คนที่คุณไม่รู้ว่าใคร
ตลอดชีวิตที่ผ่านอย่าว่าแต่แฟนเลย คนมาจีบสักคนยังไม่มี
แต่อยู่ดีๆ พอถึงคราวจะมี มันก็ มี มี มี มาตั้งสาม มี แล้วหล่อนจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย
นิยายคลายเครียด ถ้าผู้อ่านหวังเจอเรื่องประมาณดราม่า น้ำตาหยด อาจต้องผิดหวัง เพราะนิยายเรื่องนี้จะทำให้คุณน้ำลายไหล แบบว่าหนุ่มๆเรื่องนี้เค้าน่าหม่ำกันทั้งนั้น
ปล. ฝากนิยายเรื่องแรกไว้ในอ้อมใจของทุกคนด้วยนะคะ
รอยสรวล
แต่อยู่ดีๆ พอถึงคราวจะมี มันก็ มี มี มี มาตั้งสาม มี แล้วหล่อนจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย
นิยายคลายเครียด ถ้าผู้อ่านหวังเจอเรื่องประมาณดราม่า น้ำตาหยด อาจต้องผิดหวัง เพราะนิยายเรื่องนี้จะทำให้คุณน้ำลายไหล แบบว่าหนุ่มๆเรื่องนี้เค้าน่าหม่ำกันทั้งนั้น
ปล. ฝากนิยายเรื่องแรกไว้ในอ้อมใจของทุกคนด้วยนะคะ
รอยสรวล
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 4 จับแล้วไม่อยากปล่อย
ตอนที่ 4 จับแล้วไม่อยากปล่อย
“จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกนานมั๊ยคะ” เสียงทุ้มต่ำขึ้นใกล้ๆเอาทำเอาคนที่แกล้งทำหัวจุ่มลงไปในกองเอกสารสะดุ้งเงยหน้าขึ้น หล่อนยังคงขัดเขินกับบทสนทนาระหว่างพี่ชายผู้แสนดีเมื่อคืนอยู่ไม่น้อย ที่ผ่านมาพัทธ์เป็นพี่ที่ดี ดูแลเอาใจใส่หล่อนดีมาโดยตลอด แม้ว่าการกระทำมันออกจะเกินๆไปบ้างแต่ว่าชายหนุ่มก็ไม่เคยพูดจาเหมือนจะเกี้ยวพาหล่อนแบบนั้นมาก่อน ด้วยเหตุนี้กล้วยจึงแกล้งทำเป็นสนใจงานโอเวอร์ทั้งๆที่เห็นพัทธ์มารอรับกลับบ้านนานแล้ว
“เฮ้ย! พี่แพท เข้ามาทำไมเสียใกล้” ตาเรียวรีบ่งบอกสัญชาติความหมวยเบิกกว้าง
“นั่นทำตาโตสุดแล้วหรือคะ” ว่าจบก็หัวเราะเสียงเล็กเสียงน้อย น่าหมั่นไส้สุดๆ เขาอดไม่ได้ที่จะล้อจะแกล้งหญิงสาว
“โอเคๆค่ะ พี่ขอโทษ แซวหน่อยเดียวเอง” คราวนี้หนุ่มใหญ่ยอมลงให้ ถึงเขาจะเจ้าเล่ห์นิด เผด็จการหน่อยแต่ก็ไม่ได้บ้าอำนาจเอาทุกเวลานาทีหรอกน่า พอเห็นหญิงสาวค้อนขวับๆไม่พอใจในสิ่งที่เขาพูดจึงหยุดซะ แต่เอาจริงๆนะเขาไม่เห็นว่าไอ้ตาเรียวเล็กไม่มีชั้นนั้นมันจะเป็นปมด้อยตรงไหน ตรงข้ามเขากลับคิดว่ามันดูเฉี่ยวเปรี้ยว สวยดีไม่หยอก
“วันนี้พี่วิชวนไปทานข้าวที่บ้านค่ะ” พี่วิ พี่สะใภ้ของพัทธ์ คุณป้าวิภาดา ของหล่อน หรืออีกสถานะหนึ่งก็คือแม่วิ ของนายภาม
“อ้าวเหรอคะ แล้วก็ไม่บอก เดี๋ยวไปไม่ทันเวลาตั้งโต๊ะพอดี” น้ำเสียงกะตือรือร้นขึ้นมากะทันหัน เรื่องของกินกับกล้วยเป็นของคู่กัน
