เมืองริษยา
การหย่าร้าง...ไม่ใชจุดสิ้นสุดของความหายนะ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของ "นีรนาท"...
การได้อยู่เพียงลำพัง ยิ่งโหดร้ายเสียกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า เมื่อกระแสลมแห่งความริษยา พัดผ่านไปทั่วทุกพื้นที่ที่หล่อนก้าวเดินไป!
Tags: รัก ริษยา

ตอน: 'ริษยา'

* นวนิยายเรื่องนี้ อยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ของ บริษัท สถาพรบุ๊คส์ จำกัด แล้วครับ *
คาดว่าจะวางแผงภายในปีนี้ (2555)
***************************************************

บทที่ ๑ ‘ริษยา’
----------------

แสงสว่างภายในห้องนั่งเล่น คุมโทนในสีเหลือง แวดล้อมรอบห้องตกแต่งด้วยเครื่องเรือนเรียบหรูแบบมนุษย์สมัยใหม่ ทุกสิ่งอย่างไม่นับรวมสิ่งมีชีวิต...ที่กำลังเปิดฉากสวาทอยู่ภายในห้อง บนโซฟาเบคสีเบจนั้น ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่นิ่งสนิท ไม่เคลื่อนไหวใดใดให้เป็นจุดสนใจอื่นๆ

ดวงตาคมกริบ ประหนึ่งคมมีดเล่มใหญ่...ทอดสายตามองลงไปยังหน้าจอโทรทัศน์ ภาพจากกล้องวงจรปิด เผยฉากอันเร่าร้อนของบุรุษและสตรีที่แสนเกลียดชัง หญิงสาวผู้นั่งรวบฝ่ามือแน่น ดวงตาสั่นไหวและทิ้งน้ำใสให้ไหลหลั่งลงสู่ผืนแก้มอันขาวเนียน ฉาบด้วยสีบรัชออนชมพูอ่อนๆ หยาดน้ำตาจรดสู่มุมปากสีแดงมันวาว เพียงครู่หนึ่ง เธอปรารถนาจะหวีดร้องออกมาให้หายแค้น ทว่า...ความเจ็บปวด ชิงชัง กลับก่อเป็นก้อนลมขนาดใหญ่ สร้างความรู้สึกจุกแน่นในลำคอของเธอ...จนเปล่งเสียงร้องออกมาไม่ได้ สมใจปรารถนา

“มันทำพิษเธอจนได้...เจ็บแสบจริงๆ”

เสียงเข้มขุ่นของสตรีวัยสี่สิบกะรัต เจ้าของสรรพางค์ระหง ดูคล่องแคล่วเหนือตัวเลขแห่งวัยของหล่อน เปล่งเบาๆบริเวณหลังหูของผู้ประสบกับความคับแค้น...ที่ได้แต่นั่งมองจอโทรทัศน์ สัมผัสได้ถึงความแสบสันไปทั้งสรรพางค์กาย เกินกว่าจะหยิบยกคำใดขึ้นมาพร่ำพรรณา

“นาท...เธอรออยู่ที่นี่ล่ะ เดี๋ยวพี่ไปจัดการมันทั้งสองคนเอง”

“ไม่ค่ะ” เสียงสั่นจากความรู้สึกปวดร้าว เอ่ยตอบชนิดที่เรียกว่า...ทันควัน... “พี่ฉัตร อยู่ที่นี่กับนาทก่อน”

วิไลฉัตร ยืดตัวหลังตรง...ขยับชุดสูทกระโปรงสีดำที่สวมใส่อย่างฉุนเฉียว สายตาคมของสตรีทอดมองไปที่หน้าจอโทรทัศน์อีกครั้ง... ยิ่งได้เห็นอาภรณ์ของชายหญิงคนบาป หลุดออกทีละชิ้น... จนเห็นแผ่นหลังเปลือยเปล่ากับสะโพกขาวอันกลมกลึงของบุรุษ ซึ่งบดบังร่างเปลือยของนางแบบแถวหน้าแห่งวงการไว้อย่างมิดชิด...

