ลำน้ำรักซัดทรายเสน่หา ชุด ทะเลทรายระบายรัก *สนพ.สวีทเลิฟ*
อัพให้อ่านหน้าเวบแค่ 70% นะคะ ที่เหลือติดตามอ่านได้ในรูปเล่มค่ะ ^_^
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 2 : ของชิ้นแรกจากท่านชีค
ตอนที่ 2
ของชิ้นแรก
เช้าวันใหม่กับการเริ่มทำงานกับที่ใหม่ แม้เมื่อวานจะผ่านการเดินทางอันแสนยาวนานบวกกับมาถึงก็ต้องมาวุ่นวายกับการผ่าเอาลูกกระสุนออกให้ชีคซาลซาเอลอีก และด้วยเหตุนั้นเองทำให้เมื่อคืนเธอหลับเป็นตาย พอเช้ามาเลยสดชื่นกระปรี้กระเปร่า เรียกได้ว่าแรงกายแรงของเธอพร้อมเต็มที่ ถึงอย่างนั้นก็มารู้สึกไม่สบายใจนิดๆ ก็ตรงชีคซาลซาเอลนี่แหละ เพิ่งจะผ่าตัดไปเมื่อวานแทนที่จะนอนพักผ่อนอยู่ที่ห้อง แต่นี่กลับบอกว่าจะไปโรงพยาบาลพร้อมกับเธอ ถ้าไปให้ทางโรงพยาบาลเช็คบาดแผลเธอจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่บอกว่าจะไปทำงานพร้อมกับไปแนะนำเธอให้รู้จักคุณหมอคนอื่นๆ ในฐานะเจ้าของโรงพยาบาล
“ไหวไหมคะท่านชีค ฉันว่าท่านน่าจะหยุดพักผ่อนดีกว่าไหม แค่ไปโรงพยาบาลแค่นี้ ฉันไปอิสลัมสองคนก็ได้”
คุณหมอสาวถามด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเป็นห่วงทันทีที่รถเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาล โดยมีคนสนิทอย่างอิสลัมเป็นสารภี
“แผลแค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอกน่า เมื่อเช้าคุณเป็นคนล้างแผล คุณก็น่าจะเห็นว่ามันไม่ได้ร้ายแรงหรือน่าวิตกกังวลอะไร และขอร้องเลยนะอยู่ข้างนอกอย่าเอ่ยถึงเรื่องแผลนี้เด็ดขาด”
ซาลซาเอลสั่งเสียงเข้ม อุรัสยาปรายตามองต้นแขนซ้ายที่อยู่ภายใต้ชุดกาลาไบยาสีน้ำตาลแล้วก็เห็นว่าทุกอย่างดูปกติ ถ้าเมื่อวานไม่เห็นกับตาว่าเขามีบาดแผลวันนี้เธอก็ดูไม่มรู้หรอก ร่วมไปถึงคนอื่นๆ ด้วย
“รู้หรอกค่ะว่าเรื่องนี้มันลับแค่ไหน ไม่อย่างนั้นท่านคงไม่กักตัวฉันไว้หรอกจริงไหมคะ”
“รู้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่ปากสว่าง”
คุณหมอสาวย่นจมูกใส่ชีคหนุ่มอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะสะบัดหน้าหนีออกไปมองบรรยากาศนอกตัวรถ เห็นแล้วซาลซาเอลก็ได้แต่แย้มพระสรวลขำและทรงคิดไปว่ามันก็น่ารักดี
ร่างบอบบางสมส่วนของคุณหมอสาวที่เดินเคียงคู่กับชีคซาลซาเอลและอิสลัมเข้ามาภายในโรงพยาบาลทำให้สามารถเรียกสายตาทั้งจากคนไข้และเหล่าพยาบาลได้เป็นอย่างดี และส่วนมากคงจะรู้จักชายหนุ่มดีว่าเป็นใครจึงต่างพากันลุกขึ้นทำความเคารพและทักทาย ด้วยสีหน้าที่ปลื้มปิติ และซาลซาเอลเองก็ดูไม่ถือตัวเขาทักทายกลับพร้อมถามสารทุกข์สุขดิบดูๆ ไปแล้วเขาก็ไม่ได้แตกต่างจากที่เคยได้ยินอิสลัมพูดเอาไว้เลยว่าเขาเป็นชีคที่ใจดีมีเมตตา ยกเว้นกับกับเธอคนเดียวหรือเปล่าที่เขาดูจะดื้อดึงเอาแต่ใจ
แม้จะคิดอย่างนั้น แต่ภาพตรงหน้าก็ทำให้เธอรู้สึกอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากรู้สึกดีถึงดีมากๆ และในระหว่างที่หญิงสาวมองเพลินๆ ก็มีเด็กชายคนหนึ่งร้องไห้งอแงวิ่งมาชนเข้ากับร่างสูงที่กำลังทักทายคนไข้อยู่อย่างจังจนเป็นผลให้ร่างเล็กนั้นล้มก้นจ้ำเบ้า
“ว๊าย! นาฮีด”
ผู้เป็นแม่กรีดร้องเสียงหลง แต่เมื่อเห็นหน้าคนที่ลูกชายของตนวิ่งชน นางก็รีบวิ่งไปประคองลูกชายพร้อมทั้งรีบละล้ำละลักขอโทษขอโพยชีคหนุ่มเป็นการใหญ่
“ข้าขอประทานโทษแทนลูกชายหม่อมฉันด้วยเพคะท่านชีค”
ชีคซาลซาเอลทรงไม่เพียงไม่กล่าวโทษ แต่กลับทรุดพระองค์ลงนั่งยองๆ ยกพระหัตถ์ไปโยกศีรษะเล็กของเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ พลางเอ่ยตรัสอย่างเอ็นดูว่า
“เป็นอะไรเราร้องไห้งอแงเชียว”
“กลัวหมอ”
เด็กน้อยบอกเสียงสะอึกสะอื้น มองหน้าชีคหนุ่มสลับกับคนเป็นแม่ ก่อนจะกวาดสายตามองไปที่คนอื่นๆ ที่มองมาอย่างสนใจใคร่รู้ด้วยสายตางงงวย
“กลัวหมอ”
ชีคหนุ่มทวนคำพลางเลิกพระขนงมองใบหน้ากลมที่เปื้อนคราบน้ำตาแ ล้วทรงสรวจเบาๆ ก่อนจะทรงหันไปตรัสถามผู้เป็นแม่ของเด็ก
“พาเด็กมาทำอะไร”
“มาถอนฟันเพคะท่านชีค แต่ก่อนจะถึงคิวมีเด็กคนหนึ่งเข้าไปก่อน และพอออกมาเด็กคนนั้นก็ร้องไห้จ้า ทำให้ลูกของหม่อมฉันเกิดอาการกลัว พอถึงคิวจะพาเข้าไปในห้องถอนฟัน ก็วิ่งหนีมาอย่างที่เห็นแหละเพคะ”
ชีคซาลซาเอลพยักพระพักตร์ ก่อนจะตรัสให้อิสลันพาอุรัสยาไปรอที่ห้องก่อน ส่วนพระองค์นั้นอาสาจะพาเด็กน้อยเข้าไปในห้องถอนฟันเอง
ตอนแรกเด็กน้อยทำท่าจะไม่ไป แต่พอซาลซาเอลก้มลงกระซิบตรัสบางอย่างเด็กน้อยก็มีสีหน้าลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะยอมเดินเคียงจูงมือชีคหนุ่มเข้าห้องทำฟัน โดยมีผู้เป็นแม่ของเด็กน้อยมองตามด้วยสายตาที่ปลาบปลื้มปิติ เพราะนางเองเคยได้ยินชื่อเสียงล่ำลือเรื่องความใจดีมีเมตตาของชีคซาลซาเอลมานาน แต่ก็ไม่เคยได้ประสบพบพานกับตัวเองเลยสักครั้ง พอมาวันนี้ได้ประจักษ์ด้วยตา นางจะไม่มีวันลืมวันนี้เลยชั่วชีวิต และขอสปฏิญาณตนว่าจะขอภักดีต่อชีคซาลซาเอลผู้นี้ตลอดไป
