เล่ห์รัก...เล่ห์แค้น
เป็นนิยายเรื่องแรกของปอแก้ว...ที่เคยลงจนจบไว้นานมากแล้ว ตอนนี้เลยลองเอามาปัดฝุ่นรีไรท์ใหม่ค่ะ :)

-----------------------------------------------------------------

เรื่องราวความรักระหว่างคนสองคนที่เริ่มด้วยความแค้นเมื่อ ‘ธนาดล’ ลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงธฤตกลับมาจากต่างประเทศ เขาทำทุกวิถีทางเพื่อจะแก้แค้นศิรสาซึ่งเป็นแม่เลี้ยงโดยใช้ ‘ศรินดา’ ซึ่งเป็นลูกสาวเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นครั้งนี้
Tags: ธนาดล ศรินดา พนาดร สลิลธาร

ตอน: บทที่ 26





บทที่ 26




เช้าวันรุ่งขึ้น...พ่อเลี้ยงธฤตเรียกพบลูกชายคนโตและลูกเลี้ยงสาวที่ห้องรับแขก พนาดรยังคงรักษาระดับความเย็นชาไว้ได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มยังไม่พูดไม่จากับศรินดาสักคำตั้งแต่ยื่นคำขาดให้หญิงสาวยกเลิกการแต่งงานเมื่อครั้งนั้น

“เรียกผมมามีเรื่องอะไรครับพ่อ” เป็นพนาดรที่ชิงถามขึ้นมาก่อน

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก พรุ่งนี้พ่อเลี้ยงนพดลจะมาคุยเรื่องแต่งงาน พ่ออยากให้ต้นไปตามดลกลับมาหน่อย”
พนาดรแสดงออกทางสีหน้าว่าไม่พอใจทันทีที่บิดาพูดถึงเรื่องแต่งงานของศรินดา

“ผมไม่ว่างที่จะทำเรื่องไร้สาระขนาดนั้นหรอกครับ”

“ต้น” พ่อเลี้ยงธฤตเอ่ยชื่อลูกชายเสียงเข้ม “น้องแต่งงานต้นคิดว่ามันไร้สาระขนาดนั้นเลยหรือ”

พนาดรขมวดคิ้วมุ่น งานแต่งงานระหว่างศรินดาและนนทนัฐสร้างความหงุดหงิดในหัวใจให้ไม่น้อย

“มันจะไม่ไร้สาระหรอกครับถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่นนทนัฐ พ่อเชื่อใจมันมากแค่ไหนที่จะรับมันมาเป็นลูกเขย พ่อคิดว่ามันจะหวังดีกับไร่เราหรือครับ”

“พ่อเชื่อว่ารินคิดดีแล้ว”

“แต่ผมไม่เชื่อ!” พนาดรเถียงทันควัน “ต่อให้มันรักลูกสาวคุณพ่อมากแค่ไหน ผมก็ไม่เชื่อว่ามันจะหวังดีกับไร่เรา”

ลูกชายคนโตตอบกลับไปอย่างเผ็ดร้อน คนอย่างนนทนัฐกับพ่อเลี้ยงนภดลนั้นไว้ใจไม่ได้ เรื่องนี้คุณพ่อก็น่าจะรู้ดีกว่าใครว่าพ่อเลี้ยงนพดลนั้นจ้องที่จะทำลายไร่ที่ท่านสร้างมากับมือให้ย่อยยับไปอยู่ทุกลมหายใจ!

และการบาดเจ็บของธนาดลในครั้งที่สอง พนาดรก็อดคิดไม่ได้ว่าการที่นนทนัฐช่วยเหลือน้องชายของเขานั้นมันเป็นเรื่องที่บังเอิญจนเกินไป บังเอิญ...จนคิดได้ว่าทุกอย่างถูกวางแผนไว้แล้วอย่างดี

“พี่ต้นคะ นนท์ไม่ใช่...” ศรินดาพยายามจะเถียงแต่...

“ใครใช้ให้เธอพูดศรินดา!” พนาดรตวาดใส่จนน้องสาวสะดุ้งเฮือก น้ำตาพลันจะรื่นขึ้นมา ร่างบางสั้นน้อยๆด้วยความหวาดกลัว

“ต้น!”

“พี่ต้น”

เสียงสองเสียงประสานขึ้นพร้อมกัน ศรินดาหันไปทางต้นเสียงทันที เสียงที่เธอคิดถึงอยู่ทุกลมหายใจตั้งแต่เขาก้าวออกจากบ้านไปและกลับมาในเช้าวันนี้

“ดล” ชื่อของคนอีกคนหนึ่งซึ่งพ่อเลี้ยงธฤตและพนาดรเอ่ยพร้อมกันทำให้ลมหายใจของศรินดาขาดห้วง หัวใจดวงน้อยกระตุกไหว ก่อนที่ชายหนุ่มเจ้าของชื่อจะเดินเข้ามาและทรุดกายลงนั่งข้างพี่ชาย

“ทำไมกลับมาเร็ว พี่คิดว่าดลจะไปหลายวัน” พนาดรตั้งคำถาม

“ก็ที่บ้านกำลังจะมีงานมงคลไม่ใช่เหรอครับ ผมไม่อยู่คงดูแปลกๆ...” ธนาดลหยุดพูดนิดหนึ่งก่อนจะหันสายตามามองคนที่กำลังจะเป็นเจ้าสาว “...ใช่ไหมศรินดา”

ศรินดาชะงักไปชั่วครู่ที่จู่ๆก็ถูกถามอย่างไม่ทันตั้งตัว “เอ่อ...”

