุนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมตอนอายุสิบเจ็ดปี
“มีเมืองหลวงชื่อ เศรษฐปุระ และแบ่งออกเขตจังหวัดได้ หก จังหวัด คือ ทางเหนือจังหวัด ภูธารา ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า ทางใต้ จังหวัดบุรินทร์รัตน์ ดินแดนแห่งแสงพระอาทิตย์ ทิศตะวันออกจังหวัดศิลป์นคร ดินแดนแห่งนครนักรบ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือแบ่งออกเป็นสองคือด้านบนจังหวัด ดาราธิป ดินแดนแห่งแสงจันทร์ ใต้ จังหวัดศิราพัชร ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ และทิศตะวันตกจังหวัดธาราคีรี ดินแดนแห่งสายน้ำและภูเขา แต่ละจังหวัดก็จะประกอบด้วยเมืองน้อยใหญ่ต่างๆ”
นิ้วเรียวยาวคลี่เปิดหนังสือคู่มือการท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจว่ามีสายตาสีดำคู่หนึ่งแอบมองอยู่อย่างสนใจ สาวน้อยแก้มป่อง นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลเข้มเปล่งประกายเจิดจ้า สดใส จมูกโด่งพองามเชิดรั้นนิดๆบ่งบอกว่าดื้อรั้นพอตัว ริมฝีปากอวบอิ่ม เวลายิ้มจะเห็นเขี้ยวที่มุมปากและลักยิ้มทั้งสองข้างแก้ม ไม่สวยแต่ น่ารัก ให้มองอย่างงัยก็ไม่เบื่อผมยาวสีน้ำตาลอมทองดัดเป็นลอนที่ปลาย อายุอานามน่าจะไม่เกินนักศึกษาเรียนปีสอง
ประเทศคีรีธารา ซึ่งได้ชื่อว่า ดินแดนแห่งขุนเขา และสายน้ำ กรกมลมองดูรูปประเทศคีรีธาราที่เปลี่ยนแปลงไปจากแปดปีก่อนดูทันสมัยขึ้น แต่ก็ยังมีวัฒนธรรมและประเพณีเก่าแก่ที่ดำรงไว้อยู่ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ปฎิบัติตาม ประเทศคีรีธาราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย์ มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศคีรีธารา ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ค้าไม้ ทอผ้า จำหน่ายเครื่องประดับอัญมณี โดยเฉพาะอัญมณีที่สำคัญคือ มรกต สินค้าที่ส่งออก ได้แก่ ชา กาแฟ ดอกไม้เมืองหนาว งานแกะสลักไม้ที่ส่วนใหญ่มาจากภาคเหนือ ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ฮินดูบางส่วนเพราะได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย
ภาษาที่พูดเป็นภาษาคีรีธาราและภาษาอังกฤษ จีนเป็นภาษาราชการเพราะประเทศคีรีธารามีชายแดนติดต่อกับจีนและอินเดีย ที่ต้องทำการค้าร่วมกัน
“ประเทศคีรีธารา มี สี่ ฤดูกาล เรียกว่า Four Season ฤดูใบไม้ผลิจะเริ่มราวๆเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ต้นไม้จะเริ่มผลิใบและออกดอกบานสะพรั่ง ท้องฟ้าแจ่มใส มีแสงแดดสดใสอบอุ่น หลังจากที่ผ่านหน้าหนาวอันเยือกเย็นมานาน”
