เมืองริษยา
การหย่าร้าง...ไม่ใชจุดสิ้นสุดของความหายนะ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของ "นีรนาท"...
การได้อยู่เพียงลำพัง ยิ่งโหดร้ายเสียกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า เมื่อกระแสลมแห่งความริษยา พัดผ่านไปทั่วทุกพื้นที่ที่หล่อนก้าวเดินไป!
Tags: รัก ริษยา

ตอน: บทที่ ๒ ผ่านภัย...ไม่พ้น

*นวนิยายเรื่องนี้ อยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ของบริษัท สถาพรบุ๊คส์ แล้วครับ*
*********************************************



บทที่ ๒ ผ่านภัย...ไม่พ้น
-------------------------


นีรนาทหันมองไปทางรถจากัวร์สีนิลของวิไลฉัตรอีกครั้ง ส่งหล่อนด้วยแววตาและรอยยิ้มบางเบา กระทั่งรถของวิไลฉัตร เคลื่อนพ้นไปจากรั้วอาณาเขตของศาลในที่สุด...

หญิงสาวหันตัวกลับมาที่รถของตัวเอง เธอจำได้ว่า...เธอกดปุ่มเลเซอร์ปลดล็อคประตูรถ อยู่ก่อนหน้านี้แล้ว จึงเปิดประตูแล้วก้าวลงไปนั่งในรถทันที ก่อนที่จะเปิดเครื่องยนต์ เหลียวหน้าหันมามองด้านหลังตามความเคยชิน เมื่อจะเคลื่อนถอยรถ... ทว่า! มีบางสิ่งที่หญิงสาวไม่คาดคิด ปรากฏอยู่บนเบาะหลังจนทำให้เธอเกือบจะส่งเสียงร้อง ด้วยความตกใจ!

อินทัช...ในชุดสีดำสนิทตั้งแต่ศีรษะลงมาจรดถึงปลายเท้า ในมือของอดีตคนเป็นสามี กระชับปืนกระบอกเขื่องไว้แน่น พร้อมทั้งเคลื่อนปลายกระบอกมาหยุดที่เป้าหมาย ซึ่งนั่นก็คือเธอ!

“ออกรถ...อย่าส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายเด็ดขาด... ถ้าคุณไม่อยากให้กระสุนนัดแรกในรังเพลิง ฝังอยู่ในแผ่นหลังของคุณ!”

++++++++++++++++++++++

วันจันทร์สำหรับมนุษย์เงินเดือน คือความวุ่นวายและความหายนะบนท้องถนนอย่างหาที่สุดมิได้ ทันทีที่ชายหนุ่มร่างสูงก้าวลงมาจากรถประจำทางได้ เขาก็แทบจะร้องโอดด้วยอารมณ์สุดระอา ยืนมองร้านกาแฟที่เขาทำประจำนั้น ซึ่งตั้งอยู่ถัดไปจากจุดที่เขายืนอยู่ประมาณสองคูหา บุรุษหนุ่มคิ้วเข้ม หนังตากระตุกอย่างมีสังหรณ์อยู่แล้ว... กระทั่งลางไม่ดีนั้น ปรากฏให้เห็นเป็นเรื่องที่น่าตกใจ...ทันทีที่เขาเดินเข้าไปภายในร้าน

“อะไรนะพี่! พี่จะไล่ผมออก!”

สีหน้าปั้นยากของผู้ประสบเหตุ มิได้ทำให้ผู้จัดการร้านกาแฟหวั่นไหวไปได้ ตรงกันข้าม... ชายวัยกลางคน กลับทอดมองพนักงาน...ผู้ที่ได้ชื่อว่า ‘มาสายตลอดศก’ ด้วยสายตาตัดรอน อันไร้ซึ่งความเมตตาให้อีกฝ่ายมองเห็น

“ไม่ได้จะไล่... แต่ไล่แล้ว” ตอบกลับมาอย่างหมดความอดทน “พี่เบื่อที่จะเห็นนาย เอาเปรียบพนักงานคนอื่นๆในร้านอีกแล้วนะ นายทัต! นายมาสายเป็นประจำทุกวัน นายไม่เกรงใจเพื่อนร่วมงานคนอื่นบ้างเลยหรือ?”

