สองฝั่งรัก
สาวโสดในเมืองใหญ่อย่างกานตีจะทำอย่างไร เมื่อวันหนึ่งชายหนุ่มในฝันที่เธอเคยเฝ้ามองอยู่ฝ่ายเดียวมานาน ได้แวะเวียนเข้ามารู้จัก และดูเหมือนจะรุกเข้าใกล้ตัวและหัวใจของเธอเข้ามาทุกที
โดยมีตัวช่วยเป็นน้องสาวจอมป่วนของเขา ที่เจอกับเพื่อนหนุ่มใกล้ตัวของเธอทีไร เป็นมีเรื่องกันทุกครั้ง
แถมมีอุปสรรคความรักที่เข้ามาหาไม่ได้ขาด ความรักของเขาและเธอจะเป็นเช่นไร...
Tags: รักโรแมนติก,แอบรัก,กานตี,ตรัสวิน,โรส,สาริศ

ตอน: บทที่ 2 รู้จัก

“เดี๋ยวสิคุณ” ชายหนุ่มเรียกไว้ก่อนที่กานตีจะได้เผ่นหนี

“คุณกลับยังไงครับ นี่ค่ำมากแล้วนะ ถ้ายังไงให้ผมไปส่งไหม” เขาถาม คงเพราะเดาได้ว่าเธอไม่มีรถมาทำงาน เนื่องจากแถบนี้ที่จอดรถหายาก และถึงมีค่าจอดก็แสนแพง ทำให้พนักงานจำนวนมากยินดีที่จะใช้บริการขนส่งมวลชนมากกว่าจะขับรถมาเอง เพื่อมาเสียค่าจอดรถแพงหูฉี่ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้มีที่จอดประจำในที่จอดรถแห่งนี้ ที่เธอเข้าใจแต่แรกว่าเขาคงทำงานตำแหน่งสำคัญก็คงไม่ผิดหรอก

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับได้ ไม่ดึกมากเท่าไร” หญิงสาวรีบบอก

“หรือไม่ไว้ใจผม ยังไงเราก็ทำงานในตึกนี้เหมือนกันนะ ถ้าคุณไม่แน่ใจเดี๋ยวผมเรียกยามมายืนยันก็ได้ เค้ารู้จักผม” ว่าแล้วก็ทำท่าเหมือนจะเดินไปที่ป้อมยามจริงๆ ตามปากว่า

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ แต่ฉันเกรงใจไม่รบกวนดีกว่า” กานตีรีบบอกก่อนที่ชายหนุ่มจะไปลากเอายามมายืนยันตัวตนของเขาจริงๆ เขาคงไม่รู้หรอกว่าเธอรู้ดีเชียวล่ะว่าเขาทำงานที่ตึกนี้ รู้มาหลายเดือนแล้วด้วย จริงๆ แล้วถ้าเขารู้เขาอาจจะต้องเป็นฝ่ายกลัวเธอมากกว่าที่เธอจะกลัวเขาซะอีก หญิงสาวคิดขำๆ

“คุณพักอยู่แถวไหน” เขาถาม และพอเธอบอกไปเขาก็ว่า

“ทางผ่านผมนี่ มาเถอะครับถ้าไว้ใจผม ไม่ต้องเกรงใจหรอก แค่นี้เรื่องเล็ก” เรื่องเล็กของเขาแต่เรื่องใหญ่ของเธอน่ะสิ หญิงสาวคิด อุตส่าห์จะตัดใจไม่ปลื้มเขาได้อยู่แล้วเชียว ทำไมต้องมาทำตัวมีน้ำใจกับเธอด้วยนะ อีกอย่างเธอก็ไม่อยากนั่งรถแฟนชาวบ้านนักหรอก

แม้ไม่เต็มใจด้วยเหตุผลหลายประการ แต่กานตีก็ต้องยอมขึ้นรถเขาจนได้เมื่อชายหนุ่มเดินไปเปิดประตูรอ ดูผู้ชายคนนี้จะเป็นคนเผด็จการใช้ได้เหมือนกัน แล้วเธอจะทำอะไรได้ ถ้าดึงดันจะไม่ไปด้วย ก็คงดูเป็นคนเรื่องมากไปสักหน่อย ในเมื่อเขาก็บอกแล้วว่าบ้านเธอเป็นทางผ่าน คิดในแง่ดีไว้ก็แล้วกันว่าอย่างน้อยก็ประหยัดค่ารถไปได้วันนึง เขาคงไม่เอาคนหน้าตาบ้านๆ อย่างเธอไปทำอะไรหรอกกระมัง แต่ว่าเธออาจจะต้องนั่งเกร็งไปตลอดทางเพราะความประหม่านี่สิ

