ปล่อยหัวใจให้ชะตาลิขิต
เมื่อเธอเดินทางตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ โดยปล่อยให้ชะตาลิขิตเส้นทาง จนได้มาเจอเขา ชีวิตเธอกับเขาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
Tags: ชะตา

ตอน: Rose22

ปล่อยหัวใจให้ชะตาลิขิต ตอนที่ 22

ซีเซียครุ่นคิดอยู่หลายวัน สุดท้ายเขาก็เข้าไปหาน้องชายคนเล็ก เพื่อหาทางป้องกันเอาไว้

“มีอะไรหรือเปล่า” อูริย์มองพี่ชายคิดหนักมาหลายวัน

“พี่มีเรื่องอยากขอร้องนาย คืองี้นะ ต้นเดือนหน้าเจ้าหญิงรัชทายาททรงรับสั่งให้โรสเข้าเฝ้า พี่คิดว่าเรื่องน่าจะร้ายมากกว่าดี” ซีเซียบอกน้องชาย หลังวิเคราะห์มานาน

“มีอะไรกันแน่” อูริย์สับสนกว่าเดิม

“พี่อยากขอร้อง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น นายต้องรับปากพี่พาอันธอนกลับเมืองไทยทันที” ซีเซียพูดกับน้องชายน้ำเสียงเคร่งเครียด

“เรื่องคงไม่เลวร้ายอย่างนั้นหรอก ถึงจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าหญิงไม่มีทางทำร้ายเด็กหรอกนะ” อูริย์บอกพี่ชายอย่างไม่คิดมาก

“พี่รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่เกินไป แต่อันธอนควรอยู่เมืองไทย ถ้าเกิดอะไรขึ้น ที่นั่นมีญาติผู้ใหญ่ของโรส เขาจะช่วยกันดูแลอันธอนเอง ถ้าอยู่ที่นี่ ต้องมีเรื่องการเมือง ถึงตระกูลเราจะช่วยดูแลปกป้องได้ แต่เขาจะไม่มีอิสระ ถ้าอยู่เมืองไทย เขาจะมีอิสระ ได้เลือกทางชีวิตที่สันโดษและสงบสุข

พวกเราอยู่ที่นี่ด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบ แต่อันธอนโชคดี เขามีสายเลือดไทย เขายังมีอิสระที่จะเลือก เขาไม่ใช่ทหารราชองครักษ์ของประเทศสตาสเซีย พี่ไม่อยากให้เขาต้องอดทนอย่างอึดอัด” ซีเซียรู้ดีว่าอนาคตของสตาสเซียเริ่มน่าเป็นห่วง

“พี่คิดมากเกินไปหรือเปล่า เป็นเราไม่เห็นจะน่าอึดอัดตรงไหน” อูริย์พูดอย่างด้อยประสบการณ์

“เป็นนายต่างหากที่ไม่อึดอัด พี่กับอนา เราต่างก็ต้องเก็บทุกอย่างไว้ในใจ ปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบ จริงๆ พี่สองคนรู้สึกดีที่นายร่าเริงและมีอิสระนะ พี่สองคนไม่เคยคิดอยากให้นายเป็นทหาร แต่คุณพ่อก็ดีใจที่นายนึกอยากเป็นทหารเอง” ซีเซียวางมือทั้งสองข้างที่ไหล่ของน้องชายอย่างชื่นชม

“โธ่ พี่ ผมก็แค่ทำตามใจตัวเองก็เท่านั้น ผมก็มีสำนึก” อูริย์ทำท่าทางอายๆ

“ตกลงนายสัญญาแล้วนะ ว่าจะพาหลานกลับเมืองไทย” ซีเซียสรุปแบบกึ่งบังคับ

“ก็ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ผมพาไปทันที” อูริย์รับปากพี่ชาย แม้ในใจก็ไม่คิดว่าเจ้าหญิงรัชทายาทจะทำอะไรที่ไร้เหตุผลแบบนั้น

ซีเซียค่อยสบายใจ เมื่อน้องชายคนเล็กรับปาก เขาอยากให้ลูกชายเป็นอิสระจากการเมืองที่นี่ ถ้าเป็นคนไทย ลูกชายก็จะทำงานในสวนปันนาอินอย่างสมถะ ไม่ต้องเจอเรื่องวุ่นวายอย่างที่เขาเจอ

**************************************


เสียงถอนหายใจดังขึ้นเป็นระยะ นวาระนั่งอยู่ในรถของบ้านคารอฟสกี้ สวมเสื้อโค้ทตัวใหญ่แม้อากาศจะไม่หนาวมากสำหรับชาวสตาสเซีย แต่ก็หนาวมากสำหรับเธอ

“ถึงแล้วครับ” คนขับรถพูดเป็นภาษาอังกฤษ

นวาระลงไปแล้วก็มีคนมาต้อนรับ นั่นก็คือมาเรีย เธอพูดทักทาย แต่อีกฝ่ายทำนิ่งเฉย บอกให้เธอส่งเสื้อโค้ทให้คนรับใช้ ก่อนจะพาเธอเข้าไปพบกับเจ้าหญิงรัชทายาท

เธอแสดงความเคารพตามประเพณีสตาสเซีย แล้วยืนนิ่งอยู่นาน

“เราอยากให้เธอช่วยเลือกเครื่องประดับให้หน่อย มาสิ คุณนายคารอฟสกี้” เจ้าหญิงรัชทายาทพูดกับนวาระแล้วกวักมือเรียก

นวาระทำตาม แต่เธอไม่ถนัดเรื่องพวกนี้ ก็ได้แต่พูดยอมรับความจริง “หม่อมฉันไม่ถนัดเรื่องการแต่งตัวเพคะ”

“เห็นวันแต่งงานของหัวหน้าราชองครักษ์ เธอก็แต่งตัวได้เหมาะสมดีไม่ใช่เหรอ” เจ้าหญิงพูดอย่างใจเย็น