ยิ่งได้เห็น... หล่อนก็ยิ่งเกิดความเดือดดาล หากมีขวานหรืออะไรสักอย่าง ที่มีคมและหนักมือพอ หล่อนคงคว้าไปจามกระจกหน้าจอโทรทัศน์ ให้วิบัติฉิบหายไปพร้อมกับอารมณ์ทางจิตของหล่อนไปแล้ว

“แล้วเธอจะนั่งทนดู ความอุบาทว์ชาติชั่วของมันทั้งสองคน อย่างนี้น่ะหรือ... แม่นาท!”

ริมฝีปากแดงสดของนีรนาทเม้มแน่น... ไม่มีทาง! คนอย่างเธอ...อดทนกับสิ่งเหล่านี้มามากพอสมควรแล้ว!

‘คุณอินทัช... นังเนวตี... แกทั้งสองคน เตรียมพบกับ ‘ฝันร้าย’ จากฉันได้เลย!’


+++++++++++++++++


ระยะทางห่างกันเพียงชั้นเดียว... ห้องพักของเธอ เพียงเดินขึ้นมาอีกหนึ่งชั้น ก้าวอีกไม่เท่าไหร่ก็ถึงหน้าประตูห้อง จากห้องพักของอดีตผู้จัดการส่วนตัว วิไลฉัตร เรืองไพโรจน์... ทว่า การก้าวเดินแต่ละก้าวของนีรนาทในยามนี้ กลับทำให้เจ้าตัวรู้สึกว่า มันช่างยาวไกลเหลือเกิน...กว่าจะเดินไปถึงจุดหมาย

สิ่งที่ดึงให้เธอก้าวมาขึ้นถึงหน้าห้องของตัวเอง มันคือความคับแค้น...ซึ่งเป็นพลังมหาศาลที่สุด ในความรู้สึกของหญิงสาวผู้นี้

ทว่า...บรรยากาศภายในห้องพักหรูของเธอ กลับตรงกันข้ามกับแวดล้อมภายนอก ราวสวรรค์กับนรก

เสียงแห่งความปราโมทย์และลีลาเร่าร้อน แผ่ขยายกลิ่นหอมแห่งคาวโลกีย์ ไปทั่วอณูอากาศภายในห้องห้องนี้... ไฟพิศวาส กำลังจะชักนำชะตาชีวิตของชายหญิงผู้ต้องบาป ในเวลาอันใกล้ โดยที่คนทั้งสองมิอาจทันตั้งตัว!

‘กิ๊ง...ก่อง’

เกมหฤหรรษ์ถูกสกัดด้วยเสียงออดหน้าห้อง... ฝ่ายชายผละตัวออกมาจากร่างเพรียวระหงของนางแบบสาว อีกนิดเดียวเท่านั้น...คนทั้งสองจะก้าวเข้าสู่ประตูวิมานร่วมกัน แต่ทั้งคู่กลับพบว่า...วาสนาของพวกเขา กลับถูกมารเข้าผจญบดบัง จนเรือลำยักษ์ต้องล่มปากอ่าว...

“ฉิบหาย!” อินทัช อยู่ในท่าไม่สะดวกที่จะยืน... ทุกสิ่งอย่างมันค้างตื้อ เช่นอารมณ์จากกามกิจ ชายหนุ่มวัยสามสิบ นั่งยกแขนขึ้นปาดเหงื่อ เหลือบสายตาคมกร้าวไปทางประตูห้องพัก “เวรเอ๊ย! ใครวะ...มาขัดจังหวะกูตอนนี้”

“ก็รีบๆไปดูเข้าซี่! จะได้มาต่อ...” เนวตีขยับตัวลุกนั่ง เมื่อครู่นี้หล่อนตกใจเสียงออด...จนเกือบแล้วที่หล่อนจะถีบชู้รักกระเด็นหงายหลังไป “เอ๊ะ! อย่าบอกนะ...ว่าเป็นเมียคุณน่ะ”

“ประสาทหรือไง! ฉันบอกแล้วไม่รู้จำ” อินทัชหันมากระแทกเสียงขุ่น “นาทไปเยี่ยมแม่ที่เชียงใหม่ กว่าจะกลับก็วันเสาร์... บอกจนปากจะฉีกไปถึงรูหู!”