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ตอนนี้ประเทศคีรีธาราเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูแห่งการเริ่มต้น ราชาแห่งขุนเขาและเทพีแห่งบุปผาจะประทานพรให้หนุ่มสาวที่ศรัทธาในความรักสมหวัง วิหารวสันต์พรรษ์คงจะงดงามราวกับสรวงสรรค์เพราะ ตอนนี้ดอกไม้ต่างๆเริ่มเบ่งบานไปทั่วหุบเขาแล้วคงจะสวยงามราวกับพิภพบนสวรรค์
“อุณหภูมิโดยรวมอยู่ 10-19องศาเซลเซียส ฤดูร้อน จะเริ่มเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ภูมิทัศน์โดยทั่วไปต้นไม้ใบหญ้าจะผลิใบเต็มที่ มองไปทางหน้าก็จะเขียวขจีไปหมดและบางช่วงอาจมีฝนตก อุณหภูมิจะอยู่ประมาณ20-35องศาเซลเซียส ฤดูใบไม้ร่วงอยู่ระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายน อุณหภูมิจะเริ่มลดต่ำลงมาอยู่ระหว่าง 5-15องศาเซลเซียส ท้องฟ้าแจ่มใสมองดูเป็นสีฟ้าเข้มตัดกับสีของใบไม้ที่เริ่มเปลี่ยนสีเขียวเป็นสีเหลือง แดง ทอง ก่อนจะร่วงหล่นลงมาเป็นกองๆในช่วงปลายฤดูเหลือไว้เพียงแต่กิ่งก้าน เพื่อรองรับการเยือนของฤดูหนาวและหิมะ
ฤดูหนาวระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ที่ประเทศคีรีธาราถือว่าหนาวจัดเพราะหิมะปกคลุมแทบทั้งประเทศ บนยอดเขาต่างๆจะถูกหิมะปกคลุมขาวโพลนเหมาะแก่การเล่นสกีและหิมะ อุณหภูมิจะลดต่ำจนติดลบถึง-10องศาเซลเซียส
“รูปที่ถ่ายจากหัวใจ รูปที่ใช้ทั้งความรู้สึก
สุดท้ายก็ต้องเลือนลางตามกาลเวลา
คล้ายภาพความทรงจำ แต่แปลกคือเธอเท่านั้น
ที่ไม่เคยลบไม่เคยเลือนจากใจฉัน”
สามปีแล้วนะที่กรกมลไม่เคยลึม เจ้าของนัยน์ตาสีดำขลับ ร่างสูงเพรียว ผิวขาว โดยเฉพาะรอยยิ้มอ่อนหวาน อบอุ่น ที่ส่งมาให้ ผู้ชายที่อยู่ในความทรงจำของลมหายใจ ไม่ว่าจะพยามยามลึมแค่ไหนมันก็ยังติดอยู่ในใจ
“ทำอย่างไร ฉันจะลึมคุณได้นะ “ กรกมลคิดนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มหยาดคลอด้วยหยาดน้ำตา”ต่อให้กาลเวลาหมุนเวียนผ่านไปเท่าไร ไม่ว่าจะร้อน หนาว ฝน ใบไม้ร่วง หรือใบไม้ผลิ หัวใจของฉันก็ยังมีแต่คุณคนเดียวผู้ที่เป็นสายน้ำ “
กรกมลหยิบที่คั่นหนังสือมาคั่นหน้ากระดาษไว้ก่อนจะหันไปรับน้ำชาที่ชงจากชาอู่หลงที่มาจากภาคเหนือจังหวัดภูธาราจากพี่นางฟ้าคนสวยที่มีรอยยิ้มหวานๆมอบให้ตลอดเวลาสำหรับการเดินทาง
