เพลงลิขิตบันดาลชักพา
เพลงรัก...สาวอวบที่เพิ่งอกหักเพราะรักเก่ากำลังหมั้นหมายกับคนอื่น โดนหลานสาวตัวดีหลอกให้มาเที่ยวปารีสเป็นเพื่อน แต่พอมาถึงเธอกลับต้องเล่นเรียลลิตี้เป็นคู่ฮันนีมูนของนักร้องดังซะงั้น งานนี้สาวอวบขึ้นคานจะทำอย่างไร..... ในเมื่อรักเก่าก็กลับมาทำให้หัวใจหวั่นไหว แต่ความรักครั้งใหม่ก็กำลังเริ่มต้น
Tags: รัก,ท่องเที่ยว,ฝรั่งเศส

ตอน: บทที่ 6

“ผมไม่เข้าใจผู้หญิงเลยจริงๆ”

พลพรรคปรารภออกมาเบาๆ กับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับ บนรถยนต์ที่เช่ามาจากกรุงปารีสเมื่อเช้านี้ ขณะที่สายตามองไปยังบัสคันเล็กที่วิ่งนำอยู่ด้านหน้า

“มันเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรอที่แฟนตัวเองตามมาเที่ยวด้วย แล้วทำไมลูกแก้วต้องไล่ผมกลับ ตอนอยู่เมืองไทยเราก็ยังคุยกับดีๆ อยู่เลย หรือว่าเธอจะโกรธที่ผมจะทำเซอร์ไพรส์ แต่ลูกแก้วไม่ได้ไร้สาระอย่างนั้นนี่นา แล้วทำไมเธอทำแบบนี้ แทนที่จะได้สนุกด้วยกัน เฮ้อ... ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริงๆ”

“ลูกแก้วคงมีเหตุผล” คีตภัคว่า ทุกคนล้วนเป็นเช่นนั้น มีเหตุผลในการกระทำของตัวเอง แม้สิ่งที่ตัวเองทำจะดูไร้เหตุผลเสียเหลือเกิน

“เหตุผลอะไรล่ะ” ชายหนุ่มครุ่นคิด “เธอโกรธผมหรอ แต่ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ เธอจะโกรธเรื่องไร”

“อาจไม่ใช่ความโกรธ... แต่ที่ไล่ให้ไป อาจเป็นเพราะรัก”

แม้จะเป็นเสียงเรียบที่เดาไม่ออกว่ารู้สึกเช่นไร แต่พลพรรคก็สำเหนียกถึงความผิดปกติของลูกชายเพื่อนพ่อที่นั่งอยู่ข้างกาย คีตภัคเป็นชอบพูดอะไรที่เข้าใจยากอยู่เสมอก็จริง แต่คราวนี้สิ่งที่เขาพูด... เหมือนซ่อนอะไรบางอย่างไว้

แต่นั่นแหละ พลพรรคไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น หรือพูดอีกอย่างก็คือ เขาไม่เคยเห็นเรื่องไหนสำคัญมากกว่าเรื่องของตัวเอง อาการแปลกไปของคีตภัค จึงอยู่ในความสนใจเท่าเวลากระพริบตา ก่อนที่จะกลับมาบ่นเรื่องลูกแก้วอีกครั้ง

“ก็ต้องรักอยู่แล้ว ผมรู้ว่าแก้วรักผม แก้วบอกผมก่อนที่ผมจะรู้ตัวเสียอีก แต่คนรักกันเขาไล่กันอย่างนี้หรอ รักกันแต่ไล่กัน ไม่แคร์กัน อย่างนี้ก็มีด้วยหรอ”

มีสิ... ข้อนี้คีตภัคได้แต่ตอบในใจ ทำไมจะไม่มี ในเมื่อเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น
“นายเก็บคำถามนี้ไว้ไปถามลูกแก้วเองดีกว่า แต่เมื่อถึงเวลาที่นายควรรู้ เธอก็คงบอกนายเอง”

คีตภัคตอบอีกฝ่าย ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่า เมื่อไรจะถึงเวลาสำหรับเรื่องของเขาบ้าง

