รอยร่างรางรัก
หญิงสาวคนหนึ่งกลายเป็นวิญญาณไร้ร่าง ส่วนอีกคนต้องติดอยู่ในร่างที่ไม่ใช่ตัวเธอเอง โดยมีเบื้องหลังอยู่ที่ความปรารถนาอันแรงกล้าของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง
รอยร่างแห่งรักจะนำพาเธอทั้งหมดไปลงเอยที่ใด
ตีพิมพ์ในชื่อ "ลิขิตร่างพรางรัก"
รอยร่างแห่งรักจะนำพาเธอทั้งหมดไปลงเอยที่ใด
ตีพิมพ์ในชื่อ "ลิขิตร่างพรางรัก"
Tags: วิญญาณ ดวงจิต สลับร่าง
ตอน: ตอนที่ 14
หลังจากที่พูดคุยกันอยู่พักใหญ่ วงศ์วรัณก็ขอตัวกลับ พารินธรและอวิกาจะแยกย้ายกันกลับห้องนอนแต่เสียงเตือนข้อความจากเครื่องมือสื่อสารของสลิลาดังขึ้นเสียก่อน เจ้าของเครื่องตัวจริงทำท่าจะขยับเข้ามาอ่านแต่อวิกาบอกว่าเป็นข้อความจากน้องชายของเธอเอง สลิลาหยุดยืนอยู่หากไม่วายอยากรู้
“น้องคุณเพชรส่งข้อความมาว่ายังไงคะ”
หญิงสาวซึ่งกดอ่านข้อความมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ก่อนเอ่ยตอบ “พีทส่งข้อความมาบอกว่า พี่ชนเพิ่งจะพาร่างของฉันกลับบ้านค่ะ คุณแม่บ่นใหญ่ที่ฉันเพิ่งจะหายก็ไปทำงานแถมยังกลับดึก แต่...”
“ทำไมคะ”
“เขา...ทำไม่สนใจที่แม่เตือน บอกว่าไม่เป็นอะไร” อวิกาตอบก่อนอธิบาย “ปกติฉันไม่เคยแย้งท่าน พีทบอกว่าแม่ดูเหมือนจะสงสัยอยู่นิดหน่อย”
สลิลาได้แต่ยืนนิ่ง พารินธรซึ่งรู้ดีว่าน้องสาวเห็นว่าการเอ่ยขัดมารดาเป็นเรื่องปกติจึงได้แต่ปลอบ
“คงไม่มีอะไรหรอกครับคุณเพชร ถ้าเขาอยากจะใช้ร่างคุณเพชร เป็นคุณเพชรอย่างสมบูรณ์เขาคงไม่กล้าทำอะไรหักหาญน้ำใจคุณแม่คุณเพชรมากนัก อาจจะแค่เผลอตัว” เขาเดินไปส่งน้องสาวที่หน้าห้องก่อนเอ่ย “คุณเพชรพักผ่อนนะครับ ถ้ายังไงไม่ต้องตื่นมาทำอาหารเช้าให้ผมก็ได้ ปกติผมก็ดื่มแค่กาแฟแก้วเดียวก่อนไปทำงานอยู่แล้ว”
อวิกาพยักหน้ารับคำก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องนอน สลิลาก้าวพรวดทะลุประตูไม้ไปก่อนที่ชายหนุ่มจะได้ท้วงว่าอวิกาอาจจะต้องการเวลาอยู่เพียงลำพัง เขาจึงทำได้เพียงแต่ส่ายหน้าให้กับนิสัยเอาแต่ใจของน้องสาว ยืนมองประตูห้องอยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินกลับไปทางห้องนอนของตัวเอง ครุ่นคิดหาทางช่วย...ทั้งน้องสาวของตนทั้งอวิกา และบางทีอาจจะเป็นการช่วยตัวเขาเองด้วยก็ได้
กลิ่นหอมของไข่ดาวและไส้กรอกเมื่อพารินธรก้าวออกจากห้องเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านในวันรุ่งขึ้น ‘น้องสาว’ ของเขาเดินออกจากครัวพร้อมกับจานอาหารเช้าพอดี เธอวางมันลงบนโต๊ะแล้วเอ่ยกับคนที่เพิ่งลงมา
“อาหารเช้า วันนี้ง่าย ๆ นะคะ ขนมปังกำลังปิ้งอยู่เดี๋ยวฉันเอามาให้ค่ะ”
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจอาหารในจานหรือขนมปังที่หญิงสาวพูดถึงเพราะสิ่งที่สะดุดใจเขาคือน้ำเสียงและสีหน้าที่ดูหม่นลงของน้องสาว จึงเอ่ยเรียกเมื่อเธอหันหลังกลับไปทางห้องครัว
“คุณเพชร”
“คะ”
“คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ ดูไม่ค่อยสดชื่นเลย”
หญิงสาวยิ้มฝืน แปลกตา...เพราะปกติน้องสาวของเขาไม่ใช่คนที่จะฝืนเก็บอารมณ์ใด ดีใจ เสียใจ โกรธ ก็แสดงออกมาตรง ๆ สลิลาที่ฝืนยิ้มแบบนี้ เขาไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง
“คุณเมฆคงเคยชินกับความสดใสของคุณฝนมั้งคะ ฉันไม่ใช่คนยิ้มเก่ง ร่าเริงเท่าไหร่”
“ผมอาจจะไม่รู้จักคุณดีพอก็จริง แต่เท่าที่ได้พูดคุยกัน ผมก็รู้ว่าคุณไม่ใช่คนอมทุกข์นะครับ ถ้าคุณมีเรื่องอะไรไม่สบายใจอยากจะเล่าให้ใครสักคนฟัง...”
“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ ฉันไปเอาขนมปังปิ้งมาให้นะคะ เดี๋ยวคุณจะไปทำงานสาย”
ไม่นานนัก อวิกาก็เดินออกจากครัวมาพร้อมกับขนมปังปิ้งและเนยสด หญิงสาวกำลังจะหันหลังเดินออกจากห้องอาหารแต่ชายหนุ่มเอ่ยเรียกเอาไว้
“คุณเพชรไม่ทานมื้อเช้าเหรอครับ”
“ฉันยังไม่หิวค่ะ ขอตัวนะคะ”
“เอ่อ...ถ้าไม่รังเกียจนั่งเป็นเพื่อนผมสักครู่ได้ไหมครับ ผมชอบมีเพื่อนคุยตอนทานอาหาร”
ชายหนุ่มมอง ‘น้องสาว’ ด้วยสายตาแน่วแน่ เขาไม่ได้สบตาน้องสาวตัวเองหากแต่สบตาหญิงสาวที่อยู่ในร่างของน้องสาว อวิกายอมนั่งลงบนเก้าอี้ตรงกันข้ามกับเขาในที่สุด
พนักงานจากบริษัทต่าง ๆ ภายในอาคารอินโก้พากันลงจากตึกมาหาร้านอาหารเพื่อรับประทานมื้อกลางวันในช่วงพัก ใกล้บ่ายก็ต่างทยอยกันกลับเข้าสู่ตัวตึก พารินธรซึ่งเดินทางมาถึงตั้งแต่ราวเที่ยงครึ่งจับตามองกลุ่มคนที่เข้ามาทีละกลุ่ม มองหาใบหน้าที่เขาเคยคุ้น...กระทั่งร่างของอวิกาเดินมาพร้อมกับชายคนหนึ่ง
ใบหน้าที่เขาเคยได้เห็นตอนซีดเซียวไร้เครื่องสำอางแต่งแต้มบัดนี้เติมสีสันให้ความรู้สึกว่าเธอเป็นหญิงสาวคล่องแคล่ว ปราดเปรียวขึ้นอย่างประหลาด ทว่าที่แปลกกว่าคือเขากลับจดจำใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอ่อน ๆ อย่างที่เคยเห็นมาหลายครั้งได้ชัดเจนยิ่งกว่า
ร่างสูงของพารินธรขยับเดินไปทางที่อวิกาและชนวิทก้าวเข้ามา ทำทีเป็นเร่งรีบจนไม่ทันมองว่าเธอกำลังก้าวเข้ามาภายในตัวอาคารในทิศทางตรงกันข้ามกับเขา
หญิงสาวร้องอย่างตกใจเมื่อชนปะทะเข้ากับร่างสูงใหญ่ของเขา ชายที่เดินมาข้างตัวรีบคว้าร่างของเธอไว้ทันทีพลางเอ่ยกับพารินธรน้ำเสียงเกือบจะตวาด
“นี่คุณ เดินระวังหน่อยสิ”
“ขอโทษครับ” ชายหนุ่มแสร้งมองหน้าอวิกา ซ้ำอีกครั้งก่อนจะเอ่ยเรียกอย่างระลึกได้ “คุณ...”