“เอาเถอะ กลับมาก็ดี จะได้อยู่กันครบทุกคน” พ่อเลี้ยงธฤตบอกลูกชายทั้งสองคน หากพนาดรยังทำสีหน้าเรียบเฉยติดจะออกไม่ทางไม่พอใจเสียด้วยซ้ำ

"ครับคุณพ่อ พรุ่งนี้เราคงอยู่กันครบ" ธนาดลตอบบิดา หากสังเกตในน้ำเสียงนั้นดีๆจะพบว่ามันมีนัยบางอย่างแฝงอยู่

“ไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ” ธนาดลลุกขึ้นทันทีเมื่อบิดาพูดจบ ไม่วายที่จะปรายตามองผู้หญิงอีกคนที่อยู่ในห้อง

...พรุ่งนี้...ทุกคนคงมากันครบ เว้นเสียแต่...ว่าที่เจ้าสาว

...รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยเล่ห์กลประดับอยู่บนใบหน้าของธนาดล

...พรุ่งนี้...ฉันจะทำให้แกโกรธจนแทบบ้าเลยไอ้นนท์!!














เงาตะคุ่มๆเดินมายังหน้าห้องนอนของศรินดา กุญแจสำรองถูกเสียบเข้าไปตรงลูกบิดและไม่ช้าก็ได้ยินเสียงดังแกร๊กก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออก ร่างสูงใหญ่ของใครบางคนย่างสามขุมมายังข้างเตียงพิศมองดวงหน้าสวยหวานที่กำลังหลับพริ้มในห้วงนิทรา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าของผู้บุกรุก มือหนาหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ชุ่มไปด้วยยาสลบก่อนที่จะจัดการโปะมันเข้ากับเหยื่อที่นอนอยู่เบื้องหน้า หญิงสาวขัดขืนในตอนแรกแต่สุดท้ายแล้วก็มิอาจต้านทานฤทธิ์ของยาสลบได้

ธนาดลทรุดตัวลงนั่งบนเตียง เอื้อมมือมาหยิบปอยผมที่ตกมาปรกหน้าของศรินดาออกไปทัดไว้ที่ข้างหู ก่อนจะบรรจงจุมพิตบนหน้าผากมนเบาๆ

“ขอโทษด้วยที่ต้องทำอย่างนี้ แต่ฉันยอมเสียเธอไปตอนนี้ไม่ได้จริงๆ”

ธนาดลไม่ใช่คนลังเลหรือเปลี่ยนใจง่ายถ้าตัดสินใจทำอะไรแล้วเขาต้องทำอย่างนั้นเสมอ ไม่มีข้อยกเว้น แต่เรื่องของผู้หญิงคนนี้ เขาไม่เคยทำอะไรได้เด็ดขาดสักอย่างเดียว ตัดสินใจอะไรไปแล้วไม่เคยที่จะทำได้เลย ตัดสินใจว่าจะเป็นฝ่ายเดินหนี สุดท้ายแล้วก็เป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายเดินกลับมาหาเธอ เหมือนแม่เหล็กต่างขั้วที่ไม่ว่าอยู่ห่างกันแค่ไหนมันก็ดูดเข้าหากันอยู่ดี

ชายหนุ่มช้อนร่างนุ่มนิ่มที่ยังมีกลิ่นสบู่อ่อนๆติดอยู่ตามตัวมาไว้แนบอก วิธีแบบนี้ถึงมันจะดูเหมือนละครน้ำเน่าไปบ้าง แต่มันก็เป็นวิธีเดียวที่เขาคิดออก วิธีเดียวที่จะยืดเวลาไม่ให้ผู้หญิงคนนี้แต่งงาน แม้ผลมันอาจจะออกมาไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่แต่เขาก็เสี่ยงที่จะทำ

ขอโทษนะครับ…พ่อ…พี่ต้น











ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงกว้างพลิกตัวบิดขี้เกียจ หญิงสาวค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น นาทีแรกเหมือนถูกค้อนปอด์นทุบลงบนหัวเพรารู้สึกว่ามันปวดรวดร้าวไปหมด แต่นาทีถัดมานี่สิเล่นเอาเธอช็อค! หัวใจแทบจะหยุดเต้นอยู่ตรงนั้น เมื่อหันมาเจอใบหน้าคมของธนาดลที่ลืมตามองเธออยู่ใกล้กันแค่คืบเดียว!

“ตื่นแล้วเหรอ”

“กรี๊ด!!!”

