พรางรักพรางพิศวาส

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่1

พรางรักพรางพิศวาส
ตอนที่1
กลุ่มเมฆดำครึ้มในยามบ่ายของวันเคลื่อนตัวลอยต่ำบดบังแสงสว่างตามวัฏจักรธรรมชาติ อย่างที่ควรจะเป็น ใบไม้บนต้นลู่ไปตามแรงลมที่โหมพัดกระหน่ำอย่างต่อเนื่องหยอกล้อเบียดเสียดพลอยให้ร่วงหล่นลงมาบนพื้นดินที่ยังเปียกแฉะอยู่ก่อนหน้านี้เมื่อไม่นานนัก เสียงอนุนีบาตดังกระหึ่มไปทั่วท้องฟ้าอีกครั้งและอีกครั้งตามมาติดๆกัน ส่งผลให้ร่างบางที่หลับสนิทอยู่บนเตียงไม้เก่าๆสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้
“พ่อ!!! ” เสียงนุ่มหวานตะโกนออกมาดังทั่วห้อง เหงื่อเม็ดเล็กๆหยดซึมไปตามหน้าผากและแผ่นหลังเนื้อละเอียดของเจ้าหล่อน ทั้งเสียงลมหายใจที่เหมือนจะเหนื่อยหอบจนเธอต้องยกมือขึ้นทาบหน้าอกเมื่อถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เป็นเพียงแค่ความฝัน ก่อนที่จะยันกายไปหยิบรูปบนโต๊ะหัวเตียงมากอดแนบอกไว้ด้วยความรักสุดหัวใจ
“พ่อคะ พ่อมาหาลินใช่มั๊ยคะ ลินคิดถึงพ่อ ลินคิดถึงพ่ออิน..ฮือๆ” เสียงสะอื้นดังขึ้นมาพร้อมๆกับเสียงสายฝนที่ตกลงมาอีกครั้งอย่างหนักกว่าเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว เธอหลุดจากภวังค์ความคิดถึงนั้น ครั้นได้ยินเสียงคุ้นประสาทสัมผัสมาตั้งแต่ตนจำความได้ ตะโกนก้องอยู่หน้าประตูห้องนอน
“ปังๆ!!! นังลิน เปิดประตูให้ฉันหน่อย”
“แม่” เสียงพึมพำดังออกมาจากริมฝีปากบางที่แห้งผาก เธอเพียงปาดน้ำตาลวกๆแล้วรีบกุลีกุจอลงจากเตียงนอน แต่ก็ทำได้แค่เพียงลุกขึ้นยืนเท่านั้น ร่างบางก็เซจนต้องนั่งลงต่อ ด้วยอาการปวดหัวหน้ามืดจึงไม่ทำให้เธอสามารถทำตามใจปรารถนาได้
“ปังๆๆ!!! นังลิน นี่แกทำอะไรอยู่หะ หนอยนังนี่ เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ” เสียงทุบประตูยังคงดังต่อเนื่องและดูท่าจะดังกว่าสายฝนด้านนอกที่ตกอย่างไม่ลืมหูลืมตาเสียอีก จนแยกเสียไม่ได้ว่าธรรมชาติที่พิโรธอย่างเกรี้ยวกราดด้านนอกกับสมรภูมิทางอารมณ์ที่กราดเกรี้ยวหน้าห้อง อย่างไหนน่ากลัวกว่ากันในความรู้สึก “ค่ะแม่ดา ลินไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” เธอข่มตาแล้วใช้กำลังที่ตนมีอยู่น้อยนิดยันตัวเองลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เพื่อเดินไปเปิดประตูที่มีความเจ็บปวดรอเธออยู่มากมาย ปวดทั้งกาย ปวดทั้งใจ ไม่นานมือเรียวสวยก็ทำหน้าที่เลื่อนสลักกลอนสีสนิมบนประตูไม้สีน้ำตาลซีดที่แทบจะกลืนเป็นสีเนื้อเดียวกันให้เป็นอิสระจากกันและกันโดยสมบูรณ์ แต่เปิดได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้นก็โดนผลักให้เปิดออกจนสุดตามอารมณ์ของคนหน้าห้อง ซึ่งคนในห้องเองก็มีชะตากรรมไม่ต่างไปจากมัน เมื่อหน้าผากที่ชื้นเหงื่อของเธอก็ถูกผลักจนเซเข้าไปในห้องดังกล่าวตามด้วยร่างที่ก้าวย่างเข้ามาแล้วกวาดสายตาไปทั่วทุกมุมห้องเก่าเล็กไม่น่ารื่นรมย์ในความคิดของนางเอง
“นี่แนะ!!! แกทำอะไรอยู่หา ปล่อยให้ฉันยืนแหกปากเรียกได้ตั้งนาน ไหนฉันดูซิ ผ้าห่มไม่ได้พับ หมอนยับยู่ยี้ เตียงก็ยังอุ่นๆ ครบสูตรขนาดนี้ คงนอนขี้เกียจอยู่ล่ะซิท่า แกนี่มันไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย” ศีรษะของอลินเอนลงเรื่อยๆตามแรงผลักที่ติดกันหลายๆครั้ง จนนิ้วมือหยุ่นได้สัมผัสถึงอุณหภูมิที่ผิดปกติของร่างกาย
“ นี่ไม่สบายรึเปล่า รีบไปกินยาซะ ฉันไม่ยอมให้แกเป็นอะไรหรอกนะ… ฮึ!!!นางสาวอลิน พงศ์โภคา นักร้องมือ1ของร้านคุณนายลินดา จะต้องสวยและเฟอร์เฟคที่สุดกว่าห้องอาหารไหนๆ เอาล่ะ ฉันแค่จะแวะมาบอกแกว่าวันนี้ให้รีบไปที่ร้านหน่อย พอดีนังส้มโอมันลางาน”
“ค่ะแม่” เธอเพียงก้มพยักหน้าแล้วตอบรับเสียงแผ่วเบา

