เล่ห์รัก...เล่ห์แค้น
เป็นนิยายเรื่องแรกของปอแก้ว...ที่เคยลงจนจบไว้นานมากแล้ว ตอนนี้เลยลองเอามาปัดฝุ่นรีไรท์ใหม่ค่ะ :)
-----------------------------------------------------------------
เรื่องราวความรักระหว่างคนสองคนที่เริ่มด้วยความแค้นเมื่อ ‘ธนาดล’ ลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงธฤตกลับมาจากต่างประเทศ เขาทำทุกวิถีทางเพื่อจะแก้แค้นศิรสาซึ่งเป็นแม่เลี้ยงโดยใช้ ‘ศรินดา’ ซึ่งเป็นลูกสาวเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นครั้งนี้
-----------------------------------------------------------------
เรื่องราวความรักระหว่างคนสองคนที่เริ่มด้วยความแค้นเมื่อ ‘ธนาดล’ ลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงธฤตกลับมาจากต่างประเทศ เขาทำทุกวิถีทางเพื่อจะแก้แค้นศิรสาซึ่งเป็นแม่เลี้ยงโดยใช้ ‘ศรินดา’ ซึ่งเป็นลูกสาวเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นครั้งนี้
Tags: ธนาดล ศรินดา พนาดร สลิลธาร
ตอน: บทที่ 25
บทที่ 25
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งก้าวลงจากรถพร้อมด้วยกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อม ก่อนจะกวาดสายตาสำรวจบรรยากาศรอบทิศ เบื้องหน้าที่เห็นคือรีสอร์ทของบิดาอจิรภาส์ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยภูเขา อากาศสดชื่นเย็นสบายกำลังดี โดยรอบมีดอกไม้สีสันนานาชนิดปลูกไว้เพื่อเพิ่มความสดใสทำให้รู้สึกดีขึ้น แม้มันจะไม่ได้มากพอที่จะทำให้เขาสบายใจได้แต่การมาเปิดหูเปิดตาก็คงทำให้เขาละทิ้งความคิดบางอย่างได้บ้าง
“ดล”
ธนาดลหันมามองตามเสียง ก่อนจะคลี่ยิ้มให้คนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งมา “ลูกสาวเจ้าของรีสอร์ทมารับเองเลยหรือ”
คนถูกทักยิ้มกว้าง ไม่วายที่จะฟาดมือไปบนต้นแขนของเพื่อนเบาๆ “เออสิ ก็เพื่อนสุดที่รักอุตส่าห์มาพักด้วยทั้งทีนี่” พูดจบอจิรภาส์ก็กระโดดกอดคอเพื่อนอย่างเคยชิน
“เฮ้ย!” ธนาดลดันเพื่อนออกห่างตัวเป็นพัลวัน ถึงจะคบกันฉันท์เพื่อนมานานแต่ก็ยังไม่ชินเสียทีกับการทักทายอย่างนี้ของเพื่อสาว
“เดี๋ยวพี่นิคก็ได้ตามมาหักคอฉันถึงที่นี่พอดี ปล่อยได้แล้ว” ก่อนจะเอ่ยถึงชื่อแฟนหนุ่มของอจิรภาส์เป็นเหตุผลให้เพื่อนคนนี้ออกห่างจากตัว
“โอ๊ย…” อจิรภาส์ลากเสียงยาวราวกับต้องการจะบอกว่าเธอไม่กลัวสักนิดกับคำพูดของธนาดลก่อนจะบอกเหตุผลเพื่อเป็นการยืนยัน “ไม่ต้องห่วงหรอกพ่อคนนั้นน่ะ ป่านนี้คงกำลังเที่ยวเพลินอยู่ที่อังกฤษนั่นแหละ”
“คิดถึงล่ะสิ” ธนาดลแกล้งถาม ก็คนเป็นแฟนกันอยู่ไกลกันคนละซีกโลกมันจะไม่มีความรู้สึกที่ว่าคิดถึงกันเลยหรือ
“ไม่เลย” หากอจิรภาส์กลับตอบมาโดยไม่ใช้ความคิดเลยสักนิด คิ้วเข้มๆกับกับใบหน้าขาวๆของธนาดลจึงเลิกขึ้นอย่างสงสัย
“จริงน่ะ? อยู่ไกลกันขนาดนี้ไม่คิดถึงกันเลยหรือ” ถาม...เนื่องจากไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เพราะขนาดเขาเอง อยู่ใกล้กันแค่นี้แต่กลับรู้สึกคิดถึงราวกับว่าอยู่ไกลแสนไกล