“คะ”
“คุณหายดีแล้วเหรอครับเนี่ย น้องสาวผมยังพักฟื้นอยู่ที่บ้านอยู่เลย คุณ...ที่ชื่อเพชรใช่ไหมครับ”
“ค่ะ”
“คุณคือ...”
“ผมเป็นพี่ชายของฝนครับ เคยไปเยี่ยมคุณแต่ตอนนั้นคุณยังไม่ฟื้น”
“อ๋อ...แล้วตอนนี้น้องสาวของคุณเป็นยังไงบ้างคะ”
“ดีขึ้นแล้วครับอาทิตย์หน้าคงไปทำงานแล้ว ไม่คิดว่าคุณฟื้นทีหลังแต่จะมาทำงานแล้ว” พารินธรเอ่ยตอบ แสดงท่าทางสนใจคู่สนทนาเป็นพิเศษ “ที่จริงคุณก็น่าจะพักต่ออีกสักหน่อยนะครับ จะได้แน่ใจว่าไม่เป็นอะไรแน่”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
แววตาของหญิงสาวเป็นประกายวูบขึ้นมาเล็กน้อย แต่ดวงตาของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเธอนั้นวาวโรจน์ด้วยความขุ่นเคือง
“คนรักของผมต้องรีบกลับขึ้นไปทำงาน ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เราสองคนขอตัวนะครับ”
พารินธรหันไปมองตามชนวิทที่ดึงร่างของคนรักเดินเข้าไปภายในตัวอาคาร รอ...จนกระทั่งหญิงสาวหันกลับมามองเขาเพียงชั่วสั้น ๆ จึงส่งยิ้มให้ก่อนหมุนตัวเดินกลับออกจากประตูอาคาร
หญิงสาวในร่างของอวิกากลับถึงหน้าห้องผู้บริหารก่อนเวลาที่เจ้านายจะรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ จึงมีเวลาเดินเข้าห้องน้ำพนักงานไปดูความเรียบร้อยของตน
ภาพสะท้อนในกระจกคือหญิงสาวใบหน้าเรียวรูปไข่ ผิวสีน้ำผึ้ง ดวงตาดำสนิท ผมสีดำยาวสลวย ทว่าเธอกลับนึกถึงใบหน้าของตนเอง ใบหน้าที่อ่อนวัยกว่าหญิงในกระจกเล็กน้อย ขาวเนียนกว่า ผมยาวประบ่านั้นดัดหยิกเล็กน้อยทำสีน้ำตาลประกายทอง
ผู้หญิงที่หน้าตาก็สะสวยแต่ไม่รู้จักแต่งหน้าแต่งตา แถมยังทำตัวจืดชืดอย่างเธอนี่น่ะเหรอ ที่พี่ชนเลือก ที่พี่ชนบอกว่าคิดจะจริงจัง
หญิงสาวบอกกับภาพสะท้อนในกระจกของตัวเอง ลูบไล้เรือนผมยาวดำนั้น นึกอยากจะดึงทึ้งให้สาใจแต่ก็รู้ดีว่าความเจ็บปวดจะตกกับตัวเองไม่ใช่เจ้าของเรือนร่าง ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน
เมื่อเติมเครื่องสำอางเสร็จหญิงสาวก็เดินกลับมานั่งประจำโต๊ะทำงาน เธอและอวิกาทำงานในแขนงเดียวกัน จึงทำให้เธอสามารถทำหน้าที่ของเจ้าของร่างได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของเธอดังขึ้น หญิงสาวยกหูขึ้นรับแล้วต้องขมวดคิ้วสงสัยเมื่อได้รับแจ้งจากพนักงานรับโทรศัพท์ว่ามีสายถึงเธอบอกว่ามาจากพี่ชาย
พี่ชาย...อวิกามีน้องชายไม่มีพี่
ด้วยความอยากรู้เธอจึงตอบรับสายเรียกนั้น พนักงานสาวปล่อยสายที่โทรเข้ามาให้เธอ เสียงชายหนุ่มปลายสายนั้นคุ้นหู แน่ล่ะ เธอเพิ่งจะได้ยินมันมาก่อนหน้าที่จะขึ้นมาทำงาน
“คุณ...”
“ผมเมฆครับ ยังไม่มีโอกาสได้แนะนำตัวกับคุณเลย”
“คุณเมฆ มีธุระอะไรกับฉันรึเปล่าคะ” หญิงสาวเอ่ยถาม แสร้งทำเป็นไม่รับรู้ว่าน้ำเสียงของเขานั้น...อ่อนละมุนเพียงใด “คงไม่ใช่เปลี่ยนใจจะเอาเรื่องที่ฉันทำให้น้องสาวคุณต้องเข้าโรงพยาบาลหรอกนะคะ”
“ผมดูเป็นคนใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอครับคุณเพชร”
“ก็...ไม่ทราบสิคะ ฉันไม่รู้จักคุณ” เธอว่า “แล้วคุณทราบได้ยังไงคะ ว่าฉันทำงานที่นี่”
“ผมอยากรู้จักคุณเพชร ดังนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยครับที่จะสืบหาว่าคุณเพชรทำงานที่ไหน” น้ำเสียงของเขาสื่อชัดว่าสนใจเธอจริงจัง “ว่าแต่คุณเพชรเถอะครับ ถ้ามีโอกาส...คุณเพชรอยากรู้จักผมให้มากขึ้นไหมครับ”
“คุณเมฆ” เธอทำทีเป็นตกใจ “คุณก็ทราบว่าฉันมีคนรักแล้วนะคะ ฉันขอตัวนะคะ ฉันต้องทำงาน”
เอ่ยจบก็วางโทรศัพท์ เบา...เช่นเดียวกับการทำน้ำเสียงเหมือนตำหนิเขา เพราะไม่ได้ตั้งใจจะตัดสัมพันธ์กับชายหนุ่มที่จะว่าไปแล้วก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อยคนนั้น
การทำงานในช่วงบ่ายยังคงดำเนินไปอย่างเป็นปกติสำหรับหญิงสาวที่หวังครอบครองร่างกายของอวิกา กระทั่งใกล้เวลาเลิกงานก็มีพนักงานส่งเอกสารมาพบเธอที่โต๊ะทำงาน หญิงสาวแคลงใจหากเซ็นชื่อรับซองเอกสารสีน้ำตาลนั้นเอาไว้ เมื่อแกะออกดูด้านในก็พบแผ่นพับแนะนำที่พักผ่อนไม่ไกลจากกรุงเทพนัก พร้อมกับกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่มีลายมืออ่านง่ายหากมองออกว่าเป็นของผู้ชายแนบมาด้วย