“ ดี แล้วอย่าให้ฉันต้องมาตามเป็นรอบที่สอง ไม่งั้นแกโดนดีแน่”

“ แล้วแม่ไม่ถามหน่อยหรอคะ ว่าทำไมลินถึงไม่สบาย”
อลินก้มหน้าเปล่งวาจาถามออกไป กลืนน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างขื่นขม นางลินดาซึ่งหันหลังเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว ขาก็ต้องหยุดชะงักเสียดื้อๆ บรรยากาศในห้องเงียบ มือบางที่ประสานกันไว้ของหญิงสาวบีบเข้าหากันจนรู้สึกเจ็บ น้ำตาเอ่อจนขอบตาร้อนผ่าว
หญิงวัยกลางคนที่อลินเรียกว่าแม่เดินออกจากห้องไปอย่างไม่สนใจใยดี หญิงสาวเงยหน้าเก็บน้ำตารื้นขึ้นแล้วเดินไปปิดประตูเบาๆ เธอไม่ได้คำตอบแต่การกระทำมันสะท้อนทุกอย่างให้เธอจงเข้าใจและยอมรับ ร่างบางยืนหันหลังพิงให้ประตูอย่างอ่อนล้า พลันทำนบที่ดวงตาหวานฉ่ำก็พังทลายออกมาเป็นหยาดน้ำตาอาบแก้ม เสียงสะอื้นฮักอย่างหนักดังออกมาจนเธอต้องเอามือขึ้นปิดปาก แต่ถีงกระนั้นก็ไม่สามารถที่จะทำให้ร่างกายที่สั่นเทาหยุดได้แต่กลับเพิ่มขึ้นจนควบคุมแทบไม่อยู่ แขนขาเริ่มไร้เรี่ยวแรง จนต้องเลื่อนตัวลงนั่งกอดเข่า ซบหน้าลงร้องไห้อยู่ตรงนั้นจนน้ำตาเหือดแห้ง ล่วงเลยไปพร้อมกับสายฝนบนฟากฟ้าและเสียงรามสูรย์ขว้างแก้วนางเมขลาที่สิ้นสุดลงในยามเย็นของวันก่อนจะไปจัดการกับร่างกายของตนเองเพื่อทำตามคำบัญชาของผู้มีพระคุณ
สายน้ำอุ่นจากเครื่องอำนวยความสะดวกรุ่นใหม่ล่าสุดไหลวนบำบัดความเมื่อยล้าในร่างกายให้ผ่อนคลายลงไปได้บ้างจนคนที่สัมผัสนอนหลับตาพริ้มดั่งล่องลอยในฟองอากาศที่ว่างเปล่าเบาสบาย กลิ่นกำยานและเทียนหอมถูกจุดในตะเกียงกะลานับสิบโชยกลิ่นปรอดโปร่งอ่อนละมุนเข้าสู่โพรงจมูกหล่อเลี้ยงเวียนไปทั่วทุกเซลล์อณู อีกส่องแสงสลัวไหวระริกไปตามธรรมชาติของทิศทางลมที่ไม่เคยหยุดนิ่งภายในห้องน้ำสุดหรูที่ไม่เปิดไฟแม้แต่ดวงเดียวตามความชอบของประมุขของบ้าน
ร่างสมส่วนกำยำขยับกายให้พอเหมาะกับอ่างน้ำวนเพื่อดำดึ่งสู่มิติล้ำลึกแห่งการพักผ่อน แต่สวรรค์ในวารีที่วาดหวังก็อันตรธานหมดลง เมื่อมีเสียง รบกวนแผดดังเข้ามา ครั้งแรกเขาไม่คิดที่จะรับ เพราะลูกสมุนที่ติดต่อเข้ามาคงรับรู้ว่าเวลานี้เขาต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ครั้งที่สอง สาม สี่ ห้าที่ตามมา มันทำให้วิมานวารีของเขาพังไม่เป็นท่า คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน หน้าผากที่ยับย่น ร่องแก้มที่เริ่มลึกตามสังขารรวมถึงริมฝีปากกระตุกถี่ยากจะควบคุม และเสียงนั้นมันก็ดังขึ้นเป็นครั้งที่หก
กำปั้นทรงพลังทุบผิวน้ำจนแตกกระเซ็น “โธ่เว้ย!!!” เขาสบถออกมาทั้งที่ยังไม่ลืมตา ก่อนจะเอื้อมมือกดรับปุ่มวงจรปิดหน้าห้อง แล้วกระแทกเสียงถามออกไป