“อ้าวไปซิคะ” กล้วยหันมาเร่งกวักมือเรียกหยอยๆ เมื่อหล่อนออกมายืนนอกห้องทำงานแล้วแต่คนชวนตอนแรกกลับยืนนิ่งอยู่ในห้อง
“มาค่ะ” เหมือนเร่งด้วยวาจาจะไม่ทันใจที่ลอยไปหาอาหารค่ำมื้ออร่อย มือเรียวสวยจึงคว้าหมับเข้าที่มือใหญ่อย่างลืมตัว จับได้เสร็จก็ลากอีกฝ่ายออกจากห้องทันที โดยไม่ทันเห็นสายตาประกายวิบวับที่ส่งมาจากคนโดนฉุดแม้แต่น้อย
“อ้าว คุณกล้วย คุณพัทธ์ กลับแล้วหรือครับ” เลขาหน้าห้องกล้วยทักขึ้นเมื่อเห็นเจ้านายทั้งสองจูงไม้จูงมือกันดูรีบร้อนซะจนลืมว่ายังมีเขานั่งอยู่หน้าห้องนี่อีกคน
“อ้าว หมูชร เรากลับก่อนนะ นายก็รีบกลับบ้านได้แล้ว” ยังไม่ทันที่เลขาหนุ่มหน้าห้องจะตอบกลับเป้าหมายทั้งคู่ก็หายลับไปเสียแล้ว
“บอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าชื่อผมน่ะ กุญชร ที่แปลว่า ช้าง ไม่ใช่ กุล ที่แปลว่าหมู” กุญชรรู้ว่าเจ้านายสาวรู้ดี ก็เธอฉลาดเฉลียวออกเสียอย่างนั้น แต่ที่ก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนแม้ว่าเขาจะพยายามอธิบายแค่ไหน ก็เป็นเพราะว่าหล่อนพอใจจะเรียกแบบนี้นี่ จะมีอะไรมั๊ย
“เฮ้อ” ถอนหายใจยอมรับชะตากรรมกันอีกสักที
สองหนุ่มสาวพากันเดินจูงมือกันจนมาถึงรถสัญชาติยุโรปคันใหญ่ของพัทธ์ อืม...ได้บอกไปรึยังนะว่ากล้วยไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เหตุผลที่ไม่มีก็ง่ายมากเพราะหล่อนขับรถไม่เป็น เลยอาศัยหนุ่มๆขับรถไปส่งบ้าง รถบริษัทบ้าง รถสาธารณะบ้าง ไปเรื่อย
พอเห็นชายหนุ่มยืนสงบนิ่งอยู่เป็นนาทีไม่ยอมเข้าไปนั่งในรถสักที กล้วยเลยมองไปที่อีกฝ่ายด้วยความสงสัย
“พี่อยากขึ้นรถ” ก็ขึ้นสิค้า ใครห้ามเล่า กล้วยจะได้ขึ้นมั้ง คิดในใจๆ บอกแล้วว่าไม่กล้าหือ
“แต่...ไม่อยากปล่อยมือกล้วยมากกว่าหนิ่ เอาไงดี” หนุ่มใหญ่หันมาปรึกษา หน้าตางี้เคร่งเครียด ทำเอาเจ้าของมือที่เค้าไม่อยากปล่อยพลอยเครียดไปด้วย มัวแต่คิดหาวิธีช่วยเค้า ทำให้ไม่ทันได้สังเกตหน้าของคู่สนทนาที่ตอนนี้ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งไปแล้ว กล้วยลืมคิดไปว่าประเด็นมันอยู่ที่พี่ชายแสนดีคนนี้อยากจะจับมือหล่อนไปทำไมมากกว่า บางครั้งเวลาอยู่กับคนที่เราไว้ใจ มันก็เผลอเรอจากคนรอบคอบกลายเป็นคนซื่อบื้อเอาง่ายๆ
“ไม่เห็นจะยาก เก๊าะปล่อยมือกล้วยก่อน พอขึ้นไปนั่งบนรถค่อยจับใหม่ก็ได้นี่” เรียบร้อยโรงเรียนพัทธ์ค่ะ
“น่านสิ เรื่องง่ายๆแค่นี้ทำไมพี่ถึงคิดไม่ออกกันนะ ขอบคุณนะครับที่ช่วย” ว่าเสร็จก็เปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับให้หล่อนเข้าไปนั่งก่อน ยอมปล่อยมือน้อยนุ่มนิ่มที่ตอนแรกหล่อนเป็นฝ่ายจับมือเขาแน่นกลายเป็นเขาเป็นฝ่ายจับมือหล่อนไว้เองตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้อย่างเสียดาย
