มนตราปฏิพัทธ์
เมื่อหัวหน้าที่เคารพรักของร้อยตำรวจเอกแพททริคถูกฆาตกรรมปริศนา อีกทั้งยังไม่มีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอันเพื่อสาวไปถึงตัวฆาตกรได้ แก๊งสี่ตำรวจหนุ่มจะทำอย่างไร
ขณะที่ความเครียดต่างๆ โหมเข้าหา... เขาก็ได้เจอเธออีกครั้ง แพรวนภัส... หญิงสาวที่จากกันไปหลายปี ผู้ซึ่งทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงทุกครั้งที่ได้พบกัน ความปฏิพัทธ์ที่เริ่มก่อตัวเมื่อหลายปีก่อน...ได้หวนกลับมาอีกครั้ง
ทว่าความสวยของเธอก็ทำให้ใครต่อใครตกหลุมรัก รวมไปถึงลูกชายมาเฟียขาใหญ่
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ติดตามอ่านกันได้จ้า ^^
ขณะที่ความเครียดต่างๆ โหมเข้าหา... เขาก็ได้เจอเธออีกครั้ง แพรวนภัส... หญิงสาวที่จากกันไปหลายปี ผู้ซึ่งทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงทุกครั้งที่ได้พบกัน ความปฏิพัทธ์ที่เริ่มก่อตัวเมื่อหลายปีก่อน...ได้หวนกลับมาอีกครั้ง
ทว่าความสวยของเธอก็ทำให้ใครต่อใครตกหลุมรัก รวมไปถึงลูกชายมาเฟียขาใหญ่
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ติดตามอ่านกันได้จ้า ^^
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทนำ
ท่ามกลางความมืดในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด ไร้ผู้คน ไม่มีแม้กระทั่งเสียงเพลงราตรีจากเหล่าแมลงกลางคืน มีเพียงแสงจันทร์ที่อาบไล้ไปตามท้องถนนและแสงนีออนจากเสาไฟฟ้าริมทาง
สายลมอ่อนๆ พัดพากลิ่นทะเลโชยมา เกลียวคลื่นตามแนวชายฝั่งเคยนิ่งสงบในเวลากลางวัน บัดนี้กลับโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง
อาคารชั้นเดียวที่ไม่ได้ถูกใช้งานมานาน ตั้งห่างจากท่าเรือราวสามกิโลเมตร ภายในมีตู้คอนเทนเนอร์หลายตู้ถูกปล่อยทิ้งไว้จนสนิมเกาะ
เยื้องมาทางด้านหน้ามีบ้านไม้หลังน้อยใหญ่ถูกสร้างขึ้นเรียงรายตามพื้นคอนกรีตริมทะเล หากมองจากภายนอกก็จะสังเกตเห็นว่า มีเพียงหลังเดียวเท่านั้นที่มีแสงสว่างลอดออกมาตามรอยแยกของแผ่นไม้
เสียงพูดคุยจากคนจำนวนหนึ่งภายในบ้านไม้หลังนั้นดังขึ้นลงตามอารมณ์ของผู้พูด ทันใดนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงโกลาหล
ก่อนจะตามมาด้วยเสียง...
ปัง !
เสียงลั่นไกปืนดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่มีเพียงหลอดไฟเก่าดวงเดียวให้แสงสว่างรำไรไม่ต่างจากแสงเทียนมากนักห้อยลงมาจากเพดาน พร้อมๆ กับร่างของใครคนหนึ่งล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง
ความรู้สึกชาวาบเปลี่ยนเป็นความเจ็บแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่าง ริมฝีปากที่อ้าค้างไว้หมายจะพูดโต้ตอบออกไป กลับกลายเป็นเสียงครางด้วยความเจ็บปวด มือที่ไร้เรี่ยวแรงค่อยๆ ยกขึ้นมาแตะบริเวณหน้าอกด้านซ้าย เขาสัมผัสได้ถึงของเหลวอุ่นข้นที่ค่อยๆ ไหลออกมาจากรอยกระสุนที่เจาะทะลุเนื้อเข้าไป
คงเหลือเวลาอีกไม่นานสินะ....
เขาร่ำไห้ในใจ เขายังไม่อยากตาย อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปนานๆ ที่ว่ากันว่าความแน่นอนในชีวิตคือความไม่แน่นอน ในเวลานี้เขาเข้าใจมันอย่างถ่องแท้
เสียงหัวเราะประสานดังขึ้นสะท้อนทั่วทั้งห้อง ราวกับเสียงบรรเลงของมัจจุราชสีดำที่ขับขานอยู่รอบตัว
ลมหายใจของเขาเริ่มรวยริน รู้สึกได้ถึงร่างกายทุกส่วนที่เริ่มหนักอึ้ง
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เขาไม่อยากโทษใคร...
น้ำตาร้อนๆ ของลูกผู้ชายเริ่มไหลรินลงมาข้างแก้มสาก เมื่อนึกถึงครอบครัวเล็กๆ ที่ไม่มีโอกาสจะได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว
ความรู้สึกหนักอึ้งในคราแรก บัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นเบาหวิว... ร่างกายเริ่มไร้ความรู้สึก
เขารู้สึกหนาวยะเยือกไปถึงกระดูก ความมืดมิดเริ่มแผ่คลุมไปทั่ว ภาพเบื้องหน้าเริ่มเลือนลางไปทุกขณะ...
