สองฝั่งรัก
สาวโสดในเมืองใหญ่อย่างกานตีจะทำอย่างไร เมื่อวันหนึ่งชายหนุ่มในฝันที่เธอเคยเฝ้ามองอยู่ฝ่ายเดียวมานาน ได้แวะเวียนเข้ามารู้จัก และดูเหมือนจะรุกเข้าใกล้ตัวและหัวใจของเธอเข้ามาทุกที
โดยมีตัวช่วยเป็นน้องสาวจอมป่วนของเขา ที่เจอกับเพื่อนหนุ่มใกล้ตัวของเธอทีไร เป็นมีเรื่องกันทุกครั้ง
แถมมีอุปสรรคความรักที่เข้ามาหาไม่ได้ขาด ความรักของเขาและเธอจะเป็นเช่นไร...
Tags: รักโรแมนติก,แอบรัก,กานตี,ตรัสวิน,โรส,สาริศ

ตอน: บทที่ 4 ชิดใกล้


ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังภายในห้างสรรพสินค้ายามเย็น มีลูกค้าค่อนข้างมาก แต่ทั้งสามหนุ่มสาวก็ยังพอเหลือโต๊ะให้จับจอง

วันนี้กานตีค่อนข้างเจริญอาหาร ผิดกับสัปดาห์ก่อนที่ไปทานข้าวกับชายหนุ่ม เพราะไม่มีสายตาใครจ้องมองให้ต้องอึดอัด และวันนี้เธอมีเพื่อนสาวมาเป็นกันชน จึงไม่ต้องนึกหาหัวข้อสนทนาเพื่อไม่ให้บรรยากาศการรับประทานอาหารเงียบเกินไปนัก

เพราะเพื่อนสาวของเธอเป็นคนอัธยาศัยดีอยู่แล้ว เพียงได้รับการแนะนำให้รู้จักกันไม่นานก็สามารถต่อบทสนทนากับชายหนุ่มได้ไม่ติดขัด หญิงสาวจึงสบายใจกับการนั่งทานอาหารไปฟังทั้งสองคนคุยกันไป แม้ว่าภารวีที่นั่งติดกันกับเธอจะคอยกระทุ้งเป็นระยะ เพื่อให้กานตีได้มีส่วนในบทสนทนานั้นบ้าง เพราะเห็นหญิงสาวทำท่าเพลินกับอาหารเกินไปจนไม่สนใจคุยกับใครเลย

“ท่าทางคุณตี้เจริญอาหารดีนะครับ” ตรัสวินทักยิ้มๆ เมื่อเห็นหญิงสาวก้มหน้าก้มตากับอาหารไม่ยอมเงย

กานตีรู้สึกแปลกๆ ที่เขาเรียกชื่อเล่นเธอเป็นครั้งแรกทั้งที่ไม่เคยบอก คงเป็นเพราะภารวีเรียกเธอให้เขาได้ยินหลายครั้งนั่นเอง หญิงสาวเพียงแต่ส่งยิ้มให้แต่ไม่ยอมตอบ กลับหันไปสนใจอาหารตามเดิม จนภารวีที่จับสังเกตสองหนุ่มสาวอยู่ ชักจะหมั่นไส้เพื่อนสาวขึ้นมา ที่ทำเพิกเฉยกับชายหนุ่มหนึ่งเดียวในโต๊ะจนเกินไป ทั้งๆ ที่ได้มีโอกาสมารับประทานอาหารกับหนุ่มหล่อแถมบุคลิกดีขนาดนี้ คุณเธอจะรีบกินไปไหน

“ยายคนนี้เค้ากินง่ายค่ะ กินเก่งด้วย แต่โชคดีชะมัดกินแล้วไม่ยักอ้วน” ภารวีเผาเพื่อนให้ชายหนุ่มฟังซึ่งๆ หน้า

“แต่เค้าก็มีของที่ไม่ชอบเหมือนกันนะคะ ถ้าคุณวินไปทานข้าวกับยายนี่อีกอย่าเผลอสั่งไข่เจียวทอดชะอมมาให้เค้าเชียวนะคะ เค้าไม่ชอบอาหารที่มีกลิ่นจัดๆ ค่ะ” ภารวีสาธยายนิสัยการรับประทานของเพื่อนแก่ชายหนุ่ม