ผมมีสถานที่พักผ่อน เหมาะกับการพักฟื้น ถ้าคุณต้องการจะพาครอบครัวไปเที่ยว ไร่ทิพย์ทิวทัศน์ยินดีต้อนรับครับ
เขาลงท้ายด้วยหมายเลขโทรศัพท์และชื่อเล่น ซึ่งเธอไม่ลังเลที่จะบันทึกหมายเลขเอาไว้ในเครื่องโทรศัพท์ก่อนที่จะทำลายแผ่นกระดาษนั้นเพราะไม่ต้องการให้ใครรับรู้
หญิงสาวค่อย ๆ เปิดแผ่นพับแนะนำไร่พืชผลและที่พัก ไม่ไกลจากกรุงเทพซึ่งพารินธรส่งมาให้ บรรยากาศดี ที่พักมีตั้งแต่แบบตั้งเต๊นท์ไปจนถึงห้องพักสไตล์รีสอร์ทหรูหรา
ธุรกิจของครอบครัวนี้ไม่เบาเลย
ความคิดเปรียบเทียบชายหนุ่มที่แสดงท่าทางสนใจเธอกับชายคนรักผุดขึ้นมาทันที ชนวิทก็พอมีฐานะ...แต่ถ้าเทียบกับการมีไร่และรีสอร์ทใหญ่โตขนาดนี้ ต่อให้ได้รับเพียงปันผลจากหุ้นในบรรดาเครือญาติ พารินธรมีภาษีเหนือกว่าแน่
เสน่ห์...ชนวิทไม่ใช่ผู้ชายที่ดูไร้เสน่ห์ แต่เทียบกับพารินธรแล้ว รูปร่างที่ดูแกร่งกว่า สีผิวเข้ม ดึงดูดความสนใจของหญิงสาวทั่วไปได้มากกว่าชนวิทอยู่มาก
ถ้าคุณเจอฉันในร่างของฉันเอง คุณจะแสดงความสนใจฉันแบบนี้ไหมนะคุณเมฆ หรือว่าจะหลงเสน่ห์แบบจืดชืดของแม่นี่เขาอีกอย่างอย่างพี่ชน
ความรู้สึกยินดีที่ได้รับความสนใจจากชายหนุ่มที่มีเสน่ห์กับหญิงสาวและดูจะมีฐานะดีกว่าชายคนรักถูกแทนที่ด้วยความริษยาแทบจะในทันที
คุณเมฆคนนี้สนใจแม่อวิกา...ไม่ใช่เธอ
แต่ก็นั่นแหละ ตอนนี้คนที่อยู่ในร่างนี้คือเธอ ไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น
ร่างกายเนื้อตัวของเธอเป็นของฉันแล้ว และฉันจะทำยังไงกับมันก็ได้ เดี๋ยวสิ...นี่มันเป็นโอกาสไม่ใช่เหรอ โอกาสที่เธอจะได้แก้แค้นทั้งชนวิทและอวิกา
ถ้าชนวิทเห็นผู้หญิงคนนี้เป็นนางฟ้านางสวรรค์ จะเป็นยังไงล่ะ ถ้าเกิดว่าแม่เพชรคนนี้จะเปลี่ยนสภาพไปเป็นกรวด
แค่คิดก็สนุกแล้ว
สลิลาป้วนเปี้ยนอยู่ในร้านขายเสื้อของวงศ์วรัณตั้งแต่เช้า วันนี้พนักงานสาวโทรมาลางานเนื่องจากต้องพาแม่ที่ป่วยกะทันหันไปโรงพยาบาล หุ้นส่วนของเขาก็ต่างติดงานประจำ หญิงสาวคอยวิพากษ์วิจารณ์แบบเสื้อและสีสันที่ชายหนุ่มวาดลงบนกราฟฟิค แท็บเล็ต ชายหนุ่มปรับงานตามคำแนะนำแต่ก็ยังคงบันทึกไฟล์เอาไว้เผื่อให้ลูกค้าเลือก
“วันนี้ไม่ค่อยมีลูกค้าเลยเนอะ”
หญิงสาวว่าหลังจากที่มีลูกค้ากลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาเลือกเสื้อติดไม้ติดมือไปคนละตัวสองตัว
“วันธรรมดาก็แบบนี้แหละ นี่ก็ยังพอขายได้นะ เดี๋ยวเย็นกว่านี้ก็คงจะมีลูกค้ามากขึ้น” วงศ์วรัณเอ่ยขณะเก็บเงินลงในเครื่อง “ฝนมาแกร่วอยู่แบบนี้ไม่เบื่อเหรอ เราว่าจะไปร้านหนังสือ หาหนังสืออ่านเพิ่มเสียหน่อย บางทีอาจจะมีทฤษฎีอะไรน่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องของฝนก็ได้นะ”
สลิลาเบ้ปาก “ปลงแล้วล่ะ ถ้ามันจะเป็นแบบนี้ตลอดไปก็คงต้องยอมรับสภาพ”
“ไม่ได้นะ เราไม่ยอมหรอก”
“ไม่ยอมแล้วจะทำยังไงล่ะนายว่าน มีวิธีอะไรดี ๆ แนะนำหรือไงล่ะ คนที่อยู่ในร่างคุณเพชรก็นิ่ง ๆ ไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย ไม่มีพิรุธไม่ติดต่อใคร ก็ตั้งใจจะยึดร่างนั้นแล้ว จะให้ทำไงดีล่ะ ให้นายเอาปืนไปยิงร่างของฉันแล้วให้วิญญาณคุณเพชรหลุดออกมา ฉันจะได้กลับเข้าไปหรือไง”
วงศ์วรัณขยับจะอ้าปากแต่แล้วก็นิ่งไป เรื่องการทำให้เกิดอุบัติเหตุอีกครั้งแล้วได้กลับคืนร่าง คนที่รู้เห็นเรื่องนี้ลองปรึกษากันแล้ว ไม่มีใครเห็นด้วยเพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น การทำสมาธิก็ดูเหมือนจะไม่ได้ให้ผลอะไรเป็นพิเศษ สลิลานั้นทำได้ไม่นาน ส่วนอวิกาก็เพียงรู้สึกว่าจิตใจสงบเท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้ถอดจิต ย้ายวิญญาณได้แต่อย่างใด
“ชะตาของฉันอาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้ ฉันจะต้องกลายเป็นวิญญาณไม่มีร่างอย่างนี้ตลอดไป”
“แต่เราเห็นฝน” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างเชื่อมั่น “เราเชื่อว่ามันต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ทำให้เรามองเห็นฝนได้”
“นายดวงไม่ดีล่ะมั้ง ถึงมองเห็นวิญญาณได้” สลิลาว่า “ฉันก็ดวงไม่ดีเหมือนกันที่...”
