ลิขิตพิศวาส
เธอสูญเสียรักครั้งแรกไปเพราะความ...ยาก
จึงคิดประชดรักที่ล้มเหลวด้วยความ...ง่าย
.
.
.
จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเธอสลัดผู้ชายที่เป็นคนแรกของตัวเองไม่สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
ซ้ำเขายังเฝ้าตามติดเอาอกเอาใจทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ โดยที่เธอไม่ต้องการ !!

**********************************************

มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ ที่จะให้ทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากที่เธอทำให้เขาเกือบจะช็อคกับสิ่งที่ได้รับ
ซ้ำยังย้ำบอกให้เขาลืม ลืม และลืม เพราะเธอไม่แคร์ และกำลังจะจากไป
.
.
.
แม่ดอกไม้ริมทางคิดจะฟันเขาแล้วทิ้งอย่างนั้นหรือ
อะไรจะง่ายขนาดนั้น !! ฝันไปเถอะ เพราะเขาจะไม่ปล่อยเธอไป...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Tags: อาทิตะยะ สตาริศา

ตอน: ตอนที่ 1...พาฉันไป ที่ไหนก็ได้ ได้โปรด...


หญิงสาวปัดมือที่ยื่นมาหมายจะคว้าข้อมือของตัวเองออกห่าง ดวงตากลมโตฉายชัดถึงความ
เจ็บปวดในหัวใจ ริมฝีปากบางสีชมพูสั่นระริก ก่อนจะเม้มแน่นเป็นเส้นตรง...
“ฟังผมก่อน” แม้จะเห็นแววตาปวดร้าวสำนึกผิด แต่เธอก็ไม่อาจจะให้อภัยได้ในสิ่งที่เขาทำลงไป
“ไม่ดีกว่า...”ปฏิเสธเสียงเฉียบ ทำให้หัวใจของคนฟังร้อนรนขึ้นมาทันที
“ดาว...ผม”
“ไม่ต้องอธิบาย สิ่งที่ดาวเห็นมันชัดเจนแล้ว เราจบกันเถอะนะนัท”
ผ้าขนหนูพันกายผืนเดียว ไม่ต้องอธิบายก็เดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องนี้ ก่อนที่เธอจะมาถึง

“ไม่นะดาว ผมรักดาว”
รักเหรอ... หญิงสาวเหยียดยิ้ม ทั้งๆที่ความจริงอยากจะร้องไห้

นึกสมเพชตัวเองชะมัด...ที่เชื่อมั่นตลอดมาว่าผู้ชายตรงหน้าจะไม่มีวันนอกใจ ในเมื่อเขาบอกว่ารักเธอที่สุด เธอจึงตัดสินใจที่จะซื่อสัตย์และรักเขาเพียงคนเดียว
แต่มาวันนี้ วินาทีนี้ เธอไม่สามารถจะเชื่อใจเขาได้อีกแล้ว

คำอธิบายของนที เหมือนข้อแก้ตัวที่น่ารังเกียจ...เธอรู้สึกขยะแขยง
“เพราะดาวไม่ให้ผมสักที ผมถึงต้องมาหาเอากับคนอื่น ผู้ชายทนไม่ได้เหมือนผู้หญิงนะดาว เรามีความต้องการ”

“งั้นก็เชิญนัทไปหาคนที่สนองความต้องการของนัทได้ ก็แล้วกัน”

“ดาว...มีเหตุผลหน่อย ไม่ว่าผมจะนอนกับใคร แต่คนที่ผมรัก ก็คือ ดาว นะ”

ไม่พูดอะไรเลยจะดีกว่าไหม เพราะเขายิ่งพูดเธอก็ยิ่งรู้สึกแย่

“ดาว...”เสียงเรียกของเขาเหมือนวอนขอให้เธอเห็นใจ ซึ่งเจ้าตัวน่าจะรู้ดีว่าไม่มีทางจะได้มันจากเธออีกแล้ว

สตาริศา...ใช่ว่าจะรักใครได้ง่ายๆ กว่าที่เธอจะเปิดใจให้เขาได้ใกล้ชิด นทีต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองเป็นปี แต่พอความสัมพันธ์ขยับจากเพื่อนมาเป็นแฟนได้ยังไม่เต็มสองปี เขาก็ทำมันพัง...เพราะความไม่พอ เธอเกลียดผู้ชายมักมาก เกลียดเข้าไส้!!

