รอยร่างรางรัก
หญิงสาวคนหนึ่งกลายเป็นวิญญาณไร้ร่าง ส่วนอีกคนต้องติดอยู่ในร่างที่ไม่ใช่ตัวเธอเอง โดยมีเบื้องหลังอยู่ที่ความปรารถนาอันแรงกล้าของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง

รอยร่างแห่งรักจะนำพาเธอทั้งหมดไปลงเอยที่ใด

ตีพิมพ์ในชื่อ "ลิขิตร่างพรางรัก"
Tags: วิญญาณ ดวงจิต สลับร่าง

ตอน: ตอนที่ 15

หญิงสาวในร่างของอวิกาตื่นลืมตาขึ้นมาพร้อมความรู้สึกปวดแปลบที่ข้อมือข้างซ้าย มือและแขนข้างนั้นสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้น ของเหลวที่เปรอะอยู่นั้นข้นเหนียว เธอเอื้อมมือขวาไปดึงโซ่โคมไฟบนตู้หัวเตียงทันทีก่อนยกแขนซ้ายขึ้นมอง

เลือดเกรอะกรังไปทั่วข้อมือและท่อนแขนข้างนั้น ทั้งยังนองเปียกทั่วเตียง ของเหลวข้นสีเข้มยังคงทะลักออกทางแผลลึกที่ข้อมือไม่หยุด

กรี๊ด...หญิงสาวกรีดร้องออกมาสุดเสียง ก่อนจะผวาตื่นขึ้นบนเตียงในห้องนอนที่เธอเริ่มจะคุ้นเคย ไม่แปลกใจเลยที่ไม่นานนักจะได้ยินเสียงเคาะประตูและเอ่ยเรียกเบา ๆ

“เพชร เป็นอะไรรึเปล่าลูก”

หากเป็นเวลาปกติเธอคงจะส่งเสียงตอบกลับไปว่าไม่มีอะไร แต่ในภาวะที่ใจคอไม่สู้ดีแบบนี้ การมีใครสักคนที่ตื่นอยู่คงช่วยยืนยันได้ว่าสิ่งที่เห็นเป็นเพียงแค่ฝันร้าย

ก้าวลงจากเตียงไปเปิดประตูก็ได้เห็นหน้าสุนันทาที่คงได้ยินเสียงร้องอย่างตกใจของลูกสาวจึงตื่นขึ้นมาดู

“แม่ได้ยินเพชรร้องเสียงดังเชียว ฝันร้ายเหรอลูก”

“ค่ะแม่”

ปฏิกิริยาของผู้ให้กำเนิดคือตรงเข้ามาหาบุตรสาว ลูบศีรษะเบา ๆ อย่างปลอบประโลม

“ดูสิ เหงื่อชุ่มไปหมด ไปล้างหน้าล้างตาหน่อยไหมลูก เดี๋ยวแม่ลงไปรินน้ำเย็น ๆ ให้”

“ไม่เป็นไรคะ แค่ล้างหน้าก็คงหาย แม่ไปนอนเถอะค่ะ”

“แน่ใจนะลูก”

“ค่ะ...คงแค่ฝันร้ายเพราะเรื่องนั้น”

สุนันทนาถอนใจหนักหน่วง “อุบัติเหตุ...ถือซะว่าฟาดเคราะห์นะลูกนะ ถ้าไม่สบายใจก็ลองสวดมนต์ นั่งสมาธิอย่างที่เคยทำสิจ๊ะ จะได้รู้สึกดีขึ้น”

“ค่ะแม่” หญิงสาวรับคำ เมื่อหายตื่นกลัวก็เริ่มรู้สึกว่าหญิงวัยกลางคนห่วงเกินกว่าเหตุ “แค่ฝันเท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต”

หญิงกลางคนพยักหน้าอย่างเบาใจก่อนจะเดินออกจากห้องนอนของลูกสาว หญิงในร่างอวิกาเดินไปหยุดยืนหน้ากระจกมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจก

