มนต์สิเน่หา
เมื่อลูกชายคนเดียวของมาเฟียใหญ่ต้องการเปลี่ยนขั้วการเมืองที่กำลังรุนแรง ทุกอย่างคืออาวุธที่ใช้ทำลายศัตรูรวมทั้งเธอ สาวไทยตัวเล็กๆ ที่ไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรแต่กลับต้องกลายเป็นหมากตัวหนึ่งในเกมส์นี่ด้วย แล้วจะทำอย่างไรกับบทบาทที่ต้องรับ...บทบาทของ...ผู้หญิงชั่วคราว
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: มนต์สิเน่หา ตอนที่ ๓

ตอนที่ ๓
ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่มีบรรยากาศเคร่งเครียดจนน่าอึดอัด พรรคสังคมนิยมแบ่งแยกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งแสดงอาการไม่เห็นด้วยที่เครซี่จะเปลี่ยนผู้สนับสนุนพรรค แต่อีกฝ่ายกลับคิดว่าควรจะยืนหยัดเองได้แล้ว
“เมื่อคืนคอนแบร์ตอบคำถามได้ดีเสียด้วย ไม่รู้ว่า ฯพณฯท่านได้ดูหรือเปล่า”
“ใช่ ถ้าดูท่านจะต้องสนใจคอนแบร์แน่ๆ”
เสียงพูดคุยเริ่มเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ มีเพียงคนที่นั่งตำแหน่งประธานเท่านั้นที่ยังคงเงียบและใช้ความคิดอย่างหนัก เขาคงไม่ปล่อยนิโคลาส์ไว้แน่ ถ้าชายหนุ่มไม่ใช่ลูกชายคนเดียวของมาเฟียใหญ่ผู้กุมอำนาจในชิชิลีไว้ทั้งหมด มันไม่คุ้มสักนิดถ้าจะปล่อยให้เงินสนับสนุนก้อนโตหายไป
“ฉันต้องการคุยกับเจ้าหนุ่มนั่นอีกครั้ง ใครก็ได้ช่วยจัดการที”
ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืน นัยน์ตาคู่นั้นมากไปด้วยความคิดทั้งวิธีที่ดีและ...ร้าย

