ปราการปรารถนา (ตีพิมพ์กับ สนพ ธราธร)
ตระกูลสูงส่งมั่งคั่งร่ำรวยล้นฟ้าของคิรากร พ่อหนุ่มสุดหล่อขั้นเทพ ทว่าเจ้าสำราญ ผลาญสมบัติเป็นว่าเล่น บุพการีระบุให้เขาหาผู้หญิงดีๆสักคนเพื่อแต่งงานมีลูกกันอย่างน้อยสามคน
บ้าจริง ! เขาจะหาผู้หญิงบ้าบอแบบนั้นที่ไหน
ในเมื่อเขาไม่คิดจะแต่งงานกับผู้หญิงคนใดให้รำคาญหัวใจ
หนุ่มเจ้าสำราญเช่นเขาไม่เคยต้องการเอาพันธะบ้าๆมาผูกคอให้เปล่าประโยชน์
แต่เพราะคำสั่งเด็ดขาด เขาจำใจต้องทำตาม
เขาพบภริตาผู้น่าสงสาร ความปรารถนาอันไม่เคยมีต่อผู้หญิงคนใด จึงปรากฏขึ้น
แผนการเจ้าเล่ห์จับสาวมาแต่งงานจึงอุบัติในบัดดล ภายใต้ความรุ่มร้อนที่แฝงเร้นในจิตใจ


Tags: หื่น เร่าร้อน ละมุน ลุ้นระทึก

ตอน: ตอน 002

ตอนที่ 002
ขณะกำลังจะปีนอย่างตั้งใจเพื่อเข้าไปในบ้านของตัวเอง อยู่นั้น เสียงหนึ่งแผดก้องดังลั่นอยู่เบื้องหลัง ร่างบางถึงกับสะดุด คงเป็นป้าของเธอล่ะมังหญิงสาวคิด ริมฝีปากบางแย้มยิ้มด้วยความดีใจ ตลอดสองสัปดาห์ที่เธอติดต่อผู้เป็นป้าไม่ได้ ให้คิดไปต่างๆ นานา หากแต่คนจิตใจแสนดีอย่างเธอ คิดแค่ว่าป้าคงยุ่งอยู่กับงานมากกว่าสิ่งอื่นที่แอบคิดไว้ลึกๆ
“นี่ๆ ลงมาเดี๋ยวนี้ นังหัวขโมย กลางวันแสกๆยังกล้าปีนบ้านคนอื่น ถ้าไม่ลงมาฉันจะโทรเรียกตำรวจเดี๋ยวนี้”
ร่างบางรีบกระโดดลงจากรั้วทันที ที่ได้ยินเสียงแหลมๆกล่าวหาเธอ ทั้งที่ยังไม่ได้สอบสวน สักคำ บ้านนี้ก็บ้านเธอบ้านบิดามารดาของเธอ ในเมื่อเข้าไม่ได้จำเป็นต้องปีน จะมีอะไรดีไปกว่านี้
“เมื่อกี้คุณพูดว่าบ้านคนอื่น”
“ใช่สิยะ บ้านนี้บ้านของฉัน ฉันพึ่งย้ายเข้ามาอยู่ได้สองสัปดาห์ ต๊าย...เจอดีเข้าให้”
“จะบ้าหรือไง บ้านนี้มันบ้านของฉัน”
“บ้านเธอ” หญิงวัยกลางคนเดินรอบร่างบาง สะคราญไปด้วยความสวยความน่ารักปนเป แววตาเปล่งประกาย หยาดเยิ้ม แม้นางเป็นหญิงด้วยกันยังรู้สึกถึงอานุภาพแห่งแววตานั้น ความสวยกินขาด เรียกว่าสวยใส สมส่วนไปทุกสัดส่วนทั่วร่างกาย ใบหน้ารูปไข่ ดวงตาโต จมูกโด่งรั้นรับกับริมฝีปากรูปกระจับน่ามองยิ่งกว่าภาพวาดนางวรรณคดี ถูกยกออกมาจากกรมศิลป์ให้มาอยู่ตรงหน้า เรือนผมยาวดกดำยาวสยายทั่วแผ่นหลัง เงาวับจับนัยน์ตา ดวงตาสีน้ำตาลเข้มอย่างคนไทยแท้เปล่งประกายมาทางนางเพื่อต้องการคำตอบจากคำพูดเมื่อครู่
“หน้าตาก็ดีไม่น่าเป็นขโมย”
“เอ่อๆ หนูไม่ใช่ขโมยนะคะ หนูเป็นเจ้าของบ้านนี้จริงๆ หนูอยู่กับป้า ป้าธาวินี”
“ธาวินี อ๋อ คุณธาวินี งั้นหรือ เขาขายบ้านหลังนี้ให้กับฉันเมื่อต้นเดือน”