“ฉันจะต้องหาแฟนให้ได้ตลอดเวลาที่อยู่ที่ประเทศคีรีธารา ฉันจะได้ลึมผู้ชายคนนั้นเสียที พอกันที สำหรับเวลาผ่านมาสามปี ฉันจะเริ่มต้นใหม่กับใครบางคนที่เขาเป็นคู่แท้ตามคำนายที่หมอดูบอกว่า ถ้าเดินทางไกลจะได้พบกับคนที่เป็นเนื้อคู่ โชคชะตาได้กำหนดไว้แล้ว ยากที่จะหลีกเลี่ยง จงเดินไปตามทางที่ลิขิตไว้”
“ชายหนุ่มผิวขาว สูง หน้าตาดี จะเดินเข้ามาในชีวิตคุณ นั่นละคือคู่แท้ของคุณ”
ไปตามหาหัวใจของคุณเถอะคะ”
“รูปที่ถ่ายจากหัวใจ รูปที่ใช้ทั้งความรู้สึก
สุดท้ายก็ต้องเลือนลางตามกาลเวลา
คล้ายภาพความทรงจำ แต่แปลกคือเธอเท่านั้น
ที่ไม่เคยลบไม่เคยเลือนจากใจฉัน”
ความทรงจำและความรักของเธอ
จะอยู่ในตัวของฉันตลอดไป
สนามบิน ทิพย์ธารา
"รักเธอ แต่เธอไม่เคยรู้ ฉันรักเธออยู่มากมายเท่าไหร่
แค่เพียง ได้เก็บเธอเอาไว้ ไว้ภายในใจ ของฉันตลอดมา
อยากบอกเธอในบางครั้ง แต่ฉันยังคงไม่กล้า
เพราะฉันกลัวจะเสียน้ำตา และอาจจะสูญเสียเธอไป"
กรกมลลากกระเป๋าเดินทางออกจากสนามบินทิพย์ธารา หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและด่านของศุลกากร ที่เข้มงวดมากๆเพราะประเทศคีรีธาราจำกัดนักท่องเที่ยวมากๆเพราะกลัวว่าจะมีคนลักลอบเข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมาย
ก็แหงละมีเหมืองอัญมณีตั้งมากมายนี่ หญิงสาวคิด
"เนื้อคู่เหลอ ยายหมอดู ฉันก็อยากจะรู้ว่าแม่นแค่ไหนกันนะที่ขนาดคนในบ้านไม่ยอมห้ามซักคำ เมื่อรู้ว่าเธอจะไปเที่ยวประเทศคีรีธารา โดยเฉพาะคุณปู่แล้วด้วย แทบจะรีบไปจัดกระเป๋าเดินทางให้เลยละ ถ้าเธอไม่ห้ามไว้ก่อน
"อย่าลึมพาหนุ่มคีรีธารามาฝากปู่ด้วยละ"หม่อมราชวงศ์กอบกาญจน์ พูดขึ้นขณะที่กรกมลกำลังเอากระเป๋าเดินทางขึ้นรถที่
สุรวินท์พี่ชายคนโตจะขับไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ
"แล้วหลานชายเพื่อนคุณปู่ละคะ"หญิงสาวย้อนถามชายชราที่ยืนยิ้มอย่างมีเลศนัย
"คนเราถ้าไม่ใช่เนื้อคู่กันแล้วก็แคล้วคลาดกัน แต่ถ้าใช่ต่อให้หนีไปไกลแค่ไหนก็เจอกันวันอย่างค่ำ"
"คุณปู่เลยมั่นใจว่าเนื้อคู่หนูอยู่ประเทศคีรีธารางั้นเหลอคะ"กรกมลถาม
"ก็ไม่แน่หรือว่าเราอยากแต่งงานกับหลานชายเพื่อนปู่ละ"
"ไม่เอา หรอกคะหน้าตาก็ไม่เคยเห็น ยกให้ยายกอหญ้าเถอะคะ"เธอหมายถึงน้องสาวคนเล็กกชรัศมิ์ "หรือไม่ก็ให้เขาไปจีบยายดอกเหมยรับรองว่าป้ามณฑาทิพย์รีบยกให้เลยละ"
"แต่เขาเลือกเราและเราก็เลือกเขาด้วยละ"
"คุณปู่หมายถึงกำไลทับทิมนั่นนะหรือคะ"
"ใช่ กำไลทับทิมหมายถึงคนที่เลือกเป็นเนื้อคู่ของหลานชายเพื่อนของปู่"
"ไม่เอาหรอกคะ"กรกมลโวยวายต่อให้เป็นเจ้าชายเธอก็ไม่สน
