รถด่วนขบวนสุดรัก
ชีวิตนี้เคยต้องรออะไรนานๆ มั้ยคะ โดยเฉพาะรอดูว่าเมื่อไหร่พ่อเนื้อคู่ตุนาหงัน โซลเม็ทของฉันจะโผล่มาเซอร์ไพรส์ในชีวิตจริงเสียที เพราะนั่งรอ นอนรอ ตบยุงรอมาก็หลายปีดีดักแล้ว รอไปก็กังวลไป สงสัยว่าชาตินี้ฉันคงจะได้ขึ้นคานแหงๆ
การรอคอยบางทีทรมานกว่าผลลัพธ์ แต่ถ้าผลลัพธ์ออกมาดีเหมือนรถด่วนขบวนสุดรักขบวนนี้ บางที...การ (อดทน) รอก็อาจจะให้ดอกผลที่น่าชื่นใจกว่าก็ได้
อย่าไปกังวลเลยค่ะว่าเราจะไปไม่ทันรถด่วนขบวนสุดท้ายหรือเปล่า ขอให้พากันสมัครใจไปกับ รถด่วนขบวนสุดรัก กันดีกว่า


Dear someone,

If love (still) kept you standing at the station when the last train's gone by…, then I thought maybe walking was better ‘coz we were the master of our choices.

So, do you wanna walk…?


Tags: เนื้อคู่ รถด่วนขบวนสุดท้าย ณนวล มัชฌิชา ภาณุวัฒน์

ตอน: ♥ บทที่ 1

ค็อกเทลสีส้มสวยถูกยกมาเสิร์ฟเมื่อสิบห้านาทีที่แล้ว บัดนี้เหลือแต่ก้อนน้ำแข็งที่เริ่มละลายจนจางไม่เหลือรส แม้แต่เสี้ยวส้มที่ตอนแรกตกแต่งมาเสียสวย ก็มีอันหมดท่าอยู่แทบก้นแก้วด้วยแรงกระแทกกระทั้นจากปลายหลอดเนื้อแข็งที่เจ้าของมือเรียวบางตั้งใจกระทุ้งลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า ...ด้วยความขัดเคืองใจ

สิบเอ็ด สิบสอง สิบสาม สิบสี่ สิบห้า... ฉันชักจะหมดความอดทนกับนายแล้วนะ นายยศพล ถ้านับถึงยี่สิบเมื่อไหร่ นายยังไม่โผล่หัวมาอีกล่ะก็ น่าดู ! หญิงสาวขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจก่อนจะเปลี่ยนมาเคาะเล็บเคลือบสีสวยกับขอบโต๊ะเป็นจังหวะเร่งเร้าราวกับเข็มนาฬิกาที่กำลังนับเวลาถอยหลัง เตรียมระเบิด!

ระหว่างรอพ่อยอดชายรายล่าสุดที่เจ้าหล่อนกำลังคบหาอยู่ตอนนี้ มัชฌิมาก็อาศัยฆ่าเวลาด้วยการไล่กวาดสายตาไปรอบๆ ร้าน ทีแรกก็มองดูอะไรไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะสะดุดเข้ากับสายตาคมหวานคู่หนึ่งซึ่งทอดมองมาอย่างมีความหมาย

เสียใจย่ะ ! ถึงมัชฌิมาจะขึ้นชื่อว่าเปลี่ยนคนควงมาแล้วหลายราย แต่ก็ไม่เคยมีประวัติเจ้าชู้ หลายใจ คบใครทีละหลายคนเลยสักที ถึงจะบอกกับตัวเองอย่างนั้น แต่หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบตามองไปยังเจ้าของโต๊ะริมประตูนั้นอีกหนหนึ่ง คราวนี้ แทนที่จะได้สบกับแววตาหวานซึ้งเจือรอยระริกไหวของชายหนุ่มหน้าสวย มัชฌิมากลับเจอประกายตาคมเข้มจนเกือบดุของผู้ชายอีกคนมองกลับมาแทน นัยน์ตาดุๆ ที่ไม่บ่งรอยแย้มหัวเลยสักนิด