คนที่กำลังลากปากกาไปบนแท็บเล็ตมองตอบสายตาของหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจ รอฟังสลิลากำลังจะพูดอะไรสักอย่างเป็นการอธิบายคำพูดของตน
“นายว่าที่ฉันต้องเป็นแบบนี้ถือว่าดวงดีไหมล่ะ ร่างก็โดนยึด แถมร่างของคนที่ยึดร่างฉันก็โดนยึดอีกทอด วุ่นวายหาทางแก้ไม่ได้แบบนี้น่ะ”
“นั่นสินะ”
การสนทนาระหว่างคนมีร่างกับคนไร้ร่าง ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงที่ดังลอดออกมาจากภายนอกหลังจากที่ประตูร้านถูกผลักเปิดเข้ามาพร้อมด้วยหญิงสาวคนหนึ่ง
“อ้าว...เจี๊ยบ”
จริณพรส่งยิ้มให้วงศ์วรัณขณะที่ก้าวเข้ามาภายในตัวร้านพร้อมด้วยถุงพลาสติกบรรจุขนมหลายชนิด
“วันนี้ประชุมออกแบบกระเป๋า เจ้านายให้กลับเร็ว เลยซื้อขนมมาฝาก”
วงศ์วรัณยิ้มตอบหญิงสาวที่เพิ่งก้าวเข้ามาในร้าน ขยับจะท้วงเมื่อเธอจะหย่อยตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเขาแต่เมื่อจริณพรนั่งลงไปเธอก็สามารถทับร่างโปร่งของสลิลาได้แทบในทันที
“ทำอะไรอยู่น่ะ ทำแบบเสื้อเหรอ”
“อืม”
ชายหนุ่มส่งเสียงรับคำ มองสลิลาที่ขยับลุกขึ้นยืนอย่างห่วงใย แต่ไม่อาจแสดงท่าทีผิดปกติให้คนที่มาเยี่ยมเยือนสังเกตเห็นได้
“ไหนขอดูหน่อย เผื่อมีแบบไหนอยากสั่งให้ทำพิเศษให้สักตัว”
“เจี๊ยบก็วาดได้นี่”
“เรื้อไปนานแล้วล่ะ เรื่องวาด ๆ แต่ถ้าออกแบบพวกกระเป๋าพอไหว” หญิงสาวว่าพลางขยับเข้าใกล้วงศ์วรัณ “ขอดูหน่อยนะ ว่ามีแบบน่าสนใจไหม”
จริณพรเอื้อมไปหยิบเม้าส์คลิ๊กเปลี่ยนรูปภาพ เสนอแนะ พลางทดลองใช้สีอื่นลงในไฟล์ภาพที่บันทึกใหม่ ชายหนุ่มอาศัยจังหวะที่ผู้มาเยือนสนใจหน้าจอหันไปมองทางสลิลาอีกครั้ง
ร่างโปร่งแสงของหญิงสาวไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว
สลิลานั่งอยู่ในรถยนต์คันหนึ่งเพียงลำพังไม่มีใครสนใจ แน่ล่ะ...ไม่ใช่แค่ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครเห็นเธอเลยด้วยซ้ำ ผู้คนในย่านการค้าเดินผ่านหน้ารถกันขวักไขว่แต่ไม่มีใครมองเข้ามาเห็นว่ามีหญิงสาวนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับ รอคอยให้เจ้าของรถญี่ปุ่นขนาดเล็กคันนี้กลับเข้ามา
เมื่อครั้งยังมีร่าง ใครต่อใครเห็น หญิงสาวไม่เคยได้มีโอกาสสังเกตคนรอบตัวเลย ไม่รู้ว่าใครคิด รู้สึกอะไร แต่เมื่ออยู่ในสภาพคล้ายวิญญาณนี้เธอก็ได้เห็นอะไรมากขึ้นและตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะได้รับรู้ความในใจของหนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิทคนหนึ่ง
เนิ่นนานกว่าจริณพรจะกลับออกมาจากร้านเสื้อผ้าของวงศ์วรัณ หญิงสาวเจ้าของรถหย่อนตัวลงนั่งหลังพวงมาลัยมองกลับไปยังทิศทางที่เธอเดินมาด้วยแววตาอาวรณ์ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นกังวล
มือเรียวเอื้อมไปหยิบอุปกรณ์สื่อสารจากกระเป๋าสะพายกดต่อสาย สลิลาชะโงกมองจึงรู้ว่าจริณพรกำลังต่อสายถึงเธอ
ไหน ๆ จะโทร.หาเราอยู่แล้วนี่นา ขอฟังหน่อยนะว่าจะคุยอะไรกัน
หญิงสาวไร้ร่างแนบหูเข้ากับเครื่องโทรศัพท์ เสียงสัญญาณดังอยู่ไม่นานปลายสายก็กดรับ อวิกาดูเหมือนจะลังเลเล็กน้อยกับการเริ่มบทสนทนาหากผู้ที่โทรหาเอ่ยถามขึ้นก่อน
“ฝนสบายดีแล้วใช่ไหม กลับมาอยู่บ้านแล้วเหรอ”
ร่างโปร่งเอียงตัวเขาแนบกับเครื่องเพื่อฟังเสียงตอบรับจากอีกทางหนึ่ง อวิกาตอบรับคำเพียงสั้น ๆ
“พักนี้เจอเพื่อน ๆ บ้างไหม”
“ไม่ค่อยได้เจอเลย อยู่บ้านพักฟื้นแต่อาทิตย์หน้าคงกลับไปทำงานแล้วล่ะ”
“เหรอ...อืม...งั้นเราจะหาโอกาสไปเยี่ยมนะ บายจ๊ะ”
จริณพรกดวางสายเคาะอุปกรณ์สื่อสารเข้ากับพวงมาลัยเบา ๆ สีหน้ายิ้มแย้มขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนรำพึงกับตัวเองเบา ๆ
“ถ้าฝนไม่ได้สนใจว่านจริง ๆ คงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง ว่านก็ดูเหมือนจะปลงได้แล้วนี่นา ถึงได้ห่าง ๆ ออกมา”
สลิลามองเพื่อนอย่างไม่ค่อยเชื่อสายตานัก จริณพรที่ดูไม่ได้แสดงท่าทีอะไรกลับแอบมีใจให้วงศ์วรัณมาโดยตลอด เพื่อนร่วมกลุ่มคนนี้คงเห็นข้อดีในตัวนายทื่อของเธอมาก่อนหน้านี้แล้ว
หญิงสาวไร้ร่างเศร้าใจขึ้นมาทันที...คงจะมีแต่เธอที่เพิ่งมาเห็นความดีของวงศ์วรัณตอนที่อาจจะสายเกินไปเสียแล้ว
“น้องคุณเพชรส่งข้อความมาว่ายังไงคะ”
หญิงสาวซึ่งกดอ่านข้อความมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ก่อนเอ่ยตอบ “พีทส่งข้อความมาบอกว่า พี่ชนเพิ่งจะพาร่างของฉันกลับบ้านค่ะ คุณแม่บ่นใหญ่ที่ฉันเพิ่งจะหายก็ไปทำงานแถมยังกลับดึก แต่...”