“โดยเฉพาะทุเรียน ใครอย่าได้เอามาใกล้เชียว แค่ได้กลิ่นคุณเธอก็รีบหนีห่างไปเป็นโยชน์แล้วล่ะค่ะ”

ยัง ยังไม่เลิก ไม่รู้ตั้งใจจะขายเพื่อนไปถึงไหน ไม่บอกเค้าไปเลยล่ะว่าเธอมีสัดส่วน น้ำหนักกับส่วนสูงเท่าไหร่ กานตีลอบค้อนเพื่อนเล็กๆ และแอบค้อนไปให้ชายหนุ่มอีกคน เพราะได้ยินเขารับคำกับเพื่อนเธอเป็นดิบดี

“ครับ ผมจะจำไว้”

ไม่ต้องทำน้ำเสียงจริงจังขนาดนั้นก็ได้มั้ง ทำยังกับว่าเธอกับเขาจะได้รับประทานอาหารกันอีกบ่อยๆ วันนี้เธอก็ตั้งใจจะจ่ายหนี้ให้มันจบๆ หลังจากนี้จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก

พอถึงตอนจ่ายเงินแทนที่กานตีจะได้เป็นเจ้ามืออย่างที่ตั้งใจมา ชายหนุ่มกลับวางบัตรเครดิตของเขาลงไปในถาดก่อนเธอ แล้วพนักงานก็รีบรับไปเร็วจนเธอทักท้วงไม่ทัน

“มื้อนี้ฉันต้องจ่ายไม่ใช่เหรอคะ แล้วคุณมาแย่งทำไมเนี่ย”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถือว่าผมเลี้ยงฉลองที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่อย่างคุณก้อยแล้วกัน” เขาบอก

“ได้ยังไง...”

“เอาเหอะน่า คุณวินเค้าอยากจะเลี้ยง จะขัดศรัทธาทำไม เดี๋ยวมื้อหน้าเธอค่อยเลี้ยงก็ยังไม่สาย วันหลังหาร้านแพงๆ ล้มทับยายนี่ไปเลยนะคะ อยากจะเลี้ยงดีนัก” ภารวีรีบขัดเพื่อนที่กำลังจะโวย ก่อนหันไปพูดเล่นกับชายหนุ่ม

“ได้เลยครับ นึกๆ ไปผมก็ชักอยากกินอาหารอิตาเลี่ยนแพงๆ อยู่เหมือนกัน” ชายหนุ่มเล่นกลับยิ้มๆ แต่คนที่จะต้องเป็นเจ้ามืออาหารอิตาเลียนแทบจะทำหน้าคว่ำ ฝันไปเถอะ ถ้าร้านส้มตำข้างทางยังพอคุยกันได้หน่อย

แต่ที่ถูกมันไม่ควรจะมีมื้อหน้าอีกแล้วนี่นา

หลังออกมาจากร้านอาหาร ตรัสวินก็ถามไถ่ถึงการเดินทางกลับของสองสาว ชายหนุ่มยืนยันจะไปส่ง แม้พวกเธอจะบอกว่ากลับเองได้ หลังจากสอบถามเส้นทางได้ความว่าบ้านของสองสาวไปทางเดียวกัน แต่ซอยบ้านของภารวีอยู่เลยกานตีไปอีก

“พี่วิน ต๊ายไม่นึกว่าจะเจอกันนะคะ” เสียงแจ้วของผู้หญิงดังขึ้น ระหว่างที่หนุ่มสาวทั้งสามกำลังยืนตกลงกันไม่จบ เมื่อหันไปก็เห็นสาวสวยนางหนึ่งกำลังซอยเท้าถี่ๆ เข้ามาหา พอมาถึงก็ปราดเข้ามาเกาะแขนชายหนุ่มหนึ่งเดียวไว้ทันที

“พี่วินมาทำอะไรที่นี่คะ โชคดีจังที่เจอ รู้ไหมนัทคิดถึ๊งคิดถึง ไม่เจอกันตั้งนาน” มาถึงเธอก็ว่าเสียงเจื้อยแจ้วโดยไม่สนใจคนอื่นที่ยืนหัวโด่อยู่