“ ใครตายว่ะ ”

“ ลูกไอ้โม่ง ”
เสียงเข้มที่ตอบมาทำให้ร่างในอ่างลืมตาเบิกโพลงไปที่จอภาพ หัวใจกระตุกวูบ รอยยิ้มเต็มไปหน้าอวบอูม
“ผมรอด้านล่างนะครับ”
ไม่ต้องพูดอะไรไปมากกว่านั้น ชายวัยทองก็รีบออกจากวิมานวารีอย่างไม่คิดจะเสียดายอีก ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่ เปิดประตูออกลงไปยังที่หมาย ชั้นล่างของบ้านบุศยากรโดยไม่สนใจคมกับขวาน สมุนซ้ายขวาที่หันมายักคิ้วให้กันและกันอย่างรู้ความหมายว่านายชาตรี บุศยากรนายใหญ่ของพวกเขารักผู้มาเยือนคนนี้มากแค่ไหน
*****

“นายน้อย” เสียงที่ดังมาทางด้านหลังจนทำให้ชัชต้องวางกรอบรูปลงที่โต๊ตามเดิม เขารีบไปรับร่างอวบวัยใกล้ชราที่วิ่งเข้ามาหา เพราะกลัวว่าจะได้รับอันตรายหากหกล้มไป นางเอื้องจึงได้กอดรัดร่างชายหนุ่มถ่ายทอดความคิดถึงให้สมกับที่ไม่ได้เจอกันหลายปีจนน้ำตาไหลซึมออกมา
“ ไปไงมาไงคะถึงได้กลับมาเยี่ยมบ้าน สงสัยนมคงต้องไปแก้บนกับหลวงพ่อซะแล้ว ”

“ รัก คิดถึง แค่นี้พอมั๊ย ” ชัชพูดพลางจูงมือนางเอื้องไปนั่งที่โซฟาด้วยใหญ่ด้วยกัน

“ ไม่พอหรอกค่ะ ถ้ายังไม่ได้… ” นางเอื้องเอียงแก้มซ้ายให้ ชัชจึงหอมไปฟอดใหญ่อย่างรู้งาน จนคนถูกกระทำยิ้มตาหยี หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ก่อนเสียงหัวเราะจะเงียบไปซะดื้อๆเมื่อนางนึกบางอย่างออก หันซ้ายหันขวามองไปทั่ว แล้วกระซิบกระซาบถาม