“ขายบ้าน บ้านนี้เป็นชื่อหนู แล้วป้านีขายได้อย่างไร”
“อันนั้นฉันไม่รู้นะ รู้แต่ว่าฉันจ่ายเงินและโอนกันเรียบร้อยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย”
“หนูขอเข้าไปคุยรายละเอียดในบ้านได้ไหมคะ”
“ฉันไว้ใจเธอได้อย่างนั้นหรือ”
“นี่ค่ะ ถ้าคุณไม่ไว้ใจดิฉัน” มือบางรีบควักบัตรประชาชนให้หญิงวัยกลางคนยกระบังสูง แต่งกายดูดี ภูมิฐานท่าทางเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว แต่ทว่าปากร้ายชะมัด
“งั้นก็เข้ามา” คุณหญิงรับบัตรประชาชนของหญิงสาว กวาดสายตารวดเร็วดูรายละเอียด ถ้าเป็นผู้ร้ายคงไม่กล้ายื่นเอกสารสำคัญประจำตัวให้ดูอย่างนี้
ร่างบางลากกระเป๋าเดินทางตามร่างหญิงกลางคนเข้าไปภายในบ้านที่มีสภาพเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่เล็กน้อยล่ะ ความเป็นระเบียบ ทั้งการจัดสวน จัดบ้านดีขึ้นกว่าที่ป้าเธออยู่ ดูดีมีสไตล์ บ่งบอกรสนิยมความเป็นตัวตนของคนอยู่อาศัย
ภริตาทิ้งก้นลงนั่งกับโซฟาตัวสวย ซึ่งไม่ใช่ตัวที่เธอเคยนั่งในบ้านหลังนี้ สองเดือน ที่เธอไม่ได้กลับมาที่บ้านหลังนี้ซึ่งเป็นสมบัติของบิดาทิ้งไว้ให้เธอ และมีป้าธาวินีเป็นผู้ดูแลมรดกให้ กลับกลายเปลี่ยนมือไปเป็นของคนอื่นโดยที่เธอไม่รู้ แล้วสมบัติชิ้นอื่นๆล่ะจะถูกเล่นแร่แปรธาตุด้วยหรือไม่
“นี่สัญญาซื้อขาย และการโอนกรรมสิทธิ์ จะหาว่าฉันโป้ปดมดเท็จเธอ”
คุณหญิงคันธรสยื่นเอกสารสำคัญในการซื้อขายให้กับหญิงสาวดู ทั้งที่ไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่บัตรประชาชนที่อยู่ในมือยืนยันได้อย่างดีว่าเธอคือเจ้าของบ้านที่เซ็นในใบมอบอำนาจ แล้วจะไม่รู้ว่าตัวเองขายบ้านนี้ให้ตนได้อย่างไร
เมื่อได้เห็นเอกสารตรงหน้า ลายเซ็นทุกอย่างเป็นของป้ามหาภัยของเธอเพียงคนเดียว ในเอกสารมอบอำนาจเป็นลายเซ็นของเธอ แต่....มันปลอม เธอจะไม่โวยวาย แต่จะขอเก็บทุกอย่างไว้เป็นหลักฐานเพื่อเอาผิดป้ามหาภัย มือบางควักโทรศัพท์รุ่นทันสมัยขึ้นมา ถ่ายภาพเอกสารทุกฉบับไว้เป็นหลักฐาน
“นั่นเธอจะทำอะไร”
“จะหาตัวการค่ะ”
“เธออย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้เรื่องขายบ้าน”
“ไม่เลยค่ะ”
“อันนั้นฉันไม่รู้ รู้แต่ว่าฉันทำถูกต้อง ฉันซื้อบ้านหลังนี้ยี่สิบล้าน มันแพงโข แต่ฉันถูกใจเลยซื้อไว้” ความจริงการซื้อบ้านหลังนี้ของคุณหญิงคันธรส ก็มีที่มาที่ไป ด้วยความกะทันหัน ไม่เช่นนั้นจะไร้ที่ซุกหัวนอน ด้วยถูกเนรเทศออกจากบ้านหลังใหญ่ของสามี
