มนต์สิเน่หา
เมื่อลูกชายคนเดียวของมาเฟียใหญ่ต้องการเปลี่ยนขั้วการเมืองที่กำลังรุนแรง ทุกอย่างคืออาวุธที่ใช้ทำลายศัตรูรวมทั้งเธอ สาวไทยตัวเล็กๆ ที่ไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรแต่กลับต้องกลายเป็นหมากตัวหนึ่งในเกมส์นี่ด้วย แล้วจะทำอย่างไรกับบทบาทที่ต้องรับ...บทบาทของ...ผู้หญิงชั่วคราว
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๑

ตอนที่ ๑
เมืองชิชิลี อิตาลี
ท่ามกลางเสียงจอแจของพวกนักการเมืองในห้องจัดงานเลี้ยง ร่างสูงสง่าในชุดสูทสีดำกำลังเบื่อหน่ายกับการปั้นหน้าต่อหน้าหัวหน้าพรรคสังคมนิยมอย่างเครซี่ อารีโอ ชายวัยกลางคนที่คิดว่าอิตาลีทั้งประเทศอยู่ในมือตน อิตาลีได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีมาเฟียเยอะที่สุด ในขณะเดียวกันก็มีนักการเมืองที่มาจากพวกมาเฟียมากที่สุดเช่นกัน
น่าขำที่ชายหนุ่มซึ่งมีดวงตาดำขลับกลับเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ แม้จะเป็นลูกผสมอย่างที่ถูกเรียกลับหลังก็ตาม แต่ทุกคนก็พร้อมจะคลานเข้ามาหาเขาเพื่อพึ่งอำนาจเงินและอิทธิพลของตระกูล
ใบหน้าคมสันต์หันไปทางเวทีริมฝีปากได้รูปบิดเล็กน้อยเมื่อเห็นนางระบำหน้าท้องชาวฝรั่งเศสเดินเยื้องย่างออกมาด้วยชุดวาบหวิว เสียงเพลงชวนให้อารมณ์ทางเพศปะทุดังขึ้น ไม่นานร่างของหญิงสาวในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยก็เดินเรียงแถวกันออกมา
ในอิตาลีการขายบริการถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งที่ผิดกฎหมายและถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงคือการซื้อบริการจากเด็กสาวที่อายุต่ำกว่า 17 ปี ซึ่งเขาไม่เคยคิดที่จะใช้บริการผู้หญิงพวกนี้สักที
เจ้าพ่อสื่ออย่างเขาจะนอนกับผู้หญิงสวยแค่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อผู้หญิงมานอนด้วยให้เสียความรู้สึก แต่ผู้หญิงพวกนี้มีประโยชน์ชนิดที่ใครก็คาดไม่ถึง เพราะนอกจากจะได้เงินจากพวกนักการเมืองที่ซื้อตัวไปนอนยังได้รับเงินจากเขาเป็นค่าข่าวที่หลอกถามมาจากพวกนักการเมืองพวกนั้น
“นิโคลาส์”
คอนแบร์ คูโอริแยกตัวออกมาจากกลุ่มของตน เขามองหาชายหนุ่มมาตั้งแต่หัวค่ำแต่อีกฝ่ายไม่เคยอยู่คนเดียวสักที เขารู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะมีโอกาสคุยเพียงลำพัง แต่คนอย่างคอนแบร์ถึงอย่างไรก็จะต้องหาทางจนได้
หนุ่มนัยน์ตาคมกริบหันมาตามเสียงเรียกและนั่นทำให้คอนแบร์เริ่มไม่แน่ใจว่าตนควรจะยื่นข้อเสนอให้กับคนๆ นี้ดีหรือไม่ สิ่งที่ต้องการมันคุ้มที่จะเสี่ยง และเชื่อได้ว่าถ้าเป็นผู้ชายคนนี้เขาจะได้ในสิ่งที่ต้องการอย่างแน่นอน
“ผมมีเรื่องที่จะคุยกับคุณ”
นิโคลาส์เลิกคิ้วขึ้นแสดงอาการเหมือนแปลกใจทั้งๆ ที่รู้ว่าก่อนการเลือกตั้งครั้งนี้คอนแบร์จะต้องมาหาเขาแน่นอน ชายร่างสูงผอม มีรอยแผลเป็นเล็กน้อยที่หางตาอาจจะดูน่าเกลียดบ้าง แต่มันกลับทำให้ใบหน้านั้นดุเป็นนักสู้ ไม่ใช่ไอ้ขี้แพ้ที่พบเห็นทั่วไปตามตรอกซอกซอย
“ท่านหัวหน้าพรรคแบร์ลุสมีธุระอะไรกับผม ท่าทางเรื่องที่จะคุยคงยาวเป็นพิเศษ เราขึ้นไปคุยที่ห้องทำงานของผมกันดีกว่า”
ชายหนุ่มผายมือไปทางประตูห้องก่อนที่เขาจะเดินนำออกไป หางตาชำเลืองมองเครซี่ อารีโอเห็นว่าฝ่ายนั้นยังสนใจการแสดงบนเวทีรอยยิ้มเย็นจึงปรากฏขึ้นมาแม้จะเพียงชั่วแวบเดียวก็ตาม