"แน่ใจ หน้าตาดี นะ จบจากนอกด้วยละ มีเชื้อสายราชนิกุล หน้าที่การงานก็มั่นคง สุภาพเรียบร้อย สมเป็นผู้ดี"
"ไม่คะ"หญิงสาวปฏิเสธเสียงแข็ง
"ถ้างั้นก็หาผู้ชายที่มีคุณสมบัติเทียบเท่าหลานชายของเพื่อนปู่มาให้ปู่รู้จักสิไม่งั้นเราต้องแต่งงานกับหลานชายเพื่อนปู่ปลายปีนี้ อย่าได้คิดหนี เพราะคนนี้ปู่ไม่ยอมเหมือนที่ผ่านมา"โอ้ ทำไมคุณปู่พูดแบบนี้ละคะแล้วหนูจะไปหาผู้ชายที่เพรียบพร้อมแบบหลานชายของเพื่อนคุณปู่ได้ที่ไหน
"ประเทศคีรีธารางัยละ"รู้ทันด้วยนะคะ
กรกมลอยากจะกรี๊ดให้ดังลั่นวังปทุมวันให้หมาแมวที่เลี้ยงไว้วิ่งหนีกันหมดนี่มันยุคไหนแล้วยังมีการจับคลุมถุงชนอีกหรือ เพราะกำไลทับทิมนี่ทีเดียวทำให้เธอต้องหนีมาถึงประเทศคีรีธารา หลานชายเพื่อนคุณปู่ หมอดู กำไลทับทิม คุณปู่นะคุณปู่ แล้วนี่เธอจะไปหาผู้ชายที่ไหนที่เพรียบพร้อมเหมือนหลานชายเพื่อนคุณปุ่ละคะ เซ็ง กรกมลคิดท่าทางเดินใจลอยเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทำให้ไม่รู้ว่ากำลังจะเดินชนกับร่างสูงๆที่กำลังเดินสวนมา
"ว้าย............................." กรกมลร้องลั่นก่อนจะเซถลาล้มไปกองกับพื้น หนังสือคู่มือการเดินทางหล่นจากมือ "โอ้ย เจ็บ" ไม่น่าจะใจลอยคิดถึงเรื่องไร้สาระพวกนั่นเลย เนื้อคู่ ว่าที่สามี
"เป็นไรหรือเปล่าครับ"เสียงทุ้มห้าวเอ่ยปากถามอย่างเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรคะ พอดีฉันไม่ได้มองทางนะคะ"หญิงสาวบอกอย่างหัวเสีย เพราะกำไลทับทิมกับหลานชายเพื่อนคุณปู่ทีเดียวทำให้เธอต้องคิดมาก จะต้องไปหาว่าที่สามีที่ไหนไปฝากคุณปู่นะ เซ็ง
กรกมลคิดก่อนจะลุกขึ้นยืน ก่อนจะก้มลงไปเก็บหนังสือที่ตกจากพื้น
"ไม่เป็นอะไรแน่นะครับ"
"คะ ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ ..........................."หญิงสาวเงยหน้าตอบยังไม่จบประโยค ตาโตเบิกกว้าง ริมฝีปากสั่นระริก
ฟิ้ว........................................ฉึก.............................นี่เธอกำลังถูกกามเทพแผลงศรรักปักอกหรือนี่
ไม่จริงใช่ไหม ผู้ชายตรงหน้าหล่อมากๆ คิ้วเข้ม นัยน์ตาสีดำขลับเรียวยาวรับกับขนตางอนยาว จมูกโด่งเป็นสันคม ริมฝีปากบางเฉียบสีแดงสด ผิวขาวอมชมพู ผมตัดซอยสไลด์ตามเทรนด์กระแสนิยมของวัยรุ่นสีน้ำตาลอ่อน
กรี๊ด...........................ลีจุนกิ ไอดอลขวัญใจของน้องกุ้งนาง
"ตกลงคุณไม่เป็นอะไรแน่นะครับ"ชายหนุ่มถามอย่างเป็นห่วง
"มะ มะไม่เป็นไรคะ"หญิงสาวตอบตะกุกตะกัก ผู้ชายอะไรเสียงหวานๆทุ้มลึก ยายกุ้งนางอย่าเพิ่งสั่นสิ