“ทำไมคะ”
“เขา...ทำไม่สนใจที่แม่เตือน บอกว่าไม่เป็นอะไร” อวิกาตอบก่อนอธิบาย “ปกติฉันไม่เคยแย้งท่าน พีทบอกว่าแม่ดูเหมือนจะสงสัยอยู่นิดหน่อย”
สลิลาได้แต่ยืนนิ่ง พารินธรซึ่งรู้ดีว่าน้องสาวเห็นว่าการเอ่ยขัดมารดาเป็นเรื่องปกติจึงได้แต่ปลอบ
“คงไม่มีอะไรหรอกครับคุณเพชร ถ้าเขาอยากจะใช้ร่างคุณเพชร เป็นคุณเพชรอย่างสมบูรณ์เขาคงไม่กล้าทำอะไรหักหาญน้ำใจคุณแม่คุณเพชรมากนัก อาจจะแค่เผลอตัว” เขาเดินไปส่งน้องสาวที่หน้าห้องก่อนเอ่ย “คุณเพชรพักผ่อนนะครับ ถ้ายังไงไม่ต้องตื่นมาทำอาหารเช้าให้ผมก็ได้ ปกติผมก็ดื่มแค่กาแฟแก้วเดียวก่อนไปทำงานอยู่แล้ว”
อวิกาพยักหน้ารับคำก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องนอน สลิลาก้าวพรวดทะลุประตูไม้ไปก่อนที่ชายหนุ่มจะได้ท้วงว่าอวิกาอาจจะต้องการเวลาอยู่เพียงลำพัง เขาจึงทำได้เพียงแต่ส่ายหน้าให้กับนิสัยเอาแต่ใจของน้องสาว ยืนมองประตูห้องอยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินกลับไปทางห้องนอนของตัวเอง ครุ่นคิดหาทางช่วย...ทั้งน้องสาวของตนทั้งอวิกา และบางทีอาจจะเป็นการช่วยตัวเขาเองด้วยก็ได้
กลิ่นหอมของไข่ดาวและไส้กรอกเมื่อพารินธรก้าวออกจากห้องเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านในวันรุ่งขึ้น ‘น้องสาว’ ของเขาเดินออกจากครัวพร้อมกับจานอาหารเช้าพอดี เธอวางมันลงบนโต๊ะแล้วเอ่ยกับคนที่เพิ่งลงมา
“อาหารเช้า วันนี้ง่าย ๆ นะคะ ขนมปังกำลังปิ้งอยู่เดี๋ยวฉันเอามาให้ค่ะ”
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจอาหารในจานหรือขนมปังที่หญิงสาวพูดถึงเพราะสิ่งที่สะดุดใจเขาคือน้ำเสียงและสีหน้าที่ดูหม่นลงของน้องสาว จึงเอ่ยเรียกเมื่อเธอหันหลังกลับไปทางห้องครัว
“คุณเพชร”
“คะ”
“คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ ดูไม่ค่อยสดชื่นเลย”
หญิงสาวยิ้มฝืน แปลกตา...เพราะปกติน้องสาวของเขาไม่ใช่คนที่จะฝืนเก็บอารมณ์ใด ดีใจ เสียใจ โกรธ ก็แสดงออกมาตรง ๆ สลิลาที่ฝืนยิ้มแบบนี้ เขาไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง
“คุณเมฆคงเคยชินกับความสดใสของคุณฝนมั้งคะ ฉันไม่ใช่คนยิ้มเก่ง ร่าเริงเท่าไหร่”
“ผมอาจจะไม่รู้จักคุณดีพอก็จริง แต่เท่าที่ได้พูดคุยกัน ผมก็รู้ว่าคุณไม่ใช่คนอมทุกข์นะครับ ถ้าคุณมีเรื่องอะไรไม่สบายใจอยากจะเล่าให้ใครสักคนฟัง...”
“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ ฉันไปเอาขนมปังปิ้งมาให้นะคะ เดี๋ยวคุณจะไปทำงานสาย”
ไม่นานนัก อวิกาก็เดินออกจากครัวมาพร้อมกับขนมปังปิ้งและเนยสด หญิงสาวกำลังจะหันหลังเดินออกจากห้องอาหารแต่ชายหนุ่มเอ่ยเรียกเอาไว้
“คุณเพชรไม่ทานมื้อเช้าเหรอครับ”
“ฉันยังไม่หิวค่ะ ขอตัวนะคะ”
“เอ่อ...ถ้าไม่รังเกียจนั่งเป็นเพื่อนผมสักครู่ได้ไหมครับ ผมชอบมีเพื่อนคุยตอนทานอาหาร”
ชายหนุ่มมอง ‘น้องสาว’ ด้วยสายตาแน่วแน่ เขาไม่ได้สบตาน้องสาวตัวเองหากแต่สบตาหญิงสาวที่อยู่ในร่างของน้องสาว อวิกายอมนั่งลงบนเก้าอี้ตรงกันข้ามกับเขาในที่สุด
พนักงานจากบริษัทต่าง ๆ ภายในอาคารอินโก้พากันลงจากตึกมาหาร้านอาหารเพื่อรับประทานมื้อกลางวันในช่วงพัก ใกล้บ่ายก็ต่างทยอยกันกลับเข้าสู่ตัวตึก พารินธรซึ่งเดินทางมาถึงตั้งแต่ราวเที่ยงครึ่งจับตามองกลุ่มคนที่เข้ามาทีละกลุ่ม มองหาใบหน้าที่เขาเคยคุ้น...กระทั่งร่างของอวิกาเดินมาพร้อมกับชายคนหนึ่ง
ใบหน้าที่เขาเคยได้เห็นตอนซีดเซียวไร้เครื่องสำอางแต่งแต้มบัดนี้เติมสีสันให้ความรู้สึกว่าเธอเป็นหญิงสาวคล่องแคล่ว ปราดเปรียวขึ้นอย่างประหลาด ทว่าที่แปลกกว่าคือเขากลับจดจำใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอ่อน ๆ อย่างที่เคยเห็นมาหลายครั้งได้ชัดเจนยิ่งกว่า
ร่างสูงของพารินธรขยับเดินไปทางที่อวิกาและชนวิทก้าวเข้ามา ทำทีเป็นเร่งรีบจนไม่ทันมองว่าเธอกำลังก้าวเข้ามาภายในตัวอาคารในทิศทางตรงกันข้ามกับเขา
หญิงสาวร้องอย่างตกใจเมื่อชนปะทะเข้ากับร่างสูงใหญ่ของเขา ชายที่เดินมาข้างตัวรีบคว้าร่างของเธอไว้ทันทีพลางเอ่ยกับพารินธรน้ำเสียงเกือบจะตวาด
“นี่คุณ เดินระวังหน่อยสิ”
“ขอโทษครับ” ชายหนุ่มแสร้งมองหน้าอวิกา ซ้ำอีกครั้งก่อนจะเอ่ยเรียกอย่างระลึกได้ “คุณ...”
“คะ”
“คุณหายดีแล้วเหรอครับเนี่ย น้องสาวผมยังพักฟื้นอยู่ที่บ้านอยู่เลย คุณ...ที่ชื่อเพชรใช่ไหมครับ”
“ค่ะ”
“คุณคือ...”
“ผมเป็นพี่ชายของฝนครับ เคยไปเยี่ยมคุณแต่ตอนนั้นคุณยังไม่ฟื้น”
“อ๋อ...แล้วตอนนี้น้องสาวของคุณเป็นยังไงบ้างคะ”
“ดีขึ้นแล้วครับอาทิตย์หน้าคงไปทำงานแล้ว ไม่คิดว่าคุณฟื้นทีหลังแต่จะมาทำงานแล้ว” พารินธรเอ่ยตอบ แสดงท่าทางสนใจคู่สนทนาเป็นพิเศษ “ที่จริงคุณก็น่าจะพักต่ออีกสักหน่อยนะครับ จะได้แน่ใจว่าไม่เป็นอะไรแน่”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
แววตาของหญิงสาวเป็นประกายวูบขึ้นมาเล็กน้อย แต่ดวงตาของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเธอนั้นวาวโรจน์ด้วยความขุ่นเคือง
“คนรักของผมต้องรีบกลับขึ้นไปทำงาน ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เราสองคนขอตัวนะครับ”
พารินธรหันไปมองตามชนวิทที่ดึงร่างของคนรักเดินเข้าไปภายในตัวอาคาร รอ...จนกระทั่งหญิงสาวหันกลับมามองเขาเพียงชั่วสั้น ๆ จึงส่งยิ้มให้ก่อนหมุนตัวเดินกลับออกจากประตูอาคาร
หญิงสาวในร่างของอวิกากลับถึงหน้าห้องผู้บริหารก่อนเวลาที่เจ้านายจะรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ จึงมีเวลาเดินเข้าห้องน้ำพนักงานไปดูความเรียบร้อยของตน
ภาพสะท้อนในกระจกคือหญิงสาวใบหน้าเรียวรูปไข่ ผิวสีน้ำผึ้ง ดวงตาดำสนิท ผมสีดำยาวสลวย ทว่าเธอกลับนึกถึงใบหน้าของตนเอง ใบหน้าที่อ่อนวัยกว่าหญิงในกระจกเล็กน้อย ขาวเนียนกว่า ผมยาวประบ่านั้นดัดหยิกเล็กน้อยทำสีน้ำตาลประกายทอง
ผู้หญิงที่หน้าตาก็สะสวยแต่ไม่รู้จักแต่งหน้าแต่งตา แถมยังทำตัวจืดชืดอย่างเธอนี่น่ะเหรอ ที่พี่ชนเลือก ที่พี่ชนบอกว่าคิดจะจริงจัง
หญิงสาวบอกกับภาพสะท้อนในกระจกของตัวเอง ลูบไล้เรือนผมยาวดำนั้น นึกอยากจะดึงทึ้งให้สาใจแต่ก็รู้ดีว่าความเจ็บปวดจะตกกับตัวเองไม่ใช่เจ้าของเรือนร่าง ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน
เมื่อเติมเครื่องสำอางเสร็จหญิงสาวก็เดินกลับมานั่งประจำโต๊ะทำงาน เธอและอวิกาทำงานในแขนงเดียวกัน จึงทำให้เธอสามารถทำหน้าที่ของเจ้าของร่างได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของเธอดังขึ้น หญิงสาวยกหูขึ้นรับแล้วต้องขมวดคิ้วสงสัยเมื่อได้รับแจ้งจากพนักงานรับโทรศัพท์ว่ามีสายถึงเธอบอกว่ามาจากพี่ชาย
พี่ชาย...อวิกามีน้องชายไม่มีพี่
ด้วยความอยากรู้เธอจึงตอบรับสายเรียกนั้น พนักงานสาวปล่อยสายที่โทรเข้ามาให้เธอ เสียงชายหนุ่มปลายสายนั้นคุ้นหู แน่ล่ะ เธอเพิ่งจะได้ยินมันมาก่อนหน้าที่จะขึ้นมาทำงาน
“คุณ...”