“ปาป๊าไม่เห็นด้วยหรือครับ ผมว่าข้อเสนอของคอนแบร์เข้าท่าจะตาย”
นิโคลาส์จับลูกเต๋าโยนใส่ในโหลแก้วแล้วเขย่า ใบหน้าคร้ามปรากฏรอยยิ้มเมื่อเลขที่ลูกเต๋าเป็นเลข 6 ทั้ง 3 ลูก
“แต่แกกำลังจะทำให้เครซี่โกรธ”
ดาริโอ เตรปาตริเซียตบโต๊ะเสียงดัง เขาไม่ต้องการมีปัญหากับพวกนักการเมืองไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนก็ตาม แต่เครซี่ครองอิทธิพลมานานไม่มีใครที่คิดจะถอนตัวจากการสนับสนุนพรรคของเครซี่มาก่อน
“เขาต้องง้อเราปาป๊า”
“โคล ปาป๊าไม่รู้หรอกนะว่าลูกคิดจะทำอะไร แต่ถ้าลูกหันไปสนับสนุนคอนแบร์มันเท่ากับว่าเราต้องนับหนึ่งกันใหม่”
“ไม่หรอกปาป๊า ผมมีวิธีแล้วเราจะกำทุกอย่างไว้ในมือของเรา...เพียงผู้เดียว”
นิโคลาส์หันมายิ้มกับพ่อของตน เขาหยิบปืนที่วางอยู่บนโต๊ะมาใส่ที่ของมันก่อนจะดึงเสื้อสูทมาสวมทับ
“คืนนี้เราจะได้ข่าวสำคัญ และ...การกดดันที่ทำให้เครซี่ไม่กล้าหือกับเราอย่างสิ้นเชิง”
ดาริโอมองลูกชายเพียงคนเดียวของตนพลางยกมือขึ้นแตะหน้าผากด้วยอาการกลุ้มใจ ไม่มีใครคิดว่าเด็กชายที่เกิดจากผู้หญิงชาวไทยที่แสนอ่อนหวาน จะดุดันและเด็ดเดี่ยวได้อย่างน่ากลัวเช่นนี้
“เมื่อไหร่จะมีใครสักคนมาปราบโคลได้นะครีม”
ดาริโอหันไปมองรูปภรรยาคนที่สอง ผู้หญิงในรูปยิ้มอย่างอ่อนหวาน แม้เธอจะไม่ใช่ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่เธอคือผู้หญิงที่เขารักที่สุด กรามกระด้างกระตุกเล็กน้อยก่อนที่เขาจะตัดสินใจลุกขึ้น แล้วกลับไปหาคนในรูป...ที่บ้าน