“หม่อมฉันไม่ได้แต่งเองเพคะ แม่สามี เอ่อ ท่านผู้หญิงคารอฟสกี้ให้คนมาจัดการทุกอย่างเพคะ” นวาระมองเครื่องประดับขณะตอบ เพราะไม่รู้ว่าจะเลือกอันไหนชิ้นไหนดี

“หยิบมาสักชิ้นสิ ยืนเฉยอยู่ได้ เจ้าหญิงทรงรับสั่ง มีหน้าที่ทำตามก็ทำสิ” มาเรียพูดเสียงเข้ม

นวารก็เลยเลือกชุดเครื่องประดับสีเหลืองอำพันมาชุดหนึ่ง เพราะชุดที่สวมมีสีน้ำเงินเข้ม แล้วถวายเจ้าหญิง

คาทริน่าชำเลืองมองชุดเครื่องประดับ ก่อนปัดมันอย่างแรงจนตกพื้นไปหมด “ของที่เธอแตะต้อง มันช่างดูไร้ค่าเสียจริงๆ”

ข้าหลวงทั้งหลายต่างก็ยิ้มเยาะ แต่นวาระก็แค่พูดขอโทษ แล้วหยิบเครื่องประดับใส่กล่องคืนให้

“คุณหญิงมาเรียเอาไปเก็บเถอะ แล้วอย่าลืมทำความสะอาดเสียล่ะ” คาทริน่าสั่งข้าหลวงเป็นภาษาอังกฤษให้นวาระเข้าใจ

นวาระพยายามใจเย็น เพื่อตระกูลคารอฟสกี้ และไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายในประเทศ

“ที่เรียกมา เพราะอยากรู้จักผู้หญิง ที่ทำให้อดีตหัวหน้าราชองครักษ์ทิ้งหน้าที่ความรับผิดชอบ ไปหาความสุขใส่ตัว ทำตัวไร้ความรับผิดชอบ” เจ้าหญิงตำหนิเสียงดัง

นวาระกลับนิ่งเฉยไม่พูดอะไร เพราะเธอเคยบอกสามีว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องระหว่างเขากับเจ้าหญิง

“เธอฟังภาษาอังกฤษไม่เข้าใจรึไง” มาเรียถามขึ้นเพราะเห็นเงียบ

“ฉันฟังรู้เรื่อง แต่ที่ไม่พูด เพราะไม่เคยอยากเข้าไปอยู่ในเรื่องที่สับสนนะ คุณหญิงชเมอร์คอฟสกี้ ฉันเป็นแม่ เป็นภรรยา เรื่องบางเรื่องของสามี ภรรยาไม่ควรเข้าไปวุ่นวาย ตราบที่เขายังทำตัวเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่ดี ใจเขาจะเป็นยังไง ฉันไม่คิดจะไปยุ่งด้วยค่ะ คุณหญิง” นวาระพูดด้วยน้ำเสียงฉะฉาน ทำให้คนอื่นรู้ว่าเธอแค่ไม่อยากพูดเท่านั้น

เจ้าหญิงตบมือเสียงดัง ก่อนลุกขึ้นมอง “ไม่คิดว่าคุณนายจะพูดเก่งอย่างนี้ เห็นปกติเงียบจะตาย”

“หม่อมฉันเป็นเพียงคนธรรมดา ที่ไม่พูดก็เพราะไม่อยากให้ทุกคนวุ่นวายใจเพคะ ขอทรงอย่าถือสาเลยเพคะ” นวาระพูดอย่างสงบ

“ปากก็ว่าไม่อยากวุ่นวาย แต่เหมือนตั้งใจพูดเสียดสีคนอื่นแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน” มาเรียพูดอย่างหงุดหงิด

“ที่ฉันไม่ค่อยอยากจะพูด ก็เพราะฉันเป็นคนพูดตรงๆ ฉันไม่คิดจะพูดเสียดสี ตามศาสนาฉัน การพูดเสียดสีเป็นบาป เพราะงั้นฉันก็แค่พูดความจริงเท่านั้น คุณก็ลองคิดให้ดีสิ คุณหญิง ผู้ชายอย่างซีเซียมักยึดถือหน้าที่มาก่อนเรื่องหัวใจเสมอ ฉันกับเขาอยู่ด้วยกัน เราต่างก็เคารพหน้าที่ของกันและกันเท่านั้น” นวาระพูดตามตรง

“ตลก! ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอกับเขาไม่เคยมีอะไรกันเลยตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ผู้หญิงไม่มียางอายอย่างเธอที่ใช้ลูกมาผูกมัดเขา ไม่มีทางหรอก” มาเรียกลับต่อว่ารุนแรง

“หุบปากนะ! คุณหญิงชเมอร์คอฟสกี้ รักษามารยาท เธอเป็นถึงราชเลขาฯ จะลดตัวไปพูดจาแบบนั้นไม่ได้” เจ้าหญิงคาทริน่าพูดเสียงเรียบ

“ขอประทานอภัยเพคะ เจ้าหญิง” มาเรียรีบขอโทษทันที

“เธอไม่มีปัญหาที่เขารักผู้หญิงคนอื่นเลยเหรอ บางทีเขาอาจมีผู้หญิงอื่นก็ได้” เจ้าหญิงพูดแล้วจ้องมองอย่างหาคำตอบ

“หม่อมฉันไม่มีปัญหาเรื่องที่เขารักคนอื่น หม่อมฉันรู้ว่าชีวิตคู่ไม่ได้มีแค่ความรัก ชีวิตคู่ที่ดีต้องมีมากกว่ารัก และไม่ได้มีแค่ความอดทน คนเรารักได้ หมดรักได้ อดทนได้ ก็หมดความอดทนได้ คนเราต้องยอมรับกันและกัน พยายามทำความเข้าใจกัน เชื่อใจกัน

ชีวิตคู่ของหม่อมฉันมีพื้นฐานมาจากหน้าที่ความรับผิดชอบ หม่อมฉันไม่เคยบังคับให้ซีเซียไปอยู่เมืองไทย แต่ที่เขามาอยู่เมืองไทย เพราะหน้าที่ที่เขามีต่อประเทศสตาสเซีย” นวาระบอกสิ่งที่รู้