นัยน์ตาสีดำขลับจ้องมองหญิงสาวที่ยืนก้มหน้าก้มตานิ่งทั้งที่แก้มแดงระเรื่อ มือซ้ายถือหูกระเป๋าเดินทาง ส่วนมือขวาถือคู่มือการเดินทางประเทศคีรีธารา หน้าตาท่าทางแบบนี้เหมือนเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะชายหนุ่มคิด
"ถ้างั้น ฉันขอตัวก่อนนะคะ ฉันรีบ"พูดจบกรกมลก็รีบลากกระเป๋าเดินทางหนีชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนลีจุนกิ ไม่จริงใช่ไหม คำทำนาย เธอไม่เชื่อเด็ดขาด อะไรมันจะมาเร็วขนาดนี้นะ
"เดี๋ยวครับ"
"มีอะไรคะ"หญิงสาวหันมาถาม ชายหนุ่มยิ้มกว้างแลเห็นฟันขาวเป็นระเบียบแถมที่มุมปากข้างซ้ายมีเขี้ยวด้วย
"มาเที่ยวหรือครับ"เขาถาม มาหาว่าที่สามีต่างหากละหญิงสาวคิด
"คะมาเที่ยว"กรกมลตอบสั้นๆ"ขอตัวก่อนนะคะพอดีฉันรีบนะคะ"พูดจบก็ลากกระเป๋าเดินทาง ไปตามทางเดินต่อ ถ้าไม่รีบเธอก็อยากจะอยู่คุยด้วยหรอก เธอไม่อยากตกรถเพราะผู้ชายหน้าตาดีหรอกนะ ถึงเขาจะคล้ายลีจุนกิก็ตาม ยิ่งรถที่จะไปจังหวัดธาราคีรีวิ่งแค่สามรอบต่อวันเอง ถ้าพลาดก็ต้องเหมารถไปเอง เสียเวลา ขอโทษนะ
"จะไปเที่ยวที่เมืองไหนครับ"
"ทำไมฉันจะต้องบอกคุณด้วยละคะ"หญิงสาวหันมาถามชายหนุ่มหน้าตาดีคล้ายดาราแดนโสมคนดังที่เดินเคียงข้าง จะตามมาทำไมนี่
"มาเที่ยวคนเดียวหรือครับ"
"คุณเห็นฉันมากับใครละคะ"กรกมลหยุดเดินก่อนจะหันมามองชายหนุ่ม ที่ยิ้มหวาน
"มาเที่ยวคนเดียวมันอันตรายนะครับ"ชายหนุ่มเตือนด้วยความหวังดี ใครมันจะกล้ามาฉุดเธอ หน้าตาก็แย่หาความสวยแทบไม่เจอ
"ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง แต่เก็บความหวังดีของคุณไว้ไปใช้กับผู้หญิงคนอื่นเถอะคะ"ชิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆไปไกลเลย มีคนพูดว่าผู้ชายหน้าตาดีมักจะเจ้าชู้ กะล่อน ปากหวาน ผู้ชายคนนี้ก็คงจะเหมือนกันนั่นละ ฮึ........ถึงเธอจะหน้าตาแย่แต่ก็ไม่หลงคารมหรอกนะ
ฉัน กรกมล ภัทรโยธิน นะยะ ขี้เหร่เลือกได้ เหมือนกัน ไม่ใช่สวยเลือกได้
"คือผมก็แค่"
"นี่คุณ"กรกมลหันมามอง"เลิกยุ่งกับฉันสักทีฉันรีบ"
"คุณจะไปไหน"
"ไม่เกี่ยวกับคุณ"
"ธารนธี ชลธารพิทักษ์"
"คะว่าอะไรนะคะ"
"ผมชื่อธารนธี ชลธารพิทักษ์"
"ไม่อยากรู้จักคะหลีกทางฉันนะคะ"
"เดี๋ยวสิคุณ"
"นี่คุณ ฉันไม่อยากรู้จักคุณ โอเคไหมคะมิสเตอร์"กรกมลพูดเสียงแหลมปรี๊ด ตากลมโตถลึงมองอย่างโกรธ ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเป็นเส้นตรง อยากจะจับผู้ชายตรงหน้าทุ่มใส่พื้นสักที กวนประสาทอยู่ได้