ธนาดลสะดุ้งลุกขึ้นพรวด ยกมือปิดปากสาวเจ้าแทบไม่ทัน ศรินดาดิ้นพล่านแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากเมื่ออ้อมแขนแข็งแรงตวัดรัดร่างไว้

“จะร้องทำไม” คิ้วเข้มขมวดชิดมือยังคงปิดปากหญิงสาวไว้แน่น

“อื๊อ” รินส่งเสียงประท้วง ดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอด

“จะปล่อยมือให้แต่ต้องสัญญาว่าจะไม่ร้อง” ชายหนุ่มยื่นขอเสนอ ศรินดาพยักหน้ารับทันที ธนาดลจึงค่อยปล่อยมือออกให้พ้นจากปากของหญิงสาว

“ช่วยด้วย!! ใครก็ได้ช่วย…” ไม่รอให้อีกฝ่ายร้องจนจบ ชายหนุ่มรีบเอามือปิดปากไว้ตามเดิมทันทีก่อนเอ็ดเบาๆ

“ไหนสัญญาว่าจะไม่ร้อง”

“อื๊อ!” น้ำเสียงขัดใจดังขึ้นพร้อมกับอาการดิ้นประท้วงที่แรงกว่าคราวแรก

“คราวนี้ถ้าปล่อยแล้วร้องอีกจะจูบ” ธนาดลขู่เสียงต่ำ รินตวัดสายตามองหน้าชายหนุ่มด้วยแววตาขุ่นมัวแต่ก็พยักหน้ายอมรับแต่โดยดี มือหนาค่อยๆเลื่อนออกจากริมฝีปากบาง ดวงตากลมสวยมองหน้าอีกฝ่ายตาปริบๆ

“ก็แค่นี้” ธนาดลถอนหายใจออกมาเบาๆ

“ช่วยด้วย!!”

“เฮ้ย!”

“ช่วยด้วย! ช่วยดะ…” ไม่ทันได้ยินคำว่า ‘ด้วย’ เพราะริมฝีปากบางก็ถูกทาบด้วยริมฝีปากหยักลึก กำปั้นเล็กทุบลงบนอกกว้างดังปึ้กๆ หากธนาดลก็รวบมือมากำไว้หลวมๆแล้วทาบลงตรงหัวใจของตนเองก่อนจะถอนจูบออกอย่างอ่อนโยน

ศรินดามองผู้ชายตรงหน้าตาค้าง รู้สึกถึงอัตราการเต้นของหัวใจอีกฝ่ายได้ดีว่ามันก็เต้นเร็วและแรงไม่ได้แพ้เธอเลย แต่พอตั้งสติได้ก็รีบชักมือกลับมาเช็ดริมฝีปากที่ถูกขโมยจูบทันที ธนาดลมองกิริยานั้นก็อดที่จะยิ้มน้อยๆตามไม่ได้

“ก็บอกแล้วว่าถ้าร้องจะจูบ”

คิ้วสวยขมวดมุ่นส่งค้อนวงใหญ่ให้จนอีกฝ่ายแทบรับไว้ไม่ทัน “ใครจะไปรู้ล่ะว่าคุณจะเอาจริง”

“ฉันเป็นคนจริงจังเสมอศรินดา” น้ำเสียงฟังดูกรุ่มกริ่มแต่ก็ยังแพ้ดวงตาที่พราวระยับคู่นั้น

“บ้า! คุณมันบ้าที่สุด” ไม่ว่าเปล่าเพราะมือยังคว้าหมอนที่อยู่ใกล้ตัวมาปาโดนหน้าธนาดลเต็มๆ ชายหนุ่มหยิบหมอนให้พ้นจากใบหน้า ดวงตาคู่คมจ้องมองรินราวกับพญาราชสีห์ที่กำลังจ้องขย้ำลูกแกะน้อยอย่างไรอย่างนั้น













เช้าวันใหม่ในบ้าไม้สักทองหลังสวย สาวใช้ตัวเล็กจ้อยวิ่งเข้ามาหานายใหญ่ของบ้านพร้อมกับอาการเหนื่อยหอบ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้า เอื้องคลานเข่าเข้ามาหาพ่อเลี้ยงธฤตที่นั่งหน้าบึ้งตึงราวกลับโมโหใครมาสักสิบชาติ

“เจอหรือเปล่า” พ่อเลี้ยงถามเสียงเข้มดุ เอื้องส่ายหน้า ตัวสั่นเทิ้มเพราะกลัวที่จะถูกดุอีก

“งั้นจะไปไหนก็ไป” พ่อเลี้ยงธฤตไล่ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รู้สึกเหมือนหน้าจะมืดลมจะใส่อย่างไรบอกไม่ถูก

“ใจเย็นๆนะครับคุณพ่อ รินอาจจะไปธุระ” พนาดรพยายามพูดให้บิดาคลายความเครียดลงเพราะไม่เช่นนั้นอาการป่วยของท่านคงได้กำเริบขึ้นมา

“ไปธุระกับดลนี่นะ! พ่อไม่ได้โง่นะต้นที่จะไม่รู้ว่าดลหายไปด้วย แล้วหายไปก่อนวันที่ฝ่ายโน้นจะมาสู่ขอต้นไม่คิดว่ามันบังเอิญไปหน่อยหรือไง”

“อาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิด” พนาดรพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ให้บิดาคิดเช่นนั้น เพราะเขาเองก็ไม่อยากคิดอย่างนั้นเหมือนกันว่าธนาดลจะกล้าทำอะไรอย่างนี้