บ้านหลังนี้ไม่ได้ใหญ่โตอย่างที่เธอใฝ่ฝันจะมี แต่ก็เป็นบ้านที่สภาพดีกว่าบ้านหลังที่เธออาศัยอยู่ ครอบครัวนี้ไม่ใช่ครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย แต่ก็ยังเหนือกว่าเธอ สุนันทาและมโนเชาว์ก็เป็นพ่อแม่ที่ดี การมีน้องชายไม่ใช่เรื่องที่เธอคุ้นเคยแต่อาศิสก็ดูไม่เหมือนเด็กที่ชอบสร้างปัญหา ไหนจะเรื่องชนวิทอีก

อวิกาเหนือกว่าเธอทุกอย่าง...โลกนี้ยังมีความยุติธรรมอยู่อีกเหรอ

ชั่วขณะที่ความห่วงใยของสุนันทาเหมือนจะซึมเข้าไปในใจของหญิงสาว...ชั่วขณะที่ความระลึกถึงผู้ให้กำเนิดที่แท้จริงของตัวทำให้เธอรู้สึกไหววูบในใจ

หากสุดท้ายอารมณ์โกรธเกลียดดูจะชนะความอ่อนไหวใด ๆ และความเกลียดชังเจ้าของร่างทวีขึ้นเท่าไหร่ หญิงสาวก็ยิ่งร้อนรนใจเท่านั้นและสิ่งที่เกิดขึ้นในใจก็เหมือนวังวนที่ไม่จบสิ้น สุดท้ายความผิดก็เป็นของอวิกา...ถ้าไม่เพราะอวิกาเข้ามาแย่งชนวิทไป เรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้

เธอริษยา ชิงชังเจ้าของร่างหากก็ยังต้องอยู่ในร่างนี้ต่อไป ทิ้งเรื่องราวของตนเองเอาไว้เบื้องหลัง หญิงสาวมองไปรอบตัว บอกลมแล้งหวังจะให้เจ้าของร่างนี้ได้รับรู้ความต้องการของตน

การตัดสินใจของฉันมันอาจจะโง่ แต่อย่างน้อยฉันก็ได้พี่ชนกลับมา ฉันหวังจริง ๆ ว่าวิญญาณของเธอจะยังอยู่ จะได้ทุกข์ทรมานที่ได้เห็นฉันกับพี่ชนมีความสุขกันอย่างที่เธอเคยมี ฉันเกลียดเธอ...อยากให้เธอเจ็บปวดทรมานใจที่สุดรู้ไว้ด้วย



หญิงสาวเจ้าของร่างเหมือนจะรับรู้ถึงอารมณ์กราดเกรี้ยวของผู้ที่ยึดครองร่างตนอยู่ เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาบนเตียง เนื้อตัวเปียกชื้นเหงื่อ อวิกาฝันร้าย...ฝันว่าเธอ...ร่างในชุดนอนสีขาวเบาบางอย่างที่อวิกาไม่เคยสวมใส่อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มมากหน้าภายในงานเลี้ยงอันอึกทึก ชายหนุ่มแต่ละคนปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเผยแผงอกแกร่ง ต่างตรงเข้ามาสัมผัสเรือนร่างของเธอด้วยอารมณ์ปรารถนา บ้างจรดปลายจมูกเบียดขยี้ลงบนลำคองามระหง บ้างก็วางสองมือลงกับบั้นเอวของเธอแล้วลูบไล้รุนแรง

อวิกาในฝันหันมามองราวกับรู้ว่ามีอวิกาอีกคนคอยจับตามองอยู่ ดวงตาดำนั้นสื่อแววสมเพชเวทนา ริมฝีปากแสยะอย่างเหยียดหยัน ชายคนที่อวิกาในภาพฝันหยุดยืนอยู่ตรงหน้าตอนนี้คือชนวิท เธอเบียดแผ่นหลังเข้ากับแผงอกของเขาขณะที่สายตายังคงมองมาอย่างท้าทาย ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงศีรษะของชายหนุ่มลงมา จุมพิตดูดดื่ม