ในห้องแต่งตัวหลังเวที ความวุ่นวายของผู้คนทั้งนักแสดงและช่างแต่งหน้าทำให้หญิงสาวที่นั่งนิ่งอยู่หน้ากระจกสั่นด้วยความตื่นเต้น เธอมาอยู่กับป้าได้เกือบปีตอนนี้กำลังเรียนต่อทางด้านศิลปวัฒนธรรมที่โรม แต่ช่วงปิดเทอมก็จะกลับมาช่วยงานป้าที่ร้านอาหารด้วยการแสดงรำไทย เต้น และร้องเพลง
อิตาลีเปรียบดังหญิงสาวผู้งดงาม ใครได้มาเยือนย่อมตกหลุมรักในมนต์เสน่ห์จนยากจะถอนตัว บัณดารีเองก็เช่นกัน หลังจากเธอเรียนจบทางด้านนาฏศิลป์ที่เมืองไทยก็รีบเดินทางมาหาป้า ตั้งใจว่าจะรีบเรียนให้จบจะได้หางานดีๆ ทำ

กรกนกสาวประเภทสองที่เป็นเจ้าของคณะการแสดงประจำร้านอาหารของป้าเดินเข้ามาในห้อง ดวงตาที่แต่งแต้มสีสันสดใสออกอาการกังวลเมื่อมองหญิงสาวที่ตนชวนมาทำงานพิเศษนอกสถานที่เป็นครั้งแรก
“รี...ของเราคิวต่อไปนะ จำไว้ล่ะเต้นเสร็จให้รีบกลับเข้ามา อย่าเดินไปไหนนะเดี๋ยวหลง”
เธอบอกก่อนจะหันไปกำชับทุกคนว่าไม่ให้เดินไปไหนมาไหนเพราะจะหลง โดยเฉพาะบัณดารีที่ถูกกำชับครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะเป็นครั้งแรกที่หญิงสาวออกมาแสดงในที่แบบนี้
“เราต้องแยกตัวใออกมาเพราะมีพวกผู้หญิงไม่ดีในงานนี้ด้วย เข้าใจไหม”
กรกนกย้ำอีกครั้ง
“แหมพี่นก หนูไม่ไปไหนหรอกค่ะ รับรองว่าคืนนี้ทุกคนต้องสนใจคณะโชว์ของพี่มากขึ้น”
“ย่ะแม่ดอกการเวกฉันจะคอยดู ตกลงเราใช้เพลงตัวก็ไทยใจก็ไทยใช่ไหม แล้วเพลงล่ะเลือกหรือยังว่าจะร้องเพลงอะไร”
“ได้แล้วค่ะพี่นก”
“อืม...ก็ดีนะ แล้วอย่าทำเสียล่ะ คุยไว้เยอะเดี๋ยวหน้าแตก”
บัณดารียิ้มรับคำค่อนขอดเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายพูดไปด้วยความเอ็นดู ริมฝีปากอิ่มเผยรอยยิ้มออกมาชนิดที่นางโชว์ในห้องต่างหันมามองพลางนึกชมว่าหญิงสาวยิ้มสวย
“ยิ้มสยามไงจ้ะพวกหล่อน”
กรกนกหันไปยิ้มกับเด็กๆ ของตน วันนี้มีโชว์พิเศษที่เขาสามารถจะยกระดับคณะให้โด่งดังมากขึ้น เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้เข้ามาในเคาน์เนเปิลส์ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่าเป็นที่ของกลุ่มมาเฟียผู้มีอิทธิพลในขณะนี้ใช้รับรองพวกนักการเมืองใหญ่โต
หากคณะโชว์ไหนเข้าตาก็มักจะถูกเรียกมาทุกคืนวันศุกร์และเสาร์ ซึ่งได้รับค่าตอบแทนถึง 10000 ยูโร ไม่รวมรางวัลที่ได้จากผู้ชมกิตติมศักดิ์ทั้งหลายอีก
“พี่นก โชว์ต่อไปคร่า”
เสียงแหลมสูงของคนจัดคิวดังขึ้นที่หน้าประตูห้องแต่งตัว ทำให้บัณดารีรีบลุกขึ้นสำรวจความเรียบร้อยของชุดก่อนจะเดินตามกรกนกออกไป
การแสดงของคณะโชว์ในวันนี้คือกลางฟอร์เต้นรำ ซึ่งเท่ากับว่าหญิงสาวจะถูกสายตาทุกคู่ในห้องมองจากรอบด้าน ไม่ใช่เพียงแต่ด้านหน้าอย่างบนเวที
เสียงเพลงดนตรีไทยดังขึ้น ด้วยทวงทำนองที่ไม่คุ้นหูทำให้สายตาทุกคู่หันไปจับจ้องหญิงสาวที่ยืนนิ่งอยู่กลางห้อง ใบหน้างามตกแต่งสีสันเพียงเบาบาง ริมฝีปากมีรอยยิ้มหวานชวนมองแต่งแต้มอย่างน่าดู
บัณดารีใส่รัดอกสีแดงโจงกระเบนสีเดียวกัน ซึ่งตัดกับกรองคอ และกางเกงรัดรูปสีทองดูเด่นมากยิ่งขึ้นด้วยเครื่องประดับที่กรกนกลงทุนให้ญาติส่งมาจากเมืองไทยครบชุดรวมทั้งชฎาทรงต่างๆ อีกหลายชิ้น
ช่างภาพประจำสื่อต่างๆ เข้ามาถ่ายรูปและเริ่มถอยออกไปเมื่อเสียงคนตรีไทยหายไปแล้วมีเสียงรัวกลองขึ้นมา ซึ่งเป็นสัญญาณว่าบัณดารีกำลังจะเริ่มการแสดงของเธอ