ทันทีที่เดินเข้ามาภายในห้องส่วนตัวหรืออีกนัยหนึ่งก็คือห้องทำงานของเจ้าของโรงพยาบาลอย่างชีคซาลซาเอล อุรัสยาที่ดูอัดอั้นอยากจะพูดอะไรสัก แต่ถ้าพูดต่อหน้าคนหมู่มากหรือเดินผ่านไปผ่านมาก็คงไม่ดีสักเท่าไหร่ก้เอ่ยปากขึ้นทันที
“นี่ถ้าฉันไม่เห็นกับตาฉันไม่เชื่อนะคะว่าชีคจอมดื้อดึงเอาแต่ใจอย่างท่านชีคซาลซาเอลจะเป็นชีคที่ใจดีมีเมตตาอย่างที่คุณเคยเอ่ยชม”
ได้ยินอย่างนั้นอิสลัมถึงกับหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“ชีคใจดีมีเมตตากับทุกคนครับ โดยเฉพาะกับเด็กท่านชีคจะใจดีเป็นพิเศษ คอยดูสิกลับมาท่านชีคต้องสั่งให้ผมไปหาอะไรสักอย่าง หลังจากหลอกล่อให้เด็กคนนั้นเข้าไปถอนฟันเพื่อแลกอะไรสักอย่างที่เด็กคนนั้นชอบ แต่กรณีของคุณหมอผมก็ทราบเหมือนกันนะครับว่าทำไมท่านชีคถึงกลายมาเป็นคนเอาแต่ใจ ทั้งที่ปกติชอบเป็นฝ่ายเอาใจสาวๆ มากกว่า”
“นั่นสิค่ะหรือฉันเป็นผู้หญิงที่หน้าตาอุบาศก์มากๆ ท่านชีคเลยไม่ปลื้ม สงสัยจะใช่แน่ๆ แต่ก็ดีแล้วล่ะค่ะ ถ้าเกิดปลื้มฉันขึ้นมาแล้วเอาไปเป็นนางในฮาเร็ม ฉันจะต้องแย่แน่ๆ”
อุรัสยาพูดพลางทำสีหน้าประกอบ ทำเอาอิสลันหัวเราะดังลั่นคับห้องอย่างชอบใจ ผิดกับเจ้าของร่างสูงที่เปิดประตูเข้ามาพอดีที่จะได้ยินหญิงสาวพูดถึงฮาเร็มของเขา
“แล้วคุณรู้ได้ไงว่าผมมีฮาเร็มคุณหมอซุ่มซ่าม”
อุรัสยาหันขวับมามองอย่างตกใจ และพอเห็นใบหน้าที่บึ้งตึงของคนต้นเสียงหญิงสาวก็ยิ้มแหยๆ แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าตอนท้ายชีคหนุ่มเรียกเธอว่าคุณหมอซุ่มซ่ามอีกแล้วจึงตีหน้าเรียบตอบกลับไปว่า
“กะ…ก็ฉันเคยได้ยินมาอย่างนั้นว่าชีคเนี่ยนะมีผู้หญิงในฮาเร็มเป็นร้อยเป็นพันๆ คน”
“อย่างนั้นเหรอ งั้นผมจะให้คุณเป็นหนึ่งในนางฮาเร็มเป็นร้อยเป็นพันของผมก็แล้วกัน”
“ไม่ได้นะ! ฉันไม่ยอม ไหนท่านแจ้งกับทางโรงพยาบาลว่าท่านจะจ้างฉันมาเป็นหมอก็เป็นแค่หมอสิคะ ทำไมต้องมาพวกตำแหน่งนางในฮาเร็มให้ฉันด้วย ฉันจะกลับ”
ว่าแล้วคุณหมอสาวก็หุนหันจะเดินออกจากห้อง เดือดร้อนคนกลางอย่างอิสลัมต้องรีบเข้าไปห้าม พลางมองชีคหนุ่มด้วยสายตาคล้ายกับถามว่าทำไมไม่บอกความจริงไปล่ะว่าไม่มีฮาเร็ม แต่ชีคหนุ่มกลับยักพระอังสาอย่างไม่หยี่ระ เพราะได้แกล้งคุณหมอสาววันล่ะจิตของเขาก็แจ่มใส
“ใจเย็นๆ ครับคุณหมอ ไม่มีเรื่องแบบนั้นแน่นอน ตอนนี้ผมว่าเราพาคุณหมอไปชมโรงพยาบาลและไปแนะนำตัวกับคุณหมอและพยาบาลคนอื่นๆ ดีกว่าไหมครับท่านชีค”
“ก็ดี ไปกันเลย”
ชีคซาลซาเอลพยักพระพักตร์เป็นเชิงเรียก ก่อนจะเดินนำออกไป และตามมาด้วยคุณหมอสาวที่ดูเหมือนยังคลางแคลงใจกับการที่ชีคหมนุ่มบอกว่าจะเอาเธอไปเป็นนางในฮาเร็มไม่หาย และอิสลัมเองก็สังเกตเห็นจึงบอกความจริงไปเพื่อความสบายใจของหญิงสาว
“คุณหมออย่าถือสาเลยนะครับ ท่านชีคแค่อยากแกล้งคุณเล่นเท่านั้นเอง”
“แกล้งเล่น ถ้าอย่างนั้นฮาเร็ม…”
“ไม่มีหรอกครับ”
สิ้นเสียงอิสลัมคุณหมอสาวถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีเรื่องที่สงสัยอีกเรื่องที่เพิ่งผุดขึ้นมาในหัว
“แล้วทำไมต้องแกล้งกันด้วยนะ”
“เรื่องนั้นผมว่ารบกวนคุณหมอไปถามท่านชีคเองดีกว่าไหมครับ”
อิสลัมบอกยิ้มๆ และนั่นทำให้อุรัสยาทำตาโต เพราะเพิ่งรู้ว่าตัวเองว่าหลุดปากพูดในสิ่งที่คิดออกมาโดยไม่รู้ตัว เธอหันมายิ้มเก้อเขินให้คนสนิทของชีคหนุ่ม ก่อนจะรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามร่างสูงใหญ่ที่เดินดุ่มอย่างไม่คิดจะรอใคร
ขณะที่อิสลัมได้แต่มองตามคนทั้งคู่แล้วส่ายหน้า ตอนนี้เขาไม่สามารถคาดเดาได้ว่าชีคซาลซาเอลจะเอาอย่างไรกับคุณหมอสาว รู้เพียงว่าชีคสนใจเธอเป็นพิเศษ และนั่นก็ถือเป็นนิมิตหมายอันดี เพราะตั้งแต่รู้จักและทำงานด้วยกันมาท่านชีคไม่เคยเป็นอย่างนี้กับผู้หญิงคนไหนเลย
อุรัสยาเดินชมโรงพยาบาลโดยมีไกด์กิตติมศักดิ์เป็นคนคอยแนะนำไปจนรอบพื้นที่กว้างขวาง ถึงตอนนี้นี่เองหญิงสาวจึงได้รู้ว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ค่อนข้างจะทันสมัยเอามากๆ เครื่องมือเครื่องไม้ครบครันจะขาดก็แต่บุคลากรเท่านั้น แต่คงไม่นานทุกอย่างที่นี้จะครบสมบูรณ์เพราะชีคซาลซาเอลบอกว่าเขากำลังติดต่อขอซื้อตัวคุณหมอมือดีจากหลายประเทศเพื่อให้มาทำงานที่นี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่แน่ว่าที่ติดต่อซื้อตัวไปจะมาทำงานที่นี้กันทุกคน
และหลังจากชมโรงพยาบาลจนสามารถรู้ได้ว่าห้องไหนคือห้องไหน ช่วงเวลาต่อจากนั้นชีคซาลซาเอลจึงพาเธอไปแนะนำทำความรู้จักกับคุณหมอและคนอื่นๆ จนเกือบครบ จะเหลือก็แต่คุณหมอการิบและทีมผ่าตัด ที่กำลังจะเตรียมตัวเข้าทำการผ่าตัด แต่ซาลซาเอลก็ขอเวลาเล็กน้อยเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักคุณหมอสาวคนใหม่
