ลำน้ำรักซัดทรายเสน่หา ชุด ทะเลทรายระบายรัก *สนพ.สวีทเลิฟ*
อัพให้อ่านหน้าเวบแค่ 70% นะคะ ที่เหลือติดตามอ่านได้ในรูปเล่มค่ะ ^_^
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 1 : ประเดิม

ตอนที่ 1

ประเดิม

ดวงตากลมโตกะพริบๆ ปริบพลางกวาดมองภายในเครื่องบินส่วนตัวลำหรู ที่ทางท่านชีคส่งมารับเธอไปที่รัฐคูเวอร์ หลังจากที่เมื่อหลายเดือนก่อนเธอตอบรับที่จะย้ายไปประจำโรงพยาบาลแห่งใหม่ของคูเวอร์ ที่เจ้าของก็คือคนเดียวกันกับหุ้นส่วนใหญ่ของโรงพยาบาลเอกชนที่เธอเป็นหมออยู่ เมื่อทางท่านชีคซาลซาเอลระบุมาว่าต้องการให้เธอไปที่นั่น และเมื่อเห็นว่าเป็นโอกาศที่ดีเธอจึงไม่ปฏิเสธแม้จะคิดภาพเอาไว้ในหัวว่าประเทศเล็กๆ กลางทะเลทรายมันอาจจะยังไม่ทันสมัยบ้านเมืองยังล้าหลัง แต่พอเห็นเครื่องบินส่วนตัวที่ภายในเคบินตกแต่งเอาไว้อย่างสวยหรู มีเลาจ์ส่วนตัว มีจอดิสเพลย์ติดผนัง มีห้องนอนและห้องสังสรรค์ เรียกได้ว่ามีทุกห้องครบชุดอย่างบ้านเศรษฐีหลังหนึ่งควรจะมีกกันเลยทีเดียว

“เราต้องใช้เวลาเดินทางอีกหลายสิบชั่วโมงด้วยกัน ยังไงเชิญคุณหมอดูหนังฟังเพลงฆ่าเวลาได้ตามสบายนะครับ ต้องการอะไรเพิ่มเติมเรียกผมหรือพนักงานบริการของเราได้ แต่ถ้าจะผักผ่อนห้องนอนห้องที่สองที่ผมพาเดินไปดูเมื่อครู่ผมเปิดเอาไว้ให้แล้ว ส่วนตอนนี้ผมขอตัวนะครับ”

ชายคนที่แนะนำตัวก่อนหน้านั้นไม่นานว่าชื่ออิสลัม เป็นคนสนิทของชีคซาลซาเอลค้อมศีรษะให้เธอเล็กน้อย ก่อนจะผละออกไปปล่อยให้เธอยืนคว้างอยู่ท่ามกลางความหรูหราเพียงลำพังอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจนั่งดูหนังตรงเลาจ์ส่วนตัว แต่ด้วยความเป็นคนที่ไม่ค่อยจะชื่นชอบการดูหนังสักเท่าไหร่ อุรัสยาจึงเปลี่ยนใจเข้าไปนอนอ่านหนังสือที่เตรียมเอามาไว้อ่านแก้เหงาในห้องนอนหรูหราราวไม่ต่างกับโรงแรมระดับห้าดาว และด้วยความเหนื่อยและเพลียที่ต้องเร่งเคลียร์งานให้เสร็จ เพื่อที่คุณหมอที่มารับช่วงต่อจะได้ทำงานง่ายขึ้นอ่านไปไม่ถึงครึ่งเล่มหญิงสาวก็เผลอหลับไป และหลับไม่นานเท่าไหร่ไม่รู้รู้เพียงว่าระหว่างการเดินทางนั้นเธอจำได้ว่ารู้สึกตัวตื่นมาแค่ครั้งเดียว ก่อนจะฟุบหลับไปอีกครั้ง คราวนี้ก็หลับยาว มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พนักงานสาวคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในชุดมิดชิดอย่างหญิงอาหรับทั่วไปมาปลุก

“ถึงแล้วเหรอคะ”

ถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียพลางขยี้ตาอย่างคนที่ตื่นไม่เต็มตานัก จากนั้นก็ใช้มือตบแก้มตัวเองเบาๆ ไล่ความงุนง่วง