เสียงพูดคุยเริ่มหยุดลงเมื่อร่างที่อยู่ตรงกลางฟอร์เริ่มขยับ หากเสียงเพลงของนักร้องชายที่ดังขึ้นกลับทำให้ร่างสูงที่ยืนแยกออกไปหันกลับมาแทบจะทันที
“นิโก้ วันนี้นายติดต่อโชว์ของที่ไหน”
น้ำเสียงดุเข้มทำให้เลขาหนึ่งในห้าคนถึงกับหน้าถอดสี
“ของนิกกี้ครับ ท่านไม่ชอบ...”
“เปล่า”
นิโคลาส์ยกมือขึ้นขัดจังหวะ ก่อนจะก้าวเท้ายาวๆ ไปยืนในช่องว่าง มองหญิงสาวที่รำด้วยท่วงทำนองแปลกๆ ไม่เคยเห็น บ่อยครั้งที่เขากลับไปเมืองไทยกับแม่เพื่อเยี่ยมตากับยาย
หลายครั้งที่ได้ไปดูการแสดงโชว์ไม่ว่าจะเป็นรำไทยหรือที่เรียกกันว่าลิเก แต่ช่วงห้าปีที่ผ่านมาเขาไม่มีโอกาสได้ไปหาตากับยายอีก นี่วัฒนธรรมไทยเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยหรือ
นิโคลาส์ยกมือขึ้นกอดอก เขามองจนร่างของหญิงสาวเดินหายไปทางด้านที่จัดไว้สำหรับแต่งตัว หากแต่เสียงดนตรีกลับยังบรรเลงไปเรื่อย ค่อยๆ เปลี่ยนท่วงทำนองให้เบาลง
คนดูรอบๆ ห้องเริ่มหันมาพูดคุยกัน นึกแปลกใจว่าทำไมการแสดงถึงขาดช่วง และก่อนที่เสียงคุยจะดังมากไปกว่าเก่า วงออเคสตร้าก็เน้นจังหวะให้ดังขึ้นก่อนจะกลายเป็นท่วงทำนองหวานแว่วดังสายลมที่พัดผ่านในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
ใบหน้าของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของงานเปลี่ยนไป เขารู้จักเพลงนี้เพราะแม่ชอบร้องให้ฟังเสมอ นิโคลาส์อ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อสายตา เขาแทบจะระงับอาการเต้นรัวของหัวใจไม่ได้
หญิงสาวเมื่อครู่ก้าวออกมาช้าๆ ชุดราตรีบางพลิ้วไหวไปตามการก้าวเดิน บัณดารียิ้มให้กับทุกคนที่ผ่านเข้ามาในสายตาของเธอ ริมฝีปากอิ่มสีดังเปลือกส้มเมืองหนาวดูเย้ายวนและน่าลิ้มลอง นัยน์ตาคู่นั้นไม่ต่างจากดวงตาของกวางน้อยที่อยู่ท่ามกลางหิมะที่หนาวเย็น
ร่างสูงขยับขาก้าวเข้ามามากกว่าเก่า เวลาแต่ละนาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้า สายตาเลื่อนลงมาเมื่อมือบางจับกระโปรงดึงขึ้นยามที่ก้าวลงมาจากบันไดเล็กๆด้านข้าง ผ้าชีฟองสีฟ้าสดใสไม่ได้ปิดบังเรียวขาขาวนวลจากสายตาทุกคู่ที่จับจ้อง หากแต่มันคือการอวดอย่างมีชั้นเชิง
“ผมอยากได้ผู้หญิงคนนี้”
นิโคลาส์หันไปตามต้นเสียง ความกังวลเกิดขึ้นในทันทีเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนพูด เครซี่กำลังสั่งคนในชุดดำที่ยืนอยู่ข้างกาย ไม่น่าแปลกใจที่จะได้ยินเช่นนี้ แต่คราวนี้ผู้หญิงที่หัวหน้าพรรคสังคมนิยมจอมโอ้อวดต้องการ คือผู้หญิงชาติเดียวกับแม่ของเขา ที่สำคัญคือพวกเธอไม่ใช่ผู้หญิงขายบริการที่ถูกจัดหามาอย่างถูกต้อง
“นาซีโอ”
ใบหน้าเข้มฉายแววกังวลเมื่อหันไปเรียกหัวหน้าผู้คุ้มกัน สายตาเข้มยังคงจับจ้องการสนทนาระหว่างเครซี่กับลูกน้อง และฟังทุกถ้อยคำที่ทั้งคู่พูดคุยกัน
“ครับท่าน”
ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีครีมก้าวเข้ามาทันทีเหมือนรอรับคำสั่งอยู่เสมอ สายตาจับจ้องไปในทิศทางเดียวกับผู้เป็นนาย
“คุ้มครองผู้หญิงบนเวทีด้วย ดูให้แน่ใจว่าเขากลับถึงบ้าน”
นาซีโอก้มศีรษะลงเล็กน้อยแล้วก้าวหายในกลุ่มคน ในขณะที่นิโคลาส์หันกลับไปทางบัณดารี มันเป็นธรรมชาติที่สตรีผู้งดงามย่อมมีแรงดึงดูด เพียงแต่เธอโชคร้ายที่ดันมาดึงดูดคนที่ไม่ควรเข้าใกล้อย่างเครซี่
นี่ไม่ใช่แผนที่เขาวางไว้ เครซี่ควรสนใจมารีน่าหญิงสาวผมทองหุ่นเซ็กซี่ ที่จะต้องออกมาเต้นหลังจากจบการแสดงทั้งหมดที่คณะโชว์จัดมา