“ตรงไหน หน้าที่ที่มีต่อสตาสเซีย” เจ้าหญิงคาทริน่าถามอย่างสงสัย

“นั่นคือสิ่งที่เขาบอกแม่เขาและหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่เคยถามว่ายังไง แต่หม่อมฉันเชื่อว่าเจ้าหญิงน่าจะทรงเข้าพระทัยได้ดีกว่าหม่อมฉันเพคะ หม่อมฉันมีหน้าที่เชื่อใจเขาเท่านั้น” นวาระพูดตามตรง

มาเรียกลับมีท่าทางงุนงงมากกว่า ขณะที่นวาระก็มีท่าทีเฉยๆ มากกว่า เธอบอกสิ่งที่รู้เท่านั้น แต่สิ่งที่เธอคิดวิเคราะห์ เธอไม่ได้บอกออกไป เพราะหวังว่าผู้หญิงที่เขารักจะมีสติคิดได้เอง

“กลับได้แล้ว” เจ้าหญิงออกปากอนุญาต แต่มีใครบางคนเคาะประตูแล้วเข้ามา

“เจ้าชาย” มาเรียแสดงความเคารพทันที

“ฉันรอเธออยู่นานแล้วนะ” อเล็กเซย์พูดเข้าประเด็นทันที

“ขอโทษด้วยค่ะ ฉันเสร็จธุระพอดี มาเรียส่งแขกด้วย” เจ้าหญิงเดินไปคล้องแขนพระสวามี ก่อนพากันเดินออกไป

มาเรียเดินกลับมาแล้วเชิญกลับทันที “กลับได้แล้ว คุณนายคารอฟสกี้”

นวาระแอบถอนหายใจ ก่อนเดินตามข้าหลวงออกมา รับเสื้อโค้ทไว้ ก่อนจะรู้สึกว่าเสื้อโค้ทหนักเกินไป จึงล้วงกระเป๋าเสื้อ เห็นเครื่องประดับที่ทำจากมรกต

“นี่เธอกล้าขโมยของจากพระราชวังเลยเหรอ จับคนขี้ขโมยเอาไว้” ข้าหลวงคนหนึ่งบอกทหารราชองครักษ์

นวาระตกใจ เพราะเธอไม่ได้ขโมย แต่เธอหยิบออกมาจากเสื้อโค้ทมากกว่า “เปล่านะ มันอยู่ในเสื้อโค้ทฉัน ฉันไม่ได้ขโมย มันมาอยู่ในเสื้อของฉันเอง”

“ถ้าเธอไม่ได้ขโมย แล้วมันไปอยู่ในเสื้อเธอได้ยังไง ทหารยังไม่จับไว้อีก” ข้าหลวงคนเดิมพูดชัดเจน

นวาระแตกตื่นกว่าเดิม...เพราะเธอไม่ได้ทำ

ทหารราชองครักษ์จับเธอเอาไว้...แล้วรอคำสั่ง

“พาเธอไปขังที่คุกใต้ดินก่อน รอให้เจ้าหญิงทรงจัดการ” ข้าหลวงบอกให้พาไปขังคุกใต้ดิน

นวาระยิ่งงงมากขึ้น เพราะไม่รู้คำศัพท์ “คุกใต้ดินคืออะไร”

เธอไม่รู้จักคำนั้น ก็ถามขึ้น แต่ไม่มีใครยอมตอบ รู้แต่ว่าเดินลงต่ำไปเรื่อยๆ มืดลงเรื่อยๆ และก็ถูกโยนเข้าไปในห้องแคบๆ ถูกทิ้งไว้ในความมืดเหม็นอับที่นั่น

**************************************


คนขับรถกลับมาพร้อมข่าวร้าย เมื่อเข้าไปพบเจ้านาย เขาก็ต้องรีบรายงานให้เจ้านายรู้เรื่อง

“อะไรนะ! อนาไม่อยู่เหรอ” ซีเซียถามขึ้น

“ไม่อยู่ครับ ตามเสด็จไปนอกเมือง พรุ่งนี้ถึงจะกลับ คุณนายถูกจับฐานขโมยสร้อยมรกตของเจ้าหญิง พวกข้าหลวงกับทหารราชองครักษ์ไม่ยอมปล่อย บอกแต่ว่าจะให้เจ้าหญิงเสด็จกลับมาสืบสวนครับ” คนขับรถบอกแล้วส่ายหน้าอย่างจนหนทาง

“พ่อจะไปที่นั่นแล้วพาโรสกลับมาเอง” มิคาอิลตัดสินใจรวดเร็ว

“ใจเย็นๆ ครับพ่อ ถ้าพ่อไปเอง คนที่วังนั่นอาจย้ายโรสไปที่อื่น ทีนี้เราก็จะหาตัวโรสไม่เจอนะครับ” ซีเซียคิดละเอียดกว่า

เจ้าหญิงเป็นคนรอบคอบ ต้องไม่ยอมให้พ่อเขาเข้ามาวุ่นวายแน่นอน เพราะถึงอย่างไรพ่อเขาเป็นถึงประธานองคมนตรี มีหน้าที่รับใช้ใกล้ชิดสมเด็จพระราชา

“แล้วลูกคิดว่าควรจะทำยังไงดีล่ะ” เขาถามความเห็นลูกชาย

“ผมคงยังพอจะขอไปพบโรสได้ แต่เรื่องช่วยออกมาคงยากหน่อย” ซีเซียรู้ว่าถ้าพาเธอออกมา คนที่รับผิดชอบต้องถูกลงโทษแน่

“ลูกคิดว่าโรสจะกล้าขโมยของของเจ้าเหญิงเหรอ” ดาเรียถามให้แน่ใจอีกครั้ง

“คุณแม่ครับ แม้แต่สร้อยคอที่คุณแม่ให้ยืมใส่วันงานของอนากับแอนนา เธอยังคืนทันที มีเหรอจะเอาของของเจ้าหญิง ผมรู้จักโรสดี อะไรที่ไม่ใช่ของเธอ เธอไม่มีทางหยิบมาเป็นของตัวเองแน่ ไม่งั้นตั้งแต่วันแรกที่ได้มาอยู่ที่นี่ เธอคงขโมยอะไรติดไม้ติดมือไปแล้วล่ะ” ซีเซียพูดตามจริง