เธอจำไม่ได้ว่าตนส่งเสียงร้องห้ามออกมาหรือไม่กระทั่งมีเสียงเคาะประตูเบา ๆ จึงค่อยทบทวนและรู้สึกตัวว่าตนเผลอร้องห้ามเสียงหลงก่อนจะตกใจตื่น

“คุณเพชรครับ”

อวิกาก้าวลงจากเตียงเดินไปเปิดสวิตซ์ไฟภายในห้องสำรวจร่างกายในชุดนอนเสื้อยืด กางเกงขาสี่ส่วนของสลิลา แง้มเปิดประตูห้องเพียงเล็กน้อย ร่างสูงหน้าห้องนั้นทำท่าเหมือนจะขยับเข้าก้าวเข้ามาแต่แล้วกลับชะงักก่อนจะถอยออกไปยืนเว้นระยะจากประตูพอสมควร

“ผมได้ยินเสียงร้อง”

“ฉันฝันร้ายค่ะ ขอโทษนะคะ ที่ทำให้ตกใจ”

“ไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรงก็ดีแล้วครับ”

เขาขยับจะก้าวหันหลังกลับแต่แล้วเสียงบางอย่างก็ดังขึ้นมาจากช่องท้องเสียก่อน ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนเอ่ย

“สงสัยท้องผมจะชินกับอาหารมื้อดึกซะแล้ว พอไม่ได้กินเลยร้องประท้วง”

“คุณเมฆอยากทานอะไรไหมคะ เดี๋ยวฉันลงไปทำให้”

“อย่าเลยครับ ผมแค่ลงไปหานมดื่มสักกล่องก็คงอยู่ท้อง ขืนกินมื้อดึกทุกวันต้องแย่แน่”

เขาเอ่ยก่อนจะเดินผละจากหน้าห้องนอนของน้องสาวไป อวิกายืนมองตามชั่วครู่หนึ่งก่อนจะค่อยดันประตูปิด เมื่ออยู่เพียงลำพังสิ่งที่เห็นในความฝันก็เหมือนจะปรากฏซ้ำขึ้นในใจอีกครั้ง

เธอมั่นใจตัวเองว่าจะถนอมร่างกายที่ไม่ใช่ของตนนี้เป็นอย่างดี แม้จะไม่แน่ใจว่าเจ้าของร่างที่แท้จริงจะได้กลับเข้ามาอีกหรือไม่ แต่กับคนที่เธอมีเจตนาจะยึดร่างกายของเธอไว้คนนั้นเล่า

ความคิดนี้รบกวนจิตใจอวิกา ยิ่งคิดถึงเรื่องที่อาศิสส่งข้อความมาบอกข่าวด้วยแล้วยิ่งทำให้หวั่นในใจ

ผู้หญิงคนนั้นต้องการใกล้ชิดชนวิท แต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันแน่...แล้วมีความสัมพันธ์อย่างไรกับคนรักของเธอ คำตอบเหมือนจะแวบผ่านเข้ามาในห้วงความคิด

คนรักเก่า...คนรักเก่าของชนวิทสักคนหนึ่งที่ไม่ยอมยุติความสัมพันธ์กับชายหนุ่ม แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมเธอไม่เคยระแคะระคายเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย และเขาก็ไม่เคยเอ่ยถึงเลยแม้แต่ครั้งเดียว

อวิกาคิดแล้วกลับหลังไปจับลูกบิดประตูอีกครั้ง แง้มเปิดเบา ๆ ทันเห็นพารินธรก้าวลงบันไดไว ๆ ค่อยสาวเท้าตามไปแล้วหยุดยืนอยู่หัวบันไดอย่างลังเล เพียงชั่วขณะที่ตัดใจหมุนตัวเดินกลับไปที่ห้องนอน เสียงเรียกจากชั้นหนึ่งก็ดังขึ้นทันที

“คุณเพชร”

หญิงสาวหันกลับไปทางบันได รอร่างสูงที่เดินขึ้นมาจากชั้นล่างมือทั้งสองข้างถือนมไว้ข้างละกล่อง