นิโคลาส์เดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องทำงาน หลังจากฟังเพลงไทยที่แสนหวานจบ ตอนนี้การแสดงของคณะโชว์น่าจะจบลงแล้ว และทางที่ดีทุกคนควรจะออกเดินทางทันทีตามคำเตือนของเจ้าของบ้าน การรอคอยเป็นสิ่งที่เขาเกลียดแต่ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าทำไม ทำไมเขาต้องห่วงผู้หญิงที่เพิ่งเคยพบหน้าเพียงครั้งเดียว
แสงไฟจากทางระเบียงทำให้ร่างสูงเลิกเดินวนไปวนมาแล้วก้าวออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ เขาระบายลมหายใจออกแรงๆ ด้วยอาการหงุดหงิด สอดมือลงในกระเป๋ากางเกงแล้วแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรบางอย่างดึงดูดใจของเขา...แต่มันคืออะไรกัน

หลังจากรอการแจ้งข่าวจากนาซีโออยู่นาน ความอดทนของนิโคลาส์เริ่มจะเหลือน้อยลงทุกที เขาก้าวออกจากห้องทำงานเดินลัดเลาะไปตามพุ่มไม้ที่ถูกตัดแต่งเป็นเขาวงกตขนาด 100ตารางเมตร เพื่อหามุมสงบตรงกลางเขาวงกตเหมือนที่เคยทำ
เสียงบางอย่างทำให้รองเท้าดำเป็นเงาหยุดอยู่กับที่ มีสายตาสองคู่ที่ต่างจ้องมองไปในทิศทางต่างกัน คนหนึ่งหมอบอยู่กับพื้นมองรองเท้าหนังราคาแพงแล้วหลับตาลงนึกภาวนาอย่าให้เจ้าของรองเท้าเห็นตน
แต่คำภาวนาช่างไร้ผลในเวลาที่ต้องการเสมอ นิโคลาส์ก้มหน้าลงมองร่างที่แอบอยู่ในพุ่มไม้ มือหนึ่งยกขึ้นล้วงเข้าไปในเสื้อกำด้ามปืนเอาไว้พลางปลดล็อกตัวห้ามไก อีกมือคว้าหมับที่ต้นแขนเรียวกระชากขึ้นอย่างรวดเร็ว
ต่างคนต่างตกใจกับใบหน้าที่แทบจะชิดกัน ดวงตาที่เบิกกว้างดูน่าขันแต่เวลานี้บัณดารีไม่ได้ตลกด้วยเลยสักนิดเดียว
“ปล่อยนะ”
หญิงสาวร้องเสียงแหลม พยายามกระชากแขนตนเองออกจากการเกาะกุมจนสุดความสามารถ ด้วยความตกใจทำให้หญิงสาวพูดออกมาเป็นภาษาไทยทั้งรัวและเร็วโดยลืมไปว่าที่นี่คืออิตาลีไม่ใช่เมืองไทย
“ปล่อยนะอีตาบ้า บอกให้ปล่อย...ปล่อยได้ยินไหม”
นัยน์ตาสีเข้มฉายแววบางอย่างที่อ่านไม่ออก มือที่กำด้ามปืนอยู่เปลี่ยนมาปิดปากนุ่มเอาไว้พลางทำเสียงขลุกขลักในลำคอ
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“ถ้าปล่อยจะหยุดร้องได้ไหม”
ชายหนุ่มพูดภาษาไทยออกมาชัดถ้อยชัดคำชนิดที่ทำให้ร่างบางหยุดดิ้นทันที
“คุณพูดภาษาไทย”
“ใช่สิ แล้วคุณคิดว่าผมพูดภาษากรีกหรือยังไง”
นิโคลาส์ย้อนเสียงเข้ม เขามองอาการตะลึงของอีกฝ่ายขำๆ แต่ยังคงรักษาสีหน้าให้เรียบเฉย
