ลำนำรักสายน้ำ
‘หลับตาลงครั้งใด เห็นว่ามีแต่ภาพใครบางคน
ที่กี่ครั้งก็ยังวกวน ดูไม่ชัดเจน
ได้ยินแต่เสียงเรียกของเธอ
ที่ฟังแล้วอบอุ่นและคุ้นในใจ
ยิ่งห้ามไม่ให้คิด ยิ่งติดอยู่ข้างใน
ยิ่งห้ามเท่าใจเท่าไร ยิ่งใกล้เธอเข้าไปทุกที
ตามหาหัวใจ ที่ลึมไว้กับใครสักคน‘
ธารนธี ตกหลุมรักหฺญิงสาวนัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลเข้มคนหนึ่ง ในคืนวันเพ็ญเต็มดวงของฤดูใบไม้ผลิ เป็นคืนที่ราชาแห่งขุนเขาและเทพีแห่งบุปผาจะประทานพรให้หนุ่มสาวชาวคีรีธาราสมหวังในความรัก
‘หัวใจอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม สักวันหนึ่งร่างกายจะเดินมารวมกับหัวใจ‘
เช่นเดียวกับสายน้ำและดอกบัวงาม
ฤดูใบไม้ผลิ ฤดู แห่งการเริ่มต้น ดอกไฮยาซินธ์ที่กำลังเบ่งบาน เพื่อต้อนรับแสงแดดที่อบอุ่นหลังจากที่ต้องจมอยู่ได้พื้นดินเป็นเวลานาน
เช่นเดียวกับความรักของธารนธีและกรกมล

ถึง Dream Girl
นกสีฟ้าของผมจะโบยบินอยู่ทุกหนทุกแห่ง เมื่อคุณได้ยินเสียงขลุ่ย โปรดรับรู้ว่ามันคือคำบอกรักของผม ยามคุณดื่มกาแฟ จะรับรู้รสจุมพิตของผม หากคุณเข้าไปในสวนดอกไม้ กลิ่นของมันคือกลิ่นอายความทรงจำของเราสองคน และที่ศาลากลางน้ำ หิ่งห้อย ที่ส่องแสงระยิบระยับนั่น คือรอยยิ้มที่ผมมอบให้คุณเพียงคนเดียว
จาก อาโป ธารนธี ชลธารพิทักษ์
14 กุมภาพันธ์ ในฤดูหนาว ประเทศ ออสเตรเลีย

‘ความเอยความรัก
เริ่มสมัครชั้นต้น ณ หนใด
เริ่มเพาะเหมาะกลางระหว่างหัวใจ
หรือเริ่มในสมองตรองจงดี‘
"วันนี้ ฝนตก ได้กางร่ม เดินเคียงคู่กับพี่อาโปด้วยละ ตามตำนานเขาเล่าว่าวันไหนที่ฝนตก กามเทพจะแผลงศรรัก ทำหั้ยหนุ่มสาวตกหลุมรักกัน ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมา "
"ความจริงพี่อาโปก็อยากให้ฝนตกทุกวันเหมือนกัน เพราะจะได้มีคนมาเดินกางร่มเคียงคู่กันแบบนี้ "
"ทำไมคนเราต้องจูบกัน เขาบอกว่าเพราะทั้งสองตกหลุมเสน่ห์แห่งรักกันและกัน วันนี้ขึ้นรถไฟฟ้าแล้วถูกผู้ชายคนหนึ่งเบียดทำให้แทบล้มหัวคะมำ ดีแต่ว่าพี่อาโปคว้าเอวไว้ก่อนไม่งั้นได้อับอายขายขี้หน้า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ไม่ต้องขนาดถึงจูบ แค่ได้สบตากับพี่อาโปเหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุนเลยละ"
"น้องกุ้งนางรู้ไหมวันนั้นทำให้พี่ต้องลงผิดสถานี เพราะพี่อาโป เขินอายมากๆ ผู้ชายก็อายเป็นเหมือนกันนะ ทีหลังอย่าทำให้พี่เป็นแบบนั้นอีกนะวันหลังเราไปดูรถไฟฟ้ามาหานะเธอด้วยกันนะ พี่ไม่คิดว่าน้องกุ้งนางอยากจะเป็นเหมยลี่"