พอโผล่ออกมาที่ถนนใหญ่ กานตีก็ได้เห็นว่ารถติดน่าดูทีเดียว คงเพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ นักเที่ยวทั้งหลายยังไม่ยอมกลับบ้าน ทำให้ช่วงเวลาที่หญิงสาวจะต้องโดยสารรถของหนุ่มในฝันของเธอยืดยาวออกไปมากกว่าที่ควรจะเป็น

ถ้าเป็นช่วงเวลาก่อนหน้านี้สักสองอาทิตย์ เธอคงจะเป็นปลื้มอย่างมาก แต่เมื่อเคยเห็นและรับรู้ว่าเขามีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว ที่ควรปลื้มก็เลยกลายเป็นความอึดอัดมากกว่า เธอมานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อในรถของเขาแบบนี้ เกิดแฟนเขามาเห็นเข้าจะไม่เป็นเรื่องหรือไร

แต่คิดอีกทีหน้าตาอย่างเธออาจจะไม่ทำให้แฟนของเขาระแวงก็ได้ ไม่ใช่ว่ากานตีจะเป็นคนดูถูกตัวเอง แต่หญิงสาวรู้ตัวว่าเธอเป็นผู้หญิงที่หน้าตาพอไปวัดไปวาได้เท่านั้น อาจจะพอเหมาะกับผู้ชายธรรมดา แต่มาตรฐานระดับชายในฝันของเธอคนนี้ เธอคงไม่กล้าคิด แล้วความสวยของแฟนของเขาก็ยิ่งหนีห่างจากเธอไปอีก แล้วอย่างนี้เธอจะไปกังวลทำไมให้เมื่อยตุ้มกัน

คิดได้ดังนั้นความเกร็งของหญิงสาวก็ลดลง แต่ก็ยังคงอึดอัดอยู่ดีนั่นแหละ ในเมื่อจริงๆ แล้วเธอกับเขาจะเรียกได้ว่าเป็นคนแปลกหน้ากันก็ได้ ถ้าไม่นับฝั่งเธอที่เป็นฝ่ายรู้จักเขามานมนานแล้ว

ราวกับเดาความคิดของหญิงสาวข้างๆ ได้ ชายหนุ่มที่กำลังขับรถอย่างตั้งใจจึงหันมาแนะนำตัวอย่างเป็นทางการระหว่างที่รถเริ่มติดไฟแดง

“ผมชื่อตรัสวินนะ ทำงานอยูชั้นสิบหก คุณล่ะ” เขาถามกลับ

“กานตีค่ะ” หญิงสาวบอกเขาไป โดยไม่ได้แถมชื่อเรียกเล่นๆ ให้ด้วย เนื่องจากเธอเห็นว่ามันดูเป็นส่วนตัวมากไปหน่อย และเขาก็คงไม่อยากรู้ไปถึงชื่อเล่นของเธอนักหรอก ก็แค่คนแปลกหน้า พรุ่งนี้เขาอาจจะลืมหน้าเธอไปแล้วก็ได้ นับประสาอะไรกับชื่อแซ่

หลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงสูญญากาศ หนุ่มสาวทั้งคู่ได้แต่นิ่งรอให้รถคันหน้าเคลื่อนไป ไม่ได้พยายามหาเรื่องอะไรมาคุยกันอีก ตรัสวินดูเหมือนมีสมาธิกับการขับรถ จากที่กานตีเคยคิดว่าเขาเป็นคนมีสง่า พออยู่ในอารมณ์แบบนั้นยิ่งทำให้ชายหนุ่มดูเป็นคนเงียบขรึมไปกันใหญ่ เธอเลยไม่มีความคิดที่จะสรรหาเรื่องมาพูด หญิงสาวแค่รอให้ถึงบ้านเธอซักที เพื่อจะได้หลุดไปจากสภาวการณ์อึดอัดเช่นนี้

“จอดตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้านั่นแหละค่ะ” หลังจากฝ่าการจราจะกลางเมืองมาได้สักพักกานตีก็เอ่ยปากบอกชายหนุ่มคนขับรถ

