ปราการปรารถนา (ตีพิมพ์กับ สนพ ธราธร)
ตระกูลสูงส่งมั่งคั่งร่ำรวยล้นฟ้าของคิรากร พ่อหนุ่มสุดหล่อขั้นเทพ ทว่าเจ้าสำราญ ผลาญสมบัติเป็นว่าเล่น บุพการีระบุให้เขาหาผู้หญิงดีๆสักคนเพื่อแต่งงานมีลูกกันอย่างน้อยสามคน
บ้าจริง ! เขาจะหาผู้หญิงบ้าบอแบบนั้นที่ไหน
ในเมื่อเขาไม่คิดจะแต่งงานกับผู้หญิงคนใดให้รำคาญหัวใจ
หนุ่มเจ้าสำราญเช่นเขาไม่เคยต้องการเอาพันธะบ้าๆมาผูกคอให้เปล่าประโยชน์
แต่เพราะคำสั่งเด็ดขาด เขาจำใจต้องทำตาม
เขาพบภริตาผู้น่าสงสาร ความปรารถนาอันไม่เคยมีต่อผู้หญิงคนใด จึงปรากฏขึ้น
แผนการเจ้าเล่ห์จับสาวมาแต่งงานจึงอุบัติในบัดดล ภายใต้ความรุ่มร้อนที่แฝงเร้นในจิตใจ


Tags: หื่น เร่าร้อน ละมุน ลุ้นระทึก

ตอน: ตอน 001

ปราการปรารถนา
โดย : พิมพ์ชนก
ตอน 001
กระถางพันธุ์ไม้ที่ยังเป็นต้นอ่อนมากมาย ถูกจัดเรียงขึ้นบนชั้นไม้ระแนงสามชั้นสูงเลยความสูงเจ้าของร่างบางด้วยมือบอบบาง ร่างระหง นัยน์ตาหวานหยดย้อย เธอผู้นี้มีเสน่ห์ที่ดวงตา พร้อมทั้งรอยยิ้มอันเป็นอาวุธร้ายประจำดวงหน้าหวานซ่อนนัยน์ เมื่อใดที่ฉีกยิ้มเมื่อนั้นโลกจะสดใส ยิ่งหัวใจผู้รับรอยยิ้มมีอันอ่อนหวานละลายใจใครต่อใครได้ชั่วในพริบตา เจ้าของร่างบางคือสาวน้อยนักศึกษาปริญญาโท สาขาการเกษตรแนวใหม่ วันนี้เป็นวันฝึกงานวันสุดท้ายในศูนย์วิจัยพันธุ์ไม้เพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของภาคเหนือ เพื่อฟื้นฟูสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรมเข้าขั้นวิกฤต
“ไงอิงค์ ฝึกงานวันสุดท้ายแล้วนะ ฉลองก่อนกลับบ้านหน่อยเป็นไรคืนนี้ ให้เกียรติพวกพี่ๆหน่อยนะ” รวินท์หัวหน้าศูนย์วิจัยเดินลอดเข้ามาในห้องปลอดเชื้อสำหรับเพาะพันธุ์กล้าไม้ มองมือที่กำลังจัดเรียงต้นไม้ทีละกระถางจนครบทุกกระถางขยับก้าวจะถอยห่างออกจากบริเวณนั้น
“พี่วินท์ นึกว่าใคร ก็ได้ค่ะ อิงค์ไม่เกี่ยง เจอกันคืนนี้ที่หน้าลาน จัดเครื่องดื่มอาหารสุราไว้พร้อมล่ะ อย่าให้อิงค์ต้องผิดหวัง” ใบหน้าสวยเงยขึ้นมองคนที่เข้ามาใหม่ แล้วยิ้มละไมละลายหัวใจ ขยับร่างเดินออกจากเรือนเพาะปลอดเชื้อไปพร้อมกับหนุ่มผิวสีสนิม หากแต่ใบหน้าสะอาดสะอ้านรักธรรมชาติเป็นชีวิตจิตใจ
ดูเหมือน ภริตาจะเป็นหนึ่งในผู้หญิงเพียงสามคนในศูนย์วิจัย ศูนย์วิจัยแห่งนี้ อุดมไปด้วยผู้ชายร่วมสิบคนมากกว่าผู้หญิง เช้าวันใหม่ภริตาก็ต้องเดินทางออกจากสถานที่แห่งนี้ พร้อมใบผ่านงาน ที่ไม่มีปัญหาเลยสักนิดกับการได้มา หญิงสาวอวดความต้องการจะเรียนรู้การฝึกงานจนเต็มศักยภาพ พวกพี่ๆ จึงพร้อมใจเซ็นอนุมัติผ่านงานให้ทันที ข้อมูลที่ได้จากศูนย์วิจัยเหล่านี้เธอก็ต้องนำไปรวบรวมเพื่อทำวิทยานิพนธ์ส่งอาจารย์ผู้สอน