----------------------------------------------------------------------------

เพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเศษเท่านั้นสำหรับการเดินทาง 48 กิโลเมตรออกจากเมืองตูร์ หมู่บ้านชนบทที่สะอาดและเงียบสงบแถบมอนต์เบซอนก็ปรากฏให้เห็นแทนที่ไร่องุ่นและทุ่งหญ้าสำหรับการทำการเกษตร

รถบัสคันเล็กแล่นขึ้นสู่เนินเขาสูง ห่างไกลจากตัวเมืองซึ่งโอบล้อมด้วยผืนป่าโปร่งสีเขียวสด เด็กสาวที่ชินกับการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ ก็ให้ความสนใจกับสภาพแวดล้อมอันอุดมสมบูรณ์อย่างกระตือรือร้น ยิ่งเมื่อน่านฟ้าบอกว่ามีโอกาสเห็นกวางป่าตามธรรมชาติระหว่างทางที่รถวิ่งผ่าน พิมพลอยก็ตื่นเต้น คอยมองสองข้างทางด้วยรอยยิ้มเบิกบาน ผิดกับคนที่อยู่ข้างๆ โดยสิ้นเชิง
น้าสาวนั่งเงียบไม่พูดไม่จา เหมือนจมอยู่กับความคิดตัวเอง เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ออกจากปราสาท เมื่อถามว่าเป็นอะไร ก็ตอบแต่คำว่า ‘เปล่า’ จะเปล่าได้อย่างไร ในเมื่อเห็นอยู่ชัดๆ ว่าไม่ปกติ

พิมพลอยได้แต่ถอนหายใจ เพราะน้าเป็นเช่นนี้ เธอจึงยังไม่ได้อวด ‘จดหมาย’ จากพี่แทนซึ่งฝากลูกแก้วกลับคืนมาให้ หลังเขาได้รับของที่ระลึกที่เธอส่งไป

‘ของน่ารักมาก ขอบคุณมากนะครับ’

เด็กสาวอมยิ้มกับตัวเอง ก่อนลอบมองนักร้องหนุ่มซึ่งเขาหลับไปอีกครั้งหลังกลับขึ้นรถ ผ่านน้าสาวที่นั่งขวางไว้ พี่แทนคงรู้ว่าเธอไม่กล้าคุยกับเขา จึงใช้วิธีนี้สื่อสารกับเธอ... พี่แทนช่างน่ารักและอ่อนโยนกับเธอเหลือเกิน
พี่แทน...ขอบคุณนะคะ พลอยรักพี่แทนมากๆ เลยค่ะ พลอยจะปกป้องพี่แทนเอง ไม่ต้องกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้นนะคะ

พิมพลอยปฏิญาณกับตัวเองอย่างหมายมาดต่อหน้า ป่าโปร่ง ขุนเขา และ.... เด็กสาวที่กำลังมองหาสักขีพยานถึงกับตาค้าง เมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า

ปราสาทยุคโบราณสีเทาตั้งตระหง่านหลังม่านน้ำพุ รอคอยต้อนรับเธออย่างสงบและสง่างาม พิมพลอยเผลออ้าปากค้างอย่างตกตะลึง แต่ก็ไม่มากเท่าตอนที่น่านฟ้าประกาศว่า

“เรามาถึงชาโต ดาร์ตินยี่ ที่พักของเราในค่ำคืนนี้กันแล้วนะครับ เราจะพักที่นี่แค่หนึ่งคืน อะไรที่ไม่ต้องใช้ทิ้งไว้ที่รถก็ได้นะครับ”

“คืนนี้.... นี่เราจะนอนในปราสาทนี้จริงๆ หรอคะ”

“ครับ” น่านฟ้าตอบน้ำเสียงตื่นเต้นของเด็กสาวด้วยรอยยิ้ม “แม้ขนาดไม่ใหญ่โตเหมือนเชอนองโซ แต่ทิวทัศน์ที่นี่ก็สวยงาม เงียบสงบ แล้วก็เป็นส่วนตัวมากๆ น้องพลอยชอบไหมครับ”

“ชอบสิคะ พลอยชอบมากเลยค่ะ” เด็กสาวตอบรับอย่างยินดี แม้ชีวิตเธอจะคลุกคลีอยู่ในธุรกิจโรงแรมมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่มีโรงแรมไหนให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในเทพนิยายเช่นนี้มาก่อน

พิมพลอยพยายามเขย่าแขนน้าสาวให้มาตื่นเต้นด้วยกัน แต่เพลงรักก็ทำเพียงพยักหน้าอย่างแกนๆ จนเมื่อรถบัสจอดยังลานเล็กๆ ด้านขวามือของตัวโรงแรม เด็กสาวที่นั่งติดริมกระจกก็ต้องแงะคนที่นั่งริมทางเดินให้ลุกขึ้น ก่อนที่ผู้เป็นน้าจะเดินตามคนอื่นไปอย่างคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อตัว
น้าเพลงเป็นอะไรกันแน่!?!