“แต่ผมอยู่ไกล พี่ก็รู้นี่นา...พี่หนิง พี่อย่าทำแบบนี้กับผมเลยนะ ผมขอร้อง” ทัตดรงค์ยกมือไหว้แทบจะเหนือหัว “ผมอยากทำงานกับพี่ ถ้าพี่ไล่ผมออก...ผมจะหาเงินที่ไหนไปเรียนหนังสือ”

“เลิกใช้ข้ออ้างนี้เสียทีเถอะ นายทัต... นายบอกพี่แบบนี้ทุกครั้ง แต่พี่ก็ไม่เคยเห็นว่านายจะออกไปเรียนหนังสือเลยสักวัน ไหนว่าเรียนภาคค่ำ แต่เห็นทุกเย็น นายไปยืนทำอะไรอยู่ที่สยามสแควร์... เป็นนายแบบแจกขนมตามงานอีเวนท์อย่างนั้นหรือ? ถามจริงๆเถอะ... อายุของนายเท่าไหร่แล้วปีนี้?”

“ยะ...ยี่สิบเก้าครับ”

คำตอบของทัตดรงค์ ก่อให้เกิดเสียงหัวเราะดังขึ้น จากพวกนักศึกษาวัยยี่สิบต้นๆภายในร้าน เสียงหัวเราะของพวกเขาเหล่านั้นดังมาจากทุกมุมห้อง พาให้ทัตดรงค์หันไปตวาดฉุน กระแทกเสียงเข้มใส่

“หัวเราะอะไรกันวะ อยากมีเรื่องกับฉันหรือไง!”

“หยุดนะนายทัต” ผู้จัดการร้านปรามเสียงขุ่น “อย่าไปห้ามเด็กๆ ที่เขากำลังจะกลายเป็น ‘บัณฑิต’ อยู่ในเร็ววันนี้พวกนั้นเลย... เพราะพี่เอง ก็อยากจะหัวเราะใส่หน้านายเหมือนกัน”

“พี่หนิง!” ทัตดรงค์ผินหน้ากลับมามองทางผู้จัดการร่างท้วม

“ก็นายน่ะ อายุจะสามสิบเข้าไปแล้ว...เรียนหนังสือก็ยังไม่จบ ซ้ำ...ยังชอบไปทำกร่างใส่พวกน้องๆมันอีก ถามจริงๆเถอะนะ...ไม่อายน้องมันบ้างเลยหรือไง นายน่ะ...โกหกพี่ไปวันๆเรื่องเรียนหนังสือ จะบอกอะไรให้นะ พี่เห็นนาย รู้จักนายมาหลายปีดีดัก ที่ช่วยเหลือกันไว้...ก็เพราะสงสารเท่านั้น แต่เมื่อนายทำตัวเหลวไหล คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ จะแหกกฎของร้าน จะมาสายกว่าใครก็ได้แบบนี้ล่ะก็... ทัตดรงค์ พี่คงต้องขอเซย์บายกับนายแล้วล่ะ”

ว่าจนสุดความแล้ว ผู้จัดการก็ยื่นซองสีขาวพร้อมด้วยเงินจำนวนหนึ่งในซองกระดาษนั้น ให้แก่ผู้ที่ยืนประกอบสีหน้าปั้นยาก ริมฝีปากอ้ากว้างอย่างไปต่อไม่ถูก

“พะ...พี่หนิง... มะ...ไม่เอานะพี่ พี่...ผมขอ...”