“คุณหมอการิบและทุกคน นี่คือคุณหมอคนใหม่ คุณหมออุรัสยา ชื่อเรียกยากไปหน่อยนะ คุณหมอฝีมือดีจากเมืองไทย”
แม้จะบ่นเรื่องชื่อเรียกยากเล็กน้อย แต่อุรัสยาก็รู้สึกดีขึ้นมากเล็กน้อยเหมือนกัน ที่พระองค์ทรงไม่แนะนำกับทุกคนว่าเธอคือคุณหมอซุ่มซาม ณ ประเทศไทย
“สวัสดีค่ะทุกคนยินดีที่ได้รู้จักนะคะ อุรัสยาหรือจะเรียกสั้นๆ ว่าหยาก็ได้ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ”
“ผมหมอการิบครับ”
หลังจากคุณหมอการิบแนะนำตัวทุกคนในทีมผ่าตัดต่างก็เรียงคิวแนะนำตัวกับคุณหมอคนใหม่อย่างตื่นเต้นดีใจ จนได้เวลาที่จะต้องเข้าห้องผ่าตัด คุณหมอการิบก็เอ่ยปากชวน
“คุณหมอหยาอยากพิสูจน์ฝีมือการผ่าตัดสักหน่อยไหมครับ”
“รายละเอียดของผู้ป่วยล่ะคะ”
อุรัสยาถามอย่างสนใจ ก่อนจะรับแฟ้มประวัติจากคุณหมอการิบมาเปิดดู ขณะที่หูก็ฟังรายละเอียดจากอีกฝ่ายไปพร้อมๆ กัน
“ดูประวัติรายที่ 3 ครับ เราจะผ่าบริเวณช่องท้อง เพราะผู้ป่วยมีก้อนเนื้อร้ายบริเวณลำไส้ใหญ่”
“โอเค ฉันจะร่วมในการผ่าตัดในครั้งนี้ค่ะ ขอเวลาเตรียมตัวและฆ่าเชื้อ อีก 15 นาทีเจอกันที่ห้องผ่าตัดค่ะ ขอตัวนะคะท่านชีค อิสลัม”
บอกก่อนจะผละออกไปเตรียมตัวเพื่อเข้าห้องผ่าตัด ซึ่งชีคซาลซาเอลได้แต่มองตามพลางส่ายพระเศียรอย่างไม่คิดว่าหญิงสาวจะบ้างานขนาดนี้ สมกับที่ผู้อำนวยการที่โรงพยาบาลที่เมืองไทยว่าไว้จริงๆ ว่าอุรัสยาเป็นคุณหมอที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่องานจริงๆ ถึงอย่างนั้นมีรอยยิ้มให้กับคนไข้เสมอ ดังนั้นคนไข้คนไหนที่เธอได้รักษา มักจะคำชมตอบกลับมาให้ได้ยินตลอด
“งั้นเราไปรอเธอที่ห้องดีกว่า”
‘รอ’ อย่างนั้นเหรอ อิสลัมเลิกคิ้วก่อนจะยักไหล่ยิ้มๆ แล้วรีบตามชีคหนุ่มออกไป แต่ก็ไม่วายที่จะถามเพราะข้องใจ
“เราจะรอคุณหมอเหรอครับ แต่ผมว่าท่านชีคกลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่าไหม เดี๋ยวตอนเย็นผมจะกลับมารับคุณหมออีกรอบเองดีกว่า”
ชีตซาลซาเอลโบกพระหัตถ์เป็นการปฏิเสธ
“ทันทีที่ยัยหมอซุ่มซ่ามออกจากห้องผ่าตัด เราถึงจะกลับ เธอต้องไปเตรียมตัว เพราะเย็นนี้ข้าจะพาเธอเข้าพบท่านพ่อ อย่างน้อยก็เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่าเธอคือใครเวลาเธอเดินไปเดินมาภายในวัง”
“แล้วท่านชีคจะแนะนำกับท่านชีคจารีว่าคุณหมอเข้ามาอยู่ในวังของท่านในฐานะอะไรหรือครับท่านชีค แขกคนพิเศษแล้วพิเศษแบบไหนหลายๆ คนคงสงสัย คงไม่เว้นแม้แต่ท่านชีคจารี และโดยเฉพาะท่านชีคคาทัลฟา ท่านอย่าลืมนะว่ายังไม่มีใครรู้ว่าท่านบาดเจ็บจากการโดนลอบยิงหรือจะรู้ข้าก็มิอาจทราบได้”
“เจ้าคิดอย่างนั้นเหรอ งั้นให้เธออยู่ในฐานะนางในฮาเร็มคนเดียวของข้าเป็นไง”
“ข้าได้แต่ภาวนาให้คุณหมอยอมนะครับ”
ได้ยินอย่างนั้น ชีคซาลซาเอลถึงกับพระสรวลออกมาอย่างชอบพระทัย และยิ่งคิดว่าถ้าพระองค์แนะนำหญิงสาวในฐานะนี้ต่อหน้าท่านพ่อและทุกคนในครอบครัวโดยไม่บอกกล่าวเธอก่อนอะไรจะเกิดขึ้น เธอจะรับสมอ้างหรือจะแหกหน้าเขาต่อหน้าทุกคน ชีคหนุ่มทรงคิดเล่นๆ พลางแย้มพระสรวล ก่อนจะปรับสีพระพักตร์ให้เคร่งขรึมเป็นงานเป็นการทันที่เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องทำงานส่วนพระองค์
“แต่ข้าว่าตอนนี้เรามีเรื่องสำคัญกว่าเรื่องของฐานะยัยคุณหมอซุ่มซ่าม ที่จะต้องคุยกันอยู่ใช่ไหมอิสลัม เอ้อ! ก่อนคุยเจ้าไปซื้อหุ่นยนต์แล้วเอาไปให้เด็กคนเมื่อครู่ด้วย ข้าบอกให้แม่ของเด็กรอรับของอยู่”
“ครับ”
การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดีทุกอย่างเป็นที่พอใจ ดังนั้นเมื่อออกจากห้องผ่าตัดคุณหมอสาวจึงขอตัว แต่เดินออกมาก็พบอิสลัมนั่งรออยู่หน้าห้อง คุณหมอสาวเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยว่าชายหนุ่มม่นั่งรอใคร รอเธอหรือ รอทำไม และไม่ให้ความสงสัยค้างค้าใจนานเธอจึงเดินเข้าไปทักอิสลัม
“ยังไม่กลับอีกเหรอคะ”
“ยังครับรอคุณหมออยู่ นี่เสร็จแล้วใช่ไหมครับ งั้นไปครับ ท่านชีครออยู่ที่ห้องทำงาน แล้วเราจะได้กลับกันเลย”
ว่าแล้วร่างสูงก็ยืดตัวยืนขึ้นเต็มความสูงและจะเดินนำไปโดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายเอ่ยปากพูดอะไรเลย เดือดร้อนคุณหมอสาวที่ต้องรีบก้าวยาวไปให้ทันแล้วถามอย่างงงงวย
“กลับ แต่มันยังไม่ได้เวลาเลิกงานเลยนะคะ”
“ยังหรอกครับ แต่เย็นนี้ท่านชีคจะพาคุณหมอเข้าพบท่านชีคจารีกับทุกคนในครอบครัว เลยต้องมีการเตรียมตัวนิดหน่อย”
“ก็ไหนท่านชีคบอกว่าไม่จำเป็นต้องพบใครไงคะ พบแค่ท่านชีคคนนี้คนเดียวก็พอ”
“นั่นมันเมื่อวานครับ ไปเถอะครับ ถ้าติดใจสงสัยอะไร คุณหมอค่อยไปถามท่านชีคเองดีกว่า ท่านน่าจะให้คำตอบที่ดีได้”
“อ๋อ ค่ะ”
อุรัสยารับคำอย่างเข้าใจอะไรง่ายๆ คล้ายกับไม่คิดอะไร แต่พอคิดว่าจะได้เข้าพบท่านชีคผู้ปกครองรัฐคูเวอร์แล้วความตื่นเต้นเมื่อยามก่อนได้พบชีคซาลซาเอลก้ก่อตัวกลับเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้รู้สึกจะทวีขึ้นเป็นเท่าตัวกันเลยทีเดียว