“ไม่ใช่! ไม่ใช่ได้ยังไง! พ่อรู้ดีว่าดลเป็นคนยังไง รู้ดีว่าดลกำลังคิดแก้แค้นริสาอยู่เลยลักพาตัวรินไปในวันสำคัญแบบนี้”

แล้วบุคคลที่ไม่สมควรได้รับรู้ว่าลูกสาวสุดที่รักของตัวเองหายตัวไปก็บังเอิญเข้ามาฟังทันประโยคสำคัญพอดี ศิรสาเบิกตากว้าง หน้าซีดเผือด เนื้อตัวเย็นเฉียบไปหมด

“ว่า…ว่ายังไงนะคะ…รินถูกลักพาตัว…” หญิงวัยกลางคนล้มพับไป แต่ยังดีที่พนาดรยังเร็วพอที่จะวิ่งไปรับได้ทันก่อนที่หัวจะกระแทกกับพื้น

“คุณน้า! คุณน้าครับ! “ ชายหนุ่มเขย่าตัวแม่เลี้ยงเบาๆ

“ริสา!” เช่นเดียวกับพ่อเลี้ยงธฤตปราดเข้ามาดูภรรยาด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ คงเป็นลงเพราะตกใจ” พนาดรบอกบิดาก่อนจะตะโกนเรียกเอื้องให้มาช่วยดูแลและช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น

“มันคิดว่ามันเป็นใครถึงทำอะไรไม่เห็นหัวพ่อแบบนี้!! “ บิดาตะโกนขึ้นด้วยอารมณ์ที่พุ่งโกรธอย่างที่ไม่เคยโกรธใครมากขนาดนี้มาก่อนแล้วก็ไม่เคยคิดเลยว่าคนที่ทำให้โกรธได้ขนาดนี้จะเป็นลูกชายของตัวท่านเอง

“ใจเย็นๆครับคุณพ่อ เรื่องดลผมว่าเอาไว้ก่อนดีกว่า แต่ตอนนี้เราจะบอกฝ่ายพ่อเลี้ยงนพดลยังไงว่ารินไม่อยู่”

“ก็คงต้องบอกไปตามความจริง” พ่อเลี้ยงธฤตตัดสินใจ คนอย่างท่านไม่เคยที่จะโกหกใคร เรื่องเป็นอย่างไรท่านจะบอกพ่อเลี้ยงนะดลไปตามความจริง!

“ครับ” พนาดรรับคำบิดา ยกมือขึ้นกุมขมับ เป็นไปได้เขาอยากจะตามตัวน้องชายตัวดีที่ทำอะไรไม่มีหัวคิดมาต่อยสักทีโทษฐานทำให้คนที่บ้านต้องปั่นป่วนมาคอยตามแก้ปัญหาที่เจ้าตัวดีทำทิ้งไว้ ถึงเขาจะไม่อยากให้ศรินดาแต่งงานกับนนทนัฐ แต่วิธีของธนาดลก็รังจะสร้างมาแต่ผลเสียกับเสีย และถึงจะเป็นอย่างนั้นจริง...คนเป็นพี่ก็ต้องปกป้องคนเป็นน้องอยู่วันยังค่ำ












กลับมายังภายในบ้านทรงไทยเรือนสวยท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ ลูกแกะตัวน้อยกำลังถูกหมาป่าไล่ต้อนจนจนมุมทีละนิด

“จะ…จะทำอะไร” ศรินดาถามเสียงสั่น ค่อยๆกระเถิบตัวออกห่างจากธนาดล

“แล้วเธอคิดว่าฉันจะทำอะไร หืม?”

ร่างบางชาวาบเมื่อได้ยินเสียงที่แฝงไปด้วยอะไรบางอย่างที่มันไม่ค่อยจะดีสำหรับเธอเท่าใดนัก

“คุณ…จะทำอะไร”

“นั่นสิ…จะทำอะไรดีนะ” สายตากรุ่มกริ่มแฝงไปด้วยเลิศนัยจ้องมองไปยังร่างเล็กบางที่กำลังกระเถิบหนี หากชายหนุ่มก็กระเถิบเข้าอย่างคุกคาม

“ถ้าคุณทำอะไร ฉันจะร้องให้บ้านแตกเลยคอยดู” รินขู่ หากธนาดลกลับหัวเราะต่ำๆ สีหน้าแสดงออกมาว่าไม่เกรงกลัวคำพูดของเธอเลยแม้แต่น้อย

“เอาสิ…อยากร้องดังแค่ไหนก็ร้องเลย ไม่มีใครได้ยินเสียงเธอหรอกนอกจากฉัน แต่ขอให้เชื่อว่าฉันมีวิธีที่จะปิดปากเธอให้เงียบได้ เมื่อกี้ก็โดนแล้วอยากโดนอีกก็ร้องเลย ฉันเต็มใจปิดปากเธอเสมอ”

“บ้า!” หญิงสาวว่า หุนหันลุกขึ้นจากเตียงกว้าง แต่ก็โดนธนาดลดึงเข้าหาตัวให้ล้มไม่เป็นท่าอยู่บนเตียงก่อนที่อ้อมแขนแข็งแรงจะตวัดรัดเอวคอดเอาไว้ แม้ไม่แน่นมากหากก็ยากที่จะหลุดออก