“กำลังคิดว่า คุณอาจจะอยากดื่มอะไรสักหน่อย เผื่อจะได้รู้สึกดีขึ้น”

“ขอบคุณค่ะ...แต่ฉัน...ดื่มนมทีไรท้องเสียทุกที”

"ยัยฝนไม่เคยเป็นนะครับ รายนั้นดื่มนมเก่งซะด้วยไม่เคยมีปัญหาอะไร"

"จริงด้วยสินะคะ ตอนนี้ฉันอยู่ในร่างคุณฝน"

อวิกาฝืนยิ้มเอื้อมมือไปรับกล่องนมจากมือชายหนุ่ม ตั้งท่าจะเดินกลับห้องแต่แล้วต้องชะงักอีกครั้ง

“ผมยังยืนยันนะครับ ว่ายินดีที่จะเป็นที่ปรึกษา หรืออย่างน้อยเป็นที่ระบายความไม่สบายใจให้คุณ”

“ฉัน...” เธอลังเลอยู่เพียงครู่ ก่อนตัดสินใจถามความเห็น “ฉันอยากรู้ว่าถ้าคุณเมฆเลิกกับใครสักคน แต่คนคนนั้นยังไม่ยอมเลิกรากับคุณเมฆ คุณเมฆคิดจะคบหาคนอื่นไหมคะ”

เขาครุ่นคิดเพียงครู่ มองเธอนิ่งแน่วแน่

“เรื่องแบบนี้มันตอบไม่ได้หรอกนะครับ ถ้าผมได้พบกับคนที่ถูกใจและคิดว่าใช่ ผมก็พร้อมที่จะหยุดทุกอย่าง และเริ่มต้นกับผู้หญิงคนนั้น”

“ทั้งที่กับคนที่เลิกรากันก็ยังคลุมเครืออยู่อย่างนั้นเหรอคะ”

“ครับ”

“แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นคุณเมฆคิดจะเล่าเรื่องของผู้หญิงคนเก่าให้คนใหม่ฟังไหมคะ”

“ถ้าคุณเพชรถามผม ในฐานะที่เป็นผม ผมคงยินดีที่จะเล่าให้คนที่ผมคิดจะจริงจังด้วยฟังนะครับ ว่าผมผ่านอะไรมาบ้าง แต่บังเอิญว่าที่ผ่านมาผมไม่ได้คบหาใครจริงจังขนาดที่จะให้ความแน่ใจกับคุณเพชรได้ อีกอย่างผู้ชายแต่ละคนอาจจะคิดไม่เหมือนกันก็ได้...แต่ถ้าเป็นคนรักของคุณเพชรผมคงตอบแทนเขาไม่ได้”

ประโยคท้ายนั้นน้ำเสียงของเขาฟังแปร่งหูเล็กน้อย หากหญิงสาวซึ่งหวังได้ระบายอะไรให้ใครฟังรู้สึกว่าได้พูดความในใจ ทั้งยังได้ฟังความเห็นในมุมของผู้ชายคนหนึ่งจากพารินธรจึงไม่ซักอะไรต่อเพียงแต่กล่าวคำขอบคุณกับเขาก่อนเอ่ยราตรีสวัสดิ์

“ราตรีสวัสดิ์ครับ”

มีแววบางอย่างในน้ำเสียงนั้น ที่ทำให้อวิกาซึ่งเดินถือกล่องนมกลับไปที่ห้องรู้สึกมั่นใจขึ้นมาได้ว่าค่ำคืนของเธอจะผ่านไปด้วยดี และหลังจากดื่มนมสดกล่องนั้นแล้ว เธอก็สามารถข่มตาหลับลงได้ง่ายดายกว่าที่คิด