“พี่มาทานข้าวกับเพื่อนน่ะครับ” พอชายหนุ่มบอกเช่นนั้น เธอก็หันมามองสองสาวข้างๆ ราวกับเพิ่งมองเห็น ทั้งๆ ที่พวกเขาก็ยืนอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ต้น

สีหน้าของคนที่แทนตัวว่าชื่อนัทยามกวาดมองสองสาว ราวกับจะบอกว่ายายสองคนนี่มาเป็นเพื่อนกับพี่วินของเธอได้อย่างไร ทั้งที่ราศีไม่ให้สักนิด

“แล้วพี่วินจะกลับแล้วเหรอคะ ถ้าทานข้าวเสร็จแล้วไปดูหนังเป็นเพื่อนนัทหน่อยสิ” เธอส่งเสียงอ้อน หลังจากละสายตามาจากสองสาว ที่เธอตัดสินแล้วว่า ไม่คู่ควรกับความสนใจ

“คงไม่ได้หรอกครับ พี่ต้องไปส่งเพื่อนก่อน” ชายหนุ่มว่า ก่อนจะพยายามดึงแขนออกจากการเกาะกุมของสาวสวยอย่างสุภาพ แต่กลับถูกเกาะหมับไม่ยอมปล่อยแน่นกว่าเดิมเสียอีก

“แหม ก็ให้เค้ากลับเองก็ได้นี่คะ โตๆ แล้ว วันนี้มีหนังเข้าใหม่ นัทไม่มีเพื่อนดูเลยค่ะ นะนะ” เธออ้อนต่ออย่างเอาแต่ใจ

“คงไม่ได้จริงๆ ครับ เพราะพี่ต้องไปธุระต่อหลังจากส่งเพื่อนแล้ว อีกอย่างพี่ไม่ค่อยชอบดูหนังด้วย ยังไงวันหลังนัทชวนเจ้ายุตมันมาเป็นเพื่อนก็ได้นี่ครับ” ชายหนุ่มพยายามเลี่ยง

“พี่ยุตน่ะเหรอคะจะมีเวลามาดูหนังกับน้อง วันๆ เห็นควงสาวไปโน่นมานี่ไม่ได้ขาด” หญิงสาวว่าหน้าง้ำราวกับเด็กๆ ซึ่งชักจะขัดกับการแต่งตัวหรูดูเป็นสาวสวยไฮโซของเธอ

หญิงสาวสองคนที่มากับชายหนุ่มเฝ้ามองอยู่เงียบๆ โดยไม่ได้ส่งเสียงขัดจังหวะ ด้วยแววตาสนใจปนขบขันที่เห็นสาวสวยเกาะแจอยู่กับตรัสวิน เหมือนกับจะยึดเขาไว้กับตัวไม่ให้ไปไหนได้ ส่วนชายหนุ่มกลับทำหน้าอึดอัด พยายามดึงแขนตัวเองออกจากมือสาวเจ้าอย่างไร้ผล

กานตีมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างนึกสนุกปนหมั่นไส้ชายหนุ่มนิดๆ ช่างเสน่ห์แรงเสียจริงนะ คราวก่อนที่เธอไปเดินห้างก็เจอเขากับสาวน้อยคนหนึ่ง มาคราวนี้ก็เป็นสาวอีกคนที่ดีกรีความสวยไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย นึกๆ ดูแล้วผู้ชายที่หน้าตาดีอย่างเขาคงจะเจ้าชู้ไม่เบาเหมือนกัน

แต่เหตุไฉนเขาถึงทำท่าอึดอัดไม่เต็มใจอย่างนั้นล่ะ หรือเพราะมีพวกเธอมาด้วย ไม่งั้นเขาอาจจะรีบเข้าไปตีตั๋วดูหนังกับสาวคนนี้อย่างไม่ต้องรอให้ชวนรอบสองก็ได้ ดูซิว่าชายหนุ่มจะแก้ปัญหาเหตุการณ์เฉพาะหน้านี้ยังไง