“เอ๊ะคุณ! ปล่อยฉันนะ” รินตวาดเสียงสูง ทุบกำปั้นลงบนท่อนแขนแข็งแรงไปหลายที

“ไม่ปล่อย จะทำไม” ไม่พูดเปล่าเพราะมีของแถมเป็นการกดจมูกลงบนแก้มใสแรงๆเสียหนึ่งที

...นานๆจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ ของเก็บเกี่ยวความสุขหน่อยแล้วกัน แม้วันหน้าจะเจ็บปวดแสนสาหัสขนาดไหน อย่างน้อยก็ขอให้มีความทรงจำดีๆให้ได้นึกบ้างก็ยังดี

“คุณ!” ศรินดาร้องเสียงหลง ดวงหน้าซับสีเรื่อจนแดงเถือกไปถึงหู และอาการเหล่านั้นก็เรียกเสียงหัวเราะจากธนาดลได้เป็นอย่างดี

คนถูกหัวเราะขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่พอใจ “หัวเราะอะไร ฉันจะกลับบ้าน พาฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้”

“ถ้าไม่พากลับจะทำไม” ชายหนุ่มย้อนถามอย่างกวนโมโห

“ฉันจะกลับเอง”

“ก็ลองดู” ธนาดลท้า กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

“ฉันลองแน่…โอ๊ย! ปล่อยสิ” ศรินดาพยายามแกะแขนที่รัดเอวตัวเองแน่นแต่ไม่เป็นผล

“ไม่ปล่อย” ชายหนุ่มทำหน้าทะเล้น กดจมูกลงบนแก้มหญิงสาวอีกข้าง

“คุณ! ปล่อยฉันนะ ปล่อย…ปล่อยซี่” ร่างบางดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดแต่ดูเหมือนว่ายิ่งดิ้นยิ่งร้อง อ้อมแขนแข็งแรงก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นแถมจมูกโด่งสันยังรุกรานมากขึ้นอีกต่างหาก

“โอ๊ย…ปล่อยนะ! หยุดหอมด้วย! ยู้ด!!” รินตะโกนเสียงยาว ธนาดลจึงหยุดการกระทำทันทีเมื่อเห็นดวงหน้าหวานที่ท่าทางจะโกรธขึ้นมาจริงๆ พร้อมกับคลายอ้อมกอด...แค่คลายแต่ยังไม่ยอมปล่อย

“หยุดแล้วนะ” ธนาดลบอกเบาๆ

“เลิกกอดด้วย” รินสั่งเสียงเข้ม

“อันนี้คงทำตามไม่ได้”

“เอ๊ะ! ก็บอกให้ปล่อยไง ปล่อยแล้วพาฉันกลับบ้าน ป่านนี้คุณพ่อกับพี่ต้นคงโกรธมาก แล้วแม่ฉันอีกล่ะ แม่ฉันจะเป็นยังไง แม่ฉันจะตกใจมากแค่ไหน”

ศรินดาเริ่มพะวงถึงคนที่บ้านโดยเฉพาะมารดาของตนเอง ธนาดลปิดปากเงียบเมื่อหญิงสาวเอ่ยถึงมารดาของเธอ ชายหนุ่มไม่อยากแสดงความคิดเห็นอะไรทั้งนั้นเพราะถ้าให้เขาพูด เขาคงพูดว่า…เป็นอย่างนี้ล่ะดีแล้ว รู้ซึ้งถึงความรู้สึกที่ถูกพรากจากคนที่รักบ้างน่ะดีแล้ว รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดที่เขาเองเคยได้รับมันอย่างแสนสาหัสในคราวที่เสียแม่ไป…

ถ้าพูดอย่างนั้นออกไป สุดท้ายก็ต้องมานั่งทะเลาะและพูดจาหักหาญน้ำใจกัน เขาอุตส่าห์พาเธอมาถึงที่นี่เพื่อที่จะสร้างความทรงจำที่แสนสุข

“พูดอะไรหน่อยได้ไหม เงียบทำไม ที่เงียบนี่แสดงว่าคุณดีใจใช่ไหมถ้าแม่ฉันเป็นอะไรไป ที่คุณพาฉันมาที่นี่เพราะจะแก้แค้นแม่ฉันใช่มั้ย! ใช่มั้ย!!”

“ก็แล้วแต่เธอจะคิด” ชายหนุ่มตอบง่ายๆ คลายอ้อมกอด ปล่อยให้หญิงสาวเป็นอิสระ ร่างสูงก้าวลงจากเตียง ตาคู่คมมองมายังใบหน้าหวานที่ตอนนี้แสดงอาการโกรธเกรี้ยวออกมาเต็มสีหน้า

“ลุกขึ้นมาแล้วก็ไปอาบน้ำซะ เสื้อผ้าเธออยู่นั่น” ธนาดลหันไปทางกระเป๋าใบย่อมที่วางอยู่ข้างโต๊ะเครื่องแป้ง

“ไม่!” หากศรินดากลับปฏิเสธเสียงแข็ง

“ลุกขึ้นแล้วไปอาบน้ำซะศรินดา” ธนาดลบอกอย่างใจเย็น แต่สายตากับแสดงออกถึงเลิศนัยแปลกๆ

“ไม่!”