วงศ์วรัณแต่งตัว สวมเสื้อผ้าชุดเก่งซึ่งเป็นเสื้อยืดสีอ่อน กางเกงยีนดูซีดเก่า ตลอดเวลาที่ออกจากห้องน้ำมาด้วยผ้าเช็ดตัวพันกายเพียงผืนเดียวเขาคอยจับตามองไปรอบห้องอยู่ตลอด แต่สลิลาไม่มาปรากฏตัวให้เห็น กระทั่งเขาขับออกจากบ้านในช่วงสายหญิงสาวก็ไม่โผล่มานั่งข้าง ๆ ให้ตกใจอย่างทุกครั้ง

“ฝน”

ชายหนุ่มลองเอ่ยเรียกเมื่อรถติดสัญญาณไฟแดงอยู่ที่แยกหนึ่ง แต่ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดเกิดขึ้นในห้องโดยสาร วงศ์วรัณจึงตัดสินใจเลี้ยงรถไปอีกทางหนึ่งเมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว เขาจอดรถหน้าบ้านหลังที่เคยมาเยี่ยมเยือนบ่อยครั้ง กดกริ่งที่รั้วใหญ่ไม่นานร่างของสลิลาก็เดินออกมายืนที่หน้าตัวบ้าน หนุ่มผิวเข้มกลับขึ้นรถขับเข้าไปจอดภายในเขตรั้วเมื่อประตูใหญ่ค่อยเลื่อนเปิดออกด้วยระบบอัตโนมัติ

เมื่อก้าวเข้าไปในตัวบ้านหญิงสาวผิวขาวผู้มีใบหน้ารูปหัวใจก็ส่งยิ้มให้ เป็นยิ้มในแบบที่เขาไม่เคยคุ้นจากเธอเท่าใดนัก สลิลากับรอยยิ้มที่อ่อนหวาน ไม่ใช่ภาพจำของวงศ์วรัณสักนิด

“คุณว่าน มีธุระอะไรเหรอคะ หรือว่าคิดวิธีที่จะทำให้คุณฝนกลับเข้ามาในร่างนี้ได้แล้ว”

“อ้าว...แล้วฝน ไม่อยู่เหรอครับ”

รอยยิ้มอ่อนเลือนจากใบหน้าของอวิกา คิ้วขมวดอย่างสงสัย

“ฉันก็นึกว่าคุณฝนจะไปรบเร้าให้คุณว่านช่วยคิดวิธีให้เสียอีก ตั้งแต่ตื่นมา ฉันก็ยังไม่เห็นคุณฝนเหมือนกันค่ะ” อวิกาเอ่ยตอบ ดูลำบากใจเล็กน้อย “เมื่อเช้ามีคนโทร.เข้ามาเรื่องออกแบบเครื่องประดับด้วย ฉันได้แต่บอกว่าคงต้องรออาทิตย์หน้าถึงจะกลับไปรับงานได้ นี่ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะไปทำงานแทนคุณฝนได้ยังไง เพราะไม่เก่งศิลปะเลย”

วงศ์วรัณข้องใจที่สลิลาไม่อยู่ที่บ้านและยังไม่มาพบเขา หากสิ่งที่ได้ฟังจากอวิกาทำให้เขานึกถึงความเดือดเนื้อร้อนใจของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นสำคัญ

“งานของฝน เดี๋ยวผมลองดูให้ก็ได้ครับ ถ้าคุณเพชรไปฟังความต้องการของลูกค้าพร้อมกับฝน ผมว่าผมช่วยวาดแบบให้ได้ ส่วนเรื่องที่โรงเรียนยิ่งไม่ต้องห่วงเพราะฝนเขาสอนเด็ก ๆ เน้นให้เด็กกล้าวาด กล้าลงสี ช่วยลงเส้นนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่น่าจะยากเกินไปนัก”

หญิงสาวพยักหน้าเบา ๆ

“คุณว่านนั่งก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำกับขนมมาให้”

หญิงสาวเอ่ยแล้วไม่รอฟังคำท้วงเดินเข้าไปทางด้านหลังตัวบ้านทันที วงศ์วรัณใช้โอกาสนั้นมองไปโดยรอบเพื่อหาร่างที่มีเพียงเขาที่เห็นได้โดยที่เจ้าของร่างไม่ต้องใช้ความพยายาม หย่อนตัวลงนั่งแล้วเอ่ยเรียกเบา ๆ