“ไม่ว่าง...”
เสียงตวาดดังลั่นห้องทำให้คนที่เดินผ่านหน้าประตูถึงกับรีบวิ่งไปคนละทาง เพราะไม่รู้ว่าถ้าท่านที่ปรึกษาโกรธแล้วควักปืนออกมายิงระบายอารมณ์ตัวเองจะพลอยโดยลูกหลงไปด้วยหรือไม่
เครซี่ตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธเพราะไม่คิดว่าจะมีใครกล้าปฏิเสธคำเชิญของตน มือที่กำร่างการปราศรัยหาเสียงเกร็งแน่นก่อนที่กระดาษทั้งหมดจะปลิวไปทั่วห้อง
“กล้าดียังไงถึงบอกมาว่าไม่ว่าง โทรไปนัดดาริโอบอกด้วยว่าฉันต้องการคุยเรื่องที่เกิดขึ้น และถ้าเป็นไปได้บอกให้มันพาลูกชายมาด้วย”
คำสั่งของเครซี่ถูกถ่ายทอดออกมาทุกถ้อยคำ แม้กระทั่งคำเรียกแบบจิกหัวและคำสบถที่แสนจะหยาบคาย นิโคลาส์หรี่ตาลงเมื่อคนที่เขาส่งไปเป็นเลขาส่วนตัวของเครซี่พูดจบ มือหนายกขึ้นแตะปลายนิ้วที่หัวคิ้วเบาๆ
เวลานี้นอกจากจะต้องจัดการเรื่องบ้าๆ ให้จบก่อนการเลือกตั้ง ยังมีแม่สาวจอมแสบที่ขยันจะหนีออกมาเพื่อกลับมาบ้านตัวเอง จนนาซีโอแทบจะเอาเจ้าหล่อนไปขังไว้ในหอคอยแล้วโบกปูนปิดตายเสียเลย
“นิโก้ พรุ่งนี้ฉันจะไปพบเครซี่เอง ส่วนนายเตรียมจัดการตารางทั้งหมดของเขาให้เรียบร้อย อีกสองเดือนนายจะได้กลับมาเป็น นิโก้ โรมาโน่เหมือนเดิม”
เลขามือดีหนึ่งในห้าของชายหนุ่มก้มศีรษะด้วยความดีใจ ใครบ้างที่อยากจะไปทำงานในที่ๆ ไม่ต้องการ แต่เพื่อผู้ชายตรงหน้าเขายอมถวายให้ทั้งชีวิตเพื่อตอบแทนบุญคุณ
ครั้งหนึ่งนิโก้เกือบจะต้องเข้าไปนอนในคุก เพียงเพราะมียาเสพติดในกระเป๋าเป้ที่อยู่ๆ ก็มีคนยัดใส่ให้ อนาคตอันรุ่งเรืองหล่นวูบลงทันที จากยอดเขาพุ่งลงสู่ก้นเหวแต่โชคยังดีที่มีมือยื่นมาช่วย
นิโคลาส์เป็นรุ่นน้องในมหาวิทยาลัยเขามองเห็นว่า นิโก้ โรมาโน่ คือเพชรที่ร่วงลงสู่โคลนตมและเห็นว่าควรจะเก็บขึ้นมาทำความสะอาดพร้อมทั้งมอบโอกาสที่ดีให้
ริมฝีปากได้รูปกดลึกตรงมุมปากเมื่อคิดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เขามองตามหลังนิโก้ไปจนกระทั่งบานประตูปิดลงถึงลุกขึ้นยืนแล้วมองออกไปนอกกระจก ตึกระฟ้าถูกสร้างขึ้นมาสำหรับเปิดเป็นห้างสรรพสินค้าที่รวมสินค้ามากมายจากทุกมุมโลก แต่ใครจะรู้ว่าที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ชั้นบนสุดจะมีห้องลับซ่อนอยู่
มองจากภายนอกจะเห็นว่าเป็นเพียงโลโก้ของห้างรูปทรงคล้ายขนนก แต่ด้านในคือห้องทำงานสวยหรูที่มีทุกอย่างพร้อมสำหรับพักอาศัย และพบปะกันอย่างลับๆ ระหว่างเขากับสายที่ส่งไปอยู่กับบุคคลสำคัญ
เสียงโทรศัพท์เครื่องสำคัญดังขึ้น มีเพียงคนสนิทเท่านั้นที่มีเบอร์นี้และที่สำคัญเบอร์โทรที่โชว์หน้าจอนี่สิบ่งบอกถึงปัญหาที่กำลังจะตามมา
“ว่าไง”
“ท่านช่วยเปลี่ยนคนมาทำงานแทนผมได้ไหมครับ ไม่ไหวแล้วจริงๆ”
เสียงร้อนใจของนาซีโอเล่นเอานิโคลาส์ถึงกับเปล่งเสียงหัวเราะออกมาเหมือนเป็นเรื่องสนุก จนกระทั่งได้รู้ว่าตอนนี้หญิงสาวอยู่ที่ไหนรอยยิ้มจึงเลือนหายไปทันที
“นี่มันเป็นนิสัยของผู้หญิงไทยหรือเปล่า ทำไมเหมือนกันได้ถึงขนาดนี้”
ร่างสูงก้าวออกจากห้องอย่างเร่งรีบ เขากำลังคิดภาพแม่ตัวดีที่บังอาจหาเรื่องใส่ตัวพลางอดคิดถึงแม่ตนเองไม่ได้ นึกสงสัยอยู่ลึกๆ ว่าผู้หญิงไทยจะมีนิสัยเช่นนี้ทุกคนหรือไม่