“ก็รีบๆลุกไปดู! ก่อนที่ฉันจะหมดอารมณ์เสียก่อน!”

อินทัชกระฟัดกระเฟียด ออกอาการฉุนเฉียวประหนึ่งกระทิงคลั่ง เขาหยิบกางเกงบ็อกเซอร์ตัวบางขึ้นสวมลวกๆ ดึงชุดคลุมสีดำสวมทับร่างกายที่ชุ่มเหงื่ออีกครั้ง ก่อนจะก้าวเร็วๆไปถึงหน้าประตูห้อง แล้วเอื้อมมือไปเปิดรับความหายนะใหม่ในชีวิต ทันทีที่บานประตูเปิดออก และร่างของภรรยาวัยยี่สิบหกกะรัต ปรากฏยืนอยู่ท่ามกลางสายตาอันตื่นตะลึงของเขา!

“นะ...นาท!”

เสียงแหบแห้งจากความตะลึงลาน... มิใช่เพราะใบหน้าขาวของผู้เป็นเมียแต่ง ผู้ซึ่งผ่านรั้วประตูวิวาห์ร่วมกับเขาไม่ถึงปี! มิใช่เพราะน้ำตาแห่งความแค้นจากดวงตาของหญิงสาว... และมิใช่เป็นเพราะว่า...คำพูดโกหกที่เธอเคยบอกเขาไว้ ว่าจะไปเยี่ยมแม่จนกว่าจะถึงวันนั้น...

แต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มตกใจ...จนทำอะไรไม่ถูก พูดคำใดออกมาไม่รู้ศัพท์... มันคืออาวุธกระบอกหนักสีนิล ในมือของคนที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘ภรรยา’ ต่างหาก!

“เข้าไปในห้อง...” เสียงเข้มขุ่นของเธอพร้อมด้วยอาวุธสังหาร บังคับสามีให้ยอมจำนน...และก้าวถอยหลังเข้าไปในห้องแต่โดยดี “ถ้าคุณไม่อยากเหลือแค่ชื่อ...ก็ถอยหลังเข้าไปในห้อง ฉันบอกให้ถอยไป!”

อินทัชก้าวกลับเข้ามาด้วยท่าทีตระหนกลนลาน จนล้มลุกคลุกคลาน...หมดท่านายแบบชื่อดังแห่งวงการเปลื้องผ้า... เสียงหวีดร้องของเนวตี ดังขึ้นเป็นฉากหลัง ชวนให้อินทัชสยอนกลัวภรรยามากขึ้นไปอีก

“นะ...นาท! นาทจ้ะ” เนวตีลุกพรวดขึ้นนั่ง ราวกับถูกมือที่มองไม่เห็น ฉุดร่างเธอขึ้นมา “ฟะ...ฟังฉันอธิบายก่อนนะ คะ...คือว่า...”

มือไม้ปัดป่าย ไขว่คว้าจะหาอาภรณ์ของตนมาสวมใส่ ทว่าเสียงแผดลั่นจากนีรนาท และท่าทีกรรโชกด้วยอาวุธสังหาร ที่จ่อปลายวิถีกระสุนมาทางหญิงชู้ พาให้เนวตีนั่งนิ่งราวกับหล่อนถูกสาปไปในบัดดล

“อยู่เฉยๆนะ! หล่อนนั่งอยู่ตรงนั้น...อย่าได้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไปไหนทีเดียว ถ้าไม่อยากตายอนาถกับสภาพทุเรศๆแบบนี้ อยู่นิ่งๆเสีย!”

ดวงตาปรากฏภัยร้ายของนีรนาท เคลื่อนที่มานิ่งสนิทยังคนเป็นสามีอีกครั้ง... มือสวยอีกข้างหนึ่งซึ่งทิ้งแนบกับลำตัว พร้อมด้วยซองเอกสารสีน้ำตาลในฝ่ามือ ถูกยกขึ้นแล้วโยนใส่หน้าของอินทัช ด้วยสุดแรงที่พึงมี

“หยิบเอกสารในซองนั้นออกมา! แล้วหยิบปากกามาเซ็นให้ฉัน! ถ้าคุณยังคิดจะดื้อดึงกันต่อไป ก็อย่าได้ฝันว่าจะมีวันพรุ่งนี้อย่างคนอื่นอีกเลย! เซ็นใบหย่าให้ฉัน เดี๋ยวนี้!”