“หนึ่ง”

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายนับเลข คิ้วเรียวถึงกับขมวดมุ่น จ้องมองอีกฝ่ายเขม่น “คุณนับทำไม จะทำอะไรมิทราบ” ตาคู่สวยมองอีกฝ่ายอย่างระแวดระวัง

“สอง” ธนาดลค่อยๆเข้าใกล้ๆริมขอบเตียง ทำท่าจะขึ้นมาบนเตียงอีกรอบ

“ถ้าถึงสามเมื่อไหร่แล้วเธอยังไม่ไปอาบน้ำฉันจะอาบให้เธอเอง” ดวงตาของธนาดลจ้องมองไปยังร่างบางราวกับราชสีห์ที่กำลังจะจับเหยื่อ

“สาม!”

“รู้แล้ว!!” ร่างบางลงจากเตียงวิ่งปรู๊ดเข้าห้องน้ำทันที ธนาดลยิ้มกับอาการลนลานของหญิงสาวเล็กน้อย โคลงศีรษะน้อยๆอย่างอ่อนใจ

“คนบ้า!!” คนที่เข้าห้องน้ำไปแล้วแง้มประตูให้เห็นเพียงแค่หน้าออกมาแลบลิ้นใส่ก่อนจะปิดกลับไปรวดเร็ว

…ยัยบ๊องเอ๊ย…













“ว่ายังไงนะ! เมื่อกี้พ่อเลี้ยงพูดว่าอะไร!!” พ่อเลี้ยงนพดลลุกขึ้นโวยลั่นเมื่อได้รับรู้ความจริงเรื่องศรินดาจากปากของพ่อเลี้ยงธฤต

“รินหายตัวไป ตอนนี้ยังหาไม่เจอ” พ่อเลี้ยงธฤตบอกความจริงให้อีกฝ่ายฟังอีกรอบ ไม่มีท่าทีที่จะเกรงหรือกลัวที่ฝ่ายที่กำลังโกรธเลยแม้แต่น้อย

“แล้วมันเกิดเรื่องบ้าๆแบบนี้ขึ้นได้ยังไง นี่ไม่ใช่วันแต่งยังหายตัวไปได้ แล้วถ้าวันแต่งเกิดหายตัวไปอย่างนี้อีก แล้วผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

“ก็ไว้ที่เดิมนั่นแหละครับ” พนาดรโพล่งขึ้นมาเสียงเรียบ มองผู้สูงวัยกว่าอย่างไม่เกรงกลัวก่อนจะพูดต่อ“ถ้าพ่อเลี้ยงไม่พอใจน้องสาวผม จะยกเลิกงานแต่งงานก็ได้นะครับ ผมไม่ว่าอะไร”

“ไม่เป็นไรครับ” นนทนัฐรีบปฏิเสธข้อเสนอของพนาดรด้วยตนเอง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะแต่งงานกับ ศรินดาให้ได้ จะได้สะใจที่เห็นใครบางคนมีชีวิตอยู่ก็เหมือนไม่มี!

“ยังไงผมก็ยังยืนยันที่จะแต่งงานกับริน แต่ไม่ทราบว่ารินหายไปได้ยังไงครับ ทำไมคนในบ้านไม่เห็นรู้เรื่องกันเลย แล้วนี่แจ้งตำรวจหรือยัง”

“เราจัดการกันเองได้” พนาดรบอกเสียงเย็น ปรายตามองนนทนัฐอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไรนักที่ ‘คนนอกง อย่างนนทนัฐริอาจจะมาจัดการเรื่องในบ้านของตน

“ทำไม่ให้ตำรวจช่วยหาล่ะครับ” นนทนัฐเสนออีกครั้งเพราะแม้จะไม่แสดงออกทางสีหน้าว่าร้อนใจ แต่ความจริงแล้วชายหนุ่มนั้นเป็นห่วงและกังวลไม่แพ้ใครเหมือนกัน

“ฉันไม่ชอบตอบคำถามๆเดิมเป็นครั้งที่สองหรอกนะ” ทั้งน้ำเสียงและสายตาที่ตอบกลับไปนั้นเยือกเย็นไม่ต่างกับน้ำแข็งขั้วโลกเท่าไหร่นัก และเมื่อเจอตอบกลับมาอย่างนี้นนทนัฐจึงยอมปิดปากเงียบ ทว่าในใจกลับร้อยรุ่มอยากตามหาตัวรินให้เจอโดยไว แล้วความคิดหนึ่งก็แว่บเข้ามาในหัวโดยที่ไม่ตั้งใจ

...เดี๋ยว! ไอ้ดล…ไอ้ดลไปไหน ทำไมไม่เห็นมันเลย หรือว่า..มัน!!

“ดลล่ะครับพ่อเลี้ยง ทำไมผมไม่ยักเห็น” นนทนัฐเลียบเคียงถาม

“ดลไม่อยู่” หากคนตอบกลับเป็นพนาดรที่ตอบแทนบิดา

“ไปไหนครับ” นนทนัฐจงใจถามให้อีกฝ่ายเผยพิรุธ เพราะคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคาดเดาคงผิดมากนัก ทุกอย่างล้วนเป็นฝีมือของธนาดล!