“ใกล้แล้วค่ะ อีก 20 นาทีเครื่องจะลงจอดที่สนามบินส่วนตัวของท่านชีค ดิฉันเลยมาปลุกเพื่อให้คุณหมอได้เตรียมตัวน่ะคะ”

“ขอบคุณค่ะ”

อุรัสยาบอกพลางส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ก่อนจะเผลอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู และเพิ่งนึกได้ว่าเวลาที่ไทยกับที่นี้ต่างกันจึงถามเวลาจากพนักงานสาว ก่อนจะปรับให้มันตรงกับเวลาท้องถิ่น และเมื่อพนักงานสาวผละออกไป หญิงสาวลงจากเตียงเดินไปเข้าห้องน้ำที่ต้องบอกคำเดียวว่าหรูหราจนไม่อยากจะใช้ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น จึงได้เดินออกมาที่บริเวณเลาจ์ส่วนตัวก็พบว่าอิสลัมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“ขอโทษทีนะคะ ที่ฉันนอนเพลินไปหน่อย”

“ไม่เป็นไรครับ กาแฟหน่อยไหมครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ แล้วนี่เครื่องจะลงแล้วใช่ไหมคะ อย่างนี้ฉันต้องเอาผ้ามาคลุมศีรษะก่อนลงแล้วสิ”

บอกพลางค้นกระเป๋าสะพายส่วนตัวเพื่อหาผ้าคลุมผมที่เธอไปหาซื้อจัดเตรียมไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ

“ไม่ต้องก็ได้ครับ เพราะที่นี่ไม่เคร่งครัดกับชาวต่างชาติสักเท่าไหร่ จะคลุมหรือไม่คลุมเราก็ไม่ว่า”

อิสลัมอธิบาย แต่ดูเหมือนคุณหมอสาวอยากจะลองคลุมศีรษะให้เหมือนกับชาวคูเวอร์มากกว่า

“แต่ฉันว่าฉันคลุมดีกว่านะคะ เข้าเมืองตาหลิวต้องหลิวตาตาม เดี๋ยวจะเป็นจุดเด่นจนเกินไปหรืออาจโดนเขม่นเอาได้ และอีกอย่างฉันอุตส่าห์ไปหาซื้อผ้าคลุมลายสวยๆ มาแล้วด้วย”

ว่าแล้วหญิงสาวก็จัดแจงเอาผ้าคลุมศีรษะอย่างที่ไปหัดมาจากเพื่อนชาวอิสลาม เมื่อเรียบร้อยก็หันมาส่งยิ้มเขินๆ ให้กับอาซาด ที่นั่งมองยิ้มๆ

“พอได้ไหมคะ”

เธอถามอย่างเก้อเขินเพราะไม่เคยเลยรู้สึกแปลกๆ ว่าพอผมถูกแทนที่ด้วยผ้าหน้าเธอจะใหญ่ไปไหม

“เหมาะเลยครับ…ไปครับเครื่องลงจอดแล้ว ก่อนอื่นเราต้องไปพบท่านชีคซาลซาเอลก่อน เสร็จแล้วผมถึงจะไปส่งคุณหมอที่บ้านพัก จะได้พักผ่อนเสียทีเดินทางติดต่อกันมาหลายสิบชั่วโมงคุณหมอคงเหนื่อย”

“ก็นิดหน่อยค่ะ คุณก็น่าจะเห็นว่าฉันหลับมาตลอดการเดินทาง”

ถึงจะบอกอย่างนั้นก็เถอะ แต่พอลงจากเครื่องแล้วขึ้นมานั่งบนรถที่มารอรับ อุรัสยาก็อดที่จะบีบนวดต้นคอและทุบไหล่ของตัวเองเพื่อบรรเทาความปวดเมื่อยไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีบ่นเล็ลอดออกมาให้คนร่วมเดินทางอย่างอิสลัมได้ยิน และยิ่งไปกว่านั้นพอชายหนุ่มถามว่าเหนื่อยไหมทีไร สิ่งที่ตอบกลับมาคือการส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ซึ่งก็ทำให้คนสนิทของท่านชีครู้สึกชื่นชมหญิงสาวอยู่ในใจว่า ถึงเธอจะดูตัวเล็กบอบบางแต่แรงอึดถือว่าใช้ได้ทีเดียว นับว่าชีคของเขาตาแหลมตามเคย