ทันทีที่รถจอดนาซีโอก็เดินลิ่วเข้ามาหา ใบหน้าเข้มมีแววหงุดหงิดและร้อนใจอย่างที่ไม่เคยแสดงออกมาให้ใครเห็นมาก่อน
“เธออยู่ไหน”
นิโคลาส์ถามก่อนจะเดินตามเข้าไปถึงบ้าหลังใหญ่ของตน ใบหน้าคมสันต์เงยขึ้นมองตามมือของเลขาคนสนิทก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นว่าใครนั่งอยู่บนหลังคา มุมปากกดลึกเมื่อเห็นท่าทางสบายๆ ดูไม่เดือดร้อนของหญิงสาวบนนั้น
“ให้คนขึ้นไปปิดหน้าต่างทุกบานอย่าให้มีทางลง บอกซินญออาเนียให้ตั้งโต๊ะน้ำชาตรงนี้ด้วย”
“ครับ”
นาซีโอก้มศีรษะรับคำสั่งแล้วเดินหายเข้าไปในตัวบ้าน ไม่นานเสียงหน้าต่างถูกปิดก็ดังขึ้นเป็นระยะ ก่อนที่โต๊ะน้ำชากลางแจ้งจะถูกจัดมาวางในตำแหน่งที่ชายหนุ่มสามารถมองเห็นคนบนหลังคาได้อย่างชัดเจน
ดีที่วันนี้ท้องฟ้ามีเมฆมากจึงไม่ค่อยมีแดดแถมลมยังพัดเอื่อยๆ ชวนพักผ่อนเสียด้วย นิโคลาส์สั่งให้คนงานยกเก้าอี้นอนไม้มะค่าตัวใหญ่ที่ส่งตรงจากเมืองไทยมาตั้งไม่ไกลนัก เงยหน้าขึ้นมองพร้อมทั้งยกขนมปังขึ้นกัดก่อนจะก้าวไปทิ้งตัวลงนอนบนเบาะนุ่ม
บัณดารีมองอาการของชายหนุ่มด้านล่างแล้วอยากจะเลาะกระเบื้องแผ่นเล็กๆ บนหลังคาเขวี้ยงลงไปใส่สักอันสองอัน ตอนแรกเธอคิดว่าแค่มาหลบเฉยๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากการกักกันหรือติดคุก ไปไหนก็ไม่ได้แถมยังมีผู้ชายหน้าหงิกเดินตามตลอดอีก ดีแค่ไหนที่ไม่เข้าไปเฝ้าในห้องน้ำด้วย
หญิงสาวถอนใจนึกเบื่อกับการนั่งมองทิวทัศน์จึงค่อยๆ คลานกลับไปที่หน้าต่าง คิ้วเรียวเลิกขึ้นเมื่อขยับอย่างไรหน้าต่างก็ไม่ยอมเลื่อนออกจากกัน แม้จะคลานไปที่หน้าต่างบานถัดไปก็ยังเป็นเช่นเดิม
“คุณทำอะไรของคุณ เปิดหน้าต่างเดี๋ยวนี้นะ ฉันจะลง”
บัณดารีตะโกนลงไปด้านล่าง ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นเมื่อเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงยังคงนอนเอาหมอนปิดหน้าอยู่อย่างนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัวเลยสักนิดเดียว
“ได้ยินไหม คุณโคล...ฉันจะเข้าห้อง”
คราวนี้หมอนอิงใบเล็กถูกดึงออก แต่ร่างสูงยังคงนอนเหยียดตัวสบายแถมยังสอดมือรองศีรษะแล้วมองมานิ่งๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คุณโคล ถ้าฉันตกไปจะทำยังไง”
“พาไปโรงพยาบาล”
เสียงตอบกลับเล่นเอาหญิงสาวตัวสั่น กวาดตามองหาอะไรก็ได้ที่จะใช้ประทุษร้ายเจ้าของบ้าน ก่อนจะร้องวี้ดเมื่ออยู่ๆ แผ่นกระเบื้องที่ใต้เท้าเลื่อนออกจากการ
เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นที่หญิงสาวร้อง ร่างของนิโคลาส์ก็หายไปจากตรงนั้นก่อนจะโผล่มาทางหน้าต่างในอีกไม่กี่นาทีต่อมา คว้าหมับที่ข้อมือบางแล้วกระชากเธอเข้าไปในห้อง
เสียงหน้าต่างกระแทกกำแพงยังไม่ดังเท่ากับเสียงตวาด และมันก็ยังน้อยกว่าแรงกระชากเข้ามากอดรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก บัณดารีพยายามเงยหน้าขึ้นจากอกกว้าง เธอรู้สึกเจ็บปลายจมูกเพราะแรงชน
...คนอะไรหน้าอกแข็งยังกะหิน...