ระหว่างรอพี่แพทเข้ามาในรถ กล้วยก็คิดทบทวนเหตุการณ์เมื่อกี้ไปพลางๆ นั่นสิ...เรื่องง่ายๆแค่นี้ คนฉลาดๆอย่างพี่แพท ทำไมถึงคิดไม่ออก หรือว่า....เอาอีกแล้วใช่มั๊ย แบบว่าหล่อนพลาดอีกแล้ว
“ขอมือด้วยครับ” เสียงทุ้มกรุ้มกริ่มดังขึ้นข้างตัว พัทธ์เข้ามานั่งในรถเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มยื่นมือซ้ายมาข้างหน้าหล่อนอย่างทวงสัญญา
“เอ่อ...กล้วยลืมคิดไปว่าขับรถมือเดียวมันอันตราย คือแบบ...” ดูท่าเหตุผลนี้จะไม่เข้าท่าแฮะ เพราะอีกฝ่ายยังคงยื่นมือหนานุ่มขอบชีสส่งมาให้ สุดท้ายก็จบลงด้วยคำพูดที่เหมาะสมค่ะคุณผู้ชม
“ค่ะ” วางมือลงไปบนถาดพิซซ่า เอ้ย! มือของพี่แพทแต่โดยดี
**************
ตลอดเวลาการเดินทางมุ่งสู่บ้านของชายหนุ่ม ทั้งเธอและเขาต่างก็จับมือกันไว้มั่น ไม่ยอมพรากจากกัน มีบ้างที่พี่แพทต้องใช้มือซ้ายเพื่อเปลี่ยนเกียร์แต่ชายหนุ่มคนที่ไม่ค่อยฉลาดในตอนแรกกลับฉลาดขึ้นมาทันทีทันใด
“พี่วานกล้วยมาจับมือพี่ทางด้านบนแทนได้มั๊ยคะ เดี๋ยวพี่ต้องเปลี่ยนเกียร์” กล้วยหันมามองคนขับงงๆ แล้วปล่อยมือไม่ง่ายกว่าเหรอคะ แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยคำพูดที่เหมาะสม
“ค่ะ” ว่าจบก็เลื่อนมือตัวเองที่อีกฝ่ายเป็นฝ่ายเกาะกุมไว้ในทีแรกมาวางแหมะไว้บนหลังมือของชายหนุ่มแทน กลายเป็นว่าหล่อนมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนเกียร์ไปด้วย สองแรงร่วมใจสุดๆ
พอเสร็จภารกิจพัทธ์ก็เปลี่ยนกลับมาเป็นฝ่ายกอบกุมมือของหญิงสาวไว้เหมือนเดิมพร้อมกับมอบเสียงนุ่มทุ้มอ่อนหวานเป็นรางวัลให้คนข้างๆที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
“ขอบคุณนะคะ กล้วย” แหมถ้าได้รอยยิ้มหวานจากพี่แพทเป็นสิ่งตอบแทนอย่างงี้ เอาไปเลยค่ะมือของกล้วย ให้ไปเลย
เวลาผ่านไปความคิดเดิมที่ว่าจะเสียสละมือตัวเองเพื่อแลกกับรอยยิ้มหวานเริ่มจาง
“ถ้ากล้วยอยากจะปล่อยมือจากพี่แพท ต้องทำไงดีคะ” รถเงียบไปพักหลังจากคำถามหลุ่นๆของหล่อนดังขึ้น
“ฮ่าๆๆ ทำไมคะเมื่อยหรือ” พัทธ์หัวเราะอารมณ์ดี เขาขันคนที่อยากปล่อยมือแต่หาวิธีไม่ได้
“เปล่าค่ะ มันเปียก” พูดจบเสียงหัวเราะห้าวๆก็ดังขึ้นอีกรอบ
“งั้นแป็บนะ” กล้วยมองตามทุกการกระทำของพัทธ์แล้วก็เห็นว่าชายหนุ่มหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้ออย่างรวดเร็ว เอ่อ..คงพอจินตนาการออกนะว่ามือซ้ายไม่ว่างอยู่แล้ว แล้วยังเอาอีกมือนึงไปหยิบของอีก คราวนี้เลยไม่มีมือไหนว่างจับพวงมาลัยสักมือ