เชอะ ! แค่มองนิดมองหน่อย ทำเป็นหวง ผู้ชายสมัยนี้เป็นอะไรกันไปหมดแล้วเนี่ย...
หล่อนแอบเบ้ปากใส่หนึ่งที ก่อนจะแสดงอาการว่าหมดความสนใจในตัวผู้ชายทั้งสองคนนั้นไปในที่สุด ผู้ชายสองคนที่มีบุคลิกต่างกันโดยสิ้นเชิง คนหนึ่งรูปร่างดูสูงใหญ่ ผิวเข้ม แววตาคมกล้าที่ฉายในใบหน้าคมสันบ่งบอกความมุ่งมั่น จริงจัง ในขณะที่ชายหนุ่มอีกคนดูบอบบางกว่า สำอางกว่า และประกายตาไหวระริกคล้ายแสงไฟตกล้อผิวน้ำนั้นก็ยิ่งส่งให้เจ้าดูคล้ายหนุ่มเจ้าสำราญเข้าไปใหญ่ แต่โดยความเป็นจริงแล้ว มัชฌิมาคงจะเข้าใจอะไรผิดไป บางทีนายหน้าสวยนั่นอาจจะเป็นสาวเจ้าสำราญแทนก็ได้ ใครจะไปรู้

“ว่าไง นายใหญ่”

“อย่างแม่สาวโต๊ะนั้นน่ะ ท่าทางพอจะเป็นคู่หมั้นกำมะลอของนายได้มั้ย” นายใหญ่ หรือภาณุวัฒน์หันไปมองเจ้าของร่างสูงโปร่งในชุดเดรสเหลืองมะนาวอย่างเสียไม่ได้

“ไม่ไหวว่ะ”

“นายก็รู้นี่หว่า ว่าฉันไม่ชอบผู้หญิงไวไฟ” ชานนท์เกือบหลุดสำลักกับวาจาจัดจ้าน ไร้อารมณ์ของเพื่อนรัก ถ้าไม่ติดว่าเขาคบหากับภาณุวัฒน์มานานเสียจนรู้นิสัยปากร้าย แต่ไม่มีพิษภัยของเพื่อนดีอยู่แล้ว

“นายก็พูดเกินไป เค้าไปทำอะไรไวไฟให้นายเห็นตั้งแต่เมื่อไหร่กันวะ” ชานนท์ท้วงยิ้มๆ

“ก็ไอ้ที่ทำเล่นหู เล่นตากับนายน่ะ ถ้าไม่ให้ฉันเรียกว่าไวไฟ แล้วจะให้เรียกว่าอะไรดีล่ะ”

“ไอ้บ้า ก็ฉันไปมองเค้า แล้วเค้าก็เลยมองฉัน มันเล่นหู เล่นตาตรงไหนวะ”

“เออ ช่างเถอะ เอาเป็นว่าแบบนี้ไม่ใช่สเป็กก็แล้วกัน” ชายหนุ่มตัดบทพร้อมยกแก้วเทบรั่นดีลงคอรวดเดียวหมด

“ทีอย่างนี้ละทำเป็นไม่ใช่สเป็ก”

“ชอบนัก ไอ้ประเภทหงิมๆ ใสซื่อ แต่สุดท้ายก็ทิ้งไปหา...” ชานนท์ละไว้ไม่พูดต่อ เพราะไม่อยากจะทิ่มแทงใจดำเพื่อนจนเกินไป แค่โดนแฟนสาวที่เพิ่งเข้าวงการทิ้งไปมีแฟนใหม่มันก็เจ็บช้ำน้ำใจจนแทบกระอักพออยู่แล้ว

มัชฌิมามองหน้าปัดนาฬิกาข้อมืออีกครั้งหนึ่ง สามทุ่ม สิบห้า ให้เวลาอีกห้านาที ถ้าเข็มยาวชี้ไปแตะเลขสี่เมื่อไหร่ ก็เป็นอันว่าหมดเวลาสำหรับผู้ชายชื่อยศพลกันเสียที วันนี้เป็นวันครบรอบสามเดือนที่คบกันมา จะว่าไปแล้วหล่อนเองก็ไม่ได้เห็นว่าวันครบรอบมันจะสลักสำคัญอะไรสักเท่าไหร่ แต่ไหนๆ ยศพลก็อุตส่าห์กระตือรือร้น ให้ความสำคัญกับมันทั้งที มัชฌิมาก็เลยไม่เห็นเหตุผลที่ควรปฏิเสธ แถมยังอุตส่าห์แอบบวกคะแนนเพิ่มให้อีกนิดๆ ในฐานะที่ดูท่าแล้วยศพลน่าจะเป็นคู่รักที่โรแมนติกและละเอียดอ่อนอยู่พอใช้ แต่ไอ้การที่เจ้าตัวต้นเรื่องปล่อยให้หล่อนต้องมานั่งรอเซอร์ไพรส์ร่วมครึ่งค่อนชั่วโมงแบบนี้ เห็นทีคะแนนจะกลับไปติดลบเสียมากกว่า

กฎข้อแรก มัชฌิมาเกลียดคนไม่รักษาสัญญา ไม่รักษาคำพูด !