แต่เมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นดวงตาที่สบประสานทั้งดุเข้มและเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“เบื่อชีวิตมากหรือยังไงถึงได้ออกไปหาที่ตาย”
“”จะบ้าหรือไง ฉันแค่อยากออกไปดูภูเขาดูทะเลจากมุมสูงบ้างแค่นั้นเอง ใครอยากตายกัน”
บัณดารีรีบดันตัวเองออกจากอ้อมกอด แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ ทั้งที่จริงแล้วเธอตั้งใจแกล้งนาซีโอมากกว่า ไม่คิดว่าคนที่หายหน้าไปหลายวันอยู่ๆ จะกลับมา แทนที่เธอจะได้เห็นสีหน้าลำบากใจของผู้ชายตัวใหญ่ กลับกลายเป็นท่าทางเกรี้ยวกราดจากเจ้าของบ้าน
ตอนแรกที่ขึ้นไปบนหลังคาเธอรู้สึกว่าภาพที่เห็นช่างสวยงาม ภาพดอกไม้บานสะพรั่งกระจายไปตามทุ่งหญ้าสีเขียวสด กำลังเพลิดเพลินกับความงามของธรรมชาติก็ต้องถูกขัดจังหวะจากคนตรงหน้าแล้วตอนนี้เธอยังต้องมาถูกตะคอกใส่หน้า
“คุณบอกว่าจะพาฉันมาอยู่ในที่ๆ ปลอดภัย แต่นี่มันคุกชัดๆ”
“ตรงไหนที่มันเป็นคุก ที่นี่คุณอยู่อย่างสุขสบายทุกอย่าง จะเอาอะไรก็มีคนทำให้”
“แต่ฉันไปไหนไม่ได้ จะออกนอกบ้านยังไม่ได้เลย”
“เพื่อความปลอดภัยของคุณยังไงล่ะ”
นิโคลาส์ทุบกำแพงเสียงดังสนั่น จนคนที่ยืนอยู่หน้าห้องเดินหนีไปคนละทาง ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับอารมณ์ของเจ้าของบ้านเด็ดขาด เพราะนั่นหมายถึงการเทน้ำมันลงไปในกองไฟ
“ปลอดพงปลอดภัยอะไรกัน ที่คุณทำคือการจับฉันมาขังไว้”
หญิงสาวเชิดหน้าขึ้น ไม่นึกกลัวคนตรงหน้าเลยสักนิด ความโกรธเข้าตาจนเห็นช้างตัวเท่ามด กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ถูกยกขึ้นพาดบ่าเสียแล้ว
ร่างสูงก้าวออกจากห้องไม่สนใจว่าร่างที่อยู่บนบ่าจะดิ้นรนหรือทุบหลัง จนกระทั่งถึงรถเปิดประทุนคันหรูถึงโยนหญิงสาวลง เสียงสูดปากดังขึ้นพร้อมกับการถูกดันจนติดเบาะเพื่อที่เขาจะได้คาดเข็มขัดนิรภัยให้แล้วกดล็อกทันทีเพื่อกันหนีตอนที่เขาเดินอ้อมไปขึ้นรถอีกด้าน
“อยากเปิดหูเปิดตาใช่ไหม...ได้จะจัดให้”
นิโคลาส์คำราม รถออกตัวด้วยความเร็วสูงจนบัณดารีตกใจ มือบางเกาะทุกอย่างที่คิดว่าจะช่วยยึดไม่ให้เธอกระเด็นออกจากรถ กว่าคนขับจะพอใจสภาพของหญิงสาวก็แทบดูไม่ได้เอาเสียเลย
ถ้าเป็นตอนปกติก็คงพอทนไหว แต่นี่มันเป็นถนนที่ลัดเลาะไปตามแนวหน้าผาด้านที่เธอนั่งอยู่ชิดขอบมองออกไปเห็นแต่ต้นไม้ โขดหินและทะเล ถ้าตกลงไปไม่ตายก็ได้นอนหยอดน้ำข้าวต้มเป็นปีแน่นอน
“จะบ้าเหรอ ถ้าอยากตายก็ตายไปคนเดียวสิลากฉันมาเกี่ยวด้วยทำไม”
บัณดารีตวาดเสียงแหลมขัดกับสีหน้าซีดเผือด มือที่กำขอบประตูยังสั่นจนเห็นได้อย่างชัดเจน
“ไหนว่าอยากเปิดหูเปิดตา”
คนขับทำเสียงราวกับคนขี้เกียจ เขาเอนหลังพิงเบาะด้วยท่าทางสบายอารมณ์จนน่าหมั่นไส้
“เปิดบ้าเปิดบอน่ะสิ คุณพาฉันไปส่งบ้านดีกว่า ป่านนี้คนพวกนั้นคงไม่สนใจฉันแล้ว”
“คุณแน่ใจแค่ไหน”
คราวนี้ใบหน้าเข้มหันกลับมา นัยน์ตามีคำตอบสำหรับคำถามที่เอ่ยออกมาแล้วเพียงแต่อยากให้หญิงสาวยืนยันด้วยตัวเอง
“ฉันจะกลับบ้าน”
“ได้”
นิโคลาส์เอียงคอยักไหล่คิดว่าให้หญิงสาวได้เห็นสภาพบ้านด้วยตัวเองจะดีกว่า หลังจากนั้นจะทำยังไงก็แล้วแต่เพราะเขาไม่มีสิทธิไปยุ่งอยู่แล้ว