"วันนี้ อยากจะ ฆ่าพี่อาโปบังอาจควงสาวไปเต้นรำ โมโห อีตาบ้ารวีวิชญ์นี่ก็น่าโมโหตามตื้ออยู่ได้ ไม่ชอบๆๆๆๆๆ นี่สงสัยเราจะหึงจัด ดื่มไวน์หมดไปสามแก้ว ถูกหามกลับวังปทุมวันแทบไม่ทัน ก็มันหึงนี่คะ ก็น้องกุ้งนางอยากจะเต้นรำกับพี่อาโป อยากซบอกพี่อาโป"
"พี่ไม่คิดว่าน้องกุ้งนางจะเห็นพี่นี่คะ ก็เลยไม่ได้ไปแสดงตัวเอง แต่แหม พี่อาโปอยากเห็นหน้าผู้หญิงหึงจังเลย ไวน์อย่าดื่มมากมันไม่ดีต่อสุขภาพ ถ้าอยากเต้นรำกับพี่อาโปเดี๋ยวจะจัดให้ ถ้าจะซบอกผู้ชายต้องเป็นพี่คนเดียวไม่งั้น ตายแน่ๆ พี่ขี้หึง หวง"
"วันนี้ อยาก จะดึงคอพี่อาโปมาถามว่าเป็นอะไร ทำไมไม่ยอมพูดจา ทักทาย เดินหน้าบึ้งตึง ทำหมางเมินใส่เหมือนว่าเราไม่รู้จักกัน น้องกุ้งนางเจ็บนะที่พี่อาโปทำแบบนี้นะ "
"พี่อาโปก็เจ็บเหมือนกันนะ ก็จะอะไรละก็พี่หึงจนหน้ามึดน่ะสิ เมินเรียกร้องความสนใจรู้บ้างไหม”

Tags: รักหวานซึ้ง

ตอน: รอยอดีตแห่งรัก

"เคยเป็นอย่างคนที่ไม่เคยแคร์อะไรเท่าไร
ใครคนไหนเข้ามาก็ไม่คิดให้ใจ ยังไม่เคยคิดผูกพัน
จนมาเจอะเธอ ตั้งแต่เราเข้ามาใกล้กัน
หมดใจฉันทั้งใจก็ไม่เหมือนเมื่อวาน
มีแต่เธอคนเดียว แต่ความสุขเรา ไม่ยืนไม่ยาวเท่าไร
คนบนฟ้าเค้าไม่เป็นใจ ให้มาเจอแล้วต้องลา
นี่มันคงเป็นคำสาปฟ้าใช่ไหม
เจอคนที่ดีเมื่อไร ต้องเอาไปจากฉัน
ให้เวลาไม่นานเท่าไร ที่ได้รักแค่สายลมผ่าน
ที่แสนนาน คือความช้ำที่ไม่อาจจะลึม
มันคงจะดี ถ้าหากเราไม่เคยพบเจอ
ต่างก็ไม่รู้ว่าใคร ไม่มีฉันและเธอ คงไม่เจอเรื่องปวดใจ"
ย้อนเวลากลับไปเมื่อ สามปีก่อน ณ ร้านการ์เด้นเบอเกอรี่@คอฟฟี่ เป็นร้านกาแฟเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆกับตึกอาคารสำนักงาน ย่านกลางกรุงเมืองหลวง ร้านกาแฟตกแต่งสวยงามเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรรมชาติ โอบล้อมด้วยต้นไม้และดอกไม้สีสวยให้ความรู้สึกสดชื่น อบอุ่น
ตอนนั้นกรกมลเพิ่งเรียนจบใหม่ๆยังไม่ได้หางานทำที่ไหน เพราะกำลังตัดสินใจว่าจะเรียนต่อปริญญาโทหรือทำงานหาประสบการณ์ก่อนดี ยามว่างเว้นจากการเรียนภาษา หญิงสาวก็จะมานั่งออกแบบเว็บดีไซต์ที่ร้านกาแฟแห่งนี้เป็นประจำ
แต่ที่สำคัญเธอต้องรับบทพนักงานร้านกาแฟนี่นะสิ ทั้งชงกาแฟ ม็อบพื้น เช็ดกระจก แม้แต่ แคชเชียร์คิดเงิน ก็ต้องทำให้ได้ให้เหมาะสมกับทายาทร้านกาแฟ เพราะพนักงานร้านกาแฟนี่ละที่ทำให้เธอได้พบใครบางคน คนที่ทำให้เธอไม่สามารถลืมได้ ได้แต่เก็บไว้ในความทรงจำตลอดมา
อาโป สายน้ำ ผู้ชายที่เธอไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้จะต้องมาตกหลุมรักผู้ชายที่เย็นชา ไร้หัวใจ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาคำว่าผู้ชายไม่เคยอยู่ในพจนานุกรมของนางสาวกรกมล ภัทรโยธิน