“ใกล้ไกลเกี่ยวอะไร นายเคยได้ยินไหมว่า ‘ใจสื่อถึงกัน’ น่ะ” แม้คำพูดของเพื่อนจะติดน้ำเน่าไปบ้าง แต่มันก็ทำให้ธนาดลนึกถึงตัวเองได้เป็นอยางดี ขนาดอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ทำไมกลับรู้สึกว่าอยู่ห่างกันคนละซีกโลก หัวใจห่างกันเพียงนิดเดียว แต่กลับสื่อความในใจไม่ถึงหัวใจอีกดวงหนึ่งเลย
“แล้วถ้าสื่อไปไม่ถึงหัวใจดวงนั้นล่ะ จะทำยังไง” ถาม...อีกครั้งเผื่อเพียงสักนิดว่าอจิรภาส์อาจจะมีความคิดดีๆหรือให้คำปรึกษาที่เขาจะสามารถนำไปใช้ได้ แม้เพียงน้อยนิดก็ยังดี
“เป็นอะไรหรือเปล่าดล” อจิรภาส์ถามอย่างเป็นห่วง เพราะไม่เคยเห็นเพื่อนเป็นอย่างนี้มาก่อน ไม่เคย...ที่จะเห็นผู้ชายอย่างธนาดลทำหน้าหมดอาลัยตายอยากอย่างนี้
ธนาดลส่ายหน้าแทนคำพูดปฏิเสธ “...แค่อยากลองถามดูว่าถ้ามันสื่อไปไม่ถึงแล้วเราควรจะทำยังไงต่อไป”
“มันก็แล้วแต่คนนะ ถ้ารักมากคงต้องพยายามต่อไป แม้วันนี้เขาจะยังไม่รู้ แต่สักวันฉันเชื่อว่าเขาจะต้องรับรู้ได้แน่ๆ ว่าแต่ถามทำไม เจอผู้หญิงปฏิเสธไม่รับรักหรือจ๊ะ” ประโยคหลังสุดอจิรภาส์แกล้งแหย่เล่น ธนาดลไม่ตอบคำถามชายหนุ่มทำเพียงแต่ยิ้มกลับไปน้อยๆเท่านั้น เพราะสิ่งที่เขาเจอมันยิ่งกว่าการถูกปฏิเสธเสียอีก มันหนักกว่านั้นหลายเท่านัก ขอให้พร้อมมากกว่านี้...ทั้งความรู้สึกและหัวใจ แล้วเขาจะเล่าสิ่งที่อยู่ในใจให้อจิรภาส์ฟัง
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเช้าของบ้านอึมครึมผิดปกติจนสังเกตได้ ศรินดาเหลือบมองพี่ชายต่างาสยเลือดที่นั่งฝั่งตรงข้ามเป็นระยะๆ รู้สึกไม่ดีเลยที่พนาดรแสดงอาการไม่สนใจออกมาอย่างชัดเจน แต่จะให้เธอปฏิเสธแต่งงานกับนนทนัฐเธอก็ทำไม่ได้เช่นกัน
...ไม่ใช่ทำไม่ได้แต่เธอจะไม่ทำ ถ้าผู้ชายคนนั้นอยากให้เธอหายไปนัก เธอก็จะไป...อย่างที่เขาต้องการ
“ดลล่ะครับพ่อ ทำไมยังไม่ลงมา” พนาดรถามบิดาเมื่อเห็นว่าน้องชายยังไม่ลงมาพร้อมที่โต๊ะอาหารทั้งๆที่เลยเวลามามากแล้ว
“ไม่ต้องรอหรอก” บิดาบอกสั้นๆ ไม่ยอมขยายความให้ชัดเจน
“งั้นเดี๋ยวผมขึ้นไปตาม” ลูกชายคนโตทำท่าว่าจะลุกขึ้นไปตามน้องชายถึงห้องนอนแต่ผู้เป็นพ่อก็ยังไงพอที่จะเอ่ยรั้งทัน
“ไม่ต้องตามหรอกต้น ดลไม่อยู่”
หากคนที่ชะงักค้างกลับไม่ใช่พนาดรเพียงคนเดียว ศรินดาที่นั่งอยู่อีกฝั่งก็หันมามองหนาบิดาเพื่อรอคำอธิบายที่มันชัดเจนมากกว่านี้เช่นกัน
“ไปไหนครับ”
“พักผ่อนล่ะมั้ง” พ่อเลี้ยงธฤตตอบราวกับว่าไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไร
“แล้วทำไมไม่บอกผมซักคำ” หากพนาดรกลับอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาเบาๆเพราะความเป็นห่วง ธนาดลเพิ่งจะถูกทำร้ายมาแล้วยังจะออกจากบ้านไปพักผ่อน เกิดพวกไอ้ชัยมันย้อนกลับมาทำร้ายจะทำยังไง
“น้องโตแล้วนะต้น ดูแลตัวเองได้” คนเป็นพ่อบอก พอจะดูออกเช่นกันว่าลูกชายคนเล็กกำลังมีปัญหาหนักอก ท่านถึงปล่อยให้ออกไปพักผ่อนเพื่อคลายความเครียดลงไปบ้าง ที่สำคัญ...ธนาดลไปพักที่รีสอร์ทบิดาของอจิรภาส์ ไม่มีอะไรที่ท่านจะต้องวิตกหรือกังวล
“ทราบแล้วครับ” พนาดรรับคำบิดาเบาๆ แต่หญิงสาวอีกคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโต๊ะอาหารนั้นหน้าเจื่อนลงทันใด ในใจรู้สึกโหวงๆชอบกล มันเหมือนกับว่าธนาดลกำลังจะเดินออกไปจากชีวิตเธอก่อนที่เธอจะเดินออกจากชีวิตเขาตามคำที่เขาบอก...เมื่อวันนั้น