มัชฌิมารู้จักกับยศพลครั้งแรกจากการแนะนำของเพื่อนคนหนึ่ง เพื่อนสาว ผู้ซึ่งกลัวแทนเหลือเกินว่ามัชฌิมาจะกลายเป็นสินค้าค้างสต็อกขายไม่ออกจนถึงวันหมดอายุ ปาจารีย์จึงไม่เคยรีรอเลยสักครั้งที่จะจัดแจงงัดทุกกลยุทธ์มาช่วยเพื่อนหลอกล่อชายหนุ่มผู้มีโชค(ร้าย) เสียเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นใช้เวิร์ด ออฟ เม้าท์ โฆษณาสรรพคุณเลิศเลอเกินจริง จัดโปรโมชั่น ไบลด์ ปาร์ตี้ ดูตัว-นัดบอดให้เสร็จสรรพ แถมยังอุตส่าห์ทำซี อาร์ เอ็ม รักษาความสัมพันธ์และความภักดีต่อตราสินค้าให้อีกต่างหาก (นอกจากนั้นยังตั้งท่าว่าจะขายขาด ซื้อแล้วไม่รับเปลี่ยน - รับคืนเสียอีกด้วย) แสนจะทำมาสารพัดวิธีทั้งที่มัชฌิมาไม่เคยร้องขอเลยสักนิด เอาเข้าจริงหล่อนติดจะรำคาญด้วยซ้ำไป เคยออกปากต่อว่าต่อขานกันมาหลายครั้งแต่ปาจารีย์ก็ไม่เคยสลด ดูเหมือนแม่เพื่อนสาวจะช่างเป็นห่วงเป็นกังวลเหลือเกินว่าชาตินี้มัชฌิมาจะไม่มีปัญญาหาสามีเองได้

ไม่รู้ว่าจะเป็นห่วงอะไรนักหนา กะอีแค่สามีคนเดียว ถึงหาไม่ได้ หล่อนก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรให้ต้องเดือดเนื้อร้อนใจเลยสักนิด แต่ดูเหมือนว่าปาจารีย์จะไม่คิดเช่นนั้น แค่เวลาไม่ถึงสองปี ยัยปอหรือปาจารีย์ก็พยายามผลักดันผู้ชาย (ที่ดูท่าว่าจะดี) ทั้งหลายให้เข้ามาวนเวียนอยู่ในวงจรชีวิตของมัชฌิมามาสักห้ารายได้แล้วมั้ง ไม่ใช่สิ ลองนึกดูดีๆ แล้วหกรายต่างหาก

ผู้ชายแสนดีหกรายที่ปาจารีย์ชักจูงเข้ามาให้มัชฌิมาผลักกระเด็นออกไปจากชีวิต !

ก็แหม... ดูแต่ละคนสิ ใช้ได้ที่ไหน

รายแรกสุดที่ปาจารีย์ริจะทำตัวเป็นบริษัทจัดหาคู่ ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกว่าจะเป็นเพื่อนเก่าตั้งแต่สมัยเรียนชั้นมัธยมปลายของยัยปอเอง ชื่ออะไรหล่อนก็จำไม่ได้แล้ว จำได้ฝังใจอยู่อย่างเดียวว่าเป็นคุณหมอหนุ่ม อนาคตไกล ใจซื่อ มือสะอาด ...มือสะอาดเสียจนหล่อนอยากหนีไปอยู่ให้ไกลๆ เลยทีเดียว
ก็คุณหมอแกเล่นรักความสะอาดจนเข้าขั้นโรคจิตเสียขนาดนั้น ใครจะไปทนไหว
จะหยิบจะจับอะไรแต่ละทีก็ต้องวิ่งไปล้างมือมาเสียก่อน ก่อนจะกินก็ต้องล้างมือ หลังกินเสร็จก็ต้องล้างมือ เพิ่งจะออกมาจากห้องน้ำก็ยังต้องวิ่งกลับไปล้างมือ ขนาดเดินจับมือกับหล่อนอยู่ดีๆ คุณหมอแกยังแอบวิ่งหนีไปล้างมือเลย ขืนคบกันนานไปกว่านี้ หมอแกคงเห็นหล่อนเป็นตัวเชื้อโรคเข้าสักวัน นี่ขนาดไม่นับว่าหล่อนอาจจะเป็นฝ่ายประสาทกินตายไปเสียก่อนอีกต่างหาก