“ฝากน้องนัทบอกเจ้ายุตมันด้วยนะครับว่า อีกสองสามวันเดี๋ยวพี่จะโทรไปหามัน เพื่อนๆ ในกลุ่มเค้าจะนัดสังสรรค์กัน” ชายหนุ่มว่าก่อนจะรีบปลดแขนสาวสวยออกในจังหวะที่เธอกำลังเผลอ แล้วถอยฉากออกมายืนรวมกับสาวๆ อีกสองคน

“แล้วเจอกันใหม่นะครับ” เขารีบตัดบท ก่อนที่สาวสวยจะได้พูดหรือทำอะไรได้ทัน

“ไปครับคุณตี้คุณก้อย” เขารีบต้อนสาวๆ ให้ออกเดิน ปล่อยให้สาวสวยด้านหลังกระฟัดกระเฟียดด้วยความไม่พอใจอยู่คนเดียว

จากที่ไม่สนใจในตอนแรก นัทธมนเริ่มสังเกตสังกาหญิงสาวที่มากับเขาเป็นครั้งแรก เมื่อเห็นชายหนุ่มดูจะให้ความสำคัญมากว่าเธอซึ่งรู้จักกับเขามาหลายปีดีดักแล้ว อยากรู้ว่าสองสาวที่มาด้วยเป็นแค่เพื่อนจริงๆ หรือมีอะไรมากว่านั้น และถ้ามีควรจะเป็นคนไหน

น่าจะเป็นยายคนที่ท่าทางเปรี้ยวนิดๆ นั่นมากกว่า เพราะอีกคนช่างดูจืดชืดในสายตาเธอ หน้าก็ไม่แต่ง คนอย่างพี่วินคงไม่ตาต่ำไปชอบผู้หญิงธรรมดาอย่างนั้นเป็นแน่ ดูอย่างเธอที่ทั้งสวยทั้งรวยทัดเทียมกันกับเขา รู้จักกันมาก็นาน แถมอาศัยความสนิทสนมที่เขามีต่อพี่ชายของเธอเป็นตัวช่วย เขายังไม่มีท่าทีจะใจอ่อนหันมาให้ความสนใจเธอมากกว่าความเป็นน้องสาวของเพื่อนสักนิด

แต่คนอย่างนัทธมนไม่มีทางยอมแพ้ ปล่อยให้ผู้ชายที่เธอหมายปองมาตั้งแต่ย่างเข้าวัยรุ่น หลุดมือไปง่ายๆ แน่

****************************************

“ความจริงคุณจะอยู่ดูหนังกับคุณคนนั้นก็ได้นะคะ พวกเรากลับกันเองได้ค่ะ” กานตีเสนอทางเลือกให้ชายหนุ่ม หลังจากแอบหันไปมองข้างหลัง และเห็นสาวสวยนางนั้นยังมองตามพวกเธอมาไม่เลิก ท่าทางจะเคืองน่าดู

“ไม่ล่ะครับ แล้วพวกคุณมีอะไรต้องซื้อกันหรือเปล่า ไหนๆ ก็มาแล้ว ตามสบายนะครับ ผมรอได้ไม่รีบ” ชายหนุ่มบอก

แล้วเมื่อครู่นี้ใครบอกว่ามีธุระจะต้องไปทำต่อ หลังจากส่งพวกเธอแล้วกันล่ะ

“ไม่ดีกว่าค่ะ กลับเลยดีกว่า คุณจะได้รีบไปทำธุระต่อ” หญิงสาวว่า ทำให้ชายหนุ่มต้องก้มลงมองคนพูดเพราะน้ำเสียงของเธอแฝงวี่แววเหมือนหมั่นไส้เขาอยู่เล็กๆ

“ไม่เป็นไรครับ ธุระของผมรอได้” เขาบอกยิ้มๆ เหมือนมีเรื่องให้อารมณ์ดีนักหนา สงสัยจะดีใจที่เมื่อกี้ได้เจอสาวสวย กานตีแอบนินทาในใจ