“กลับไปหาเธอซะ”
สตาริศามองข้ามผ่านผู้ชายที่เคยรักเข้าไปในห้อง ความผิดหวังฉายชัดเมื่อได้สบตากับผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเตียงในสภาพที่ล่อแหลมไม่ต่างจากคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า คนถูกมองกระชับผ้าห่มผืนบางที่ดึงมาปกปิดร่างกายเปล่าเปลือย ก่อนจะค่อยๆก้มหลบสายตา

ไม่ว่าจะเคยรักสักแค่ไหน แต่เมื่อเจอแบบนี้เธอก็ไม่สามารถจะรักต่อไปได้อีกแล้ว
หัวใจของเธอเจ็บ!! เกินจะทนไหว

“ลาก่อนนะนัท...” คือประโยคสุดท้ายของสตาริศา ก่อนที่เธอจะหมุนตัววิ่งออกมาจากบ้านหลังนั้น หนีภาพบาดตาด้วยน้ำตานองหน้า

เหตุผลที่ความรักของเธอพังครืนไม่เป็นท่า มันน่าหัวเราะ...ทั้งๆที่อยากจะหัวเราะ แต่ที่เธอทำคือร้องไห้ ร้องไห้ และร้องไห้...จนกระทั่งมาถึงรถ

ร่างบางนั่งตัวสั่นหลังพวงมาลัย สองมือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาสลับกันไปมา ก่อนจะเปลี่ยนไปขยับเกียร์ และยกเท้าเหยียบเร่งพารถคู่ใจพุ่งทะยานออกไปโดยไร้จุดหมายปลายทาง

แค่ต้องการไปไกลๆ ที่ไหนก็ได้ ขอให้ไม่ต้องเจอกันอีก
กับเพื่อนสนิททั้งสองคนที่คิดไม่ซื่อ
นานแค่ไหนแล้วที่สองคนนั้นแอบมีความสัมพันธ์กัน...โดยที่เธอไม่รู้!

ทำไมต้องเลิกกัน ?
ทำไมถึงรอไม่ได้ ?
ทำไมจะต้องไปมีคนอื่น !?

ทุเรศสิ้นดี...เฮงซวยเอ๊ย! เพราะเธอไม่ง่ายใช่ไหม?!

~@~

ร้านอาหาร “เรือนตะวัน”
หญิงสาวที่เพิ่งผ่านเรื่องราวเลวร้ายในชีวิตมาหมาดๆ นั่งจิบเบียร์เย็นๆในแก้ว โดยไม่สนใจที่จะสั่งอาหารอื่นใดตั้งแต่มาถึง ดวงตาหม่นที่ซ่อนอยู่หลังแว่นตากันแดดสีชาทอดมองไปยังพระอาทิตย์สีแดงดวงใหญ่ ที่กำลังคล้อยต่ำแตะผืนน้ำจนกระทั่งมันดำดิ่งหายไป ร่างบางจึงเอนตัวลงนอนไปบนเปลผ้าใบ

ผืนฟ้าเดียวกัน ต่างเพียงช่วงเวลา ความงดงามในสายตาก็แปรเปลี่ยน แสงสีแดงอมส้มที่แต่งแต้มผืนฟ้างดงามเหมือนภาพวาดของจิตกรมือเอกหายไปพร้อมกับดวงไฟสีแดงเมื่อครู่ สิ่งสวยงามที่ธรรมชาติอุตส่าห์สร้างสรรค์ คงเหลือทิ้งไว้เพียงแค่ภาพในความทรงจำ
เหมือนใจคน เวลาเปลี่ยน ใจก็เปลี่ยน...ง่ายๆ อย่างนี้นี่เอง