อุรัสยาหันไปมองชีคซาลซาเอลกับบรรยากาศนอกรถสลับกันไปมาอยู่นานจนแน่ใจว่าไม่ใช่เส้นทางที่ผ่านมาเมื่อเช้า แม้จะเพิ่งเคยผ่านเพียงครั้งเดียวแต่เธอก็จำได้ดี
“เราจะยังไม่กลับเหรอคะ หรือว่าเปลี่ยนเส้นทาง”
“เราจะไปเดินตลาดกันหรือคุณไม่อยากไป”
ชีคหนุ่มตรัส ก่อนจะกลั้นพระสรวลเอาไว้แทบไม่อยู่ เมื่อคุณหมอสาวที่ดูจะสนใจนอกตัวรถมากกว่าคนในรถรีบหันกลับมาตอบรับทันควัน
“ไปค่ะไป เมื่อวานนั่งรถผ่านฉันยังคิดไว้เลยนะคะว่าว่างๆ จะมาลองมาเดินดู แต่ไม่คิดว่าจะได้มาไวกว่าที่คิด แถมมากับท่านชีค คราวนี้แหละเวลาซื้อจะได้ต่อราคาได้เยอะๆ หน่อย”
ว่าพลางทำท่าถูไม้ถูมือ และกิริยาอย่างไม่มีจริตของหญิงสาวก็ทำให้ชีคซาลซาเอลพระสรวลออกมาสุรเสียงดังอย่างอดไว้ไม่ได้
“หัวเราะอะไรคะ”
“ผมเพิ่งรู้ว่าการที่คุณยอมไปเดินตลาดพร้อมผมจะมีนัยยะแอบแฝง”
“ก็นิดหนึ่งค่ะ”
อุรัสยาบอกพลางยิ้มเขิน ก่อนจะทำน้ำเสียงตื่นเต้นเมื่อเห็นความคึกคักของตลาดอยู่ไม่ไกล
“อุ๊ย! นั่นไงจะถึงแล้วใชไหมคะ”
“ครับ”
เท่านั้นคุณหมอสาวก็ค้นกระเป๋าเอาฮิญาบที่เธอพกมันติดตัวตลอดขึ้นมาคลุมศีรษะ ซาลซาเอลเห็นแล้วก็ได้แต่ถามอย่างแปลกใจว่า
“นี่คุณพกฮิญาบมาด้วยเหรอ ที่จริงคุณไม่ต้องคลุมก็ได้
“ไม่เอาหรอกค่ะ ฉันไม่อยากเป็นอะไรที่แปลกแยก และฉันคิดว่าจะมาซื้ออีกสักสี่ห้าผืนจะใช้ผืนนี้แค่ผืนเดียวคงไม่ดีสักเท่าไหร่ เดี๋ยวคนเดินผ่านจะทนกลิ่นไม่ไหว”
บอกเสียงกลั้วหัวเราะและเป็นจังหวะเดียวกับมาถึงตลาดพอดี เมื่อรถจอดสนิทอุรัสยาก็ไม่รอช้ารีบลงจากรถอย่าวตื่นเต้น เพราะด้วยอาชีพคุณหมอทำให้ไม่มีเวลาว่างมากนักที่จะพาตัวเองไปเที่ยวในต่างแดน
“ตลาดคึกคักดีนะคะ”
“เดินเข้าไปข้างในยิ่งจะคึกคักกว่านี้ ที่นี่คือศูนย์รวมของชาวบ้าน พูดง่ายๆ คุณสามารถเห็นคนทุกประเภทได้ที่นี้”
ชีคซาลซาเอลทรงอธิบาย ขณะที่อุรัสยาฟังไปกวาดสายตามองไปรอบอย่างตื่นเต้น และเป็นอีกครั้งที่มีเสียงทักทายดังมาจากพ่อค้าขายตลอดทางที่เธอกับชีคหนุ่มเดินผ่าน
“ท่านชีค ท่านชีคซาลซาเอลจริงๆ ด้วย มาช็อปปิ้งเหรอเพคะ”
แม่ค้านางหนึ่งเอ่ยทักพร้อมกับทำความเคารพ อย่างเช่นทุกครั้งที่ชีคซาลซาเอลรัชทายาทอันดับสองของรัฐคูเวอร์ทรงมาเดินตรวจตราที่ตลาด
“พ่อค้าแม่ค้าที่นี้ดูสนิทกับท่านดีจังเลยนะคะ”
“ผมมาที่นี่ทุกอาทิตย์ มาเดินตรวจตราและเดินซื้อของด้วยเล็กๆ น้อยๆ เรื่อยเปื่อยตามประสา”
ชีคหนุ่มพูดจบอุรัสยาก็หัวเราะคิก พระองค์ตรัสเหมือนไม่ได้มาทำงาน แต่เป็นเพียงชายหนุ่มรูปงามธรรมดาๆ คนหนึ่งที่มาหาซื้อของถูกใจที่ตลาด และการมาครั้งนี้เธอก็แน่ใจว่าชีคซาลซาเอลมาตรวจตราตลาดประจำอาทิตย์อย่างที่ได้บอกกับเธอก่อนหน้านั้น
“ท่านขยันดีนะคะ การลงมาดูมาเห็นอะไรด้วยตาตัวเองมันจะสามารถทำให้เราทราบถึงสิ่งที่ชาวบ้านต้องการ และเท่าที่เดินดูตลาดที่นี่ดูพัฒนามากอยู่นะคะ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีกลิ่นอายวัฒนธรรมตลาดแบบเก่าๆ อยู่”
“สิ่งไหนที่ควรพัฒนาเราก็จะพยายามพัฒนาไม่ให้ล้าหลังจนเกินไป แต่สิ่งไหนควรเก็บรักษาเราก็คงไว้พร้อมกับบบูรณะหักเกิดความเสียหาย”
“ฉันชอบแนวคิดนี้นะคะ โอะ! กำไลแขนสวยจังเลย ขอเวลาเลือกซื้อแป๊บหนึ่งนะคะ”
ขออนุญาตเสร็จหญิงสาวก็ปลีกตัวตรงไปที่ร้านแฮนด์เมด ซึ่งมีเครื่องประดับอยู่หลายชนิด แต่ที่ถูกใจคุณหมอสาวที่สุดก็คงเป็นกำไลแขน ที่มีอยู่หลากหลายแบบให้เลือก คุณหมอสาวยืนจับยืนจ้องอยู่นานก็ได้กำไลที่มีระย้าต่อไปเป็นแหวนมาสามอันและทั้งสามอันนั้นก็มีแบบและสีที่แตกต่างกันไป เธอลองใส่แล้วถอดถอดแล้วใส่อยู่อย่างนั้นหลายรอบ แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าสีไหนเหมาะกับตัวเอง จนกระทั่ง…
“ผมว่าสีนี้เหมาะกับคุณนะ”
ชีคหนุ่มหยิบกำไลต่อแหวนที่มีเม็ดพลอยสีแดงมาสวมให้กับหญิงสาว ก่อนจะหันไปจ่ายเงินให้กับแม่ค้าที่ยิ้มหน้าบาน
“ขอบพระคุณเพคะท่านชีค”
“เอ่อ…ฉันเองก็ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ มันเป็นของชิ้นแรกที่ได้จากที่นี่แถมได้จากคนที่ชาวรัฐคูเวอร์รักและเคารพ ฉันเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดีค่ะ”
บอกก่อนจะยกมือของตัวเองขึ้นมาดูอย่างพอใจ แล้วแอบคิดเล่นๆ ว่าถ้าเธอใส่ชุดอาหรับราตรีเข้าไปนี่เป็นนางรำได้เลยนะเนี่ย โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าชีคซาลซาเอลที่ซื้อของชิ้นแรกให้เธอมีสีพระพักตร์เช่นไร
*****************************************
ขอบคุณทุกคอมเม้นทุกโหวตนะคะ ^_^
* ขอแจ้งเกี่ยวกับการอัพนิยายเรื่องนี้นะคะว่าจะอัพแค่ 70 % เท่านั้น
ของชิ้นแรก