มัชฌิมาถึงขั้นประกาศกร้าวกับแม่สาวเพื่อนจอมเจ้ากี้เจ้าการของหล่อนว่า ถ้ารักจะคบกันต่อไป อย่าได้ริแนะนำหมอที่ไหนมาให้หล่อนรู้จักอีก

กฎข้อสอง มัชฌิมาเกลียดคนรักความสะอาดจนเกินเหตุ !

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายัยปอจะรู้จักเกรงกลัวกับคำปะกาศิตของหล่อนบ้างหรือเปล่า เพราะหนุ่มโชคร้ายรายต่อมาที่ปาจารีย์ชักพามาให้หล่อนรู้จักเป็นสัตวแพทย์

คราวนี้ดีกว่าเก่าหน่อยตรงที่คุณหมอรายนี้ไม่รักความสะอาดจนขึ้นสมองเสียจนหล่อนต้องมานั่งอกสั่นขวัญแขวนว่าตัวเองจะถูกราดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเข้าสักวัน โทษฐานที่คุณหมอแกเกิดเห็นว่ามัชฌิมากลายเป็นตัวอะมีบาจำพวกหนึ่งไปเสียแล้ว

คุณหมอคนนี้รักความสะอาดในระดับปกติ ท่าทางสุภาพเป็นนิสัย รูปร่างหน้าตาก็ดี สูงๆ ขาวๆ ตี๋ๆ ชนิดว่าให้ไปเล่นละครเป็นเพื่อนพระเอกก็คงพอได้ แถมยังอ่อนโยน ใจดี มีเมตตาต่อสัตว์อีกต่างหาก

สาเหตุที่ทำให้หล่อนทนคุณหมอคนนี้ไม่ได้ ก็เป็นเพราะความใจดีมีเมตตาต่อสัตว์ของคุณหมอนี่แหละ !

ใช่ว่ามัชฌิมาจะเกิดมาเป็นผู้หญิงใจทมิฬหินชาติ ไม่รู้จักรักและเมตตาต่อสัตว์โลกเสียเมื่อไหร่ แต่สำหรับคุณหมอรายนี้ หล่อนคิดว่ามันออกจะมากเกินไปหน่อย

ไอ้การที่คุณหมอจะขี้สงสาร เห็นหมาแมวถูกทิ้งขว้างอยู่ที่ไหนก็เป็นอันต้องเก็บมาเลี้ยง มาดูแลเองเสียหมด จนที่บ้านเกือบจะกลายเป็นแอนนิมอล ฟาร์ม เข้าไปทุกทีแล้วหล่อนก็ไม่เคยเห็นขัด แถมยังแอบมองด้วยความชื่นชมอีกต่างหากว่าคุณหมอแกช่างอ่อนโยน ใจดีมีเมตตาอย่างยากที่จะหาได้ง่ายๆ ในหมู่ผู้ชายสมัยนี้

แต่เริ่มมาตาสว่างว่าหมอชักจะรักสัตว์มากเกินไปหน่อยแล้ว ก็อีตอนที่หล่อนแพ้อาหารจนเกิดอาการอาหารเป็นพิษเข้านี่แหละ ถึงได้ซึ้ง...

ตอนนั้นคุณหมอแกอยู่ที่คลินิก มัชฌิมาโทรไปบอกให้คุณหมอมาช่วยพาหล่อนไปหาหมอหน่อย เพราะคุณแกเป็นหมอสัตว์คงจะรักษาอาการให้หล่อนเองไม่ได้แน่ คุณหมอแกก็ดีอยู่หรอกนะ ท่าทางเป็นกังวลกับอาการของหล่อนมาก ก ก ก... ก่อนจะถามต่อว่ารอก่อนได้ไหม หมอกำลังจะทำหมันให้หมาอยู่

มัชฌิมาถึงบางอ้อก็คราวนี้ หล่อนอาหารเป็นพิษ อาเจียนจนเกือบขาดใจตาย หมอบอกให้รอก่อน เพราะหมอจะทำหมันให้หมา และหมามันรอไม่ได้ !