ลมทะเลยามเย็นพัดมาปะทะผิวให้รู้สึกสะท้าน หญิงสาววางแก้วเครื่องดื่มสีอำพันที่เหลืออยู่ค่อนแก้วลงไปบนโต๊ะ ก่อนจะขยับแขนโอบกอดตัวเอง... ดวงตาที่แดงช้ำปิดลงเมื่อเห็นว่ารอบข้างไม่มีอะไรที่น่าสนใจอีกแล้ว เวลาผ่านไปชั่วครู่ เสียงกุกกักที่ดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้ร่างบางค่อยๆขยับเปลือกตาขึ้น เมื่อเห็นว่าเสียงที่ดังมาจากบริกรหนุ่มที่กำลังรินเครื่องดื่มลงในแก้วของเธอ...สตาริศาจึงได้ขยับนั่ง

ร่างบางยื่นมืออกไปรับแก้วเครื่องดื่มที่กำลังจะถูกวางกลับลงไปบนโต๊ะมาถือไว้
“รับเพิ่มไหมครับ” คำถามทำให้คนถูกถามหันไปมองขวดเครื่องดื่มว่างเปล่าที่วางเรียงรายกันอยู่บนโต๊ะข้างๆ
“ค่ะ” เธอตอบรับสั้นๆ

แม้จะนึกแปลกใจว่าทำไมผู้หญิงตัวเล็กๆถึงได้ดื่มหนัก แต่บริกรหนุ่มก็ได้แต่รับคำตามหน้าที่และเดินไปหยิบเครื่องดื่มมาเพิ่มตามความต้องการของลูกค้าสาว ถึงเธอจะปกปิดใบหน้าด้วยแว่นตากันแดดอันโต แต่ในสายตาของผู้ชายเขาก็ดูออกว่าเธอสวยมาก...
ขอดื่มไว้อาลัยแด่ความรักที่หายไป ...และสตาริศา...สาวน้อยที่ไม่ประสา...กับเรื่องรัก
คือประโยคที่ผุดขึ้นมาในความคิด ก่อนที่เธอจะยกแก้วขึ้นแตะริมฝีปากและดื่มรวดเดียวจนหมด...
พรุ่งนี้เธอจะไม่เหมือนเดิม...
นที...ถ้าเธอไม่ใช่สตาริศาคนเดิม เขายังจะต้องการเธออยู่ไหม
อะไรกันแน่ที่เขาต้องการจากเธอ...
ความรัก....หรือ...ร่างกาย!!

ร่างบางเซหน่อยๆ เมื่อขยับลุก
สงสัยเธอจะดื่มเกินลิมิตที่ร่างกายจะรับไหว สตาริศารู้ตัวว่ามันมากเกินไปก็ตอนที่เธอลุกขึ้นยืนนี่เอง แค่ขยับเธอก็เสียหลักจนต้องกลับลงไปนั่งตามเดิม
บ้าชะมัด...ไม่เมาสักหน่อย แต่ทำไมถึงลุกไม่ขึ้น

ร่างบางนั่งนิ่ง พยายามรวบรวมสติและแรงที่เหลือพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ครั้งนี้เธอสามารถที่จะยืนได้ และขยับเดินไปได้หลายก้าวแม้จะเซไปเป็นระยะๆ โดยมีสายตาของใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลจ้องมองและแอบลุ้นอยู่ในใจว่า แม่สาวน้อยขี้เมาจะเดินไปได้อีกไกลสักแค่ไหน แต่พอเห็นว่าเธอสามารถเดินไปได้เรื่อยๆแม้จะดูไม่มั่นคงนัก ก็ให้นึกทึ่งในความสามารถจนไม่อาจจะละสายตา

ในที่สุดเธอก็พาตัวเองมาถึงห้องน้ำได้อย่างที่ตั้งใจ...