“ฝนอยู่ไหม เราเป็นห่วงนะ อยู่แถวนี้รึเปล่า”

ภายในโถงรับแขกเงียบเชียบไม่มีสิ่งใดที่แสดงให้ชายหนุ่มรับรู้การมีตัวตนของสลิลาเลย



ในห้องครัว อวิกาเปิดตู้หยิบเอาแฮม แผ่นชีสและกล่องใส่ผักออกจากตู้เย็น หยิบถุงขนมปังจากบนตู้ลงมาวางที่โต๊ะเตรียมของก่อนเงยหน้าขึ้นมองร่างที่ตั้งใจปรากฏให้เธอเห็น นึกเสียใจกับคำแนะนำที่ตนให้กับสลิลาขณะที่วงศ์วรัณขับรถเข้ามาภายในบ้าน เธอกำลังพูดคุยกับเจ้าของร่างเรื่องการทำงานอยู่ก่อนหน้าที่ชายหนุ่มจะมากดกริ่งเรียก

“คุณว่านมาค่ะ”

“ทำไงดีคะ ฉันไม่อยากเจอเค้าตอนนี้”

“มีปัญหากันเหรอคะ”

“เปล่าค่ะ...คือ...คุณเพชรอย่าซักอะไรเลยนะคะ แต่ถ้าเขาเข้ามาในบ้านต้องเห็นฉันแน่ ๆ ทำไงดีคะ ฉันเคยลองพยายามทำให้เขามองไม่เห็นฉันแล้ว แต่ไม่สำเร็จ”

ตอนนั้นอวิกาได้แต่ยิ้มขันกับกิริยาของสลิลา บางสถานการณ์ก็เหมือนเส้นผมบังภูเขา ยิ่งกับคนที่ค่อนข้างจะร้อนอย่างสลิลาด้วยแล้วทางออกง่าย ๆ ก็อาจจะถูกมองข้าม

“แค่คุณฝนไปอยู่ห้องครัว คุณว่านก็คงมองไม่เห็นแล้วมั้งคะ ไม่เห็นต้องใช้ความพยายามทำให้คุณว่านมองไม่เห็นเลย”

สีหน้าของสลิลาแสดงออกเหมือนกับว่าอวิกาเพิ่งพูดอะไรที่มหัศจรรย์ที่สุดเท่าที่เคยฟัง ก่อนจะเดินฉับไปทางห้องครัวด้านหลัง

“ถ้านายว่านถาม คุณเพชรบอกว่าไม่เห็นฉันนะคะ”

เวลาจวนเจียนในตอนนั้นทำให้อวิกาไม่ทันได้ซักไซ้อะไรเพราะคล้อยหลังสลิลาที่เดินหลบเข้าครัว วงศ์วรัณก็เดินเข้ามาภายในชายคาบ้านพอดี ทว่าเมื่อมีเวลาสอบถามอวิกาก็อดไม่ได้

“คุณฝนไม่มีเรื่องอะไรกับคุณว่านแน่นะคะ”

หญิงสาวเอ่ยถาม แต่จนกระทั่งเธอจัดแจงวางแผ่นแฮม ชีส ผักกาดเขียวและมะเขือเทศลงบนขนมปังชนิดไร้ขอบ ประกบแล้วหั่นเป็นสามเหลี่ยมสองชิ้นเสร็จก็ไม่ได้คำตอบจากสลิลา

“ที่จริง...” สลิลาทำท่าจะตอบอะไรบางอย่าง แต่เมื่ออวิกามองสบตาอย่างจะฟังคำตอบจริงจัง ท่าทีนั้นก็เปลี่ยนไป “ฝนน่าจะไปดูบ้างว่าพ่อกับแม่ที่ไร่เป็นยังไงบ้าง คุณเพชรรับรองนายว่านไปนะคะ แล้วเรื่องงานเราค่อยมาช่วยกันคิดอีกทีว่าจะเอายังไง”