ร่างบางสมส่วนเดินตามหลังร่างสูงใหญ่ของอิสลัมพลางกวาดสายตามองความใหญ่โตโอ่อ่าและลวดลายอันวิจิตรงดงามภายในวังอย่างตื่นตาตื่นใจ ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าที่มีแทบจะหายเป็นปลิดทิ้งกันเลยทีเดียว

“ที่นี่เราจะแบ่งเป็นส่วน ส่วนกลางเป็นส่วนของผู้หญิง และส่วนนี้จะโดนกั้นด้วยสวนดอกไม้ ด้านในเป็นที่ของท่านชีคจารี อัล อิทาจ อัล บาฮามห์ผู้ปกครองรัฐคูเวอร์กับรัชทายาทอันดับหนึ่งอย่างชีคซาฮีร์ อัล จารี อัล อินทาจ ส่วนท่านชีคซาลซาเอล อัล จารี อัล อิทาจ รัชทายาทอันดับสอง ซึ่งเป็นคนที่เลือกคุณมาทำงานที่นี้อยู่ฝั่งนี้ครับ”

อิสลัมผายมือไปทางฝั่งซ้ายของวัง ก่อนจะเป็นคนเดินนำ โดยมีคุณหมอสาวที่สังเกตว่าภายในวังไม่ได้มีคนหรือเด็กรับใช้วิ่งพลุกพล่านอย่างที่เคยคิดจะมีก็แค่ทหารยืนรักษาความปลอดภัยตามจุดต่างๆ เดินตาม ก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าขึ้นมาเดินเคียงแล้วถามอย่างตื่นเต้น

“ท่านชีคเป็นคนยังไงคะ ฉันจะได้วางตัวถูก และบอกตรงๆ ฉันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ”

“ท่านชีคเป็นคนใจดีมีเมตตาเป็นที่รักของประชาชนในคูเวอร์ ท่านเปรียบเสมือนสายน้ำเย็นของคูเวอร์เลยล่ะครับ แม้จะไม่ได้เป็นรัชทายาทอันดับหนึ่ง แต่ท่านก็ทุ่มแรงกายแรงใจทำงานเพื่อชาวคูเวอร์เสมอ อย่างโรงพยาบาลนี้เป็นแนวคิดของท่าน ตอนแรกคูเวอร์มีโรงพยาบาลเพียงแห่งเดียว ซึ่งก็ไม่เพียงพอ ท่านเลยสร้างมันขึ้นมาอีกแห่งด้วยเงินส่วนตัว พร้อมทั้งจัดหาหมอและพยาบาลมาประจำที่นี่ให้เพียงพอกับจำนวนคนไข้ที่มารักษาในแต่ล่ะวัน”

อิสลัมเอ่ยถึงท่านชีคของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ และใช่ยกยออย่างลอยๆ แต่ใครๆ ต่างก็พูดให้ได้ยินเสมอว่าชีคซาลซาเอลสมควรจะสืบทอดตำแหน่งผู้ปกครองรัฐคูเวอร์แห่งนี้มากกว่าชีคซาฮีร์คนเป็นพี่ชายต่างมารดา และท่านชีคซาฮีร์เองก็เห็นพ้องต้องกัน จึงร่ำๆ จะสละตำแหน่งอยู่บ่อยครั้ง แต่ชีคคาทัลฟาที่เกลียดแม่ของชีคซาลซาเอลที่เป็นหญิงต่างชาติเข้ากระดูกดำ จึงยอมไม่ได้ที่จะให้ลูกชายของอดีตนางในฮาเร็มของสามีได้เป็นผู้ครองรัฐ และด้านชีคซาลซาเอลเองก็ไม่คิดอย่างจะสืบทอดตำแหน่งผู้ปกครองรัฐอยู่แล้ว เพราะต้องการการใช้ชีวิตที่อิสระอย่างทุกวันนี้ และใช่ว่าไม่ได้เป็นผู้ปกครองรัฐจะพัฒนาคูเวอร์ไม่ได้เสียเมื่อไหร่

“ได้ยินคุณชื่นชมท่านชีคอย่างนี้ ฉันชักอย่างเห็นหน้าท่านชีคของคุณเสียแล้วสิ”