“ดี งั้นแม่จะได้เตรียมการเอาไว้ เผื่อต้องหาทางช่วยเหลือโรสออกมา” ดาเรียตั้งใจจะช่วยลูกสะใภ้อย่างเต็มที่

“ตอนนี้เราต้องใจเย็นๆ ก่อนนะครับ เดี๋ยวรอผมกลับมาค่อยว่ากัน” ซีเซียออกไปเตรียมตัว ก่อนเจอน้องชายคนเล็กเดินเข้าห้องมา “อูริย์ นายต้องทำตามที่รับปากพี่ไว้ โรสถูกทหารราชองครักษ์กักตัวไว้ แล้วก็ถูกใส่ร้ายว่าขโมยของเจ้าหญิงรัชทายาท”

“จริงสิ ได้ครับพี่” อูริย์รีบวิ่งขึ้นชั้นบนทันที

“น้องรับปากอะไรลูกไว้” ดาเรียถามลูกชายทันที

“ผมขอให้เขารับปากว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับโรส ให้พาอันธอนกลับเมืองไทยทันที” ซีเซียไม่พูดมาก รีบออกไปจากห้องแล้วเอารถออกเพื่อไปพระราชวังเก่าทันที

“ทำไม!” ดาเรียถามลูกไม่ทันได้แต่นั่งงง

มิคาอิลรู้ว่าต้องมีเรื่องมากกว่านี้ จึงไล่คนอื่นออกไป แม้แต่วาเรีย แล้วคุยกับภรรยาอย่างเงียบๆ “มีบางเรื่องที่ฉันกับลูกๆ ไม่ได้บอกเธอนะ”

“อะไรเหรอคะ” ดาเรียถามอย่างสงสัย เพราะเริ่มรู้สึกว่าเรื่องที่สามีจะพูดเป็นเรื่องที่เกี่ยวพัน กับที่ลูกสะใภ้คนโตถูกใส่ร้ายและจับตัวไว้

“ลูกชายของเรากับเจ้าหญิงรัชทายาทเคยมีความสัมพันธ์ลับๆ กัน เรื่องนี้ถูกปิดไว้เป็นความลับ เพื่อชื่อเสียงของเจ้าหญิงเอง ฉันถึงจัดการให้ลูกไปอยู่เมืองไทย เพื่อให้ลูกได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ แล้วรักษาชีวิตสมรสของเจ้าหญิงกับเจ้าชายยังไงล่ะ” มิคาอิลรู้ว่าภรรยาจะสามารถทำความเข้าใจเรื่องราวได้เอง

“แย่สิ ถึงว่าล่ะ วันนั้นเจ้าหญิงถึงพูดให้โรสได้อายตลอด ทรงหึงหวงลูกเราใช่ไหม” ดาเรียพูดเบาๆ

“เธอเข้าใจถูกต้องแล้วล่ะ ฉันถึงบอกเธอเสมอ ไม่ให้ถือสาเจ้าหญิงยังไงล่ะ ทรงอยู่ในช่วงสับสนมากนะ ทั้งอยากจะผลักลูกเราให้ไปไกลๆ ทั้งอยากให้อยู่ใกล้ๆ จำได้ไหม ที่ทรงแนะนำให้ลูกเราแต่งงานกับคุณหญิงมาเรีย เพราะทรงอยากให้อยู่ใกล้ๆ แต่ก็เคยสั่งพักงานลูกเรา เพราะอยากให้ลูกเราไปไกลๆ ตอนนี้ฉันคิดว่าทรงอยากให้อยู่ใกล้ๆ มากกว่า” มิคาอิลคาดเดาอย่างใจเย็น

“ฉันไม่ชอบเรื่องที่เกิดขึ้นเลย” ดาเรียพูดตรงตามใจคิด

“ฉันรู้ถึงไม่บอกเธอแต่แรก” มิคาอิลถอนหายใจยาว

“เจ้าหญิงทรงทำแบบนี้ ถือว่าไม่ไว้หน้าตระกูลคารอฟสกี้กับชเมอร์คอฟสกี้ ทรงทำสิ่งที่ผิดต่อคำปฏิญาณที่ให้ไว้กับประชาชน ทั้งที่พวกเราต่างก็จงรักภักดีต่อราชวงศ์มาตลอด” ดาเรียพูดอย่างผิดหวัง

“ฉันก็คิดอยู่ว่าเธอจะต้องพูดแบบนี้ แต่ที่รัก เจ้าหญิงก็ทรงเป็นมนุษย์ที่มีหัวใจ ทรงมีเลือดเนื้อและทรงหลงผิดได้เช่นเดียวกับคนทั่วไป แตกต่างตรงที่ทรงมีสิ่งล่อใจมากกว่าคนปกติ เพราะทรงมีพระราชอำนาจมากยังไงล่ะ แต่ยังไงซะ ทรงเป็นเจ้าหญิงของพวกเรา เราต้องคอยเตือนสติพระองค์ยังไงล่ะ” มิคาอิลยังคงยึดมั่นในความเชื่อของตระกูล ก่อนมองคนที่หน้าประตู ที่มีเจ้าตัวเล็กกระฟัดกระเฟี้ยวต่อสู้ให้หลุดจากอกของอา

“ผมจะต้องพาอันธอนกลับเมืองไทยก่อนนะครับ ลาคุณปู่คุณย่าเลยเจ้าตัวแสบ โอ๊ย! กัดอาทำไม” อูริย์นึกอยากจะตีหลานสักทีสองที