---------------------------------------------------------------------------

นั่นสิ.... เธอเป็นอะไรไปแล้ว

เพลงรักก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าทำไมเธอยังอยู่ที่นี่ ทำไมไม่หนีไปตั้งแต่เห็นหน้าเขา หัวใจด้านชาขาดความรู้สึกไปแล้วหรอ ถึงได้ยอมอยู่ ทั้งๆ ที่รู้ว่าการเผชิญหน้าจะต้องเกิดขึ้น

แล้วจะให้เธอหนีไปไหน ชานเมืองฝรั่งเศสไม่ใช่ปทุมธานี ที่จะโบกรถตู้แล้วกลับบ้านได้ แต่ก็นั่นแหละ เธอรู้ว่ามันไม่ใช่ข้ออ้าง เพราะเธอมีโอกาสตั้งแต่เมื่อเช้า ตอนที่รู้ว่าตัวเองโดนหลอกให้มาร่วมรายงานในค่ายของเขา ทำไมเธอไม่จองตั๋วกลับเมืองไทยไปตั้งแต่ตอนนั้น

หรือเพราะว่าเธอคาดหวังว่าจะได้เจอคนที่เคยทิ้งเธอไป คาดหวังว่าเขาจะมา คาดหวังว่าจะได้ถามว่าทำไมเขาถึงหมั้นหมายกับผู้หญิงคนอื่น แล้วยังไง... ตอนนี้เขาก็มาแล้วจริงๆ มาปรากฏตัวต่อหน้าเธอ แล้วทำไมไม่ถาม ทำไมเธอยังเจ็บ เจ็บมากกว่าเก่า

เราไม่ควรได้เจอกันเลยจริงๆ

“เดี๋ยวๆ แทน อย่าเพิ่งยกไป ถ่ายช็อตนี้เก็บไว้หน่อยดีกว่า ยกกระเป๋าคุณเพลงกลับมาก่อนมา”

เสียงของลูกแก้วที่ตะโกนขึ้น ทำให้เพลงรักเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังยืนรอรับสัมภาระอยู่ข้างรถบัส แล้วกระเป๋าเดินทางของเธอก็ถูกนักร้องหนุ่มหยิบมาวางไว้ให้เรียบร้อย

“ไม่ๆ เอาอย่างนี้ดีกว่า เดี๋ยวแทนหิ้วกระเป๋าคุณเพลงเข้าปราสาทไปเลย ต้องให้เหมือนว่ามาด้วยกันสองคน มาติดไมค์ก่อน... คุณเพลงด้วย” ครีเอทีฟสาวสั่ง ซึ่งนิยมการที่เห็นนักร้องดังต้องถือกระเป๋ากลับไปกลับมา ก็อดเสนอความเห็นไม่ได้

“ต้องยกเข้าปราสาทเลยหรอลูกแก้ว มันหนักนะ ให้ bellboy มาขนก็ได้มั้ง แล้วให้แทนเดินคู่ไปกับคุณเพลงเฉยๆ”

ลูกแก้วขยับจะเถียงบ้าง แต่รถที่แล่นตามมาตลอดทางก็เข้ามาจอดข้างบัสคันเล็กเสียก่อน

คีตภัคและพลพรรคก้าวลงจากรถ เป็นขณะเดียวกับที่แทนกวีได้รับการติดไมโครโฟนตัวเล็กเรียบร้อย เขาจึงตัดบท

“ไม่เป็นไรหรอกพี่นัด มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”