อิสลัมหัวเราะหึๆ ในลำคอ แต่เขาไม่บอกคุณหมอสาวหรอกว่าเธอนะเคยเจอท่านชีคมาแล้ว และตอนนั้นเขาเองก็อยู่ตรงนั้นด้วย แต่รู้สึกว่าตอนนั้นคุณหมอสาวจะไม่ได้สนใจจะมองใครนอกจากชีคซาลซาเอลผู้มีดวงตาสีไพลินตรึงตาตรึงใจแก่ผู้พบเห็นเสมอ

“เจอแล้วคุณหมอจะรู้ว่าที่ผมพูดมาไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด”

บอกก่อนจะเดินมาหยุดหน้าห้องห้องหนึ่งที่ประตูถูกปิดสนิท อิสลัมยกมือขึ้นเคาะพร้อมกับบอกจุดประสงค์ทีจะมาพบคนในห้องด้วยท่าทีนอบน้อม

“ข้าอิสลัม พาคุณหมอจากประเทศไทยมาพบท่านชีคครับ”

รอครู่หนึ่ง เสียงที่อุรัสยาคิดว่ามันนุ่มทุ้มแต่เปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจก็เอ่ยอนุญาต

“เข้ามา”

แต่คนสนิทอย่างอัสลัมกลับขมวดคิ้วมุ่น เพราะจับน้ำเสียงนั้นได้ว่ามันสั่นผิดปกติ ซึ่งผิดวิสัยของชีคอิสลัมผู้มีวาจาหนักแน่น ดังนั้นไม่รอช้าคนสนิทที่พ่วงตำแหน่งองครักษ์กลายๆ อย่างอิสลัมจึงรีบผลักประตู แล้วเดินตรงรี่เข้าไปหาชีคหนุ่มด้วยสีหน้าเป็นกังวล โดยมีคุณหมอสาวเดินตามหลังไปติดๆ แล้วภาพร่างผู้สูงศักดิ์นั่งหันข้างก้มหน้ากุมต้นแขนซ้ายที่มีเลือดไหลซึมของตัวเองด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดก็ทำให้ทั้งสองถึงกับอุทานเสียงหลงออกมาพร้อมกันอย่างตกใจ

“ท่านชีค!”

อัสลัมถลาเข้าไปหาชีคหนุ่มเกือบจะพร้อมกับคุณหมอสาวที่พอเห็นคนเจ็บ แม้จะยังไม่ได้ถูกแนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการ แต่หญิงสาวก็ไม่สามารถที่จะยืนนิ่งเฉยได้ มันเป็นเหมือนสัญชาตญาณของคนเป็นหมอเลยก็ว่าได้

และไปถึงหมอสาวก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงเรียกได้ว่าสนใจที่จะดูแผลมากกว่าหน้าตาของคนเจ็บ และพอดได้เห็นแผลใกล้ๆ ด้วยประสบการณ์คุณหมอสาวก็รู้ได้ทันทีว่าสาเหตุของบาดแผลมากจากอะไร ตอนนี้นี่เองทำให้เธอเงยหน้าขึ้นพูดกับชีคหนุ่ม

“คุณโดนยิงนี่ แล้ว…คุณ!”

คุณหมอสาวอุทานเสียงหลงอีกครั้งเมื่อสบเข้ากับนัยต์ตาสีไพลินอีกครั้ง และคราวนี้ก็เหมือนเดิมคือมันยังสามารถตรึงเธอให้นิ่งขึง จนกระทั่งได้เสียงจากอิสลัมดังขึ้นนั่นแหละจึงสามรถดึงหญิงสาวให้หลุดจากภวังค์ต้องมนต์นั่นได้

“ท่านโดนลอบยิง”

อิสลัมเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะตั้งแต่เขาอยู่กับชีคซาลซาเอลมาไม่เคยมีเรื่องอย่างนี้เกิดมาก่อน

“ไม่รู้สิ เจ้าคิดว่าไงล่ะอิสลัม แต่ข้าแน่ใจว่าไม่เคยสร้างศัตรู”

“ขอร้องอย่าเพิ่งคิดหาศัตรูกันตอนนี้ได้ไหมคะ กระสุนฝังในเราต้องทำการผ่าเอากระสุนออกก่อน เราควรพาท่านชีคไปโรงพยาบาล”