“เอ้า...กินข้าวได้แล้ว” พ่อเลี้ยงธฤตบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม สมาชิกในบ้านจึงเริ่มลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้าเว้นเสียแต่พนาดร
“พ่อครับ”
พ่อเลี้ยงธฤตละความสนใจจากอาหารตรงหน้ามามองลูกชายที่ตอนนี้มีสีหน้าไม่พอใจมากอย่างที่ท่านไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่เล็กจนโต
“มีอะไรต้น ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่ลูกสาวคุณพ่อกำลังจะแต่งงาน” พนาดรปรายตามองมาที่น้องสาวนิดหนึ่งก่อนที่จะทำเป็นไม่สนใจ รินรวบช้อน ยืดตัวตรง เธอรู้อยู่แล้วว่าวันนี้ไม่ว่ายังไงพนาดรก็คงต้องบอกเรื่อง
แต่งงานให้พ่อเลี้ยงธฤตรู้แน่ แต่เธอก็ไม่คิดว่ามันจะรวดเร็วและเย็นชาขนาดนี้ พ่อเลี้ยงธฤตตกใจเล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติได้ในไม่ช้า
“จริงหรือเปล่าริน” พ่อเลี้ยงธฤตถามลูกเลี้ยงอย่างศรินดาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนไม่มีแววตำหนิสักนิดในน้ำเสียง
“ค่ะ” หญิงสาวตอบรับคำถามนั้นเบาๆ
“กับใคร...นนทนัฐหรือ”
“ค่ะ” ศรินดาตอบรับก่อนจะตั้งคำถามถามกลับไปอย่างกล้าๆกลัวๆ “คุณพ่อ...ไม่โกรธรินหรือคะ”
...อย่างที่พี่ต้นโกรธ...เธอต่ออีกประโยคในใจ
“พ่อจะโกรธรินทำไม พ่อไม่เคยบังคับเรื่องนี้กับรินอยู่แล้ว รินเลือกใครพ่อไม่ว่าหรอกแต่ขอแค่ให้ผู้ชายคนนั้นรักลูกสาวพ่อก็พอ” แม้จะไม่ใช่บิดาแท้ๆ แม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่ท่านก็เป็นห่วงและรักศรินดาไม่ต่างจากลูกในไส้อย่างพนาดรและธนาดลเลย
ศรินดายิ้มบางๆให้บิดาต่างสายเลือดก่อนจะหันมามองทางมารดา สายตาตั้งคำถามเดียวกัน
...แม่ไม่โกรธใช่ไหมคะ...
“แม่เชื่อให้ตัวรินนะลูก”
คำตอบของมารดาสร้างรอยยิ้มกระจ่างบนใบหน้ามน “ขอบคุณค่ะแม่”
หากคนสุดท้ายที่เธอหันมองและเอ่ยชื่อกลับไม่ยอมมองแม้เศษเสี้ยวของใบหน้าเธอ
“พี่ต้น”
“ผมอิ่มแล้ว ขอตัวนะครับ” พนาดรลุกขึ้นและเดินออกไปจากโต๊ะอาหารทันที ศรินดามองตามแผ่นหลังกว้างของพี่ชายด้วยแววตาโศก หญิงสาวรู้ว่าพนาดรคงโกรธและผิดหวังในตัวเธอมาก หยาดน้ำใสๆคลอเต็มดวงตาคู่โต
...แค่คุณดลคนเดียวรินก็เจ็บจนไม่รู้จะเจ็บยังไงแล้ว พี่ต้นอย่าทำแบบนี้ได้ไหมคะ อย่าไม่พูดไม่จากันแบบนี้ รินทนไม่ได้จริงๆ...
“แล้วฝ่ายโน้นจะมาคุยเรื่องแต่งงานเมื่อไหร่” คำถามของพ่อเลี้ยงธฤตปลุกศรินดาให้ตื่นจากความคิดของตนเอง
“รินต้องโทรบอกนนท์ก่อนน่ะค่ะ”
“งั้นได้คำตอบเมื่อไหร่ก็มาบอกพ่อด้วยแล้วกัน จะได้ไปตามดลกลับมา”
“คะ? ตามคุณดลทำไมคะ” หญิงสาวย้อนถามเสียงสูง ดีใจลึกๆที่ใครคนนั้นกำลังจะกลับมา ไม่รู้ว่าเธอชินที่มีธนาดลอยู่ในชีวิตตั้งแต่เมื่อไหร่ แม้ว่าเขาจะร้ายกาจกับเธอไว้มาก แต่มันก็ดีกว่าที่จะไม่มีผู้ชายที่ชื่อธนาดลอยู่ในชีวิตของเธอ
“เรื่องแต่งงานอย่างน้อยคนฝ่ายเราก็สมควรที่จะอยู่กันครบ” พ่อเลี้ยงธฤตบอกถึงสาเหตุที่ต้องตามธนาดลกลับมา
“แล้วถ้าคุณดลไม่มา...”