“โชคดีนายทัต หวังว่าเราจะได้เจอกันอีก พี่ขอออกไปทำธุระก่อนนะ เอ้อ...แล้วถ้าพี่กลับมายังเห็นนายปรากฏตัวอยู่ในร้านล่ะก็ นายอย่าหาว่าพี่ใจร้ายก็แล้วกันนะ...โชคดีไอ้น้อง”

ทัตดรงค์ยืนอึ้ง...รับซองสีขาวมาถือไว้ในมือ ด้วยความรู้สึกปั่นป่วนมวนท้อง และเจ็บใจเป็นที่สุด เขาอยากจะโยนซองกระดาษใส่หน้าผู้จัดการตัวแสบ แต่เมื่อสัมผัสได้ว่า...ภายในซองสีขาวบนฝ่ามือของตน น่าจะมีธนบัตรวางแน่นอยู่คับซอง เขาจึงเลี่ยงที่จะทำตามดั่งใจคิด

ไม่มีคำว่า ‘ขอบคุณ’ ผ่านออกมาจากริมฝีปากของทัตดรงค์ ทว่าเขากลับหันหลังให้ผู้จัดการร่างท้วม ก่อนจะก้าวเร็วๆออกมาจากร้านด้วยท่าทีนิ่งเย็น...แต่ภายในใจนั้นร้อนรุ่ม ปานจะทำร้ายคนได้

ชายหนุ่มก้าวเดินมาตามบาทวิถี ใจนั้นยังเต็มไปด้วยไฟแค้นที่ผู้จัดการเป็นคนก่อ... อะไรกัน ทั้งที่ดูแลเขามานานหลายปี อยู่ๆ...เมื่อร้านเข้าสู่สภาวะเจริญรุ่งเรือง ขายกาแฟได้ถ้วยละร้อยเข้าหน่อย ก็ไล่ตะเพิดเขาออกมาจากร้าน ไม่ไว้หน้าเขาเลยแม้สักเพียงนิด ให้ไอ้พวกเด็กใหม่มันหัวเราะเยาะเย้ย...สมน้ำหน้ากันไปอีก

‘กูมีเงินมีทอง มีชื่อเสียงขึ้นมาวันไหน... ไอ้อ้วนเอ๊ย กูทำร้านกาแฟแข่งกับมึง จะพังร้านมึงให้ราบเป็นหน้ากลองเชียว...มึงคอยดูกูก็แล้วกัน’

หนุ่มผู้คิดว่าตนจะมีวันนั้น... หยุดยืนกลางคัน แล้วยกซองกระดาษในมือเปิดออกอย่างลุกลน ก่อนจะดึงธนบัตรปึกหนักขึ้นมามองด้วยนึกลุ้น ว่าจะมีมูลค่ามากสักเพียงใด... ทว่า...ทันทีที่ธนบัตรถูกดึงออกมาจากซองขาว นับดูผ่านๆแล้ว มากกว่าสิบจำนวนใบ!

แต่เพราะอะไรที่ทำให้เขาต้องโยนทุกสิ่งในมือลงกับพื้น...ราวกับว่ามันไร้ซึ่งมูลค่านั่นหรือ

จะเพราะอะไรกันเล่า... ถ้าไม่ใช่ธนบัตรสีเขียวหลายใบ ที่นับรวมได้เพียงไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้นเอง

“ไอ้อ้วน! มึงทำกับกูได้นะมึง! เงินแค่นี้...ยังไม่พอมื้อกลางวันของกูเลย ไอ้โง่เอ๊ย!”

++++++++++++++++

การจราจรบนถนนแครายทางเข้าตัวเมืองค่อนข้างสาหัส แม้จะผ่านพ้นช่วงเวลาเร่งด่วนไปแล้วร่วมชั่วโมง ทว่า...พาหนะบนท้องถนนยังคงเนืองแน่น แต่เหตุที่สร้างความอึดอัดและหวั่นใจแก่สตรีในรถเมอร์ซิเดส เบนซ์ สีนิลคันงาม หาใช่แวดล้อมภายนอกห้องโดยสารแต่อย่างใดไม่... แต่กลับเป็นบุรุษ ผู้ได้ชื่อว่าเป็น ‘อดีตสามี’ ที่เลื่อนตัวเข้ามานั่งอยู่ข้างกาย บริเวณตำแหน่งที่นั่งข้างคนขับ พร้อมทั้งเคลื่อนปลายกระบอกอาวุธสังหารมาทางฝ่ายหญิง โดยไม่ยอมละออก

“ผมต้องการเงินสิบล้าน ในส่วนที่ควรจะเป็นของผม!”

