วิวาห์ลวงสีรุ้ง
เรื่องราวสับสนอลหม่านระหว่างสาวตกอับกับหนุ่มมาดเกย์ โดยมีทรัพย์สินมหาศาลเป็นเดิมพัน สัญญาวิวาห์หลอกๆ จึงเกิดขึ้น ความเข้าใจผิดเมื่อแรกพบจะนำพาเขาและเธอมารักกันได้หรือไม่..
-------------------------
การแต่งงานแบบหลอกๆ ของหนึ่งสาวที่หวังรวยทางลัด แม้เจ้าบ่าวจะเป็นเกย์เธอก็ไม่สน ขอรวยไว้ก่อนเป็นใช้ได้ กับอีกหนึ่งหนุ่มที่มีเงินกองมรดกกดดันให้เขาต้องรีบหาใครสักคนมาแต่งงานด้วย แม้เจ้าสาวจะเป็นผู้หญิงแบบไหนเขาก็แคร์ ความรักสำหรับเขามันตายด้านไปนานแล้ว
Tags: เล่ห์ร้าย...หัวใจพลอยโจน , วิวาห์ลวงสีรุ้ง , เล่ห์รัก...หัวใจมีเพียงเธอ

ตอน: บทที่ 3 เจ้าสาวออนไลน์

บทที่ 3 เจ้าสาวออนไลน์

“มาพอดีเลยนายแมน มาหาย่าตรงนี้หน่อยสิ”

วงศกรที่กำลังเดินลงบันไดมามองที่คนเป็นย่าที่นั่งอยู่ตรงกลางโซฟายาวกับแขกอีกสองคนที่เขาก็รู้จักดีว่าเป็นใคร ชายหนุ่มจากที่ยิ้มแย้มอยู่กลายเป็นหน้าหงิกเดินตรงไปหาคุณหญิงย่ากับอารมณ์ขุ่นมัวที่เกิดขึ้นจากบุรุษหน้าคุ้นสองคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาเดี่ยวคนละตัวข้างๆ คุณหญิงวริศรา

“เหอะ เป็นอะไรหาตาแมน เห็นหน้าอากับตาบอยถึงกับดีใจจนพูดไม่ออกเลยเหรอ” พสธรเหน็บเข้าที่หลานชายหน้าบึ้งที่กอดอกมองเมินไปอีกทาง

“เห็นคุณย่าบอกพี่แมนจะแต่งงานมะรืนนี้หรือครับ ใครนะคือผู้หญิงที่โชคดีจะได้แต่งงานกับหนุ่มโสดเนื้อหอมทายาทของตระกูลดำรงพิทักษ์” เสียงชายหนุ่มหน้าหยกตาเล็กตี่จมูกโด่งเป็นสันปากบางเล็กเหยียดขึ้นสูง บอย หรือพงศธร ทายาทอันดับที่ 2 ของคุณหญิงวริศรา ออกอาการไม่พอใจลูกพี่ลูกน้องต่างสายเลือดเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เกิดมาเขาก็รับรู้มาตลอดว่าตัวเองถูกจัดลำดับความสำคัญน้อยกว่าหลานชายคนโปรดที่ถูกวางตัวไว้ให้รับมรดกมหาศาลของตระกูลดำรงพิทักษ์แต่เพียงผู้เดียว เพราะอะไรนะเหรอ... ก็เพราะว่าพสธรบิดาของเขาไม่ใช่ลูกชายของประมุขหญิงของบ้านหลังนี้แต่เป็นเพียงบุตรบุญธรรมที่คุณหญิงกรุณารับอุปการะเลี้ยงดูเอาไว้เป็นลูกเท่านั้นเอง

“คุณย่านะคุณย่า ผมยังไม่บอกสักคำว่าผมจะแต่งงาน นี่คุณย่าเล่นป่าวประกาศไปทั่วอย่างนี้ ถ้าเกิดผมไม่แต่งขึ้นมา ผมเกรงว่าชื่อเสียงของคุณย่าจะมัวหมองซะเปล่านะครับ” คำพูดของหลานรักคนโปรดเล่นเอาคุณหญิงวริศราตวัดสายตาเขียวปั๊ดจ้องเขม็ง

“ก็ลองดูสิ ถ้าแกกล้าแลก ฉันก็จะยอมเสียหน้า เสียชื่อ ให้มันรู้ไปว่าแกจะเลือกที่จะหักหน้าย่า ดีกว่ากอดทรัพย์สมบัติที่นอนรอแกมาตั้ง 29 ปีให้มลายหายวับไปกับอากาศ” น้ำเสียงข่มขู่มีอำนาจทำเอาหลานชายหน้าบึ้งเมินหน้าหนีไปทางเก่ากลับไปใบ้รับประทานเป็นคำตอบ

“อะไรกันครับคุณแม่ นี่ถึงขนาดต้องข่มขู่ให้แต่งงานกันเลยหรือครับ” หนุ่มใหญ่วัย 50 ต้นๆ หัวเราะเสียงดังมองหลานชายนอกไส้เอ็นดูเสียเต็มประดา วงศกรรับรู้สายตาเสแสร้งนั้นดี เขาไม่ค่อยกินเส้นกับพ่อลูกคู่นี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เขารู้ดีว่าการมาอยู่ที่นี่ของเขาทำให้พ่อลูกยิ่งถูกลดบั้นทอนความสัมพันธ์ลงไปเรื่อยๆ