“นี่มันอะไรกัน”
บัณดารีอ้าปากค้างเมื่อมายืนอยู่หน้าร้านอาหารของป้า ป้ายที่ติดอยู่หน้าร้านบอกให้รู้เพียงแค่สถานที่แห่งนี้คือเขตหวงห้าม บานประตูไม้หลุดลงมากองอยู่กับพื้น กระจกหน้าต่างที่เคยมีสีสันสวยงามจากการเพ้นท์สีด้วยฝีมือเธอเอง ปัจจุบันมันกลายเป็นเพียงเศษกระจกแตกกระจายเต็มพื้น
“เมื่อไม่ยอมก็อยู่ไม่ได้”
ร่างสูงก้าวเข้ามายืนซ้อนด้านหลัง เงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างไม้ที่เปิดกว้างมีผ้าม่านขาดหลุดลุยสะบัดไปตามแรงลม ก่อนที่สายตาคู่นั้นจะหันมาจับจ้องร่างเล็กที่ยืนอยู่ข้างหน้า
“ลุงกับป้าของคุณอยู่ที่โรม จะให้ไปส่งไหม”
บัณดารีส่ายหน้าเป็นคำตอบ หญิงสาวเดินเข้าไปในบ้านก้าวขาขึ้นบันไดพยายามห้ามไม่ให้ร้องไห้ออกมา เพราะเธอลุงกับป้าถึงต้องเดือดร้อน ความรู้สึกผิดกำลังทำร้ายจิตใจให้หดหู่จนไม่อยากจะทำอะไรเอาเสียเลย
ข้าวของในบ้านถูกขโมยจนแทบไม่เหลือ หญิงสาวมองหาวิธีที่จะดึงประตูลับบนห้องใต้หลังคาลงมา แต่ไม่มีเก้าอี้หรืออะไรให้ต่อขาได้เลย ในที่สุดก็ต้องยอมแพ้เดินย้อนกลับไปขอความช่วยเหลือจาก...
“ไปไหนแล้ว”
ร่างบางหันไปมาในช่องระหว่างบันได ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดทำให้ภายในบ้านมีเพียงแสงไฟสลัวจากถนนหน้าบ้านเท่านั้น ความกลัวกำลังคืบคลานเข้ามาเกาะกุมหัวใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา...นี่เธอถูกทิ้งจริงๆ หรือเนี่ย
อยู่ๆ ก็มีมือยื่นมาจับแขนริมฝีปากขยับค้างพยายามจะส่งเสียงร้องแต่ก็ร้องไม่ออก เนื้อตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัว พยายามสูดลมหายใจเข้าเพื่อให้มีแรงต่อต้านอุ้งมือหนา แต่พอขยับกลับถูกกอดรัดเอาไว้ทั้งตัว
“ผมเอง”
เสียงทุ้มดังขึ้นใกล้หู ลมหายใจอุ่นๆ กระทบที่ข้างแก้ม แม้จะรู้ว่าเสียเปรียบแต่มันก็ทำให้เธอสบายใจขึ้น
“เล่นอะไรบ้าๆ”
ความกลัวถูกแทนที่ด้วยความโกรธ พยายามดันตัวออกจากอ้อมกอดที่รัดแน่นเกินความจำเป็นแล้วเดินกลับขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง ยืนรอจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายเดินตามมาถึงก้าวเข้าไปในห้องนอนของตน
“อ้าว ใครจะรู้ว่าคนอย่างคุณก็กลัวเป็น”
ทั้งคู่เริ่มปรับสายตาให้คุ้นเคยในความมืดจนเห็นอะไรได้ชัดเจนขึ้น