“ต้องมา...ยังไงดลก็ต้องอยู่ด้วย น้องสาวแต่งงานทั้งทีพี่ชายไม่อยู่มีที่ไหนกัน ไม่ว่าต้นหรือดลก็ต้องอยู่กันทั้งสองคน”
“ขอบคุณนะคะคุณพ่อ” เสียงหวานเอ่ยขอบคุณ “งั้นรินขอตัวนะคะ” ก่อนจะขอตัวออกจากโต๊ะอาหารอย่างมีมารยาท เมื่อเดินพ้นมาจากห้องรับประทานอาหาร มือบางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหมายเลขโทรออก รอฟังเสียงสัญญาณที่เธอไม่เคยรอนานเลยสักครั้ง...ครั้งนี้ก็เช่นกัน
“กำลังคิดถึงอยู่พอดีเลยครับ” คำพูดหวานๆแล่นมาตามสัญญาณโทรศัพท์ไร้สายนั้นหวานจนศรินดาแทบตั้งตัวไม่ทันแต่ก็ยังย้อนถามกลับไปเล่นๆ
“ปากหวานจังนะนนท์” บอกไปก็นึกสะท้อนใจถึงอีกบุคคลหนึ่งที่ไม่เคยพูดอย่างนี้กับเธอเลยสักครั้ง
“ปากหวานแล้วมีรางวัลให้ไหมครับ”
“ที่มาทำปากหวานนี่อยากได้รางวัลหรือ” หญิงสาวแกล้งย้อนถาม
“ลองขอดูครับ เผื่อรินจะใจดี” ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะเป็นฝ่ายตั้งคำถาม “ว่าแต่รินโทรมามีอะไรหรือเปล่า”
“รินบอกที่บ้านแล้วนะว่าจะแต่งงานกับนนท์"”
ปลายสายเงียบไปพักก่อนจะถามว่า “แล้ว...ว่าไงครับ”
“คุณพ่อกับแม่ไม่ว่าอะไรหรอก ท่านให้มาถามว่าทางนนท์จะให้ผู้ใหญ่มาคุยเรื่องนี้เมื่อไหร่”
“แล้วคนอื่นล่ะครับ...พี่ต้น?”
ความเงียบของศรินดาทำให้นนทนัฐถามอย่างห่วงใย
“พี่ต้นไม่พอใจใช่ไหมริน”
“ช่างเถอะ เพราะยังไงรินก็ตัดสินใจแล้ว” ศรินดาตัดบทง่าย สิ่งที่เธอตัดสินใจไปแล้วจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
“ลำบากใจหรือเปล่าริน ถ้า...”
“ไม่หรอกนนท์ รินตัดสินใจแล้ว” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงแน่วแน่
“ถ้าอย่างนั้นอีกสองวันนนท์จะให้พ่อไปคุยนะครับ”
“จ้ะ”
“นนท์เป็นห่วงรินนะครับ”
“ขอบคุณมากนะนนท์” แล้วสายก็ถูกตัดไป ศรินดาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน
...ถอยไม่ได้แล้วริน เดินมาถึงขนาดนี้แล้ว จะถอยหลังไม่ได้อีก จะต้องไม่กลับไปเจ็บปวดอย่างนั้นอีก ไม่เอา...
โซฟาประจำห้องถูกจับจองโดยคุณหมอสาวสวย ตาคู่เรียวจ้องมองไปยังฝั่งตรงข้ามเขม่น ผิดกับคนที่นั่งอยู่อีกฝ่ายลิบลับที่แสดงท่านั่งสบายๆ ไม่กังวลกับสีหน้าบึ้งตึงของคนเป็นลูกสาวเลยแม้แต่น้อย
“ป๊าคะ! ป๊าพูดอะไรมากกว่านี้ได้ไหม เล่นพูดสั้นๆแค่นี้แล้วน้ำจะรู้เรื่องได้ยังไง” สลิลธารโวยลั่น คิ้วขมวดมุ่นจนแทบผูกเป็นโบว์
“แล้วน้ำจะให้ป๊าพูดอะไรล่ะ” คุณตฤนถามลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนด้วยรอยยิ้ม
“ก็พูดอะไรที่มากกว่าน้ำจะต้องหมั้นกับหมอเขตอีกหกเดือนไงคะ” สลิลธารบอกอย่างหงุดหงิด จู่ๆบิดาของเธอก็มาหาเธอถึงห้องพักพร้อมกับบอกข่าวที่ท่านบอกกับเธอว่า...เป็นข่าวดี
“ได้..” บิดารับปากแต่โดยดี “น้ำจะต้องหมั้นกับหมอเขตอีกหกเดือนข้างหน้าไม่มีการต่อรองใดๆทั้งสิ้น”
“ป๊า!!” ลูกสาวแทบจะลุกขึ้นเต้นเป็นจังหวะแร็พเมื่อเจอบิดาย้อนสอนตอบกลับมา “น้ำยังไม่พร้อม” แถมยังตวัดค้อนวงโตไปให้ผู้เป็นพ่ออีกต่างหาก
“อีกหกเดือน ไม่มีการต่อรอง ป๊ายอมน้ำมาหลายเรื่องแล้ว เรื่องที่ยอมให้น้ำเจอไอ้หมอนั่นมันก็มากเกินพอที่ป๊าจะเลื่อนเวลาขึ้นมาอีกแต่ป๊าก็ไม่ทำ แต่ถ้าน้ำต่อรองมากๆ เดือนหน้าเตรียมแต่งได้เลย”