“เรื่องนั้นเป็นหน้าที่อิงค์จะตามคนที่รู้เรื่องดีทุกอย่างเอง” ในใจดวงน้อยเกิดไฟโทสะ แทบจะเผาผลาญได้ทั้งประเทศ ไม่ว่าจะอย่างไรเธอต้องลากตัวป้าจอมแสบของเธอมาอธิบายเรื่องนี้ให้ได้ ที่สำคัญเธอต้องได้บ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสำคัญรองจากโรงงานผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ชานเมืองนั่น โรงงานนั้นเธอไม่เสียดายเท่าบ้านหลังนี้ ยี่สิบล้านที่ผู้เป็นป้าขายและเชิดเงินหนีไปคนเดียว แถมปลอมลายเซ็นในเอกสารทุกอย่างเพียงคนเดียว ป้าธาวินีต้องรับผิดชอบ แต่สำหรับคืนนี้เธอจะไปซุกหัวนอนที่ไหน
“รู้เรื่องแล้ว เอานี่ฉันคืนให้เธอ แล้วเธอจะไปจากบ้านฉันได้แล้วนะ”
“ค่ะ”
คุณผู้หญิงคนนี้ไม่มีความผิด นางทำทุกอย่างถูกต้องตามที่พูด คนผิดคือยัยป้ามหาภัยต่างหากที่ทำให้เธอไร้ที่ซุกหัวนอน พ่อจ๋าแม่จ๋า อิงค์จะทำอย่างไรดี ร่างบางสั่นน้อยๆเดินออกจากบ้านที่เคยเป็นของตัวเอง ถ้าไม่เพราะพินัยกรรมของบิดาที่ระบุไว้ให้เธอมีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติของบิดาอย่างเต็มที่เมื่ออายุครบเบญจเพศพอดิบพอดี แล้วให้ป้าผู้เคยเอ็นดูเธอดูแลมรดกให้กระทั่งอายุครบยี่สิบห้าปีบริบูรณ์คงไม่เกิดเรื่องอย่างนี้ หญิงสาวฉุกคิดขึ้นอีกอย่าง จึงรีบโทรศัพท์หาคนที่เธอคุ้นเคยเป็นเลขาของบิดา และส่งต่อมาเป็นเลขาของป้าธาวินี
“คุณพัดคะอิงค์เองค่ะ”
ภริตาสั่นไปหมด หัวถูกบีบคั้น เธอขอไม่อ้อมค้อม รีบถามถึงเรื่องที่ตนอยากรู้ทันที และคำตอบที่เธอได้ยินคือ เลขาสาวตอนนี้ไม่ได้ทำงานให้กับโรงงานอีกต่อไป เธอทำงานที่ใหม่ เพราะโรงงานถูกขายให้กับคนอื่น คนงานร่วมร้อยชีวิตตกงาน เพราะเจ้าของใหม่ เปลี่ยนแปลงโรงงานเลิกผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยวอีกต่อไปแค่ต้องการสถานที่ไว้ประกอบการเท่านั้น
“แค่นี้นะคะคุณพัด” มือบางกดตัดสายอย่างอ่อนแรง ปรายสายตามองไปยังตัวบ้าน ร่างบางหมดแรง รูดตัวลงนั่งพิงกำแพงบ้านที่เคยเป็นของตน ไม่สนใจสายตาผู้ใดอีกต่อไป พอดีกับมีรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาหยุดนิ่งหน้าบ้าน คนขับมองมายังเธอ แต่เวลานี้เธอไม่มีกะจิตกะใจสนอะไรรอบกาย หัวใจดวงน้อยมีแต่เรื่องสูญเสีย เศร้าสร้อยในหัวใจ
“ใครครับแม่” ร่างหนาวาดเท้าลงจากรถยนต์คันหรูที่ได้ติดตัวมา มันมีแค่นั้นจริงๆ เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้ามารดา
“เจ้าของบ้านคนก่อน ตัวจริง....”