“เจอนายท่านรึยังคะ”

ตาคมหรี่ลงเมินหน้าไปทางอื่น แล้วลุกขึ้นไปยืนที่หน้าต่าง มองออกไปด้านนอก ซักพักก็ตอบกลับมา

“แล้วนมสบายดีรึเปล่า”

“สบายกายค่ะ นมว่าถ้านายน้อยยังไม่เจอนายท่านก็ควรขึ้นไปหาที่ห้องนะคะ เมื่อกี๊น่ะนมเห็นท่านขึ้นไปที่ห้อง สีหน้าไม่ค่อยจะดีเลย ไปดูซะหน่อยเถอะค่ะ เพราะยังไงนายท่านก็เป็นพ่อ ต่อให้นายน้อยปฏิเสธยังไงก็หนีความจริงไปไม่พ้น”

ชัชกัดกรามแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน แววตากระด้างขึ้น
“นมรู้ว่านายน้อยเจ็บปวดกับเรื่องในอดีต แต่นมก็อยากให้นายน้อยอภัย เพราะหากนายหญิงทราบคงดีใจไม่น้อยที่พ่อลูกเข้าใจกัน”

“จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว ไม่สบายใจเรื่องอะไร”

“ อืม ก็เรื่องลูกหลานที่คอยหาห่วงมาให้ แล้วก็คนตรงหน้าที่ไม่ยอมเลิกทิฐิเสียที นายนะ…”

“ฉันอยากพักผ่อน”

“แต่ นายน้อย…” นางเอื้องพูดอย่างอ่อนใจ

“ฉันอยากพักผ่อน”
พูดจบชายหนุ่มหันหน้าเดินมาล้มตัวลงนอนบนตักที่แสนจะคุ้นเคยทันที ทำให้เขาได้เห็นหน้าผู้หญิงที่อุ้มชูเขามาตั้งแต่เด็กชัดเจนยิ่งขึ้น นมเอื้องของเขาแก่ลงไปมากทีเดียว ถ้าเทียบกับคราวก่อนที่เขากลับมาที่บ้านหลังนี้ เขาจำได้ว่าตั้งแต่ผู้หญิงที่เขารักที่สุดในชีวิตเอ่ยปากขอแยกทางกับบิดา เขาก็มีนมเอื้องเพียงคนเดียวที่เป็นทั้งพ่อและแม่ คอยอบรมเลี้ยงดูสั่งสอน ให้ความรัก จนเติบใหญ่มาเป็นนายเหมืองชัช ชายหนุ่มจึงรักและเทิดทูนนางเอื้องเหมือนบุพการีคนหนึ่ง
ส่วนบิดามุ่งหน้าเข้าสู่วงการไอ้โม่งตั้งแต่เขายังไม่เกิด ครั้นตอนไปปล้นเหมืองก็ได้พบกับแสงแขมารดาของเขา ลูกสาวคนเดียวของเหมืองสายแร่พลอย จึงเข้าปล้นสวาทและฉุดหนีมาจนมีเขา ซึ่งในขณะนั้นโชติก็มีผู้หญิงอื่นอีกมากมายและยังคงอยู่ในวงการไอ้โม่ง จนแสงแขทนไม่ได้หนีกลับเหมือง สุรชัยผู้เป็นตาทราบเรื่องก็ให้ลูกน้องไปลากคอมาขอขมา แสงแขให้อภัยเพราะเห็นแก่ลูกที่อยู่ในท้อง และด้วยโชติเกรงบารมีอิทธิพลก็ให้สัญญากับสุรชัยว่าจะเลิกอาชีพโจรและเลิกเคล้านารีอย่างเด็ดขาด ชายสูงวัยเลยจัดงานแต่งงานให้เพื่อไม่ให้เสียเกียรติลูกสาวคนเดียวของวงศ์ตระกูลดังในภาคตะวันออก และเปลี่ยนชื่อนามสกุลใหม่ให้โชติเป็น นายชาตรี บุษยากร
อีกสุรชัยก็ได้ยกบริษัทอัญมณีในเมืองกรุงให้ชาตรีบริหาร และหลังจากที่แสงแขคลอดก็ย้ายไปอยู่บ้านบุษยากรในเมืองกรุงเช่นกันประจวบพอดีกับที่นายสุรชัยเสียชีวิต ภายใต้การบริหารสูงสุดจึงเป็นของชาตรีอย่างเต็มรูปแบบทั้งเหมืองสายแร่พลอยและบริษัท ชาตรีได้เรียนรู้งานอย่างเคร่งครัด เพราะตัวเขาเองก็เริ่มหลงรักธุรกิจอัญมณีที่มีมูลค่ามากมายมหาศาลและลูกชายที่ถือกำเนิดขึ้นจากความไม่ตั้งใจในค่ำคืนแสนอัปยศของแสงแข จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาและแม่แสงแขแอบได้ยินบางสิ่งจากผู้เป็นบิดาและสามี ความรักความอบอุ่นภายในครอบครัวก็พังทลายลงไม่มีชิ้นดี…
ชัชหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่อยากจะคิดถึงเรื่องในอดีตที่ปวดร้าวต่อไปให้มากกว่านี้ นานเท่าไหร่แล้วที่เขาโหยหาตักที่อบอุ่นเช่นนี้จากใครอีกคนที่ยังคงคิดถึง แต่ ณ ตอนนี้ ตักนี้ ที่รองรับโอบอุ้มอยู่ก็คงเพียงพอแล้วสำหรับคนอย่างเขา