หากไม่มีปืนกระบอกเขื่อง ตั้งท่าพร้อมสังหารมาทางเธอ นีรนาทเชื่อว่า...เธอคงต้องหัวเราะเสียงดังใส่หน้าอินทัช แต่เท่าที่ทำได้ในเวลานี้...จึงปรากฏเพียงสีหน้าเหยียดหยันแก่อดีตสามีของเธอเท่านั้น

“ไม่เคยมีเงินจำนวนนั้น ที่เป็นส่วนของคุณ” นีรนาทตอบกลับเสียงขุ่น “คุณลืมไปแล้วหรือไง ตอนที่คุณมาพบกับฉัน... จนกระทั่งแต่งงานกับฉัน ทรัพย์สินสมรสของคุณ ยังมีไม่ถึงหนึ่งแสนเสียด้วยซ้ำ แม้กระทั่งหุ้นส่วนในโมเดลลิ่ง หุ้นพวกนั้นฉันก็เป็นคนซื้อให้คุณ!”

ฝ่ามือที่ถืออาวุธนั้นสั่นเทา...อันเกิดจากความแค้น กับสิ่งที่อินทัชได้รับในวันนี้

“แต่คุณจะปล่อยให้ผัวคุณ อดตายอยู่ข้างถนนอย่างนั้นหรือ! ไอ้ศาลพระภูมินั่น มันตัดสินให้คุณได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งเงินส่วนอันน้อยนิดของผมด้วย!”

“ถ้าคุณต้องการเงินส่วนของคุณ ฉันจะจัดการให้ภายในเย็นวันนี้”

“ไม่!” อินทัชโต้กลับเสียงแข็ง “ผมต้องการหุ้นของผมคืนทั้งหมด และเงินสดสิบล้าน!”

รถเคลื่อนมาสู่จุดติดขัด และเบื้องหน้ามี ‘สี่แยกนรก’ ที่คนเมืองขนานนามว่ามันเป็นจุดที่น่าอนาถที่สุด ในช่วงเวลาเร่งด่วน... นีรนาทกวาดสายตามองไปโดยรอบ ภายนอกรถ ไม่มีใครสักคนที่พอจะช่วยเหลือเธอได้ ที่เห็นเดินเกลื่อนกลาดกันอยู่ไกลๆ ก็มีแต่พวกร้อยพวงมาลัยขายเท่านั้นเอง

จะทำอย่างไรดี...พ้นสี่แยกข้างหน้านี้ไปได้ ทุกสิ่งอย่างจะต้องเป็นไปตามความต้องการของอินทัช โดยง่ายขึ้นแน่ๆ เพราะเบื้องหน้า... เธอเห็นตึกสูงของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ที่นั่น คงจะมีธนาคารมากมายตั้งอยู่เป็นแน่ แล้วเงินสดในบัญชีของเธอ...อาจจะต้องสูญไป โดยอดีตสามีผู้ไม่สมควรที่จะได้ครอบครองทรัพย์สินมากมายขนาดนั้น

“พ้นสี่แยกข้างหน้านี้แล้ว...เปิดไฟเลี้ยว ยูเทิร์นเข้าห้างข้างหน้านั่น แล้วอย่าตุกติกเป็นอันขาด”

ไม่...ไม่มีทาง มันจะต้องไม่เป็นเช่นนี้ นีรนาทรำพันกับตนเองในใจ... ความเงียบสงัดภายในรถ กลายเป็นบรรยากาศที่ช่วยสร้างอารมณ์ในการตัดสินใจ ให้เธอกล้าที่จะทำอะไรบางอย่าง เพื่อหยุดการกระทำอันกรรโชกของเขา!