“ว่าแต่ติดต่อป้าได้หรือยัง”
“ยังเลยค่ะพี่วินท์ สงสัยป้านีแกคงทำงานหนักไม่มีเวลาคุยกับอิงค์” แววตาประกายอ่อนแสงลงอย่างเห็นได้ชัด
คำนั้นปลอบใจตัวเองมากกว่า ป้าบังเกิดเกล้าของภริตาเงียบเกินไป ทั้งที่ปกติ จะโทรจิกโทรตาม เมื่อไหร่จะกลับ ไม่เว้นแต่ละวัน เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่นี่เงียบหายไปเลย จากความเงียบงันของผู้เป็นป้า ร่างบางยังนึกหวาดหวั่น แต่คงไม่มีอะไรให้หนักใจ สองเดือนกับการหายหน้าจากกรุงเทพมาฝึกงานไกลถึงแม่ฮ่องสอน เอาเถอะกลับไปก็รู้เอง
ตกเย็นงานเลี้ยงย่อยๆ อาหารพื้นบ้านกับเครื่องดื่มทั้งแอลกอฮอล์และไร้แอลกอฮอล์ วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ หน้าลานกว้าง ตรงที่ใช้รวมหัวจับกลุ่มกันรับประทานอาหารหรือสังสรรค์สำหรับบรรดา นักวิจัยประจำศูนย์ ภริตาคือความเห่อ ของศูนย์วิจัยแห่งนี้ รอยยิ้ม อัธยาศัยไมตรีของเธอ เล่นรบกวนหัวใจหนุ่มๆ หลายคนละลายกันถ้วนหน้า ยิ่งรู้ว่าเธอกำลังจะจากไป ไม่มีสักคนจะปฏิเสธการเลี้ยงอำลาในค่ำคืนนี้
“เอ้า.....ดื่มเลี้ยงส่งน้องอิงค์คนสวย” เสียงแก้วชนกันดังแกร๊ง แล้วแกร๊งอีก
รอยยิ้มกว้างเกิดขึ้น ภริตาชนแก้วกับทุกๆคน พวกพี่ๆทั้งสิบ ให้การต้อนรับเธอดี เสมอต้นเสมอปลาย พร่ำสอนงาน ให้ข้อมูล เป็นที่ปรึกษา ในการเรียบเรียงข้อมูลเพื่อรวบรวมเนื้อหาที่ดีที่สุดส่งอาจารย์ โดยหนุ่มที่ชื่อรวินท์ เขาใส่ใจกับภริตาจนออกนอกหน้า ขอร้องให้เธอกลับมาทำงานที่ศูนย์วิจัยแห่งนี้อีก หลังจากจบการศึกษา
“ว่าไงหลังจากเรียนจบจะกลับมาทำงานกับพวกพี่หรือเปล่า”
“อิงค์รับปากได้หรือคะ แล้วแต่ทางการสิ ตอนนี้อิงค์ยังไม่ได้ทำงานที่ไหนเป็นชิ้นเป็นอันเลยนะคะ”
“ว้า น่าเสียดายอย่างนี้พี่วินท์ก็แห้วนะสิน้องอิงค์” เสียงรุ่นพี่ผู้ชายที่ชื่อผาเมืองแซวขึ้น
“ไอ้ผาเงียบไปเลย”
“อุ้ย....พี่วินท์เขินหรือไง” ผาเมืองยังคงล้อเล่นไม่กลัวบาทาจะประเคนลงก้น ทว่ารวินท์เองก็เขิน จริงๆ รอยยิ้มของภริตา กระชากหัวใจหนุ่มไร้คนครอบครอง ตั้งแต่ได้พบกับเธอนาทีแรก สองเดือนที่เธอฝึกงาน หัวใจรวินท์ชุ่มฉ่ำพองโต ด้วยสารหล่อลื่นที่มาจากใบหน้าสวยและรอยยิ้มผุดผาดบาดตาทุกครั้ง หากแต่ระยะเวลาสองเดือนเหมือนสองนาที ในเมื่อพรุ่งนี้หญิงสาวจะจากไปยังที่ที่เธอมา ทิ้งหัวใจเขาให้ห่อเหี่ยวให้ติดดินเช่นเคย