“ป๊า!!” สลิลธารเรียกบิดาเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง “พี่ต้นเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วยคะ ป๊าอย่าเหมารวมได้มั้ย”
“ไม่เกี่ยวอะไร ไอ้หมอนั่นแหละเกี่ยวเต็มๆ ที่น้ำไม่ยอมหมั้นกับหมอเขตเพราะน้ำยังรักมันอยู่ใช่ไหม” คุณตฤนถามลูกสาวตรงและก็ได้คำตอบเป็นความเงียบกลับมา
“ที่ไม่ตอบนี่ยังรักมันอยู่ล่ะสิ”
ริมฝีปากบางเม้มสนิทเป็นเส้นตรงราวกับกำลังขบคิดหาคำตอบที่จะให้บิดาอย่างหนัก
“ไม่ค่ะ...ไม่ได้รัก”
...เธอ...กำลังโกหก เพราะห่วงว่าป๊าของเธอจะไปเอาเรื่องพี่ต้น ถ้าเธอบอกไปว่ายังรักและจะรักตลอดไป
“ไม่รักมันแล้วทำไมถึงปฏิเสธ”
สลิลธารประสานมือไว้ที่ตัก สายตามองมาที่มือตัวเอง เพราะไม่กล้าพอที่จะสบตากับบิดาตรงๆ
“น้ำไม่พร้อม” ลูกสาวอ้อมแอ้มตอบ
“ป๊าให้เวลาน้ำตั้งหกเดือน แล้วหมอเขตก็เป็นคนดี น้ำก็เห็นกับตัวเอง หรือหมอเขตมีอะไรที่ไม่ดี น้ำลองบอกป๊ามาสิ ถ้าหมอเขตมีอะไรที่ไม่ดีจริง ป๊าจะไม่คุยเรื่องหมั้นอีกเลย”
สลิลธารถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ข้อเสนอของบิดาที่ว่าจะไม่พูดเรื่องหมั้นอีกเลยถ้าเธอหาข้อเสียของหมอเขตได้ มันเหมือนกับเธอจะมีทางรอด แต่พอดูอีกทีกลับไม่มีทางรอดเลยสักทาง เพราะสิขเรศไม่มีข้อเสียที่เธอจะยกไปเป็นข้ออ้างได้เลย...สักข้อเดียว
“ว่าไง...มีหรือเปล่า” บิดาย้ำถาม
“ไม่มีค่ะ” ลูกสาวตอบเสียงแผ่ว ยอมแพ้ทุกประตู
“หมอเขตเป็นคนดี น้ำตัดสินใจไม่ผิดหรอกที่จะแต่งงานกับหมอเขต”
สลิลธารก้มหน้ารับรู้โดยไม่มีแม้ข้อโต้แย้ง เพราะคำพูดของบิดา...ถูกต้องทุกคำ
...หมอเขตเป็นคนดี หมอเขตรักเธอ แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วนี่น้ำ จะมาเสียใจทำไม คิดซะว่าเธอกับพี่ต้นไม่ได้เกิดมาคู่กัน เธอกับพี่ต้นไม่ได้เกิดมาเพื่อรักกัน...แค่นั้นเอง
ท้องฟ้ายามค่ำคืนกับลมเย็นๆที่พัดผ่านชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งเล่นอยู่ที่ระเบียงบ้านพัก ดวงตาที่มักมองคนอื่นด้วยสายตาเย็นชากำลังทอดมองดวงดวบนฟ้าอย่างอ่อนโยน เขาไม่มีเวลาที่จะมานั่งดูดาวอย่างนี้มากนัก เพราะมัวแต่ต้องทำงานและคอยแก้แค้นใครบางคน ใครบางคนที่แม้จะหนีมาขนาดนี้แล้วยังลบออกไปจากหัวใจไม่ได้สักที
“นั่งทำหน้ายังกับคนอกหักเลยนะ” เพื่อนสาวเอ่ยแซว ร่างบางระหงเดินเข้ามาก่อนย่อตัวลงนั่งข้างๆ
“ก็อกหักน่ะสิ” ธนาดลยอมรับ ...หักไม่เหลือชิ้นดีเลย
อจิรภาส์ทำตาโต ห่อปากเป็นรูปตัวโอราวกับว่าตกตะลึงเสียเต็มประดา “จริงน่ะ อย่างนายนี่นะจะอกหัก มีตาไว้มองผู้หญิงด้วยหรือไง”
“ทำไม? อย่าฉันจะรักใครไม่ได้หรือไง” ธนาดลย้อนถาม อจิรภาส์ไหวไหล่เล็กน้อย
“ไม่ใช่ไม่ได้ แต่ไม่คิดว่านายจะรักใครต่างหาก แค่เห็นว่าควงกับนาฏฉันยังตกใจจนแทบหัวใจจะวายเลย”
“ขนาดนั้น” น้ำเสียงทุ้มตวัดถามเสียงสูง แม้จะทุกข์ใจแต่พอมีเพื่อนอย่างคุณหนูอจิรภาส์อยู่ข้างๆอย่างนี้ก็รู้สึกผ่อนคลายได้ไม่น้อย
“ขนาดนั้นสิ ถึงจะรู้ว่านายควงนาฏเพราะอะไรก็เถอะ” เพื่อนสาวเว้นวรรคนิดหนึ่งก่อนจะตั้งคำถามในสิ่งที่ธนาดลไม่อยากตอบ “แล้วผู้หญิงคนนั้น ชื่ออะไรนะ...ศรินดาใช่ไหม...เธอเป็นไงบ้าง”