“ก็ต้องอย่างนั้นสิ ใช้ได้ซะที่ไหนอายุก็จะ 30 อยู่แล้วแต่ยังไม่มีครอบครัวกับเขาสักที ดูอย่างนายบอยสิ อายุเพิ่งจะ 25 ก็แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาให้ย่าหายห่วงสบายใจไปได้คนหนึ่งแล้ว ติดแต่ไอ้หลานคนนี้นี่แหละที่มันไม่ได้ดังใจเลยซะอย่าง” สายตาจิกกัดทอดมองไปที่ร่างสูงที่นั่งเป็นทองไม่รู้ร้อนเสมือนไม่ได้ยินคำเทศนาบ่นกล่าวเมื่อสักครู่นี้เลยสักคำเดียว ประมุขหญิงวัยชราถอนหายใจทิ้งหยิบรูปถ่ายที่วางซ้อนไว้อยู่ 4 ใบให้หงายขึ้นมาวางเรียงรายบนโต๊ะกระจกใสหน้าโซฟายาวที่นั่งอยู่

“เอา เลือกซะ ว่าแกถูกใจคนไหน ย่าจะได้ไปสู่ขอให้มาเป็นเมียแก เวลามันกระชั้นชิด รีบๆ เลือกให้ได้ภายในวันนี้ ย่าจะได้ไปคุยกับเจ้าตัวให้เตรียมพร้อมแต่เนิ่นๆ” วงศกรเบ้หน้าปรายตามองหญิงสาวที่เขาจะต้องแต่งงานด้วยแต่ละคน ถึงกับเบิกตากว้างเมื่อเห็นหน้าว่าที่เจ้าสาวในอนาคต

“คุณย่า!! นี่มันแม่หมูชัดๆ แล้วดูคนนี้ซิ แก้วหน้าม้าดีๆ นี่เอง คนนี้ยิ่งไม่ไหว โอ้ แม่เจ้า น้องทรายคุณแม่ขอร้อง ซะขนาดนี้ ตกลงคุณย่าจะส่งผมไปแต่งงานหรือจะส่งผมไปลงนรกกับผู้หญิงพวกนี้กันแน่” สีหน้าวงศกรเดือดดาลเต็มที ไม่นึกเลยว่าผู้หญิงที่คุณหญิงย่าคัดสรรมาจะโดนใจเขาเช่นนี้

“แล้วแกจะเอายังไง มีเวลาแค่ 3 วัน ผู้หญิงที่แกพอจะแต่งงานได้ก็เหลืออยู่แค่นี้แหละ แล้วแม่หนูพวกนี้ก็เป็นผู้หญิงมีชาติตระกูลที่เหมาะสมกับเรา ถ้าแกหาผู้หญิงคนอื่นมาแต่งด้วยย่าก็ไม่ว่า แต่ขอให้มีฐานะคู่ควรกับเราก็พอ ว่ายังไงพอมีคนที่เข้าตาแกบ้างไหม” คุณหญิงวริศราหันไปถามหลานชายหน้ามึน กับคุณสมบัติว่าที่หลานสะใภ้ที่คุณหญิงล้อมกรอบซะแน่นหนาแล้วอย่างนี้เขาจะไปหาผู้หญิงที่คู่ควรมาจากไหนกันเล่า

“พี่แมนครับ ผมว่าคนนี้ก็พอดูได้นะครับ เสียอย่างเดียวหน้าเหมือนลิงไปหน่อย” เสียงกลั้วหัวเราะบาดใจคนถูกบังคับยิ่งนัก ไอ้หาผู้หญิงมาแทนเขาทำได้ไม่ยากอยู่แล้ว แต่การหาผู้หญิงที่คู่ควรนี่สิ ยากมาก

“ผมไม่รู้ละ ผมยอมแต่งงานตามใจคุณย่าก็ได้ แต่เรื่องผู้หญิงที่ผมจะแต่งงานด้วย ผมจะหามาเอง” วงศกรทำหน้าขึงขังจริงจัง

“ก็ได้ ฉันยอมให้แกหาผู้หญิงมาเอง แต่... แกต้องพามาให้ฉันดูตัววันพรุ่งนี้ ถ้าพรุ่งนี้แกยังหามาไม่ได้หรือหามาแต่คุณสมบัติไม่ถูกใจฉัน ฉันจะสุ่มจับผู้หญิง 1 ใน 4 ของรูปในมือฉันออกมาแล้วแกก็ต้องแต่งงานโดยไม่มีข้อแม้ ยุติธรรมพอไหม” หญิงชรายิ้มเหี้ยมจนคนฟังรู้สึกเย็นยะเยือก มันจะยุติธรรมได้ก็ต่อเมื่อเขาไม่ต้องถูกบังคับ แต่นี่มันเผด็จการชัดๆ วงศกรหน้าเครียดเขาคงต้องรีบหาใครสักคนมาแต่งงานด้วยจริงๆ ซะแล้ว

ด้านหน้าอพาร์ตเมนต์ธัญสินีที่อยู่ในชุดเดิมของเมื่อวานนี้ยืนมองชั่งใจไม่รู้จะเข้าไปดีไหม อดประหวั่นกับมาตราการรุนแรงที่เจ้ปิ่มขูไว้จนใจฝ่อ แต่ถ้าไม่เข้าไปแล้วเธอจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อออกไปหางานใหม่ได้ยังไงกันล่ะ งานคือเงิน เงินคืองาน เอาว่ะ เป็นไงเป็นกัน หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเรียกความกล้า เดินเร็วๆ เข้าไปข้างในโดยไม่แม้แต่จะชำเลืองมองออฟฟิศด้านข้างตัว น่าแปลกที่เสียงอเวจีไม่ดังเข้ามาห้ามปรามผู้พักอาศัยที่เบี้ยวค่าเช่าห้องหรือเจ้ปิ่มจะไม่อยู่นะ ใบหน้าหวานคมอมยิ้มชอบใจ ยังนี้ก็เข้าตำรา แมวไม่อยู่หนูร่าเริง นะสิ หนูสาวแสนสวยเปลี่ยนจากเดินตัวเกร็งเป็นเดินชิลๆ ไปที่ห้องของตัวเองที่อยู่สุดทางเดินของชั้นหนึ่ง ก่อนจะตาโตเมื่อพบแม่กุญแจขนาดเท่าฝ่ามือคล้องอยู่ที่สายยูประตูห้อง เอาแล้ว...มาตราการรุนแรง