สตาริศาถอนใจอย่างโล่งอก ก่อนจะค่อยๆ เกาะกำแพงเดินต่อ...


“อ้าว...คุณหนึ่งมาถึงเมื่อไหร่คะ”

เสียงทักที่ดังขึ้น ทำให้ร่างสูงโปร่งในชุดลำลองหันขวับไปมอง ก่อนจะตอบ...

“มาได้สักพัก หาที่นั่งให้หน่อยสิ ริมหาดว่างไหม”

“เอ...เดี๋ยวให้เด็กไปดูให้นะคะ...เพราะเมื่อหัวค่ำถูกจองจนเต็มเลยละค่ะ”

ผู้จัดการร้านอาหาร “เรือนตะวัน”เอ่ยบอก พร้อมกับรายงานเสร็จสรรพไปในตัว สายตาเรียวเล็กมองเจ้านายหนุ่มอย่างชื่นชมเปิดเผย ต่อให้เงินเดือนไม่ขึ้นสักบาทก็ขอทำงานที่นี่ไปจนกว่าเขาจะไม่เอาเลยละวะ ผู้ชายอาไร้หล่อเกิ้น หล่อไม่มีที่ติ หล่อไม่บันยะบันยัง หน้างี้ใสปิ๊งเล่นเอาผู้หญิงแท้อย่างหล่อนยังนึกอาย...ที่หน้าใสไม่สู้ อย่าว่าแต่หล่อนเลย ไม่ว่าใครต่อใครที่ได้เห็นเจ้านายเธอเป็นต้อง

ออกปากทุกคน ว่าเจ้าของร้านอาหาร เรือนตะวัน หล่อขั้นเทพขนาดไหน แบบนี้จะไม่ให้คนใกล้ชิดอย่างเธอปลื้มได้ยังไง แม้ชาตินี้ไม่มีโอกาสได้เคียงข้างใจ ก็ขออยู่ใกล้ๆ เป็นทาสรับใช้เคียงข้างกายก็ยังดี

ก่อนที่ผู้จัดการวัยดึกจะแสดงอาการเคลิ้มจนทำให้เขาขนลุกมากไปกว่านี้ อาทิตะยะรีบเอ่ยขอตัวด้วยรอยยิ้ม...

“ไม่ต้องแล้ว เดี๋ยวผมไปดูเองดีกว่า”

“เอ่อ...เดี๋ยวสาตามไปรับออร์เดอร์นะคะคุณหนึ่ง”

“ไม่ต้อง ผมแค่แวะมาดู อีกเดี๋ยวก็จะกลับแล้ว เชิญคุณสาตามสบาย...อ้ออีกอย่างผมไม่ได้มาตรวจเพราะฉะนั้นไม่ต้องเตรียมรายงานมาให้ผมนะครับ...”

พูดจบ เจ้านายรูปหล่อที่เผลอยิ้ม ก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าได้ทำให้สาววัยดึกอย่างคุณสาลิกายืนอึ้งและทึ่งในความหล่อเทพอยู่เป็นนาน ก่อนจะตัดใจเดินจากไปด้วยหัวใจที่เคลิ้มฝัน เพราะคิดว่ารอยยิ้มนั้นเขาตั้งใจมอบให้เธอ

แต่คนที่รู้ดีมากกว่าใครว่ารอยยิ้มที่เกิดขึ้นแบบไม่ตั้งใจของชายหนุ่มนั้น เกิดขึ้นเพราะใคร ก็คือ อาทิตะยะ...