ไม่ว่าจะหล่อระดับดาราแบบเคนธีรเดช หรือบี้ เดอะสตาร์ มาริโอ้ เธอก็รู้สึกเฉยๆ
จะว่าไปหน้าตาของเธอก็ไม่ได้ขี้เหร่เท่าไร สามารถพาไปวัดตอนสายๆๆได้ บางครั้งก็มีผู้ชายมาจีบ ขอเบอร์โทรศัพท์ ถูกเธอไล่ตะเพิดก็มากมาย
"ผู้หญิงไร้หัวใจ"เคยมีผู้ชายคนหนึ่งมาต่อว่าเธอแค่บอกว่าไม่รัก แม้แต่คำว่าเพื่อนเธอก็ให้ไม่ได้ แถมเขาคนนั้นเดินร้องไห้น้ำตาตกจากไป แมนมากๆๆผู้ชายร้องไห้ ชะรอยจะเป็นมารยาชายกรกมลคิดอย่างอคติ จะให้เธอไปรักได้งัยละ ในอดีตนั้นเขาเคยดูถูก ว่าเธอสารพัด ยายขี้เหร่ ม้าดีดกระโหลก
" ผู้หญิงที่เราชอบต้องเรียบร้อยอ่อนหวาน ไม่ใช่ม้าดีดกระโหลกเหมือนใครบางคน" ใครบางคนถ้าไม่ใช่เธอ
"ต้องสวยน่ารัก"
"สมเป็นกุลสตรีไทย ลูกผู้ดีมีสกุล พูดจาอ่อนหวาน"
ตอกย้ำเข้าไปเลยกรกมลคิด อย่างแค้นใจกับคำพูดของหลานชายหม่อมราชวงศ์คนดังเพื่อนของท่านปู่เธอ
"สำหรับผู้หญิงอย่างฉัน เกลียดที่สุดคือผู้ชายที่มองแต่รูปร่างภายนอก ถึงฉันจะหน้าตาไม่ดีแต่ฉันก็ไม่เคยว่าใครสักครั้ง "ถ้าเธอไม่ใช่หลานสาวเจ้าของวังปทุมวันผู้ชายคนนี้ก็ไม่สนใจเธอหรอก กิ่งก่าเปลี่ยนสีชัดๆๆ
"หึ"
"ถ้าฉันจะรักใครสักคนรับรองว่า ไม่ใช่ผู้ชายที่ดูถูกเหยียดหยามแบบคุณแน่ๆๆๆ"
"ผมก็อยากจะรู้ว่าใครมันจะตาบอด ตาต่ำ มาหลงรักเธอ กรกมล ภัทรโยธิน ผู้หญิงไร้หัวใจ"
เกลียดที่สุดพวกไฮโซ ผู้ดีตีนแดง นักเรียนนอก ผู้ชายเจ้าชู้ที่เปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น
"พี่กุ้งนางหัวโบราณ"กรกมลเอ๋อเลยคะที่ถูกเด็กอายุสิบสี่ปีที่ยังไม่ทำบัตรประชาชน(ลืมไปตอนนี้เขาทำบัตรประชาชนตั้งแต่เจ็ดขวบกันแล้วนี่)ว่าหัวโบราณที่บังอาจไปเตือนด้วยความหวังดีว่าอย่าได้ไว้ใจผู้ชายมากนัก
เฮ้อ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!เด็กสมัยนี้เขาคิดอะไรกันอยู่นะ ทำไมไวไฟกันจังนะคบกันได้เดือนหนึ่งแล้วก็เลิก มีใหม่ หาแฟนมันง่ายขนาดนั้นเลยเหลอยายหนูอิน เซ็ง คนไม่มีแฟนต้องมานั่งมอง เขาสวีทหวานท่ามกลางร้านกาแฟในวันบ่ายคล้อย
วันนี้วันที่ เจ็ด เดือน เจ็ด วันนี้เป็นคล้ายวันเกิดของเธอ ตรงกับวันที่หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้าจะมาเจอกันบนสะพานนกกางเขนในตำนานของประเทศจีนเรียกว่าเทศกาลซีเฉียว ส่วนประเทศญี่ปุ่นเรียกว่าเทศกาลทาบาคะตะเป็นวันแห่งความรักหนุ่มสาวมักจะเขียนคำอธิษฐานใส่กระดาษแล้วไปผูกไว้กับกิ่งไผ่
"คิดเงินด้วยครับ"เสียงทุ้มห้าวพูดขึ้นขณะที่กรกมลกำลังคิดว่าเมื่อไรเธอจะได้เจอหนุ่มเลี้ยงวัวกับเขาสักทีนะ
"ทั้งหมด หนึ่งร้อยสองบาทคะ" หญิงสาวบอกลูกค้าเสียงหวานแบบน้ำตาล