คุณหมอสาวแทรกขึ้นเมื่อรู้สึกว่าชายหนุ่มสองคนไม่คิดจะสนใจบาดแผลที่มีเลือดไหลซึมอยู่ตลอดเวลา กลับไปให้ความสนใจกับผู้ปองร้าย

“ไม่ต้อง! ข้าไม่ไปไหนทั้งไหน และจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ คุณเป็นหมอใช่ไหม ถ้าจะผ่าก็ผ่ามันที่นี้แหละ คุณทำได้ไหมคุณหมอซุ่มซ่าม”

ตอนท้ายซาลซาเอลยังมีอารมณ์เอ่ยล้อคุณหมอสาว ที่พอได้ยินฉายาที่ไม่พึงประสงค์ก็หันขวับมามองหน้าชีคหนุ่มด้วยสายตาบงบอกว่าเธอไม่พอใจอย่างไม่เกรงกลัวทันที

“ฉันไม่ได้ชื่อคุณหมอซุ่มซ่าม และเรื่องผ่ากระสุนที่ไหนฉันก็ทำได้ค่ะ แต่ที่นี่เราไม่มีเครื่องมืออะไรเลยสักอย่าง”

คุณหมอสาวแย้งพลางทำสีหน้าเป็นห่วง เมื่อเลือดที่ซึมออกมาเริ่มจะเยอะ อีกทั้งสีหน้าชีคหนุ่มก็เริ่มจะซีดลงทุกทีไม่รู้โดนยิงตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จะเมื่อไหร่ก็ตามเถอะเขาก็ไม่น่าจะมาหมกตัวอยู่ในห้อง ถ้าเกิดเธอกับอิสลัมมาช้ามิได้เป็นผีเฝ้าห้องนอนเลยเหรอ

“ก็เอาเท่าที่มีสิครับคุณหมอ แค่ผ่าเอากระสุนออกแค่นี้จะต้องใช้อะไรมากมาย ถ้าอย่างนั้นเวลาออกรบหรือโดนยิงในป่าในเขาเขาจะเอาอะไรผ่ากระสุนกันออกล่ะครับคุณหมอ ตอนนี้ก็ถือซะว่าหลงป่ามีอะไรก็เอามาผ่าๆ เถอะ”

ชีคหนุ่มพูดเหมือนกับบาดแผลที่ไหล่นั้นเป็นแค่แผลมีดบาดติดพาสเตอร์ก็เรียบร้อย แต่เมื่อดื้อดึงอย่างก็ต้องตามใจล่ะ

“ตกลงค่ะ ในเมื่อท่านชีคอยากให้ผ่าฉันก็จะผ่า งั้นขอมีดสะอาดๆ กับอะไรก็ได้ที่สามารถที่จะคีบดึงลูกกระสุนที่ฝังในนี้ออกได้หรือไม่ก็แหนบสะอาดๆ สักอัน แล้วก็ยาและอุปการณ์จำพวกใช้ทำความสะอาดแผลเท่าที่มีอยู่ในตอนนี้ด้วยแล้วกันนะคะ”

“แล้วก็ไล่พวกที่อยู่บริเวณนี้ออกไปให้หมดด้วยอิสลัม บอกว่าข้าต้องการความเป็นส่วนตัวมากไม่อยากได้ยินแม้เสียงคนเดิน”

“ครับท่านชีค”

รับคำสั่งจากทั้งคุณหมอสาวและท่านชีคเสร็จร่างสูงใหญ่ของอิสลัมก็ผละออกไป และระหว่างที่รอนั่นอุรัสยาก็ไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่า เธอขอเข้าไปทำความสะอาดมือก่อนที่จะทำการผ่าตัดในห้องน้ำที่เห็นแล้วเธอต้องบอกเลยว่าบนเครื่องบินส่วนตัวว่าหรูแล้วที่นี่ดุหรูหรายิ่งกว่าหลายเท่า

และเมื่อเสร็จจากการทำความสะอาด หญิงสาวจึงเข้าไปดูบาดแผลบริเวณต้นแขนซ้ายของชีคหนุ่มเป็นขั้นตอนต่อไป

“คุณพอจะมีกรรไกรไหมคะ เพื่อความสะดวกในการผ่าตัดฉันจำเป็นต้องตัดแขนเสื้อของคุณ”