“นะ...นาท ระ...เราคุยกันก่อนได้นะ อย่าทำแบบนี้กับผมเลย ผมรักคุ...”

ยังเว้าวอนไม่สุดความ สามีก็ยกมือขึ้นป้องหน้าตัวเองอย่างผวา เมื่อมองเห็นภรรยาใช้นิ้วหัวแม่มือกดนกปืนลง ทำทีพร้อมจะเหนี่ยวไกในไม่ช้า!

“ผะ...ผมเซ็นแล้ว! ผมเซ็นแล้ว!!”

อินทัชลุกลี้ลุกลน หาปากกาในห้องได้...ก็รีบถอดปลอกด้วยมือสั่น เซ็นใบยินยอมหย่าร้างในมือนั้น...ด้วยท่าทีหวาดกลัวคนเป็นเมียอย่างยิ่ง!

“เสร็จแล้วใส่ซอง... โยนมาให้ฉัน!”

อินทัชทำตามอย่างว่าง่าย... แม้ในใจอยากจะแผดเสียงร้องด้วยความไม่ยินยอม มือสั่นนั้นอยากจะฉีกเอกสารในมือให้แหลกสลายเป็นชิ้นๆเหลือเกิน แต่เขาก็ทำไม่ได้...เพราะความที่รักตัวกลัวตายนั่นเอง!

นีรนาทได้ครอบครองสิ่งที่ตนต้องการ... และแล้ว ภาวะแห่งความอดทนในการใช้ชีวิตคู่ ร่วมกับผู้ชายมากตัณหาผู้นี้ ก็ถึงกาลสิ้นสุดลงได้ในที่สุด!

“นาท...อย่าทิ้งผมไปเลยนะ ผะ...ผมขอโอกาสอีกสักครั้ง... ผมขอร้องนะนาท ผมรักคุณมาก รักจน...”

เขาก็ยังวิงวอนไม่สุดความอยู่ดี... ผู้เป็น ‘อดีตสามี’ กลับเห็นรอยยิ้มแฝงนัย...ของผู้หญิงตรงหน้าขึ้นมาเสียก่อน!

“ฉันคิดว่า... คนที่คุณควรจะขอโอกาสจากเขา ไม่น่าจะเป็นฉันหรอกนะคะ” นีรนาทลดปืนในมือลง ปลายสดับนั้นรับรู้จากที่ไกล เมื่อได้ยินเสียงดังเซ็งแซ่จากหลายริมฝีปาก ซึ่งดังอยู่ ณ บริเวณทางเดินหน้าห้องพักในชั้น และดูเหมือนว่าเสียงของคนกลุ่มนั้น จะดังใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆเสียแล้ว!

“คุณ...กับชู้รักของคุณ ถึงเวลาวิงวอนขอโอกาสจากสังคมแล้วค่ะ...”

อินทัชกับเนวตี ประกอบสีหน้าตื่นตะลึงพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย... กระทั่งองคาพยพอันเพรียวระหงของนีรนาท เคลื่อนพ้นไปจากประตูห้องแล้ว... กองทัพมนุษย์ผู้มีอาวุธเป็นกล้อง...และอุปกรณ์บันทึกเสียงนานาชนิด ต่างพากันถาโถมเข้าสู่ห้องพักของ ‘นีรนาท ดาริกุล’ อดีตนางแบบชื่อดัง...ระดับแนวหน้าแห่งวงการ ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของเนวตี และเสียงตะคอกขับไล่ด้วยโทสะจากอินทัช ทว่าเสียงของชายหญิงผู้เปื้อนความอัปยศ กลับไม่เท่าเทียมกับเสียงร้ายของเหยี่ยวแร้ง ที่พากันดังเซ็งแซ่...ทั้งตั้งคำถาม และกล่าวประณามโจมตี อยู่ในวาระเดียวกัน!