“เจ้ปิ่ม เจ้ปิ่ม” ธัญสินีเปิดประตูผ่างเข้าไปข้างในออฟฟิศของเจ้าของอพาร์ตเมนต์ที่หลับสงบบนเตียงผ้าใบรูปลายการ์ตูนมีรอยยิ้มมุมปากเลิกขึ้นมาเล็กน้อย

“อ้าว กลับมาแล้วหรือค่ะน้องไข่ แหม หายไปทั้งคืน พี่ก็กำลังเป็นห่วงอยู่พอดี” สาววัยกลางคนหัวเราะน้อยๆ เอียงคอถามแต่ยังไม่ลุกจากเตียงที่นอนอยู่ ธัญสินียืนเท้าสะเอวมองความเฟคของสาวตุ้ยนุ้ยแล้วยิ่งโมโห เพราะอย่างนี้สินะถึงปล่อยให้หนูอย่างเธอเข้าไปข้างในได้ง่ายๆ

“เจ้ทำอย่างนี้ได้ไง อยู่ๆ ก็มาล็อคประตูห้องไข่ อย่างนี้มันละเมิดความเป็นส่วนตัวนะคะ แล้วทีนี้ไข่จะเข้าไปในห้องได้ไงละ เจ้เอากุญแจมาเลย ไข่จะได้เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจะได้รีบออกไปหางาน...” ธัญสินีปิดปากช่างพูดของตัวเองทันที เจ้ปิ่มที่ได้ยินชัดถึงกับสปริงตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“ว่าไงนะคะน้องไข่ หางาน... เอ๊าะอ๋อ ที่แท้มันอย่างนี้นี่เอง” สายตาเข้าใจของเจ้ปิ่มทำเอาธัญสินีผวาหายใจไม่ทั่วท้อง

“เจ้วางใจได้ ไข่ต้องได้งานใหม่ในวันนี้แน่นอน หน้าตาบวกความสามารถของไข่ ไม่มีบริษัทไหนหรอกที่ไม่ต้องการ” คำพูดโอ้อวดตัวเองดูเหมือนจะยังไม่ดีพอเมื่อแววตาพิฆาตของเจ้าของอพาร์ตเมนต์ยังหรี่ลงมองเธอเชือดเฉือน

“น้องไข่ลืมไปหรือเปล่าค่ะ ว่าตัวเองอายุเท่าไหร่ และงานสมัยนี้มันก็หายากโคตร ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาของกันและกัน เจ้ขอแนะนำให้น้องไข่ย้ายออกภายในวันนี้ เงินมัดจำที่จ่ายเอาไว้เจ้จะถือเป็นค่าเช่าที่น้องไข่ค้างเอาไว้ 2 เดือน พอดีเป๊ะ โอเคนะคะ” ธัญสินีเหมือนโดนค้อนเหล็กหนักพันปอนด์ทุบเข้าใส่ที่ศรีษะ ผวาเกาะแขนเจ้ปิ่มเรียกร้องความเห็นใจ

“เจ้ ไข่ขอแค่วันนี้วันเดียว ไข่รับรองว่าวันนี้ไข่ต้องได้งานแน่ แล้วกลับมาไข่จะรีบเอาเงินมาจ่ายเจ้เลยนะคะ นะ เจ้นะ” เจ้ปิ่มหันไปยิ้มใบหน้าใจดี ก่อนจะสะบัดแขนทิ้งเดินหนีไปอีกทาง

“เอากุญแจไปไขห้องซะ แล้วจัดการเก็บข้าวของให้เสร็จภายในวันนี้ หลังนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืนหวังว่าน้องไข่คงจะไม่อยู่แล้วนะคะ” ธัญสินีรับกุญแจที่เจ้ปิ่มโยนให้มาหน้าชาอารมณ์พุ่งปรี๊ด

“แล้วเจ้จะต้องเสียใจที่ทำกับไข่อย่างนี้ อพาร์ตเมนต์ก็เก่าซอมซ่อไม่รู้จะพังวันไหน คนเช่าก็ไม่ค่อยมียังจะมางกห้องเปล่าๆ เอาไว้อีก ขอให้ขาดทุนย่อยยับจนเจ๊งๆๆๆ ไปให้หมดเลย” กล่าวจบก็สะบัดก้นงามงอนจากไป เจ้ปิ่มยืนตัวสั่นเต้นผ่างๆ อยู่ตรงนั้น

“กรี๊ด อีนังไข่ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว แกออกไปจากอพาร์ตเมนต์ของฉันตอนนี้เลยนะ!”

“ออกก็ออกสิ คนอย่างธัญสินีไม่อยู่ให้ใครไล่หรอกนะ” เสียงโต้ตอบตะโกนดังออกมาตรงข้ามกับใจยิ่งนัก ธัญสินีไขกุญแจห้องพักเข้ามาพิงประตูหน้าเครียด แล้วทีนี้เธอจะไปซุกหัวนอนที่ไหนกันละเนี่ย เฮ้อ!

หลังจากอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าจนใจเย็นลงเธอก็ต้องมานั่งกลุ้มเมื่ออับจนหนทางไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร รู้อย่างนี้ไม่น่าปากเสียพูดออกไปเลยอย่างน้อยก็ยังมีเวลาเหลือให้คิด มือบางตีปากช่างพูดของตัวเองเบาๆ หยิบเสื้อผ้าออกจากตู้ไม้ออกมาพับยัดลงกระเป๋าเป้สีดำใบขนาดย่อม ยังดีที่เสื้อผ้าที่เธอมีเหลืออยู่ไม่มากนักไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีเนี่ย ใช้เวลาไม่นานข้าวของที่มีเพียงหยิบมือก็ถูกจัดลงกระเป๋าครบทุกอย่าง ธัญสินียืนอาลัยมองห้องพักที่เธออยู่มาถึง 4 ปี เฮ้อ ลาก่อนรังหนูที่แสนรัก...