ทั้งที่ตระหนักใน ‘งาน’ ของตัวเอง แต่นักร้องหนุ่มก็เผลอถอนหายใจ ขณะเอื้อมมือไปคว้าสัมภาระของหญิงสาวขึ้นมาอีกครั้ง แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก เมื่อคนที่ยืนนิ่งเป็นหุ่นให้ลูกแก้วติดเครื่องกระจายเสียงขนาดเล็กยื่นมืออวบมารั้งแขนเขาไว้

“อย่าเพิ่ง...” เธอเรียกอย่างแผ่วเบา ซึ่งทำให้เขาหันไปมองด้วยความแปลกใจ แล้วเสียงสั่นพร่าที่เอ่ยต่อมา ก็เป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน “ฉันไปด้วย”

ท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคน เพลงรักควงแขนนักร้องหนุ่มเข้าไปในปราสาทที่พัก ขณะที่โต้งและลูกแก้วหยิบกล้องวิ่งตามถ่ายแทบไม่ทัน
โดยที่ไม่มีใครรู้นอกจากแทนกวี ว่ามือที่เกี่ยวแขนเขาอยู่ขณะนี้ รัดแน่น...ราวกับเธอยึดเขาไว้เพราะหวาดกลัวอะไรบางอย่าง

-------------------------------------------------------------------------

ชาโต ดาร์ตินยี (Chateau d’ Artigny) เป็นปราสาทเก่าอายุกว่า 400 ปี ถูกปรับปรุงให้เป็นโรงแรมที่ทันสมัย แต่ก็ยังคงรักษามนต์เสน่ห์ของสถาปัตยกรรมสมัยศตวรรษที่ 16 ตัวปราสาทเป็นทรงสี่เหลี่ยมพื้นผ้ารายล้อมด้วยผืนป่าเขียวชอุ่ม ด้านหลังเป็นหน้าผามองลงไปเห็นป่าโปร่งกว้างสุดตา ส่วนด้านหน้าจัดสวนดอกไม้อย่างเรียบง่าย ตกแต่งด้วยประติมากรรมอลูมิเนียมสีแดงรูปกระต่ายขนาดใหญ่ ที่ไม่เข้ากันเลยกับความเก่าแก่ของสถานที่ แต่เมื่อพิจารณาให้ดี สิ่งที่ขัดแย้งกัน ก็สร้างความน่าสนใจได้อย่างลงตัว

ห้องพักของเหล่าสมาชิกดั้งเดิมไล่เรียงกันอยู่บนชั้นสอง ส่วนอีกสองคนที่เพิ่มมา แยกออกไปอยู่ชั้นสามเพราะจองเพิ่มเองทีหลัง ขณะที่น่านฟ้าทำการแจกจ่ายกุญแจ ณ บริเวณล็อบบี้หน้าประตูกระจกทางเข้า โดยพิมพลอยพยายามซ่อนความตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าได้อยู่ห้องตรงข้ามกับนักร้องในดวงใจ ลูกแก้วก็อธิบาย ‘ฉาก’ ต่อไปที่คู่รักจะต้องเล่นด้วยกัน

“คุณเพลงจะต้องเล่นเปียโนนะคะ”

เพราะมัวแต่จมอยู่กับความคิดตัวเอง เพลงรักจึงเรียกสติกลับมาฟังทันแค่ประโยคสุดท้าย แล้วเมื่อใช้เวลาอึดใจไตร่ตรองว่ามันหมายถึงอะไร หญิงสาวก็สะดุ้งด้วยความตกใจทันที

“ฉันต้องเล่นเปียโนที่นี่หรอ!?!”

“ใช่แล้วสิคะ แหม... ทำเป็นตกใจไปได้ เดี๋ยวคุณเพลงขึ้นห้องแล้วไปแต่งชุดสวยๆ นะ ชุดที่บอกให้เตรียมมาน่ะค่ะ แล้วถ้าไม่มีเครื่องสำอางยังไง บอกนัดตี้นะ เดี๋ยวนัดตี้แต่งให้ งานนี้คุณเพลงจะต้องเริ่ดให้ถึงที่สุดนะคะ เพราะเป็นฉากไฮไลท์ของวันเลย”