“เมื่อไหร่คุณจะปล่อยฉันสักที หรือว่าคุณเป็นพวกของ...”
“ใคร”
นิโคลาส์ปล่อยมือจากต้นแขนนุ่ม เขาสอดมือล้วงเข้าไปในกางเกงยืดตัวเต็มความสูงแล้วสบตาหญิงสาวเพื่อรอคำตอบ
“ไอ้พวกที่จะจับตัวฉันไง”
“พวกไหน”
ชายหนุ่มแกล้งถามทั้งๆ ที่รู้ว่าใครคือคนทำ คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย
“แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไง”
หญิงสาวขมวดคิ้วกวาดสายตาไปรอบๆ ด้วยความกลัว
“แล้วคุณเป็นใคร ทำไมถึงพูดภาษาไทยได้”
เธอตั้งข้อสังเกตเพราะเห็นว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่มีส่วนใดที่บ่งบอกเลยว่าเป็นคนไทย หรืออาจจะมีเชื้อสายมาทางคนไทย เพราะทั้งดวงตา จมูก และริมฝีปากที่เห็น เป็นเอกลักษณ์ของคนทางยุโรปทั้งหมด
“ผมทำงานอยู่ที่นี่ และ...แม่ของผมเป็นคนไทย ผมชื่อโคล”
นิโคลาส์เลี่ยงที่จะพูดถึงฐานะที่แท้จริงของตน เพราะถ้าหญิงสาวอยู่ที่นี่ก็จะรู้ว่าไม่มีประชาชนคนไหนเชื่อในตัวนักการเมืองและพวกมาเฟียส่วนหนึ่งอาจมาจากการสร้างอำนาจจากเลือดเนื้อของคนบางกลุ่ม เลยทำให้ทุกคนเกลียดและกลัวมากกว่ารักและนับถือ
“ฉันชื่อรี”
บัณดารีบอกชื่อเล่นไปแล้วเขย่งปลายเท้าขึ้น พยายามชะโงกมองไปอีกทางว่ามีใครเดินเข้ามาหรือไม่ เมื่อไม่เห็นใครก็ทำท่าจะหันหลังกลับแต่ถูกดึงแขนเอาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวไปส่ง”
ขอเสนอง่ายๆ สั้นๆ แต่สำหรับหญิงสาวเธอไม่ไว้ใจคนแปลกหน้า แม้จะพูดภาษาเดียวกันก็ตาม
“ไม่เป็นไร แค่บอกทางกลับไปห้องที่เขาจัดให้คณะโชว์แต่งตัวก็พอค่ะ”
“คณะโชว์กลับไปแล้ว”
นิโคลาส์ไม่คิดที่จะโกหก แต่การที่หญิงสาวจะกลับเข้าไปด้านในมันอันตรายเกินไป
“ไม่มีทาง พี่นกไม่ยอมกลับแน่ถ้าขาดใครคนใดคนหนึ่ง”
บัณดารีหมุนตัวไปรอบๆ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหน ตึกทุกหลังก็เหมือนกันไปหมด
“แล้วคุณจะทำยังไงต่อไป”
“ฉันจะกลับเข้าไปหาพี่นก คุณพาไปได้ไหม”
หญิงสาวยังยืนยันคำเดิม เธอต้องกลับบ้านพร้อมกับกรกนกไม่เช่นนั้นป้าจะเป็นห่วง ถึงแม้ว่านางพัชรีจะย้ายมาอยู่อิตาลีหลายปีแล้วก็ตามแต่ก็ยังมีนิสัยแบบคนไทย
คือลูกหลานมีอิสระที่จะไปไหนมาไหนแต่ควรรีบกลับและไม่ทำให้เป็นห่วง อย่างที่มานี่เพราะกรกนกขอ ดังนั้นถ้ากลับไปที่ร้านโดยไม่มีเธอคนที่จะลำบากที่สุดคือตัวกรกนกเอง
นิโคลาส์ยืนมองหน้าหญิงสาวอยู่พักใหญ่จนกระทั่งนึกอะไรบางอย่างออก