“หมายความว่าอย่างไรครับ”
“คนที่ขายบ้านให้เราเป็นแค่ป้า ผู้จัดการมรดก แต่แม่คนสวยนั้นคือเจ้าของบ้านตัวจริง นั่นไม่ใช่ปัญหาของเราเข้าบ้านเถอะคิ” มือบางของมารดาเกี่ยวแขนบุตรชายเดินเข้าบ้าน บ้านที่ไม่ใหญ่เท่าบ้านหลังเดิมที่เคยซุกหัวนอน แต่ก็ไม่เล็กมากจนเกินกว่าจะรังเกียจ “ว่าแต่ไปไหนมา”
“กินข้าว เที่ยวกับสาวครับแม่”
“ใครอีกล่ะทีนี้”
“ไม่สลักสำคัญครับแม่”
“เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวอย่างนี้ ลืมไปแล้วหรือข้อตกลงในพินัยกรรมบ้าบอคอแตกนั่น”
“กำลังหา แต่ยังไม่เจอคนที่มีคุณสมบัติพอจะทำเรื่องนั้นได้”
“เร่งหน่อยแล้วกัน มีเวลาไม่มากแล้ว”
“ครับแม่ รับรองทันเวลา”
“จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่ยอมรับเงื่อนไขที่เราเสนอ”
“ก็ใช่สิแม่ คิเลยต้องหาตัวจริงเสียงจริงที่เหมาะกับจะทำเรื่องเหลือเชื่อแบบนี้”
ทั้งสองแม่ลูกเดินเข้าไปในบ้าน ทว่าคิรากร ยังคงมองร่างบางที่นั่งหมดอาลัยอยู่นอกรั้ว ถ้าเป็นอย่างที่มารดาเขาว่าจริงๆ เธอคงน่าสงสาร แต่นั่นไม่ใช่นิสัยของเขา ที่จะเที่ยวไปสงสารคนนั้นคนนี้ ชีวิตเขามีแต่ความสำราญ ถ้าไม่ถูกไล่ออกจากคฤหาสน์เดชะธนาสวัสดิ์ ซะก่อน ป่านนี้เขาคงเริงร่ากับผู้หญิงมากหน้าหลายตา เที่ยวเล่นไม่สนใจสาระในชีวิต เพราะพินัยกรรมบ้าๆนั่นทีเดียว ที่ทำให้เขาต้องพยายามหาสาระให้ตัวเอง
ภายนอกรั้วสีขาว
“ไอ้เต นี่ฉันอิงค์ มารับฉันที่หน้าบ้านฉันด่วน” มือบางหยิบโทรศัพท์กดหาเพื่อนสนิทที่สุด เธอมองไม่เห็นใครนอกจากเตชิต
“ต่อให้เรื่องด่วนคอแกกำลังจะขาด ขาแกจะหัก ขอให้ตายอยู่ตรงนั้น ฉันจะไม่มีวันไปรับแก โทษฐาน ที่แกบังอาจเรียกชื่อหยาบคายอย่างนั้น จำใส่หัวจองแกนังอิงค์” เสียงทุ้มดังลอดจากโทรศัพท์อย่างไม่สบอารมณ์
“ก็ได้ๆ แกรู้ไหมว่าเพื่อนกลุ้มแค่ไหน แกยังมีกะจิตกะใจ ห่วงเรื่องชื่อบ้าบอคอแตกอะไรของแก”
“เรียกฉันซะใหม่ ต่อให้แกอยู่บนดวงจันทร์ฉันก็ไปรับแกได้ ไงจะเรียกใหม่ไหม”
เตชิตสาวประเภทสองเพื่อนสนิท ที่มีไม่กี่คนบนโลกใบนี้ของภริตา เกลียดนักเวลาที่มีใครเรียกชื่อเล่นจริงๆ ของเธอ ต่อให้ภริตาเป็นเพื่อนสนิทแค่ไหน ถ้าลองได้มาเรียกกันแบบนี้ เตชิตเป็นได้โกรธสามวันแปดวัน ทั้งที่เปลี่ยนตัวเอง ทั้งชื่อ ทั้งตัวยังจะมีใครเรียกชื่อที่บิดามารดา อุตส่าห์ตั้งให้ตั้งแต่อ้อนแต่ออก เตชิตยอมขัดใจบิดา มารดา เฉาะตัวเองให้หมดจด ไร้ซากความเป็นชายดังเดิม