อาหารเครื่องดื่ม กับแกล้ม เริ่มไร้ตัวตนอยู่ในภาชนะ ต่างคนต่างมึนได้ที่แม้แต่ภริตาเอง ร่างบางขอตัวกลับที่พักพร้อมพี่สาวทั้งสองคน มีสายตารวินท์มองตามไม่วางตา แต่พอจะลุกตามกลับถูกมือหนาของใครบางคนรั้งไว้
“พี่วินท์ทำใจเถอะน่า” ฝ่ามือผาเมืองแตะลงไหล่หนาของรวินท์ที่ทอดมองหญิงสาวน่ารักไปจนสุดตา
“ทำใจอะไรของเอ็งวะไอ้ผา”
“ทำใจปล่อยน้องอิงค์ไป”
“ข้าแค่อาลัย”
“อาลัยหรือเสียดาย กรุงเทพพี่อยากไปเมื่อไหร่ก็ไปได้ กลัวอะไร”
“หน้าที่ข้าอยู่ตรงนี้จะไปได้อย่างไร”
“หรือว่าลืมบ้านตัวเองอยู่ที่ไหน”
“ข้าไม่มีวันกลับไปเด็ดขาด”
“ใจแข็งอีกตามเคยเมื่อไหร่จะให้อภัยแม่ซักที ยังไงก็ผู้ให้กำเนิดนะพี่”
“รู้ เรื่องนั้น แต่ขออยู่ห่างๆอย่างห่วงๆดีกว่าว่ะ”
“ตามใจ”
ผาเมืองแยกกลับห้องพักของตัวเอง ทิ้งรวินท์ไว้แบบนั้น เขาหวนนึกถึงมารดา ที่แต่งงานใหม่ หลังจากบิดาสิ้นเพียงสองปี และมีลูกใหม่ด้วยกันกับพ่อเลี้ยงสองคน ผู้หญิงกับผู้ชายสมความตั้งใจ จากนั้นทั้งมารดาและพ่อเลี้ยงให้ความสนใจไยดีแต่กับลูกๆคนใหม่ หลังจากรวินท์เรียนจบ หนีหายมาทำงานในศูนย์วิจัยพันธุ์ไม้เพื่อสิ่งแวดล้อม มีศูนย์อยู่สี่จังหวัดในประเทศไทย ซึ่งเป็นศูนย์ก่อตั้งมาจากพระราชดำริ รวินท์ขอมาประจำที่แม่ฮ่องสอนห่างไกลความเจริญ และห่างไกลจากกรุงเทพ ที่ๆที่ทำให้เขาไร้ค่า แม้มารดาจะทัดทานไม่ยอมให้เขามา แต่เพราะเหตุผลที่เขาบอกมาร ดา เล่นเอามารดาถึงกับพูดไม่ออก
“แม่ปล่อยผมไปเถอะ ในเมื่อชีวิตแม่ได้ทุกสิ่งแล้ว ผมมันคือส่วนเกิน”
รวินท์จำได้ในวินาทีนั้นมือบางที่วางบนไหล่หนา ตกลงข้างตัว “ตามใจวินท์เถอะถ้าคิดอย่างนั้น สบายใจเมื่อไหร่ก็ค่อยกลับมา”
จากนั้นทั้งรวินท์และมารดาก็ไม่ได้พบหน้ากันอีกเลยร่วมสิบปี เขาออกจากบ้านอายุเพียงยี่สิบสามตอนนี้รวินท์จะย่างสามสิบสาม พรุ่งนี้วันที่ภริตาจากไปเป็นวันเกิดของเขา ที่เขาชวนเธอฉลองคืนนี้เพราะต้องการจะฉลองวันเกิดที่มีเธอร่วมด้วยเป็นปีแรก
“ไม่บอกเขาไปล่ะว่าพรุ่งนี้วันเกิด” เสียงที่ดังมาจากด้านหลัง ปลุกรวินท์ให้หลุดออกจากความคิด และสติที่หลุดลอย
“อย่าเลยไหนๆเธอก็จะไปแล้ว”
“พี่วินท์ชอบเธอจริงๆหรือว่าเพราะความเหงา แต่อิงค์เธอน่ารักจริงๆ ผมยังเผลอไผล” ชำนิว่า หากเขาไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเตรียมจะแต่งงานสิ้นปีนี้เขาคงเผลอใจให้สาวสวยน่ารัก ยิ้มหวานอย่างภริตาจนถอนตัวไม่ขึ้นอย่างกับรวินท์ คนอะไรน่ารักเป็นบ้า