เช้าวันใหม่กับการเริ่มทำงานกับที่ใหม่ แม้เมื่อวานจะผ่านการเดินทางอันแสนยาวนานบวกกับมาถึงก็ต้องมาวุ่นวายกับการผ่าเอาลูกกระสุนออกให้ชีคซาลซาเอลอีก และด้วยเหตุนั้นเองทำให้เมื่อคืนเธอหลับเป็นตาย พอเช้ามาเลยสดชื่นกระปรี้กระเปร่า เรียกได้ว่าแรงกายแรงของเธอพร้อมเต็มที่ ถึงอย่างนั้นก็มารู้สึกไม่สบายใจนิดๆ ก็ตรงชีคซาลซาเอลนี่แหละ เพิ่งจะผ่าตัดไปเมื่อวานแทนที่จะนอนพักผ่อนอยู่ที่ห้อง แต่นี่กลับบอกว่าจะไปโรงพยาบาลพร้อมกับเธอ ถ้าไปให้ทางโรงพยาบาลเช็คบาดแผลเธอจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่บอกว่าจะไปทำงานพร้อมกับไปแนะนำเธอให้รู้จักคุณหมอคนอื่นๆ ในฐานะเจ้าของโรงพยาบาล
“ไหวไหมคะท่านชีค ฉันว่าท่านน่าจะหยุดพักผ่อนดีกว่าไหม แค่ไปโรงพยาบาลแค่นี้ ฉันไปอิสลัมสองคนก็ได้”
คุณหมอสาวถามด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเป็นห่วงทันทีที่รถเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาล โดยมีคนสนิทอย่างอิสลัมเป็นสารภี
“แผลแค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอกน่า เมื่อเช้าคุณเป็นคนล้างแผล คุณก็น่าจะเห็นว่ามันไม่ได้ร้ายแรงหรือน่าวิตกกังวลอะไร และขอร้องเลยนะอยู่ข้างนอกอย่าเอ่ยถึงเรื่องแผลนี้เด็ดขาด”
ซาลซาเอลสั่งเสียงเข้ม อุรัสยาปรายตามองต้นแขนซ้ายที่อยู่ภายใต้ชุดกาลาไบยาสีน้ำตาลแล้วก็เห็นว่าทุกอย่างดูปกติ ถ้าเมื่อวานไม่เห็นกับตาว่าเขามีบาดแผลวันนี้เธอก็ดูไม่มรู้หรอก ร่วมไปถึงคนอื่นๆ ด้วย
“รู้หรอกค่ะว่าเรื่องนี้มันลับแค่ไหน ไม่อย่างนั้นท่านคงไม่กักตัวฉันไว้หรอกจริงไหมคะ”
“รู้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่ปากสว่าง”
คุณหมอสาวย่นจมูกใส่ชีคหนุ่มอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะสะบัดหน้าหนีออกไปมองบรรยากาศนอกตัวรถ เห็นแล้วซาลซาเอลก็ได้แต่แย้มพระสรวลขำและทรงคิดไปว่ามันก็น่ารักดี
ร่างบอบบางสมส่วนของคุณหมอสาวที่เดินเคียงคู่กับชีคซาลซาเอลและอิสลัมเข้ามาภายในโรงพยาบาลทำให้สามารถเรียกสายตาทั้งจากคนไข้และเหล่าพยาบาลได้เป็นอย่างดี และส่วนมากคงจะรู้จักชายหนุ่มดีว่าเป็นใครจึงต่างพากันลุกขึ้นทำความเคารพและทักทาย ด้วยสีหน้าที่ปลื้มปิติ และซาลซาเอลเองก็ดูไม่ถือตัวเขาทักทายกลับพร้อมถามสารทุกข์สุขดิบดูๆ ไปแล้วเขาก็ไม่ได้แตกต่างจากที่เคยได้ยินอิสลัมพูดเอาไว้เลยว่าเขาเป็นชีคที่ใจดีมีเมตตา ยกเว้นกับกับเธอคนเดียวหรือเปล่าที่เขาดูจะดื้อดึงเอาแต่ใจ
แม้จะคิดอย่างนั้น แต่ภาพตรงหน้าก็ทำให้เธอรู้สึกอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากรู้สึกดีถึงดีมากๆ และในระหว่างที่หญิงสาวมองเพลินๆ ก็มีเด็กชายคนหนึ่งร้องไห้งอแงวิ่งมาชนเข้ากับร่างสูงที่กำลังทักทายคนไข้อยู่อย่างจังจนเป็นผลให้ร่างเล็กนั้นล้มก้นจ้ำเบ้า
“ว๊าย! นาฮีด”
ผู้เป็นแม่กรีดร้องเสียงหลง แต่เมื่อเห็นหน้าคนที่ลูกชายของตนวิ่งชน นางก็รีบวิ่งไปประคองลูกชายพร้อมทั้งรีบละล้ำละลักขอโทษขอโพยชีคหนุ่มเป็นการใหญ่
“ข้าขอประทานโทษแทนลูกชายหม่อมฉันด้วยเพคะท่านชีค”
ชีคซาลซาเอลทรงไม่เพียงไม่กล่าวโทษ แต่กลับทรุดพระองค์ลงนั่งยองๆ ยกพระหัตถ์ไปโยกศีรษะเล็กของเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ พลางเอ่ยตรัสอย่างเอ็นดูว่า
“เป็นอะไรเราร้องไห้งอแงเชียว”
“กลัวหมอ”
เด็กน้อยบอกเสียงสะอึกสะอื้น มองหน้าชีคหนุ่มสลับกับคนเป็นแม่ ก่อนจะกวาดสายตามองไปที่คนอื่นๆ ที่มองมาอย่างสนใจใคร่รู้ด้วยสายตางงงวย
“กลัวหมอ”
ชีคหนุ่มทวนคำพลางเลิกพระขนงมองใบหน้ากลมที่เปื้อนคราบน้ำตาแ ล้วทรงสรวจเบาๆ ก่อนจะทรงหันไปตรัสถามผู้เป็นแม่ของเด็ก
“พาเด็กมาทำอะไร”
“มาถอนฟันเพคะท่านชีค แต่ก่อนจะถึงคิวมีเด็กคนหนึ่งเข้าไปก่อน และพอออกมาเด็กคนนั้นก็ร้องไห้จ้า ทำให้ลูกของหม่อมฉันเกิดอาการกลัว พอถึงคิวจะพาเข้าไปในห้องถอนฟัน ก็วิ่งหนีมาอย่างที่เห็นแหละเพคะ”
ชีคซาลซาเอลพยักพระพักตร์ ก่อนจะตรัสให้อิสลันพาอุรัสยาไปรอที่ห้องก่อน ส่วนพระองค์นั้นอาสาจะพาเด็กน้อยเข้าไปในห้องถอนฟันเอง
ตอนแรกเด็กน้อยทำท่าจะไม่ไป แต่พอซาลซาเอลก้มลงกระซิบตรัสบางอย่างเด็กน้อยก็มีสีหน้าลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะยอมเดินเคียงจูงมือชีคหนุ่มเข้าห้องทำฟัน โดยมีผู้เป็นแม่ของเด็กน้อยมองตามด้วยสายตาที่ปลาบปลื้มปิติ เพราะนางเองเคยได้ยินชื่อเสียงล่ำลือเรื่องความใจดีมีเมตตาของชีคซาลซาเอลมานาน แต่ก็ไม่เคยได้ประสบพบพานกับตัวเองเลยสักครั้ง พอมาวันนี้ได้ประจักษ์ด้วยตา นางจะไม่มีวันลืมวันนี้เลยชั่วชีวิต และขอสปฏิญาณตนว่าจะขอภักดีต่อชีคซาลซาเอลผู้นี้ตลอดไป
ทันทีที่เดินเข้ามาภายในห้องส่วนตัวหรืออีกนัยหนึ่งก็คือห้องทำงานของเจ้าของโรงพยาบาลอย่างชีคซาลซาเอล อุรัสยาที่ดูอัดอั้นอยากจะพูดอะไรสัก แต่ถ้าพูดต่อหน้าคนหมู่มากหรือเดินผ่านไปผ่านมาก็คงไม่ดีสักเท่าไหร่ก้เอ่ยปากขึ้นทันที