ภารวีที่แกล้งเดินทอดน่องให้ช้ากว่าสองหนุ่มสาวนิดหนึ่ง มองเพื่อนของตัวเองและชายหนุ่มอย่างอารมณ์ดี เมื่อสักครู่การกระทำของชายหนุ่มได้ใจเธอไปเต็มๆ เพราะแทนที่เขาจะปลีกตัวไปกับผู้หญิงคนเมื่อกี้ ซึ่งสวยหยด น่าจะเป็นที่ต้องตาของหนุ่มๆ ไม่น่าที่จะมีหนุ่มคนไหนอยากจะปฏิเสธคนสวยขนาดนั้น แต่เขากลับยืนยันที่จะมาส่งพวกเธอให้ได้ โดยไม่ใยดีกับสาวสวยคนนั้นสักนิด

กานตีจะรู้ตัวไหมหนอว่าชายหนุ่มคนนี้ให้ความสำคัญกับเธอไม่น้อยเลย เห็นทีเพื่อนสาวที่ไม่เคยมีหนุ่มมาแผ้วพานในหัวใจของเธอคนนี้ อาจจะถึงคราวมีความรักกับเขาบ้างแล้วก็ได้

ขากลับภารวียังยึดที่นั่งด้านหลังของรถยนต์อย่างแน่นเหนียว ไม่ยอมให้เพื่อนสาวแย่งได้ แถมจากที่ส่งเสียงแจ้วๆ อยู่ในร้านเมื่อสักครู่ตอนนี้กลับเงียบเสียง ทำราวกับว่าพอหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน ทำท่าเหมือนอยากจะหลับเอาง่ายๆ จนกานตีนึกอยากเอื้อมมือไปหยิกเพื่อนสักครั้ง โทษฐานที่ปล่อยให้เธอต้องนั่งอยู่ข้างคนขับรถ โดยไม่มีใครมาชวนพูดคุย

บรรยากาศเงียบๆ ชวนให้อึดอัดพิกล อารมณ์หมั่นไส้เล็กๆ ที่ยังไม่หายไปจากใจ ทำให้หญิงสาวนั่งเฉยไม่อยากชวนคนขับพูดคุยเอาเสียเลย

กานตีหันขวับไปมองชายหนุ่ม เมื่อเขาขับรถเลยปากทางเข้าบ้านเธอหน้าตาเฉย

หรือเขาจะจำทางเข้าบ้านเธอไม่ได้...

น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ ก็เขาเคยมาแค่ครั้งเดียวนี่นะ

“คุณคะ เลยซอยเข้าบ้านของฉันแล้วค่ะ เดี๋ยวคุณจอดปากซอยถัดไปนี่แล้วกันนะ” กานตีรีบบอก กะว่าจะนั่งมอเตอร์ไซค์จากหน้าซอยนี้เข้าบ้าน เพราะไม่ไกลกันมากนักและนี่ก็ยังไม่ดึกมาก

“ผมเห็นแล้วล่ะ เดี๋ยวไปส่งคุณก้อยก่อนก็แล้วกัน แล้วเดี๋ยวค่อยวกกลับมาส่งคุณ” เขาบอก

“ไม่ต้องกลับไปกลับมาก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันนั่งมอเตอร์ไซค์เข้าบ้านได้” หญิงสาวแย้ง

“ไม่เอา ดึกแล้ว ไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย แล้วมันก็ผ่านมาไกลแล้วด้วย”

ก็ถ้าเขารีบจอดตั้งแต่เธอบอก มันจะเลยมาไกลขนาดนี้ไหมเล่า กานตีเถียงในใจ แล้วที่เขาบอกว่าเห็นแล้วนั่น มันหมายความว่ายังไง เห็นแต่จำไม่ได้ว่าเป็นซอยบ้านเธอ หรือเห็นและจำได้กันแน่ ถ้าจำได้ทำไมไม่จอดส่งเธอก่อน เขาจะขับรถอ้อมไปอ้อมมาให้เสียเวลาทำไม

“ท่าทางมื้อนี้คุณจะอิ่มมากจริงๆ นะเนี่ย ดูสินั่งไม่พูดไม่จาเลย ง่วงหรือครับ” ชายหนุ่มหันมาถาม เมื่อผู้โดยสารสาวได้แต่นั่งเงียบ ทำเอาหญิงสาวลอบค้อน หลอกด่าหาว่าเธอตะกละหรือเปล่านี่