“ฉันถูกชะตากับเธอ”
“นั่นสิ สาวๆตั้งเยอะตั้งแยะ ส่งดอกไม้ ส่งของกินให้พี่ไม่ได้ว่างเว้นพี่ไม่เห็นสนใจใครสักคน พอน้องอิงค์มา พี่เคลิ้มไปเลย”
“มันแค่เป็นความรู้สึกของข้าฝ่ายเดียว อย่าสนใจเลย เข้านอนดีกว่าดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปส่งน้องอิงค์ที่ท่ารถ”
“จะนอนหลับรึ”
“ช่างข้า อย่าพูดมาก”
“รักเขาก็บอกเขาไปเถอะอ้ำอึ้ง ระวังสุนัขจะคาบไปรับประทาน”
“ไอ้ชำนิ เอ็งนี่มันเหลือเกิน บอกไปก็หน้าแตก มองหน้ากันไม่ติด เป็นเอ็งจะกล้าพูดหรือวะ”
“ดีกว่าไม่ได้พูด” ชำนิยังยืนยัน เขากับแฟนประมาณนี้ ชอบบอกว่าชอบ รักบอกว่ารัก ชำนิจึงได้แฟนคนนี้มาด้วยความตรงๆ
จากนั้นรวินท์เกี่ยวคอชำนิเข้าบ้านพักที่พวกเขาพักกันสองคน ชำนิหายตัวไปเพราะแวะไปเยี่ยมแฟนสาว ที่จะแต่งงานกันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ดูเหมือนชำนิจะเป็นหนุ่มหน้าตาธรรมดาที่โชคดีเรื่องความรักที่สุดในบรรดาเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยแห่งนี้ ด้วยความที่ชำนิไม่ค่อยสงบนิ่งรักใครก็บอก เขาไม่รักตอบก็แห้ว หลายรายที่ชำนิแบบนี้ เมื่อตัดสินใจจีบ สุดท้ายสาวจ้าวคนล่าสุด ตกลงปลงใจคบหา และตัดสินใจแต่งงานกัน
ร่างบางกลับออกมายืนหน้าห้องพัก ชูโทรศัพท์มือถือในมือร่อนหาคลื่น ยังดีที่พอมีสักขีด เธอกดเบอร์ผู้เป็นป้า หลายต่อหลายครั้งเสียงพูดเดิมๆ ลอยเข้ามาในหู หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ เกิดอะไรขึ้นนะ หญิงสาวถามตัวเองแทนที่จะถามใครต่อใคร
“ติดต่อป้ายังไม่ได้อีกหรืออิงค์”
“ยังค่ะพี่บุษ” บุษบาสาวนักวิจัยร่วมศูนย์วิจัย พักห้องข้างๆกับภริตา เดินตามร่างบางของรุ่นน้องออกมาหน้าบ้าน เห็นเธอชูโทรศัพท์หาคลื่นน่ารักน่าชังดี
“หรือว่าป้านีแกจะเปลี่ยนเบอร์ แต่ก็ไม่น่าเพราะแกต้องใช้ติดต่อเรื่องงานประจำ”
“ติดต่อไม่ได้ก็ไม่ต้องติดต่อ ไว้กลับไปค่อยถามแก เข้านอนเถอะพรุ่งนี้อิงค์ต้องตื่นแต่เช้า”
“ก็ดีพี่บุษมึนๆกับอุเหมือนกัน”
“อุมันก็สาโทดีๆนี่ล่ะตอนดื่มไม่เมา มันจะเมาตอนเราเลิกดื่ม”
“นั่นสิ อิงค์ชักจะเริ่มมึน”
ร่างบางเดินตามบุษบาเพื่อนรุ่นพี่ แยกกันตรงหน้าประตู เพื่อเข้าห้องพัก จากนั้นล้มตัวลงนอนด้วยความมึนงง อืม....อุไหนั้นเล่นเอาเธอมึนงงไม่เป็นท่าจริงๆด้วย