“นี่ถ้าฉันไม่เห็นกับตาฉันไม่เชื่อนะคะว่าชีคจอมดื้อดึงเอาแต่ใจอย่างท่านชีคซาลซาเอลจะเป็นชีคที่ใจดีมีเมตตาอย่างที่คุณเคยเอ่ยชม”
ได้ยินอย่างนั้นอิสลัมถึงกับหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“ชีคใจดีมีเมตตากับทุกคนครับ โดยเฉพาะกับเด็กท่านชีคจะใจดีเป็นพิเศษ คอยดูสิกลับมาท่านชีคต้องสั่งให้ผมไปหาอะไรสักอย่าง หลังจากหลอกล่อให้เด็กคนนั้นเข้าไปถอนฟันเพื่อแลกอะไรสักอย่างที่เด็กคนนั้นชอบ แต่กรณีของคุณหมอผมก็ทราบเหมือนกันนะครับว่าทำไมท่านชีคถึงกลายมาเป็นคนเอาแต่ใจ ทั้งที่ปกติชอบเป็นฝ่ายเอาใจสาวๆ มากกว่า”
“นั่นสิค่ะหรือฉันเป็นผู้หญิงที่หน้าตาอุบาศก์มากๆ ท่านชีคเลยไม่ปลื้ม สงสัยจะใช่แน่ๆ แต่ก็ดีแล้วล่ะค่ะ ถ้าเกิดปลื้มฉันขึ้นมาแล้วเอาไปเป็นนางในฮาเร็ม ฉันจะต้องแย่แน่ๆ”
อุรัสยาพูดพลางทำสีหน้าประกอบ ทำเอาอิสลันหัวเราะดังลั่นคับห้องอย่างชอบใจ ผิดกับเจ้าของร่างสูงที่เปิดประตูเข้ามาพอดีที่จะได้ยินหญิงสาวพูดถึงฮาเร็มของเขา
“แล้วคุณรู้ได้ไงว่าผมมีฮาเร็มคุณหมอซุ่มซ่าม”
อุรัสยาหันขวับมามองอย่างตกใจ และพอเห็นใบหน้าที่บึ้งตึงของคนต้นเสียงหญิงสาวก็ยิ้มแหยๆ แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าตอนท้ายชีคหนุ่มเรียกเธอว่าคุณหมอซุ่มซ่ามอีกแล้วจึงตีหน้าเรียบตอบกลับไปว่า
“กะ…ก็ฉันเคยได้ยินมาอย่างนั้นว่าชีคเนี่ยนะมีผู้หญิงในฮาเร็มเป็นร้อยเป็นพันๆ คน”
“อย่างนั้นเหรอ งั้นผมจะให้คุณเป็นหนึ่งในนางฮาเร็มเป็นร้อยเป็นพันของผมก็แล้วกัน”
“ไม่ได้นะ! ฉันไม่ยอม ไหนท่านแจ้งกับทางโรงพยาบาลว่าท่านจะจ้างฉันมาเป็นหมอก็เป็นแค่หมอสิคะ ทำไมต้องมาพวกตำแหน่งนางในฮาเร็มให้ฉันด้วย ฉันจะกลับ”
ว่าแล้วคุณหมอสาวก็หุนหันจะเดินออกจากห้อง เดือดร้อนคนกลางอย่างอิสลัมต้องรีบเข้าไปห้าม พลางมองชีคหนุ่มด้วยสายตาคล้ายกับถามว่าทำไมไม่บอกความจริงไปล่ะว่าไม่มีฮาเร็ม แต่ชีคหนุ่มกลับยักพระอังสาอย่างไม่หยี่ระ เพราะได้แกล้งคุณหมอสาววันล่ะจิตของเขาก็แจ่มใส
“ใจเย็นๆ ครับคุณหมอ ไม่มีเรื่องแบบนั้นแน่นอน ตอนนี้ผมว่าเราพาคุณหมอไปชมโรงพยาบาลและไปแนะนำตัวกับคุณหมอและพยาบาลคนอื่นๆ ดีกว่าไหมครับท่านชีค”
“ก็ดี ไปกันเลย”
ชีคซาลซาเอลพยักพระพักตร์เป็นเชิงเรียก ก่อนจะเดินนำออกไป และตามมาด้วยคุณหมอสาวที่ดูเหมือนยังคลางแคลงใจกับการที่ชีคหมนุ่มบอกว่าจะเอาเธอไปเป็นนางในฮาเร็มไม่หาย และอิสลัมเองก็สังเกตเห็นจึงบอกความจริงไปเพื่อความสบายใจของหญิงสาว
“คุณหมออย่าถือสาเลยนะครับ ท่านชีคแค่อยากแกล้งคุณเล่นเท่านั้นเอง”
“แกล้งเล่น ถ้าอย่างนั้นฮาเร็ม…”
“ไม่มีหรอกครับ”
สิ้นเสียงอิสลัมคุณหมอสาวถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีเรื่องที่สงสัยอีกเรื่องที่เพิ่งผุดขึ้นมาในหัว
“แล้วทำไมต้องแกล้งกันด้วยนะ”
“เรื่องนั้นผมว่ารบกวนคุณหมอไปถามท่านชีคเองดีกว่าไหมครับ”
อิสลัมบอกยิ้มๆ และนั่นทำให้อุรัสยาทำตาโต เพราะเพิ่งรู้ว่าตัวเองว่าหลุดปากพูดในสิ่งที่คิดออกมาโดยไม่รู้ตัว เธอหันมายิ้มเก้อเขินให้คนสนิทของชีคหนุ่ม ก่อนจะรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามร่างสูงใหญ่ที่เดินดุ่มอย่างไม่คิดจะรอใคร
ขณะที่อิสลัมได้แต่มองตามคนทั้งคู่แล้วส่ายหน้า ตอนนี้เขาไม่สามารถคาดเดาได้ว่าชีคซาลซาเอลจะเอาอย่างไรกับคุณหมอสาว รู้เพียงว่าชีคสนใจเธอเป็นพิเศษ และนั่นก็ถือเป็นนิมิตหมายอันดี เพราะตั้งแต่รู้จักและทำงานด้วยกันมาท่านชีคไม่เคยเป็นอย่างนี้กับผู้หญิงคนไหนเลย
อุรัสยาเดินชมโรงพยาบาลโดยมีไกด์กิตติมศักดิ์เป็นคนคอยแนะนำไปจนรอบพื้นที่กว้างขวาง ถึงตอนนี้นี่เองหญิงสาวจึงได้รู้ว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ค่อนข้างจะทันสมัยเอามากๆ เครื่องมือเครื่องไม้ครบครันจะขาดก็แต่บุคลากรเท่านั้น แต่คงไม่นานทุกอย่างที่นี้จะครบสมบูรณ์เพราะชีคซาลซาเอลบอกว่าเขากำลังติดต่อขอซื้อตัวคุณหมอมือดีจากหลายประเทศเพื่อให้มาทำงานที่นี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่แน่ว่าที่ติดต่อซื้อตัวไปจะมาทำงานที่นี้กันทุกคน
และหลังจากชมโรงพยาบาลจนสามารถรู้ได้ว่าห้องไหนคือห้องไหน ช่วงเวลาต่อจากนั้นชีคซาลซาเอลจึงพาเธอไปแนะนำทำความรู้จักกับคุณหมอและคนอื่นๆ จนเกือบครบ จะเหลือก็แต่คุณหมอการิบและทีมผ่าตัด ที่กำลังจะเตรียมตัวเข้าทำการผ่าตัด แต่ซาลซาเอลก็ขอเวลาเล็กน้อยเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักคุณหมอสาวคนใหม่
“คุณหมอการิบและทุกคน นี่คือคุณหมอคนใหม่ คุณหมออุรัสยา ชื่อเรียกยากไปหน่อยนะ คุณหมอฝีมือดีจากเมืองไทย”
แม้จะบ่นเรื่องชื่อเรียกยากเล็กน้อย แต่อุรัสยาก็รู้สึกดีขึ้นมากเล็กน้อยเหมือนกัน ที่พระองค์ทรงไม่แนะนำกับทุกคนว่าเธอคือคุณหมอซุ่มซาม ณ ประเทศไทย