เคลืบยาพิษ หนอยบังอาจมาขัดจังหวะที่เธอกำลังฝันหวาน
"ขอโทษนะครับพอดีผมเอาเงินมาไม่พอถ้า…."กรกมลเงยหน้ามองลูกค้าที่บอกว่าเงินไม่พอทันที เป็นชายหนุ่มร่างสูงเพรียว ผิวขาวอมชมพู หน้าตาดี สิ่งที่สะดุดตาเธอกลับเป็นนัยน์ตาสีดำขลับราวกับนิลเนื้อดีเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ แต่นึกไม่ออก โอ้!!แม่เจ้าโว้ย โครตหล่อเลยวะ เหมือนดาราเกาหลีเลย(ลีจุนกิตัวเป็นๆ)
"ไม่เป็นไรคะ สองบาทลดให้คะ"หญิงสาวบอกราวกับว่าไม่ใช่ปัญหาสำคัญอะไร
"ออ คือว่า" ชายหนุ่มอ้ำอึ้งเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่กลับไม่พูด
"ไม่เป็นไรคะ ฉันลดให้คะ"กรกมลยิ้มหวานให้ ก่อนจะหยิบขนมชายหนุ่มใส่ถุงก่อนจะส่งให้
"ขอบคุณครับ"ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณ ใบหน้าคมสันยิ้มอ่อนๆก่อนจะเดินออกจากร้านกาแฟไป ส่วนกรกมลก็ไม่สนใจอะไรกลับก้มหน้าก้มตาทำงานที่ค้างต่อเพราะว่าวันนี้จะรีบไปกลับบ้านไปหาหนุ่มเลี้ยงวัว ไปเขียนคำอธิษฐานขอพร แล้วไปถูกไว้กับกิ่งไผ่
ตอน การมาของเจ้าชายสายน้ำ(อาโป)
"สวัสดีครับ"เสียงทุ้มห้าวเอ่ยปากทักกรกมล ที่กำลังยืนเช็ดกระจกอยู่ตรงหน้าร้าน
"สวัสดีคะ" หญิงสาวทักตอบ แต่ใบหน้าเนียนสวยที่ปราศจากเครื่องสำอางค์มีแววงุนงงว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร คุ้นๆๆแต่ก็จำไม่ได้อีกอย่างลูกค้าร้านกาแฟมีตั้งมากมายใครจะไปจำได้หมด
คงไม่ใช่แฟนหรือ กิ๊ก ของพนักงานในร้านกาแฟหรอกนะ ถ้าใช่เธอก็ต้องเคยเห็นสินะ เพราะผู้ชายหลายคนแถวนี้ มักจะใช้เธอเป็นสะพานไปหาพนักงานในร้านกาแฟ แม่สื่อ กามเทพ
"ผมไม่รบกวนเวลาทำงานของคุณแล้วละ"ผู้ชายอะไรยิ้มหวานชะมัด "ขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ"
"ตัวเอง"
"เรียกผมเหลอครับ"ไม่ให้เรียกนายแล้วจะให้เรียกใครละ ก็เห็นอยู่โทนโท่ว่าบริเวณนี้มีแต่เธอกับเขาสองคน กรกมลคิด พลางค้อนควับ
"มีอะไรหรือครับ"ธารนธีหันมาถาม
"ขอให้วันนี้มีความสุขกับการทำงานนะคะ"
"ขอบคุณครับ คุณก็เช่นเดียวกันนะครับ" ชายหนุ่มพูดจบก็เดินจากไป ทิ้งให้หญิงสาวยืนงงกับตัวเอง นี่เธอพูดอะไรไปนี่ ปกติแล้วเธอมักจะไม่ยอมพูดกับคนแปลกหน้าโดยเฉพาะผู้ชายแล้วด้วย แทบจะไม่อยากเข้าใกล้สักนิดเดียว แต่กับผู้ชายคนเมื่อกี้แล้วเธอกลับพูดคุยได้ ราวกับเคยรู้จักกันมาก่อน
"อยากจะมีใครคอยห่วงใยดูแลกัน ในวันที่ฉันเหงาใจ
อยากจะมีใครที่จับมือกันเดินไป ในคืนที่ฟ้ามืดมน
แต่มันเหมือนทั้งโลกว่างเปล่า ไม่มีคนเข้าใจ
เหมือนไม่เคยเจอใครสักคน
อาจจะเคยมีคนที่เคยมองตากัน แต่ก็ไม่เคยซึ้งใจ