“ นายน้อยจะค้างที่นี่รึเปล่าเดี๋ยวนมไปจัดห้องให้ ”

“ไม่ล่ะ คืนนี้ผมมีนัด แค่แวะมาธุระนิดหน่อย”

“หืม..มีนัด ” นางเอื้องเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ กับผู้หญิงในใจหรือในมุ้งนายน้อย ”

“ในเล้ากับไอ้สรรค์” ชายหนุ่มกระเด้งตัวนั่งแล้วลุกขึ้นยืนเต็มร่างสูง พลอยให้คนที่นั่งต้องเงยหน้ามองตาม นางเอื้องไม่ได้ว่าอะไรเพราะคิดว่าชายหนุ่มโตพอที่จะเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างของชีวิต ชัชก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือพลางส่ายหน้าเบาๆ เขาหยิบซองสีขาวออกมาจากกระเป๋าหน้าเสื้อเชิ้ตแล้วยื่นให้นางเอื้อง
“ฝากให้เค้าด้วย” นางเอื้องก้มหน้าพลิกดูซองขาวไปมา แล้วเงยหน้าขึ้นเชิงถาม
“แล้วเค้าจะเข้าใจเอง”
หญิงใกล้ชราไม่ได้ถามอะไรต่อเพียงแต่พยักหน้ารับ ก่อนที่จะกอดให้เต็มรักและคิดถึง เมื่อเขาขอตัวลากลับแล้วเดินออกไปส่งที่หน้าบ้าน พูดบอกความคิดถึงซ้ำไปซ้ำมาและบอกให้ระวังตัวตบท้ายด้วยอวยพรให้เขาเจอคนที่ใช่มาประดับใจเสียที เขายิ้มเล็กน้อยเพราะคิดว่าคงยากหากในเวลานี้ ก่อนที่จะขึ้นรถขับออกจากคฤหาสน์บุษยากร ประจวบกับนายชาตรีที่วิ่งลงมาจากบนตัวบ้านก็ได้แต่ยืนหอบมองรถที่ขับออกไปอย่างเสียดาย นางเอื้องยื่นของที่ถูกฝากให้ เขารับมาถือไว้โดยไม่สนใจเพราะสายตาได้แต่มองรถที่ขับออกไปจนสุดสายตาท่ามกลางความมืดที่มีแต่แสงจันทร์ของคืนวันเพ็ญ
****
ท้องฟ้าเบื้องบนอาบไปด้วยแสงสีนวลของจันทร์เพ็ญ ดวงดาวนับล้านพร่างพราวอวดแสงกันระยิบระยับ หยาดน้ำฝนใสสะอาดยังคงร่วงหยดมาจากหลังคาไม้จั่วทรงสูงหยดแล้วหยดเล่าสู่พื้นดินเบื้องล่าง เสียงเพลงไพเราะด้านในยังคงดังออกมาให้ได้ยินเล็กน้อย ภาพผู้คนขวักไขว่บ้างนั่งเคล้าสุรานารีบ้างเสพพนันและพนักงานเสริฟเดินกันวุ่นวาย พลางสายตาก็ละจากแสงสีสิ่งเหล่านั้นก้มมองแก้วน้ำสีอำพันแล้วหมุนเคล้าไปมาให้เข้ากับของแข็งสีใสที่อยู่ในแก้วก่อนจะยกมันขึ้นดื่มเล็กน้อย
ชัชเลือกที่จะนั่งที่ระเบียงเรือนไม้ที่ยื่นโอบล้อมออกมานอกห้องอาหารเป็นแถวยาว ทางร้านจัดให้เฉพาะลูกค้าวีไอพีที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและรักธรรมชาติมานั่งรับลมชมวิวด้านนอกติดกับแม่น้ำสายเล็กๆที่โอบล้อมไปด้วยไม้ดอกนานาพรรณ ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆระคนปนกันจนไม่อาจทราบได้ว่ามาจากชนิดใด เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของที่นี่ ‘ห้องอาหารคุณลินดา’
“เฮ้ย นายว่าไงนะ พูดอีกทีดิ” รังสรรค์เพื่อนสนิทของชายหนุ่มถามขึ้นหลังจากที่ชัชพูดบางอย่างออกมา