“คงไม่พ้นคุณว่านหรอกค่ะคุณฝน จะให้ฉันทำแบบเครื่องประดับไปส่งลูกค้าแทนคุณฝนฉันคงทำไม่ได้แน่ ไม่มีหัวทางนี้เลยสักนิด”

“อย่าเพิ่งพูดตอนนี้เลยค่ะ ฉันไปละ”

พูดจบร่างของสลิลาก็หายวับไปกับตา อวิกาจึงได้แต่ส่ายหน้าเล็กน้อย จัดแจงชงน้ำหวานกลิ่นครีมโซดาผสมด้วยน้ำโซดา จัดของที่เตรียมไว้ใส่ถาดไปรับรองแขก ซึ่งที่จริงไม่ได้ตั้งใจมาพบเธอแต่อยากเจอเจ้าของร่างตัวจริงมากกว่า



ไร่ทิพย์ทิวทัศน์ในช่วงวันทำงานมีแขกมาพักไม่มากเท่าช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ฐิติและวิจิตรสองสามีภรรยาจึงมักใช้เวลาไปกับการลงไร่คุมคนงานและลงมือทำงานในไร่เล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อควบคุมคุณภาพของผลผลิต ขณะที่ป้าทิพย์ของสลิลาก็คงง่วนกับการสั่งการและลงมือทำสินค้าแปรรูปจากผลผลิตในไร่ อาทัศน์มักจะใช้ช่วงที่ไม่มีแขกพักสำรวจสิ่งที่ต้องซ่อมแซมปรับปรุง รวมถึงดูแลความเรียบร้อยของพื้นที่ที่เตรียมไว้สำหรับให้คนมาเช่ากางเต็นท์นอน เนินหญ้าที่สลิลามักจะพาเพื่อน ๆ มากลางเต็นท์นอน

หญิงสาวยืนมองอาทัศน์สั่งการให้คนสวนเก็บกวาดใบไม้ที่ร่วงลงพื้นหญ้า คอยดูของที่อาจจะมีใครทำตกหล่นไว้และเป็นอันตรายกับคนที่มากางเต็นท์นอนในไร่คนอื่น ๆ ไม่มีใครสนใจว่าเธอยืนอยู่ตรงนี้เนิ่นนานเพียงใดแล้ว หรือจะพูดให้ถูกต้องบอกว่าไม่มีใครเห็นต่างหาก

สลิลาเดินตามฐิติและวิจิตรเข้าไร่ผลไม้ไปได้สักพัก เห็นพ่อแม่สบายดีทั้งคู่ก็เบาใจจึงค่อย ๆ เดินมายังลานกางเต็นท์แห่งนี้ แม้ว่าภาพที่เห็นตรงหน้าจะเป็นลานสนามหญ้าว่างเปล่าแต่ภาพในมโนสำนึกของหญิงสาวนั้น ชายหญิงหกคนกำลังช่วยกันกางเต๊นท์ขนาดนอนได้สามคนสองหลัง

ต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน มีการแซวกันไปมาโดยที่ชายหนุ่มร่างสูงผิวเข้ม มักจะทำหน้างงเป็นพักเหมือนตามคนอื่นไม่ค่อยทัน เมื่อมีโอกาสก็จะสะกิดถามเธอ หากบางครั้งใครคนหนึ่งก็จะอธิบายให้เขาฟังในทันทีในกรณีที่เธออยู่ใกล้เขา

จริณพร...มีใจให้วงศ์วรัณ

ความจริงที่เพิ่งได้ตระหนักจากการได้แอบสังเกตท่าทีของเพื่อนที่มองเธอไม่เห็นทำให้สลิลาซึ่งย้อนนึกไปทบทวนแล้ว แน่ใจว่านายทื่อนั้นไม่ได้ซื่ออยู่เพียงคนเดียว เพื่อนคนอื่นในกลุ่มก็ไม่ทันได้จับอาการของหนึ่งในกลุ่มเพื่อนหญิงที่มีต่อวงศ์วรัณเช่นกัน