หลังจากเอาทุกสิ่งทุกอย่างออกจนหมดไส้หมดพุง...
ร่างบางที่ซวนเซหายเข้าไปในห้องน้ำแบบทุลักทุเล ก็ออกมาด้วยท่าทางที่ดูดีขึ้น แต่สองมือยังยึดกำแพงเป็นหลัก อยู่เป็นระยะๆ ตลอดทาง แต่พอสุดกำแพงให้ยึดเกาะ เธอก็ยืดตัวตรงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะขยับก้าวอย่างระมัดระวังแบบสุดๆ แม้จะเอียงๆไปบ้างแต่ก็พยายามไม่ให้ชนเข้ากับสิ่งใดให้ขายหน้า จนกระทั่งมาถึงโต๊ะของตัวเอง... ร่างบางจึงทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง

คนที่เดินโซซัดโซเซมาถึงที่นั่งของตัวเองไม่ยอมหยุด เธอยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นและกระดกมันใส่ปากรวดเดียวจนหมดในพริบตา เพราะเห็นว่าขวดสุดท้ายที่เหลืออยู่เพียงครึ่งมันน่าเสียดาย สตาริศาจึงกระดกเอาๆ โดยไม่สนใจว่ามันจะทำให้เธอล้มทั้งยืนในเวลาต่อมา มีคนเมาที่ไหนจะกล้าเอ่ยปากยอมรับว่าตัวเองเมาบ้างล่ะ ไม่มีทาง และสตาริศาก็คือหนึ่งในนั้น

เบียร์ทำให้มึน เหล้าต่างหากที่ทำให้เมา ใครหนอใครเคยพูดให้เธอได้ยิน แต่ทำไมถึงไม่ยอมบอกต่อล่ะว่าเบียร์หลายๆขวด นอกจากจะทำให้มึนมันยังทำให้เมายิ่งกว่าเหล้าเสียอีก

ทรมานชะมัด ตอนนี้ท้องไส้เธอปั่นป่วนไปหมดแล้ว สตาริศาสะบัดศีรษะขับไล่ความมึนงง พื้นทรายที่เหยียบอยู่เริ่มโคลงเคลงเหมือนเรือที่นั่งข้ามฟากมาไม่มีผิด เมื่อเธอพยายามจะลุกขึ้นยืน สาวน้อยนิ่วหน้าก่อนจะยอมแพ้และทิ้งตัวนั่งลงไปบนเปลผ้าใบตามเดิม

ทุกๆ อิริยาบถของสตาริศาตกอยู่ในสายตาของเจ้าของร้านอาหารเรือนตะวัน อาทิตะยะตามมานั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้ๆ ขวดเบียร์ที่ตั้งเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ และการที่ได้เห็นเธอยกดื่มอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำให้เขาไม่อาจจะมองผ่านเลยไป

คิ้วเข้มขมวด ถ้าเขาจำไม่ผิด ชุดที่เธอใส่มันคือชุดพนักงานของโรงแรมอารียา ส่วนจะเป็นโรงแรมในเครือทรรศไนย อย่างที่ชายหนุ่มคิดสงสัยหรือไม่นั้น เขาคงต้องเดินไปดูใกล้ๆ ใกล้กว่านี้
สตาริศามองคนที่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาสงสัย

“เรารู้จักกันเหรอคะ” เสียงถามออกจะห้วนสั้น ด้วยเพราะไม่พอใจกับการถูกจ้องมองซึ่งๆ หน้า

แต่คนถูกถามกลับเพ่งสายตามองไปที่ปกเสื้อของคนที่นั่งอยู่ ตัวอักษรภาษาอังกฤษปักด้วยด้ายสีทองว่า Tatsanai ทำให้เขาแน่ใจ ว่าแต่...ทำไมคนของโรงแรมอารียาที่กรุงเทพถึงได้มาเพ่นพ่านอยู่ที่นี่

คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของโรงแรมคิ้วขมวด แม้จะเป็นบุคคลที่มีเพียงชื่อเท่านั้นที่แปะหราอยู่ที่บอร์ดผู้บริหารของโรงแรมที่ตัวเองเป็นหุ้นส่วนใหญ่เพราะไม่เคยเข้าไปนั่งประจำการที่โต๊ะผู้บริหารสักทีหลังจากซื้อหุ้นมาครอบครองด้วยจำนวนเงินไม่น้อย เพื่อพยุงกิจการโรงแรมที่กำลังประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่องของคนในครอบครัว ที่ไม่เคยเห็นว่าเขาเป็นคนในครอบครัวเลยสักครั้งเมื่อปีที่แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลยถึงขนาดที่จะไม่รู้ว่าพนักงานของตัวเองแต่งตัวด้วยเครื่องแบบยังไงหรอกนะ

อาทิตะยะ ทรรศไนย นักธุรกิจหนุ่มที่รวยล้นฟ้า เจ้าของธุรกิจมากมายที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะกิจการโรงแรมที่มีอยู่หลายสาขาและทำรายได้เข้ากระเป๋าเขาปีละหลายพันล้านบาทกำลังยืนมองผู้หญิงคนหนึ่งอย่างลืมตัว

สตาริศายกนิ้วแตะขยับแว่นให้เข้าที่ เธอตาฝาดไปหรือความจริง ตกลงมีใครมายืนจ้องเธอไหม...หรือเธอคิดจินตนาการไปเอง บ้าจริง...ท่าจะเมาหนักเกินไปแล้วเรา

ความไม่แน่ใจและอยากจะพิสูจน์ทำให้เธอลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
ลงไปวัดพื้นโดยไม่ต้องสงสัยแน่ๆ คือความคิดของร่างบางที่กำลังโงนเงนไปมา เมื่อมือที่ยื่นออกไปไขว่คว้าจับต้องเพียงความว่างเปล่า
นี่เธอตาฝาดไปจริงๆ รูปสลักเทพบุตรที่มาปรากฏต่อหน้า คือสิ่งที่เธอคิดเอาเองทั้งเพ...น่าขำจริงที่เธอสามารถจินตนาการถึงผู้ชายคนอื่นได้ทั้งๆที่ยังไม่ลืมอีกคนที่ทำให้เจ็บ!

เขาไม่ได้ยืนใกล้เธอขนาดที่จะคว้าได้ มือของเธอจึงเอื้อมมาไม่ถึง แต่ก่อนที่ร่างบางจะเซถลาไปข้างหน้า คนที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็รีบก้าวเข้ามารับร่างนั้นเอาไว้

“ทำบ้าอะไรนี่คุณ รู้ตัวรึเปล่าว่ายืนแทบไม่อยู่ แล้วลุกขึ้นมาทำไม”

พ่อเทพบุตรสุดหล่อ...พูดได้ด้วย แถมยังช่วยเธอไม่ให้ล้มอีกต่างหาก...

“คะ...คุณ...ปะ...เอิ๊ก...เป็นคนจริงๆรึเปล่า” เธอถามสงสัย นัยน์ตาฉ่ำเยิ้มโดยไม่รู้ตัว แต่เขาคงไม่เห็นหรอกเพราะเธอใส่แว่นกันแดดอันเบ้อเริ่ม...ปิดหน้าเล็กๆ จนมิดเลยทีเดียว

“ถ้าเป็นคน ช่วยพาฉันไปจากที่นี่ได้ไหม เอิ๊ก...เอ่อ...เอ๊ะ...”เธอทำท่าทีสงสัย ในขณะที่เขาเริ่มสังเกตเห็นว่ามีคนกำลังมองมายังจุดที่เธอและเขายืนอยู่บ้างแล้ว

“หยุดพูดแล้วนั่งลงก่อนสิคุณ...” อาทิตะยะจับมือเล็กที่เกาะอยู่บนบ่าออกแต่เธอกลับขืนไว้และผวากอดเขาแน่น พร้อมกับเสียงอู้อี้ที่ดังขึ้นซ้ำๆว่า

“ไม่ๆๆๆ” เธอบอกให้เขาพาเธอไป แล้วจะให้เขาพาไปไหนละแม่คุณ เมาแอ๋ขนาดนี้
“พาฉันไป ที่ไหนก็ได้ ได้โปรดนะคะ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงสกปรกนะ”
ประโยคท้ายของเธอเล่นเอาเขาอึ้ง...