ธัญสินีเดินเรื่อยเปื่อยมาหยุดที่ป้ายรถเมล์หน้าปากซอย นับเงินในกระเป๋าสตางค์แล้วยิ่งหดหู่ ทำไมเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเธอขนาดนี้นะ ธัญสินี แปลว่า ผู้หญิงที่โชคดีไม่ใช่หรือ แต่เท่าที่พบประสบมาเธอโชคร้ายตั้งแต่เกิด แม่ก็ตาย พ่อก็ทิ้ง พ่อแม่บุญธรรมก็ตัดหางปล่อยวัด โอ้ ชีวิต ทำไมมันจนอับขนาดนี้ คิดแล้วก็เศร้า รถประจำทางสีครีมแดงจอดเทียบเป็นปกติที่ท่ารถคันแล้วคันเล่า แต่หญิงสาวยังนั่งทอดถอนหายใจมิรู้เบื่อ นึกน้อยใจโชคชะตาฟ้าลิขิต ไม่นึกเลยคนสวยดูดีทั้งเนื้อทั้งตัวอย่างเธอจะพบจุบจบเยี่ยงนี้ แล้วเธอจะไปเริ่มต้นต่อที่ไหนกันนะ คิดไปคิดมาทางออกสุดท้ายสำหรับเธอก็บรรเจิดขึ้นมา สาวหน้าคมหน้าเครียดหนักใจมากกว่าเดิมที่ต้องไปขอความช่วยเหลือจาก ธวัลพร พากระโทก พี่สาวบุญธรรมของเธอเอง

ณ คลินิกความงามที่วงศกรมีหุ้นร่วมอยู่กับเพื่อนชายคนสนิทที่เป็นหมอด้านผิวหนังรักษาอยู่ที่นี่ เขาใช้เวลาเปิดพิชญะคลินิกมามาเกือบจะสองปี แม้จะไม่ได้กำไรฟู่ฟ่านักเพราะคู่แข่งเยอะ แต่ก็ถือว่าเป็นงานชิ้นเดียวที่เขาทำอยู่เพื่อหลีกเลี่ยงการชิงเก้าอี้ประธานกรรมการบริษัท อินทิชั่นบิลเดอร์ ที่พ่อลูก พสธร และ พงศธร ครอบครองอยู่ ถึงคุณหญิงย่าจะขอร้องให้เขาเข้าไปดูแลภายในบริษัทที่เป็นส่วนหนึ่งของบิดาที่ทิ้งเอาไว้ก่อนที่จะประสบอุบัติเหตุทางเครื่องบินเมื่อ 20 ปีก่อน เขาเองก็จบปริญญาโทด้านบริหารเกียรตินิยม คุณหญิงวริศราจึงเห็นสมควรที่เขาจะขึ้นแท่นผู้บริหารในบริษัทแห่งนี้ แต่เขาก็ต้องปฏิเสธไปเพื่อตัดปัญหายุ่งยากที่จะตามมาทีหลัง ทั้งๆ ที่เขาถือหุ้นสูงที่สุดมีสิทธิ์และเสียงเต็มที่ ที่จะยึดตำแหน่งซีอีโอของบริษัทแห่งนี้ วงศกรใช้เวลารอพิชญะอยู่ในห้องพักแพทย์ได้สักพัก หมอหนุ่มหน้าใสก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นหน้าเพื่อนชายที่เขานอนคิดถึงมาทั้งคืน

“คุณแมน นึกยังไงครับวันนี้ถึงแวะมาหาผมที่นี่” พิชญะเดินตรงไปนั่งที่เก้าอี้นวมแบบผู้บริหารสีดำที่ตั้งชิดผนังห้องพักสีขาวสะอาดตา

“ก็ว่าจะมาคุยเรื่องนั้นต่อจากเมื่อวานที่คุยค้างเอาไว้ เอ๊ะ นั่นนามบัตรของใครกันครับ ดีไซน์แปลกตาดี” นิ้ววงศกรชี้ไปที่นามบัตรในมือพิชญะที่ถือมันไว้ การ์ดสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเท่านามบัตรทั่วไปสีดำสนิททอประกายสีทองวาบวับออกมา ตัวอักษรสีทองอร่ามที่เด่นออกมายิ่งเชิญชวนให้อ่านข้อความที่ทิ้งเอาไว้บนนั้น

“อ๋อ ลูกค้าคนเมื่อกี้เขาให้ผมเอาไว้นะครับ อย่าไปสนใจเลย” พิชญะหน้าแดงระเรื่อวางมันลงบนโต๊ะไม่ใส่ใจ แต่สำหรับคนอยากรู้ที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามรีบตะครุบหยิบมันขึ้นอ่านทันควัน

“เมเม่ สปา นวดแผนไทย... SL Service อ้าว ก็ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่ครับ” พลิกหน้าหลังของนามบัตรในมือเมื่อไม่พบตัวอักษรอะไรให้อ่านเพิ่มนอกจากเบอร์โทรศัพท์ กับอีเมล์ติดต่อของทางร้าน แต่พอเงยหน้ามองเพื่อนชายที่หน้าแดงไม่เลิกวงศกรก็ต้องขมวดคิ้วไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพิชญะเป็นอะไร

“เอ่อ คือ มันเป็นนามบัตรของ... แบบนั้นนะครับ” ช่องว่างของคำพูดที่ขาดหายไปของเพื่อนชายทำเอาวงศกรงงหนักกว่าเดิม ก่อนที่พิชญะจะอธิบายเพิ่มเติม

“SL Service หมายถึง การบริการสาวไซด์ไลน์ นะครับ” ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งสุกปลั่งกว่าเดิม วงศกรได้ฟังคำอธิบายถึงกับอึ้งนิ่งไปสักพักใหญ่

“คุณพีเที่ยวผู้หญิงหรือครับ”