ไม่แปลกมั้ง...ถ้าใครจะนึกเอ็นดูความซื่อของวงศ์วรัณ ไหนจะยังนิสัยชอบช่วยเหลือเพื่อนฝูงแบบไม่ต้องให้มีใครเอ่ยปากขออีก

แล้วเธอเองล่ะรู้สึกยังไงกับเพื่อนซื่อ ๆ คนนี้

คำตอบเหมือนจะปรากฏเกือบชัดเจนในใจ แต่ถึงตอนนี้คำตอบนั้นอาจจะเปล่าประโยชน์เสียแล้ว เธอจะล่องลอยไร้ร่างอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน และจะมีวันได้กลับไปเป็นสลิลาคนเดิมหรือไม่

สลิลาไม่อาจตอบได้และคงไม่มีใครที่จะตอบคำถามนี้ได้เช่นกัน

การไม่รู้อนาคตแน่นอนของตนอย่างนี้ทำให้หญิงสาวไม่อยากพบหน้าวงศ์วรัณ ไม่อยาก...จะคาดหวังว่าสักวันทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม



กมลภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 มี.ค. 2555, 23:06:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 มี.ค. 2555, 14:25:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 2639





<< ตอนที่ 14   
กมลภัทร 22 มี.ค. 2555, 23:11:13 น.
wane >>>> พี่เมฆอยากช่วย แต่ผลจะเป็นยังไงน้า ^^

fubuki >>>> 555 แบดบอยหน่อย ๆ นะพระเอกคนนี้

lovemuay >>>> ป้องกันเหตุอันไม่ควรเกิดไงครับ

pseudolife >>>> มีคำผิดให้เจอกันทุกตอน...รู้สึกว่าตัวเองเป็น กมลภัทร ของแท้ชอบกล

panon >>>> นั่นแหละครับปัญหาของพี่เมฆเขาล่ะ

ของขวัญ >>>> พระเอกร้าย...ก็โอเคอยู่นะครับ เห็นมีนางเอกร้ายเยอะเหมือนกันนิ

XaWarZd >>>> ค่อย ๆ มาแง้มทีละนิดละหน่อยครับ เกินครึ่งเรื่องมาหน่อยแล้ว

ใบบัวน่ารัก >>>> บางทีมันอาจจะไม่มีวิธีก็ได้นะครับ

น้องอุด้ง >>>> มาดูกันว่าพี่เมฆจะทำให้เรื่องไปทางไหนต่อ



lovemuay 23 มี.ค. 2555, 06:53:10 น.
ยัยฝนรู้ใจตัวเองซะแล้ว อิอิ
ส่วนยัยผีนี่ ท่าทางจะกรีดข้อมือฆ่าตัวตาย -*-


ตุ๊งแช่ 23 มี.ค. 2555, 09:09:56 น.
ไม่รู้จะลุ้นคู่ไหนดี อุปสรรค พี่อ่องเยอะจริง


panon 23 มี.ค. 2555, 09:50:46 น.
เอาล่ะเริ่มจะแย้มความจริงกันมานิดๆๆแย้ววววววววววว


ของขวัญ 23 มี.ค. 2555, 13:12:52 น.
ท่าทางว่าฝนจะเริ่มไม่แน่ใจความรู้สึกตัวเองหรือเปล่า


lookpud 23 มี.ค. 2555, 20:22:02 น.
ฝนเริ่มรู้ใจตัวเองแล้วสิ


wane 24 มี.ค. 2555, 07:19:47 น.
แต่ละคนเริ่มรู้ใจตนเอง ...แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ...เฮ้อ!น่าสงสาร


pseudolife 24 มี.ค. 2555, 09:02:54 น.
ตอนนี้อ่านแล้วปวดใจนิดๆ ชอบกล


น้องอุด้ง 26 มี.ค. 2555, 09:17:05 น.
ง่า..ค้างงงงงงงงงงงงงงง สงสารฝนจัง..


นกอุมาพร 28 มี.ค. 2555, 00:24:54 น.
ชุนละมุนวุ่นรัก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account