พัทธ์ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กล้วย หญิงสาวรับไป มองอีกฝ่ายงงๆ
“เอามาทำไมคะ”
“อ้าว ก็เช็ดมือกล้วยไงคะ เหงื่อออกเปียกไม่ใช่เหรอ” หมายความว่าเช็ดเสร็จแล้วก็ต้องจับต่ออีกเหรอ ม่ายยยยย
“แต่ว่ากล้วยบอกว่าอยากปล่อยมือนะคะ ไม่ได้บอกว่าอยากเช็ดมือ” หล่อนเถียง
“ก็กล้วยบอกเองนี่คะว่าสาเหตุที่กล้วยอยากปล่อยมือก็เพราะว่ามือเปียก...” พัทธ์เว้นช่วงหันไปมองหน้าอีกฝ่ายแว็บนึง เมื่อเห็นหญิงสาวพยักหน้าเออออจึงพูดต่อ
“พี่เลยแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ พอมือแห้งทุกอย่างก็เรียบร้อย” กล้วยพยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วย ใช่แม่หล่อนเคยสอนว่าถ้าจะแก้ปัญหาต้องแก้ที่ต้นเหตุถึงจะถูก
“ถ้าเข้าใจแล้วก็เอาผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดมือสิคะ” พัทธ์มองภาพหญิงสาวเช็ดมือตัวเองด้วยผ้าเช็ดหน้าของเขา แล้วอมยิ้ม เพราะหล่อนน่ารักน่าเอ็นดูอย่างนี้ไงเขาถึงห้ามใจไม่ให้แกล้งไม่ได้สักทีเวลาอยู่ใกล้
สรุปคือมือเราสองจะไม่พรากจากกันค่ะ จบบริบูรณ์
***************
คุยกันท้ายเรื่อง
คือตอนนี้ลอกมาจากประสบการณ์จริงค่ะ ฮ่าๆๆ ไม่รู้จะคุยอะไร เอาเป็นว่าเจอกันตอนหน้านะคะ
รอยสรวล
“จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกนานมั๊ยคะ” เสียงทุ้มต่ำขึ้นใกล้ๆเอาทำเอาคนที่แกล้งทำหัวจุ่มลงไปในกองเอกสารสะดุ้งเงยหน้าขึ้น หล่อนยังคงขัดเขินกับบทสนทนาระหว่างพี่ชายผู้แสนดีเมื่อคืนอยู่ไม่น้อย ที่ผ่านมาพัทธ์เป็นพี่ที่ดี ดูแลเอาใจใส่หล่อนดีมาโดยตลอด แม้ว่าการกระทำมันออกจะเกินๆไปบ้างแต่ว่าชายหนุ่มก็ไม่เคยพูดจาเหมือนจะเกี้ยวพาหล่อนแบบนั้นมาก่อน ด้วยเหตุนี้กล้วยจึงแกล้งทำเป็นสนใจงานโอเวอร์ทั้งๆที่เห็นพัทธ์มารอรับกลับบ้านนานแล้ว
“เฮ้ย! พี่แพท เข้ามาทำไมเสียใกล้” ตาเรียวรีบ่งบอกสัญชาติความหมวยเบิกกว้าง
“นั่นทำตาโตสุดแล้วหรือคะ” ว่าจบก็หัวเราะเสียงเล็กเสียงน้อย น่าหมั่นไส้สุดๆ เขาอดไม่ได้ที่จะล้อจะแกล้งหญิงสาว
“โอเคๆค่ะ พี่ขอโทษ แซวหน่อยเดียวเอง” คราวนี้หนุ่มใหญ่ยอมลงให้ ถึงเขาจะเจ้าเล่ห์นิด เผด็จการหน่อยแต่ก็ไม่ได้บ้าอำนาจเอาทุกเวลานาทีหรอกน่า พอเห็นหญิงสาวค้อนขวับๆไม่พอใจในสิ่งที่เขาพูดจึงหยุดซะ แต่เอาจริงๆนะเขาไม่เห็นว่าไอ้ตาเรียวเล็กไม่มีชั้นนั้นมันจะเป็นปมด้อยตรงไหน ตรงข้ามเขากลับคิดว่ามันดูเฉี่ยวเปรี้ยว สวยดีไม่หยอก