ชื่อของคนที่อยากจะลืมถูกทำให้คิดถึงอีกครั้ง แค่ได้ยินชื่อก็เจ็บปวดแล้ว และถ้าเมื่อวันแต่งงานระหว่างศรินดาและนนทนัฐมาถึงหัวใจดวงนี้มันจะเป็นอย่างไร คงจะ...ย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี
“ไม่รู้สิ ฉันไม่เคยใส่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นยังไง ว่าแต่เธอเถอะ ทำไมถึงจำได้ว่าผู้หญิงคนนั้นชื่อ ศรินดา”
“นอกจากแม่กับยาย รู้ตัวหรือเปล่าว่าชื่อผู้หญิงที่ออกจากปากนายบ่อยที่สุดคือศรินดา” เพื่อนสาวไม่ตอบแต่ตั้งคำถามถามกลับ คิ้วเข้มๆของธนาดลถูกขมวดจนหัวคิ้วแทบจะชิดกัน ไม่เคยได้สังเกตตัวเองว่าเอ่ยชื่อของผู้หญิงคนนั้นมากจนถึงขนาดว่าอจิรภาส์จำได้
“งั้นเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิยะ” ย้ำให้จำได้อย่างนึกหมั่นไส้ มาอีหรอบนี้แสดงว่าคุณธนาดลคงเป็นอย่างที่เธอคาดไว้ตั้งแต่ต้น หลงรักผู้หญิงที่ตัวเองแค้นแล้วใช่ไหม “แล้วที่ตามนาฏขึ้นมาเชียงใหม่ด้วยก็เพราะอยากจะแกล้งผู้หญิงที่นายแค้นล่ะสิ แล้วเป็นไง ได้แก้แค้นสมใจแล้วล่ะสิถึงได้มานั่งอกตรงอยู่อย่างนี้น่ะ”
คุณหนูอจิรภาส์เว้นวรรคเพื่อสูดหายใจเข้าปอดนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“บทจะแค้นก็นึกแต่จะแก้แค้น เคยบอกแล้วใช่ไหมดลว่าให้พอ ทุกครั้งที่นายโทรมาหา ฉันก็บอกเตือนแล้วใช่ไหมว่าให้เลิกการแก้แค้นนี่เสียที แม่นายที่อยู่บนสวรรค์เขาต้องการอย่างนี้จริงๆหรือ แล้วผู้หญิงที่ชื่อศรินดาเธอเกี่ยวอะไรด้วยกับความแค้นของนาย พอตอนนี้ก็รักเธอแล้วใช่ไหม รักแต่ก็ยังไม่ยอมทิ้งความแค้น แล้วเป็นยังไงดล เจ็บใช่มั้ยล่ะ”
ทุกคำพูดของอจิรภาส์ล้วนแล้วแต่จี้ใจดำของธนาดลทั้งสิ้น อจิรภาส์พูดถูก...เธอเคยเตือนแล้วว่าให้เลิกแก้แค้นเสีย เพราะผลสุดท้าย...การแก้แค้นครั้งนี้มันไม่ได้ทำให้ใครมีความสุขขึ้นมาเลย แต่เพราะทิฐิโง่ๆกับความเจ็บปวดที่ยังฟังลึกในหัวใจจึงทำให้เขายังไม่ยอมที่จะทิ้งความแค้นไว้ข้างหลัง
“เจ็บ...” ธนาดลยอมรับเสียงเบา “แต่มันรักไปแล้วจะให้ทำไง” ตามด้วยเสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นเบาๆราวกับกำลังเยาะเย้ยตัวเอง
“นายบอกหรือยังว่ารักเธอ”
ธนาดลส่ายหน้าช้าๆ “ยัง”
“อ้าว! ยังไม่บอกให้รู้แล้วก็มานั่งอกหักอย่างนี้นี่นะ นายจะบ้าเหรอ! มีปัญญาเรียกจนจบเมืองนอกเมืองนา ทำไมแค่เรื่องหัวใจตัวเองถึงได้โง่ๆๆอย่างนี้นะ” วิญญาณคุณหนูอจิรภาส์ผู้ลุยแหลกทุกสถานการณ์เริ่มเข้าสิง หญิงสาวอยากเผ่นกบาลเพื่อนสักทีสองทีให้มันมีหัวคิดมากกว่านี้
“บอกไม่บอกก็ค่าเท่ากัน” หากธนาดลก็ยังทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน ตัดสินใจในสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ฝ่ายเดียวเสมอ
“มันเท่ากันตรงไหนมิทราบยะ! รู้หรือไงว่าเธอคิดยังไงกับนาย”
“รู้”
“รู้ว่า?” อจิรภาส์ย้อนถามอย่างรวดเร็ว
“รู้ว่าเธอเกลียดฉัน”
“นายคงบอกกับเธอว่านายเกลียดเธอเหมือนกันงั้นสิ” หญิงสาวถามประชดเพื่อนโดยไม่คิดว่าสิ่งที่เธอประชดมันจะเป็นความจริง
“ใช่”
“เจริญจริงๆเพื่อนฉัน” มือบางยกขึ้นกุมขมับ ทำท่าเหมือนลมจะใส่ ก่อนจะตั้งสติให้มั่นแล้วจัดการเทศนาเพื่อนสักหนึ่งยก!