“จำเป็นที่ฉันต้องบอกด้วยเหรอ” พนาดรเองก็ทันเกมของนนทนัฐเช่นกัน

“ต้น” พ่อเลี้ยงธฤตปรามลูกชายเมื่อเห็นว่าถ้านนทนัฐถามมากกว่านี้ พนาดรคงไม่ไว้หน้าแน่

“ขอโทษด้วยนะพ่อเลี้ยง ถ้าฝ่ายเราหาตัวรินเจอแล้วจะแจ้งให้ทางพ่อเลี้ยงรู้ทันที” พ่อเลี้ยงธฤตหันไปบอกพ่อเลี้ยงนพดล ท่านเองก็รู้สึกร้อนใจไม่แพ้กัน

“หวังว่าคงเจอเร็วๆนี้นะพ่อเลี้ยง” พ่อเลี้ยงนพดลตอบกลับเสียงแข็ง ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

“ต้องขอโทษแทนคุณพ่อด้วยนะครับ” นนทนัฐขอโทษขอโพยผู้สูงวัยกว่าแทนบิดา

“ไม่ต้องขอโทษหรอกนนท์ ฝ่ายอาต่างหากที่ต้องขอโทษ”

“ไม่ใช่ความผิดของคุณอาหรอกครับ คนที่เอาตัวรินไปต่างหากที่ผิด” นนทนัฐเน้นทุกคำพูดราวกับจะสื่อสารถึงใครบางคน

พนาดรหันขวับทันทีเพราะรู้ทันว่านนทนัฐต้องการจะหมายถึงใคร “นายหมายถึงใคร” ชายหนุ่มถามเสียงขุ่น

“ก็ไอ้คนที่เอาตัวรินไปไงครับ เลวจริงๆ”

“ศรินดาไม่ได้ถูกลักพาตัว กรุณาทำความเข้าใจใหม่ซะด้วย”

“พอแล้วน่ะต้น…” แล้วก็เป็นพ่อเลี้ยงธฤตที่เป็นคนขัดทัพ “...นนท์กลับไปก่อนเถอะ ถ้ารินกลับมาหรือทางเราได้เรื่องอะไรแล้วอาจะติดต่อให้ทางนนท์รู้ทันที”

“ครับ” นนทนัฐยอมรับคำง่ายๆเพราะมั่นใจแล้วว่าเป็นธนาดลแน่ๆที่พาตัวว่าที่เจ้าสาวของเขาไป

...เป็นมันจริงๆไอ้ดล! อย่าให้ฉันเจอตัวแกนะ ฉันจะเหยียบแกให้จมดินเลยคอยดู!!

พ่อเลี้ยงธฤตถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อบรรดาแขกเหลื่อกลับกันไปครบ ร่างท้วมทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างอ่อนล้า อาการไม่ต่างอะไรจากลูกชายคนโตมากนักที่นังหลับตากุมขมับอย่างคนคิดไม่ตกว่าจะตามหาน้องชายตัวดีที่สร้างเรื่องไว้มากมายนี่ยังไง

...นายดลนะนายดล อย่าให้เจอตัวเชียว พี่จะไล่แตะแกให้คุ้มกับที่ต้องตามแก้ปัญหาที่แกสร้างไว้ ไอ้น้องบ้า!!















“ฮัดเช่ย!!” คนที่ถูกนินทาจามขึ้นมาแรงๆจนน้ำหูน้ำตาไหล

...ใครนินทาวะ?

“สมน้ำหน้า สงสัยจะมีคนแอบนินทา” เสียหวานแว่วมาคล้ายจะแอบสะใจ ธนาดลหันไปมองคนที่ออกจากห้องน้ำมาปุ๊บก็พูดจาหาเรื่องกันปั๊บ

“มานี่เลย” ชายหนุ่มเอื้อมมือมาจับข้อมือบางแล้วดึงให้เดินตาม

“จะไปไหน! ปล่อยฉันนะ ปล่อย!! “รินร้องลั่น ไม่รู้ร้องว่าเขาจะทำอะไรแต่ก็ขอร้องดังๆไว้ก่อนเป็นอันดับแรก

“นี่!! เงียบได้แล้ว ฉันไม่พาเธอไปปล้ำหรอก แต่ถ้าขืนร้องมาก เดี๋ยวฉันจะปล้ำซะจริงๆ”

เพราะคำขู่อย่างนั้น เสียงร้องจึงเงียบลงอย่างนี้ แต่ก็ยังมีการมองค้อนให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเธอเองก็ไม่พอใจเหมือนกัน ธนาดลกึ่งลากกึ่งจูงศรินดามายังห้องครัวก่อนจะปล่อยมือออกให้หญิงสาวได้เป็นอิสระ

“ทำข้าวเช้าที” ชายหนุ่มสั่งง่ายๆ รินหันมามองตาโต เอ่ยถามเสียงสูง

“ว่าไงนะ?”