“วันนี้พี่วิชวนไปทานข้าวที่บ้านค่ะ” พี่วิ พี่สะใภ้ของพัทธ์ คุณป้าวิภาดา ของหล่อน หรืออีกสถานะหนึ่งก็คือแม่วิ ของนายภาม
“อ้าวเหรอคะ แล้วก็ไม่บอก เดี๋ยวไปไม่ทันเวลาตั้งโต๊ะพอดี” น้ำเสียงกะตือรือร้นขึ้นมากะทันหัน เรื่องของกินกับกล้วยเป็นของคู่กัน
“อ้าวไปซิคะ” กล้วยหันมาเร่งกวักมือเรียกหยอยๆ เมื่อหล่อนออกมายืนนอกห้องทำงานแล้วแต่คนชวนตอนแรกกลับยืนนิ่งอยู่ในห้อง
“มาค่ะ” เหมือนเร่งด้วยวาจาจะไม่ทันใจที่ลอยไปหาอาหารค่ำมื้ออร่อย มือเรียวสวยจึงคว้าหมับเข้าที่มือใหญ่อย่างลืมตัว จับได้เสร็จก็ลากอีกฝ่ายออกจากห้องทันที โดยไม่ทันเห็นสายตาประกายวิบวับที่ส่งมาจากคนโดนฉุดแม้แต่น้อย
“อ้าว คุณกล้วย คุณพัทธ์ กลับแล้วหรือครับ” เลขาหน้าห้องกล้วยทักขึ้นเมื่อเห็นเจ้านายทั้งสองจูงไม้จูงมือกันดูรีบร้อนซะจนลืมว่ายังมีเขานั่งอยู่หน้าห้องนี่อีกคน
“อ้าว หมูชร เรากลับก่อนนะ นายก็รีบกลับบ้านได้แล้ว” ยังไม่ทันที่เลขาหนุ่มหน้าห้องจะตอบกลับเป้าหมายทั้งคู่ก็หายลับไปเสียแล้ว
“บอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าชื่อผมน่ะ กุญชร ที่แปลว่า ช้าง ไม่ใช่ กุล ที่แปลว่าหมู” กุญชรรู้ว่าเจ้านายสาวรู้ดี ก็เธอฉลาดเฉลียวออกเสียอย่างนั้น แต่ที่ก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนแม้ว่าเขาจะพยายามอธิบายแค่ไหน ก็เป็นเพราะว่าหล่อนพอใจจะเรียกแบบนี้นี่ จะมีอะไรมั๊ย
“เฮ้อ” ถอนหายใจยอมรับชะตากรรมกันอีกสักที
สองหนุ่มสาวพากันเดินจูงมือกันจนมาถึงรถสัญชาติยุโรปคันใหญ่ของพัทธ์ อืม...ได้บอกไปรึยังนะว่ากล้วยไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เหตุผลที่ไม่มีก็ง่ายมากเพราะหล่อนขับรถไม่เป็น เลยอาศัยหนุ่มๆขับรถไปส่งบ้าง รถบริษัทบ้าง รถสาธารณะบ้าง ไปเรื่อย
พอเห็นชายหนุ่มยืนสงบนิ่งอยู่เป็นนาทีไม่ยอมเข้าไปนั่งในรถสักที กล้วยเลยมองไปที่อีกฝ่ายด้วยความสงสัย
“พี่อยากขึ้นรถ” ก็ขึ้นสิค้า ใครห้ามเล่า กล้วยจะได้ขึ้นมั้ง คิดในใจๆ บอกแล้วว่าไม่กล้าหือ
“แต่...ไม่อยากปล่อยมือกล้วยมากกว่าหนิ่ เอาไงดี” หนุ่มใหญ่หันมาปรึกษา หน้าตางี้เคร่งเครียด ทำเอาเจ้าของมือที่เค้าไม่อยากปล่อยพลอยเครียดไปด้วย มัวแต่คิดหาวิธีช่วยเค้า ทำให้ไม่ทันได้สังเกตหน้าของคู่สนทนาที่ตอนนี้ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งไปแล้ว กล้วยลืมคิดไปว่าประเด็นมันอยู่ที่พี่ชายแสนดีคนนี้อยากจะจับมือหล่อนไปทำไมมากกว่า บางครั้งเวลาอยู่กับคนที่เราไว้ใจ มันก็เผลอเรอจากคนรอบคอบกลายเป็นคนซื่อบื้อเอาง่ายๆ
“ไม่เห็นจะยาก เก๊าะปล่อยมือกล้วยก่อน พอขึ้นไปนั่งบนรถค่อยจับใหม่ก็ได้นี่” เรียบร้อยโรงเรียนพัทธ์ค่ะ