“ฉันจะบอกให้คุณรู้ไว้นะ...คุณอินทัช” นีรนาทผินแววตาคมกริบประดุจมีด มองมาทางอดีตสามีพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยัน “ว่าสิ่งที่คุณต้องการ...มันจะเกิดขึ้นจริง เพียงในฝันของคุณเท่านั้น!”

“ฮะ...เฮ้ย!”

กล่องกระดาษเช็ดหน้าที่คอนโซลหน้ารถ ซึ่งทำด้วยโลหะผสมสลักลายดอกไม้ ถูกฝ่ามือของหญิงสาวคว้าไปถือได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะใช้จังหวะแห่งความเป็นความตาย ทุบกล่องโลหะหนักเข้าที่ใบหน้าของอดีตสามีด้วยสุดแรงมือ!

อาวุธสังหารหลุดออกจากฝ่ามือของอินทัช ตามความคาดหมายของฝ่ายหญิง...และเธอยังใช้จังหวะนี้ กระหน่ำแรงทุบตีด้วยกล่องโลหะหนัก ลงที่ศีรษะและใบหน้าของอินทัช อย่างไม่ปรานีปราศรัย!

“หยุดนะ! คิดจะสู้กับผัวอย่างนั้นเหรอ!”

“ลงไป! ฉันบอกให้คุณลงไป! ลงไปจากรถของฉันเดี๋ยวนี้!”

นีรนาทสู้แรงขัดขืนของสามีไม่ไหว กล่องเหล็กกระเด็นไปอยู่เบาะหลัง ทับอาวุธสังหารเข้าพอดี... ในระหว่างที่อดีตสามีกำลังจะเหลียวตัวกลับมาหยิบอาวุธของตนนั้น นีรนาทใช้ฝ่ามือทั้งสองข้าง ทุบเข้าที่แตรรถอย่างแรง และบีบค้างอยู่อย่างนั้น...กระทั่งท้องถนนที่เนืองแน่นไปด้วยรถยนต์นับร้อยคัน ทุกชีวิตจากทุกห้องโดยสาร เหลียวมองมาทางรถคันนี้ของเธอ แทบจะเป็นสายตาเดียวกัน!

เหตุการณ์เริ่มจะไม่สู้ดีเสียแล้ว... อินทัชมองเห็นป้อมตำรวจขนาดใหญ่บริเวณสี่แยก ไม่ดีแน่...หากผู้พิทักษ์สี่แยกตรงเข้ามาตรวจการณ์ และอาจจะพาให้เขาต้องซวยซ้ำซวยซ้อน

“ฝากไว้ก่อนนะมึง!” สบถด่าอดีตภรรยาอีกเล็กน้อย ก็ใช้มืออีกข้างหนึ่งตบเข้าที่ใบหน้าของนีรนาทอย่างแรง ให้สาแก่ใจเพียงชั่ววูบ... ส่วนมืออีกข้างหนึ่ง เอื้อมไปเปิดประตูรถเพื่อที่ก้าวออกไป

ทว่า...เหตุการณ์ไม่คาดฝันอันเป็นความซวยซ้ำของอินทัช พลันบังเกิดขึ้น!



ปึ้ง!

เสียงนั้น...คือเสียงที่เกิดจากแรงกระแทก ระหว่างประตูรถที่อินทัชเปิดพรวดออกมา... ซึ่งมันชนเข้ากับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างคันหนึ่ง ที่มีผู้โดยสารนั่งซ้อนท้ายมาคนหนึ่งด้วย

ภาพที่อินทัชกับนีรนาทเห็น... คือคนรถวินมอเตอร์ไซค์ ปล่อยรถให้คว่ำกองอยู่บนขอบถนนนั้น ส่วนเจ้าตัวกระเด็นเข้าไปในช่องของตู้โทรศัพท์ข้างทางพอดี... ทว่าผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยกันนั่นสิ เป็นบุรุษในชุดเครื่องแบบร้านกาแฟชื่อดังแห่งหนึ่ง เขาล้มกลิ้งไปด้านหลังอย่างแรง เป็นเหตุให้รถมอเตอร์ไซค์คันหลัง ซึ่งพุ่งเข้ามาโดยไม่ทันหมุนเบรกมือนั้น ล้อหน้าจึงเข้าทับยังบริเวณต้นขาของหนุ่มร้านกาแฟอย่างแรง เป็นเหตุให้ชายหนุ่มร้องลั่น...เสียงก้องสนั่นไปทั่วท้องถนนแคราย!