“จ้า คุณติ๊นาขา รีบมารับคุณอิงค์หน่อยเถอะได้โปรด ตอนนี้คุณอิงค์กำลังเดือดร้อนหนักหนา” ขืนล้อเล่นกับติ๊นา หรือเตชิต นานกว่านี้เป็นได้ต้องนอนตากยุงทั้งคืนแน่ เมื่อก่อนภริตา จะล้อเพื่อนสาวประเภทสอง ไอ้เตชิต มักจะโดนบาทาหนักๆของเพื่อนชายไม่จริง เป็นของแถมกับก้นงอนทุกที ทั้งที่เธอเป็นหญิงร่างกายบอบบาง แต่เตชิตกลับไม่ปราณี เตะเสียก้นแทบหัก ที่บังอาจไปเรียกหล่อนว่าไอ้เต
“พูดได้สวยมาก ครึ่งชั่วโมงเจอกันฉันจะเหาไปรับ” คราวนี้ติ๊นาพอใจ ได้ยินเพื่อนเรียกชื่อที่ตั้งใจเปลี่ยนตามนักร้องคนสวยที่ชื่นชอบ ถึงกับหัวเราะร่วน น้ำเสียงระรื่น
“ก่อนครึ่งชั่วโมงได้หรือเปล่า”
“นังอิงค์ บ้านแกกับคอนโดฉันมันอยู่คนละโยชน์ คิดว่าฉันเป็นนักบินหรือไงยะ ถึงจะเหาะไปหาแกก่อนครึ่งชั่วโมง”
“ถ้าแกเอาแต่แต่สวดฉันอยู่แบบนี้ ป่านนี้ขับมาถึงตั้งนานแล้ว เร็วๆเข้า ยุงมันรุมกินโต๊ะจีนฉันเลือดจะหมดตัวอยู่แล้วเนี่ย” คุยโทรศัพท์ไป มือบางตบยุ่งเปาะแปะ
“ต๊ายอีนังคนสวย ตกยากไร้ที่ซุกหัวนอนอย่างนี้เลยเหรอ หา.....ว่าแต่ให้ไปรับที่ไหนนะ”
“หน้าบ้านฉัน”
“หน้าบ้านแก แล้วทำไมแกไม่เข้าบ้านล่ะ”
“เข้าได้ก็เข้าแล้ว รีบมาเถอะจะเล่าให้ฟัง การันตรี แกได้หลั่งน้ำเจ็บปวดแทนฉันแน่” ตอนนี้เธอเองจะอยากจะร้องไห้ออกมาเต็มทนกับสิ่งที่เผชิญ หากว่าน้ำตากลับแห้งเหือด ไม่ยอมไหลในเวลาที่อัดอั้นเช่นนี้ ป้านีนะป้านี ทำกันได้ลงคอ เธอครวญ
สาวสวยเจ็บใจ แค้นใจ หากว่ากลับไม่คิดหลั่งน้ำตาให้กับชะตากรรมนั้น ตั้งแต่อายุเลยยี่สิบ ความเจ็บใจ ในชีวิตเธอเธอเพิ่มมากขึ้น เกินกว่าจะสะกดคำว่าอ่อนแอได้อีก เท่าที่ผ่านมาตั้งแต่อยู่ในความดูแลของป้าผู้ทรงเกียรติ ชีวิตหญิงสาวก็เหมือนตกขุมนรก คิดเหรอว่าเธอยอมอ่อนข้อให้ป้าจอมโกง ไม่มีวัน มือบางยกขึ้นตบยุง ที่กำลังรบกวนร่างกายสวยสะคราญให้ผิวสวยๆ ขึ้นรอยจ้ำแดง จะทั่วทุกตารางนิ้ว แสบคัน แต่กลับเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เธอได้รับจากการกระทำของป้าบังเกิดเกล้า