“บ้านคุณอยู่ตรงนี้เหรอ มองดูไม่เห็นจะมีที่พักเลยนี่”

“อพาร์ทเม้นท์มันต้องเข้าซอยไปอีกน่ะค่ะ” หญิงสาวบอก

“แล้วคุณจะเข้าไปยังไงล่ะ”

“มอเตอร์ไซค์วินนั่นไงคะ” หญิงสาวชี้ให้ดูบรรดาวินมอเตอร์ไซค์หน้าปากซอย

“ซอยข้างหน้านี้ใช่มั้ย” ตรัสวินหันมาถาม พอได้รับคำตอบเขาก็หมุนพวงมาลัยเลี้ยวเข้าซอยไปทันที ทำให้กานตีรู้ว่าเขาตั้งใจจะไปส่งเธอถึงในซอยทีเดียว

“ความจริงไม่ต้องเข้าไปก็ได้นะคะ รบกวนคุณเปล่าๆ“ หญิงสาวบอกอย่างเกรงใจ

“คุณกลับค่ำแบบนี้บ่อยๆ หรือเปล่า” แทนที่จะตอบเรื่องที่เธอบอก เขากลับถามไปอีกเรื่อง

“นานๆ ครั้งหรอกค่ะ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ”

“อันตรายเหมือนกันนะ” เขาเปรยเมื่อเห็นสภาพภายในซอย ซึ่งจริงๆ แล้วสำหรับกานตีที่ชินกับการเข้าออกซอยนี้มานาน มันก็ไม่เป็นเรื่องที่น่ากลัวอะไร เพราะซอยไม่ถึงกับเปลี่ยว มีบ้านคนและตึกแถวอยู่ตลอดแนว เพียงแต่ตอนดึกๆ หลังจากชาวบ้านปิดไฟนอนไปแล้ว อาจจะดูน่ากลัวอยู่บ้าง

“ตึกซ้ายมือสีครีมๆ นั่นล่ะค่ะ” หญิงสาวชี้บอก

“ขอบคุณมากนะคะ”

“แถวนี้ไม่มีของกินขายเลยนี่ แล้วคุณกินข้าวเย็นที่ไหน” ตรัสวินถามก่อนที่หญิงสาวจะเปิดประตูรถลงไป

“มื้อนี้คงต้องเป็นบะหมี่ล่ะค่ะ” กานตีบอกไปตามจริง ดึกขนาดนี้เธอคงไม่ถ่อออกไปหาของกินข้างนอกอีกหรอก พึ่งอาหารญี่ปุ่นสะดวกที่สุดแล้ว

“ทำงานจนค่ำแล้วก็กินมาม่าเนี่ยนะ คงดีกับสุขภาพตายล่ะคุณ อย่าเพิ่งลงเลย เดี๋ยวผมจะพาคุณออกไปซื้ออะไรที่มันเป็นอาหารจริงๆ มากินซะก่อน”

ชายหนุ่มทำเสียงดุ ราวกับเธอเป็นน้องเป็นนุ่งของเขาก็ไม่ปาน เล่นเอาหญิงสาวเหวอไปเลย แน่ใจเหรอเนี่ย ว่าพวกเขาเพิ่งจะแนะนำตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อไม่กี่สิบนาทีก่อนหน้านี้ ทำไมตอนนี้เขามาทำสุ้มเสียงดุๆ ราวกับว่าเป็นห่วงสุขภาพกระเพาะของเธอซะนักหนาอย่างนี้ล่ะ

ขอย้ำ! ว่าเธอกับเขาเพิ่งรู้จักกันเองนะ

แล้วก็ไม่รอให้หญิงสาวที่กำลังนั่งเอ๋อได้ทักท้วง เมื่อเขาจัดการกลับรถเพื่อขับออกไปหน้าปากซอยอีกครั้ง

ตรัสวินขับรถวกกลับไปยังตลาดที่พวกเขาเพิ่งผ่านมาอีกรอบ ดึกๆ อย่างนี้หาที่จอดได้ไม่ยากนัก ชายหนุ่มจัดการล็อครถแล้วเดินนำกานตีไปยังร้านขายอาหารตามสั่งซึ่งอยู่ถัดไปจากจุดจอดรถ โดยมีหญิงสาวเดินตามต้อยๆ ราวกับเด็กเดินตามผู้ปกครอง เนื่องจากยังไม่หายงง ตอนที่เขาขับรถกลับออกมาเมื่อครู่ เธอก็ลอบมองเขาเป็นระยะ เพราะอยากรู้ว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่ ซึ่งจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่แน่ใจ