สิ้นเสียงคุณหมอสาว ซาลซาเอลก็ใช้มืออีกข้างที่ยังใช้งานได้ปกติมากระชากฉีกแขนเสื้อโต๊ปสีน้ำตาลของตัวเองจนขาดวิ่น

“พอไหม”

ถามยิ้มๆ เมื่อเห็นหญิงสาวยืนดูการกระทำของเขาแบบอึ้งๆ

“โอเคค่ะ มันดีมากไม่เกะกะเลย ตอนนี้เอาเป็นว่าคุณต้องทำใจเรื่องความเจ็บปวดระหว่างผ่าเอากระสุนออกด้วยว่ามันจะเจ็บมาก เพราะเราไม่มียาชาเลย”

คุณหมอสาวบอกอย่างเป็นห่วง ขณะที่มือและสายตาสาละวนอยู่กับบาดแผลมากกว่า ซึ่งความเป็นห่วงนั้นก็ทำให้ชีคหนุ่มถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ

“อย่าว่าแต่ยาชาเลย แม้แต่ยาต้องห้ามผมก็มีในครอบครอง”

“โทษทีค่ะ ฉันลืมไปว่าคุณเป็นท่านชีค”

อุรัสยาเงยหน้าขึ้นมาพูดประชดเขาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปใช้ผ้ากดปิดปากแผลเอาไว้ เพื่อไม่ให้เลือดไหลออกมามากกว่านี้ ไม่นานอิสลัมก็โผล่มาพร้อมเครื่องมือและยาที่สั่งอีกมากมาย และพออุรัสยาดูยาแต่ละตัวแล้วเรียกได้ว่ามีทุกตัวยาที่จำเป็นจะต้องใช้ในการผ่าตัดและรักษาบาดแผลจริงๆ

ในเมื่อได้ทุกอย่างได้มาครบ คุณหมอสาวก็ไม่รอช้ารีบฆ่าเชื่ออุปรณ์ แล้วลงมือทำการผ่าเอาลูกกระสุนจากออกของชีคหนุ่มตามขั้นตอนทันที โดยมีอิสลัมไปยืนเฝ้าประตูที่ถูกปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา



เวลาผ่านไปนานร่วมชั่วโมง การผ่าตัดก็สิ้นสุดลงท่ามกลางความโล่งใจทั้งผู้ผ่าและผู้โดนผ่ารวมไปถึงคนยืนให้กำลังอยู่ห่างอย่างอิสลัมเองก็ตามที

“เรียบร้อยแล้วค่ะ”

บอกหลังจากใช้เทปติดทับลงบนผ้าปิดแผลสีขาวสะอาด จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปยิ้มละไมให้กับชีคหนุ่มอย่างที่ชอบทำทุกครั้งที่รักษาคนไข้ เพื่อเป็นการให้กำลังใจ แต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้หัวใจชีคหนุ่มถึงกับกระตุก จากนั้นคุณหมอสาวก็หันไปจัดยาสำหรับรับประทานในแต่ล่ะมื้อ พร้อมทั้งบอกวิธีและเวลาในการรับประทานให้ทั้งคนเจ็บและคนสนิทอย่างอิสลัมฟัง สุดท้ายก็หันมากำชับคนที่นอนมองเธอตาปริบๆ

“คุณห้ามลืมทานยานะคะ แล้วก็ควรพักผ่อนให้มากๆ แผลจะได้หายไวๆ แต่ถ้าจะให้ดีฉันว่าหลังจากนี้คุณควรแวะไปที่โรงพยาบาลตรวจดูแผลอีกสักหน่อย”

“ไม่! ถ้าผมไปก็จะไปทำอย่างอื่นไม่ใช่ไปในฐานะคนไข้ เข้าใจไหมครับคุณหมอซุ่มซ่าม แล้วนี้ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกเจ็บและปวดที่แผลจังเลย ยาชาหมดฤทธิ์แล้วเหรอหรือว่าคุณลืมอะไรไว้ในแผลผมหรือเปล่าคุณหมอซุ่มซ่าม”

หน้าตาของคนที่บอกว่าเจ็บแผลยิ้มระรื่นพร้อมทักยักคิ้วล้อเลียนคุณหมอสาว ที่หันขวับมามองตัวเองตาเชียวปั๊ด