นิยมการเอ่ยเสริมขึ้น ขณะที่สาวร่างอวบซึ่งใช้เวลาไปกับการคิดถึงเพื่อนร่วมทางคนใหม่ได้แต่อ้าปากค้าง เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่านอกจากเรื่อง ‘ผู้ชายคนนั้น’ ที่ยืนกอดอกอยู่นอกวงสนทนา ยังมีเรื่องของ ‘ผู้ชายคนนี้’ ที่นั่งเหยียดขาอยู่บนเก้าอี้หลุยส์สีแดงให้เธอต้องกังวลอีก... เธอลืมเรื่องการถ่ายทำไปได้ยังไง

“เดี๋ยวก่อนนะคะ ฉันต้องเล่นเปียโนเพลงอะไร แล้วชุดอะไรที่คุณว่า ฉันไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยนะ”

“พลอยเตรียมไว้ให้หมดแล้วค่ะ” เด็กสาวร่างบางแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส “เพลงของพี่แทนที่น้าเพลงเคยเล่นตอนถ่ายคลิป พลอยเอาโน้ตมาเผื่อไว้ แต่คิดว่าน้าเพลงน่าจะจำได้อยู่แล้ว ส่วนชุด... พี่ดาเลือกไว้ให้ บอกว่าถ้าน้าเพลงใส่จะต้องสวยมากแน่ๆ พลอยก็อยากเห็นเหมือนกัน เราไปลองกันเลยดีกว่าค่ะ จะได้ถ่ายไปให้พี่ดากับพี่ทอง แล้วก็คุณแม่ดูด้วย” พิมพลอยว่าอย่างขมีขมัน ซึ่งเพลงรักไม่รู้จะพูดอย่างไร

เธอหงุดหงิดหลานสาวตัวดี แต่ก็ทำได้เพียงถอนหายใจซ้ำไปซ้ำมา แน่ล่ะว่าคนวางแผนต้องเตรียมทุกอย่างเอาไว้ แต่เมื่อมัน ‘พร้อม’ เกินไป มันก็ชวนโมโหได้เหมือนกัน

เพราะนั่นเท่ากับตอกย้ำความโง่เง่าของเธอ

----------------------------------------------------------------------------

“ตายแล้วพ่อคุณ ทำไมป่านนี้ยังไม่แต่งตัวอีกละเนี่ย”

ผู้จัดการส่วนตัวร่างเล็กที่เพิ่งก้าวออกจากห้องน้ำด้วยใบหน้าเปียกหมาดๆ โวยวายเสียงดังเมื่อเห็นว่านักร้องหนุ่มร่างสูงในการดูแลยังคงนั่งอยู่ในเสื้อคลุมอาบน้ำตรงปลายเตียง พร้อมทอดสายตาไปออกไปนอกหน้าต่างบานสูงเหมือนเมื่อ 5 นาทีก่อน

“เหม่ออะไรอยู่ เห็นมีแต่ป่ากับป่า หรือว่าพี่แทนเกิดจะมาสนใจป่าไม้เดียวกัน ถึงได้มาโชว์ล่ำอ่อยพี่อย่างนี้ ไม่นะๆ สเปกพี่ต้องฝรั่งผมทองเท่านั้นจ๊ะ หรือว่า... ถ้าแทนอยากจะ....”

“ผมรอพี่มาแต่งหน้า” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยด้วยเสียงเรียบ หยุดความคิดลามกของอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ นิยมการสะบัดหน้าอย่างแสนงอน ก่อนเดินไปหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางที่พกมา

“เบรกกันซะแรง หน้าแทบคะมำ ให้ฝันหน่อยก็ไม่ได้” ผู้จัดการส่วนตัวว่าอย่างกระเง้ากระงอด ซึ่งปกติ... คนช่างยั่วจะต้องหัวเราะชอบใจที่แหย่สำเร็จ แต่คราวนี้แทนกวีกลับเงียบ จนคนที่ใกล้ชิดมานานสังเกตเห็นความผิดปกติ

“ว่าจะไม่ทักแล้วเชียว เห็นไม่พูดไม่จามาตั้งแต่กลับจากปราสาท ตกลงว่าเป็นอะไร ให้พี่เดาไหม... เรื่องคุณคีย์!?!” คนตัวเล็กว่าถามเองตอบเองเสร็จสรรพ แล้วก็แน่ใจว่ามันจะต้องถูกต้อง เพราะมีไม่กี่เรื่องนักหรอก ที่ทำให้คนอย่างแทนกวีเซื่องซึมลงได้