อาจจะเคยมีคนที่เดินเคียงกันไป แต่ก็ดูเหมือนไม่มี"
วันต่อมา ขณะที่กรกมลกำลังนั่งมองดอกบัวหลวงที่ปลูกไว้ที่อ่างข้างร้านกาแฟอยู่นั้น ร่างสูงๆก็เดินเข้ามายืนใกล้
"ชอบดอกบัวหรือครับ"เสียงทุ้มห้าวเอ่ยถามดังอยู่ข้างๆร่างบอบบาง หญิงสาวสะดุ้งตกใจ เงยหน้าขึ้นมองก็พบ ผู้ชายร่างสูงที่อยุ่ในชุดเสื้อโปโลสีกรมท่า กางเกงยีนส์สีเข้ม สวมรองเท้าผ้าใบสีขาว ใบหน้าขาวๆอ่อนโยนแลดูอบอุ่น ริมฝีปากบางสีแดงสดยิ้มหวาน
"คะ "หญิงสาวตอบก่อนจะลุกขึ้นยืน ผู้ชายอะไรสูงชะมัด "วันนี้ทำงานด้วยหรือคะ"
"ครับ พอดีมีงานด่วนเข้ามาเลยต้องเข้าออฟฟิศ"
"ออ "กรกมลพยักหน้ารับรู้ ก็วันนี้เป็นวันอาทิตย์นี่หนาบริษัทหยุดหมดรวมทั้งร้านกาแฟของเธอด้วยเช่นกัน
"แล้วคุณละมาทำอะไรที่ร้านกาแฟ วันอาทิตย์แบบนี้"
"มาเดินเล่นเฉยๆคะไม่มีอะไรจะทำนะคะ"
"อ้าว ไม่ไปเที่ยวกับ........................"
"ฉันยังไม่มีแฟนคะ มีแต่เพื่อน ส่วนเพื่อนก็มีแฟนหมดแล้วไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอใคร"
แล้วเธอไปบอกเขาทำไมว่ายังไม่มีแฟนนะ ดูเขาทำหน้าเข้าสิเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าเธอยังโสด ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงหน้าตาน่ารักขนาดนี้ยังไม่มีแฟน ธารนธี คิด
"ไม่เหงาแย่หรือครับ"การไม่มีแฟนมันเหงาด้วยเหลอ ที่ผ่านมาก็อยู่มาได้ไม่เห็นจะตาย
"ไม่นี่คะ "กรกมลตอบชายหนุ่ม ก่อนจะแกล้งทำเป็นแตะดอกบัวเพื่อปิดบัง ความจริงบางอย่าง จะให้ตอบว่าอย่างไรดีละเมื่อความเป็นจริงมันก็เหงาอยู่เหมือนกันละแต่จะให้เธอทำอย่างไรได้ละ
ในเมื่อคนที่ใช่สำหรับเธอยังคงเดินทางมาไม่ถึงสักที ในตอนนี้ที่ทำได้ก็คือรออย่างเดียว
ธารนธีแอบมองเห็นสายตาเศร้าสร้อยยามเวลาที่หญิงสาวเผลอตัว เหงา อ้างว้าง โดดเดี่ยวเดียวดาย ผู้หญิงปากแข็ง
"ไม่คิดจะมีใครซักคนหรือครับ"เขาลองถามดู หญิงสาวส่ายหน้า
"ไม่นี่คะ" ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว
"คุณรอใครบางคนอยู่หรือเปล่า" ถูกต้องเลยครับ กรกมลคิด
"คงงั้นมั้งคะ ฉันคงเหมือนหิ่งห้อยนั่นละคะ"
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเหมือนไม่เข้าใจที่หญิงสาวพูดว่าหมายถึงอะไร กรกมลหันมายิ้มหวานให้ธารนธี
"เคยได้ยินนิทานเรื่องหิ่งห้อยไหมคะ" ชายหนุ่มส่ายหน้าก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้หน้าร้านกาแฟ ก่อนจะเท้าคางมองหน้ากรกมล
"ถ้าไม่ลำบากช่วยเล่าให้ผมฟังได้ไหมครับ" เขาชอบมองหน้าหญิงสาวเวลาเผลอ น่ารักโดยเฉพาะตอนยิ้ม เหมือนโลกทั้งโลกสดใส อยู่ด้วยแล้วสบายใจ