“สวัสดีค่ะทุกคนยินดีที่ได้รู้จักนะคะ อุรัสยาหรือจะเรียกสั้นๆ ว่าหยาก็ได้ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ”
“ผมหมอการิบครับ”
หลังจากคุณหมอการิบแนะนำตัวทุกคนในทีมผ่าตัดต่างก็เรียงคิวแนะนำตัวกับคุณหมอคนใหม่อย่างตื่นเต้นดีใจ จนได้เวลาที่จะต้องเข้าห้องผ่าตัด คุณหมอการิบก็เอ่ยปากชวน
“คุณหมอหยาอยากพิสูจน์ฝีมือการผ่าตัดสักหน่อยไหมครับ”
“รายละเอียดของผู้ป่วยล่ะคะ”
อุรัสยาถามอย่างสนใจ ก่อนจะรับแฟ้มประวัติจากคุณหมอการิบมาเปิดดู ขณะที่หูก็ฟังรายละเอียดจากอีกฝ่ายไปพร้อมๆ กัน
“ดูประวัติรายที่ 3 ครับ เราจะผ่าบริเวณช่องท้อง เพราะผู้ป่วยมีก้อนเนื้อร้ายบริเวณลำไส้ใหญ่”
“โอเค ฉันจะร่วมในการผ่าตัดในครั้งนี้ค่ะ ขอเวลาเตรียมตัวและฆ่าเชื้อ อีก 15 นาทีเจอกันที่ห้องผ่าตัดค่ะ ขอตัวนะคะท่านชีค อิสลัม”
บอกก่อนจะผละออกไปเตรียมตัวเพื่อเข้าห้องผ่าตัด ซึ่งชีคซาลซาเอลได้แต่มองตามพลางส่ายพระเศียรอย่างไม่คิดว่าหญิงสาวจะบ้างานขนาดนี้ สมกับที่ผู้อำนวยการที่โรงพยาบาลที่เมืองไทยว่าไว้จริงๆ ว่าอุรัสยาเป็นคุณหมอที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่องานจริงๆ ถึงอย่างนั้นมีรอยยิ้มให้กับคนไข้เสมอ ดังนั้นคนไข้คนไหนที่เธอได้รักษา มักจะคำชมตอบกลับมาให้ได้ยินตลอด
“งั้นเราไปรอเธอที่ห้องดีกว่า”
‘รอ’ อย่างนั้นเหรอ อิสลัมเลิกคิ้วก่อนจะยักไหล่ยิ้มๆ แล้วรีบตามชีคหนุ่มออกไป แต่ก็ไม่วายที่จะถามเพราะข้องใจ
“เราจะรอคุณหมอเหรอครับ แต่ผมว่าท่านชีคกลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่าไหม เดี๋ยวตอนเย็นผมจะกลับมารับคุณหมออีกรอบเองดีกว่า”
ชีตซาลซาเอลโบกพระหัตถ์เป็นการปฏิเสธ
“ทันทีที่ยัยหมอซุ่มซ่ามออกจากห้องผ่าตัด เราถึงจะกลับ เธอต้องไปเตรียมตัว เพราะเย็นนี้ข้าจะพาเธอเข้าพบท่านพ่อ อย่างน้อยก็เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่าเธอคือใครเวลาเธอเดินไปเดินมาภายในวัง”
“แล้วท่านชีคจะแนะนำกับท่านชีคจารีว่าคุณหมอเข้ามาอยู่ในวังของท่านในฐานะอะไรหรือครับท่านชีค แขกคนพิเศษแล้วพิเศษแบบไหนหลายๆ คนคงสงสัย คงไม่เว้นแม้แต่ท่านชีคจารี และโดยเฉพาะท่านชีคคาทัลฟา ท่านอย่าลืมนะว่ายังไม่มีใครรู้ว่าท่านบาดเจ็บจากการโดนลอบยิงหรือจะรู้ข้าก็มิอาจทราบได้”
“เจ้าคิดอย่างนั้นเหรอ งั้นให้เธออยู่ในฐานะนางในฮาเร็มคนเดียวของข้าเป็นไง”
“ข้าได้แต่ภาวนาให้คุณหมอยอมนะครับ”
ได้ยินอย่างนั้น ชีคซาลซาเอลถึงกับพระสรวลออกมาอย่างชอบพระทัย และยิ่งคิดว่าถ้าพระองค์แนะนำหญิงสาวในฐานะนี้ต่อหน้าท่านพ่อและทุกคนในครอบครัวโดยไม่บอกกล่าวเธอก่อนอะไรจะเกิดขึ้น เธอจะรับสมอ้างหรือจะแหกหน้าเขาต่อหน้าทุกคน ชีคหนุ่มทรงคิดเล่นๆ พลางแย้มพระสรวล ก่อนจะปรับสีพระพักตร์ให้เคร่งขรึมเป็นงานเป็นการทันที่เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องทำงานส่วนพระองค์
“แต่ข้าว่าตอนนี้เรามีเรื่องสำคัญกว่าเรื่องของฐานะยัยคุณหมอซุ่มซ่าม ที่จะต้องคุยกันอยู่ใช่ไหมอิสลัม เอ้อ! ก่อนคุยเจ้าไปซื้อหุ่นยนต์แล้วเอาไปให้เด็กคนเมื่อครู่ด้วย ข้าบอกให้แม่ของเด็กรอรับของอยู่”
“ครับ”
การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดีทุกอย่างเป็นที่พอใจ ดังนั้นเมื่อออกจากห้องผ่าตัดคุณหมอสาวจึงขอตัว แต่เดินออกมาก็พบอิสลัมนั่งรออยู่หน้าห้อง คุณหมอสาวเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยว่าชายหนุ่มม่นั่งรอใคร รอเธอหรือ รอทำไม และไม่ให้ความสงสัยค้างค้าใจนานเธอจึงเดินเข้าไปทักอิสลัม
“ยังไม่กลับอีกเหรอคะ”
“ยังครับรอคุณหมออยู่ นี่เสร็จแล้วใช่ไหมครับ งั้นไปครับ ท่านชีครออยู่ที่ห้องทำงาน แล้วเราจะได้กลับกันเลย”
ว่าแล้วร่างสูงก็ยืดตัวยืนขึ้นเต็มความสูงและจะเดินนำไปโดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายเอ่ยปากพูดอะไรเลย เดือดร้อนคุณหมอสาวที่ต้องรีบก้าวยาวไปให้ทันแล้วถามอย่างงงงวย
“กลับ แต่มันยังไม่ได้เวลาเลิกงานเลยนะคะ”
“ยังหรอกครับ แต่เย็นนี้ท่านชีคจะพาคุณหมอเข้าพบท่านชีคจารีกับทุกคนในครอบครัว เลยต้องมีการเตรียมตัวนิดหน่อย”
“ก็ไหนท่านชีคบอกว่าไม่จำเป็นต้องพบใครไงคะ พบแค่ท่านชีคคนนี้คนเดียวก็พอ”
“นั่นมันเมื่อวานครับ ไปเถอะครับ ถ้าติดใจสงสัยอะไร คุณหมอค่อยไปถามท่านชีคเองดีกว่า ท่านน่าจะให้คำตอบที่ดีได้”
“อ๋อ ค่ะ”
อุรัสยารับคำอย่างเข้าใจอะไรง่ายๆ คล้ายกับไม่คิดอะไร แต่พอคิดว่าจะได้เข้าพบท่านชีคผู้ปกครองรัฐคูเวอร์แล้วความตื่นเต้นเมื่อยามก่อนได้พบชีคซาลซาเอลก้ก่อตัวกลับเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้รู้สึกจะทวีขึ้นเป็นเท่าตัวกันเลยทีเดียว
อุรัสยาหันไปมองชีคซาลซาเอลกับบรรยากาศนอกรถสลับกันไปมาอยู่นานจนแน่ใจว่าไม่ใช่เส้นทางที่ผ่านมาเมื่อเช้า แม้จะเพิ่งเคยผ่านเพียงครั้งเดียวแต่เธอก็จำได้ดี