“ พลอยประกายจันทร์อยู่ที่นี่ แต่ที่ฉันไม่รู้คือใครครอบครองมันอยู่ ”

รังสรรค์ครุ่นคิดอย่างหนักใจแทนเพื่อน เขารู้ดีว่าพลอยประกายจันทร์คือชีวิต คือศักดิ์ศรี คือหัวใจของชัชที่ตามหารอคอยกลับมากว่า20ปี และวันนี้เพื่อนเขาก็เจอมันแล้ว “ แล้วนายจะเอาไงต่อว่ะ”

“ ซุ่ม ”
ชายหนุ่มตอบสีหน้าเรียบก่อนจะกระดกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นดื่มอีกครั้ง รังสรรค์รับปากว่าจะช่วยแต่คืนนี้เขาขอตัวเข้าไปในร้านด้านในเพื่อหาขนมหวานที่ชายหนุ่มพึงพอใจก่อน ไม่นานก็เดินโอบเอวสาวหน้าตาดีชุดสีแดงขึ้นไปยังชั้นสองของร้านเพื่อเริงระบำสวรรค์กามากัน
ชัชนั่งรับลมและสอดสายตาเข้าไปในร้านจนดึกแล้วเรียกพนักงานมาคิดเงิน สาวร่างเล็กในชุดกระโปรงสีดำแค่เข่าตามแบบฟอร์มพนักงานร้านเดินมาที่โต๊ะด้วยความนอบน้อมและยิ้มให้แก่เขา บอกจำนวนเงินที่ต้องจ่าย และยิ้มออกมาอีกครั้งเมื่อเขาบอกไม่ต้องทอนพร้อมพนมมือขอบคุณอย่างเรียบร้อยแล้วหันหลังจะเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน!!!” หญิงสาวหันกลับมามอง เลิกคิ้วสูงเชิงถาม “ มีอะไรหรอคะ”

“ ฉันอยากได้นักร้องคนที่ยืนริมระเบียงด้านโน้นมาเป็นขนมหวานของฉันคืนนี้ จัดการให้หน่อยซิ”


****************************************************
ฝากด้วยนะคะงานเขียนที่ชิมลางเรื่องแรก
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ที่ติชมค่ะ
จุฑารา






จุฑาราา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 เม.ย. 2555, 12:02:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 เม.ย. 2555, 12:03:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1756





   ตอนที่2 >>
เทียนจันทร์ 20 เม.ย. 2555, 13:06:23 น.
ช่วยเว้นระยะบรรทัดหน่อยก็ดีนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ


มะลิ 20 เม.ย. 2555, 13:14:53 น.
โอเคเลยนะคะเรื่องนี้ เป็นกำลังใจให้ค่ะ


ธนพร 20 เม.ย. 2555, 15:56:24 น.
เป็นกำลังใจให้นะคะ น่าติดตามดีค่ะ


ม่านฝัน 20 เม.ย. 2555, 17:31:42 น.
รออ่านตอนต่อไปค่ะ


ภวังค์ 30 เม.ย. 2555, 16:58:11 น.
สู้ๆน่ะค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account