“พี่เห็นคุณคีย์คุยกับแทน... เรื่องคุณเพลงใช่ไหม คุณคีย์ก็คงเห็นว่าเรากวนประสาทคุณเพลงเขาเกินไปก็เลยตักเตือน ไม่ต้องไปเครียดหรอก ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าคุณคีย์เป็นคนยังไง เขาดุ เขาว่า ก็เพราะหวังดี” นิยมการว่าเสียงจริงจัง ก่อนเอ่ยต่อเมื่อทรุดตัวลงนั่งบนเตียงเดียวกับอีกฝ่าย “พูดกันตรงๆ เลยนะ ตอนแรกพี่ก็ว่ามันไม่เหมาะ เพิ่งรู้จักกัน จะไปหยอกล้อกันขั้นนั้นก็เยอะไปหน่อย แต่พอถ่ายไปๆ เห็นแทนกับคุณเพลงทะเลาะกันไป เถียงกันมา มันสนุกอ่ะ แบบไม่ต้องรักกันเว่อร์ๆ ดูแล้วเป็นธรรมชาติ พี่ชอบ... เพราะฉะนั้นไม่ต้องคิดมากหรอก เป็นตัวของตัวเองนั่นแหละ... แค่อย่ามากเกินไป เอาแค่พอดีๆ ก็พอ”

นักร้องหนุ่มหันมองผู้จัดการส่วนตัวที่ทั้งปลุกปลอบและให้คำแนะนำ รู้ว่าอีกฝ่ายหวังดี แต่...

“ผมไม่ได้เครียดเรื่องพี่คีย์… แม้ว่าจะเซ็งๆ บ้างตอนโดนด่า แต่ผมก็ชินแล้ว”

“อ้าว!!!” นิยมการอุทานเสียงสูงทันทีเมื่อได้ยิน “ไม่ได้เครียดเรื่องพี่คีย์ แล้วเครียดเรื่องอะไร ที่ฉันพูดไปตั้งเยอะนี่ไม่ได้เกี่ยวกับที่เธอซึมกะทือเลยหรอ”

“ผมแค่กำลังคิดอะไรบางอย่าง แบบที่ต้องใช้สมาธิมากๆ ก็เลยขี้เกียจพูด”

“พ่อเจ้าประคุณรุนช่อง.... คราวหน้าก็ติดป้ายบอกไว้ด้วยนะยะว่าเครียดเรื่องส่วนตัว ฉันจะได้ไม่ยุ่ง” นิยมการประชด ซึ่งแทนกวีก็กลับมายิ้มอีกครั้ง
“พี่นัดอย่างอนสิ ผมชอบให้พี่นัดยุ่งเรื่องของผมนะ ผมจะได้รู้ว่ายังมีความสำคัญสำหรับพี่อยู่” นักร้องหนุ่มว่าเสียงหวานอย่างประจบ ซึ่งก็ได้เสียงตอบรับ ‘หึหึ’ จากอีกฝ่ายเป็นการตอบแทน

“เอาเถอะย่ะ พ่อคนปากหวาน มาๆ มาแต่งหน้าเร็วๆ จะได้เสร็จๆ ป่านนี้คุณเพลงมานั่งรอแล้วมั้งเนี่ย”

แทนกวียื่นหน้าไปให้อีกฝ่ายแต่โดยดี แต่ในหัวยังคงสลัดเรื่องที่คิดมาตลอดบ่ายไม่ได้

น้ำตาของผู้หญิงคนหนึ่ง และความอ่อนโยนของผู้ชายอีกคนหนึ่ง มันมีอะไรซ่อนอยู่หรือไม่ ทำไมป้าอ้วนต้องร้องไห้ แล้วทำไมพี่คีย์ถึงแสดงออกว่าใส่ใจเธอขนาดนั้น