“นี่นายจะบ้าเหรอดล ปากน่ะหัดตรงกับหัวใจบ้างจะได้ไหม ใจมันว่าไงก็พูดออกไปแบบนั้นสิ จะมาโกหกใจตัวเองทำไม นายที่มาที่นี่ก็เพราะหนีมาล่ะสิ ไปเลยนะ ไปเก็บของแล้วพรุ่งนี้ก็กลับบ้านไปเลย” เพื่อนสาวออกปากไล่เต็มเสียง
“ฉันไม่กลับ” แต่คนดื้อแถมยังหัวแข็งก็ยังคงปฏิเสธ ไม่สนใจคำไล่ของอจิรภาส์เลยสักน้อย ธนาดลยังยืนยันที่จะอยู่ที่นี่เหมือนเดิม
“นายเป็นคนหนีปัญหาอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“แล้วเธอจะให้ฉันกลับไปเห็นภาพผู้หญิงคนนั้นแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นหรือไง เธออยากให้ฉันขาดใจตายอยู่ตรงนั้นเลยใช่ไหม” น้ำเสียงของธนาดลเริ่มที่จะแข็งขึ้นมาบ้าง อจิรภาส์หันมามองหน้าเพื่อนตรงๆ
“เออ! ให้มันตายตรงนั้นก็ดีกว่ามานั่งโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรแบบนี้! ผู้หญิงไม่ได้เป็นพระเจ้านะที่จะรู้ไปหมดทุกอย่างว่าใครรักใครไม่รักถ้าคนๆนั้นไม่พูดออกไป เพราะฉะนั้นกลับไปซะดล กลับไปทำสิ่งที่สมควรจะทำ แม้ผลมันจะไม่ออกมาอย่างที่หวัง แต่มันก็ยังดีกว่าการที่ไม่บอกให้เธอรู้เลยว่านายคิดยังไง” น้ำเสียงที่แข็งในตอนแรกค่อยๆอ่อนโยนขึ้นทีละนิด ธนาดลนิ่งไปพักหนึ่งแล้วเสียงถอนหายใจยาวก็ดังตามมา ชายหนุ่มมองดวงดาวบนท้องฟ้าโดยยังไม่รับปากในสิ่งที่เพื่อนเสนอ
“รักน่ะไม่ใช่ว่ามันจะรู้สึกกับใครง่ายๆนะดล เพราะงั้นถ้ารู้ว่ารักแล้วก็อย่าปล่อยให้มันหลุดลอยไป เพราะถ้าปล่อยไปแล้วนายจะคว้ามันกลับมาไม่ได้อีกเลย” อจิรภาส์บอกเสียงอ่อน รู้ดีว่าคนอย่างธนาดลนั้นรักคนยากแต่ถ้ารักไปแล้วเพื่อนเธอคนนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนใจ
“ฉันสมควรที่จะกลับไปใช่ไหม” คนที่เงียบมานานถามขึ้นมาบ้าง
“ใช่”
“ได้...ฉันจะกลับไป แต่ฉันไม่รับปากเธอนะเอ๋ว่าฉันจะบอกความในใจให้ผู้หญิงคนนั้นรู้” พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นยืนทันทีทิ้งให้เพื่อนสาวนั่งมองดาวอยู่คนเดียว
...ปากแข็งจริงๆนะดล ตอนเด็กๆที่บ้านเลี้ยงด้วยนมผสมเหล็กหรือยังไงกัน
------------------------------------------------------------------------------------------
เอ่อ...มาช้าขอโทษด้วยค่ะ T^T
คิดว่าตอนนี้ดราม่าเบาๆแล้วน้าาาาา (แต่คู่ของหมอน้ำ รู้สึกว่าจะโดนคุณป๊ากดดัน T^T)
อย่าเพิ่งประท้วงปอแก้วนะค้าาา ตามอ่านกันก่อนนนน
ตอนหน้า...ใครอยากเห็นคุณดลมาดกวน น่ารัก (เบาๆ) และหวานนนน
คุณดลลุคนั้นจะมาแล้วนะคะ :)
ขอบคุณทุกคนที่ยังคอยตามอ่าน (แม้จะเศร้าไปมากกกกกก็ตาม) ขอบคุณที่ยังคอมเมนท์คุยกัน ถ้าจะกดไลค์ให้กำลังใจกันจะดีใจมากเลยค่าาา (อิอิอิ)
คุยกันคุยกันเหมือนเดิมค่ะ...
คุณ jaijing : ฮ่าาาา นั่นสิคะ แต่ตอนนี้คุณดลยอมกลับบ้านแล้วน้าา
คุณ Heronett : เพราะเป็นเรื่องของน้องพี่ต้นเค้าเป็นห่วงค่ะ ก็พี่ชายคนโตนี่น้าาา
คุณ nunoi : ก็นิดหน่อยค่ะ...เพราะเอ๋เป็นเพื่อนที่พูดตรงๆค่ะ ดีบอกดีไม่ดีบอกไม่ดี (คุณดลแอบกลัวด้วยนะ ฮ่าาาา)
คุณ anoo : มาช้าไปวันกว่าๆ ขอโทษนะค้าาา // พี่ต้นเซนท์ดีอ่ะค่ะ เลยไม่ไว้ใจนนท์
คุณ Amata : แต่รินเธอก็ไม่ปฏิเสธจริงๆนั่นแหละค่ะ พี่ต้นโกรธแล้วด้วย
คุณ lovemuay : คุณดลคัมแบ็คแล้วค่ะ ปอแก้วอยากบอกว่า...คุณ lovemuay เดาเกือบถูกเลยยย ฮ่าาา แต่จะเป็นยังไงนั้น ตอนหน้านะคะ ^^
คุณ MYsister : ปอแก้วบอกได้แค่ว่า...ตอนจบมีความสุขค่ะ :)
คุณ หมูบูลิน : ไรเตอร์ก็ปวดใจค่าาาา มานั่งแก้นั่งอ่านอีกทียังสงสัยตัวเองเลยว่าตอนนั้นเขียนไปได้ยังไง T^T
คุณ Pat : ต่อไป...คุณดลจะไม่ทำร้าย (ชั่วคราว) แล้วนะคะ (แหะๆ...ขอยังมีคำว่าชั่วคราวไว้ก่อนนะคะ ^^")
คุณ tutas : อ๊ายยยย...อย่าเพิ่งประท้วงค่าาา คุณดลยังไม่ได้หวานนนนเลยน้าาาา
คุณ Kazalong : ตอนต่อไปน่าติดตามกว่าค่ะ อิอิอิอิ
คุณ ดาวคันชั่ง : พี่ต้นพยายามบังคับแล้วค่ะ แต่ยัยรินดื้อเกิ๊นนนนน
คุณ roseolar : เอ๋สวดคุณดลไปบทนึงค่ะ แถมไล่กลับบ้านด้วย คุณดลเลยยอมกลับ แต่คนอย่างคุณดลถ้ากลับมาแล้วทำตัวดีๆก็ไม่ใช่คุณดลน่ะสิคะ โฮะๆๆๆ ^O^

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 พ.ค. 2555, 21:20:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 พ.ค. 2555, 21:20:50 น.