“ปะ เปล่าครับ ผมไม่เที่ยว” พิชญะโบกไม้โบกมือห้ามเป็นการใหญ่ เขาจะเที่ยวผู้หญิงได้ยังไงกันเล่าในเมื่อเขาไม่ชอบผู้หญิง วงศกรหัวเราะขำกับท่าทางปฏิเสธเสียงแข็งของเพื่อนชาย

“ผมก็ล้อเล่นน่ะครับ ในเมื่อคุณพีไม่เที่ยว และผมก็ไม่ชอบ เอาเป็นว่า เราทิ้งมันไปเลยก็แล้วกันนะครับ” แพทย์หนุ่มหน้าใสพยักหน้าหงึกๆ วงศกรเอื้อมมือหย่อนนามบัตรสีดำลงถังขยะข้างโต๊ะทำงานของพิชญะ ในสมองชั่วแว่บหนึ่งวูบเข้ามาทำให้เขาคว้ากระดาษไว้ได้ทันท่วงทีก่อนที่มันจะปลิวตกลงไปนอนกองในถังขยะแสตนเลส

“คุณแมนเป็นอะไรหรือครับ” พิชญะมองอาการของเพื่อนชายที่มองนามบัตรในมือแววตามีเลศนัย

“ผมนึกออกแล้วครับ ว่าผมจะหาเจ้าสาวได้จากที่ไหน” รอยยิ้มพราวพร่างขับใบหน้าคมเข้มให้ดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น พิชญะสังหรณ์ใจเมื่อเห็นนัยน์ตาคมกริบคู่นั้น

“คุณจะทำอะไรครับ คุณแมน” วงศกรไม่ตอบอะไรกลับถือวิสาสะเปิดโน้ตบุ๊กป้อนอีเมล์ในนามบัตรลงไปอย่างคล่องแคล่ว พิชญะเห็นแล้วรีบร้องห้าม

“คุณแมนอย่าไปยุ่งกับผู้หญิงพวกนี้เลยครับ มันอันตราย” สีหน้าไม่สู้ดีของพิชญะทำเอาวงศกรหัวเราะขันหนักกว่าเก่า

“ผมไม่ยุ่งหรอกครับ แต่กำลังจะให้พวกเธอช่วย ถ้าพรุ่งนี้ผมไม่มีผู้หญิงไปโชว์ให้คุณย่าดูตัว เห็นทีเจ้าสาวผมคงไม่พ้นลิงชิมแปนซีเป็นแน่” แค่นึกถึงว่าที่เจ้าสาวทั้งสี่คนเขายังสยองไม่หาย ไม่รู้คุณหญิงย่าคัดสรรมาจากวัดไหนถึงได้เฮี้ยนตามหลอกหลอนเขาไม่เลิกอย่างนี้ ไม่นานนักระบบก็เชื่อมต่อถึงกัน พิชญะสุดจะห้ามปรามย้ายที่มานั่งข้างๆ เพื่ออ่านข้อความสนทนาวงศกรที่พิมพ์ออกไป

“ยินดีต้อนรับสู่ เมเม่ สปา ค่ะ กรุณาบอกเมมเบอร์ของลูกค้าด้วยนะคะ” สองหนุ่มมองหน้ากันเลิกลั่กเมื่อเห็นข้อความยืนยันการเป็นสมาชิก ก่อนที่พิชญะจะพิมพ์รหัสตัวเลขสี่หลักลงไป

“เป็นเมมเบอร์ของลูกค้านะครับ เขาเคยบอกเอาไว้ผมจำได้” เขาตอบแววตาสงสัยของเพื่อนชายที่มองมา ระบบเปลี่ยนเป็นเชื่อมต่อทางสไกป์ทันที ภาพสาวผิวเข้มริมฝีปากสีแดงแจ๊ดตัดผมซอยสั้นทันสมัยอวดยิ้มฟันขาวผ่านกล้อง

“อ้าว ไม่ใช่ คุณอุทัยนี่น่า เอ๊ะ คุณเป็นใครกัน” สาววัย 32 ใบหน้าขรึม ขึ้นเสียงสูงมองหน้าอ่อนใสของผู้สนทนาตาขุ่นมัว การทำอาชีพนี้ทำให้เธอต้องรอบคอบกับลูกค้านอกระบบทุกทาง ไมงั้นป่านนี้เธอคงนอนอยู่ในตารางไปนานแล้ว

“ผมสองคน เป็นเพื่อนของคุณอุทัยครับ เขาแนะนำมาอีกที ไม่เชื่อคุณลองโทรถามเขาดูก็ได้ ว่ารู้จักหมอพิชญะหรือเปล่า” วงศกรตอบฉะฉาน ในขณะที่เจ้าตัวที่โดยเอาชื่อไปแอบอ้างถึงกับเหงื่อซึม

“งั้นก็ได้ ขอเวลาพิสูจน์ตัวตนก่อนนะคะ” กล่าวจบสาวผิวเข้มก็เดินจากไปทิ้งแบล็คกราวข้างหลังไว้ให้ดูต่างหน้า หายไปสักครู่เดียวเธอก็กลับมานั่งประจำตำแหน่งพร้อมฉีกปากที่กว้างเกินปกติแย้มยิ้มอ่อนหวานยิ่งกว่าเดิม

“การพิสูจน์ตัวตน ผ่าน ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณสองคนจะสมัครสมาชิกทิ้งไว้เลยไหมค่ะ เพื่อที่ครั้งหน้าจะได้ไม่ต้องใช้เมมเบอร์ของคนอื่น”

“ไม่ละครับ โดยปกติผมไม่ใช่คนชอบเที่ยวอยู่แล้ว” สาวผิวเข้มเริ่มหน้ายุ่ง มองสองหนุ่มแววตาฉงนถ้าไม่เที่ยวแล้วจะเข้ามาทำไม วงศกรนึกรู้พูดต่อเพื่อความกระจ่าง