“แย่แล้ว”
ชายหนุ่มอุทานออกมา ร่างสูงหันไปทางศาลากลางสวนวงกตเพื่อที่จะหลบแต่เหมือนเขาจะช้าไปเสียแล้ว สายน้ำจากหัวฉีดกระจายเป็นละอองไปทั่ว เสียงบัณดารีอุทานขึ้นเบาๆ ก่อนที่จะถูกคว้าข้อมือดึงให้วิ่งตามไปในห้องกระจกขนาดใหญ่
ห้องกระจกปรับอุณหภูมิถูกเปิดไฟขึ้นทันทีที่ประตูถูกผลักเข้าไป ตัวเซ็นเซอร์จับความร้อยของร่างกายมนุษย์ทำงาน และสิ่งที่ทำให้หญิงสาวต้องร้องออกมาคือดอกไม้มากมายที่วางเรียงกันเป็นทิวแถว
“สวยจัง”
“ห้องนี้มีไว้สำหรับปลูก บำรุง และรักษา”
นิโคลาส์เดินนำเข้าไปด้านใน เสียงไฟสว่างขึ้นเป็นระยะจนกระทั่งถึงด้านใน
“แสดงว่าต้นไม้ข้างนอกมาจากที่นี่หรือคะ”
เสียงใสๆ ถามขึ้นหลังจากเงียบมานาน มือบางแตะกลีบดอกสีแดงสดของต้นไม้รูปทรงแปลกๆ แต่พอจะจับดอกที่อยู่ถัดไปกลับถูกจับมือไว้เสียก่อน
“จับไม่ได้”
น้ำเสียงของนิโคลาส์ไม่ต่างการดุเด็กซนๆ คนหนึ่ง
“กลีบดอกมันมีหนามเล็กๆ ถ้าโดนจะปวด”
ชายหนุ่มบอกก่อนจะหันไปหยิบโทรศัพท์สำหรับติดต่อภายในขึ้นมาพูดอะไรบางอย่างสั้นๆ แต่บัณดารีรู้สึกว่ามันคือการออกคำสั่งมากกว่าขอร้องหรือพูดคุยธรรมดา ไม่นานนักก็มีผู้ชายสองคนเดินเข้ามาหนึ่งในนั้นส่งกุญแจรถให้แล้วเดินถอยไปยืนอีกทาง
“ให้นาซีโอรับแขกแทนฉันด้วย อ๋อ...บอกเจ้าของคณะโชว์ให้พาคนออกทางประตูเหนือ ส่วน...”
นิโคลาส์เว้นระยะครู่หนึ่งเมื่อหันมามองหน้าคนข้างๆ
“บอกว่าฉันรอส่งคนของเขาคืนที่ทางออก”
ชายในชุดสีเข้มก้าวออกไปทันทีที่ได้รับคำสั่ง
“คุณมากับผม พี่นกของคุณจะไปพบเราตรงทางออก ผมจะพาไปส่ง”
ไม่มีทางอื่นให้เลือกเพราะพอพูดจบชายหนุ่มก็เดินนำออกไปตามทางเดิน บัณดารีจึงต้องวิ่งตามไปเพราะขืนอยู่ต่ออาจต้องเจอไอ้พวกหน้าเหี้ยมมาจับตัวไป คราวนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้างก็ไม่รู้
“รอด้วยสิ”
เมื่อออกมาจากห้องปรับอุณหภูมิหญิงสาวต้องรีบวิ่งตามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินห่างออกไปทุกที พยายามไม่หันมองรอบๆ ตัวเพราะออกจะกลัวความมืดกับพุ่มไม้รูปทรงต่างๆ กลางวันมันอาจจะดูสวยงามแต่กลางคืนมันหลอนหัวใจจนขนลุกไปหมด
ผีมีจริงหรือไม่เธอไม่รู้ แต่เมื่อมีบางสิ่งกระโดออกมาจากพุ่มไม้แล้วขวางหน้าบัณดารีก็ส่งเสียงกรี้ดออกมาดังลั่น หันหลังวิ่งกลับไปทางเก่ายกมือขึ้นปิดหูเมื่อได้ยินเสียงปืนดังตามหลังมา
“ช่วยด้วย....ช่วยด้วย...กรี๊ด....