“ฉันว่านอกจากเย็บแผลที่ต้นแขนแล้ว ฉันว่าฉันควรจะเย็บปากของคุณด้วยจริงไหมคะท่านชีค”

คุณหมอสาวต่อปากต่อคำอย่างไม่เกรงกลัว ซึ่งก็ทำเอาคนสนิทที่ยืนฟังอยู่ห่างๆ อมยิ้มขำ ในขณะที่คนจะโดนเย็บปากขยับตัวลุกขึ้น โดยมีอุรัสยาอีกนั่นแหละคอยประคอง

“ผมล้อเล่นน่า แล้วนี่คุณขนของไปไว้ที่พักยัง”

“ยังค่ะอิสลันบอกว่าจะพาฉันมาพบคุณก่อน แต่ก็นับว่าโชคดีนะคะ เพราะถ้าฉับกับอิสลัมมาช้ากว่านี้มีหวังคุณได้ตายเพราะเสียเลือดแน่ๆ บ้าบิ่นจริงๆ เลย”

อุรัสยาตำหนิเล็กน้อยตามประสาคนเป็นหมอ

“ผมมีเหตุผลของผมน่า และกระสุนแค่นี้ไม่สามารถทำให้คนอย่างชีคซาลซาเอลตายได้หรอก”

ด้วยความที่คิดว่าเขาเป็นลูกทะเลทราย และเห็นมากับตาแล้วว่าเขาโดนยิงแต่ยอมนั่งรอ เธอแน่ใจว่าเขารอเธอกับอิสลัมมาถึง มากกว่าจะไปโรงพยาบาลซึ่งก็เป็นโรงพยาบาลของเขาเอง เพียงเพราะว่ากลัวข่าวการถูกลอบยิงแพร่สะพัดออกไป แต่พอคิดถึงคำพูดของอิสลัมที่ว่าชีคซาลซาเอลเป็นที่รักของชาวคูเวอร์ และแน่นอนถ้าข่าวการถูกลอบยิงกระจายออกไปไม่ใช่พาะคนในวังญาติโกโหติกาเท่านั้นที่จะแตกตื่น แต่มันรวมไปถึงประชาชนทั้งคูเวอร์ที่รักและชื่นชมชีคซาลซาเอลด้วย ดังนั้นคุณหมอสาวจึงพยักหน้ารับอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ

“ค่ะ เอาเป็นว่าเรื่องนั้นฉันไม่ก้าวก่ายก็แล้วกัน ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของคนไข้ ส่วนตอนนี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยฉันขอให้อิสลัมไปส่งที่พักเลยแล้วกัน หรือฉันจำเป็นต้องเข้าพบท่านชีคจารีด้วยคะ”

ถามอย่างสงสัย แต่ซาลซาเอลส่ายหน้าอย่างบอกว่าไม่จำเป็น เพราะการที่จะมีหมอมาประจำที่โรงพยาบาลไม่ใช่เรื่องที่ผู้ปกครองรัฐจะต้องรับรู้ก็ได้

“ไม่ต้องหรอก พบผมคนเดียวก็พอแล้ว”

“งั้นก็ดิฉันคุณหมออุรัสยาเป็นเกียรติที่ได้พบและได้มาทำงานกับท่านชีคค่ะ”

เอ่ยจบหญิงสาวก็ถอนสายบัวพร้อมกับค้อมศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการทำความเคารพ และก็เป็นซาลซาเอลที่ต้องรีบห้ามเพราะเขาไม่ชอบอะไรที่เป็นทางการมากนัก

“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้คุณ ทำตัวและพูดคุยตามปกติเถอะ”

“ขอบคุณค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับที่ได้เลยใช่ไหมค่ะ ส่วนเรื่องที่คุณไม่อยากล้างแผลที่โรงพยาบาล เดี๋ยวฉันจะสอนวิธิล้างแผลให้กับอิสลัมเอง ง่ายๆ ไม่ยากแค่ดูแลดีหน่อยแผลจะได้ไม่ติดเชื้อ อีกทั้งช่วงนี้คุณก็อย่าเพิ่งทำงานอะไรมากนัก ไม่นานแผลก็น่าจะหาย”

อุรัสยากำชับในใจรู้สึกชื่นชมชีคหนุ่มอยู่ในใจที่ให้ความเป็นกันเองและไม่ถือ หรือนี่คือหนึ่งการวางตัวที่ทำให้ทุกคนหลงรักชีคหนุ่มคนนี้