นัยน์ตาสีดำขลับจ้องมองลงไปในนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม ว่างเปล่า ไม่มีอะไร ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนถูกใครซักคนเอามีดมา
กรีดหัวใจ เจ็บปวด ท่าทางหมางเมินเหมือนคนไม่รู้จักกันมาก่อน ใบหน้าขาวๆซีดเผือด เศร้าหมอง
กรกมลเบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นใบหน้าที่เจ็บปวด และแววตาที่กำลังจ้องมองมาราวกับจะตัดพ้อต่อว่า
"ไม่ได้เจอกันตั้งสามปี คุณคงจะสบายดีนะ กรกมล ภัทรโยธิน"
"คุณ" เขารู้ชื่อเธอได้อย่างงัย
"ยินดีต้อนรับสู่ประเทศคีรีธารานะครับ"
"คุณคงจะจำผิดคนแล้วละคะ"
"กุ้งนาง คุณจำผมไม่ได้หรือ"ธารนธีถามเสียงเข้ม จ้องมองหน้าเนียนที่เบือนหน้าหนี ริมฝีปากอวบอิ่มเบ้นิด
"ทำไมฉันต้องจำคุณได้ด้วยละคะ คุณสำคัญตัวเองผิดหรือเปล่าคะ ขอตัวก่อนนะคะฉันรีบ"พูดจบกรกมลรีบลากกระเป๋าเดินทางหนี
"ได้เพียงแค่สบตาเท่านั้น ได้แค่ฝันข้างเดียวเรื่อยไป
รู้คนเดียวอยู่ทั้งใจว่าฉันรักเธอ
ห้ามใจ เก็บกดอยู่อย่างนั้น
ถึงแม้ว่ามัน อัดอั้นเพียงใด
ฉันกลัว ถ้าบอกเธอออกไป
แล้วเธอจะเปลี่ยน ไม่เหมือนที่ผ่านมา"
ชายหนุ่มร่างสูงเพรียววิ่งตามหญิงสาวร่างเล็กภายในสนามบินทิพย์ธารา ท่ามกลางสายตาผู้คนนับร้อยที่มองมาอย่างไม่เข้าใจว่าหนุ่มหล่อราวกับพระเอกหนังของแดนโสมวิ่งตามหญิงสาวหน้าตาธรรมดาๆทำไมกันเพราะมันช่างไม่เข้ากันเลย
"กุ้งนาง"ชายหนุ่มคว้าแขนเรียวหญิงสาวทันที ก่อนที่เธอจะวิ่งหนีเขาไป เหมือนสามปีก่อน
"ปล่อยฉันนะ"กรกมลแหวเสียงดัง
"ไม่ปล่อย"เขาปฏิเสธเสียงแข็ง"ทำไมคุณต้องทำเหมือนไม่รู้จักผมด้วยนะ กรกมลคุณจำผมไม่ได้หรือว่า..................."ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาว"หรือว่าคุณไม่เคยสนใจผมเลย ไม่เคยที่จะคิดจดจำอะไรเกี่ยวกับผม"
กรกมลยืนตัวนิ่งทำไมคำพูดของเขาได้กระทบจิตใจเธออย่างแรง ไม่เคยสนใจ ไม่เคยสนใจ งั้นเหลอ
หยาดน้ำตาไหลรินออกมาอย่างไม่รู้ตัว ทำไมฟังแล้วเจ็บปวด เหมือนคำพูดที่เธอเคยพูดกับใครซักคน คนที่เธออยากจะลึม
ตลอดมาสามปี
อาโป สายน้ำ






ณัฏฐกมล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 มี.ค. 2555, 21:50:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 เม.ย. 2555, 20:57:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 1456





   รอยอดีตแห่งรัก >>
ณัฏฐกมล 1 เม.ย. 2555, 22:15:42 น.
ฝากนิยายเรื่องแรกด้วยนะค้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account