“ต้องพาหลานกลับเมืองไทยด้วยเหรอ” ดาเรียพูดขึ้นแล้วอยากจะห้าม

“ผมรับปากพี่ไว้ จะไม่ทำก็ไม่ได้ คุณพ่อครับแล้วผมจะรีบกลับมา” อูริย์บอกพ่อไว้ก่อน เพื่อลาเรียนกลับเมืองไทย

“รีบกลับก็แล้วกัน ที่บ้านคงมีเรื่องวุ่นๆ อีกเยอะ” มิคาอิลพอเข้าใจความต้องการของลูกชาย

“ทำไมคุณให้ลูกไปกับหลานล่ะ” ดาเรียขัดขึ้นมาทันที

“อย่ารั้งลูกเอาไว้เลยนะ ลูกทำสิ่งที่รับปากกับพี่ชายเขาเอาไว้” มิคาอิลบอกภรรยา

“โรสรู้เรื่องนี้ด้วยใช่ไหม” ดาเรียถามลูกชาย

“คิดว่าไม่นะครับ ดูเหมือนพี่จะจัดการทุกอย่างเอง คิดว่าโรสคงไม่รู้เรื่องหรอก ผมไปนะครับ จะไปรอเครื่องขึ้นเลย บายครับ” อูริย์เข้าไปหอมแก้มแม่แล้วกอดกับพ่อ แล้วส่งหลานให้ปู่ย่าได้หอมแก้มคนละที ถึงเจ้าตัวแสบจะโดนขัดใจ แต่ก็ไม่ถึงกับกัดปู่ย่า

“แล้วต้องกลับมาเยี่ยมย่าอีกนะ อันธอน” ดาเรียอยากอุ้มหลานให้นานกว่านี้ แต่ก็ต้องเชื่อใจลูกชายกับสามีให้จัดการเรื่องทั้งหมด

มิคาอิลหวังว่าเรื่องพวกนี้จะไม่เกิดขึ้นนานนัก เขาต้องอาศัยศรัทธาต่อราชวงศ์ และหวังว่าเจ้าหญิงของพวกเขาจะไม่หลงทางแน่นอน

**************************************


เมื่อขอร้องลูกน้องเก่าอยู่นาน เขาก็ได้ลงไปที่ห้องใต้ดิน คิดในใจอย่างหงุดหงิด เพราะภรรยาเขาต้องมาอยู่ในที่แบบนี้ ซึ่งไม่เคยถูกใช้มานาน ทั้งสกปรกและมีแต่สัตว์ไม่พึงประสงค์

เมื่อลงไปก็ไม่มีแสงสว่าง เขายังคิดอยู่ว่าพวกนี้ทำแบบนี้กับภรรยาเขาได้ยังไง แต่เขาก็ใช้ไฟฉายส่องลงไปด้านล่าง จากนั้นก็หยุดที่ประตูและเห็นเธอนั่งอยู่กับพื้น แล้วกำลังหลับตานั่งตัวตรง

“ทำอะไรน่ะ” เขาถามเธอเป็นภาษาไทย ให้เธอรู้ว่าเป็นเขา

“ซีเหรอ ฉันไม่ได้ขโมยของใครนะ” นวาระรีบบอกหลังจากออกสมาธิ

“ฉันรู้น่า แต่ทำไมพวกนี้ถึงให้เธออยู่มืดๆ แบบนี้ล่ะ เธอกลัวไหม” ซีเซียเข้าไปใกล้ห้องขังที่ปิดทึบ มองรอดช่องเข้าไปจนทั่ว เห็นเธออยู่กับที่สกปรกและเหหม็นอับ เขาก็อยากจะบ้าตาย “คุกที่โรงพักยังสภาพดีกว่านี้ เธอหนาวไหม”

“หนาวสิ แต่ฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากทำสมาธิ ไม่งั้นฉันคงหนาวตาย” นวาระพูดขึ้นแล้วก็หนาวขึ้นมาทันที

ซีเซียกระแทกลมหายใจก่อน หันไปพูดกับทหารลูกน้องเก่า “เปิดประตูหน่อย เมียฉันเขาไม่หนีไปไหนหรอกน่า”

ทหารคนนั้นลังเล แต่ก็ยอมเปิดให้ “อย่าให้ใครรู้ว่าผมเปิดนะครับ”

เขาพยักหน้า ก่อนเข้าไปแล้วถอดเสื้อโค้ทของเขาสวมให้เธอ “สวมไว้ก่อนนะ ฉันพอจะรู้แล้วว่านี่มันเรื่องอะไร แต่ยังทำอะไรไม่ได้ เธอสวมเสื้อตัวนี้แล้วก็พยายามออกกำลังหน่อย จะได้ไม่หนาวนะ”

“ลูกล่ะ” นวาระถามถึงลูกทันที

“ฉันให้อูริย์พากลับเมืองไทยทันที ฉันไม่รู้ว่าเรื่องที่นี่จะนานแค่ไหน แต่ยังไงซะฉันจะต้องช่วยเธอออกมาให้ได้” ซีเซียบอกแล้วก็ลูบผมปลอบ แต่ดูแล้วเธอชักเริ่มโมโห จึงปัดมือเขาทิ้ง

“ถ้ามีปัญหามานักล่ะก็ เราก็มาเลิกๆ กันไปเถอะ ฉันจะกลับไปอยู่กับลูก ไม่เอาแล้ว ถึงกับใส่ความกันแบบนี้นะ ฉันไม่อยากจะยุ่งกับเรื่องภายในประเทศของคุณ” นวาระพูดด้วยความโกรธ เพราะตั้งแต่ถูกขังก็ยังไม่ได้กินอะไร จริงๆ เธอยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เที่ยง แล้วนี่ก็เย็นมากแล้วด้วย

“โรส” ซีเซียพูดเสียงดังลั่นและเข้มคม “ตั้งสติหน่อยได้ไหม มันไม่แก้ปัญหาหรอกนะ”