++++++++++++++++++++


รถตู้จากหลายแหล่งข่าว...ต่างสำนัก พากันมุ่งหน้าไปสู่จุดหมายปลายทางเดียวกัน อุปกรณ์บันทึกภาพถูกนำขึ้นมาสำรวจตรวจสอบความพร้อมสำหรับการใช้งาน ครั้งแล้วครั้งเล่า...เพื่อให้เกิดความแน่ใจ กระทั่งรถตู้หลากสีแต่ละคัน เลี้ยวเข้าสู่เส้นทางไปตามถนนที่มุ่งหน้าไปสู่...ศาลจังหวัดนนทบุรี

กระทั่งถึงที่หมายปลายทาง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องมากมาย ยืนเรียงรายเป็นกำแพงมนุษย์ กันอาณาบริเวณอยู่หน้าบันไดศาล... นักข่าวจากหลายสิบสำนัก ถูกจัดให้เข้ากลุ่มกันอย่างเป็นระเบียบ วันนี้ วันพรุ่งนี้ และในอีกหลายๆวันข้างหน้า ข่าวที่พวกเขาจะได้นำไปเผยแพร่วันนี้ จะต้องเป็นที่พูดถึงจนติดปากไปอีกนานนับเดือน และคงจะแทบทั่วทุกหลังคาเรือนอย่างแน่นอน...โดยเฉพาะผู้ที่เสพติดข่าวบันเทิงเป็นชีวิตจิตใจ!

ในที่สุด...เวลาผ่านไปจนถึงกาลที่รอคอย บริเวณประตูทางเข้าออกของศาล ทุกชีวิตเบื้องล่างพบกับการปรากฏตัวของอดีตนางแบบชื่อดังแห่งเมืองไทย... ‘นีรนาท ดาริกุล’ พร้อมกับผู้ที่เดินเคียงคู่เธอมาด้วยรอยยิ้มชื่น เห็นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากอดีตผู้จัดการส่วนตัวคนสนิทของนีรนาท และยังเป็นผู้จัดการส่วนตัวของนางแบบชื่อดังหลายยุคหลายสมัยอย่าง...วิไลฉัตร

นีรนาทก้าวลงบันไดศาล ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกได้ว่าเธอ...ประสบชัยชนะ

“คุณนาทคะ ตกลงเรื่องคดี ผลออกมาเป็นอย่างไรบ้างคะ”

หลายเสียงพร้อมใจกันตั้งคำถามนี้แก่เธอ...ในขณะเดียวกัน ในหัวของเหยี่ยวข่าวทุกคน กลับภาวนาให้เกิดคำตอบที่พวกเขาพอใจ ไปในทิศทางเดียวกัน

“ค่ะ...ตอนนี้นาท ได้รับความเป็นธรรมกลับคืนมาแล้วค่ะ ศาลตัดสินให้นาท ครอบครองทรัพย์สินในส่วนที่เป็นของนาท ครบทุกส่วน ทุกบาท ทุกสตางค์... ส่วนเรื่องหย่านั้น คุณอินทัชเซ็นใบหย่าให้กับนาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่มาวันนี้ ก็ด้วยเรื่องสินสมรสเท่านั้นค่ะ”

คำตอบสั้นๆเพียงเท่านั้นเอง ก็สามารถดึงรอยยิ้มของนักข่าวทุกชีวิต และเกือบแล้วที่จะมีเสียงร้อง ‘เฮ’ ขึ้นมาให้ผู้เป็นเจ้าตัวได้ยิน

“แล้วต่อจากนี้...คุณนาทคิดจะวางแผนชีวิตต่อไปอย่างไรคะ มีข่าวว่า คุณนาทลาออกจาก ราโมน่าโมเดล ที่คุณอินทัชเป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วยแล้ว... คุณนาทจะหันไปทำอาชีพอะไรต่อคะ”

นีรนาทยิ้มรับกับคำถามดังกล่าว เพราะแน่ใจว่าตัวเองมีหน้าที่การงานที่เหมาะสมรออยู่แล้ว