คราวนี้หล่อนประกาศกร้าวกับแม่เพื่อนสาวตัวแสบอีกหนว่า จะหมอคน หมอหมา ! ก็อย่าได้ริมาแนะนำให้หล่อนรู้จักอีก ไม่อย่างนั้นล่ะก็ หล่อนนี่แหละจะส่งยัยปอไปให้หมอหมาทำหมันแทนเสียเลย

กฎข้อสาม มัชฌิมาเกลียดคนที่เห็นว่าหมาสำคัญกว่าหล่อน !

หลังจากหนนั้นแล้ว ปาจารีย์ก็จ๋อยๆ ไปอยู่ช่วงหนึ่งก่อนจะกลับมากระดี๊กระด๊ากับบทแม่สื่อแม่ชักอีกครั้ง คราวนี้เป็นสถาปนิกหนุ่มใหญ่ เพื่อนรุ่นพี่ของพี่ชายคุณอาณัติ –สามีสุดที่รักของยัยปอเอง อันที่จริงจะโทษว่าเพื่อนเป็นคนชักนำมาก็คงจะไม่ถูกนัก เรียกว่าหล่อนรนหาที่เองจะถูกกว่า

มัชฌิมาเจอกับศรายุธครั้งแรกที่งานแต่งงานของยัยปอกับคุณอาณัติเมื่อต้นปีที่แล้ว งานแต่งงานที่มีทั้งลอดซุ้มกระบี่และโยนช่อดอกไม้อย่างที่หล่อนเคยใฝ่ฝันถึงมาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นแค่เด็กสาวที่โตมากับนิทานปรัมปราของเจ้าหญิง-เจ้าชาย และนิยายรักประโลมโลก

งานแต่งงานที่ช่างบังเอิญเหลือเกินว่าช่อกุหลาบขาวที่ลอยมาตกอยู่ในมือของหล่อนและศรายุธในวันนั้นดันเป็นบูเก้ต์ช่อเดียวกัน ช่อดอกไม้เสี่ยงทายจากเจ้าสาว !

จังหวะที่สบตากันในวันนั้น รวมทั้งเหตุการณ์ประจวบเหมาะทั้งหลายทำให้มัชฌิมาถึงกับเพ้อไปเองว่าศรายุธนี่แหละ คู่แท้ที่ฟ้าประทานลงมาให้ ยัยปอก็เลยได้กลายเป็นเทพอุ้มสมชั้นดีไปในพริบตา ทั้งเรื่องที่โยนดอกไม้ในมือมาให้ เพื่อที่หล่อนจะได้กลายเป็นเจ้าสาวคนต่อไป แล้วแถมยังช่วยหาเจ้าบ่าวให้ด้วยอีกพร้อมสรรพ

ก็ไม่รู้ด้วยเหตุผล (เล่ห์) กลใด (บ้าง) สามเดือนหลังจากนั้น ศรายุธก็กลายมาเป็นคู่รักในฝันของหล่อนในที่สุด เป็นคนรักที่รักษาสัญญา ไม่เคยทำเหมือนเวลาในชีวิตของคนอื่นไม่มีความหมาย เป็นผู้ชายแมนๆ ที่ไม่อนามัยจัดจนน่าสงสัย และไม่เห็นเคยลูกหมาลูกแมวที่ไหนสำคัญเกินหน้าหล่อนไปได้
ติดอยู่แค่นิดเดียวว่า... ศรายุธไม่รักหล่อนจริง เท่านั้นแหละ !

ถ้าไม่นับอาการอกหักครั้งแรกในชีวิตจากผู้ชายไม่รักษาสัญญาคนนั้น ก็เพิ่งจะมีอีตาศรายุธนี่แหละที่ทำให้หล่อนอกหักจริงๆ ได้อีกครั้งหนึ่ง มัชฌิมาร้องไห้อาลัยอาวรณ์ความรักแสนหวานที่มีอายุสั้นเพียงครึ่งขวบปีของหล่อนอยู่หลายวันเลยทีเดียว

จะว่าไป ศรายุธเองก็ไม่เคยบอกว่าจะมีหล่อนเพียงคนเดียว ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรเลยสักนิดที่อยู่มาวันหนึ่งมัชฌิมาจะค้นพบความจริงว่าศรายุธมีเมียเก่าที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหย่าขาดอยู่ก่อนแล้ว