“ฉันหิวได้ยินไหม” นวาระก็พูดเสียงดังลั่นเหมือนกัน

“เขาไม่ให้อาหารเธอเลยเหรอ” ซีเซียหันไปถามทหารลูกน้องคนสนิท และได้รับคำตอบ “พวกนายทำงานด้วยการให้คนที่ไม่รู้ว่าทำผิดไหมอดข้าวเหรอ นี่มันยุคไหนแล้ว ออกไปเอาอาหารมาให้เมียฉันเดี๋ยวนี้นะ”

นวาระไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร แต่เขาตะคอกเป็นภาษารัสเซียเสียงดังลั่นคุกใต้ดิน ก็พอให้เธอสงบใจลงได้มาก ก่อนมองเขายื่นคาราเมลให้ “ขอบใจ”

เขามองเธอกินอย่างรีบร้อน แต่คงไม่ทัน เพราะทันทีที่คาราเมลเข้าปาก เธอก็เป็นลมแล้วทำให้เขาโกรธจัด จึงโทรหาพ่อเขา “พ่อจะทำอะไรก็ทำ ตอนนี้ผมอยากให้โรสออกไปจากห้องขังบ้าๆ นี่เร็ว รู้ไหมว่าพวกเขาขังเธอไว้ที่ไหน คุกใต้ดิน แถม เธอก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่หลังมื้อเช้า จนเป็นลม”

“ทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ ประเทศนี้ไม่มีกฎหมายแล้วหรือยังไง ไม่ต้องห่วง พ่อจะรีบพาคนไปเดี๋ยวนี้แหละ” มิคาอิลกันไปมองภรรยา ก่อนกดโทรออก แล้วนึกได้ “เธอไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินี พระองค์ทรงพระทัยเย็นกว่า ฉันไม่อยากเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชา”

ดาเรียรับคำแล้วรีบออกไปแต่งตัวทันที ขณะที่มิคาอิลโทรหาลูกน้องเก่า แล้วรีบพาคนไปที่พระราชวังเก่าที่ประทับของเจ้าหญิงและพระสวามี และรออยู่ที่นั่นจนสมเด็จพระราชินีเสด็จมา

“ไหนลูกสะใภ้ของตระกูลคารอฟสกี้ไปพามาสิ” สมเด็จพระราชินีทรงตรัสเรียกหาทันที

ดาเรียหันไปสั่งข้าหลวงของเจ้าหญิงรัชทายาท ก่อนทหารราชองครักษ์จะไปพาลูกชายกับภรรยาเข้ามา ซีเซียรีบวางภรรยาลงแล้วถวายพระพรสมเด็จพระราชินี

“ผู้หญิงคนนี้พยายามขโมยเครื่องประดับมรกตของเจ้าหญิงเพคะ” ข้าหลวงคนหนึ่งพูดขึ้น

“เอาภาพวงจรปิดมาให้ดูสิ” สมเด็จพระราชินีเรียกสอบสวน

“เจ้าหญิงทรงรับสั่งไว้ให้รอพระองค์เสด็จกลับ ค่อยสอบสวนเพคะ” ข้าหลวงคนเดิมพูดต่อ

“เราสั่งให้เอาภาพวงจรปิดที่จุดตรวจคนมาให้เราดูเดี๋ยวนี้” สมเด็จพระราชินีรับสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

“กระหม่อม...กระหม่อม” ข้าหลวงคนนั้นไม่กล้า

“ซีเซียไปเอาภาพวงจรปิดมาถวายสมเด็จพระราชินีสิ” ดาเรียรีบบอกให้ลูกชายทำตามพระเสาวนีย์

ซีเซียกำลังจะไปเอา แต่ทหารราชองครักษ์ก็รายงาน “เจ้าหญิงทรงโปรดให้เกล้ากระหม่อมส่งตามไปตั้งแต่เที่ยงพะย่ะค่ะ”

“งั้นเราจะพาลูกสะใภ้ของท่านผู้หญิงดาเรียไปคุมตัวไว้ที่วังของเรา พวกเธอคงไม่มีปัญหาหรอกใช่ไหม” สมเด็จพระราชินีทรงประทับยืน ทำให้ทุกคนไม่กล้าพูดอะไรมาก แต่มีคนเปิดประตูเข้ามา

“สมเด็จแม่เสด็จที่วังลูก ทรงมีเรื่องอะไรให้ระคายพระทัยหรือเพคะ” เจ้าหญิงเสด็จกลับทันทีที่รู้ว่าซีเซียมาอยู่ในคุกใต้ดิน เรื่องแบบนี้ก็รู้แล้วว่าตระกูลคารอฟสกี้ไม่มีวันยอมง่ายๆ แน่นอน

“แม่เห็นว่าไม่เหมาะสม ที่จะให้ลูกสะใภ้ของท่านผู้หญิงดาเรียต้องไปอยู่ที่คุกใต้ดิน แถมยังไม่ให้ทานอะไรตั้งแต่มาถึง ทำแบบนี้เรียกว่าไม่มีมนุษยธรรม นักโทษประหารยังมีอาหารทาน แต่นี่ยังแค่สืบความ ทำแบบนี้ไม่ถูก” สมเด็จพระราชินีตำหนิพระธิดาอย่างรุนแรง

“สมเด็จแม่เพคะ ลูกไม่รู้เรื่อง ต้องขอโทษท่านผู้หญิงด้วย” เจ้าหญิงพูดกับดาเรีย ก่อนหันไปทางซีเซียกับมิคาอิล

“กระหม่อม ขอทรงโปรดส่งเรื่องไปทางกองราชองครักษ์ กระหม่อมกับลูกชายจะได้ยื่นเรื่องขอประกันตัวลูกสะใภ้ เพื่อขอสู้คดีพะย่ะค่ะ” มิคาอิลเสนอแนะขึ้น เพื่อให้สามารถช่วยลูกสะใภ้ออกมาจากคุกได้

“ดี โทรเรียกผู้บังคับการกองราชองครักษ์มารับเรื่อง จะได้ทำเรื่องประกันตัวและสู้คดี ลูกก็ส่งหลักฐานให้ผู้บังคับการดำเนินเรื่องก็แล้วกัน” สมเด็จพระราชินีทรงเห็นควรด้วย