“นาทติดต่อกับเซดิออสไว้ค่ะ” เธอหมายถึงบริษัทผู้ผลิตนิตยสารแฟชั่นชื่อดังแห่งยุค ‘เซดิออส แมกกาซีน’ ซึ่งเธอได้รับการเชิญชวน จากบรรณาธิการบริหารชื่อดังของที่นั่น “นาทจะไปทำหน้าที่เป็นบก.ฝ่ายดูแลคอลัมน์เกี่ยวกับแฟชั่นน่ะค่ะ นาทคิดว่า...นาทน่าจะได้ใช้ประสบการณ์ที่เราได้เคยผ่านงานต่างๆมา และวุฒิปริญญาที่นาทได้รับมาด้วย นาทคาดว่า...นาทอาจจะเหมาะสมกับหน้าที่การงานนี้ มากกว่าการเดินแบบ”

นักข่าวต่างสำนัก พากันทำเสียงฮือฮาด้วยความยินดี

“แล้วคุณอินทัช กับคุณเนวตีล่ะค่ะ คุณนาทคิดยังไงคะ หากได้มีโอกาสได้ร่วมงานกันในอนาคต เพราะพวกคุณก็ยังอยู่ในวงการเดียวกันอยู่ดี”

นีรนาท เริ่มรู้สึกว่านักข่าว...กำลังจะเปิดประเด็นสำคัญของวันนี้เข้าเสียแล้ว ราวกับถูกสะกิดแผลที่กำลังจะหายดี ให้กลับรู้สึกเจ็บแสบขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง...

ทว่า...ภาพสีหน้าของนีรนาท ในสายตาของนักข่าวทุกชีวิต... กลับพบว่าเธอมีรอยยิ้มตอบกลับพร้อมคำตอบด้วยน้ำเสียงราบรื่น... ราวกับเธอเก็บความเจ็บปวดจากอดีตไว้ได้มิดชิด

“ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกัน...ไม่รู้สิคะ มันยังไม่ถึงเวลานั้น แต่นาทคิดว่า คงจะเป็นไปได้ยากน่ะสิคะ”

“ทำไมเหรอคะ คุณนาทจะปฏิเสธงานเหล่านั้นเลยหรือคะ?” นักข่าวผู้ตั้งคำถามเดิม ถามต่ออย่างนึกสนุก “คุณนาทกลัวการเผชิญหน้าใช่ไหมคะ?”

นีรนาทผินมองวิไลฉัตร ซึ่งยืนประกอบสีหน้าขุ่นลงเรื่อยๆ ทว่า...เธอก็หันกลับมายิ้มสู้ ต่ออุปกรณ์บันทึกภาพทุกตัวและนักข่าว พร้อมตอบด้วยท่าทีอันเป็นปรกติ...แต่แฝงไว้ด้วยคำพูดสาแก่ใจเล็กๆว่า

“เปล่าค่ะ นาทไม่ได้กลัวการเผชิญหน้ากันหรอกนะคะ... เพียงแต่นาทคิดว่า คงเป็นไปได้ยาก ที่พวกเขาทั้งสองคน จะได้มีโอกาสกลับมาร่วมงานกับนาทอีกน่ะค่ะ เพราะลำพัง...ขอให้พวกเขามีคนจ้างงาน มีเงินใช้ประทังชีวิตไปวันๆ นาทว่า ก็พอสมควรแล้วล่ะมั้งคะ?... เพราะคงจะมีแต่งานกิ๊กก๊อก ที่จ้างเขาทั้งสองคนให้ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ นาทขอตัวก่อนนะคะ...”

สิ้นสุดประโยคอันเผ็ดร้อนนั้น เจ้าหน้าที่ที่นีรนาทขอความช่วยเหลือ...จึงเข้ามากันเธอออกไปจากฝูงเหยี่ยวข่าวทั้งหลาย นีรนาทสวมแว่นกันแดดของคริสเตียน ดิออร์ ราคาเหยียบหมื่น ก้าวเดินตรงไปยังลานจอดรถปีกซ้ายของตึกศาล ท่ามกลางวงล้อมของเจ้าหน้าที่หลายคน... ในขณะที่บนใบหน้าขาวผ่องของเธอนั้น ปรากฏแต่รอยยิ้มชื่น...พร้อมๆไปกับทุกก้าวที่หญิงสาวก้าวเดิน!