จำนวนการเข้าชม : 2229
<< บทที่ 24 | บทที่ 26 >> |

หมูบูลิน 6 พ.ค. 2555, 21:58:35 น.
นมผสมเหล็ก เออ คิดได้ไงค่ะเนี่ย
นมผสมเหล็ก เออ คิดได้ไงค่ะเนี่ย

nunoi 7 พ.ค. 2555, 00:29:24 น.
รีบๆเลยนะนายดล อยากให้หวานๆกันซักที
รีบๆเลยนะนายดล อยากให้หวานๆกันซักที

ดาวคันชั่ง 7 พ.ค. 2555, 08:57:52 น.
ทำยังไงพี่ต้นจะชนะใจคุณป๊าำได้ล่ะเนี่ย
ส่วนคุณดลก็เลิกปากแข็งได้แล้วนะคนอ่านลุ้นจะแย่แล้ว
ทำยังไงพี่ต้นจะชนะใจคุณป๊าำได้ล่ะเนี่ย
ส่วนคุณดลก็เลิกปากแข็งได้แล้วนะคนอ่านลุ้นจะแย่แล้ว


tutas 7 พ.ค. 2555, 09:27:51 น.
น่าจะให้คุณหนูอจิรภาส์มาตั้งนานแล้วนะคะ ตอนหน้าขอหวานๆ หน่อยนะคะไม่งั้นจะกินนมผสมเหล็กประท้วงซะเลย(เกี่ยวกันมั๊ยเนี้ย) อิอิ
น่าจะให้คุณหนูอจิรภาส์มาตั้งนานแล้วนะคะ ตอนหน้าขอหวานๆ หน่อยนะคะไม่งั้นจะกินนมผสมเหล็กประท้วงซะเลย(เกี่ยวกันมั๊ยเนี้ย) อิอิ

lovemuay 7 พ.ค. 2555, 09:37:55 น.
บอกแล้ว ดิ้อนักใช่มั๊ย? ฉุดเลย อิอิ
บอกแล้ว ดิ้อนักใช่มั๊ย? ฉุดเลย อิอิ

Heronett 7 พ.ค. 2555, 10:36:20 น.
คุณดลบอกไปซะทีเหอะ เรื่องนี้มีแต่คนปากแข็งแฮะะะะ
คุณดลบอกไปซะทีเหอะ เรื่องนี้มีแต่คนปากแข็งแฮะะะะ


anOO 7 พ.ค. 2555, 12:42:39 น.
สงสัยนายดลคงแค่กลับมากวนใจเฉยๆ ล่ะมั้ง
ต้องรอให้เรื่องนายนนท์ปูดเอง รินถึงจะไม่ต้องแต่งงาน
สงสัยนายดลคงแค่กลับมากวนใจเฉยๆ ล่ะมั้ง
ต้องรอให้เรื่องนายนนท์ปูดเอง รินถึงจะไม่ต้องแต่งงาน


Kazalong 7 พ.ค. 2555, 21:54:18 น.
โอ้ว น่าติดตามลุ้นๆมากมายตอนหน้าต้องอ่านไปยิ้มไปแน่ๆเลย อิอิ
โอ้ว น่าติดตามลุ้นๆมากมายตอนหน้าต้องอ่านไปยิ้มไปแน่ๆเลย อิอิ

roseolar 7 พ.ค. 2555, 23:07:29 น.
อยากรู้ว่าคุณดลกลับไปแล้วจะทำให้รินเปลี่ยนใจได้ยังไง
แต่ที่รู้คือนายนนท์คงแค้นมาก ชิ เกลียดจริงๆผู้ชายคนนี้
อยากรู้ว่าคุณดลกลับไปแล้วจะทำให้รินเปลี่ยนใจได้ยังไง
แต่ที่รู้คือนายนนท์คงแค้นมาก ชิ เกลียดจริงๆผู้ชายคนนี้


WallyValent 9 พ.ค. 2555, 08:25:49 น.
คุณดลทำตัวดีดีเดี๋ยวนี้นะ รู้ไหมว่ามีคนรออ่านตอนพิเศษอย่างใจจดใจจ่อ 555
คุณดลทำตัวดีดีเดี๋ยวนี้นะ รู้ไหมว่ามีคนรออ่านตอนพิเศษอย่างใจจดใจจ่อ 555