อินทัชเบิกตาโพลง...ตื่นตระหนกกับสิ่งที่ตัวเองมิได้ตั้งใจกระทำ พลันสติสัมปชัญญะกลับคืน สั่งให้เขาหนีออกไปให้พ้นจากเหตุอลหม่านนี้ ชายหนุ่มจึงพุ่งตัวลงจากรถ...ทิ้งให้อดีตภรรยา นั่งประกอบสีหน้าตื่นตะลึงเพียงลำพังผู้เดียว


ครั้นสติกลับคืน...ผละอารามตกใจไปในชั่วความคิด นีรนาทก้าวลงมาจากรถ เปล่งเสียงวอนขอให้ผู้ที่อยู่ละแวกนั้น ช่วยพาชายผู้ประสบเหตุขึ้นรถของเธอ เพื่อรีบนำตัวส่งไปยังโรงพยาบาลอันใกล้ ก่อนที่เขาจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้!

“คะ...คุณคะ ทะ...ทำใจดีๆไว้นะคุณ อดทนไว้หน่อยนะคะ”

“ขะ...ขาฉัน! ขาฉัน! โอ๊ยยย!!”

++++++++++++++++


คอนโดมิเนียมหรูย่านถนนเพลินจิต ผู้ที่ก้าวออกมาจากลิฟต์ด้วยความระมัดระวังสายตาผู้คน คือหนุ่มร่างอ้อนแอ้น ในชุดสีเหลืองแสบตา มองดูจากที่ไกลๆ จากทั้งชุดทั้งหุ่น ราวกับเห็นหมีพูห์เดินดุ่มชวนให้ต้องเหลียวมอง ภายใต้แว่นกรอบกลมนั้นมีแววตาเลิ่กลั่กเป็นประกายอยู่แทบจะทุกเสี้ยววินาที กระทั่งเขาก้าวเร็วๆมาถึงหน้าห้องพักอันเป็นจุดหมายปลายทางได้ในที่สุด จึงกดกริ่งหน้าห้อง รอให้ผู้ที่อยู่ด้านในก้าวมาเปิดต้อนรับ

สตรีร่างเพรียวระหง พร้อมสีหน้าอันไม่พึงประสงค์ ที่จะต้อนรับแขกผู้ใดทั้งสิ้น ทว่า...เมื่อหล่อนมองเห็นผู้มาเยือนผ่านช่องตาแมว เมื่อพบว่าเป็นใคร จึงรีบเปิดประตูให้เขาก้าวเข้ามาอย่างง่ายดาย กระทั่งหนุ่มอ้อนแอ้น ปรี่ฝีเท้าก้าวเข้ามายืนอยู่ภายในห้องแล้ว เสียงถอนใจจึงดังขึ้นจากมนุษย์ทั้งสองคน...

“โอ๊ย...ฉันจะบ้าตาย! อยากจะตายวันละหลายๆครั้ง!” เกย์หนุ่มร่างสั้น หย่อนสะโพกกลมลงนั่งบนโซฟาหนานุ่ม “หลบนักข่าว ราวกับหลบผีสาง ที่น่ากลัวกว่าคือพวกมันไม่กลัวพระ เรื่องฉาวโฉ่ของเธอนี่...ยังสร้างความวุ่นวายให้กับฉันไม่เลิกรานะ แม่เนวี่”

เนวตีตวัดหน้าพร้อมสายตาคมกริบ จ้องมาทางผู้จัดการส่วนตัวด้วยความไม่สบอารมณ์

“ฉันเองก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้หรอกนะพี่แต๋ว!” ถัดเท้าก้าวเข้ามานั่งลงข้างๆกายหนุ่มติ๋ม “กว่าฉันจะหนีกลับห้องมาได้ ก็แทบเป็นบ้าเหมือนกัน! เพราะอีนาทต่างหาก อีนาทมันทำลายชีวิตของฉัน! คอยดูนะ ถ้าได้เจอกันนอกสนามวันไหนล่ะก็ แม่จะฉะให้หน้าแหกเลยขอดู!”