ความตายคงกำลังค่อยๆ คืบคลานเข้ามาใกล้เขาทุกวินาที...
เขายิ้มเมื่อมโนภาพของลูกสาวที่น่ารักและภรรยาโผล่ขึ้นมาอีกหน บางที... ความตายอาจจะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดก็เป็นได้
ถ้าหากชาติหน้ามีจริง ขอให้เราเกิดมาเป็นครอบครัวเดียวกันอีก...เขาภาวนา ก่อนที่สติสัมปชัญญะและลมหายใจสุดท้ายจะหมดไปพร้อมกับสายใยบางๆ ที่ล่องลอยออกจากร่างที่นอนแน่นิ่ง...
สายลมอ่อนๆ พัดพากลิ่นทะเลโชยมา เกลียวคลื่นตามแนวชายฝั่งเคยนิ่งสงบในเวลากลางวัน บัดนี้กลับโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง
อาคารชั้นเดียวที่ไม่ได้ถูกใช้งานมานาน ตั้งห่างจากท่าเรือราวสามกิโลเมตร ภายในมีตู้คอนเทนเนอร์หลายตู้ถูกปล่อยทิ้งไว้จนสนิมเกาะ
เยื้องมาทางด้านหน้ามีบ้านไม้หลังน้อยใหญ่ถูกสร้างขึ้นเรียงรายตามพื้นคอนกรีตริมทะเล หากมองจากภายนอกก็จะสังเกตเห็นว่า มีเพียงหลังเดียวเท่านั้นที่มีแสงสว่างลอดออกมาตามรอยแยกของแผ่นไม้
เสียงพูดคุยจากคนจำนวนหนึ่งภายในบ้านไม้หลังนั้นดังขึ้นลงตามอารมณ์ของผู้พูด ทันใดนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงโกลาหล
ก่อนจะตามมาด้วยเสียง...
ปัง !
เสียงลั่นไกปืนดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่มีเพียงหลอดไฟเก่าดวงเดียวให้แสงสว่างรำไรไม่ต่างจากแสงเทียนมากนักห้อยลงมาจากเพดาน พร้อมๆ กับร่างของใครคนหนึ่งล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง
ความรู้สึกชาวาบเปลี่ยนเป็นความเจ็บแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่าง ริมฝีปากที่อ้าค้างไว้หมายจะพูดโต้ตอบออกไป กลับกลายเป็นเสียงครางด้วยความเจ็บปวด มือที่ไร้เรี่ยวแรงค่อยๆ ยกขึ้นมาแตะบริเวณหน้าอกด้านซ้าย เขาสัมผัสได้ถึงของเหลวอุ่นข้นที่ค่อยๆ ไหลออกมาจากรอยกระสุนที่เจาะทะลุเนื้อเข้าไป
คงเหลือเวลาอีกไม่นานสินะ....
เขาร่ำไห้ในใจ เขายังไม่อยากตาย อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปนานๆ ที่ว่ากันว่าความแน่นอนในชีวิตคือความไม่แน่นอน ในเวลานี้เขาเข้าใจมันอย่างถ่องแท้
เสียงหัวเราะประสานดังขึ้นสะท้อนทั่วทั้งห้อง ราวกับเสียงบรรเลงของมัจจุราชสีดำที่ขับขานอยู่รอบตัว
ลมหายใจของเขาเริ่มรวยริน รู้สึกได้ถึงร่างกายทุกส่วนที่เริ่มหนักอึ้ง
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เขาไม่อยากโทษใคร...
น้ำตาร้อนๆ ของลูกผู้ชายเริ่มไหลรินลงมาข้างแก้มสาก เมื่อนึกถึงครอบครัวเล็กๆ ที่ไม่มีโอกาสจะได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว
ความรู้สึกหนักอึ้งในคราแรก บัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นเบาหวิว... ร่างกายเริ่มไร้ความรู้สึก
เขารู้สึกหนาวยะเยือกไปถึงกระดูก ความมืดมิดเริ่มแผ่คลุมไปทั่ว ภาพเบื้องหน้าเริ่มเลือนลางไปทุกขณะ...
ความตายคงกำลังค่อยๆ คืบคลานเข้ามาใกล้เขาทุกวินาที...
เขายิ้มเมื่อมโนภาพของลูกสาวที่น่ารักและภรรยาโผล่ขึ้นมาอีกหน บางที... ความตายอาจจะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดก็เป็นได้
ถ้าหากชาติหน้ามีจริง ขอให้เราเกิดมาเป็นครอบครัวเดียวกันอีก...เขาภาวนา ก่อนที่สติสัมปชัญญะและลมหายใจสุดท้ายจะหมดไปพร้อมกับสายใยบางๆ ที่ล่องลอยออกจากร่างที่นอนแน่นิ่ง...

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 พ.ค. 2555, 13:39:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 พ.ค. 2555, 13:42:08 น.
จำนวนการเข้าชม : 1276
บทที่ 1 หัวใจติดปีก >> |