ความจริงข้อนี้ทำให้ยัยปอกับสามีแทบจะไม่กล้าสู้หน้าหล่อนเลยทีเดียว อันที่จริงมัชฌิมาก็อยากจะโกรธอยู่หรอกนะ แต่สุดท้ายก็ไม่รู้จะโกรธไปทำไม ในเมื่อยัยปอกับคุณอาณัติ หรือแม้แต่พี่ชายของคุณอาณัติเองก็ไม่ได้รู้เรื่องพวกนี้มาก่อนเหมือนกัน และถึงยังไงหล่อนก็ไม่เคยมีความคิดว่าจะต้องเลิกคบกับเพื่อนไปเพียงเพราะเรื่องงี่เง่าที่มีผู้ชายเป็นตัวต้นเหตุอยู่แล้ว

พอเห็นท่าว่าหล่อนไม่คิดจะถือหาสาความเข้าหน่อย ยัยปอก็ชักจะเอาใหญ่ ยังมีหน้ามาบอกอีกนะว่าเดี๋ยวเจ้าหล่อนจะหาคนดามหัวใจคนใหม่ให้หล่อนเอง เอาชนิดที่ว่ายังเป็นผู้ชายบริสุทธิ์อยู่เลยทีเดียว (ซึ่งมัชฌิมายังสงสัยอยู่ว่าแม่เพื่อนสาวตัวดีจะพิสูจน์ความจริงในข้อนี้ได้ยังไง)

...ไอ้ผู้ชายบริสุทธิ์ผุดผ่องที่แกว่าน่ะ จะไปหามาจากไหน หวังว่าคงไม่ได้คิดจะไปขอเด็กอ่อนมาให้ฉันเลี้ยงต้อยตั้งแต่ยังไม่หัดเดินหรอกนะแก

เอาน่า... อยู่เฉยๆ เถอะ ฉันหาให้หล่อนได้ก็แล้วกัน ปาจารีย์เถียงหล่อนมาอย่างนี้ ก่อนจะแนะนำผู้ชายรายที่สี่ให้หล่อนรู้จักอีกจนได้

ทินกรคือผู้เคราะห์ร้ายรายนั้น อะไรก็ดีไปหมดทุกอย่าง เสียอยู่อย่างเดียวว่าทินกรไม่อดทนต่อหล่อนได้มากพอเท่านั้นแหละ !

มันช่วยไม่ได้จริงๆ นี่นา ที่บังเอิญมัชฌิมาจะเกิดมาเป็นผู้หญิงหน้าตาดี คุณสมบัติเพียบพร้อม เพอร์เฟ็กต์ ประเภทสวยเลือกได้ ก็เลยค่อนข้างจะเอาแต่ใจไปสักนิ้ด ด ด แค่นิดเดียวเองจริงๆ

ผู้ชายที่จะอยู่กับหล่อนได้ มัชฌิมาไม่ได้เรียกร้องเอาคุณสมบัติดีเด่อะไรมากมายหรอก แค่ช่วยเข้าใจอะไรง่ายๆ หน่อยก็แล้วกันว่าคนอย่างมัชฌิมาพูดคำไหนเป็นคำนั้น ถ้าบอกว่าไม่ไป คือ ไม่ไป ถ้าบอกว่าใช่ก็หมายความว่าต้องใช่ และถ้าไม่ก็คือไม่ ไม่ต้องมาเซ้าซี้ซ้ำซากอีก
อีกอย่าง ถ้าวันไหนหล่อนเกิดเตือนว่าอย่าขัดใจก็หมายความเอาตามนั้นจริงๆ ห้ามขัดใจ ห้ามเถียง ห้ามต่อรองให้หล่อนต้องเกิดอาการสวยไม่สบอารมณ์ขึ้นมา เห็นไหม เรื่องง่ายๆ เท่านี้เอง