“ทำข้าวเช้าที”

“ฉันไม่ใช่คนใช้คุณนะ! อยากกินก็ทำเองสิ”

“ให้ฉันทำจริงน่ะ”

“ใครหิวคนนั้นก็ทำสิ”

“ได้…” ธนาดลรับคำอย่างง่ายดาย ง่ายเสียจนศรินดาคิดว่าเขาจะงัดเอาลูกไม้อะไรมาใช้อีก

ชายหนุ่มหยิบแครอทที่ซื้อตุนมาเป็นเสบียงเตรียมไว้ออกมาหนึ่งหัว ก่อนจะหยิบมีดกับเขียงขึ้นมาเตรียมพร้อม

...มาวัดใจกันหน่อยดีกว่าศรินดา

เสียงมีดหั่นเข้ากับหัวแครอทดังฉับๆเสียจนรินต้องเหลือบมองเพราะกลัวมีดมันจะหั่นเข้ากับมือคนก่อนที่จะหั่นแครอทจนหมดหัว

“หั่นดีๆสิคุณ เดี๋ยวมีดก็บาดมือหรอก” หญิงสาวร้องเตือนเมื่อเห็นใบมีดเกือบจะหั่นเข้ากับนิ้วของชายหนุ่มให้หลุดไปพร้อมๆกับนิ้วของแครอท

“หั่นแครอทแค่นี้มีดไม่บาดหรอก” ธนาดลกันมาบอกพร้อมรอยยิ้ม มือก็ยังหั่นแครอทไม่ยอมหยุด
ฉับ!

“โอ๊ย!!”

“คุณ!!”


--------------------------------------------------------------------------------

มาช้าขอโทษค่ะ ช่วงนี้ต้องช่วยแม่ทำงานเอกสาร ไม่ว่างเลยจริงๆ อันนี้แว่บมาอัพตอนใหม่ให้
แต่ขอยกยอดเมนท์ไว้ก่อนนะคะ รีบจริงๆค่ะ งานยังไม่เสร็จเลย

ขอบคุณทุกคนมากๆๆๆๆ จริงๆค่ะ ไปก่อนน้าาาาา




ปอแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 พ.ค. 2555, 20:37:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 พ.ค. 2555, 20:37:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 2161





<< บทที่ 25   บทที่ 27 >>
Heronett 9 พ.ค. 2555, 20:45:47 น.
อ๊ายยยยย ช่วงนี้มันเป็นเวลาที่จะเปิดใจกันแล้วน้า จะทำอะไรก็รีบทำนะจ๊ะ


Kazalong 9 พ.ค. 2555, 21:13:17 น.
อิอิ เริ่มเห็นใจกันแล้วสินะ อยากอ่านตอนต่อไปไวไวจัง ลุ้นว่าจะเป็นอย่างไร


MYsister 9 พ.ค. 2555, 21:14:07 น.


เด็กหญิงม่อน 9 พ.ค. 2555, 22:03:09 น.
เชียร์นายดลให้ปล้ำเลย นางเอกเล่นตัวนัก 5555


nunoi 9 พ.ค. 2555, 23:30:26 น.
คุณดลเริ่มจะหวานแล้ว


ดาวคันชั่ง 10 พ.ค. 2555, 01:19:27 น.
มีมุมน่ารักเหมือนกันนี่นาคุณดล ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันคงทำให้รู้ใจตัวเองและเข้่าใจกันมากขึ้นนะทั้งสองคน


lovemuay 10 พ.ค. 2555, 06:48:41 น.
ตาดลเอ๋ย ช่วงนี้แหละรีบทำคะแนนซะ นางเอกจะได้ยอมยกเลิกงานแต่งงาน


WallyValent 10 พ.ค. 2555, 09:47:49 น.
เห็นด้วยกับคุณเด็กหญิงม่อนทุกประการ 555+


roseolar 10 พ.ค. 2555, 10:31:27 น.
แอบคิดในใจว่าคุณดลคงแอบลักพาตัวนางเอกมา แล้วก็เป็นจริงดังว่า
แล้วถ้าเชียร์ให้ปล้ำ เอ๊ย!!ให้รักกันไวไว จะมีสิทธิ์มั้ยที่จะได้เห็นฉากหวานๆของทั้งสอง
อ่านบทนี้แล้วแอบสมน้ำหน้านายนนท์ พร้อมกับรู้สึกแบบนี้ เวลาเห็นคุณดลหั่นแครอท เพราะเสียงโอ๊ยที่ร้องมันหมายความว่า ตอนหน้าฉากหวานชัวร์!!!!


anOO 10 พ.ค. 2555, 12:18:10 น.
มีโอกาสแล้วนะนายดล รีบๆใช้โอกาสซะล่ะ ไม่งั้นหลุดมือแน่ๆ คราวนี้


tutas 10 พ.ค. 2555, 15:48:50 น.
มาถึงขั้นนี้แล้วอย่าปล่อยโอกาศให้สูญเปล่านะคุณดล พลาดคราวนี้แล้วจะเสียใจไปตลอดชีวิตเ้ด้อ..(แต่ก็แอบกลัวว่าคุณดลจะทำให้เรื่องมันแย่ไปกว่านี้จริงๆ)


หมูบูลิน 11 พ.ค. 2555, 02:41:00 น.
เริ่มน่ารักแล้วนะคุณดล รีบๆทำคะแนนกับสาวเค้าล่ะ นานๆทีจะมีเวลาทำคะแนน


teesaparn 11 พ.ค. 2555, 11:39:32 น.
จะใดก่อมาเวยๆ หื้ออภัยได๊ เพราะไปเยียะหน้าตี้ลูกสาวตี้ดี


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account