“ผมต้องการเช่าผู้หญิงจากคุณเป็นเวลาสามเดือน ขอเป็นผู้หญิงที่ไม่เคยรับแขกมาก่อน คุณพอจะมีไหมครับ” คำขอที่แปลกประหลาดทำเอาสาวผิวเข้มทวนคำย้ำความมั่นใจว่าเธอไม่ได้ฟังผิด

“เช่า คุณพูดว่าเช่า หรือค่ะ ตั้งสามเดือนด้วย” วงศกรพยักหน้ารับยืนยันคำพูดทุกคำ ทำเอาคนถามยิ่งมึนหนักกว่าเดิม

“เวลามันนานอยู่นะคะ โดยปกติถ้าจะให้หาเด็กที่ไม่เคยรับแขกมาก่อน ราคามันก็สูงอยู่แล้ว แต่นี่ตั้งสามเดือน คุณจะสู้ไหวหรือค่ะเนี่ย” เสียงจีบปากจีบคออ้อมแอ้มถาม มองหน้าหนุ่มหน้าใสสองคนก็พอจะรู้ว่าคงมีฐานะอยู่ไม่น้อยเห็นทีงานนี้คงต้องเรียกหนักๆ

“ผมจะจ่ายให้ห้าแสน มัดจำให้ก่อนสองแสน ถ้าจบงานนี้เมื่อไหร่ ผมจะจ่ายให้อีกสามแสน คุณจะว่ายังไง” ข้อเสนอเย้ายวนใจ แม้จะพอใจอยู่ไม่น้อยแต่สาวผิวเข้มก็ยังหน้านิ่งเพื่ออัพราคาเพิ่มถ้าตามปกติลองหน้าตาไก่อ่อนแบบนี้เธอคงรีดเงินได้มาไม่ยาก

“เออ พี่ว่ามันน้อยไปอยู่นะคะ เด็กมันไม่เคยผ่านมือใครมา แล้วให้ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ตั้งสามเดือน ห้าแสนมันน่าจะน้อยไปอยู่ จะดีกว่าไหมถ้าคุณน้องจะเพิ่มค่าเหนื่อยให้พี่ตะล่อมเด็กให้รับงานนี้” สาวผิวเข้มไม่รู้เลยว่าปริญญาโทด้านบริหารการตลาดของวงศกรไม่ใช่ขอซื้อใครมา เขาได้มาเพราะความสามารถล้วนๆ ดังนั้น เขาไม่ยอมให้เธอโก่งราคาไปมากกว่าที่เขาเสนอไปแน่

“ผมให้ห้าแสน ถ้ามากกว่านี้ผมก็ไม่สู้ งั้นไม่เป็นไรครับ ผมไปหาที่อื่นก็ได้” เขาทำท่าจะกดปิดระบบที่เชื่อมต่อเอาไว้ สาวผิวเข้มรีบร้องห้ามเสียงดังกับเงินตรงหน้าที่กำลังจะลอยหายไป

“ดะ เดี๋ยวก่อนค่ะ แหมใจร้อนไปได้ ถ้าเป็นคนอื่นพี่ไม่ยอมหรอกนะคะกับเงินแค่นี้ แต่เห็นว่าน้องเพิ่งจะมาใหม่ แล้วคุณอุทัยก็เป็นเมมเบอร์ระดับวีไอพี พี่ยอมเหนื่อยฟรีให้ ก็ได้ค่ะ” วงศกรยิ้มกริ่มสมใจ ให้มันรู้มั้งว่าเขาไม่ได้เคี้ยวเล่นง่ายๆ ดูๆ แล้วผู้หญิงคนนี้คล้ายใครบางคนที่ทำให้เขารู้สึกขันขึ้นมายามที่โดนเขาหักหน้าอย่างนี้

“แล้วคุณน้องต้องการสเป็คไหนละคะ คุณพี่จะได้จัดให้ถูก จะหมวยอึ๋มน่าฟัด หรือจะเอาแบบสวยอย่างไทย น่ารักแบบเกาหลี คิขุอย่างเจแปนนิส ก็มีพร้อมนะค่ะ” สาวผิวเข้มโฆษณาสินค้าเต็มที่ พร้อมโชว์รูปประกอบ สาวสวยที่ไม่หลอกหลอนเหมือนที่คุณหญิงวริศราหามาให้ วงศกรก็ยังส่ายหน้าไม่ถูกใจสักคนจนสาวผิวเข้มเริ่มท้อ เอ่ยถามเสียงอ่อน

“คุณน้องต้องการแบบไหนบอกมาเลยดีกว่าค่ะ คุณพี่เหนื่อยละ หามาจนหมดสต๊อกคุณน้องก็ไม่ถูกใจเลยสักคน”

“อะไรกันครับ ผมก็ไม่ใช่คนเลือกมากขนาดนั้นสักหน่อย สำหรับผมผู้หญิงหน้าตาอย่างไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ” ริมฝีปากกว้างแบะปากหันไปทางอื่น นี่ขนาดเธอเอาเด็กที่เคยผ่านการรับแขกย้อมแมวเข้าขาย เขาก็ยังไม่สนใจ แล้วยังมาบอกว่าหน้าตาอย่างไหนก็ได้ นี่มันโคตรเรื่องมากเลยนะย่ะ

“เอาละครับ เอาเป็นว่าผมต้องการผู้หญิงตาโตๆ ผิวขาวๆ หน้าออกลูกครึ่งตะวันตกหน่อยๆ ความสูงประมาณสัก 170 เซนติเมตร หุ่นดี รอยยิ้มสดใส คงหาไม่ยากใช่ไหม ผมต้องการแนวๆ นี้ละครับ” สาวผิวเข้มมองแขกหน้าใหม่ตาค้างกับสเป็คที่เขาระบุมา นี่เขาจะเอาเด็กของเธอไปประกวดนางงามหรือไงกันละเนี่ย หญิงสาวพลิกแฟ้มหามือระวิงเมื่อเด็กๆ ในสต๊อกของเธอหน้าโทนเอเซียกันหมดทุกคน แล้วเธอจะหาเด็กหน้าแหม่มมาจากที่ไหนเพื่อมาเรียกทรัพย์ก้อนโตละทีนี้