“แต่ตอนนี้...หล่อนนั่นแหละที่เป็นฝ่ายหน้าแหก หมอศัลย์ไม่รับเย็บ” แต๋วหันมาพูดกับเนวตี โดยไม่เลี้ยงน้ำใจ “พี่เตือนหล่อนแล้วใช่ไหม เตือนจนปากเล็กๆของพี่ แทบจะฉีกลงไปถึงรูทวาร ว่าอย่าไปยุ่งกับไอ้แมงดานั่น ไอ้อินทัช...มันเป็นนายแบบชื่อดังได้ เพราะบารมีเมียมันเท่านั้นเอง หึ...นังนาทน่ะ มันรวยล้นฟ้ามหาสมุทร โคตรเหง้าสักหลาดมันเป็นเศรษฐีอยู่เชียงใหม่ ไม่เคยมีข่าวฉาวโฉ่ที่ไหน ตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ จนมาถึงรุ่นมัน... มีแต่คนรักมัน แต่หล่อน...แม่เนวี่ หล่อนก็ยังจะทำตัวสมโง่กระบือเรียกพี่ ไปยุ่งวุ่นวายจนได้เรื่องมาถึงทุกวันนี้ เป็นยังไงล่ะ! กามรมณ์มันทำหล่อนฉิบหาย จนแทบจะไม่เหลืออะไรอีกแล้ว... หล่อนเห็นผลของมันแล้วหรือยัง!”

“โอ๊ย! จะพูดอะไรเยอะแยะ!” เนวตีผุดลุกผุดนั่ง เดินกระวนกระวายไปรอบห้องของหล่อน นี่คงถึงช่วงชีวิตที่ทุเรศที่สุดของหล่อนแล้วสินะ แล้วต่อจากนี้ หล่อนจะทำอย่างไรต่อไป...งานนอกสถานที่ งานพรีเซ็นเตอร์ต่างๆก็พากันขอถอนตัว หรือพูดง่ายๆก็คือ...ถอดหล่อนออกจากสารบบวงการไปโดยปริยาย!

แต่คนอย่างเนวตี ไม่มีทางหยุดตัวเองเพียงเพราะเรื่องอื้อฉาวเท่านี้เป็นแน่

“พี่แต๋ว ตกลงว่าฉันยังเหลืองานให้ทำอีกหรือเปล่า ไอ้พวกหน้าโง่มันถอดฉันออกจนหมดคิวหรือยัง!”

“ยัง...” แต๋วยกมือขึ้นชันคาง วางหน้าไม่สบอารมณ์ตอบกลับนางแบบผู้อื้อฉาว ในความดูแลของตน “เหลืออีกอย่าง...และยังเพิ่มมาอีกอย่าง”

“อะไร” เสียงถามมีแววลุ้นอยู่ในที “มีเหลือ...แล้วยังมีเพิ่มมาอีกหรือพี่ หืม...ฮึๆ เห็นไหมล่ะ ใช่ว่าจะมีแต่คนเกลียดฉันเมื่อไหร่ ยังมีคนอีกมาก...ที่ไม่ชอบขี้หน้านังนีรนาท”

“จ้ะ...” แต๋วตอบรับด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่มีแววประชดในน้ำเสียง “คงจะมีคนรักหล่อนมากจริงๆนั่นแหละ... ถึงได้เหลืองานสำคัญไว้ให้ทำอีกงานหนึ่ง อยากรู้ไหมล่ะ...งานอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่?”