“ผมเมฆครับ ยังไม่มีโอกาสได้แนะนำตัวกับคุณเลย”
“คุณเมฆ มีธุระอะไรกับฉันรึเปล่าคะ” หญิงสาวเอ่ยถาม แสร้งทำเป็นไม่รับรู้ว่าน้ำเสียงของเขานั้น...อ่อนละมุนเพียงใด “คงไม่ใช่เปลี่ยนใจจะเอาเรื่องที่ฉันทำให้น้องสาวคุณต้องเข้าโรงพยาบาลหรอกนะคะ”
“ผมดูเป็นคนใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอครับคุณเพชร”
“ก็...ไม่ทราบสิคะ ฉันไม่รู้จักคุณ” เธอว่า “แล้วคุณทราบได้ยังไงคะ ว่าฉันทำงานที่นี่”
“ผมอยากรู้จักคุณเพชร ดังนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยครับที่จะสืบหาว่าคุณเพชรทำงานที่ไหน” น้ำเสียงของเขาสื่อชัดว่าสนใจเธอจริงจัง “ว่าแต่คุณเพชรเถอะครับ ถ้ามีโอกาส...คุณเพชรอยากรู้จักผมให้มากขึ้นไหมครับ”
“คุณเมฆ” เธอทำทีเป็นตกใจ “คุณก็ทราบว่าฉันมีคนรักแล้วนะคะ ฉันขอตัวนะคะ ฉันต้องทำงาน”
เอ่ยจบก็วางโทรศัพท์ เบา...เช่นเดียวกับการทำน้ำเสียงเหมือนตำหนิเขา เพราะไม่ได้ตั้งใจจะตัดสัมพันธ์กับชายหนุ่มที่จะว่าไปแล้วก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อยคนนั้น
การทำงานในช่วงบ่ายยังคงดำเนินไปอย่างเป็นปกติสำหรับหญิงสาวที่หวังครอบครองร่างกายของอวิกา กระทั่งใกล้เวลาเลิกงานก็มีพนักงานส่งเอกสารมาพบเธอที่โต๊ะทำงาน หญิงสาวแคลงใจหากเซ็นชื่อรับซองเอกสารสีน้ำตาลนั้นเอาไว้ เมื่อแกะออกดูด้านในก็พบแผ่นพับแนะนำที่พักผ่อนไม่ไกลจากกรุงเทพนัก พร้อมกับกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่มีลายมืออ่านง่ายหากมองออกว่าเป็นของผู้ชายแนบมาด้วย
ผมมีสถานที่พักผ่อน เหมาะกับการพักฟื้น ถ้าคุณต้องการจะพาครอบครัวไปเที่ยว ไร่ทิพย์ทิวทัศน์ยินดีต้อนรับครับ
เขาลงท้ายด้วยหมายเลขโทรศัพท์และชื่อเล่น ซึ่งเธอไม่ลังเลที่จะบันทึกหมายเลขเอาไว้ในเครื่องโทรศัพท์ก่อนที่จะทำลายแผ่นกระดาษนั้นเพราะไม่ต้องการให้ใครรับรู้
หญิงสาวค่อย ๆ เปิดแผ่นพับแนะนำไร่พืชผลและที่พัก ไม่ไกลจากกรุงเทพซึ่งพารินธรส่งมาให้ บรรยากาศดี ที่พักมีตั้งแต่แบบตั้งเต๊นท์ไปจนถึงห้องพักสไตล์รีสอร์ทหรูหรา
ธุรกิจของครอบครัวนี้ไม่เบาเลย
ความคิดเปรียบเทียบชายหนุ่มที่แสดงท่าทางสนใจเธอกับชายคนรักผุดขึ้นมาทันที ชนวิทก็พอมีฐานะ...แต่ถ้าเทียบกับการมีไร่และรีสอร์ทใหญ่โตขนาดนี้ ต่อให้ได้รับเพียงปันผลจากหุ้นในบรรดาเครือญาติ พารินธรมีภาษีเหนือกว่าแน่
เสน่ห์...ชนวิทไม่ใช่ผู้ชายที่ดูไร้เสน่ห์ แต่เทียบกับพารินธรแล้ว รูปร่างที่ดูแกร่งกว่า สีผิวเข้ม ดึงดูดความสนใจของหญิงสาวทั่วไปได้มากกว่าชนวิทอยู่มาก
ถ้าคุณเจอฉันในร่างของฉันเอง คุณจะแสดงความสนใจฉันแบบนี้ไหมนะคุณเมฆ หรือว่าจะหลงเสน่ห์แบบจืดชืดของแม่นี่เขาอีกอย่างอย่างพี่ชน
ความรู้สึกยินดีที่ได้รับความสนใจจากชายหนุ่มที่มีเสน่ห์กับหญิงสาวและดูจะมีฐานะดีกว่าชายคนรักถูกแทนที่ด้วยความริษยาแทบจะในทันที
คุณเมฆคนนี้สนใจแม่อวิกา...ไม่ใช่เธอ
แต่ก็นั่นแหละ ตอนนี้คนที่อยู่ในร่างนี้คือเธอ ไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น
ร่างกายเนื้อตัวของเธอเป็นของฉันแล้ว และฉันจะทำยังไงกับมันก็ได้ เดี๋ยวสิ...นี่มันเป็นโอกาสไม่ใช่เหรอ โอกาสที่เธอจะได้แก้แค้นทั้งชนวิทและอวิกา
ถ้าชนวิทเห็นผู้หญิงคนนี้เป็นนางฟ้านางสวรรค์ จะเป็นยังไงล่ะ ถ้าเกิดว่าแม่เพชรคนนี้จะเปลี่ยนสภาพไปเป็นกรวด
แค่คิดก็สนุกแล้ว
สลิลาป้วนเปี้ยนอยู่ในร้านขายเสื้อของวงศ์วรัณตั้งแต่เช้า วันนี้พนักงานสาวโทรมาลางานเนื่องจากต้องพาแม่ที่ป่วยกะทันหันไปโรงพยาบาล หุ้นส่วนของเขาก็ต่างติดงานประจำ หญิงสาวคอยวิพากษ์วิจารณ์แบบเสื้อและสีสันที่ชายหนุ่มวาดลงบนกราฟฟิค แท็บเล็ต ชายหนุ่มปรับงานตามคำแนะนำแต่ก็ยังคงบันทึกไฟล์เอาไว้เผื่อให้ลูกค้าเลือก
“วันนี้ไม่ค่อยมีลูกค้าเลยเนอะ”
หญิงสาวว่าหลังจากที่มีลูกค้ากลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาเลือกเสื้อติดไม้ติดมือไปคนละตัวสองตัว
“วันธรรมดาก็แบบนี้แหละ นี่ก็ยังพอขายได้นะ เดี๋ยวเย็นกว่านี้ก็คงจะมีลูกค้ามากขึ้น” วงศ์วรัณเอ่ยขณะเก็บเงินลงในเครื่อง “ฝนมาแกร่วอยู่แบบนี้ไม่เบื่อเหรอ เราว่าจะไปร้านหนังสือ หาหนังสืออ่านเพิ่มเสียหน่อย บางทีอาจจะมีทฤษฎีอะไรน่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องของฝนก็ได้นะ”
สลิลาเบ้ปาก “ปลงแล้วล่ะ ถ้ามันจะเป็นแบบนี้ตลอดไปก็คงต้องยอมรับสภาพ”
“ไม่ได้นะ เราไม่ยอมหรอก”
“ไม่ยอมแล้วจะทำยังไงล่ะนายว่าน มีวิธีอะไรดี ๆ แนะนำหรือไงล่ะ คนที่อยู่ในร่างคุณเพชรก็นิ่ง ๆ ไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย ไม่มีพิรุธไม่ติดต่อใคร ก็ตั้งใจจะยึดร่างนั้นแล้ว จะให้ทำไงดีล่ะ ให้นายเอาปืนไปยิงร่างของฉันแล้วให้วิญญาณคุณเพชรหลุดออกมา ฉันจะได้กลับเข้าไปหรือไง”
วงศ์วรัณขยับจะอ้าปากแต่แล้วก็นิ่งไป เรื่องการทำให้เกิดอุบัติเหตุอีกครั้งแล้วได้กลับคืนร่าง คนที่รู้เห็นเรื่องนี้ลองปรึกษากันแล้ว ไม่มีใครเห็นด้วยเพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น การทำสมาธิก็ดูเหมือนจะไม่ได้ให้ผลอะไรเป็นพิเศษ สลิลานั้นทำได้ไม่นาน ส่วนอวิกาก็เพียงรู้สึกว่าจิตใจสงบเท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้ถอดจิต ย้ายวิญญาณได้แต่อย่างใด
“ชะตาของฉันอาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้ ฉันจะต้องกลายเป็นวิญญาณไม่มีร่างอย่างนี้ตลอดไป”
“แต่เราเห็นฝน” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างเชื่อมั่น “เราเชื่อว่ามันต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ทำให้เรามองเห็นฝนได้”
“นายดวงไม่ดีล่ะมั้ง ถึงมองเห็นวิญญาณได้” สลิลาว่า “ฉันก็ดวงไม่ดีเหมือนกันที่...”
คนที่กำลังลากปากกาไปบนแท็บเล็ตมองตอบสายตาของหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจ รอฟังสลิลากำลังจะพูดอะไรสักอย่างเป็นการอธิบายคำพูดของตน
“นายว่าที่ฉันต้องเป็นแบบนี้ถือว่าดวงดีไหมล่ะ ร่างก็โดนยึด แถมร่างของคนที่ยึดร่างฉันก็โดนยึดอีกทอด วุ่นวายหาทางแก้ไม่ได้แบบนี้น่ะ”
“นั่นสินะ”
การสนทนาระหว่างคนมีร่างกับคนไร้ร่าง ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงที่ดังลอดออกมาจากภายนอกหลังจากที่ประตูร้านถูกผลักเปิดเข้ามาพร้อมด้วยหญิงสาวคนหนึ่ง
“อ้าว...เจี๊ยบ”
จริณพรส่งยิ้มให้วงศ์วรัณขณะที่ก้าวเข้ามาภายในตัวร้านพร้อมด้วยถุงพลาสติกบรรจุขนมหลายชนิด
“วันนี้ประชุมออกแบบกระเป๋า เจ้านายให้กลับเร็ว เลยซื้อขนมมาฝาก”
วงศ์วรัณยิ้มตอบหญิงสาวที่เพิ่งก้าวเข้ามาในร้าน ขยับจะท้วงเมื่อเธอจะหย่อยตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเขาแต่เมื่อจริณพรนั่งลงไปเธอก็สามารถทับร่างโปร่งของสลิลาได้แทบในทันที
“ทำอะไรอยู่น่ะ ทำแบบเสื้อเหรอ”
“อืม”
ชายหนุ่มส่งเสียงรับคำ มองสลิลาที่ขยับลุกขึ้นยืนอย่างห่วงใย แต่ไม่อาจแสดงท่าทีผิดปกติให้คนที่มาเยี่ยมเยือนสังเกตเห็นได้
“ไหนขอดูหน่อย เผื่อมีแบบไหนอยากสั่งให้ทำพิเศษให้สักตัว”
“เจี๊ยบก็วาดได้นี่”
“เรื้อไปนานแล้วล่ะ เรื่องวาด ๆ แต่ถ้าออกแบบพวกกระเป๋าพอไหว” หญิงสาวว่าพลางขยับเข้าใกล้วงศ์วรัณ “ขอดูหน่อยนะ ว่ามีแบบน่าสนใจไหม”
จริณพรเอื้อมไปหยิบเม้าส์คลิ๊กเปลี่ยนรูปภาพ เสนอแนะ พลางทดลองใช้สีอื่นลงในไฟล์ภาพที่บันทึกใหม่ ชายหนุ่มอาศัยจังหวะที่ผู้มาเยือนสนใจหน้าจอหันไปมองทางสลิลาอีกครั้ง
ร่างโปร่งแสงของหญิงสาวไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว
สลิลานั่งอยู่ในรถยนต์คันหนึ่งเพียงลำพังไม่มีใครสนใจ แน่ล่ะ...ไม่ใช่แค่ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครเห็นเธอเลยด้วยซ้ำ ผู้คนในย่านการค้าเดินผ่านหน้ารถกันขวักไขว่แต่ไม่มีใครมองเข้ามาเห็นว่ามีหญิงสาวนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับ รอคอยให้เจ้าของรถญี่ปุ่นขนาดเล็กคันนี้กลับเข้ามา
เมื่อครั้งยังมีร่าง ใครต่อใครเห็น หญิงสาวไม่เคยได้มีโอกาสสังเกตคนรอบตัวเลย ไม่รู้ว่าใครคิด รู้สึกอะไร แต่เมื่ออยู่ในสภาพคล้ายวิญญาณนี้เธอก็ได้เห็นอะไรมากขึ้นและตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะได้รับรู้ความในใจของหนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิทคนหนึ่ง
เนิ่นนานกว่าจริณพรจะกลับออกมาจากร้านเสื้อผ้าของวงศ์วรัณ หญิงสาวเจ้าของรถหย่อนตัวลงนั่งหลังพวงมาลัยมองกลับไปยังทิศทางที่เธอเดินมาด้วยแววตาอาวรณ์ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นกังวล
มือเรียวเอื้อมไปหยิบอุปกรณ์สื่อสารจากกระเป๋าสะพายกดต่อสาย สลิลาชะโงกมองจึงรู้ว่าจริณพรกำลังต่อสายถึงเธอ
ไหน ๆ จะโทร.หาเราอยู่แล้วนี่นา ขอฟังหน่อยนะว่าจะคุยอะไรกัน
หญิงสาวไร้ร่างแนบหูเข้ากับเครื่องโทรศัพท์ เสียงสัญญาณดังอยู่ไม่นานปลายสายก็กดรับ อวิกาดูเหมือนจะลังเลเล็กน้อยกับการเริ่มบทสนทนาหากผู้ที่โทรหาเอ่ยถามขึ้นก่อน
“ฝนสบายดีแล้วใช่ไหม กลับมาอยู่บ้านแล้วเหรอ”
ร่างโปร่งเอียงตัวเขาแนบกับเครื่องเพื่อฟังเสียงตอบรับจากอีกทางหนึ่ง อวิกาตอบรับคำเพียงสั้น ๆ
“พักนี้เจอเพื่อน ๆ บ้างไหม”
“ไม่ค่อยได้เจอเลย อยู่บ้านพักฟื้นแต่อาทิตย์หน้าคงกลับไปทำงานแล้วล่ะ”
“เหรอ...อืม...งั้นเราจะหาโอกาสไปเยี่ยมนะ บายจ๊ะ”
จริณพรกดวางสายเคาะอุปกรณ์สื่อสารเข้ากับพวงมาลัยเบา ๆ สีหน้ายิ้มแย้มขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนรำพึงกับตัวเองเบา ๆ
“ถ้าฝนไม่ได้สนใจว่านจริง ๆ คงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง ว่านก็ดูเหมือนจะปลงได้แล้วนี่นา ถึงได้ห่าง ๆ ออกมา”
สลิลามองเพื่อนอย่างไม่ค่อยเชื่อสายตานัก จริณพรที่ดูไม่ได้แสดงท่าทีอะไรกลับแอบมีใจให้วงศ์วรัณมาโดยตลอด เพื่อนร่วมกลุ่มคนนี้คงเห็นข้อดีในตัวนายทื่อของเธอมาก่อนหน้านี้แล้ว
หญิงสาวไร้ร่างเศร้าใจขึ้นมาทันที...คงจะมีแต่เธอที่เพิ่งมาเห็นความดีของวงศ์วรัณตอนที่อาจจะสายเกินไปเสียแล้ว

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 มี.ค. 2555, 23:36:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 มี.ค. 2555, 23:36:29 น.