“หม่อมฉันไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่โตเพคะ อีกอย่างก็เห็นแก่หน้าท่านประธานองคมนตรีกับท่านผู้หญิงเพคะสมเด็จแม่ ลูกถึงจะสอบสวนเอง เรื่องจะได้เงียบไป ไม่ต้องกลายเป็นข่าวใหญ่โต” เจ้าหญิงคาทริน่ารีบห้ามไม่ให้มีการดำเนินคดี

อเล็กเซย์ส่ายหน้าช้าๆ ก่อนเดินออกไป หงุดหงิดกับทุกสิ่ง ทั้งที่คิดว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง แต่กลับเป็นวุ่นวาย

“สอบสวนภายใน! ทำไมลูกทำอะไรไม่โปร่งใสแบบนั้น ไม่ได้ ท่านประธานองคมนตรีพูดถูก” สมเด็จพระราชินีทรงเห็นด้วย

“สมเด็จแม่ ลูก” เจ้าหญิงพยายามแก้สถานะการณ์

“คนอื่นออกไปก่อน พาภรรยาของเธอออกไปด้วย” สมเด็จพระราชินีทรงรับสั่งกับทุกคน และเมื่อทุกคนออกไปเหลือแต่ลูกสาวคนเดียว ก็ทรงรับสั่งกับเจ้าหญิง “แม่รู้เรื่องลูกกับซีเซียแล้ว ท่านผู้หญิงดาเรียเล่าให้แม่ฟังแล้วล่ะ และเรื่องของลูกสะใภ้เขาก็เช่นกัน เมื่อครู่แม่ต้องการรู้ว่าสิ่งที่ท่านผู้หญิงดาเรียพูดจริงไหม เห็นท่าทางของลูก แม่ก็รู้แล้วล่ะ ลูกจะต้องมีเรื่องกับตระกูลคารอฟสกี้ให้ได้ใช่ไหม”

“สมเด็จแม่ ลูกไม่”เจ้าหญิงพยายามอธิบาย

“ตระกูลคารอฟสกี้สนับสนุนราชวงศ์เรามานาน ตระกูลชเมอร์คอฟสกี้ อีวานอฟ และอีกหลายตระกูลมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลคารอฟสกี้ ลูกจะให้ความรู้สึกส่วนตัวมาทำลายสายสัมพันธ์ยาวนานถึงสองร้อยปี ลูกอยากให้ราชวงศ์เราต้องพังพินาจเพราะอารมณ์ส่วนตัวเหรอ จัดการให้ดี แม่ให้โอกาสแค่นี้เท่านั้น แล้วอย่าจับผู้หญิงที่ไม่รู้เรื่องไปขังคุกใต้ดินอีก นี่เป็นวิธีการที่ต่ำช้าที่สุด ที่แม่จะยอมรับได้ และสมเด็จพ่อของลูกทรงไม่โปรดวิธีการป่าเถื่อนด้วย” สมเด็จพระราชินีเตือนสติลูกสาว ก่อนเสด็จออกไปจากห้อง

เมื่อเห็นทุกคนที่รออยู่ ก็ทรงมีรับสั่ง “ท่านประธานองคมนตรี ท่านผู้หญิงดาเรีย ถ้าจะใจเย็นลง และให้เจ้าหญิงมีเวลาพูดคุยกับลูกสะใภ้ของท่านทั้งสอง เพื่อสอบถามความจริงที่นี่ สักสองสามวัน โดยจัดห้องรับรองแขกให้คุณนายคารอฟสกี้ด้วย ได้ยินไหมคุณหญิงชเมอร์คอฟสกี้” สมเด็จพระราชินีรับสั่งแล้วก็เสด็จกลับ

มาเรียต้องทำตามรับสั่ง จึงสั่งข้าหลวงจัดห้องรับรองให้ ซีเซียได้แต่ทำตาม โดยอุ้มภรรยาตนเองเพื่อจะพาไปที่ห้องพัก แต่มาเรียพูดขึ้น “คุณคารอฟสกี้ส่งให้หัวหน้าราชองครักษ์เถอะ แล้วเชิญกลับ เพราะเวลาก็ล่วงเลยมานานแล้ว”

นวาระยังคงพักผ่อน...เพราะไม่มีแรง

“ขอให้หมอเติมน้ำเกลือให้เธอด้วยนะครับ คุณหญิง” ซีเซียขอร้อง

“คงไม่จำเป็น” มาเรียปฏิเสธ

อนาโตลีย์รับพี่สะใภ้มาจากพี่ชาย แล้วมองแววตาแข็งกร้าวของพี่ชายอย่างรู้สึกเสียวสันหลัง

“ถ้าไม่ แล้วลูกและภรรยาผมเป็นอะไรไป คุณหญิงต้องรับผิดชอบ” ซีเซียพูดเสียงดังฟังชัด

“ลูก?” ดาเรียทวนคำ ก่อนมองลูกชายที่โกรธจัด

“คุณนายคารอฟสกี้กำลังตั้งครรภ์เหรอ” มาเรียถามอย่างตกใจ

“ใช่ ถ้าลูกเมียผมเป็นอะไรล่ะก็ ต่อให้ต้องทำผิดต่ออะไรก็ตาม ผมจะทำทุกอย่างเพื่อทวงความยุติธรรม” ซีเซียประกาศเสียงดังฟังชัด ทำให้ทุกคนนิ่งเงียบ

“หุบปาก! ที่นี่เป็นพระราชวังของเรา แค่คนธรรมดามีสิทธิอะไรมาพูดเสียงดังในที่นี้ หมดธุระแล้วก็ออกไป” เจ้าหญิงรัชทายาทออกคำสั่ง และพยายามข่มความโกรธไว้

มิคาอิลและดาเรียรีบพาลูกชายคนโตออกไป เพราะไม่อยากมีเรื่อง และอย่างน้อยตอนนี้ลูกสะใภ้กับหลานในท้องก็อยู่ในความดูแลของลูกชายคนรอง คิดว่าคงสามารถควบคุมอะไรได้บ้าง