“คุณแมนครับ ผมว่าผู้หญิงที่คุณต้องการ มันคุ้นๆ เหมือนผมจะเคยเห็นเธอเมื่อวานนี้ที่ร้านอาหารนะครับ” แววตาจับผิดของเพื่อนชายเล่นเอาคนฟังปฏิเสธพัลวัน

“ใช่ซะที่ไหนกันครับคุณพี มันก็แค่บังเอิญเหมือน ผู้หญิงอย่างนั้นห่างไกลจากสเป็คผมตั้งเยอะ” แม้จะปฏิเสธไปอย่างนั้นแต่เช้าวันนี้เขาเพิ่งจะประหลาดใจที่ไม่ลบภาพแม่สาวขายบริการคนนั้นกลับเผลอจ้องมองดื่มด่ำไปกับความงามหมดจดที่ทำเอาเขาหวั่นไหวลึกๆ

“เข้าไม่ได้นะคะ คุณค่ะ ออกไปก่อนคะ” เสียงห้ามปรามดังเข้ามาทำเอาสองหนุ่มหันกลับไปมองที่หน้าจอตัวเอง เพราะมันดังออกมาจากในนั้น สาวผิวเข้มที่ก้มมองแฟ้มสาวงามในมือถึงกับลุกพรวด ทิ้งให้สองหนุ่มมองพุงดำๆ ที่ยื่นออกมาแทบจะทะลุจอ

“ยัยไข่หวาน!!”

“พี่แมร์ โฮๆ ไข่คิดถึงพี่เด้อคะเด้อ” ธัญสินีกระโจนเข้าใส่ ธวัลพร พากระโทก ที่ยืนตะลึงตัวเกร็ง พยักพเยิดไล่ให้พนักงานหน้าร้านออกไปก่อน โน้ตบุ๊กที่ตั้งไว้อยู่ถูกธวัลพรหันไปทางอื่นทำให้วงศกรกับพิชญะไม่เห็นหน้าผู้มาเยือนที่เสียงคุ้นๆ สาวผิวเข้มเดินลากน้องสาวบุญธรรมไปทางชุดรับแขกที่อยู่ห่างออกไปจากโต๊ะทำงานของเธอเอง ธัญสินีมองความฟู่ฟ่าของพี่สาวตาโต ไม่นึกเลยครั้งสุดท้ายที่จากกันเธอจะปรามาสพี่สาวไว้ว่าอาชีพนี้จะทำให้ชีวิตของธวัลพรต้องตกต่ำ แต่ดูเธอสิทำอาชีพสุจริตทุกอย่างกับตกอับเอาซะเอง สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเอาซะเลย

“นึกอย่างไรกันย่ะ ถึงมาหาฉันที่นี่ ไหนเคยบอกว่าจะไม่กลับมาเหยียบอีกไงละ” คำพูดกระด้างกระเดื่องพร้อมแววตาไม่เป็นมิตร หญิงสาววัย 27 ปี สะอื้นแห้งอีกครั้ง โผเข้าซบอกบึกๆ ของพี่สาวร่างอวบ

“โธ่ พี่แมร์ จะถือสาอะไรกับคำพูดไม่ประสาของไข่ ตอนนี้ไข่เดือดร้อนจริงๆ แล้วคนเดียวที่จะเป็นที่พึ่งพิงให้ไข่ได้ก็มีแต่พี่สาวคนนี้เท่านั้น ให้อภัยไข่เถอะนะ นะจ๊ะ พี่แมร์คนสวย” ธวัลพร เคลิ้มกับคำชม แล้วนึกขึ้นได้ว่าควรจะวางฟอร์มกับน้องสาวคนนี้เข้าไว้ เพราะถ้าเคลิ้มหนักไปกว่านี้มีหวังเงินทองที่เธอหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองคงโดนสูบจนหมดตัวแน่ๆ

“แกไม่ต้องมาปากหวาน พ่อแม่ก็ถามหาแกอยู่บ่อยๆ แกก็ใจแข็งเหลือเกินไม่ยอมติดต่อไป” สองมือผลักน้องสาวหน้าสวยออกห่าง

“ก็พ่อแม่ไม่เข้าใจไข่ มีอย่างที่ไหนจะจับแต่งงานกับบักจ้อย ถ้ายังไม่เลิกล้มความคิดนี้ไข่ก็ไม่คุยด้วยหรอก” ธัญสินีหน้าบึ้ง เมื่อคิดถึงพ่อแม่บุญธรรมที่บังคับเธอให้แต่งงานกับ ทศพล หนุ่มบ้านนาที่มีดีกรีเป็นถึงลูกชายกำนันแหวน แต่หน้าตาเหลือรับประทาน จนเธอทำใจไม่ลงจริงๆ ที่ต้องแต่งงานด้วย จึงหนีมาที่เมืองหลวงแสนศิวิไลตั้งใจจะมาตั้งตัวที่นี่แต่อยู่มาห้าปีก็แล้วกลับไม่มีอะไรเป็นหลักเป็นฐานหน่ำซ้ำยังแย่ลงไปกว่าเดิม จนต้องกลืนน้ำลายตัวเองหันมาพึ่งใบบุญจากพี่สาวที่เธอเคยแอนตี้นักหนากับอาชีพแม่เล้าโซเชียลเน็ตเวิร์กของธวัลพร