"คุณชอบฟังนิทานด้วยหรือคะ"
"โอ้..............นี่ผมเลยวัยที่จะฟังนิทานก่อนนอนแล้วหรือนี่"ชายหนุ่มแกล้งพูดติดตลก กรกมลหัวเราะคิกคักชอบใจ ผู้ชายคนนี้มีอารมณ์ขันด้วย ปกติเห็นแต่ทำหน้านิ่งๆเดินคอตั้งราวกับนางพญา
" หิ่งห้อยตัวน้อยผู้น่าสงสาร พยายามกระพือปีกเพื่อเปล่งแสงสวยงาม อันน้อยนิด ไร้ค่า จะมีใครไหนเล่าที่จะสนใจ ไม่ว่าจะเป็นนักเดินทาง พ่อค้า นักเดินเรือ
ในค่ำคืนยามราตรี ก็จะมีดวงดาราและดวงจันทราสุกสกาวอยู่บนท้องฟ้า แต่หิ่งห้อยตัวน้อยก็พยายามเปล่งแสงเรืองรองอยู่แบบนั้น จนกว่ามันจะได้พบรักแท้ที่จะต้องแลกด้วยชีวีติ " กรกมลอดคิดเปรียบตัวเองไม่ได้ เธอไม่ได้สวยน่ารักแบบ อรบุษย์ สวยเซ็กซี่แบบกชรัศมิ์และอ่อนหวาน เรียบร้อยสมกุลสตรีไทยเหมือนกานดา ญาติลูกพี่ลูกน้องทั้งหลาย
ที่สวยน่ารักกันทุกคน ยกเว้นเธอคนเดียวที่หน้าตาไม่ได้เรื่อง แต่งกายก็เชยๆๆ หน้าตาก็ไม่แต่งอะไร วันๆอยู่แต่ร้านกาแฟ หรือไม่ก็ไปร้านหนังสือนั่นละ ผู้ชายที่เข้ามาหาเธอส่วนมากแค่เข้ามาขอให้เป็นแม่สื่อ กามเทพ ไม่มีใครคิดมาจีบเธอสักคนหรอก สาเหตุคงมาจาก ผู้หญิงไร้หัวใจ ดังก้องในหัวตลอดเวลา ทำให้เธอไม่กล้าเปิดหัวใจต้อนรับใครสักคน
"รักแท้"ชายหนุ่มพูดขึ้นลอยๆๆ
"แสงที่หิ่งห้อยส่องสว่างออกมาเป็นสิ่งที่ดึงดูดคู่ของมัน ให้ตามหากันจนเจอ เป็นสัญญาณที่รู้กันเพียงสองคนเท่านั้น เมื่อพบรักกันแล้ว หิ่งห้อยก็จะเปล่งแสงอยู่อย่างนั้นเพื่อไม่ให้ต้องพลัดพลากจากกันอีก"
"ก็ชีวิตฉันยังว่างเปล่า ไม่มีคนเข้าใจ ฉันต้องการแค่ใครสักคน
ใครสักคนที่เป็นทุกอย่าง ให้ความหวังและคอยห่วงใยทุกวัน
ใครที่คอยจะอยู่เคียงข้างกัน ที่จะพร้อมให้ความผูกพันจริงใจ
ใครสักคนที่เป็นคนพิเศษ ช่วยให้เหงาที่มีจางหายไป
ช่วยเป็นแสงสว่างให้หัวใจ “
ตอน เรื่องบังเอิญหรือว่าพรหมลิขิต
"ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ที่ฉันต้องทนกับทุกสิ่ง
ปิดปังความจริงในใจทุกอย่าง
ทุกครั้งที่เราพบกัน ทุกครั้งที่เธอหันมา
ที่ฉันเฉยๆ รู้มั้ยฉันฝืนแค่ไหน
ได้ยินไหม หัวใจฉัน มันกำลังบอกรัก รักเธออยู่
แต่ฉันไม่อาจ จะเปิดเผยใจออกไป ให้ได้รู้"
ไม่รู้ว่าวันเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ก็ไม่รู้ กรกมลรู้แต่ว่า ชายหนุ่มคนนั้น มักจะเข้าร้านกาแฟบ่อยขึ้น ทุกเวลา 10 โมงเช้า บ่ายสองกว่าๆและหกโมงเย็นหลังเลิกงาน เธอมักจะพบเขาตลอดเวลาช่วงนี้
ท่าทางหยิ่ง ยโส ใบหน้าหล่อๆเรียบเฉย นัยน์ตาสีดำขลับนิ่งสงบเยือกเย็น หล่อ เริ่ด เชิด หยิ่ง นี่นิยามจำกัดความของชายหนุ่มหน้าตาดี ที่พนักงานในร้านกาแฟตั้งให้ น่าสงสารสาวๆสวยๆในร้านกาแฟที่ถูกชายหนุ่มคนนี้เมินเฉย จนหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ
"วันนี้จะดื่มกาแฟอะไรดีคะ"กรกมลก้มหน้าถามชายหนุ่มที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ริมสระบัวที่เธอเป็นคนลงมือปลูกเอง
"ผมขอลาเต้ก็แล้วกันนะครับ"
"คะ กาแฟลาเต้แก้วหนึ่ง เค้กชาเขียวเพิ่มไหมคะ"
"ผมขอเป็นเค้กกล้วยหอมก็แล้วกันนะครับ"
"ได้คะกรุณารอสักครู่"หญิงสาวบอกก่อนจะหมุนร่าง เดินไปชงกาแฟให้ชายหนุ่ม ริมฝีปากบางยิ้มยั่วกวนประสาทให้อุมาพร กับกาญจนา ที่มองมาที่ตัวเธอเป็นจุดเดียวกัน ช่วยไม่ได้นะคะเรื่องนี้ คนที่มั่นใจตัวเองว่าสวย น่ารัก เป็นขวัญใจหนุ่มๆแถวนี้กลับตกกระป๋อง หน้าแตกหมอไม่รับเย็บเพราะธารนธีไม่สนใจ โดยเฉพาะอุมาพร ยิ้มหวานก็แล้ว ส่งสายตาทอดสะพานก็แล้ว เขาก็ไม่ยอมเดินเข้ามาหา งานนี้คนสวยต้องพิจารณาตัวเอง
อยากหัวเราะเป็นภาษาต่างด้าวจริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ55555มีความสุข
"ชอบดื่มกาแฟหรือคะ"กรกมลถาม
"ครับโดยเฉพาะกาแฟสดนะครับ"ธารนธีตอบ
"รสชาติเป็นอย่างไรบ้างคะ"
"อร่อยดีครับ "
"เมล็ดกาแฟที่เราใช้ชงมาจากภูธารา "
"ภูธารา "คิ้วเข้มขมวดหากันทันที
"คะ ภูธาราเป็นแหล่งที่ผลิตเมล็ดกาแฟอะราบิก้า คุณภาพเยี่ยมที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก แม้แต่ชาเขียวเราก็นำเข้ามาจากภูธาราเช่นกัน ถ้าชอบดื่มกาแฟสดลองแวะไปที่ภูธาราสิคะ "
"ภูธารา"
"ภูธารา ประเทศคีรีธารา คุณเคยได้ยินชื่อไหมคะ" กรกมลถามชายหนุ่มที่นั่งจิบกาแฟ อยู่เงียบๆ ใบหน้าหล่อๆเรียบเฉย "ที่นั่นสวยมากนะคะ "
"คุณเคยไปมาหรือครับ ประเทศคีรีธารานะ"เขาถาม หญิงสาวที่เท้าคางมองเขาดื่มกาแฟ ประเทศคีรีธาราเป็นประเทศเล็กๆที่ปกคลุมไปด้วยภูเขา อยู่ติดกับประเทศอินเดีย และ ประเทศจีน ขึ้นชื่อว่าดินแดนแห่งขุนเขาและสายน้ำโดยเฉพาะทางเหนือ ภูธารา อ้อมกอดภูเขา แหล่งผลิต ชา กาแฟ ที่สำคัญ
"พนักงานร้านกาแฟอย่างฉัน นี่นะ ไม่มีปัญญาไปต่างประเทศหรอกคะ ถ้าไปกัมพูชาก็ว่าไปอย่างนะ ก็ต่างประเทศเหมือนกันเนอะ"
กรกมลแกล้งพูด ตากลมโตสีน้ำตาลเข้มแอบมองชายหนุ่มที่กำลังหรี่ตามองมายังเธอราวกับจะจับผิดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่พูดอะไร
"คุณทำงานที่ตึกนี้หรือคะ"
"หึ" ตายแล้วนี่เธอถามอะไรงี่เง่าจังเลย ถ้าเขาไม่ทำงานที่นี่แล้วจะไปทำงานที่ไหนละ ถามอะไรไปนี่ กรกมล ภัทรโยธิน
"ครับ" ธารนธีอยากจะขำ เขากับเธอเจอกันตั้งหลายครั้งแล้ว กรกมลไม่เคยถามอะไรเกี่ยวกับประวัติของเขาสักอย่าง แม้แต่ชื่อเขาเธอคงยังไม่รู้ด้วยซ้ำมั้ง ผู้หญิงคนนี้แปลกมากๆๆๆเธอพูดคุยกับเขาโดยไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร นอกจากลูกค้าร้านกาแฟ