“น่านสิ เรื่องง่ายๆแค่นี้ทำไมพี่ถึงคิดไม่ออกกันนะ ขอบคุณนะครับที่ช่วย” ว่าเสร็จก็เปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับให้หล่อนเข้าไปนั่งก่อน ยอมปล่อยมือน้อยนุ่มนิ่มที่ตอนแรกหล่อนเป็นฝ่ายจับมือเขาแน่นกลายเป็นเขาเป็นฝ่ายจับมือหล่อนไว้เองตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้อย่างเสียดาย
ระหว่างรอพี่แพทเข้ามาในรถ กล้วยก็คิดทบทวนเหตุการณ์เมื่อกี้ไปพลางๆ นั่นสิ...เรื่องง่ายๆแค่นี้ คนฉลาดๆอย่างพี่แพท ทำไมถึงคิดไม่ออก หรือว่า....เอาอีกแล้วใช่มั๊ย แบบว่าหล่อนพลาดอีกแล้ว
“ขอมือด้วยครับ” เสียงทุ้มกรุ้มกริ่มดังขึ้นข้างตัว พัทธ์เข้ามานั่งในรถเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มยื่นมือซ้ายมาข้างหน้าหล่อนอย่างทวงสัญญา
“เอ่อ...กล้วยลืมคิดไปว่าขับรถมือเดียวมันอันตราย คือแบบ...” ดูท่าเหตุผลนี้จะไม่เข้าท่าแฮะ เพราะอีกฝ่ายยังคงยื่นมือหนานุ่มขอบชีสส่งมาให้ สุดท้ายก็จบลงด้วยคำพูดที่เหมาะสมค่ะคุณผู้ชม
“ค่ะ” วางมือลงไปบนถาดพิซซ่า เอ้ย! มือของพี่แพทแต่โดยดี
**************
ตลอดเวลาการเดินทางมุ่งสู่บ้านของชายหนุ่ม ทั้งเธอและเขาต่างก็จับมือกันไว้มั่น ไม่ยอมพรากจากกัน มีบ้างที่พี่แพทต้องใช้มือซ้ายเพื่อเปลี่ยนเกียร์แต่ชายหนุ่มคนที่ไม่ค่อยฉลาดในตอนแรกกลับฉลาดขึ้นมาทันทีทันใด
“พี่วานกล้วยมาจับมือพี่ทางด้านบนแทนได้มั๊ยคะ เดี๋ยวพี่ต้องเปลี่ยนเกียร์” กล้วยหันมามองคนขับงงๆ แล้วปล่อยมือไม่ง่ายกว่าเหรอคะ แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยคำพูดที่เหมาะสม
“ค่ะ” ว่าจบก็เลื่อนมือตัวเองที่อีกฝ่ายเป็นฝ่ายเกาะกุมไว้ในทีแรกมาวางแหมะไว้บนหลังมือของชายหนุ่มแทน กลายเป็นว่าหล่อนมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนเกียร์ไปด้วย สองแรงร่วมใจสุดๆ
พอเสร็จภารกิจพัทธ์ก็เปลี่ยนกลับมาเป็นฝ่ายกอบกุมมือของหญิงสาวไว้เหมือนเดิมพร้อมกับมอบเสียงนุ่มทุ้มอ่อนหวานเป็นรางวัลให้คนข้างๆที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
“ขอบคุณนะคะ กล้วย” แหมถ้าได้รอยยิ้มหวานจากพี่แพทเป็นสิ่งตอบแทนอย่างงี้ เอาไปเลยค่ะมือของกล้วย ให้ไปเลย
เวลาผ่านไปความคิดเดิมที่ว่าจะเสียสละมือตัวเองเพื่อแลกกับรอยยิ้มหวานเริ่มจาง
“ถ้ากล้วยอยากจะปล่อยมือจากพี่แพท ต้องทำไงดีคะ” รถเงียบไปพักหลังจากคำถามหลุ่นๆของหล่อนดังขึ้น
“ฮ่าๆๆ ทำไมคะเมื่อยหรือ” พัทธ์หัวเราะอารมณ์ดี เขาขันคนที่อยากปล่อยมือแต่หาวิธีไม่ได้