“ช่วยดึงเชือกเส้นนั้นลงมาทีค่ะ”
หญิงสาวยกมือขึ้นชี้ปมเชือกเล็กๆ ที่เพดานก่อนจะก้าวถอยหลังเมื่อร่างสูงก้าวเข้ามาจนชิด
“ผมดึงไม่ถึงหรอก ต้องหาเก้าอี้มาเหยียบ”
“ไม่มีอะไรใช้ได้เลย ฉันหาจนทั่วแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้แล้วกัน”
ในความมืดบัณดารีไม่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า จนกระทั่งเขาพูดจบมือหนาก็คว้าหมับที่เอวบางแล้วจับเธอยกขึ้น
“ดึงเร็วๆ ผมหนัก”
แม้ว่าน้ำเสียงจะออกแนวไม่เต็มใจ แต่เขากลับอุ้มเธอนานพอที่จะดึงเชือกเปิดประตูลับแล้วหยิบไฟฉายที่แขวนกับบันไดพับลงมาพร้อมกับเชือกรั้งบันได
เสียงข้อต่อระหว่างบานพับตีกันดังกว่าที่คิด นิโคลาส์ทำเสียงจิกจักเบาๆ แล้วแย่งไฟฉายมาถือไว้ก่อนจะปีนนำขึ้นไปด้านบน กวาดตาตามแสงที่ส่องไปรอบๆ จนกระทั่งเห็นกระเป๋าหนังสองใบกับหนูอีกนับสิบตัว
“คุณจะเอาอะไรบนนี้ หนูหรือกระเป๋า”
บัณดารีคันปากอยากจะย้อนนักว่าจะเอาหนูมาทอดให้คุณกินน่ะสิแต่ก็ยั้งไว้ได้ จึงบอกเพียงว่ากระเป๋าทั้งสองใบกับย่ามที่แขวนอยู่ใกล้ๆ กัน
“ท่าทางคุณคงได้แต่กระเป๋า เพราะย่ามของคุณกลายเป็นที่เลี้ยงเด็กไปแล้ว”
“เลี้ยงเด็กอะไร”
หญิงสาวถามงงๆ ก่อนจะเข้าใจเมื่อเห็นว่าในย่ามที่ชายหนุ่มยื่นมามีลูกหนูตัวเล็กๆ นอนขดกันอยู่หลายตัว ริมฝีปากอิ่มขยับเป็นรอยยิ้มเธอไม่เคยกลัวสัตว์ตัวเล็กๆ พวกนี้
“จะเอาอะไรในนั้นไหม ถ้าไม่เอาก็ส่งคืนมา เดี๋ยวกลิ่นติดแม่มันจะทิ้งตายยกคอกแน่”
“ไม่ค่ะ”
มือเรียวส่งย่ามคืนก่อนจะรับกระเป๋าหนังที่ถูกส่งตามมาทีหลัง สิ่งที่ชายหนุ่มคาดไม่ถึงคือสิ่งที่หญิงสาวหยิบออกมาจากกระเป๋าหนังใบแรก นัยน์ตาสีเข้มจับจ้องของสิ่งนั้นโชคดีที่ภายในห้องมีเพียงแสงจากไฟฉายกระบอกเดียว ไม่เช่นนั้นอาการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าจะต้องถูกมองเห็นอย่างแน่นอน
“คุณมีปืนเยอะขนาดนี้เลยเหรอ”
“ใต้ดินมีเยอะกว่านี้อีก”
บัณดารีพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่ความสนใจไม่ใช่ปืนในกระเป๋า แต่เป็นเงินที่ถูกม้วนจนมีขนาดเท่าบุหรี่ที่ผู้หญิงนิยมสูบกันในชิชิลี มีลักษณะเป็นม้วนเล็กๆ เรียงกันเป็นเหมือนลูกฟูกถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็จะไม่รู้เลยว่าสิ่งที่อยู่ในนี้คืออะไร