“ก็ง่วงเหมือนกันแหละค่ะ” รับสมอ้างเสียเลย จะได้ไม่ต้องหาเรื่องมาชวนคุย

“ทนๆ ง่วงอีกแป๊บเดียว เดี๋ยวก็ถึงแล้วละ” ชายหนุ่มบอกเสียงอ่อนโยน เมื่อเข้าใจว่าคู่สนทนาของเขาง่วงจริงๆ อย่างที่บอก

“ขอบคุณมากนะคะคุณวิน ขับรถกลับดีๆ นะคะ เจอกันพรุ่งนี้นะตี้” ภารวีส่งเสียงแจ้วๆ ไม่มีท่าทางง่วงเหงาหาวนอนสักนิด หลังจากรถมาจอดหน้าตึกซึ่งเป็นอาคารพานิช ที่หญิงสาวพักอยู่กับครอบครัว

มันน่าไหมล่ะ แล้วเมื่อกี้ใครกันทำท่าคอพับคออ่อน ปล่อยให้เธอเป็นคนบอกทางกับคนขับแทน

แล้วตรัสวินก็วกรถกลับมาส่งกานตีอีกครั้ง ซึ่งใช้เวลาไม่นานนัก เพราะซอยบ้านของหญิงสาวและภารวีไม่ห่างกันมาก

“แล้วเจอกันครับ” ชายหนุ่มบอกเมื่อเธอขอบคุณเขาก่อนลงจากรถ

ถ้าเขาไม่มาทวงหนี้เธออีกก็คงไม่เจอกันหรอก อย่างดีก็อาจจะเจอกันตอนเช้าๆ เป็นบางครั้งเท่านั้นแหละ หญิงสาวคิด

****************************************

กานตีเจอกับตรัสวินเร็วกว่าที่คาด เพราะพอรุ่งขึ้น พอเธอก้าวเข้าไปในลิฟท์ก็เห็นชายหนุ่มปะปนอยู่กับคนอีกหลายคนในนั้น พอเห็นเธอก้าวเข้าไปเขาก็ยิ้มให้ แล้วยกมือเป็นเชิงทักทาย ทำให้หญิงสาวใจเต้นรับอรุณไปเลย เมื่อตระหนักความจริงว่า ตอนนี้เธอกับเขาเป็นคนรู้จักกันจริงๆ แล้ว เธอเป็นคนมีตัวตนสำหรับชายหนุ่มที่เคยเฝ้าแอบมอง ต่างจากวันวานที่มีเพียงเธอที่รู้จักเขาอยู่เพียงฝ่ายเดียว

กานตีคงจะปลื้มมากกว่านี้ ถ้าไม่เคยเห็นชายหนุ่มควงคู่กับหญิงสาวคนอื่นมาก่อน แถมเมื่อวานก็ยิ่งทำให้เธอมองเห็นชัดขึ้นว่า ผู้ชายเช่นเขาคงมีผู้หญิงมากมายหมายปอง ในจำนวนนั้นคงจะมีสักคนที่เป็นตัวจริงของเขา แล้วเธอจะมัวหลงไหลได้ปลื้มกับผู้ชายของคนอื่นอยู่ได้อย่างไร

“ไม่เห็นคุณมาทำงานเวลานี้ตั้งหลายวันแล้ว นึกว่าเลิกมาเวลานี้แล้วซะอีก” เสียงพูดใกล้ๆ หูทำให้กานตีสะดุ้ง มัวใช้ความคิดเพลินๆ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มเลื่อนตัวมายืนข้างๆ เธอตั้งแต่ตอนไหน หญิงสาวแหงนมองคนที่ยืนชิดอยู่ข้างตัวงงๆ

ทุกวันที่ผ่านมาลิฟท์มันจะเคยแน่นขนาดนี้หรือเปล่านะ เพราะปกติเธอไม่เคยต้องยืนชิดใครๆ ถึงเพียงนี้ หรือมันก็เบียดกันอย่างนี้ทุกวัน แต่เธอไม่เคยรู้สึกใจเต้นแบบนี้มาก่อนกันแน่...ใจเต้นกับความชิดใกล้...ใกล้จนได้กลิ่นกรุ่นๆ ออกมาจากตัวของเขา...จนลืมสะกิดใจว่า ชายหนุ่มพูดราวกับรู้ว่าก่อนหน้านี้เขารู้ว่าเธอมาทำงานเวลาไหน ทั้งๆ ที่หญิงสาวคิดว่าเธอมองเห็นเขาเพียงฝ่ายเดียวมาตลอด