“ไม่ต้องสอนหรอก เพราะผมจะให้คุณย้ายมาพักที่นี้แทน”

“ไม่ได้นะคะ ฉันมาที่นี้เพื่อมาเป็นหมอรักษาคนไข้ที่โรงพยาบาลไม่ได้มาเป็นพยาบาลส่วนตัวของคุณ ไม่เอาฉันจะไปพักที่บ้านพักที่คุณจัดให้ตอนแรกดีกว่า”

คุณหมอสาวปฏิเสธทันควัน ชนิดที่ว่าไม่ต้องคิดไตร่ตรองให้เสียเวลาเลยก็ว่าได้ เล่นเอาชีคหนุ่มชักสีหน้าออกอกาการไม่พอใจ

“คุณได้ทำงานที่โรงพยาบาลสมใจแน่ และที่ผมให้คุณพักที่นี่ก็เพื่อช่วงที่ผมยังไม่หายดีคุณจะต้องเป็นคนดูแลผม อีกอย่างคุณรู้เรื่องที่ผมโดนลอบยิง กับอิสลัมผมไม่ห่วงหรอกว่าเรื่องนี้จะเล็ดลอด แต่กับคุณ…”

ชีคหนุ่มหรี่ตามองคุณหมอสาวอย่างไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ

“ฉันสัญญาสาบานว่าเรื่องนี้จะถูกลืมไปจากสารระบบในสมองของฉันทันทีที่ก้าวเท้าออกจากห้องนี้”

หญิงสาวยกมือขึ้นพร้อมกับให้คำมั่นแต่ชีคหนุ่มกับส่ายหน้า

“มันไม่มีอะไรการันตรีเลยว่าคุณจะรักษาคำสัญญาสาบานนั่น เอาเป็นว่าคุณมาพักที่นี้ ตอนเช้าและตอนเย็นผมจะให้อิสลัมไปรับไปส่งคุณที่โรงพยาบาล”

“แต่คนอื่น…”

“คุณจะอยู่ที่นี่ในฐานะแขกคนพิเศษของผม เท่านี้ก็ไม่มีใครกล้ายุ่งกับคุณแล้วล่ะ เอาเป็นว่าตกลงตามนี้ห้ามปฏิเสธเพราะนี่คือคำสั่ง”

เอ่ยจบร่างสูงก็เอนตัวลงนอนหันหลังให้กับคุณหมอสาวเป็นการยุติการสนทนา อุรัสยากรอกตาไปมาหันไปขอความช่วยเหลือจากอิสลัม สิ่งได้ตอบกลับคือการส่ายศีรษะ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็แสดงว่าเธอต้องปฏิบัติตามคำสั่งของท่านชีคผู้ใจดีอย่างคำของอิสลัมที่เธอขอแปลี่ยนให้เป็นท่านชีคผู้เอาแต่ใจก็แล้วกัน

**************************************************************************

ขอบคุณทุกคอมเม้นทุกโหวตนะคะ ^_^

ปล.เนื้อเรื่องยังไม่ได้รีไรท์ผิดพลาดอย่างไรแนะนำได้นะคะ



เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 พ.ค. 2555, 11:28:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 พ.ค. 2555, 11:28:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 5947





<< บทนำ   ตอนที่ 2 : ของชิ้นแรกจากท่านชีค >>
teesaparn 11 พ.ค. 2555, 11:44:07 น.
มาประเดิมข้าเจ้าก่อเลยมาเจิมเจ้า รอต๋อนต่อไปเน้อเจ้า


หมูอ้วน 11 พ.ค. 2555, 13:24:11 น.
ชอบค่ะชอบ รอติดตามตอนต่อไปค่ะ


เด็กหญิงม่อน 11 พ.ค. 2555, 18:11:00 น.
แขกพิเศษ อิอิ


แว่นใส 11 พ.ค. 2555, 18:37:10 น.
เกิดเรื่องเลยเนอะ


nunoi 13 พ.ค. 2555, 12:35:36 น.
ตอนนี้เป็นแขกพิเศษไปก่อน ไม่นานคงเปลี่ยนเป็น "คนพิเศษ" ใช่ไหม๊ค่ะท่านชีค


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account