ได้เวลาเดินทางของภริตา เจ้าหน้าที่ทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตา เดินมารวมตัวกันอยู่หน้าบ้านพักของหญิงสาว ต่างแต่งกายเตรียมจะไปส่งหญิงสาวอันเป็นที่รักใคร่ของพวกเขา ด้วยหญิงสาว เป็นคนขยัน ไม่อิดออดสู้งาน ใช้ให้ทำอะไร รีบเร่งทำตามคำขอ อย่างไม่ประวิงเวลา มีน้ำใจ ใส่ใจกับทุกรายละเอียด วินท์รู้สึกจะตื่นเต้นกว่าคนอื่นๆ เมื่อคืนชายหนุ่มหัวหน้าศูนย์วิจัยถึงกับนอนไม่หลับ ด้วยคิดสับสนวนเวียน จะสารภาพกับภริตาถึงความรู้สึกส่วนลึก ที่มีต่อหญิงสาวดีหรือไม่อย่างไร เหตุนี้จึงไม่อาจข่มตาหลับให้กลับลงได้ ร้อนถึงชำนิที่มาขอนอนด้วย พาลให้นอนไม่หลับไปด้วย แถมตอนเช้ายังถูกปลุกให้ตื่นแต่เช้าเพื่อจะได้ไปส่งภริตาที่ท่ารถ ทั้งที่เวลาออกเดินทางจริงๆของหญิงสาวคือ บ่ายสองโมง ทั้งที่รวินท์เองรู้ดี เพราะเป็นคนพาหญิงสาวไปจองตั๋วล่วงหน้าก่อนวันเดินทาง หากเขายังรู้สึกตื่นเต้นเกินหน้าเกินตา
“ทุกคนคะ ไม่ต้องไปส่งอิงค์ก็ได้ค่ะ คืออิงค์เกรงใจ” ความจริงแล้วภริตา ไม่อาจจะทนเห็นการพรากจาก เธอประทับใจทุกคนที่นี่ แม้จะแค่เดินทางมาฝึกงานแค่สองเดือน แต่ความประทับใจมีมากกว่าระยะเวลาแค่สองเดือน ภาพเวลาที่รถเคลื่อนห่างจากผู้คนอันเป็นที่รัก หัวใจดวงน้อยบีบคั้น เจ็บปวดทุกครั้งที่ต้องพลัดพรากจาก
พอก้าวเท้าออกจากบ้านพักพร้อมกระเป๋าใบเก่งที่หอบหิ้วมาจากกรุงเทพ เห็นเพื่อนร่วมงานยืนสลอน พร้อมหน้ากัน ตั้งวินาทีที่ต้องสูญเสียเสียบุพการี ไปโดยไม่มีวันกลับ ด้วยอุบัติเหตุ ความรู้สึกกลัวการพลัดพรากแทรกซึมหัวใจภริตาอย่างไม่อาจหลีกหนี การสูญเสียตลอดชีวิตในครั้งนั้น ภริตาอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อกำลังจะก้าวเข้าสู้รั้วมหาวิทยาลัย ในเมื่อไร้ผู้ปกครอง หญิงสาวจึงต้องตกไปอยู่ในการปกครองของญาติเพียงคนเดียว คือป้าธาวินี พี่สาวแท้ๆของบิดา ซึ่งมีแต่ความริษยา เดียจฉันหลานสาวเพียงคนเดียว ด้วยต้องรับภาระที่ไม่ถูกยัดเยียดมาให้ แม้หญิงสาวจะรับรู้ถึงความเดียจฉันนั้น ทว่าเธอกลับไม่มีทางให้เลือก จำต้องทนอยู่ในการปกครองของป้าธาวินี หนำซ้ำป้าธาวินียังได้สิทธิ์ในการดูแลมรดกในฐานะผู้ปกครองเพียงคนเดียวด้วย ภริตาจะมีสิทธิ์ในทรัพย์ทั้งหมดของบิดามารดา เมื่ออายุครบยี่สิบห้าปีบริบูรณ์