“เราจะยังไม่กลับเหรอคะ หรือว่าเปลี่ยนเส้นทาง”
“เราจะไปเดินตลาดกันหรือคุณไม่อยากไป”
ชีคหนุ่มตรัส ก่อนจะกลั้นพระสรวลเอาไว้แทบไม่อยู่ เมื่อคุณหมอสาวที่ดูจะสนใจนอกตัวรถมากกว่าคนในรถรีบหันกลับมาตอบรับทันควัน
“ไปค่ะไป เมื่อวานนั่งรถผ่านฉันยังคิดไว้เลยนะคะว่าว่างๆ จะมาลองมาเดินดู แต่ไม่คิดว่าจะได้มาไวกว่าที่คิด แถมมากับท่านชีค คราวนี้แหละเวลาซื้อจะได้ต่อราคาได้เยอะๆ หน่อย”
ว่าพลางทำท่าถูไม้ถูมือ และกิริยาอย่างไม่มีจริตของหญิงสาวก็ทำให้ชีคซาลซาเอลพระสรวลออกมาสุรเสียงดังอย่างอดไว้ไม่ได้
“หัวเราะอะไรคะ”
“ผมเพิ่งรู้ว่าการที่คุณยอมไปเดินตลาดพร้อมผมจะมีนัยยะแอบแฝง”
“ก็นิดหนึ่งค่ะ”
อุรัสยาบอกพลางยิ้มเขิน ก่อนจะทำน้ำเสียงตื่นเต้นเมื่อเห็นความคึกคักของตลาดอยู่ไม่ไกล
“อุ๊ย! นั่นไงจะถึงแล้วใชไหมคะ”
“ครับ”
เท่านั้นคุณหมอสาวก็ค้นกระเป๋าเอาฮิญาบที่เธอพกมันติดตัวตลอดขึ้นมาคลุมศีรษะ ซาลซาเอลเห็นแล้วก็ได้แต่ถามอย่างแปลกใจว่า
“นี่คุณพกฮิญาบมาด้วยเหรอ ที่จริงคุณไม่ต้องคลุมก็ได้
“ไม่เอาหรอกค่ะ ฉันไม่อยากเป็นอะไรที่แปลกแยก และฉันคิดว่าจะมาซื้ออีกสักสี่ห้าผืนจะใช้ผืนนี้แค่ผืนเดียวคงไม่ดีสักเท่าไหร่ เดี๋ยวคนเดินผ่านจะทนกลิ่นไม่ไหว”
บอกเสียงกลั้วหัวเราะและเป็นจังหวะเดียวกับมาถึงตลาดพอดี เมื่อรถจอดสนิทอุรัสยาก็ไม่รอช้ารีบลงจากรถอย่าวตื่นเต้น เพราะด้วยอาชีพคุณหมอทำให้ไม่มีเวลาว่างมากนักที่จะพาตัวเองไปเที่ยวในต่างแดน
“ตลาดคึกคักดีนะคะ”
“เดินเข้าไปข้างในยิ่งจะคึกคักกว่านี้ ที่นี่คือศูนย์รวมของชาวบ้าน พูดง่ายๆ คุณสามารถเห็นคนทุกประเภทได้ที่นี้”
ชีคซาลซาเอลทรงอธิบาย ขณะที่อุรัสยาฟังไปกวาดสายตามองไปรอบอย่างตื่นเต้น และเป็นอีกครั้งที่มีเสียงทักทายดังมาจากพ่อค้าขายตลอดทางที่เธอกับชีคหนุ่มเดินผ่าน
“ท่านชีค ท่านชีคซาลซาเอลจริงๆ ด้วย มาช็อปปิ้งเหรอเพคะ”
แม่ค้านางหนึ่งเอ่ยทักพร้อมกับทำความเคารพ อย่างเช่นทุกครั้งที่ชีคซาลซาเอลรัชทายาทอันดับสองของรัฐคูเวอร์ทรงมาเดินตรวจตราที่ตลาด
“พ่อค้าแม่ค้าที่นี้ดูสนิทกับท่านดีจังเลยนะคะ”
“ผมมาที่นี่ทุกอาทิตย์ มาเดินตรวจตราและเดินซื้อของด้วยเล็กๆ น้อยๆ เรื่อยเปื่อยตามประสา”
ชีคหนุ่มพูดจบอุรัสยาก็หัวเราะคิก พระองค์ตรัสเหมือนไม่ได้มาทำงาน แต่เป็นเพียงชายหนุ่มรูปงามธรรมดาๆ คนหนึ่งที่มาหาซื้อของถูกใจที่ตลาด และการมาครั้งนี้เธอก็แน่ใจว่าชีคซาลซาเอลมาตรวจตราตลาดประจำอาทิตย์อย่างที่ได้บอกกับเธอก่อนหน้านั้น
“ท่านขยันดีนะคะ การลงมาดูมาเห็นอะไรด้วยตาตัวเองมันจะสามารถทำให้เราทราบถึงสิ่งที่ชาวบ้านต้องการ และเท่าที่เดินดูตลาดที่นี่ดูพัฒนามากอยู่นะคะ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีกลิ่นอายวัฒนธรรมตลาดแบบเก่าๆ อยู่”
“สิ่งไหนที่ควรพัฒนาเราก็จะพยายามพัฒนาไม่ให้ล้าหลังจนเกินไป แต่สิ่งไหนควรเก็บรักษาเราก็คงไว้พร้อมกับบบูรณะหักเกิดความเสียหาย”
“ฉันชอบแนวคิดนี้นะคะ โอะ! กำไลแขนสวยจังเลย ขอเวลาเลือกซื้อแป๊บหนึ่งนะคะ”
ขออนุญาตเสร็จหญิงสาวก็ปลีกตัวตรงไปที่ร้านแฮนด์เมด ซึ่งมีเครื่องประดับอยู่หลายชนิด แต่ที่ถูกใจคุณหมอสาวที่สุดก็คงเป็นกำไลแขน ที่มีอยู่หลากหลายแบบให้เลือก คุณหมอสาวยืนจับยืนจ้องอยู่นานก็ได้กำไลที่มีระย้าต่อไปเป็นแหวนมาสามอันและทั้งสามอันนั้นก็มีแบบและสีที่แตกต่างกันไป เธอลองใส่แล้วถอดถอดแล้วใส่อยู่อย่างนั้นหลายรอบ แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าสีไหนเหมาะกับตัวเอง จนกระทั่ง…
“ผมว่าสีนี้เหมาะกับคุณนะ”
ชีคหนุ่มหยิบกำไลต่อแหวนที่มีเม็ดพลอยสีแดงมาสวมให้กับหญิงสาว ก่อนจะหันไปจ่ายเงินให้กับแม่ค้าที่ยิ้มหน้าบาน
“ขอบพระคุณเพคะท่านชีค”
“เอ่อ…ฉันเองก็ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ มันเป็นของชิ้นแรกที่ได้จากที่นี่แถมได้จากคนที่ชาวรัฐคูเวอร์รักและเคารพ ฉันเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดีค่ะ”
บอกก่อนจะยกมือของตัวเองขึ้นมาดูอย่างพอใจ แล้วแอบคิดเล่นๆ ว่าถ้าเธอใส่ชุดอาหรับราตรีเข้าไปนี่เป็นนางรำได้เลยนะเนี่ย โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าชีคซาลซาเอลที่ซื้อของชิ้นแรกให้เธอมีสีพระพักตร์เช่นไร
*****************************************
ขอบคุณทุกคอมเม้นทุกโหวตนะคะ ^_^
* ขอแจ้งเกี่ยวกับการอัพนิยายเรื่องนี้นะคะว่าจะอัพแค่ 70 % เท่านั้น

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 พ.ค. 2555, 13:14:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 พ.ค. 2555, 13:14:11 น.
จำนวนการเข้าชม : 5733
<< ตอนที่ 1 : ประเดิม |

หมูอ้วน 13 พ.ค. 2555, 13:56:12 น.
ท่านชีคเขินอ่ะป่าวอ่ะค่ะ
ท่านชีคเขินอ่ะป่าวอ่ะค่ะ

panon 13 พ.ค. 2555, 14:49:52 น.
อยากรู้พระพักตร์ชีคเป็นเช่นไร
อยากรู้พระพักตร์ชีคเป็นเช่นไร