“เปล่าค่ะ มันเปียก” พูดจบเสียงหัวเราะห้าวๆก็ดังขึ้นอีกรอบ
“งั้นแป็บนะ” กล้วยมองตามทุกการกระทำของพัทธ์แล้วก็เห็นว่าชายหนุ่มหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้ออย่างรวดเร็ว เอ่อ..คงพอจินตนาการออกนะว่ามือซ้ายไม่ว่างอยู่แล้ว แล้วยังเอาอีกมือนึงไปหยิบของอีก คราวนี้เลยไม่มีมือไหนว่างจับพวงมาลัยสักมือ
พัทธ์ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กล้วย หญิงสาวรับไป มองอีกฝ่ายงงๆ
“เอามาทำไมคะ”
“อ้าว ก็เช็ดมือกล้วยไงคะ เหงื่อออกเปียกไม่ใช่เหรอ” หมายความว่าเช็ดเสร็จแล้วก็ต้องจับต่ออีกเหรอ ม่ายยยยย
“แต่ว่ากล้วยบอกว่าอยากปล่อยมือนะคะ ไม่ได้บอกว่าอยากเช็ดมือ” หล่อนเถียง
“ก็กล้วยบอกเองนี่คะว่าสาเหตุที่กล้วยอยากปล่อยมือก็เพราะว่ามือเปียก...” พัทธ์เว้นช่วงหันไปมองหน้าอีกฝ่ายแว็บนึง เมื่อเห็นหญิงสาวพยักหน้าเออออจึงพูดต่อ
“พี่เลยแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ พอมือแห้งทุกอย่างก็เรียบร้อย” กล้วยพยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วย ใช่แม่หล่อนเคยสอนว่าถ้าจะแก้ปัญหาต้องแก้ที่ต้นเหตุถึงจะถูก
“ถ้าเข้าใจแล้วก็เอาผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดมือสิคะ” พัทธ์มองภาพหญิงสาวเช็ดมือตัวเองด้วยผ้าเช็ดหน้าของเขา แล้วอมยิ้ม เพราะหล่อนน่ารักน่าเอ็นดูอย่างนี้ไงเขาถึงห้ามใจไม่ให้แกล้งไม่ได้สักทีเวลาอยู่ใกล้
สรุปคือมือเราสองจะไม่พรากจากกันค่ะ จบบริบูรณ์
***************
คุยกันท้ายเรื่อง
คือตอนนี้ลอกมาจากประสบการณ์จริงค่ะ ฮ่าๆๆ ไม่รู้จะคุยอะไร เอาเป็นว่าเจอกันตอนหน้านะคะ
รอยสรวล
รอยสรวล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 เม.ย. 2555, 14:47:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 เม.ย. 2555, 14:47:55 น.
จำนวนการเข้าชม : 1163
<< ตอนที่ 3 กล้วย แทนตัว |
รอยสรวล 25 เม.ย. 2555, 14:50:56 น.
ถึง...
คุณ ธนพร - ยินดีต้อนรับนะคะ
คุณ เทียนจันทร์ - ไม่เป็นไรค่ะ แต่จะให้เปลี่ยนคงไม่ทันแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ ชื่อไม่สวยแต่ใจเค้าสวยนะเออ ^^
ถึง...
คุณ ธนพร - ยินดีต้อนรับนะคะ
คุณ เทียนจันทร์ - ไม่เป็นไรค่ะ แต่จะให้เปลี่ยนคงไม่ทันแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ ชื่อไม่สวยแต่ใจเค้าสวยนะเออ ^^
ธนพร 25 เม.ย. 2555, 15:43:19 น.
ปูเสื่อรอตอนต่อไปค่ะ
ปูเสื่อรอตอนต่อไปค่ะ
เทียนจันทร์ 25 เม.ย. 2555, 17:21:31 น.
อ้าว...จบแล้วเหรอ
อ้าว...จบแล้วเหรอ