สาวน้อยขี้เมาถอดแว่นกันแดดออก เพื่อมองเขา...และนั่นทำให้เขาได้เห็นสาวน้อยในวงแขนชัดๆ เต็มๆตา อึ้งรอบสอง...เคยเห็นผู้หญิงสวยๆ มาก็เยอะ แต่ทั้งสวยและน่ารักแบบนี้เพิ่งเคยเจอ...

ใครจะไปคิดว่าแม่สาวน้อยขี้เมาจะสวยบาดใจ ร่างนุ่มนิ่มที่เบียดเข้าหาแสดงเจตนาชัดเจน

“รู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไร เมารึเปล่านี่”

“เมา แต่รู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไร ชอบผู้หญิงใช่ไหม ผู้ชายทั้งแท่งรึเปล่า”
น้ำเมาทำให้ผู้หญิงสวยปากกล้าได้ขนาดนี้เลยหรือ...สายตาที่มองมาก็ท้าทายเหลือร้าย รู้ตัวไหม

“ใช่ไหม เดี๋ยวก็รู้ ลองไหม”

เพราะอะไรเขาถึงได้นึกสนุกอยากจะต่อปาก ต่อคำ กับผู้หญิงที่ไม่มีสติแบบนี้กันนะ

“ไม่ลอง เอาจริง กล้าไหม พาไปซะที ยืนไม่ไหวแล้ว”

จบประโยคมือเล็กที่เกาะอยู่ที่ไหล่ก็เลื่อนขึ้นไปโอบรอบคอเขาแน่น ร่างบางเขย่งเท้าเบียดชิดโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด คนที่ผ่านเข้ามาคือคนที่ถูกเลือก... และเธอก็เลือกเขา
ผู้ชายที่เธอไม่รู้ว่าเป็นใคร

เอาน่า...ด้วยสถานที่ และหน้าตาที่เธอเห็น แม้มันจะเป็นเพียงจินตนาการของเธอเอง...แต่เธอก็พร้อมจะเสี่ยง เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง...แค่ครั้งเดียว ชั่วข้ามคืน
พรุ่งนี้...เธอก็จะเป็นสตาริศาคนใหม่

ความคิดทำให้เกิดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ท้าทาย...บนใบหน้าเนียนที่แดงก่ำ
ดวงตาช้ำแดง ทำให้เขาแปลกใจ แต่มันกลับส่องประกายระยิบระยับจนทำให้คนที่มองจ้องอดที่จะหวั่นไหวไม่ได้

แค่สิ่งสมมุติ แค่คิดเอาเองว่าสำคัญ จึงเฝ้าทะนุถนอมเพื่อใครสักคนที่จะสามารถรักได้หมดหัวใจเมื่อถึงเวลา เพราะหวงเอาไว้ จึงทำให้ความรักที่กำลังจะเริ่มต้นพังครืน แต่ความรักที่แตกสลายไปเพราะเหตุผลที่เธอไม่ง่าย มันน่าเจ็บใจ

ที่เธอไม่ให้ ใช่ว่าจะไม่รัก และที่เธอให้ก็ใช่ว่าจะรัก ทำไมจะต้องตัดสินความรู้สึกของผู้หญิงด้วยเรื่องทุเรศๆ แบบนี้ ความคิดวนเวียนไปมากับเรื่องเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และมันก็ทำให้เธอกอดเขาแน่นขึ้น...

~*~*~*~*~*~*~






ปิลันธน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 พ.ค. 2554, 15:04:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.พ. 2556, 22:53:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 2594





   ตอนที่ 2...จบกับผม คือบนเตียง ตามที่คุณขอ... >>
ปูสีน้ำเงิน 31 ก.ค. 2554, 21:19:24 น.
เอ.. เรื่องนี้คลับคล้ายคลับคลานะเนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account