แล้วกานตีก็ได้ข้อสรุปว่าสงสัยเขาจะหิวซะเองมากว่า เพราะพอไปถึงร้านเขาก็เดินนั่งโต๊ะที่ยังว่างอยู่ทันที

“ไหนๆ ก็มาแล้ว ทานซะที่นี่ล่ะ คุณจะได้ไม่ต้องกลับไปล้างถ้วยชามที่ห้องอีก”

หญิงสาวนั่งลงอย่างว่าง่าย เพราะความจริงเธอก็หิวแล้วเหมือนกัน ก็นี่มันปาเข้าไปกี่โมงกี่ยามกันแล้วล่ะ อาหารมื้อสุดท้ายผ่านมากี่ชั่วโมงก็จำไม่ได้แล้ว

พวกเขาสั่งอาหารกันคนละสองอย่าง กับข้าวสวยอีกคนละจาน และกับข้าวก็มาเร็วทันใจคนหิว เนื่องจากลูกค้าไม่เยอะนักในยามดึกเช่นนี้

กานตีจ้องไข่เจียวเหลืองฟูตาเป็นมัน แต่รอให้ชายหนุ่มเป็นคนตักก่อน เพื่อให้เกียติความอาวุโสตามความเคยชินจากที่บ้าน

เธอยกให้เขาเป็นผู้อาวุโสกว่า เพราะแน่ใจว่าเขาเกิดก่อนเธอหลายปีแน่ๆ ล่ะ ออกจะแก่แล้วนี่นะ ไม่งั้นเขาจะมีแฟนเด็ก ซึ่งเข้าข่ายความชอบของชายสูงวัยเหรอ หญิงสาวแอบนินทาคนนั่งตรงข้ามในใจ และตาพราวๆ เพราะอารมณ์ขำขันของเธอก็ทำให้ชายหนุ่มผู้ร่วมสำรับอดสงสัยไม่ได้ว่า ไข่เจียวจานนั้นมันมีอะไรให้ขันได้นักหนา จึงทำให้คนที่ทำหน้าเหมือนปวดฟันคุด ตลอดทางที่นั่งรถมา อารมณ์ดีขึ้นได้ขนาดนี้

แทนที่ไข่เจียวที่ชายหนุ่มจ้วงตักช้อนแรกจะไปอยู่ที่จานตัวเอง มันกลับมาลงเอยที่จานของกานตีแทน หญิงสาวพึมพำขอบคุณ ก่อนจะจัดการกับอาหารที่ชายหนุ่มตักให้ด้วยริมฝีปากเปื้อนยิ้ม หนุ่มสาวทั้งสองจัดการอาหารมื้อดึกกันเงียบๆ แต่ด้วยความเจริญอาหาร ไม่นานอาหารทุกอย่างก็เกลี้ยงจาน

หญิงสาวนึกอยากจะลูบพุงหลามๆ ของตัวเอง ค่าที่อิ่มเหลือเกิน แต่ขืนอย่างนั้นคงดูไม่ค่อยเป็นกุลสตรีเท่าไร เมื่อครู่ด้วยความหิวทำให้เธอลืมไปว่ากำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่กับชายหนุ่มที่เพิ่งได้ทำความรู้จักกันหยกๆ แถมเป็นชายหนุ่มที่เธอแอบปลื้มอีกต่างหาก จนกระทั่งอิ่มนั่นแหละ เธอถึงเพิ่งฉุกคิดด้วยความแปลกใจในโชคชะตา

ก็หนุ่มคนนี้เธอแอบปลื้มเขามานาน แต่ไม่เคยได้สัมผัสกับตัวตนจริงๆ ของเขาเลยสักครั้ง แต่พอเธอตัดสินใจว่าจะเลิกปลื้มเขายังไม่ทันชนสัปดาห์ดี โชคชะตาหรืออะไรก็แล้วแต่ ดันพาให้เขากับเธอได้มารู้จักกันเสียนี่ ก็ดูสิ ถ้าเป็นอาทิตย์ก่อนใครมาบอกว่าเธอจะได้ดินเนอร์ร้านข้าวข้างทางกับหนุ่มในฝัน กานตีคงหัวเราะงอหงาย แต่ตอนนี้พวกเขาเพิ่งช่วยกันกวาดอาหารเต็มโต๊ะลงท้องไปหมาดๆ คิดแล้วน่าขันไม่น้อย