แต่ดูเหมือนทินกรจะเป็นผู้ชายที่เข้าใจอะไรได้ยากเย็นเสียเหลือเกิน

เวลาหล่อนบอกว่าอยากไปเที่ยว ไปช้อปปิ้ง ไปดูหนัง ก็ไม่ยอมพาไป อ้างนู่น อ้างนี่อยู่ได้ เดี๋ยวก็ต้องทำงาน เดี๋ยวก็ติดธุระ ต้องให้บ่น ให้โวยวายใส่เสียก่อน แล้วอีตอนที่หล่อนบอกว่าไม่มีอารมณ์ ไม่อยากไปก็กลับจะมาจู้จี้ เซ้าซี้กันอยู่ได้ ไม่รู้หรือไงว่ามันน่ารำคาญแค่ไหนที่ต้องทนพูดเรื่องเดิมซ้ำๆ ซากๆ เหมือนคนปัญญาอ่อนอยู่อย่างนั้น แล้วอย่างนี้จะมาหาว่าหล่อนมีนิสัยชอบวีนแตกได้ยังไง พูดไม่รู้จักดูตัวเองเสียบ้าง

ความสัมพันธ์ลุ่มๆ ดอนๆ ในหนึ่งเดือนแรกผ่านไป ทินกรก็เดินเข้ามาบอกกับหล่อนว่า เราเลิกกันเถอะ ผมทนคุณต่อไปไม่ไหวแล้ว...

เชอะ! เลิกก็เลิกสิยะ แต่ฉันต่างหากล่ะที่ต้องเป็นคนพูดคำนั้นน่ะ

กฎข้อห้า มัชฌิมาเกลียดผู้ชายที่บอกว่าอดทนหล่อนต่อไปไม่ไหวแล้ว !

หมดจากรายทินกรแล้วยัยปอเลยถือโอกาสเป็นฝ่ายต่อว่าโวยวายใส่หล่อนคืนเอาบ้าง หาว่ามัชฌิมาชอบทำตัวไม่น่ารักน่าใคร่ ชอบทำนิสัยเสียใส่จนผู้ชายเปิดหนีกันไปหมด ไอ้เรารึอุตส่าห์เลือดตาแทบกระเด็นหาผู้ชายมาประเคนให้ถึงปากแล้วเจ้าหล่อนยังจะถุยทิ้งอีก

ขอโทษทีนะยะ... ข้อแรก ฉันไม่ได้ร้องขอให้แกทำให้ และข้อสอง ผู้ชายแต่ละคนที่แกหามา ฉันยังไม่เห็นว่ามีใครดีพอจะผ่านมาตรฐานไอ เอส โอ เก้าหมื่นสี่พันห้าของมัชฌิมาได้เลยสักคน เห็นหรือยังว่ามันความผิดใครกันแน่ !

อ๋อ เหรอยะ... ปาจารีย์ย้อนกลับมาได้แค่นั้น

ดูจากแววตาตวัดค้อนด้วยความหมั่นไส้ในวันนั้นแล้ว มัชฌิมานึกเอาเองว่ายัยปอคงจะเลิกเจ้ากี้เจ้าการจัดหาคู่ให้กันเสียที แต่ดูเหมือนว่าถ้ายังไม่เห็นมัชฌิมาเป็นฝั่งเป็นฝาไปกับผู้ชายสักคน แม่เพื่อนรักของหล่อนคงไม่มีวันนอนตายตาหลับลงได้

แล้วยศพลก็ตามมาเป็นรายล่าสุด

แต่คราวนี้ปาจารีย์ถึงขั้นออกปากขู่สำทับกับมัชฌิมาว่า ยศพลนี่ล่ะ รถด่วนขบวนสุดท้ายของหล่อนแล้ว

...ฉันขอยื่นคำขาดกับแกเลยนะ ยัยมัช นายยศพลนี่เป็นรายสุดท้ายแล้ว ผู้ชายฉันหมดสต็อกแล้วนะยะ ช่วยทำตัวดีๆ ให้ผู้ชายอยากรักหน่อยนะแก เดี๋ยวก็แก่จนลงจากคานเองไม่ไหวหรอก รถด่วนขบวนสุดท้ายน่ะ ผ่านแล้วก็ผ่านเลย หมดแล้วก็หมดเลยนะยะ

มัชฌิมาเงยหน้าขึ้นมาจากเข็มนาฬิกาที่บัดนี้เดินทางไปถึงเลขสี่เป็นที่เรียบร้อยมาพักใหญ่แล้วก็บังเอิญได้เห็นว่ามีช่อกุหลาบดอกโตสีแดงสดยื่นรออยู่ตรงหน้าพอดิบพอดี

“ขอโทษทีนะฮะ มัช ดันมีประชุมด่วนเข้ามาพอดี ผมรีบมาแทบแย่” ยศพลรีบบอกหลังจากที่ส่งกุหลาบแดงช่อนั้นมาให้ และจัดแจงนั่งลงข้างๆ หล่อนเรียบร้อยแล้ว