จำนวนการเข้าชม : 2101
<< ตอนที่ 13 | ตอนที่ 15 >> |

กมลภัทร 15 มี.ค. 2555, 23:42:56 น.
ของขวัญ >>>> มาต่อให้แล้วครับ
นกอุมาพร >>>> งั้นมาดูแบบเสื้อกันครับ ^^
มะกัน >>>> เอางั้นเลยเหรอครับ
wane >>>> ใช่ครับ แมลงสาบ...อืม...เดี๋ยวเช็คกับบก.นิดว่าในประโยคพูด เป็นภาษาปากแบบนี้ต้องสะกดให้ถูกไหม (ตอนพิมพ์คิดตามประโยคพูด ลืมไปว่าเป็นการสะกดคำ ^^)
panon >>>> ทำไงดีน้า...หรือไม่ต้องทำอะไร
XaWarZd >>>> รอลุ้นต่อนะครับ
lovemuay >>>> ถ้าไม่เล่นตัว สงสัยเพชรจะแย่นะครับ
pseudolife >>>> มาลงให้ลุ้นต่อเหมือนกันครับ (จะว่าไป...โดยโครงเรื่องมันไม่ได้ลุ้นมากนะครับ ไปตามลำดับเรื่องราวมากกว่า ยังคิดว่าน่าจะมีชื่อเรื่องที่เหมาะกว่านี้ แต่ยังนึกไม่ออก)
เพียงพลอย >>>> เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ฯลฯ
น้องอุด้ง >>>> มาลุ้นต่อกันครับ
ใบบัวน่ารัก >>>> ^^!
ของขวัญ >>>> มาต่อให้แล้วครับ
นกอุมาพร >>>> งั้นมาดูแบบเสื้อกันครับ ^^
มะกัน >>>> เอางั้นเลยเหรอครับ
wane >>>> ใช่ครับ แมลงสาบ...อืม...เดี๋ยวเช็คกับบก.นิดว่าในประโยคพูด เป็นภาษาปากแบบนี้ต้องสะกดให้ถูกไหม (ตอนพิมพ์คิดตามประโยคพูด ลืมไปว่าเป็นการสะกดคำ ^^)
panon >>>> ทำไงดีน้า...หรือไม่ต้องทำอะไร
XaWarZd >>>> รอลุ้นต่อนะครับ
lovemuay >>>> ถ้าไม่เล่นตัว สงสัยเพชรจะแย่นะครับ
pseudolife >>>> มาลงให้ลุ้นต่อเหมือนกันครับ (จะว่าไป...โดยโครงเรื่องมันไม่ได้ลุ้นมากนะครับ ไปตามลำดับเรื่องราวมากกว่า ยังคิดว่าน่าจะมีชื่อเรื่องที่เหมาะกว่านี้ แต่ยังนึกไม่ออก)
เพียงพลอย >>>> เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ฯลฯ
น้องอุด้ง >>>> มาลุ้นต่อกันครับ
ใบบัวน่ารัก >>>> ^^!

wane 16 มี.ค. 2555, 00:35:03 น.
เฮ้อ!ฝนใจเย็นๆ นะ พี่เมฆออกโรงแล้ว เด๋วคงมีอะไรคืบหน้าแน่ๆ
เฮ้อ!ฝนใจเย็นๆ นะ พี่เมฆออกโรงแล้ว เด๋วคงมีอะไรคืบหน้าแน่ๆ

fubuki 16 มี.ค. 2555, 01:02:33 น.
ดูพี่เมฆจะถนัดกับเรื่องแบบนี้นะคะ :P
ดูพี่เมฆจะถนัดกับเรื่องแบบนี้นะคะ :P

lovemuay 16 มี.ค. 2555, 06:41:09 น.
พี่เมฆมาช่วยจีบร่างเพชรให้ คริคริ
พี่เมฆมาช่วยจีบร่างเพชรให้ คริคริ

pseudolife 16 มี.ค. 2555, 09:28:57 น.
เรื่องเรื่อยๆ แต่คนอ่านก็ลุ้นอยู่ดี (ก็มันลงเป็นตอนๆ นี่นา ^^)
พี่เมฆเริ่มปฏิบัติการแล้ว....
---------------------------------------------------
เมื่อเธอจะ(หย่อย)ตัวลงนั่ง
เรื่องเรื่อยๆ แต่คนอ่านก็ลุ้นอยู่ดี (ก็มันลงเป็นตอนๆ นี่นา ^^)
พี่เมฆเริ่มปฏิบัติการแล้ว....
---------------------------------------------------
เมื่อเธอจะ(หย่อย)ตัวลงนั่ง

panon 16 มี.ค. 2555, 09:38:38 น.
เอ้าๆๆๆๆพี่เมฆวางแผนอะไรไว้แน่ๆๆว่าแต่จะไม่บอกเจ้าของร่างเขาบ้างเลยเหลอจ๊ะ
เอ้าๆๆๆๆพี่เมฆวางแผนอะไรไว้แน่ๆๆว่าแต่จะไม่บอกเจ้าของร่างเขาบ้างเลยเหลอจ๊ะ

ของขวัญ 16 มี.ค. 2555, 10:43:26 น.
พี่เมฆนี่ท่าทางจะร้ายไม่เบานะคะเนี่ย
พี่เมฆนี่ท่าทางจะร้ายไม่เบานะคะเนี่ย

XaWarZd 16 มี.ค. 2555, 11:42:23 น.
ความลับค่อยๆ เปิดเผย รอลุ้นกันต่อไป
ความลับค่อยๆ เปิดเผย รอลุ้นกันต่อไป