tonpalm
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 เม.ย. 2555, 18:25:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 เม.ย. 2555, 18:25:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 3416





   ตอนที่ ๒ >>
ปูจ้า 24 เม.ย. 2555, 19:00:57 น.
ว๊าววววววเรื่องใหม่มาแล้วเย้ๆๆ


Zephyr 24 เม.ย. 2555, 19:11:43 น.
เปิดมาก็มันเลย พระนางท่าจะเฮี้ยวพอกัน
ชอบมาเฟีย ฮี่ๆๆๆ


pattisa 24 เม.ย. 2555, 23:06:02 น.
อะไรโดดมาจากพุ่มไม้เนี่ย


คิมหันตุ์ 24 เม.ย. 2555, 23:24:14 น.
เปิดเรื่องได้มันจริงๆค่ะ


nako 25 เม.ย. 2555, 07:46:37 น.
เรื่องใหม่ ว้าวๆ


แกรตอหลู 25 เม.ย. 2555, 09:40:28 น.
คิดถึงน๊า


เกศมณี 25 เม.ย. 2555, 21:56:04 น.
เรื่องใหม่มาแล้วววววว
ไม่ได้อ่านในเวบนะคะพี่ปู แต่แวะมาให้กำลังใจและจะตามซื้อตอนเป็นเล่มค่า


ยิหวา 16 พ.ค. 2555, 13:57:20 น.
ว๊าวๆๆๆๆ เปิดเรื่องได้น่าตื่นเต้นมากๆๆๆ


จิรารัตน์ 12 ก.ย. 2555, 12:09:16 น.
มาอ่านค่าคุณปู


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account