พอถึงตอนจ่ายเงิน หญิงสาวก็รีบควักกระเป๋าสตางค์ออกมา คงไม่ดีแน่ถ้าให้ตรัสวินมาเลี้ยงข้าวเธออีก ในเมื่อเขายุ่งยากมาส่ง แถมเดือดร้อนต้องพามาทานข้าวอีกอย่างนี้

แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างใจคิด ชายหนุ่มตรงหน้าก็ทำตาดุๆ ใส่เป็นเชิงห้าม ก่อนจะชิงจ่ายเงินค่าอาหารเสียเอง

อีกแล้วนะ เธอนับได้หลายครั้งแล้วว่าเขาทำตัวเป็นจอมเผด็จการ โดยไม่ทันให้เธอได้มีโอกาสโต้แย้ง

ฮึ่ย...ถ้าไม่คิดว่าเคยเป็นชายในฝันแล้วละก็ ไม่มียอมขนาดนี้หรอกนะจะบอกให้

ตรัสวินวนรถกลับมาส่งหญิงสาวอีกรอบ กานตีนึกเกรงใจเขาเต็มที เพราะดูเวลาตอนนี้ก็ปาเข้าไปตั้งเกือบจะห้าทุ่มแล้ว กว่าจะส่งเธอ กว่าจะกลับถึงบ้านของเขาคงยิ่งดึกเข้าไปใหญ่

“ขอบคุณมากนะคะ” กานตีบอกชายหนุ่มคนขับรถ เมื่อเขานำรถคันงามมาจอดที่หน้าอพาร์ทเม้นท์ของเธอเป็นรอบที่สอง

“ครับ” ชายหนุ่มตอบสั้น ๆ

หญิงสาวเปิดประตูรถลงมา แล้วถอยออกมายืนรอให้เขาออกรถ แต่เมื่อเห็นรถคันงามยังไม่เคลื่อนออกจากที่ จึงก้มลงมองลอดกระจกเข้าไป เห็นชายหนุ่มทำมือบอกให้เธอเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์ ก็เข้าใจได้ว่าเขารอให้เธอเข้าไปก่อนแล้วถึงจะออกรถ

เฮ้อ...จะสุภาพบุรุษไปไหนเนี่ย ยิ่งตัดใจยากๆ อยู่

หญิงสาวอดเหลียวกลับไปมองด้านหลังอีกครั้งไม่ได้เมื่อเดินเข้ามาด้านในแล้ว เห็นรถกำลังเคลื่อนห่างออกไป เกิดความรู้สึกอาวรณ์นิดๆ เมื่อคิดว่านี่คงเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว ที่เธอจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดชายหนุ่มในฝัน และช่วงเวลานั้นได้จบลงแล้ว

สำหรับเขาเธอก็เป็นเพียงผู้หญิงแปลกหน้า ที่ผ่านเข้ามารู้จักกันชั่วครู่เดียวแล้วก็ผ่านไป เขาคงจะลืมเลือนเหตุการณ์ในวันนี้ในไม่ช้า แต่สำหรับเธอ มันคงเป็นเหตุการณ์ที่ต้องจดจำไปอีกนานทีเดียว

กานตีอดยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อบอกตัวเองว่าอย่างน้อยก็ได้รู้จักและสัมผัสกับชายหนุ่มที่เธอปลื้มมานานสักครั้ง อีกทั้งเธอยังได้รับความรู้สึกดีๆ ในน้ำจิตน้ำใจเล็กๆ ของเขา เหมือนกับคนที่ติดตามศิลปินในดวงใจ และขอเพียงได้พบเจอตัวจริงของเขาสักครั้งก็พอใจแล้ว นั่นแหละความรู้สึกของเธอ

หญิงสาวหารู้ไม่ว่าเหตุการณ์ที่เธอคิดว่ามันจบลงแล้ว และคงเป็นเพียงการเก็บความทรงจำดีๆ ไว้ระลึกถึงเป็นบางครั้งนั้น แท้จริงมันเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น ระหว่างเธอและชายหนุ่มคนนั้น ยังมีเหตุการณ์อีกมากมายที่จะติดตามมาในไม่ช้า และเวลาที่เพวกเขาจะได้รู้จักกันนั้น เนิ่นนานกว่าที่เธอจะคิดฝันถึงมากนัก