“มัช สั่งอะไรทานหรือยัง เดี๋ยวผมสั่งให้นะฮะ เอาแบบอร่อยที่สุด แพงที่สุดในร้านเลย”
ยศพลเสนออย่างเอาอกเอาใจกันเต็มที่

“ไม่ต้องหรอกค่ะ พล”

“อ้าว ทำไมล่ะฮะ” ชายหนุ่มหน้าตาเหรอหรา ในขณะที่มัชฌิมายิ้มหวาน

“มันเลยเวลาทานอาหารของมัชมานานแล้วล่ะค่ะ”

“แล้วอีกอย่างนะคะ ถ้าเผื่อคุณจำไม่ได้...”

“กฎข้อแรก มัชไม่ชอบคนไม่รักษาสัญญา”

“แต่ผมก็มาแล้วนี่ไงฮะ”

“รวมถึง... คนไม่รักษาเวลาด้วยค่ะ เพราะฉะนั้น มัชคิดว่า เราคงจะไปด้วยกันไม่ได้”

“โธ่ อย่าจริงจังนักสิฮะ ผมรู้ตัวว่าผิด รู้ว่ามัชคงโกรธ แต่ผมก็อุตส่าห์เอาดอกไม้มา
ขอโทษคุณแล้วนี่ไง กุหลาบแดงที่สวยที่สุดในร้านเลยนะฮะ”

“กุหลาบแดงที่สวยที่สุดเลยเหรอคะ” มัชฌิมาทวนคำ ก่อนจะลุกยืนขึ้นช้าๆ ยังไม่ละรอยยิ้มหวานเจี๊ยบไปจากใบหน้า รอยยิ้มหวานหยดที่ทำให้ใบหน้างามดูใจดีจนน่าขนลุก

“คุณคงลืมไปแล้วมั้งคะว่ามัช –เกลียด-ดอก-กุ-หลาบ” หล่อนเน้นทีละคำเสียฟังชัด

“ลาก่อนค่ะ ยศพล”

หญิงสาวยิ้มหวานตบท้ายอีกครั้งหนึ่ง ท่าทางปลาบปลื้มเหมือนพนักงานที่พึงพอใจกับการปิดการขายที่แสนยอดเยี่ยมของตัวเอง ในขณะที่ลูกค้ารายล่าสุดของหล่อนได้แต่เหวอไปด้วยความคาดไม่ถึง

กฎข้อสี่ มัชฌิมาเกลียดดอกกุหลาบ

หญิงสาวเดินออกจากร้านอาหารร้านนั้นมา โดยไม่สะทกสะท้านเลยสักนิดว่าตัวเองได้พลาดรถด่วนขบวนสุดท้ายไปเสียแล้ว !






ณนวล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 พ.ค. 2555, 13:12:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 พ.ค. 2555, 21:43:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 1557





   ♥ บทที่ 2 >>
ดาวคันชั่ง 1 พ.ค. 2555, 13:35:00 น.
มาเจิมเป็นคนแรกเลย

นางเอกแนวอาร์ตตัวแม่ กับ พระเอกปากร้าย ท่าทางจะมีอะไรฮาๆ อีกแน่ๆ


ณนวล 1 พ.ค. 2555, 21:48:32 น.
ขอบคุณหลายๆ เน้อ ...เรามาตอบ comment ตรงนี้ไม่ผิดกติกาใช่ป่าววว ^^'


chanya 3 พ.ค. 2555, 12:50:58 น.
ตามมาอีกคน ^____^


ณนวล 3 พ.ค. 2555, 17:37:49 น.
ขอบพระคุณรุนช่องคร่า... ติดตามกันไปเรื่อยๆ นะค้า...เด้วคนเขียนรีบลง 3 ตอนรวดเลย หุหุ


pseudolife 4 พ.ค. 2555, 07:34:06 น.
โอ้ น่าสนุกมากจริงๆ


ณนวล 27 พ.ค. 2555, 00:56:33 น.
วันนี้ update 6 ตอนรวด อย่าลืมติดตาม ติชมกันด้วยนะคะ
^____^


phugan 27 พ.ค. 2555, 11:40:04 น.
น่าหนักใจแทนเพื่อนอย่างปอจริงๆ..555


icewinter 27 พ.ค. 2555, 19:15:09 น.
เพิ่งเข้มาอ่านค่ะ น่าติดตามค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account