“บอกมาสิ” เนวตีพรายยิ้ม เชิดวงหน้าอย่างถือว่าแน่

“งานของมูลนิธิเพื่อผู้พิการทางสมอง วันเสาร์ที่จะถึงนี้ ที่หน้าตึกมูลนิธิยังไงล่ะจ้ะ”

“ฮะ!” เนวตีแผดเสียงลั่น เปลี่ยนสีหน้าแทบจะคนละคนจากเมื่อครู่ “งานมูลนิธิ...เพื่อคนปัญญาอ่อนน่ะเหรอ! พี่ไปรับมาทำไมไอ้งานบ้าๆแบบนี้ งานฟรีอีกล่ะสิ!”

“ก็ใช่สิยะแม่เจ้าประคุณรุนช่อง! ฟรีค่ะ ฟรีตลอดงานด้วยค่ะ!” แต๋วกระแทกเสียงตอบกลับ นึกสมเพชนางแบบในความดูแลเล็กๆ ที่หล่อนถูกความสำส่อนของตัวเอง ดึงเหตุหายนะเข้ามาสู่ชีวิต...ได้อย่างน่าอัปยศอดสู “แต่อย่ากังวลไปนะคะคุณเนวตี ศิริภัทรกุล... ยังมีงานที่เพิ่มเข้ามาอีกงานหนึ่งค่ะ งานนี้ได้เงินนะคะคุณน้องขา...”

เสียงเอ่ยเจื้อยแจ้วของแต๋ว มิได้ทำให้เนวตีรู้สึกดีขึ้นมาสักเพียงนิด... เพราะหล่อนรู้น่ะสิว่า แต๋วใช้วาจาไพเราะ พูดประชดประชันหล่อน หาได้เป็นผลดีแก่หล่อนจริงๆไม่

“งานอะไร!” แต่ถึงกระนั้น...ก็ยังเอ่ยปากถาม เพราะความอยากรู้

“งานเปิดเทศกาลทุเรียนเมืองนนท์น่ะซีคะ โฮะๆๆ คุณน้องจะได้สัมผัสกับเปลือกทุเรียนเมืองนนท์ราคาเหยียบหมื่นก็งานนี้แน่ๆเชียวค่ะ! ไหนจะได้ทั้งเงินค่าตัวไม่กี่หมื่นบาท แล้วยังได้ทั้งทุเรียนกลับมากินที่บ้าน... ดีไม่ดี หล่อนอาจจะได้ของกำนัลเป็นเปลือกทุเรียนหมอนทองมารองหัวนอนอีก! คุ้มไหมล่ะค่ะ พี่อยากจะบอกคุณน้องว่า ‘โคตรที่จะคุ้ม’ เลยค่ะคุณน้องขา!”

เมื่อสิ้นสุดคำบอกเล่าจากแต๋ว... คอนโดมิเนียมหรูใจกลางกรุง บริเวณชั้นสิบเก้า ก็แทบจะระเบิดด้วยเสียงกรีดร้องของเนวตี อันเกิดจากความเจ็บใจ...และเจ็บแค้นอย่างหาสิ่งใดมาประมาณมิได้ กระทั่งแต๋วทนไม่ไหว ต้องสวมตีนม้าก้าวพรวดออกมาจากห้อง...ในสภาพที่เรียกได้ว่า ‘ล้มลุกคลุกคลาน’

---------------------------------------------------------------
ขอบคุณที่ติดตามครับ ^^ /ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะครับผม



สุริยาทิศ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 พ.ค. 2555, 17:10:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 พ.ค. 2555, 17:10:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 1244





<< 'ริษยา'   บทที่ ๓ คนหัวสูง >>
Edelweiss 12 พ.ค. 2555, 20:16:31 น.
เข้ามาเชียร์คุณนาทค่ะ


สุริยาทิศ 15 พ.ค. 2555, 06:36:58 น.
^^ ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวจะมาอัพต่อให้นะคะ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account