เมื่อเห็นชายหนุ่มก้มลงมองยิ้มๆ พร้อมทั้งเลิกคิ้ว เมื่อเธอยังไม่ตอบคำของเขา หญิงสาวก็รีบหันใบหน้ากลับมาโดยเร็ว

“บางวันก็มีมาสายกว่านี้บ้างน่ะค่ะ” เธอบอกเขาไปตามตรง แต่ละความจริงที่ว่า ที่มาสายนั้นเพราะเป็นความตั้งใจของเธอที่จะหลบหน้าเขานั่นแหละ แต่เมื่อเลื่อนเวลาออกจากบ้านแล้วทำให้เจอรถติดมากๆ เข้า เธอก็เลยยอมแพ้ กลับมาออกจากบ้านเวลาเดิมอย่างที่เคย

เพราะมีผู้โดยสารหลายคน ลิฟท์จึงแวะหยุดหลายครั้งกว่าจะถึงชั้นของหญิงสาว ทำให้ช่วงเวลาที่กานตีต้องยืนใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ทอดยาวออกไปเล็กน้อย ทำให้เธอแทบจะถอนใจโล่งอกที่ถึงชั้นที่เธอต้องออกไปสักที ไม่อย่างนั้นผู้ชายข้างๆ อาจจะได้ยินเสียงหัวใจของเธอที่เต้นเป็นตีกลองเอาก็ได้

“เป็นอะไรจ๊ะ หน้าตาแดงๆ ไม่สบายเปล่า” เพียงเดินเข้าที่ทำงานและเจอหน้าเพื่อนสนิทก็โดนทักทันที ทำให้หญิงสาวอดยกมือลูบหน้าตัวเองไม่ได้

เป็นเอามากขนาดนี้เลยหรือนี่เรา...

“แน่ะ ถามก็ไม่ตอบ เอ๊...หรือใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ลอยตามใครไปตั้งแต่เมื่อคืนกันน้อ” เสียงล้อเลียนของภารวีทำให้กานตีหยิกหมับเข้าให้อย่างที่อยากทำตั้งแต่เมื่อคืน

“นี่แน่ะ...ไม่ต้องมาพูดดีเลยนะ ทำเป็นหลับคอพับคออ่อน ปล่อยให้เราบอกทางคนเดียวอยู่ได้ บ้านตัวเองแท้ๆ“ เท่านั้นยังไม่พอ คงจะแอบเก็บรายละเอียดทุกเม็ดเลยสิท่า

“ก็ต้องตอบแทนเจ้ามือเลี้ยงข้าวบ้างสิ เลยไม่อยากทำตัวเป็น ก ข ค” ลอยหน้าบอก

“ก ข ค อะไรกันเล่า หยุดพูดแบบนี้เลยนะ” บอกเสียงข่มขู่ แต่แทนที่คนฟังจะกลัว กลับทำหน้าทะเล้นหนักเข้าไปอีก นี่ถ้ายายก้อยรู้ว่าที่เธอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่นี่ เป็นเพราะเหตุการณ์ในเช้านี้มากกว่าจะเป็นเมื่อคืน คงโดนล้อเลียนหนักกว่านี้ไม่รู้กี่เท่า

“ไม่ต้องมาทำดุกลบเกลื่อนความเขินหรอกน่า ไม่ล้อแล้วก็ได้”

“ไม่ได้เขิน แต่ที่ดุ เพราะมันไม่มีอะไรให้ต้องล้อ ไม่มีอะไรในกอไผ่น่ะเข้าใจหรือเปล่า”

เพื่อนสาวได้ยินแล้วก็ได้แต่ถอนใจ โถแม่คุณ...นี่ไม่รู้ตัวจริงๆ หรือเพราะไม่อยากรับรู้กันแน่ ไม่อย่างนั้นเมื่อคืนพ่อหนุ่มคนนั้นจะต้องขับรถย้อนไปย้อนมา เพื่อมาส่งส่วนเกินอย่างเธอก่อนทำไมกันเล่า ถ้าในกอไผ่มันว่างเปล่าอย่างที่คุณเธอพยายามย้ำ