“เงินนี่อาจจะไม่มากแต่มันสำคัญสำหรับฉัน”
“แล้วทำไมต้องม้วนซะเล็กขนาดนั้น”
“ซ่อนหลานของลุงเขย ไม่อย่างนั้นก็ถูกขโมยหมดสิ เผลอไม่ได้หรอก”
หญิงสาวดึงถุงผ้าที่ใส่ปืนออกมาก่อนจะหยิบเงินพวกนั้นใส่ลงไป เสียงบางอย่างดังขึ้นคล้ายรองเท้ากระทบกับพื้นไม้ ระหว่างที่บัณดารีมัวแต่ห่วงเงิน นิโคลาส์ปิดไฟฉายทันทียกมือขึ้นปิดปากที่กำลังจะส่งเสียงประท้วงแล้วค่อยๆ เก็บทุกอย่างใส่กระเป๋าหนัง
“ตามมาช้าๆ”
เสียงกระซิบสั่งก่อนที่ร่างสูงจะค่อยๆ ให้หญิงสาวไต่บันไดขึ้นไปด้านบน ส่วนตัวเองเมื่อตรวจดูว่าไม่มีอะไรตกหล่นก็รีบตามขึ้นไป ดึงบันไดกลับพร้อมทั้งแผ่นไม้ที่ใช้ปิดไม่ให้เห็นห้องที่ซ่อนอยู่
“อย่าขยับ”
เสียงกระซิบดังขึ้นอีกครั้งเมื่อคนที่ขึ้นมาก่อนพยายามจะคลานไปอีกด้าน พอเสียงประตูลับปิดล็อกดังขึ้นเบาๆ เสียงพูดจากกลุ่มคนด้านล่างก็ดังขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน
“แกแน่ใจเหรอว่าเห็นพวกมันมาที่นี่”
คำถามเป็นภาษาถิ่นห้าวกระด้างและดุดัน ตามด้วยเสียงตอบสั่นๆ ของอีกคน แสงไฟจากด้านล่างทำให้นิโคลาส์มีโอกาสได้เห็นเมื่อมันส่องผ่านรอยแยกเล็กๆ ขึ้นมาบนหลังคา
ชั่วขณะที่กำลังพยายามมองว่าคนพวกนั้นเป็นใคร คนที่นั่งห่างออกไปกลับกระโดดเข้ามากอดเมื่อหนูที่อยู่ตามมุมหลังคาวิ่งมาชน
“ใครอยู่บนนั้น”
เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นเมื่อได้ยินเสียงหัวเข่ากระแทกพื้นไม้ บัณดารีหลับตาปี๋สองมือกอดแขนคนข้างๆ ไว้แน่น ในขณะที่มือหนากลับคว้าหมับที่หนูตัวโตก่อนจะส่งมันลงไปทางรูข้างเสา ตามด้วยตัวเล็กๆ ที่กำลังวิ่งผ่านไปมาเพราะตกใจกับเพื่อนร่วมห้องที่ไม่ได้เชิญ
“หนู...”
เสียงใครอีกคนพูดขึ้น แสงไฟจากไฟฉายส่องผ่านขึ้นมาตามรอยแยก มองไล่ขึ้นมาจนเห็นรูรอบๆ เสา
“ไม่มีอะไรหรอก ไปดูที่อื่นดีกว่า”
เสียงผู้ชายคนเดิมพูดขึ้นอีกครั้งก่อนที่เสียงรองเท้าหลายคู่จะดังห่างไปเรื่อยๆ บัณดารีขยับตัวทำท่าจะคลานมาอีกทาง แต่กลับถูกดึงเอาไว้เสียก่อน
“คืนนี้เราต้องนอนบนนี้ กับหนูพวกนี้”
หญิงสาวส่ายหน้าทันที ถึงเธอไม่กลัวแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมนอนกับเจ้าสัตว์ตัวจ้อยพวกนี้
“ไม่มีทาง”
“มีสิ เลือกเอา นอน...หรือลงไปให้พวกมันฆ่า”