กระทั่งมาถึงบริเวณลับสายตาคน... เบื้องหน้ามี เมอร์ซิเดส เบนซ์ คันงามจอดรอเธออยู่ วิไลฉัตรก้าวเร็วๆตามหลังนีรนาท ปากก็เปล่งเสียงถาม

“นาท ตกลงจะเอายังไงกันต่อ” คำถามนั้น หยุดทุกความเคลื่อนไหวของหญิงสาว ให้หันมาปราศรัยกับผู้ถามเพื่อหาข้อตกลง “ไปหาอะไรกินกันก่อนไหม? แล้วค่อยแยกย้ายกลับบ้าน เธอทิ้งรถไว้ที่นี่ก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่ขับรถกลับมาส่ง”

น่าเสียดายที่หญิงสาวไม่มีอารมณ์จะนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับใครในตอนนี้ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าอิสรภาพที่เธอเพิ่งจะได้รับมานั้น มันเป็นความสุขที่แท้จริง และจีรังยั่งยืนไปตลอดชีวิตของเธอหรือไม่ ณ เวลานี้...นีรนาทจึงถามตัวเอง ว่าเธออยากจะทำอะไร และอยากจะไปที่ไหนเป็นสถานที่แรก ในช่วงเวลาของการจบสิ้นแห่งวาระทุกข์โศก พันธนาการแห่งกรรมสิ้นสุดลงแล้ว... ความสุขแรกที่เธอคิดอยากทำ นีรนาทนึกขึ้นได้พร้อมรอยยิ้ม... ก่อนจะตอบวิไลฉัตร ผู้จัดการที่แสนดีของเธอไปว่า

“นาทอยากไปไหว้พระน่ะค่ะพี่ฉัตร นาทอยากอยู่คนเดียว...คิดอะไรคนเดียวสักวันสองวัน นาทอยากปรับตัว... ก่อนจะกลับไปใช้ชีวิตตัวคนเดียวอีกครั้งน่ะค่ะ”

วิไลฉัตรได้ยินคำตอบและมองเห็นรอยยิ้มของนีรนาท พลอยให้หล่อนต้องยิ้มตามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ผู้หญิงตรงหน้าดูเข้มแข็งขึ้นมากเหลือเกิน... เพียงไม่กี่เดือนก่อนหน้า ที่หล่อนยังเห็นหญิงสาวยังฟูมฟาย ร่ำไห้...คิดทำร้ายตัวเองอยู่แท้ๆ แต่ดูวันนี้ของเธอสิ... เธอมีแต่ความปราโมทย์ปรากฏอยู่ให้หล่อนเห็น

“ถ้าอย่างนั้น... แยกย้ายกันตรงนี้แล้วกันนะ แล้วค่ำๆ พี่จะแวะไปเยี่ยมที่ห้อง แล้วเจอกัน”

“ค่ะพี่ฉัตร...ขอบคุณสำหรับวันนี้ และทุกวันที่ผ่านมานะคะ”

สตรีทั้งสองยิ้มให้กันอย่างภาคภูมิอีกฝ่าย... ก่อนจะหันหลัง แล้วแยกย้ายกันไปที่รถของแต่ละคน ซึ่งจอดอยู่ห่างกัน ราวๆสิบคันรถ

--------------------------------------
ขอบคุณที่ติดตามครับ ^^
สุริยาทิศ



สุริยาทิศ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 พ.ค. 2555, 17:57:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 พ.ค. 2555, 17:57:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 1247





   บทที่ ๒ ผ่านภัย...ไม่พ้น >>
ปัณณรี 10 พ.ค. 2555, 22:20:52 น.
มาต้อนรับน้องใหม่ค่ะ อิอิ


สุริยาทิศ 10 พ.ค. 2555, 22:24:17 น.
ขอบคุณค่าพี่สาว ^^ คิคิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account