"ขอโทษนะคะ ทำงานอะไรคะ"
ธารนธีเงยหน้าขึ้นมามอง คิ้วเข้มเลิกขึ้น ริมฝีปากบางสีแดงสดอมยิ้มนิดๆๆ นัยน์ตาสีดำขลับระยิบระยับแพรวพราว
"คุณละทำงานที่ร้านกาแฟมานานแล้วหรือครับ" ชายหนุ่มไม่ตอบกลับถามกลับคืน อีตาบ้าไม่ตอบคำถามแล้วยังมีหน้ามาถามกลับคืนอีกนะ กลัวเขาจะรู้ประวัติหรืองัยนะ
"ประมาณห้าเดือน พอๆๆที่รู้จักกับคุณนั่นละมั้ง" นัยน์ตาสีดำทอดมองมาอ่อนโยน ปนอ่อนหวาน เหมือนเคยเจอที่ไหนนะ
"เหลอครับ เร็วจังเลย"
"นี่ตัวเอง"
"หึ"ชายหนุ่มหันมามอง ริมฝีปากบางยิ้มอ่อนๆ
"ไม่มีอะไรคะ ขอตัวก่อนนะคะ" นี่เธอเป็นอะไรทำไมจู่ๆก็รู้สึก เหมือนจะเป็นไข้ ใบหน้าร้อนวูบวาบ อาการแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน
กรกมลวิ่งหนีเข้าหลังร้านทันทีท่ามกลางสายตาที่มองมาอย่าง ไม่เข้าใจของอุมาพร กับ กาญจนาว่าเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวและชายหนุ่มสุดหล่อ แต่แน่ๆๆที่พวกเธอได้ยินนั่นก็คือ
" ช่วยด้วยคะ พี่กุ้งนางเลือดกำเดาไหล "
ตั้งแต่วันที่เลือดกำเดาไหล กรกมลไม่กล้าเข้าไปใกล้ธารนธีอีกเลย เวลาเขามาที่ร้านเธอจะหลบอยู่หลังร้าน คอยแอบมองเขาผ่านกระจกทุกครั้ง เวลาเจอกันตรงทางเดินก็ก้มหน้างุดแล้ววิ่งหนี นี่เธอเป็นอะไรไปนะ ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ ทำไมเวลาเจอหน้าเขาจะต้องสั่น ตื่นเต้น หน้าแดง ปากสั่น แต่ก่อนไม่เคยเป็นแบบนี่นี่หนา
หรือว่ากรกมลจะตกหลุมรักชายหนุ่มเข้าให้แล้ว ไม่จริงใช่ไหม สุภาพเรียบร้อย พูดจาอ่อนหวาน คอยเป็นห่วงใย
"น้องที่ชอบมัดผมเฉียง ที่มักสวมชุดสีฟ้าไม่อยู่หรือครับ" นี่คือคำพูดที่ธารนธีมักเรียกเธอ น้องมัดผมเฉียง
เวลาไม่เห็นหน้ามักจะถามหา เวลาไม่พบเจอจะคอยชะเง้อมองหา เวลาเจอหน้าชายหนุ่มจะรีบปรี่เดินเข้ามาหา
"สวัสดีครับ"นี่เป็นคำพูดคำเดียวที่ธารนธีมักใช้กับเธอเวลาเจอกัน (คำเดียวจริงๆไม่มีคำพูดอื่นเลยนอก “สวัสดีครับ” )
"ได้ยินไหม หัวใจฉันมันกำลังบอกรักเธออยู่
แต่ฉันไม่อาจ จะเปิดเผยใจออกไป ให้ใครได้รู้
ได้ยินไหมหัวใจฉันยังคอยอยู่ตรงนั้น



ณัฏฐกมล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 เม.ย. 2555, 20:56:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 เม.ย. 2555, 20:56:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 1257





<< ประเทศคีรีธารา   การเดินทางของหัวใจ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account