****
ขอค้างคำตอบนะคะเพิ่งกลับมาถึงบ้านเลยรีบเอาตอนต่อไปมาแปะให้ก่อนค่ะ ตาจะปิดแล้ว.....Good night คร่า



tonpalm
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 เม.ย. 2555, 00:12:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 เม.ย. 2555, 00:12:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 2664





<< ตอนที่ ๒   
คิมหันตุ์ 28 เม.ย. 2555, 02:21:07 น.
น่ารักดีจ้า ตามล่ากันมันพะยะค่ะ


konhin 28 เม.ย. 2555, 05:20:34 น.
โหย มาแล้วรบกัน


แว่นใส 28 เม.ย. 2555, 08:33:41 น.
ทันกันจริงนะ


แว่นใส 28 เม.ย. 2555, 08:33:41 น.
ทันกันจริงนะ


ใบบัวน่ารัก 28 เม.ย. 2555, 10:01:15 น.
น่าเป็นห่วง คื่นที่อยู่กัน2คน


HaDeS 28 เม.ย. 2555, 11:55:15 น.
แม้จะลงดึกแค่ไหน คิมหันต์ก้อรออ่าน เม้นเป็นคนแรก นับถือๆ 5555+ อั้ยยะ! ตอนต่อไปมาไวๆนะคะ หลงรักพระเอกซะแล้วเรา งิงิ


tutas 28 เม.ย. 2555, 15:50:01 น.
รอตอนต่อไปค่ะ เริ่มชอบเพราะซะแล้วดูเท่จังค่ะ ^^


nunoi 28 เม.ย. 2555, 18:26:14 น.
น่ารักจังชอบอ่ะ


anOO 28 เม.ย. 2555, 19:36:48 น.
มาอรอตอนต่อไปค่ะ


Zephyr 29 เม.ย. 2555, 23:02:11 น.
ไหนบอกไม่กลัวไง แล้ว......ดีนะ นายโคลหัวไว เฮ้อ รอดไป
วี้ดวิ้วกันสองคนบนห้องลับใต้หลังคา และหนูกลุ่มนึง ^^


ยิหวา 16 พ.ค. 2555, 19:01:34 น.
อร๊ายยยยย ตื่นเต้นนๆๆๆ


จิรารัตน์ 12 ก.ย. 2555, 12:36:10 น.
เลือกเอา.........นอนซิเนอะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account