********************

“ว่าไงจ๊ะ ยายตี้ งานเร่งเสร็จแล้วล่ะสิวันนี้ ถึงได้หน้าผ่องมาแต่เช้า” ภารวีเอ่ยทักอย่างอารมณ์ดี เมื่อเห็นเพื่อนสาวโผล่เข้ามาในที่ทำงานในเช้าวันจันทร์ ด้วยหน้าตาผ่องใสผิดกับสัปดาห์ก่อน

“เสร็จสิจ๊ะ ไฟลท์บังคับ ไม่เสร็จได้รึ แล้วเป็นไงบ้างวันศุกร์ สนุกมั้ย” กานตีวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ ก่อนหันไปถามเพื่อนสาวกลับบ้าง

“สนุกสิ ร้องเพลงซะเสียงแหบ เสียดายเธอไม่ได้ไปด้วย”

“ครั้งหน้ายังมีอีกบ่อยๆ น่า” หญิงสาวบอกอย่างไม่ได้เสียดายอะไรมากมายนัก เพราะเพื่อนๆ ในที่ทำงานของเธอแทบจะออกไปแฮงเอาท์กันทุกวันศุกร์เลยก็ว่าได้ ปกติเธอก็ไม่ค่อยนิยมการเที่ยวกลางคืนมากนัก แต่ก็มีบางครั้งที่ออกไปเปิดหูเปิดตากับเพื่อนฝูงบ้าง อย่างการร้องคาราโอเกะซึ่งเป็นที่นิยมของเพื่อนหลายๆ คน แต่สำหรับกานตีซึ่งไม่ถนัดการร้องเพลงเอาเสียเลย เวลาไปกับเพื่อนจึงได้แต่นั่งปรบมือฟังคนอื่นร้องเป็นประจำ

“เออ...เมื่อกี้มีชายหนุ่มหล่อ มาถามหาเธอแน่ะ”

“ใครอ่ะ” หญิงสาวถามอย่างแปลกใจ ในเมื่อร้อยวันพันปีไม่เคยมีใครมาหาเธอสักที

“ไม่รู้ เค้าไม่ได้บอก พอรู้ว่าเธอยังไม่มาก็บอกว่าจะมาใหม่ มีใครแอบซ่อนไว้ไม่บอกเพื่อนฝูง ไปรู้จักหนุ่มหล่อนั่นมาจากไหนบอกมานะ” เพื่อนสาวกระแซะเข้ามาถาม

“มีที่ไหนเล่า เป็นใครยังไม่รู้เลย มาถามหาผิดคนหรือเปล่า”

“แล้วคนชื่อกานตีชั้นนี้มันมีกี่คนกันล่ะจ๊ะแม่คุณ เขามาหาเธอนั่นแหละ ไม่ได้ซุกหนุ่มๆ ไว้แถวนี้จริงๆ เหรอ สารภาพมาเถอะน่า มีดีแล้วไม่ยอมบอกเพื่อน หรือกลัวเค้ามาเจอสาวสวยอย่างฉันแล้วจะเปลี่ยนใจจ๊ะ” ภารวียังไม่ยอมเลิก แถมทำท่าสะบัดบ๊อบ ประกอบวลี ‘สาวสวย’ ให้คู่สนทนาได้หัวเราะแต่เช้า

“บ้า มีที่ไหนเล่า”

“จริงง่ะ...ไม่เชื่อ เธอไม่รู้จักแล้วเค้าจะมาถามหาเธอทำไมล่ะ หล่อเริ่ดมากด้วยนะ รู้รึเปล่ายายประชาสัมพันธ์ปู เกือบจะทำน้ำลายหกรดเขาเข้าแล้วนะเมื่อกี้นี้ ตอนที่เขาเข้ามาถามหาเธอน่ะ”

“นึกไม่ออกจริงๆ ...ช่างเถอะ ถึงเวลาทำงานแล้ว ไปทำงานเลยไป เดี๋ยวก็โดนหัวหน้าเหล่เอาหรอก”

“เชอะ ไปก็ได้ ไม่ยอมบอก อย่าให้เรารู้เองนะ เดี๋ยวจะช่วยประชาสัมพันธ์ให้รู้กันทั้งบริษัทเลย” สาวอารมณ์ดีว่าทิ้งท้าย ก่อนจะยอมร่อนกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง

กานตีพยายามนึกว่าใครกันที่จะมาหาเธอที่นี่ได้ แต่ก็นึกไม่ออก จึงเลิกสนใจและหันมาสะสางงานที่เหลือต่อจนลืมเลือนไปเลยว่าเมื่อเช้ามีคนมาถามหา

********************

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามา และท่านที่กด like ให้ด้วยนะคะ


คุณ konhin : นั่นสิคะ อ่อยหรือเปล่า ให้เดา ^_^

คุณ เดิมเดิม : ตั้งใจจะให้นางเอกน่ารักแหละค่ะ คือจะให้นางเอกค่อนข้างเป็นคนถ่อมตัวนิดนึง ในมุมมองของเธอเลยจะมองว่าตัวเองธรรมดาๆ ไม่เลิศหรูไม่สวยอะไรมาก แต่ในสายตาคนอื่นอาจจะมองเธออีกแบบ

แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ทักเรื่องนี้ อาจจะเป็นเพราะคนเขียนคิดไว้ในหัว แล้วถ่ายทอดออกมาไม่ละเอียดพอ ที่คิดไว้กับสารที่คนอ่านได้รับเลยไม่เหมือนกัน อย่างตอนนี้ก็กะให้นางเอกมีมุมมองขำๆ ไม่ได้น้อยเนื้อต่ำใจอะไรค่ะ แต่ดีแล้วที่มีคนอ่านมาติติงให้จะได้มาย้อนดูว่าเราพลาดอะไรไปตรงไหนบ้าง

ถ้าเรื่องนี้ยังพออ่านได้ก็ช่วยมาวิจารณ์ให้อีกนะคะ คนเขียนชอบ แต่อาจจะไม่ได้แก้ไขทันทีทันใด เพราะตอนนี้กะว่าจะลงที่เขียนไว้แล้วไปก่อน แล้วถ้ามีเวลามารีไรท์จะนำคำวิจารณ์มาพิจารณาอีกทีและตรงไหนที่ควรแก้ก็จะแก้ค่ะ

คุณ หมูอ้วน : ขอบคุณค่า :)

คุณอริสา : ไม่รู้เอาใจช่วยตัวละครหรือคนเขียน แต่ขอบคุณนะคะ ^_^

คุณปอแก้ว : ไม่มีลุ้นเลย เดาได้ซะแล้ว ฮ่าฮ่า ความจริงมันก็เดาได้ง่ายๆ แหละเนาะ

คุณ pattisa : สงสัยเฮียเค้าประยุกต์การทิ้งผ้าเช็ดหน้าของสาวๆ 555




กานตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 มี.ค. 2555, 07:41:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มี.ค. 2555, 07:41:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 2440





<< บทที่ 1 ตัดใจ   บทที่ 3 ใช้หนี้ >>
เดิมเดิม 28 มี.ค. 2555, 08:30:57 น.
นางเอกบุคลิกน่ารักค่ะ ชอบ


ปอแก้ว 28 มี.ค. 2555, 08:39:48 น.
เปิดตัวแล้วสินะพระเอกเรา แถมยังเปิดแบบสุภาพบุรุษผู้แสนดีอีกต่างหาก
แล้วอย่างนี้จะให้หนูตี้ตัดใจได้ยังไงล่ะเนี่ย อิอิ :)


aom 28 มี.ค. 2555, 08:44:54 น.
สนุกดีค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ
เรื่องนี้ทำให้รู้ว่า ผู้ชายก็อ่อยเป็น 5555


หมูอ้วน 28 มี.ค. 2555, 12:55:14 น.
พระเอกน่ารักมากเลยค่ะ เป็นสุภาพบุรุษ + เผด็จการ สุด ๆ เลยค่ะ


อริสา 28 มี.ค. 2555, 13:08:49 น.
นากเอกน่ารักค่ะ พระเอกก็ดูเผด็จการนิดๆจริงๆด้วย


ปรางขวัญ 28 มี.ค. 2555, 17:08:17 น.
พระเอกมีใจให้ตี้แน่เลย น่ารักกำลังดีเลยค่ะเรื่องนี้


konhin 28 มี.ค. 2555, 20:36:31 น.
พระเอกเป็นพวกปากหนักหรือเปล่าคะ พอเห็นสาวควงหนุ่มถึงได้รีบรุก เดากันต่อไป


ปูสีน้ำเงิน 29 มี.ค. 2555, 00:41:38 น.
ชอบอ่ะ ชอบๆๆๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account