เพราะเจอเรื่องให้ใจเต้นตั้งแต่เช้า ประกอบกับโดนเพื่อนสาวตอกย้ำให้หัวใจต้องทำงานหนัก ทำให้วันนั้นทั้งวันกานตีทำงานด้วยความขาดสมาธิ ใจคอคอยจะไพล่นึกไปถึงผู้ชายคนนั้นอยู่ร่ำไป

นี่มันชักจะไม่ดีเสียแล้ว แต่ก่อนที่เธอแอบปลื้มๆ เขา ไม่เห็นเคยเป็นแบบนี้มาก่อน อย่างมากวันไหนได้เจอก็เพียงทำให้เธออารมณ์ดี พอได้เป็นสีสันของวันเท่านั้น แล้วก็ผ่านไป แต่พอได้รู้จักกับเขาเข้าจริงๆ ทำไมความรู้สึกมันไม่เหมือนเก่า ต้องคอยเก็บเอาเรื่องเขามาคิดอยู่เรื่อย

เพราะมีเรื่องสับสนในใจ หญิงสาวเลยรับปากที่จะไปสังสรรค์ร่วมกับพรรคพวกในบริษัทเย็นนี้ หลังจากได้รับคำชักชวน เผื่อว่าความเพลิดเพลินจะทำให้เธอลืมๆ เรื่องค้างคาใจในตอนนี้ได้บ้าง

****************************************



คุณ ปรางขวัญ : เฮียเค้ามีเรื่อยๆ ค่ะ

คุณ aom : อิอิ นั่นสิ

คุณ เดิมเดิม : ถ้าคนอ่านรู้ทันแสดงว่าไม่เนียนพอ อิอิ

คุณ เทียนจันทร์ : มาแล้วค่า ขอให้เจอแบบนี้ไวๆ น้า ^^

คุณ หมูอ้วน : เดี๋ยวซักพักเฮียจะมีตัวช่วยน้อ

คุณ ปอแก้ว : ใช่มั้ยคะ ^_^

คุณ konhin : ฮ่าฮ่า นั่นสิคะ นางเอกชักน่าสงสารแล้ว

คุณอริสา : ของอย่างนี้ต้องเร็วนิดนึง อิอิ



กานตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 มี.ค. 2555, 08:42:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 มี.ค. 2555, 08:42:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 2578





<< บทที่ 3 ใช้หนี้   บทที่ 25 ถ้ำเสือ >>
konhin 30 มี.ค. 2555, 10:51:03 น.
อย่างนางเอกเนี่ยเรียกว่าป๊อดอ่ะ โอกาสมาถึงแล้ว คว้าไว้เร็วๆ


ปรางขวัญ 30 มี.ค. 2555, 11:16:50 น.
555 แสดงว่าพี่วินก็แอบมองกานตีอยู่เหมือนกันนะเนี่ย
ชักอยากมีผู้ชายแบบนี้ไว้ข้างตัวบ้างจัง


ปอแก้ว 30 มี.ค. 2555, 11:49:14 น.
ชอบผู้ชายอย่างนี้....ตี้เอ๋ยยย...เขาวิ่งเข้าหาแล้วหนูก็อย่าวิ่งหนีเขาสิจ๊ะ
เดี๋ยวคุณวินเขาเลิกวิ่งหาแล้วหนูจะเสียใจนะจ๊ะ :) โอกาสทองหายากนะเออ ^_^


เดิมเดิม 30 มี.ค. 2555, 12:15:44 น.
สาวหน้าใหม่วันนี้ ชื่อนัทยา หรือ นัทธมนคะ แต่น้องตี้คิดดีแล้วหล่ะให้มั่นใจ
ว่าพี่วินไร้สารก่อนดีกว่าเนอะ


หมูอ้วน 30 มี.ค. 2555, 13:06:04 น.
ชอบเฮีย ม๊าก ๆ เลยค่ะ


aom 30 มี.ค. 2555, 16:08:54 น.
อยากได้ผู้ชายอย่างนี้บ้างจัง อิอิ


อริสา 1 เม.ย. 2555, 13:26:19 น.
เจ้าสาวที่กลัวฝน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account