รวินท์ขับรถมาส่งภริตายังท่ารถ หลังจากทุกคนล่ำลา หญิงสาวด้วยความอาลัยรักแล้ว ร่างบางก้าวขึ้นรถทัวร์ด้วยท่าทีเชื่องช้า เหลือเวลาแค่ห้านาที ที่รถจะเคลื่อนออกจากชานชาลา ภริตาก้มมองวันเวลาในตั๋วโดยสารในมือ ให้นึกเพลียหัวใจ 14.00 น. กว่าจะเดินทางถึงกรุงเทพฯ เช้าของอีกวัน ช่างเป็นการเดินทางที่แสนยาวนาน หากว่าตอนขามาภริตานั่งเครื่องบินมาลงสนามบินเชียงใหม่ แล้วต่อรถมายังแม่ฮ่องสอน แต่ครั้ง เธอมีงบประมาณไม่มากนัก จึงต้องอาศัย รถทัวร์เป็นพาหนะพาเข้าเมืองกรุง บรรยากาศการล่ำลา ได้เดินทางมาเยือนอีกรครั้ง ภริตาเบือนหน้ามองไปทางอื่น หลังจากโปกมือลารวินท์ ผู้ชายแสนดี ที่เธอคิดกับเขาแค่พี่ชายเท่านั้น ทว่าท่าทีที่ชายหนุ่มหัวหน้าศูนย์แสดงออกต่อเธอ ดูจะพิเศษกว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ทำไมภริตาจะไม่รู้เธอไม่ได้ไร้เดียงสา ขนาดจับความรู้สึกอีกฝ่ายไม่ได้ รวินท์พยายามจะบอกอะไรกับเธอ ทว่าเธอไม่เปิดโอกาสนั้นให้เขา ได้เอ่ยคำที่เธอเองยังไม่อยากรับจากใครหน้าไหนทั้งนั้น หลังจากกลับไปถึงกรุงเทพ เธอคงต้องเข้าไปทำงานในบริษัท ของบิดา ซึ่งป้าธาวินี ทำหน้าที่ดูแลตำแหน่งท่านประธารบริหารแทนบิดา ที่เสียไป
ร่วมสิบหกชั่วโมงสำหรับการเดินทาง ข้ามหลายจังหวัดกว่าจะมาถึงกรุงเทพ จากเหนือสุดมาสู่ความศิวิไลซ์แห่งเมืองกรุง เช้าตรู่ ผู้คนเริ่มเคลื่อนรถหนาแน่นบนท้องถนน สถานที่ได้ห่างหายไปร่วมสองเดือน ร่างบางโดยสารแท็กซี่มาถึงหน้าบ้านที่ยังเงียบงัน ภายในบ้านเงียบเชียบ ผิดสังเกต ราวกับไร้ผู้คนอาศัย ป้าธาวินี คงจะเดินทางออกไปทำงานแล้ว ทว่าเช้าอย่างนี้นี่นะ ปกติป้าธาวินี จะออกจากบ้านราวๆเก้าโมงเช้า มือบางควักเงินจ่ายโดยสาร อ้อมไปยกกระเป๋าใบใหญ่ออกจากท้ายรถแท็กซี่ ลากไปยืนอยู่หน้าบ้าน มือบางล้วงหยิบกุญแจออกจากกระเป๋าสะพาย เพื่อจะไขกุญแจเปิดประตู หากว่ามันกลับไขไม่ออก.....
“ไขไม่ออก ป้านีเปลี่ยนกุญแจหรือว่าเปลี่ยนประตู” เพราะประตูตรงหน้าลายเดิมทว่าสีใหม่กว่าเดิม เกิดอะไรขึ้น รีบคว้าโทรศัพท์กดโทรหาผู้ปกครองเพียงคนเดียวของเธออย่างร้อนรน ในใจคิดอะไรต่างๆนานาไม่อยากให้มันเป็นจริง สัญญาณยังคงเหมือนเดิม มือบางเคาะโทรศัพท์กับฝ่ามือของตัวเอง เดินวนไปเวียนมา ทำท่าจะปีนกำแพงเพื่อเข้าไปด้านใน



พิมพ์ชนก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 เม.ย. 2555, 17:24:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 เม.ย. 2555, 17:24:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 1520





   ตอน 002 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account