มันเป็นความสงสัยที่รบกวนจิตใจของเขาเหลือเกิน

---------------------------------------------------------------------------

หลังการแต่งองค์ทรงเครื่องเกือบครึ่งค่อนชั่วโมง แทนกวีในเชิ้ตขาวเนื้อดีสวมทับด้วยสูทสีดำลำลอง พร้อมกางเกงขายาวสีน้ำเงินพอดีตัวและรองเท้าสีขาวทรงสปอร์ต ที่ทางฝ่ายสไตล์ลิสต์ได้เตรียมไว้สำหรับภาพลักษณ์นักร้องหนุ่มผู้มีสไตล์เป็นของตัวเอง ก็พร้อมสำหรับการถ่ายทำ ขณะที่นิยมการซึ่งยืนอยู่หน้าตู้ลิ้นชักปลายเตียง ตรวจความเรียบร้อยของอีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้าย เสียงแว่วของท่วงทำนองที่คุ้นหู ก็ดังขึ้นจากภายนอก

แทนกวีหยุดนิ่ง ก่อนตั้งใจฟัง... นี่มันเป็นเพลงของเขา!?!

ชายหนุ่มจึงมองหน้าผู้จัดการส่วนตัว ฝ่ายนั้นพยักพเยิดให้ออกไปดูด้วยกัน ทั้งสองจึงก้าวออกจากห้องที่อยู่ทางปีกซ้ายของปราสาท ผ่านทางเดินที่ปูพรมสีแดงไปยังโถงตรงกลางซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องรับประทานอาหาร ขณะที่เสียงเพลงค่อยๆ ดังชัดขึ้นเรื่อยๆ

แล้วภาพที่ปรากฏตรงหน้า ก็ทำให้นักร้องหนุ่มถึงกับชะงัก

ไม่ใช่ความงดงามของเจ้าหญิงผู้เลอโฉมจากเทพนิยายที่ร่ายมนต์แก่เขา แต่เพราะท่วงท่าสง่างามของหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งกำลังไล่ปลายนิ้วไปบนแกรนด์เปียโนตัวใหญ่นั่นต่างหาก ที่ตรึงให้เขายืนค้างอยู่กับที่
ผู้หญิงร่างอวบในเดรสสีดำคอกว้าง ซึ่งกำลังถ่ายทอดบทเพลงรักแสนหวานที่เขาแต่ง ด้วยท่วงทำนองพลิ้วไหวแต่ฟังแล้วเศร้าจับใจ ใช่คนเดียวกับป้าแก่ตัวอ้วนขี้โวยวาย ที่ดูรังสรรค์สุนทรียะใดๆ ไม่ได้... คนที่เขาอยู่ด้วยมาตลอดวันจริงหรือ!?!

ขณะเดียวกัน คนซึ่งกำลังปล่อยอารมณ์แสนเศร้าไปกับตัวโน้ตในเพลงที่เคยเล่นมาก่อน เงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อรู้สึกว่ามีใครจ้องมอง แล้วชายหนุ่มร่างสูงในสูทเนื้อดีที่ทอดสายตามายังเธอแน่วนิ่ง ก็ทำให้การซ้อมเปียโนของเธอต้องหยุดกลางคัน ผู้ชายตรงหน้าคือเด็กหนุ่มมาดกวนที่คอยยั่วประสาทเธอตลอดเช้าจริงหรอ!?!

ต่างฝ่ายต่างมองกันอย่างตกตะลึง ผ่านแกรนด์เปียโนตัวใหญ่ที่กั้นกลาง





ปลายสี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 เม.ย. 2555, 00:25:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 เม.ย. 2555, 00:25:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1912





   บทที่ 8 >>
Auuuu 30 เม.ย. 2555, 00:31:19 น.
ไอ้หย่ะะะ มีแอบปิ๊งปั๊งกันแน่เลยยยยย วู้วๆๆๆๆๆ


roseolar 30 เม.ย. 2555, 10:14:56 น.
เรื่องนี้เดาใจคนเขียนไม่ถูกเลย ตกลงใครเป็นพระเอกกันแน่ อร๊ายยยย อยากรู้


nunoi 30 เม.ย. 2555, 10:52:51 น.
ตะลึงกันทั้งคู่ แล้วตกลงใครคู่ใครหล่ะเนี๊ยะ พระเอกคือใครหนอ


โฉมฉาย 30 เม.ย. 2555, 11:37:28 น.
เราเชียร์แทนนะๆ


ม่านฝัน 30 เม.ย. 2555, 14:50:50 น.
รอต่อไปค่ะ


ปอยฝ้าย 30 เม.ย. 2555, 21:48:56 น.
คีตภัคก็ดีนะ ดูรวยดี


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account