“แกหยุดเลยยัยไข่ รู้ไหมพ่อกับแม่ห่วงแกแค่ไหน ห้าปีไม่ใช่เวลาสั้นๆ นะย่ะ แล้วบักจ้อยก็ยังยืนยันจะรอแกอยู่คนเดียว ถ้าแกกลับไปเขาพร้อมจะจัดงานแต่งงานกับแกทันที นี่เป็นโอกาสเดียวแล้วที่แกจะได้แก้ตัวกับสิ่งที่ทำพลาดไป รับรองเรื่องเดือดร้อนของแก บักจ้อยช่วยแกได้” ธัญสินีแทบกรี๊ดกับการยัดเหยียดของธวัลพร เธอขอยอมตายดีกว่าจะต้องเห็นหน้าทศพลทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา

“พี่แมร์จ๋า ไข่ว่าเราอย่าพูดถึงบักจ้อยเลยนะ ตอนนี้พี่พอมีให้ไข่ยืมสักสองหมื่นบ้างไหม” ธวัลพรมองน้องสาวที่ทำตาปริบๆ ปฏิเสธทันทีไม่ต้องเสียเวลาคิด

“ไม่มี แล้วก็ไม่ให้ด้วย อยากได้ก็ไปขอบักจ้อยเอง รายนั้นสนองแกเต็มที่แน่” สาวผิวเข้มสะบัดลุกขึ้นหน้าเชิดไม่ใส่ใจอาการฮึดฮัดของน้องสาวที่แสดงออกมา

“พี่แมร์อ่ะ ตัวดำไม่พอใจยังดำอีก ไข่เป็นน้องพี่นะ จะไม่ช่วยเหลือกันบ้างเลยเหรอไง ใจร้ายอ่ะ!” ระหว่างที่สองสาวเถียงกันอยู่ วงศกรได้ยินมันทุกคำ ตะโกนส่งเสียงกลับไปเพื่อยืนยันว่าเขายังอยู่ในสายไม่ได้หายไปไหน ธวัลพรสะดุ้งตกใจที่เผลอทิ้งลูกค้าเอาไว้ เดินตรงดิ่งไปที่โน้ตบุ๊กเครื่องสวยที่หันเข้าฝาผนังห้องไว้อยู่ให้หันกลับมายังจุดเดิม ยกนิ้วชู่ว์ห้ามธัญสินีที่ทำท่าจะเปร่งเสียงประท้วงออกมา ก่อนจะเงียบกริบเมื่อมือที่ปิดปากกว้างย้ายลงมานอนหงายทำท่าเชือดคอตัวเอง

“อุ้ย ขอโทษด้วยคะที่ปล่อยให้รอนาน เผอิญคุณพี่มีปัญหาส่วนตัวนิดหน่อยที่ต้องเคลียร์ ไว้คุณทั้งสองค่อยติดต่อเข้ามาใหม่นะคะ” ธวัลพรสรุปเสร็จสรรพ นึกเคืองใจน้องสาวที่มาขัดจังหวะการรับออเดอร์ของเธอ

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมตัดสินใจแล้ว ผมเอาคนนี้ละกัน” สาวผิวเข้มที่กำลังจะปิดโน้ตบุ๊กถึงกับชะงัก

“คนไหนค่ะ”

“คนที่อยู่กับคุณในห้องนี้ไงละ” ธวัลพรเบิกตากว้าง เบนสายตาไปมองธัญสินีเต็มตา ดวงตากลมโตมองมาที่เธอตาแป๋ว ดวงหน้าขาวละมุนสวยล้ำไปทางตะวันตก ขนาดความสูงก็คงราวๆ 170 เซนติเมตร โอ้ ทำไมมันเป๊ะอย่างนี้ หรือลูกค้าหน้าใสของเธอจะเห็นยัยไข่หวาน และเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสาวไซด์ไลน์กันนะ

“คงจะไม่ได้หรอกนะคะ สำหรับคนนี้ ไม่ได้จริงๆ ค่ะ” อย่างน้อยเธอก็ไม่ชั่วช้าขนาดขายน้องกิน จึงได้แต่กล้ำกลืนความเสียดายไว้ในอกปฏิเสธกลับไปเสียงแผ่ว

“ว้า เสียดายจัง ผมว่าจะเพิ่มให้อีกห้าแสน รับรองงานนี้มัดจำก่อนทันทีห้าแสน จบงานอีกสามเดือนคุณก็รับไปอีกห้าแสน เป็นหนึ่งล้านบาทพอดิบพอดี แต่คุณก็ปฏิเสธผมมาแล้วนี่ งั้นคงเป็นไปไม่ได้ โชคดีละกันนะครับ” ประโยคส่งท้ายฉุดกระชากจิตสำนึกให้ดำดิ่งลงไปกับยอดเงินที่พุ่งพรวดไปอีกเท่าตัวหนึ่ง

“อ๊ายย ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ รับรองงานนี้คุณพี่เล่นด้วยเต็มที่ ว่าแต่คุณน้องจะใช้เด็กวันไหนกันละค่ะเนี่ย” หมดแล้วซึ่งจิตสำนึกความเป็นพี่ อย่างน้อยหนุ่มหน้าใสคนนี้ก็ดูไฮโซไม่ใช่น้อย ไม่แน่ความสวยเร้าใจของธัญสินีอาจจะพิชิตใจเขาจนยอมซื้อขาดไปเลยก็ได้ใครจะรู้

“พรุ่งนี้เลยครับ ผมต้องการเจอเธอตัวเป็นๆ หน้าพิชญะคลินิกในเวลาบ่ายโมง ขอให้ตรงเวลาด้วยนะครับ ส่วนที่อยู่ผมจะส่งไปให้ทางเมล์คุณรอรับได้เลย” ธวัลพรพยักหน้ารับแย้มยิ้มหนักแน่น ก่อนจะหนักใจเมื่อมองตรงไปที่ธัญสินีที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย



ทิพกฤตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 เม.ย. 2555, 16:06:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 เม.ย. 2555, 16:06:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 1638





<< บทที่ 2 การพบหน้าที่ไม่น่าอภิรมย์   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account