**************************************
สวัสดีค่ะ
อีก 5 - 6 ตอนนิยายเรื่องนี้ก็จะจบลงแล้ว
T^T เรื่องใหม่ยังเขียนไม่เท่าไรเลยค่ะ
ชีวิตก็จะมีการเปลี่ยนแปลงอีกค่ะ
ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีเหมือนกัน
แต่ก็ขอบคุณที่ติดตามนิยายมาโดยตลอดนะคะ

Sirinda
คุณ Auuuu --- ถูกต้องนะคร๊าบ
คุณ หมูบูลิน --- ยังอีกพักใหญ่ๆ ล่ะค่ะ
คุณ ใบบัวน่ารัก --- อิอิ ถึงไม่อยากยุ่งก็คงต้องยุ่งจนได้นั่นแหละค่ะ ^^
คุณ dino --- อ่ะแน่นอน
คุณ Pat --- ถึงมีวลีที่ว่า "ความรักและอำนาจทำให้คนตาบอด" ไงคะ
คุณ ตุ๊งแช่ --- ยากจะรามือค่า
คุณ MYsister --- รักสิคะ แต่แบบไหนอีกเรื่อง อิอิ
คุณ sai --- ชีวิตมีปัจจัยหลายอย่างที่ยากจะควบคุมนะคะ อย่าไปคิดมากสิคะ สถานการณ์บางอย่างก็ทำให้เราเขวได้ค่ะ
คุณ ร้อยวจี --- ร้องไห้เพราะผู้ใหญ่คุยกันเสียงดังมากกว่าค่ะ อิอิ
คุณ Heronett --- ไม่มีแต่งเรื่องของอูริย์หรอกค่ะ อิอิ
คุณ anOO --- มีแน่นอนที่สุดค่ะ ^^
คุณ konhin --- เจ้าหญิงที่หน้ามืดตามัวอยู่ค่ะ อิอิ

jj-book
คุณ นอนดูดาว --- คุยกันถูกจับมากกว่าค่ะ
คุณพี่ chakansi --- 555+ ไม่ได้ค่ะ ประเทศขาดผู้นำอีก อิอิ

bloggang
คุณ Puu_Chem --- ทำไปแล้วค่ะ ^^"
คุณ mooda --- ดีแล้วค่ะ ส่วนตัวชอบปฏิบัติธรรมมากกว่าค่ะ ให้ทางสงบดีค่ะ / หนาวสะท้านมากๆ แน่นอนค่ะ
คุณ **mp5** --- สวัสดีเช่นกันค่ะ

dek-d
คุณ นินิน --- นิยายใกล้จะจบแล้วค่ะ
คุณ jedi2550 --- ขอบคุณค่ะ ^^



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 พ.ค. 2555, 08:00:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 พ.ค. 2555, 08:00:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 2096





<< Rose21 (ลบ)   Rose23 (ลบ) >>
Pat 3 พ.ค. 2555, 08:44:44 น.
ดูท่าแล้ว เจ้าหญิงก็ยังคงตาบอด(หลงอำนาจ)อีกต่อไป ตอนที่คุยจบเชิญกลับนึกว่าจะเข้าใจแล้วนะนั่น ยังใส่ความเค้าได้อย่างน่าเกลียดที่สุด จะมีบทลงโทษเจ้าหญิงกับมาเรียบ้างไหมนี่ ไรเตอร์จัดให้หน่อยเถอะค่ะ อ่านแล้วมันน่าโมโหอ่ะ


ตุ๊งแช่ 3 พ.ค. 2555, 08:54:36 น.
เจ้าหญิงก็มีหัวใจ เฮ้อ..คนที่ถูกจัดวางชีวิต สติแตกได้ขนาดนี้ก็แย่น่ะสิ ให้พระสวามีจัดหนักดีไหมนี่ ...555

ว้าววว ท้องงงงงง ซีสุดยอดดดด 555



ร้อยวจี 3 พ.ค. 2555, 09:11:59 น.
เจ้าหญิงบ้าอำนาจ ใช้อำนาจในทางมิชอบ แบบนี้ต้องเอาคืนบ้าง เป็นเจ้าหญิงอะไรแย่ที่สุด น่าสงสารโรสกับลูกต้องพรากจากกัน (หวังไว้ว่าชั่วคราวนะคะ) สนุกค่ะ


konhin 3 พ.ค. 2555, 09:50:34 น.
เฮ้อ พูดยาก ความรักความหลงทำให้คนตาบอด ยิ่งอำนาจในมือมากเท่าไหร่ก็น่ากลัวมากเท่านั้น


Heronett 3 พ.ค. 2555, 12:16:41 น.
ทำไมพระสวามีของเจ้าหญิงไม่มีอำนาจอะไรเลย ควบคุมอะไรก็ไม่ได้มีแต่หน้าที่ถอนหายใจอย่างเดียว เห้อ


anOO 3 พ.ค. 2555, 12:18:59 น.
โรสท้องอยู่นี่เอง ว่าแล้วเชียวทำไมถึงเป็นลมง่ายนัก
ไม่รู้เจ้าหญิงจะคิดได้รึป่าวนะ ทำไปเพื่ออะไรก็ไม่รู้ แค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วว่าซีเซียไม่ได้รักอีกต่อไปแล้ว


dino 3 พ.ค. 2555, 14:04:18 น.
อันธอน มีน้องแล้ว


yayee62 3 พ.ค. 2555, 15:52:54 น.
เจ้าหญิง หรือ มาเรีย ทำกันแน่


ใบบัวน่ารัก 3 พ.ค. 2555, 19:44:26 น.
สงสารโรส
ซีนี่เก่งจังหาน้องให้น้องยศได้เร็วจัง


Auuuu 3 พ.ค. 2555, 20:14:42 น.
เฮ้ออออออ
ไม่ไหวๆ


หมูบูลิน 3 พ.ค. 2555, 23:47:26 น.
เจ้าหญิงเห็นแก่ตัวอะ เชอะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account