รถยนต์สีสวยเหมาะกับคนที่ในชีวิตเต็มไปด้วยสีสัน นายเตชิต ชื่อในอดีตของสาวร่างงามที่อยู่ในรถเคยใช้ แต่ตอนนี้หล่อนผ่าทุกอย่างให้กลายเป็นหญิงเปลี่ยนชื่อเป็นติ๊นา หากแต่คำนำหน้ามันยังแสลงหัวจิตหัวใจ ช่างปะไรไม่ได้ไปโชว์ให้ใครหน้าไหนดูบัตรประชาชนซะหน่อยยกเว้นสมัครงาน และตอนนี้ติ๊นาไม่ต้องสมัครงานที่ไหน เธอทำธุรกิจห้องเสื้อเป็นของตัวเอง เลี้ยงผู้ชายหน้าละอ่อนเป็นงานอดิเรก
“ขึ้นมายัยตกยาก” รถยนต์จอดนิ่งสนิท พร้อมกระจกที่เลื่อนลงมาเรียกร่างบางที่มองตาไม่กะพริบอยู่ริมกำแพงขาว
ร่างบางก้าวขึ้นไปบนรถหลังจากเก็บกระเป๋าไว้หลังรถเรียบร้อย ภริตาอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัดยิ่งจิตใจตอนนี้ด้วย
“ทาซะด้วย” มือที่เคยหนาส่งยาทาแก้ยุงกัดสีเขียวให้
“อย่าพึ่งถาม ฉันกำลังเรียบเรียงความทุกข์ยากของตัวเอง”
“ไม่ถามแต่จะพาไปฉลองที่ได้เจอกันอีกในรอบหลายเดือน”
“ก่อนจะพาไปฉลอง ให้ฉันได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เย้ายวนซะหน่อยก็ดีนะ แขยงเหม็นตัวเองสิ้นดี”
“หน้าแกดูไม่ดีเลยนะ”
“ให้ดูดีได้อย่างไร โดนยักยอกทรัพย์จากญาติแท้ๆ ไร้ที่ซุกหัวนอน นั่งให้ยุงกัด หน้าบ้านที่เคยเป็นของตัวเอง”
กล่าวประโยคนั้นด้วยความสุดเซ็ง บิดาและมารดาบนสวรรค์จะล่วงรู้หรือไม่หนอ พี่สาวแท้ๆของบิดา ทำบัดซบกับบุตรสาวของตัวเอง
“เอาๆล่ะๆค่อยว่ากัน”
ติ๊นาขับรถพาร่างบางอ่อนแรง ใบหน้ายับย่นมาถึงคอนโด ที่ซื้อไว้ด้วยน้ำพักน้ำแรงตั้งแต่ก้าวออกจากบ้าน หางานทำ และกระทั่งมีห้องเสื้อที่ได้รับความนิยมเป็นของตนเอง เมื่อทางบ้านรับไม่ได้กับสภาพ ที่เตชิต หรือติ๊นาเป็นอยู่ บิดาถึงขนาดตัดหางปล่อยวัดเธอ เตชิตจึงตั้งคำปฏิญาณไว้ในหัวใจร่างเป็นชาย ใจเป็นหญิงว่าสักวันเธอต้องทำให้พ่อแม่ยอมรับความเป็นตัวตนของเธอให้ได้ แล้วคำว่าข้ามเพศจะต้องถูกมองข้ามไป



พิมพ์ชนก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 เม.ย. 2555, 17:26:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 เม.ย. 2555, 17:26:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 1243





<< ตอน 001    ตอน 003 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account